คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : เรื่องราวของนักล่าผู้อ่อนแอกับประมุขของแวมไพร์ [WonHyuk special]
Dairy of Vampire Hunter [WonHyuk special]
ย้อนกลับไปก่อนที่บ้านจะถูกปลดเวทย์คุ้มครองออก...
ผมกำลังคิดว่าจะลงมือฆ่าแวมไพร์พวกนี้ก่อนแล้วค่อยหนีพาเยซองไปรักษาจะดีมั้ย
“ถ้าเจ้าเล่นตุกติก ฉันขอบอกเลยว่า ซองมินอาจจะเปลี่ยนใจ ไม่เก็บชีวิตของคยูฮยอนไว้เหมือนเดิมแน่ๆ” อึนฮยอกขู่ เหมือนว่าพวกเขาจะไม่มีช่องว่างให้ผมได้ขยับได้เลย คยูก็ยังถูกเวทย์ของซองมินตรึงไว้อยู่ยังกลอกลูกตาเลิกลั่กๆ
“เร็วๆเข้า!! ถ้าเลือดของเยซองแข็งตายจริงๆ ข้าจะไม่ให้อภัยพวกเจ้าเด็ดขาด” เรียวอุคโวยวายขึ้นมา เตือนสติผม ผมหันมองเยซองที่ดูซีดลงและเริ่มตัวแข็งๆ
ถึงผมจะขัดใจที่จะเปิดทางและนำข้าศึกเข้าบ้านอย่างไม่ค่อยเต็มใจ แต่ก็ไม่เสี่ยงให้คยูกับเยซองเสี่ยงตายเป็นอันพอรับได้ ชีวอนคิดในใจ แน่นอนว่า อึนฮยอกนั่นสามารถอ่านได้ทุกความคิด
.
.
.
ตอนนี้ทุกคนเข้ามาในบ้านแล้วผมปิดประตูก่อนที่จะเดินเข้าไปในห้องรับแขก เรียวอุควางเยซองลงบนโซฟา ก่อนจะกุมมือแล้วท่องคาถาอะไรสักอย่าง คยูฮยอนถูกซองมินลากตัวออกไปทางห้องครัวแล้ว และอีกบุคคลหนึ่งที่จ้องมองผมตลอดตั้งแต่ปรากฏตัวขึ้นมา
“อึนแจ ไม่สิ ... อึนฮยอก เพื่อนเธอกำลังคิดจะทำอะไรกับเพื่อนผม” ไม่รู้สิ ผมรู้สึกโมโหมากนะว่าจู่ๆก็โผล่กันมาล่อพวกเราออกไปข้างนอกแล้วฆ่าเยซองต่อหน้าต่อตา แต่ทำไมผมมองหน้าแวมไพร์ตนนี้แล้ว ความโกรธมันจางหายลงไปมาก
อึนฮยอกมองเรียวอุคกับเยซองก่อนจะจับมือของผมแล้ว เดินออกจากห้องรับแขกขึ้นไปทางบันได ระหว่างผ่านห้องครัว ผมแอบหันไปเห็นซองมินกับคยูยืนจ้องหน้ากันนิ่งๆ แต่ถ้าตาผมไม่ฝาด ผมแอบเห็นน้ำตาของซองมินด้วย โอ้ยนี่มันเรื่องบ้าอะไรก็เนี่ย ทำไมต้องมีเรื่องวุ่นวายอะไรกันวันนี่เนี่ย อุตส่าห์ได้หยุดยาวทั้งที ก็มีแวมไพร์บุกมาถึงบ้านแถมยังขอร้อง(แกมข่มขู่) ให้ตามไปไหนๆด้วยเนี่ย
“อย่าพูดมากนักเลยชีวอน เกิดมากี่ชาติก็ปากมากตลอด เฮ้อ ฉันละเหนื่อยใจจริงๆ” แวมไพร์อึนอยอกนี่ก็รู้ทันผมตลอดๆ อะไรเนี่ย แล้วก็พูดเหมือนเราเคยรู้จักกัน
“นายเคยรู้จักฉันด้วยเหรอไง ถามจริง ชาติก่อนฉันทำอะไรนายหรอ เคยแอบแย่งตุ๊กตานาย หรือว่า ฉันแอบปีนเข้าไปขโมยของบ้านนาย ... หรือว่าฉันแอบดูนายเข้าห้องน้ำ”
อึนฮยอกหันกลับมาแยกเขี้ยวใส่ผม “นี่นาย เลิกพูดจาไร้สาระได้แล้ว” ใบหน้ารั้นแถมแก้มแดงจางๆรวมกับริมฝีปากเล็กสีแดงสดตัดกับผิวขาวซีด เอ่อ...ผมว่ามันก็น่ารักดีนะ ^^
เหมือนอึนฮยอกจะอ่านใจผมออก หน้าของเขาแดงขึ้นเป็นเท่าตัวราวกับทีชีวิต ร่างบางก้าวผ่านบันไดขั้นสุดท้าย ขึ้นมาบนห้องใต้หลังคา ผมตามขึ้นมาติดๆ
บรรยากาศที่เงียบสงบ ผมกับอึนฮยอกยืนนิ่งสักพัก ผมได้ยินเสียงลมหายใจแบบขัดๆ ร่างของแวมไพร์เคลื่อนไปที่หน้าต่างเพียงบานเดียวในห้อง แสงจากดวงจันทร์วันเพ็ญทำให้ผมเห็นเสี้ยวหน้าของเขาก่อนที่ผมจะรู้สึกตัวว่าจ้องใบหน้าสวยๆนั่นนานเพียงใด อึนฮยอกก็พูดขึ้นมาในความเงีบย
“ฉัน...เคยเป็นนักล่าแวมไพร์มาก่อน เหมือนกับที่เรียวอุคกับซองมินเคย เรากลายเป็นแวมไพร์เพราะงานของเราผิดพลาด เรามารวมตัวกันได้ เพราะเราทั้งสามคน ต่างก็ถูกไล่ล่า และขับไล่จากทั้ง มนุษย์และแวมไพร์ด้วยกันเอง... ฉันถึงต้องเปลี่ยนชื่อของฉัน ชื่อเดิมของฉันเมื่อ 180 ก่อน ...คือ ลี ฮยอกแจ”
“ฮ่ะ!!!” อะไรกัน แวมไพร์ที่ยืนอยู่ต่อหน้าผมนี่ เคยเป็นนักล่าแวมไพร์ที่ชื่อ ฮยอกแจ?? ลี ฮยอกแจ นักล่าแวมไพร์คนแรกและคนเดียวในประวัติศาสตร์ที่สามารถลอบสังหาร องค์ราชาแห่งแวมไพร์ในยุคนั้น ไม่มีนักล่าคนไหนที่ไม่เคยได้ยินชื่อของเขา คนเดียวกันจริงๆเหรอ
อึนฮยอก หรือ ฮยอกแจ เอ่ยขึ้นท่านกลางความเงียบ “ไม่ต้องแปลกใจหรอก เมื่อก่อนฉันก็ไม่ได้เก่งกล้าสามารถอะไรอย่างที่พวกนายเคยได้ยินมาหรอก ฉันมันก็แค่นักล่าที่อ่อนแอคนหนึ่ง ”
“ไม่จริง ท่านแค่เข้าไปในเขตพระราชวังของท่านเคาท์แดร็กคูล่า ได้ถือว่าเป็นยอดของนักล่าแล้วท่านเก่งมากเลยนะรู้ไหม” ผมรู้สนแปลกใจระคนดีใจ เมื่อไอดอลนักล่าแวมไพร์คนที่ตราตรึงใจผมที่สุด มายืนอยู่ตรงหน้าของผมแล้ว
ฮยอกแจทำเหมือนไม่ได้ยินที่ผมเอ่ยชม แล้วก็พูดต่อด้วยเสียงราบเรียบ “หลังจากที่ฉันฆ่าท่านเคาท์ได้ และแปลสภาพกลายเป็นแวมไพร์ ฉันจึงกลายมาเป็นคนร้ายที่ถูกต้องการตัวมากที่สุดจากโลกของแวมไพร์ และฉันเองก็ไม่สามารถเข้าไปอยู่กับเหล่ามนุษย์เช่นเคยได้ ” ผมเริ่มรู้สึกสงสารแวมไพร์ตนนีขึ้นมาอย่างจับใจ
จู่ๆฮยอกแจยืนขึ้นและก้าวเดินมายืนต่อหน้าของผม นิ้วเรียวเย็นเฉียบนั้นเกลี่ยผมที่ปรกหน้าผมออก ใจผมเต้นแรงขึ้นแบบไม่รู้ตัว “รู้อะไรมั้ย ฉันเพิ่งรู้ว่า ในทุกๆดวงตาของราชวงศ์แวมไพร์ จะมีแม่ของเราอยู่”
ผมเริ่มสงสัย จึงถามออกไปว่า “หมายความว่าอะไร” ฮยอกมองลึกเข้าไปในดวงตาผมผมเองก็เช่นกัน ในแววตาสีเทาของแวมไพร์ตนนี้ช่างมีเสน่ห์อะไรเช่นนี้
“ แวมไพร์อย่างเรา ที่เกิดจากการกัดของของแวมไพร์ตัวก่อนหน้า จะพันธะระหว่างกัน ไม่ว่าจะกี่ร้อยชาติภพ เราก็จะหาร่างที่เคยเป็นแวมไพร์ที่กัดเราได้จากสัญชาติญาณดิบของเราเอง ... โดยแวมไพร์ของราชวงศ์เองก็จะมีอะไรพิเศษที่ง่ายกว่าการจำรอยแผลเป็นหรือกลิ่น นั่นคือ ดวงตา ดวงตาของพวกเขาเหล่านั้นจะมีดวงจันทร์ มารดาของเหล่าแวมไพร์ส่องประกายในทุกๆค่ำคืน ท่านเคาท์แดร็กคูลาที่10 คนที่ฉันเคยเห็นก็มี ... นายก็มีเหมือนกับเขาคนนั้น... ดวงตาของนาย เหมือนกับคนที่เปลี่ยนฉันเมื่อร้อยแปดสิบปีที่ผ่านมา ”
.
.
.
เมื่อ 180ปีก่อน
ท่ามกลางป่ารกร้างที่เป็นที่อาศัยของสิ่งสาราสัตว์ต่างๆ ชายคนหนึ่งเดินออกมาจากพุ่มไม้ ในมือของเขามีสัญลักษณ์แสดงตัวตน ว่าเป็นนักล่าแวมไพร์
"ฮยอกแจ ดูนั้นสิ นั่นไงปราสาท" เสียงของชายคนนั่นตะโกนดังลั่นจนชายอีกคนที่อยู่บนต้นไม้ถึงกับทิ้งตัวลงมาตระครุบปากเพื่อนตัวแสบคนนี้ทันที
"ลี ทงเฮ!!! เลิกทำตัวกระโตกกระตากเถอะ ข้าชักจะปวดหัว" ฮยอกแจกระโดดขี่หลังชายที่ชื่อทงเฮ ก่อนจะมองขึ้นไปบนภูเขาลูกนั่น ปราสาททมิฬตั้งอยู่บนนั่น เป็นที่พำนักหลักของท่านเคาท์แดร็กคูล่า ราชาแห่งแวมไพร์
ทั้งสองเพื่อนรักเพื่อนสนิท นับได้ว่าตัวติดกันแทบตลอดเวลา ได้ท้าทายอำนาจมืด ลองเสี่ยงดวงเข้ามาในเขตของแวมไพร์จนหลงมาพบกับปราสาทของประมุขแห่งแวมไพร์
"ดงเฮอ่า ฉันว่าเราเข้ามาใกล้แค่นี้ก็เกินพอแล้วนะ เรากลับกันไม่ดีกว่าเหรอ ท่านเคาท์เขาก็ไม่ได้มาวุ่นวายในเมืองเรานี่ อย่าไปยุ่งกับเขาเลย นะน้าา ฮยอกขอร้องแหละ" ฮยอกแจเขย่าแขนทงเฮ อย่างอดอ้อน และส่วนหนึ่งคือกลัว กลัวว่าเพื่อนคนรักคนนี้จะวู่วามจนเป็นอันตราย
"เอาหน่าฮยอก อุตส่าห์เข้ามาเห็นปราสาทแล้ว ลองไปยลโฉมหน้าหัวหน้าพวกตัวประหลาดหน่อยจะเป็นอะไรไป" แต่ถึงจะเตือน ฮยอกก็รู้ดีว่า เมื่อทงเฮต้องการจะทำอะไร โลกทั้งใบก็ไม่สามารถหยุดไว้ได้ จึงทำได้แต่ตอดตามทงเฮไปด้วยความหวาดกลัวในใจ
ในทุกๆฝีก้าวที่ทงเฮย่างใกล้ตัวปราสาทนั้น ท้องฟ้าก็ค่อยๆมืดลงทุกขณะ หมอกจากตีนเขาที่จางๆ ก็หนาตัวขึ้นเมื่อขึ้นสูงขึ้น จนมองไม่เห็นทางเดิน
"เฮ เราพักกันก่อนเถอะ หมอกขนาดนี้ เรามองไม่เห็นทางแน่ มืดแล้ว เดี๋ยวพวกแวมไพร์จะเริ่มออกหากินแล้วนะ" ทงเฮจึงตัดสินใจหยุดเดิน
ค่ำคืนนั้น ฮยอกนอนอยู่บนกิ่งไม้กิ่งหนึ่งคอยส่องสายตาหาทงเฮที่ไต่ไปตามกิ่งไม้แต่ละกิ่งด้วยแรงที่เหลือเฟือ ถึงจะรู้ว่าทงเฮเป็นคนที่ดวงแข็งที่สุดเท่าที่เคยเจอมา แต่มันก็อดห่วงไม่ได้ และบรรยากาศวันนี้ มันตะหงิดๆชอบกล
ทงเฮเป็นนักล่าแวมไพร์ที่เรียกได้ว่า เก่งและกล้าที่สุดในรุ่น และยังเป็นคนที่แอ็กทิฟ ตลอดเวลา ซึ่งแทบจะตรงข้ามกับฮยอกแจทุกประการ แต่ทงเฮเองก็มีอดีตที่โหดร้ายมาตามหลอกหลอน เกี่ยวกับ ภาพของแม่ที่ถูกแวมไพร์ฆ่าไปต่อหน้าต่อตา ด้วยความแค้นส่วนตัว จึงเป็นเหตุผลหลัก ที่เรา2คนบุกรุกเข้ามาในเขตแวมไพร์
ดวงจันทร์สีเงินส่องแสงสว่างผ่านหมอกเมฆที่บางเบา ระหว่างที่นักล่าสองคนกำลังหลับสนิท เสียงสวบสาบจากต้นไม้ใกล้ๆ ปลุกฮยอกแจให้ตื่น ฮยอกแจผิวปาก เป็นสัญญาณให้ทงเฮตื่น
"อืมมม... อะไรฮยอก มีอะไรเหรอ"
"ทงเฮ เงียบๆ มีอะไรบ้างอย่างตามเรามา"
"ฮยอก! ระวัง!" สิ้นเสียงตื่นตกใจ ของทงเฮ เสียงคล้ายปีกใหญ่กระพือก็ดังขึ้นและโฉบร่างของฮยอกแจขึ้นไป
"เฮ้ย! ปล่อยข้า ปล่อยสิวะ ปล่อย!" เสียงของฮยอกแจดังก้องไปทั่วน่านฟ้า ฮยอกแจพยายามมองหาทงเฮแต่เขาไม่อยู่ที่นั่นแล้ว ยังมีแวมไพร์ทหารบินโฉบเฉี่ยวอยู่บริเวณนั้นราวกับจะค้นหาตัวเขา หวังว่าทงเฮจะหนีออกไปทัน
สายลมที่ปะทะหน้าฮยอกแจ ทำเอาหัวใจดวงน้อยสั่นระริก ความกลัวเข้าจับจิตในทันที
"...พวกเจ้าซ่ามากนะที่เข้ามาในเขตของพวกเราได้ แล้วแต่ท่านเคาท์จะตัดสินเจ้าก็แล้วกัน หวังว่าท่านจะเหลือเศษเนื้อในพวกเราบ้างนะ เจ้าดูน่าอร่อยมากเลย555" เสียงน่าขนลุกของแวมไพร์ตัวที่จับฮยอกเอ่ย น้ำตาใสของฮยอกเอ่อและปล่อยให้มันปะทะกับสายลม แวมไพร์พาเขาขึ้นไปบนยอดของหอคอยแห่งหนึ่ง
ฮยอกแจได้แต่กอดร่างตัวเองไม่กล้าขยับเขยื้อน ในใจคิดไว้อย่างเดียวว่า สุดท้ายก็คงต้องตายอยู่ดี ระหว่างนี้เขาอ้อนวอนต่อพระเจ้า ขอให้ทงเฮหนีรอดไปได้อย่างปลอดภัย และขอโทษพ่อ ที่ไม่ได้กลับไปปกป้องท่านอย่างที่สัญญาไว้ได้
เสียงกระพือปีกมาพร้อมกับเงามืด ร่างของแวมไพร์ตัวสูงใหญ่หุบปีกนั่นลง ดวงจันทร์สะท้อนแสงในนัยน์ตาคู่งาม แต่ยังคงใบหน้าที่น่าเกรงขาม
"เจ้าคือฮยอกแจสินะ” เสียงทุ้มนุ่มของแวมไพร์ ทำเอาฮยอกแจไม่กล้าจะเอ่ยปาก แวมไพร์ก้าวเท้าเข้ามาใกล้ จนฮยอกแจที่หนีจนมุมอ้าปากตอบอย่างตกใจ
" ข้าแค่หลงทางมา กับสหายของข้าได้โปรดอย่าทำอะไรเขา ได้โปรดท่านอย่าทำอะไรข้าเลย ข้ายังไม่อยากตาย ข้า..." เสียงฮยอกแจถูกกลืนหายไปกับรสจูบที่เยือกเย็นของแวมไพร์ข้างหน้า การจูบนั้นต่อเนื่องและยาวนาน จนฮยอกแจต้องเป็นฝ่ายผลักออกเบาๆ
ฮยอกแจรู้สึกร้อนผ่าวบริเวณใบหน้า ยังจำ รสจูบกับสัมผัสคมเขี้ยวภายในปากที่เย็นเฉียบ
"...ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ได้มีเจตนาจะฆ่าใคร ถึงข้าจะรู้ว่าเจ้าเป็นพวกนักล่าเหมือนเพื่อนของเจ้า เพื่อนของเจ้าทหารจะเป็นคนจัดการ แต่ตอนนี้ ข้ามีสิ่งหนึ่งที่จะบอกเจ้า... ยังไงเจ้าก็ออกจากที่นี้ไม่ได้อีกแล้ว ข้ามีข้อเสนอ หากข้าจะไม่ฆ่าเจ้าทิ้ง... เจ้าจะรับฟังหรือไม่" ฮยอกแจพยักหน้าทันทีด้วยความกลัวตาย
แวมไพร์ตนนั้นหัวเราะเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยขึ้นมา "ข้าเป็นเคาท์ของแวมไพร์อย่างที่เจ้ารู้ดี มีนามว่าซีวอน และข้ายังไม่มีชายาคู่ครองบัลลังก์ ... ข้าถูกใจเจ้า กับรสจูบเมื่อครู่ข้ายิ่งชอบใจ เจ้าจะเป็นชายาของข้าจะได้รึไม่"
"ฮะ?!!" ฮยอกแจนิ่งเงียบในข้อเสนอที่น่าตกใจ ไม่เคยจะรู้ว่าจะมีแวมไพร์ตนไหนในโลกมาถูกใจเขา และขอเป็นคู่ครองชีวิตแบบนี้
"...ละ..แล้ว ท่านจะไม่ปล่อยข้าไป ใช่รึไม่?" ฮยอกแจเงยหน้าสบตาคู่งามเป็นครั้งแรกก่อนจะหลบลงด้วยความกลัว
"แน่นอน หากจ้าปล่อยเจ้าไป เจ้าก็ตายอยู่ดี ได้โปรด ฮยอกแจ ข้าสาบานเจ้าด้วยสิ่งนี้" เคาท์ซีวอนหยิบแหวนสีเงินลงลายทองเรืองแสงจันทร์ดังกับมีเวทมนต์ ฮยอกแจจ้องมองอย่างไม่ละสายตา
ชีวอนค่อยๆจับมือนุ่มนิ่มเกินชาย แล้วสวมใส่ลงบนนิ้วนางข้างขวา ฮยอกมองด้วยความตกใจปนขอบคุณ และยอมรับสถานะที่ได้มาใหม่อย่างงง
พอนึกขึ้นได้ว่ามันคงไม่เหมาะ ฮยอกแจกำลังจะท้วงห้ามว่ามันคงไม่เหมาะสม แต่ชีวอนกลับพยุงใบหน้านวลนั้นไว้ และปฏิเสธ "รับมันไปเถอะฮยอกแจ มันเป็นสิ่งที่ข้าเตรียมไว้ในเจ้าตั้งแต่เจ้าเกิดแล้ว"
ฮยอกแจที่เคยมองท่านเคาท์ด้วยความกลัว กลับมองด้วยความยินดี และด้วยมนตราแห่งรักหรือสิ่งใด แวมไพร์หนุ่มเอียงใบหน้าประกบปากกับชายนักล่าคนนี้
++++ อิอิ ไม่มีncนะ แต่งไม่เก่ง ไปคิดกันเอาเอง 555 ++++
ยามวิกาลที่เงียบสงบ มีแต่ดวงจันทร์เท่านั้นเป็นพยาน มนุษย์หนุ่มและประมุขแวมไพร์ได้รวมกันเป็นหนึ่ง บทเพลงแห่งความสุขบรรเลงอย่างไม่หยุดหย่อน จนเวลาล่วงเลยเกือบรุ่งสาง ร่างกายเปล่าเปลือยของทั้งมนุษย์และแวมไพร์ นอนกอดแลกไออุ่นซึ่งกันและกัน
“...ฮยอกแจ... "
“...อืม..."
"รู้รึไม่ว่า ข้ารักเจ้า ตั้งแต่วันนั้น ตอนที่ข้ายังเป็นองค์ชายอยู่ ข้าผ่านไปเห็นหญิงท้องแก่คนหนึ่ง ... และในเวลาต่อมา เธอก็ตาย แต่เธอได้มอบสิ่งที่สวยงามที่สุดแก่โลกใบนี้... นั่นก็คือเจ้า"
ฮยอกแจหมดแรงกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันที่เพิ่งจะเสร็จสิ้นลงไปเมื่อครู่ แต่มีความรู้สึกอย่างหนึ่งที่กวนใจเขาตลอดเวลา
"ท่านชีวอน ข้าเป็นห่วงสหายของข้า ทงเฮ เขาจะปลอดภัยใช่หรือไม่"
"เรื่องนี้ ทหารองครักษ์จะเป็นคนตัดสิน แต่ยังไม่เคยมีใครที่ก้าวเข้ามาที่แล้วได้ออกไป"
ฮยอกแจฟังคำตอบดังนั้น แรงใจที่ช่วยพยุงแรงกายก็ดับวูบ ฮยอกแจจึงลุกขึ้นด้วยความอ่อนล้า จนชีวอนต้องลุกขึ้นมาข่วยพยุง
"เจ้าจะไปที่ได้เหรอ? ชายาของข้า"
ยิ่งพูดฮยอกแจยิ่งปวดใจ แต่เมื่อคิดจะทำสิ่งใดแล้ว ฮยอกแจก็จะทำ
เหมือนว่าความคิดนี้ จะทำให้ราชาแวมไพร์ตกใจ ชีวอนเพิ่งจะรู้ว่า การอ่านความคิดของคนได้มันก็ไม่ได้ดีเสมอไป คนที่เขารักที่สุดกำลังคิดจะฆ่าเขา ชีวอนปล่อยมือที่พยุงฮยอกแจ ก่อนจะกำมือนิ่งเมื่อความคิดมันตีกันในหัว
ฮยอกแจล้มตัวลงกับพื้นก่อนจะลากตัวเองเข้าไปนั่งและหาของในกองเสื้อผ้าของเขา
"ฮยอกแจ เมื่อคืนที่ผ่านมา คำพูดของข้า มันไม่มีผลกับเจ้าเลยรึอย่างไรกัน ฮะ! ลีฮยอกแจ!!" ดวงตาของท่านเคาท์มีเกล็ดของน้ำตาไหลออกมาก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นสีแดงด้วยโทสะ
ฮยอกแจหยิบนกหวีดสีเงิน อาวุธประจำกายของตัวเองออกมาก่อนที่จะรู้สึกเจ็บปล๊าบบริเวณต้นคอ "อะ! โอ้ย!!" เลือดสีแดงสดไหลท้วมตัวเขา ร่างของท่านเคาท์กดร่างฮยอกแจให้นอนราบไปกับพื้น เรี่ยวแรงทั้งหมดของฮยอกแจถูกสูบไปพร้อมกับสายเลือดที่ถูกปากที่เอาแต่ใจและคมเขี้ยวที่ขยี้เข้ามาด้วยแรงโทสะ
ฮยอกแจตัดสินใจด้วยแรงเฮือกสุดท้าย สะบัดคอตัวเองออกจากเขี้ยวของชีวอนและแทงแท่งนกหวีดตรงไปที่ท่านเคาท์ทันที
ชีวอนตกใจและนัยน์ตาสีแดงแปรเปลี่ยนกลับเป็นภาพดวงจันทร์อีกครั้ง แววตาที่ดูเศร้าสร้อยกับเกล็ดน้ำแข็งที่ตกลงมาบนใบหน้าของฮยอกแจ
“ข้า...ขอโทษ ข้ารักเจ้าที่สุด...รู้รึไม่” สิ้นเสียงของชีวอนแล้วโลกทั้งใบของฮยอกแจก็ดับลง
.
แสงจันทร์สาดแสงลงผ่านหน้าต่างบนหอคอยแห่งนี้ ร่างของชีวอนสลายไปกลายเป็นผงสีทอง และฮยอกแจก็ได้กลายเป็นแวมไพร์ มีชีวิตที่ต้องคอยหลบหลีกพวกนักล่ารุ่นใหม่และเหล่าแวมไพร์ที่ต้องการจะนำตัวของเขาไปประหารในฐานะผู้ลอบสังหารองค์ราชา ฮยอกแจจึงได้ใช้ชีวิตใหม่ ด้วยชื่อใหม่ “ลี อึนฮยอก”
.
.
.
เรื่องราวทั้งหมดนี้ ผมตั้งใจฟังจนในบางครั้งผมยังจินตนาการบางฉากออกมาได้อย่างน่าทึ่ง ผมยังไม่ปักใจเชื่อสนิทหรอกนะ แต่พอเห็นหลักฐานชิ้นสุดท้าย ผมเองก็ไม่อาจจะปฎิเสธทั้งหมดลงได้
อึนฮยอกถอดแหวนสีเงินลายทองออกจากนิ้วนางข้างซ้ายของตัวเองออก และยื่นมันมาให้ผม “นี่คือสิ่งที่ท่านเคาท์ทิ้งไว้ในข้า บอกว่า เมื่อใดที่ข้าหาเจ้าเจอให้มอบแหวนนี้กลับคืนแด่เจ้า” ผมพลิกดูแหวนของท่านเคาท์แล้วอ่านอักษรบนแหวนนั้น ‘CHOI SIWON’
อึ้ง ... แน่นอนเป็นใครก็อึ้ง ผมเป็นแวมไพร์มาก่อนอาจจะไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ที่ไม่ธรรมดาคือ ผมเป็นราชาแวมไพร์เพียงตนเดียว ที่ตายด้วยน้ำมือของมนุษย์ คนที่ฮยอกแจฆ่าทิ้ง นับเป็นราชาแวมไพร์ที่อ่อนแอที่สุดในประวัติศาสตร์!!!
“เป็นฉันจริงๆสินะ ฮยอกแจ” ผมอยู่ในสถานะที่ พูดไม่ออกบอกไม่ถูก
ความเงียบเริ่มเข้าปกคลุมอีกครั้ง คราวนี้ผมได้ยินเสียงโวยวายของใครบางคนอยู่ข้างล่าง ผมกับฮยอกแจมองหน้ากัน ทันใดนั้น เสียงโครมครามดังมาจากห้องครัว ในหัวของผมคิดถึงคยูฮยอนเป็นคนแรก
“คยู!!!” ซองมินจะต้องทำอะไรบางอย่างกับคยูแน่ๆ ผมคิด ผมรีบวิ่งลงบันได โดยมีฮยอกแจตามมาติดๆ
ภาพที่ผมเห็นทำให้ผมแทบช็อก หมาป่าสีน้ำตาลทองกำลังกระโจนใส่ร่างของเรียวอุค แม้กระนั่นเรียวอุคก็กอดร่างไร้ลมหายใจของเยซองไว้แน่น “หยุดนะ!!!” ซองมินที่กลายร่างเป็นแวมไพร์ขั้นสูงสุด ตะโกนและบินมาขวางไว้ แล้วฟัดกับหมาป่าตัวนั่นจนล้มกลิ้ง
แล้วคยูล่ะหายไปไหน ถูกทำร้ายรึเปล่า ไม่ทันจะถามใคร ซองมินตะโกนใส่หมาป่าตัวนั้น ราวกับเฉลยคำตอบที่ผมอยากรู้
“โจว คยูฮยอน เลิกบ้าได้แล้ว! ตั้งสติเดี๋ยวนี้!! ฉันคือ ลี ซองมิน!! ซองมินของนายไง”
---------------------------------Writer’s Talk---------------------------------
อิอิ ไรท์เลือกมาลงวอนฮยอกให้วันนี้ เพราะวันนี้มันเป็นวันวอนฮยอก(ใช่ปะ) ^^ ก็มันยังไม่มีบทหวานอะไรมากอ่ะนะ คือสเป เย่เรียว วอนฮยอก คยูมินอะ มันเป็นภาคต่อกัน แต่เกิดขึ้นในเวลาเดียวกันอ่า อย่างงนะ 555
แต่งภาษาไม่สวยมากนะพอดีรีบแต่งไปหน่อย เพราะไรท์จะไปเที่ยวกลเลยคงหายไปอีกอาทิตย์นึง จะมาลงคยูมินกับบทอวสารให้ **ไม่แน่ถ้าไรท์ว่างจะเสริมเรื่องราวของทงเฮต่อให้นะ ทำไมมันยาวจังSFเนี่ย555
และอีกเหตุผลที่เลือกลงฟิควันนี้คือ อีก5วันฮยอกจะเข้ากรมแล้ว 2วันถัดไปเฮก็จะตามไป เดือนหน้าชีวอนก็จะไปอีกคน T^T ไม่เป็นไรนะ อีก2ปี เอลฟ์จะพิสูจน์ว่าเราเป็นแฟนด้อมที่แข็งแกร่งที่สุด เราจะรอตั้งแต่อีทึกเข้ากรมจนคยูออกจากกรม ใช่ไหมเอลฟ์ เรารอได้คะอปป้า TvT กลับมาปลอดภัยนะๆ รักนะ
ความคิดเห็น