คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : SF Yewook's day : Diary of Vampire Hunter 2
Diary of Vampire Hunter ...Part 2
...ปัจจุบัน ที่กรุงโซล...
ในทาวน์เฮ้าส์หลังเล็กๆ ของสามเพื่อนสนิท ประกอบไปด้วย โจว คยูฮยอน คิม เยซอง และ เชว ซีวอน
ทั้งสามเป็นแก๊งของนักเรียนชายในกรุงโซล และยังเป็นผู้สืบทอดของ 'นักล่าแวมไพร์' กลุ่มสุกท้ายในเกาหลีด้วย และแน่นอน มีเพียงพวกเขาสามคนเท่านั้นที่รู้
ในทุกๆวัน พวกเขาจะออกไปทำงานตามสายจองตัวเอง และในตอนกลางคืน พวกเขาจะสวมรอย นักล้าแวมไพร์ และแฝงตัวไปตามที่ต่างๆ
และ ในคืนหนึ่ง ที่หิมะตกหนัก สามเพื่อนสนิทกำลัง ทำรามยอนกันในบ้านนั้น จู่ๆก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
" ไอ้ เกี้ยม มึงออกไปปิดประตูเดี๋ยวนี้ ไม่ต้องเข้ามายุ่งในครัว ถ้ายังอยากกินข้าวเย็น!!! " เสียงขุ่นๆของชายที่ชื่อ คิม เยซอง ดังขึ้นมา ทำให้ โจว คยูฮยอน ต้องออกไปเปิดประตูอย่างเสียไม่ได้
ทันทีที่ประตูเปิดออก ร่างของหญิงสองคนก็รีบมุดเข้ามาในตัวบ้าน และปิดประตูทันที ทำเอาคนเปิดประตูให้ถึงกับงุ่นงงเล็กน้อย
ลี มินมิน
ลี อึนแจ
" บ้านนาย ลงคาถารึยัง!!! " คยูฮยอนสังเกตเห็นสัญลักษณ์ ว่าเป็นพวกเดียวกัน เขาจึงพนักหน้า
"...ฉันไม่ยักกะรู้ว่า เดี๋ยวนี้มีนักล่าหญิงด้วย " เชว ชีวอน เดินออกมาต้อนรับนักล่าหญิงด้วยสีหน้าที่มิตร ตามประสาชายหนุ่มฮ็อตประจำมหาลัย
" ...ออ พวกชั้นเป็นรุ่นน้องของพวกนายนะ " หนึ่งในสองสาวตอบก่อนจะแนะนำตัว
" ฉันลี มินมิน และนี้ ลี อึนแจ น้องฉัน ... พวกเรากำลังตามล่าแวมไพร์ตัวหนึ่งอยู่ แต่พลาดท่า เพื่อนฉันตายไปแล้วคนหนึ่ง ฉันกับอึนแจก็เลยขอหนีมาอาศัยบ้านนายสักพักนะ... " สิ้นคำพูดของสาวร่างอวบ สาวน้อยอีกคนด้านหลังเลยค่อยๆเขยิบตัวออกจากหลังพี่สาว
" เอายังเหรอ ก็น่าจะได้ งั้นก็ยกห้องมึงให้แล้วกัน ไอ้วอน ห้องมึงน่าจะสะอาดสุดแหละ ถ้าห้องกูอย่าหวังเลย " คยูฮยอนตอบอย่างไม่ลังเลพลางเดินเข้าไปหาเพื่อนอีกคนในห้องครัว
.
.
.
.
" นี่ พวกมึงคิดกันดีแล้วหรอ เอาผู้หญิงเข้าบ้านเนี่ย แล้วตอนกลางคืนพวกเราอยู่กันสะที่ไหนเล่า!!! " เยซองโวยวายทันทีที่รู้เรื่อง ใช่ว่าไม่เคยเอาหญิงมานอนบ้าน แต่นี่คือเป็นใครก็ไม่รู้ให้เข้ามาได้ไง
" นี่ คุณ พวกชั้นก็คนนะ ไม่ใช่พวกผู้หญิงมักง่ายแบบนั้น " มินมินเถียงทันควัน
ตอนนี้ ทุกคนกำลังนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นกลางบ้าน โดยมีหนุ่มๆกำลังซัดรามยอนที่เยซองทำ และมีสาวๆกำลังเช็คอุปกรณ์ของตัวเองอยู่
" งั้นพวกเธอหนีแวมไพร์ตัวไหนมาล่ะ แวมไพร์ที่เก่งๆแบบหนีนักล่าแวมไพร์ได้ มีไม่กี่ตัวหรอก " ชีวอนถามสองสาวในขณะที่อึนแจเงยหน้าขึ้นมาพอดี
" พวกพี่ จำแวมไพร์ในตำนานได้ไหม แวมไพร์ที่ชอบกินเลือดของนักล่า แวมไพร์ตัวนั้นแหละ ที่ตามพวกเรากลับเกาหลีมาด้วย " อึนแจตอบเสียงสั่นๆ ทั้งสามหนุ่มเริ่มให้ความสนใจกับแวมไพร์ตัวนั้นขึ้นมา
" แวมไพร์ตัวนั้นที่ฆ่ามาสเตอร์คนก่อนของเราไง ไอ้เย่มึงจำได้หนิ มึงก็อยู่ตรงนั้น " คยูฮยอนนึกขึ้นได้พลางหันไปถามความเห็นเพื่อน
" ...แน่นอน จำได้แม่นอยู่แล้ว แวมไพร์ในตำนานที่เล่าขานกันมานาน ว่าเก่งกาจที่สุด ที่ฆ่าแต่นักล่า และยังไม่เคยถูกฆ่า ... " แววตาของเยซองไหววูบอย่างเห็นได้ชัด
เมื่ออดีตที่พวกเขายังเป็นนักล่าฝึกหัด
อดีตอันแสนปวดร้าวของเยซอง
.
.
.
.
.
มาสเตอร์ที่ปกป้องเหล่านักล่าฝึกหัดจนนาทีสุดท้ายของตัวเอง มาสเตอร์ที่เยซองคุ้นเคยและ รู้จักเป็นอย่างดี ญาติของเขาคนสุดท้ายที่รอดจากแวมไพร์ ลุงของเขา และในอีกไม่นาน เขากำลังจะถูกฆ่า
" เยซอง หลบไป!!!อย่าให้มันเข้ามา ถอยไปไอ้ตัวประหลาด!!! " มาสเตอร์คิม ไล่ให้เขาออกไป เมื่อจู่ๆก็มีแวมไพร์ ฝ่าเวทย์ป้องกันเข้ามาถึงด้านในได้
เมื่อพลาดท่า อาวุธของมาสเตอร์ถูกปัดออกด้วยแรงมหาศาลของแวมไพร์ตัวนั้นก่อนที่ เล็บคมนั้นจะกดเข้าที่คออย่างแรง
" มาสเตอร์!!!! " เหล่านักล่าฝึกหัดต่างก็มามุงดู ในขณะเดียวกัน เยซองก็พุ่งตัวออกไปกระชากตัวแวมไพร์ตัวนั้นด้วยความโมโห
" เยซอง!!! " เพื่อนๆก็ต่างตกใจที่ เยซองเสี่ยงชีวิตเข้าไปช่วยโดยที่ไม่มีแม้แต่อาวุธ
ดวงตาสีม่วงอมฟ้ามองเยซอง ก่อนจะสะบัดตัวเยซองให้ห่างออกไปอย่างกราดเกรี้ยว
" ข้า ไม่ใช่ศัตรูของเจ้า คิม เยซอง " แวมไพร์ตัวนั้นเอ่ย ก่อนจะเดินออกห่างเขาอย่างน่าประหลาดใจ
" อย่าไปฟังมัน เยซอง ไอ้ตัวนั้นแหละที่ฆ่าแม่ของแก " มาสเตอร์ตะโกนออกไป ทำให้เยซองถึงกับกลัวและโกรธในเวลาเดียวกัน แวมไพร์หันหน้าไปหามาสเตอร์อย่างโกรธจัด
" โอหังนัก เจ้ามนุษย์ชั่วช้า พูดปดเพื่อใช้คนอื่นเป็นเครื่องมือ คงจะสาแก่ใจเจ้าดีนักเจ้าอย่าอยู่นานกว่านี้เลย!!! " แล้วแวมไพร์ตัวนั้นก็ตรงเข้าไปฆ่ามาสเตอร์อย่างไม่ลังเล
มาสเตอร์สิ้นใจตายทันที เลือดสีแดงสด ไหลนองไปทั่ว แต่แวมไพร์ตัวนั้นกลับไม่แตะเลือด แม้แต่หยดเดียว
"แวมไพร์อย่างข้า ไม่กินเลือดโสโครกพวกนั้น" ดวงตาสีม่วงอมฟ้าจ้องลึกเข้าไปในดวงตาสีดำขลับของเยซอง
" ข้าไม่เคยอยากรู้ " เยซองรู้สึกชาวาบไปทั่วทั้งร่าง ก่อนที่จะรู้สึกปวดหัวอย่างหนักและล้มลงไป ดวงตาของเยซองปิดลง และการรับรู้ทั้งหมดก็ดับไป
แวมไพร์ตัวนั้นเดินเจ้าใกล้เยซองมากขึ้นเรื่อยๆ นักล่าคนอื่นๆรวมทั้งมาสเตอร์ก็ไม่มีผู้ใดขยับตัว ราวกับถูกมนต์สะกดเอาไว้
" ...เมื่อไรเจ้าจะจำข้าได้สักที จงอุน... ข้าอยากจะรู้ " แวมไพร์เอ่ยเบาๆ ก่อนจะทิ้งร่างของเยซองไว้ กับ สิ่งของบางอย่าง ที่เยซองก็ยังไม่รู้จวบจนปัจจุบัน
สร้อยคอไม้กางเขนสีดำ ที่เขาคิดว่าเป็นของลุงแต่ทว่า จริงๆแล้ว
.
.
.
.
" เรียวอุค แกทำอะไรลงไปฮะ!!! " เพื่อนแวมไพร์ตนหนึ่งของเรียวอุคถาม
" โถ่ ซองมินอ่า ข้าปล่าวนะ แค่ทิ้งสร้อยของข้าเอง... " เรียวอุคก้มหน้า เตรียมรอรับคำจากเพื่อนสนิททันที
" เรียวอุค เจ้าจะบ้ารึไง แกทิ้งสร้อยไม้กางเขนเจ้าไป แล้วแกจะปกป้องตัวเองยังไง!!! เจ้าก็ตัวแค่นี้ แล้วไอ้หมอนั้นใช่จงอุนอะไรของเจ้าหรอ!!! ก็อาจจะไม่ แกเชื่อมันเกินไปป่าวฮ้ะ!!! " กลับเป็นแวมไพร์อีกตัวที่หันกลับมาว่าเรียวอุคฉอดๆ
" ...ฮือ...เค้าคือจงอุนจริงๆนะ...ฮยอกแจอ่า...T^T " เรียวอุคเข้าสวมกอดเพื่อนที่กำลังหงุดหงิดทันที
" ชื่อใหม่ ฉันชื่อ อึนฮยอกต่างหาก!!! เจ้าไม่ต้องทำตัวไร้เดียงสา งมงายในคำสัญญาลมๆแล้งๆจริงๆ น่าเชื่อให้เล้ย!!! " อึนฮยอกสบัดตัวทิ้งอย่างหงุดหงิด
" ฮือ ซองมินอ่า ฮยอกงอนๆ อุคอ่ะ T0T แง้ ข้าผิดไปแล้วอภัยให้ข้าด้วย!!! " เรียวอุคร้องไห้ออกมาจนเพื่อนทั้งสองไปต่อไม่เป็น
" เฮ้อ สมัยไหนแล้วเนี่ยเจ้าก็ยังใช้คำโบราณจริงๆ ขนาดฉันเกิดหลังแกแป๊บเดียวยังงงๆกับแกเลย " อึนฮยอกหันกลับมาปลอบเพื่อนที่ยังงอแงไม่เลิก เช่นเดียวกับที่ซองมินยังเช็ดน้ำตาให้เรียวอุคอยู่เหมือนเดิม
" ...ฮรึก ฮือ... แต่จงอุนเค้าสัญญากับข้าจริงๆนะ ... เขาต้องไม่ผิดคำสัญญาแน่ๆ ... "
.
.
.
.
.
กลับมาที่กรุงโซล ปัจจุบัน
เยซองยังคงจับสร้อยไม้กางเขนที่เขายังจำว่าเป็นของลุงเขาอยู่
ลี มินมิน และ ลี อึนแจ หรือ ลี ซองมิน กับลี อึนฮยอกที่แปลงร่างมา จ้องสร้อยไม่กระพริบตา เยซองที่ยังมองดูสร้อยไม่ได้สังเกตอะไรรอบข้าง แต่เพื่อนอีก2คนอย่าง ชีวอนกับคยูฮยอนที่เริ่มมองสองสาวอย่างมีพิรุธ
จมูกอันเฉียบคมของคยูฮยอนเริ่มจับกลิ่นแปลกๆได้ กลิ่นของแวมไพร์ที่เริ่มเด่นชัดขึ้นมาเล็กน้อย อึนฮยอกที่อ่านใจคนได้ สะกิดซองมิน เพื่อเริ่มทำตามแผนที่ตั้งไว้
ทันใดนั้น ไฟในห้องก็ดับมืดลง ทั้ง3นักล่าต่างก็ระวังตัวเองทันที กลิ่นของแวมไพร์คละฟุ้งไปหมด เสียงกรี้ดของสองสาวดังลั่น และเมื่อไฟติด ทั้งสองสาวก็หายไป
" อึนแจ มินมิน โดนแวมไพร์จับไปแน่ๆ " ชีวอนรีบรุดออกไปข้างนอกพร้อมกับอาวุธอย่างไม่รีรอ
" เดี๋ยว มึง ไอ้ชีวอน!!!! อย่าเพิ่งดิ " คยูฮยอน ตะโกลไล่หลังชีวอนที่วิ่งออกไปแล้ว
" มึง เป็นไร " เยซองถามในขณะที่กำลังจะวิ่งไปอีกคน
" กูได้กลิ่นแวมไพร์ มันมากกว่าตัวเดียวนะเว้ย ไม่ใช่2คนนั้นเหรอ " คยูฮยอนถามเสียงเครียด
" ...กูไม่รู้ แต่กูได้กลิ่นแปลกๆ มันคุ้นมากๆ ... เหมือนเคยเจอมาก่อนเลย " เยซองทำหน้าเครียดก่อนจะรีบรุดออกไปพร้อมกับคยูฮยอน
ในซอยเปลี่ยวไม่ใกล้ไม่ไกลจากตัวบ้านมากนัก ชีวอนได้กลิ่นของแวมไพร์มากกว่า1ตัว เขาถือไม้เท้าอันนึง ซึ่งแน่นอนมันคืออาวุธประจำตัวเขา
" อึนแจ มินมิน พวกเธออยู่ในนั่นรึป่าว " ชีวอนถามเข้าไปในซอย แต่ไร้ซึ่งเสียงตอบรับ
" ไอ้วอน ระวัง! " คยูฮยอน ตะโกนห้ามแต่ไม่ทันแล้ว แวมไพร์สองตนพุ่งจับชีวอนขึ้นแล้วลากเข้าไปในซอยนั้น
เยซองและคยูฮยอน เข้าไปก็เห็นไม้เท้าจองชีวอนถูกเขวี้ยงไปไกลเกินที่เขาจะเอื้อมถึง ทั้งสองสาวบัดนี้กลับกลายร่างเป็นแวมไพร์เพศชาย และร่ายมนต์สะกัดชีวอนไว้
" ปล่อยเขา เดี๋ยวนี้ แล้วจะหาว่าเราไม่เตือน " คยูฮยอนพูดขึ้นก่อนจะกระชากปากกาของเขาจากกระเป๋าเสื้อ อาวุธของคยูฮยอนถูกชี้ไปที่แวมไพร์2ตัวที่ยึดชีวอนเอาไว้
" พวกแกจะทำอะไร " เยซองถามขึ้นเมื่อแวมไพร์2ตัวนั้นเริ่มพึมพัมคล้ายร่ายมนต์
" พวกฉันแค่ต้องการคุยเท่านั้นเอง แต่คุยในบ้านไม่สะดวก เพื่อนฉันไม่อดทนต่อเวทย์มนตร์พวกนายเท่าพวกฉันหรอก ลีซองมิน ยินดีที่ได้รู้จักอีกครั้ง " ซองมินเดินเข้ามาใกล้คยูฮยอนก่อนจะส่งยิ้มให้อย่างมีเลศนัย
" ข้า ลี อึนฮยอก ข้าจะร่ายเวทย์นิดนึง มันอาจจะมีผลกระทบแบบคันๆบ้าง ก็อยู่เฉยๆไว้นะ " อึนฮยอก กล่าวเสียงหนักแน่นก่อนจะร่ายเวทย์ และทั้งสามคนชายหนุ่ม ก็ไม่สามารถขยับตัวได้
" นี่ พวกแกจะทำอะไร แวมไพร์เดี๋ยวนี่กระแดะร่ายเวทย์เหมือนพวกแม่มดรึไง ปล่อยพวกเราเดี๋ยวนี้ " คยูฮยอนเอ่ยถาม
“ก็เรียนจากแม่มดสิ พวกข้าเสียเวลาเรียนนะไม่ได้เรียนกันง่ายๆ อย่ามาดูถูกกันเยอะ เดี๋ยวก็จัดหนักหรอก” อึนฮยอกกล่าวอย่างอารมณ์เสีย
“ นายนี่ ปากเสียไม่เคยเปลี่ยนเลยนะคยูฮยอน กี่สิบปีนายก็ยังเหมือนเดิม ” ซองมินกล่าว คยูฮยอนเบ้หน้าราวกับมันเป็นเรื่องตลกสิ้นดี ก่อนที่แวมไพร์ตัวสุดท้ายจะเข้ามาสมทบ
" ข้าแค่อยากจะลองพิสูจน์อะไรบางอย่าง " ร่างเล็กที่คุ้นตาของทั้งสามคนปรากฏขึ้น ดวงสีม่วงอมฟ้าก็ยังจับจ้องอยู่ที่เยซองเหมือนเดิม
“แกจะมาฆ่าฉันสินะ ตระกูลฉันทำอะไรให้นายต้องแค้นขนาดนี้หรอ ” เยซองเอ่ยเสียงปลงๆ เมื่อแวมไพร์ตัวนั้นหยุดยืนอยู่ข้างหน้าเขา ด้วยความสูงที่ต่างกันทำให้เยซองต้องก้มหน้ามองร่างที่เล็กกว่า
“ เปล่าเจ้าอย่าตีโพยตีพายเองสิ จงอุน ... ข้าเรียวอุค คิมเรียวอุค เจ้าจำข้าได้ไหม ” เรียวอุคมองหน้าเยซองที่มีแต่สายตารังเกียจมองมาที่เขา
“ ฉันชื่อเยซอง และแน่นอน ฉันจำแกได้ แกฆ่าลุงของฉัน ” เยซองมองเรียวอุคไม่กระพริบตา ความแค้นที่สะสมมาสิบๆปี เริ่มปะทุขึ้นเบาๆ
ทั้งหมดตกอยู่ในความเงียบ ไม่มีใครพูดหรือส่งเสียงอะไร จนสุดท้าย อึนฮยอกลากเรียวอุคให้ห่างเยซองออกมา
“ พอเถอะอุค มันผ่านมานานแล้วนะ เขานายไม่ได้หรอก ขนาดชีวอนยังจำข้าไม่ได้เลย...” คำพูดของอึนฮยอกสะกิดชีวอนให้สงสัยขึ้นมา
“ งั้นข้าขอพิสูจน์อีกอย่าง เผื่อมันจะได้ผล ” เรียวอุคอ้อนวอนเพื่อนแวมไพร์ทั้งสองตน
“ ไม่เรียวอุค มันอันตรายเกินไป ข้าให้เจ้าทำไม่ได้หรอก ” ซองมินห้ามเรียวอุค แต่ถึงกระนั้นแล้ว เมื่อเขาตัดสินใจแล้ว เขาจะต้องทำให้ได้
เวทย์สีม่วงวนรายล้อมทั้งมนุยษ์และแวมไพร์ ไม่มีใครขยับได้นอกจากเรียวอุคผู้ซึ่งมีเวทย์ที่แกร่งที่สุดในเหล่าเพื่อนทั้งสาม และเยซองที่เรียวอุคตั้งใจถอนคำสาปให้เขา
“ เยซอง ฆ่าข้าสิ เหมือนที่ข้าได้ฆ่าเจ้าเมื่อสี่ร้อยปีก่อน ” เรียวอุคพูดก่อนจะสาวเท้าเข้าไปหาเยซอง เยซองกลับถอยหนีแล้วถามกลับว่า
“ ฉันฆ่าแน่ แต่ก่อนหน้านั้น ฉันเคยฆ่านายได้ไง ฉันไม่เคยรู้จักแกมาก่อน นายจำผิดแล้วฉันไม่เคยฆ่านายหรอก ถอยไป ก่อนที่ฉันจะฆ่านายจริงๆ...” ดวงตาสีฟ้าของเยซองไหววูบเมื่อมองรอยสีชมพูบนลำคอขาวซีดนั่น ความรู้สึกปวดหัวตุบๆเริ่มเกิดขึ้นอีกครั้ง
ทันใดนั้น เหตการณ์มี่ไม่มีใครคาดถึง เมื่อเรียวอุค ประกบเรียวปากเย็นเฉียบเข้ากับปากอุ่นของเยซอง
จูบดูดดื่มและเร้าร้อนในเวลาเดียวกันทำให้ทั้งสองเคลิ้มและเผลอไผล เรียวอุคถอนจูบออกแล้วมองจ้องลึกเข้าไปในดวงตาสีฟ้านั่น ดวงตาสีม่วงอมฟ้าที่เป็นเอกลักษณ์จุดประกายบางอย่างในตัวเยซอง
เยซองกลับเป็นฝ่ายเริ่มจูบเรียวอุคที่ไม่ทันได้ตั้งตัว เยซองยกมือขึ้นประคองศรีษะแวมไพร์ตัวเล็ก ในขณะที่เรียวอุคก็พาดมือทั้งสองไว้ที่ไหล่คนตัวสูง เสียงจูบดังเป็นระยะทำเอาเพื่อนๆคนอื่นๆ หน้าร้อนกันไปตามๆกัน ทั้งสองจูบเหมือนกับโหยหาสิ่งที่พลัดพรากหายกันไปนานแสนนาน
แล้วจู่ๆ เยซองก็ถอนจูบอย่างช้าๆ ไม้กางเขนสีดำที่คอของเขาเรืองแสงสีเงินของดวงจันทร์ ก่อนที่ความทรงจำต่างๆของเขาเหมือนนานมาแล้ว ดวงตาสีฟ้าแปรเปลี่ยนเป้นสีเงินก่อนที่ร่างของเยซองจะทรุดลงกับพื้น
“ เยซอง ” เรียวอุคอุทานออกมา ท่ามกลางความงุนงง ของเพื่อนแวมไพร์ และนักล่าแวมไพร์ เรียวอุคก้มตัวลงเพื่อพยุงร่างของเยซองขึ้น แต่เยซองที่รู้สึกตัวแล้วกลับกำรอบข้อมือบางที่เย็นเฉียบเอาไว้
“ เรียวอุค ... เจ้า...” เยซองพึมพำ เรียวอุคเอ่ยถามอย่างมีความหวัง
“... เจ้าจำข้าได้ไหม ... จงอุน... ไม่สิ เยซอง ...” เรียวอุคเอ่ยถามทั้งๆที่คิดว่ามันคงเป็นไปไม่ได้ สี่ร้อยปีที่ผ่านมาคงไม่เหลือความทรงจำใดเกี่ยวกับเขาอีกแล้ว น้ำตาหยดโตไหลออกจากดวงตาสีม่วงอมฟ้า
มือเล็กเอื้อมมาเช็ดเกล็ดน้ำตาที่กลายเป็นน้ำแข็งออกจากพวงแก้ม แล้วเชิดหน้าของเรียวอุคขึ้นมาสบตาของเขา
“ ฉันจำได้แล้ว ฉันกลับมาหานายแล้วเรียวอุค ... ขอโทษนะที่ต้องให้รอนาน ” เยซองพูดออกมา ทำให้น้ำตาของความปลาบปลื้มของเรียวอุคไหลออกมาอย่างห้ามไปอยู่
ทั้งสองโผเข้ากอดกันให้สมกับที่ห่างกันมานานแสนนาน สี่ร้อยปีกับความอดทนที่เรียวอุคค่อยจ้องมองผู้คนเป็นแสนล้านคน ที่เวียนว่ายตายเกิด บัดนี้ ชายผู้เป็นทั้งคนที่ทำลายและให้ชีวิตใหม่แก่เขา ชายที่เป็นที่รักยิ่งและเพียงคนเดียวที่สามารถรอคอยได้กลับมาหาเขาแล้ว
“...ฉันกลับมาบอกสิ่งที่ฉันไม่เคยบอกนายเรียวอุค ฉันรักนาย...” เยซองเอ่ยปากบอกเรียวอุค และจ้องมองเขาอย่างลึกซึ้ง
“...ข้าก็ไม่เคยได้บอกเจ้าจงอุน ข้ารักเจ้าตั้งแต่แรกพบ ข้าขอโทษที่ข้าคิดฆ่าเจ้าในวันนั้น...”
“...ไม่ฉันต่างหาก ฉันฆ่านายในวันนั้น ฉันถึงไม่เคยมีโอกาสได้บอกนาย ฉันขอโทษ ฉันรักนายนะ เรียวอุค...”
“...ข้าก็รักเจ้าจงอุน ... ตั้งแต่วันนั้น และตลอดไป...”
แล้วเรียวอุคก็บรรจงฝังคมเขี้ยวสีขาวลงที่ลำคอของจงอุนอย่างแผ่วเบา ท่ามกลางเพื่อนๆที่รายล้อม
... รักจากข้า เสมอและตลอดไป ...
END
เย้!!!!!!! จบไปแล้วนะ สำหรับSF เรื่องนี้ กว่าไรท์จะแต่งจบ ^^ สงกรานต์เป็นไงกันบ้างรีดเดอร์ ไรท์ไม่ได้ไปไหนเลย เข้าโรงบาล TwT เป็นโรคกระเพาะอ่า แฮะๆ เพิ่งออกโรงบาลมาหมาดๆ ก็รีบมาเขียนฟิคที่ดองไว้ทันที 5555 ไรท์สัญญาไว้ ไรท์ก็มาแต่งเสร็จแบบ เส้นยาแดงผ่าแปดพอดี คึคึคึ ภาษาอาจจะแปลกๆนะ เพราะไรท์รีบมาก 55555 เดี๋ยวไว้จะมาเช็คให้อีกทีนึง
แต่งไปแต่งมา ไรท์จะลองถามดูใครอยากให้มีสเปเชี่ยลเรื่องนี้ไหม ถ้าเม้นต้องการเกิน3คนจะลงให้นะ เพราะเราอยากแต่ง >0< เรื่องราวหลังจากนี้ และอีก2คู่ (ที่ไรท์เอามาประกอบ คือ คยูมินกับวอนฮยอก ที่เป็นคู่ที่ไรท์ชอบรองจากเยเรียว) ใครอยากอ่านเม้นไว้นะ แล้วจะลองพิจารณา
รักรีดเดอร์น้า ขอบคุณจริงๆที่เข้ามาอ่านกัน หนุกไม่หนุกบอกด้วยจะพิจารณาตัวเอง 555555 คุยกันได้นะ ไรท์ชอบคุย ทักทวีตได้ตลอดนะเค้าเช็คเมนชั่นตลอด อยากคุยแต่ไม่รู้จะคุยกับใคร T////T
15/04/58
ความคิดเห็น