ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (exo) AWAKE & ALIVE.

    ลำดับตอนที่ #6 : 5 CHANGE | Dying

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.05K
      9
      25 เม.ย. 56

    DEAD,ALIVE or UNDEAD ?

    JUST CHOOSE

    5 | เฮือกสุดท้าย




    *เนื้อหาของตอนนี้กรุณาอย่าหาเหตุผล และอย่าอิงความเป็นจริง
    *ผู้อ่านควรใช้จักรยานในการอ่าน



     

     

    “. . .”

    ตอนนี้ทุกอย่างถูกความเงียบครอบงำ. . .ผมได้ยินแต่เพียงเสียงของพัดลมตัวเก่าๆโทรมๆในห้องของเซฮุนพัดส่งเสียงหึ่ง ๆ กับเสียงถอนหายใจที่ดังมาเป็นระยะๆ

     

    ไม่มีใครคิดที่จะพูดอะไรเลย

     

    “เซฮุน”

    ผมตัดสินใจที่จะพูดขึ้นมา เอ่ยเรียกชื่อของคนที่นั่งนิ่งด้วยน้ำเสียงนุ่ม ๆ แต่กลับไม่มีปฏิกิริยาอะไรตอบโต้กลับมาเลยซักนิด

    “. . .นายควรจะบอกพวกเราได้แล้วนะ”

     

    “. . .”

    ถึงแม้ว่าแบคฮยอนจะเป็นคนพูดด้วยตัวเองว่าจะไป แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังนั่งอยู่ข้างๆผมที่เก้าอี้ตัวเดิม. . .ผมรู้ว่าแบคฮยอนก็คงไม่อยากทิ้งเด็กผู้ชายที่กำลังสับสนคนนี้ให้ต้องอยู่คนเดียวเหมือนแต่ก่อนหรอก

    แต่ก่อน. . .หรอ ?

    ผมคิดว่าผมควรจะ เปลี่ยนคำพูด. . .

     

    เพราะเซฮุนไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว. . .

     

    “คนที่นอนอยู่บนเตียงนั่น. . .

     

    คือใคร ?”

     

     

    “. . .”

    “เซฮุนนายไม่จำเป็นต้องปิดบังอะไรพวกเราอีกแล้วนะ”

    ผมเอื้อมมือไปจับที่ไหล่ของเขาก่อนที่จะออกแรงบีบมันเบา ๆ เซฮุนเอาแต่นั่งนิ่งก้มหน้าลงต่ำจนคางแทบจะชิดกับอก

     

    “ถ้าผมเล่า. . .พวกพี่ชายต้องสัญญากับผมก่อนว่าจะไม่ฆ่าเขา. . .”

    เซฮุนพูดด้วยน้ำเสียงที่เบาจนแทบจะกลายเป็นกระซิบ ประโยคที่เขาพูดออกมาทำเอาใจผมสั่น ตอนนี้เขาไม่ได้ต่างอะไรจากเด็กที่กำลังสับสนเลย

     

    “อื้อ. . .พี่สัญญา”

    ผมพยักหน้า ก่อนที่จะสัญญากับเขาด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ผมจับมือเซฮุนก่อนที่จะพูดขึ้น

    “ตราบใดที่นายไม่บอกให้พี่ทำ พี่ก็จะไม่ทำโอเคมั้ย ?”

     

    . . .สิ่งที่ผมกับแบคฮยอนได้เห็นเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมา มันอาจจะไม่ใช่อะไรที่น่าตกใจมากมายนักหรอกครับ แต่มันค่อนข้างที่จะสะเทือนใจ ก็เท่านั้นเอง

    หลังผ้าม่านนั่น. . .

     

    มีเด็กผู้ชายคนหนึ่งรุ่นราวคราวเดียวกับพวกผม ผิวสีน้ำนมกับผมสีน้ำตาลทองรับเข้ากับใบหน้าเรียว กำลังนอนนิ่งอยู่บนเตียงเคลื่อนย้ายผู้ป่วย นอนแน่นิ่งภายใต้เครื่องช่วยหายใจ กับสายน้ำเกลือที่ระโยงรยางค์

    ดูๆไปเขาก็ดูคล้าย. .

     

    “คนๆนั้นเขาคือเด็กในรูปนั้น. . .เด็กผู้ชายในรูปที่พวกพี่ชายเห็นกันนั้นแหละครับ. . .”

     

    “เขาชื่อ ลู่หาน

    เซฮุนเงยหน้าขึ้นมา ก่อนที่จะกลืนน้ำลายลงคอ ส่ายหน้าเล็กน้อยก่อนที่จะก้มหน้าลงอีกรอบ

     

    “เขาพักอยู่ที่ห้องริมสุดของอพาร์ทเมนต์นี้แหละครับ ห้องที่พวกพี่เข้าไปกันน่ะ”

    “. . .”

    หรือว่า..

     

    “งั้นก็แสดงว่า. . .”

    ผมนึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ ก่อนที่จะก้มหน้าล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงแล้วหยิบกระดาษโทรมๆแผ่นหนึ่งออกมา

    กระดาษที่ผมอ่านในตอนนั้น

     

    “กระดาษแผ่นนี้เป็นของลู่หาน ?”

    ผมยื่นมันให้เซฮุนดู เซฮุนรับมันมาก่อนที่จะคลี่มันออกมากาง สายตาของเขาสลดลงทันทีที่เห็นมัน ก่อนที่จะพับเก็บไว้เหมือนเดิม

     

    “ครับ”

    ตอบรับสั้นๆกับน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำเอามากๆ

     

    “มันหมายความว่ายังไง. .”

     

    “ความจริงผมก็ไม่ได้รู้จักเขาหรอกครับ รู้แค่ชื่อเท่านั้นเอง”

    เซฮุนพักหยุด ก่อนที่จะสูดลมหายใจลึกๆเข้าปอด

     

    “แต่. . .ด้วยเหตุผลอะไรบางอย่างซึ่งผมก็ไม่รู้ ทำให้เขาตกมาอยู่ในสภาพนี้ ผมรู้แค่ว่าเขาป่วยเป็นโรค,ทำให้ต้องมานอนนิ่งโดยที่ไม่สามารถทำอะไรได้ แต่บางเวลาเขาก็จะขยับ แต่ไม่ได้หมายความว่าตอนนั้นเขามีสติ”

     

    “วันที่ผู้คนเริ่มอพยพออกจากอพาร์ทเมนต์, ดูเหมือนว่าพ่อกับแม่ของเขาจะตัดสินใจทิ้งเขาไว้ที่นี่. . .อาจเพราะการเคลื่อนย้ายมันลำบากด้วยละมั้งครับ. .”

     

    “สุดท้ายเขาก็ถูกทิ้งให้อยู่ในห้องนั้นตามลำพัง ทั้งๆที่ไม่มีสติ ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลยด้วยซ้ำ”

    หลังจากที่พูดจบเขาก็ยกมือขึ้นมากุมหัว ผมยกมือขึ้นมาตบบ่าเขาอีกครั้ง ไม่รู้สิ. . .มันค่อนข้างโหดร้ายนะกับการที่คนที่เรียกว่า ครอบครัว กลับทิ้งเราไปแบบนี้ ถึงมันจะมีเหตุผลที่ต้องทำก็ตามแต่ มันเป็นสิ่งที่ควรทำอย่างนั้นหรอ ?

     

    มันควรที่จะทิ้งเขาไว้คนเดียวอย่างนั้นหรอ ?

    มันสมควรที่จะทิ้งผมไว้คนเดียวอย่างนั้นหรอ ?

    คริสฮยอง ?

     

    “งั้นก็แสดงว่าเหตุผลที่นายตัดสินใจจะไม่ไปไหนเลย นั่นก็เพราะลู่หาน ?”

    แบคฮยอนเริ่มพูดขึ้นบ้าง เซฮุนเงยหน้าขึ้นมาก่อนที่จะพยักหน้าเบาๆ

     

    “ผมเป็นคนสุดท้ายที่ยังไม่อพยพไป เอาจริงๆผมก็อยากที่จะอพยพเหมือนคนอื่นเขานะครับ. . .แต่จะให้ผมทิ้งเขาไว้แบบนี้ มันจะดูเลือดเย็นเกินไป

    เซฮุนยิ้มนิด ๆ เป็นรอยยิ้มที่ดูเศร้ามาก ๆ

    เขาเป็นแค่เด็กผู้ชายคนหนึ่งที่ไม่จำเป็นจะต้องรับผิดชอบชีวิตใคร แต่เขาก็ตัดสินใจที่จะรับผิดชอบมัน

    คิดว่าไงล่ะ ?

     

    “ผมตัดสินใจย้ายเขามาอยู่ในห้องของผม แล้วจัดการทำที่นี่ให้ปลอดภัยที่สุดเท่าที่จะทำได้”

    “นายทำดีมากเลยนะเซฮุน”

    ผมเอ่ยชม ก่อนที่จะลุกขึ้นแล้วเดินเข้าไปใกล้ ลู่หานที่นอนไม่ได้สติอยู่บนเตียง

    เขาไม่ต่างอะไรจากผมเลย

    ลู่หานน่ะ

     

    ไม่ต่างเลย

     

    “เซฮุน”

    “ครับ ?”

    “แล้วถ้าลู่หานฟื้นขึ้นมาล่ะ ? นายจะไปจากที่นี่มั้ย ?”

    ผมหันไปถามเขา เซฮุนเบิกตากว้าง คิ้วขมวดเข้าหากันเป็นปมดูเหมือนว่าเขาจะประหลาดใจกับสิ่งที่ผมพูดไปเมื่อกี๊

     

    “ผมไม่แน่ใจ. . .”

    เขาคงอาจจะอยากไปจากที่นี่แล้วก็ได้นะ

     

    ถ้าความรู้สึกผมมันถูกต้องในเมื่อลู่หานเหมือนผมล่ะก็

     

    “ถ้าพี่จะลองทำให้เขาฟื้นเราจะว่าอะไรพี่มั้ย ?”

    “ท. . .ทำอะไรหรอครับ ?”

    เซฮุนถามผมด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ไม่รู้สิ. . .ผมคิดว่าเซฮุนคงจะเป็นห่วงลู่หานเอาซะมาก ๆ

     

    “นายรู้จักคำว่า เฮือกสุดท้าย มั้ย ?”

    ผมพูดพร้อมๆกับเอามือไปจับที่เครื่องช่วยหายใจที่ครอบบริเวณจมูกและปากของลู่หาน ก่อนที่จะหันไปถามเซฮุน

    “นายจะทำอะไรน่ะชานยอล. . .”

    แบคฮยอนที่นั่งอยู่เริ่มประหลาดใจกับสิ่งที่ผมกำลังจะทำอีกคน

     

    “เฮือกสุดท้าย ที่หมายถึง การดิ้นรนในครั้งสุดท้ายก่อนจะตายอะไรประมาณนี้รึเปล่า ?”

    เซฮุนกระพริบตาปริบ ๆ เหงื่อเริ่มผุดขึ้นมาตามใบหน้า

     

    “ใช่. . .นายจำได้มั้ยแบคฮยอน,ที่ฉันบอกนายว่าฉันโดนยิงน่ะ”

    “จำได้สิ”

    “ฉันโดนยิงแล้วก็น่าจะหมดสติไป เท่าที่จำได้ฉันมองเห็นตัวเองในห้องฉุกเฉินและมองเห็นตัวเองอีกทีก็ตื่นขึ้นมาในห้องพักผู้ป่วย โดยที่ทุกๆอย่างก็เป็นอย่างที่เห็น”

     

    “. . .”

     

    “ฉันตื่นขึ้นมา ไม่มีใครที่โรงพยาบาลซักคน นาฬิกาในห้องพักหยุดเดิน ไฟฟ้าใช้แทบไม่ได้ สายน้ำเกลือ เครื่องช่วยหายใจหยุดทำงาน ทั้งหมด”

     

     

    “แล้วทำไมฉันถึงฟื้นล่ะ ?”

    สีหน้าของเซฮุนและแบคฮยอนที่มองมาทางผมทั้งสับสนและคัดค้านกับสิ่งที่ผมกำลังจะทำ

     

    “อย่าบอกนะว่า นายจะ. . .”

     

    “อืม. . .นายจะให้พี่ทำมันมั้ยล่ะเซฮุน ?”

    ผมหันไปถามเซฮุนที่นั่งนิ่ง สีหน้าของเขาดูสับสนอยู่ไม่น้อยเลย เหงื่อใสๆไหลอาบแก้มจรดยันปลายคาง กับมือที่สั่นอยู่บนตัก

     

    “พี่รู้นะว่านายห่วงลู่หาน แต่. . .ถ้าไม่ลองจะรู้มั้ยละ คนเราทุกคนมันมีเฮือกสุดท้ายของตัวเองกันเป็นธรรมดา อย่างน้อยก็พี่คนหนึ่งที่รู้สึกว่าลู่หานยังมีสิ่งที่เรียกว่า เฮือกสุดท้ายอยู่”

    ผมกำเครื่องช่วยหายใจแน่น ก่อนที่จะหันไปถามเซฮุน ผมกำลังรอ การตัดสินใจของเซฮุน

    มันเสี่ยงมั้ย ? ใช่มันเสี่ยงมาก

    แต่ถ้าไม่ลองแล้วจะรู้หรอ ?

     

    “โอเคครับ. . .”

    เซฮุนพยักหน้าลงเบา ๆ ก่อนที่จะตอบรับ ผมพยักหน้ารับก่อนที่จะจัดการถอดเครื่องช่วยหายใจออก รวมถึงสายน้ำเกลือนั่นด้วย

     

    “นายแน่ใจแล้วหรอชานยอล”

    แบคฮยอนที่นั่งดูเหตุการณ์พูดขึ้นมา

    “อืม. . .ผมหวังว่าเขาจะฟื้น”

    ผมเดินกลับมานั่งที่เก้าอี้ตัวเดิมข้างๆเซฮุน ตอนนี้เซฮุนนั่งนิ่ง เขานั่งเงียบมาก สีหน้าของเขาก็นิ่งด้วยเช่นกัน

     

    “นายคิดว่าไง ?”

    ผมถามเขา

     

    “ผมหวังว่าเขาจะฟื้นขึ้นมา. .

     

     

     

     

    ไม่วันนี้ก็พรุ่งนี้ ไม่พรุ่งนี้ก็ขอให้เป็นมะรืนนี้”

     

     

     

     

     

     

     

     

     

              24 ชั่วโมงเต็มที่พวกเรา 3 คนกำลังเฝ้ารอให้คนที่นอนอยู่บนเตียงในสภาพแน่นิ่งไร้สติ ฟื้นขึ้นมา

     

    “. . .”

    “นายแน่ใจนะชานยอลว่าลู่หานจะฟื้น”

    แบคฮยอนสะกิดผมก่อนที่จะเข้ามากระซิบข้างหู ผมพยักหน้าให้เบาๆ ผมเชื่อว่าเขาต้องฟื้น

     

    “. . .”

    เซฮุนเอาแต่นั่งนิ่ง ๆ มองร่างเล็กของลู่หานอยู่ที่ข้าง ๆ เตียง เขามองดูเป็นห่วงลู่หานเอาซะมาก ๆ

    ผมได้แต่นั่งรอความหวัง ไม่รู้สิ. . .ผมรู้ว่าปาฏิหาริย์ยังมีจริง ไม่ว่าจะยัง

    เขาต้องฟื้น

     

    “อ. . .อือ”

     

    “ล. . .ลู่”

    เสียงอะไรบางอย่างดังกระแทกหู ก่อนที่เซฮุนจะลุกขึ้นยืน แล้วหันหน้ามามองพวกผมสลับกับลู่หานที่นอนอยู่บนเตียง

     

    “พ. . .พี่ชานยอล”

    เซฮุนเลิกลั่ก ๆ กาอนที่จะกวักมือเรียก ผมลุกขึ้นเดินไปทางเซฮุน ก่อนที่จะเห็นว่าลู่หานกำลังส่ายหัวไปมาอยู่บนเตียง

     

    “อือ. . .”

    เจ้าตัวครางในลำคออยู่หลายรอบ ก่อนที่จะพยายามลืมตาขึ้นมา

     

    “ฟ. ..ฟื้นแล้ว”

    เซฮุนเอื้อมมือไปจับที่ไหล่ของลู่หานก่อนที่จะเขย่าเบาๆ สีหน้าของเขาดูดีใจเอาซะมากๆ ผมหันไปมองแบคฮยอนที่กำลังนั่งยิ้มอยู่ที่เดิม แล้วหันกลับมาทางลู่หานอีกครั้ง

     

    “อ. . .เออ. . .”

    ลู่หานค่อยๆลืมตาขึ้น ก่อนที่จะเขาจะหรี่ตาไปมาเหมือนกับกำลังพยายามจะปรับโฟกัสให้กับตัวเอง เมื่อเห็นว่าพอที่จะมองเห็นอะไรๆได้ชัดขึ้น เจ้าตัวก็รีบเด้งตัวขึ้นมานั่งบนเตียงอย่างตื่นตระหนก

     

    “ค. . .คุณ ! เซฮุน ?”

    เขากระพริบตาถี่ๆ ก่อนที่จะทักขึ้นมา เสียงของเขาไม่ได้ดังมากนักซักเท่าไหร่

     

    “ระวังหน่อยนะ ตอนนี้ก็มืดแล้วด้วย ,เดินกันให้ว่อนเลย. . .ไอ้เจ้าพวกข้างล่างน่ะ”

    แบคฮยอนที่ยืนอยู่ตรงริมหน้าต่างบอกพวกผมให้ระวังกับเสียงของลู่หาน

     

    “ช่วยลดเสียงลงนิดนึงนะครับ”

    ผมหันไปบอกพร้อมกับส่งยิ้มให้ ลู่หานขมวดคิ้วก่อนที่จะกวาดสายตามองไปรอบๆห้องของเซฮุน ก่อนที่จะจบด้วยการมองสภาพของตัวเองตั้งแต่ปลายเท้าจรดอก

     

    “ฉันมาอยู่ที่นี่...ได้ยังไง ?”

    คำถามที่เอ่ยทักท้วง ออกมาจากปากของลู่หานและมุ่งถามไปที่เซฮุน

     

    “คือ. . .” เซฮุนอ้ำๆอึ้งๆก่อนที่จะก้มหน้าลงต่ำ

     

    มันไม่เรื่องง่ายที่จะบอกความจริงกับลู่หาน. . .

    แค่เรื่องของผู้ติดเชื้อนี่ก็มากพอแล้วสำหรับเขา

    ไหนจะเรื่องพ่อ กับแม่ของเขาอีก

     

    มันจะโหดร้ายเกินไปมั้ย ?

     

    “คืออะไร ?”

    ลู่หานขมวดคิ้ว ก่อนที่จะยกมือขึ้นมาเขย่าเซฮุนที่นั่งนิ่งอยู่ข้างๆเตียง

     

    “ทำไมฉันถึงมานอนอยู่ที่นี่ ?”

     

    “ใจเย็นๆก่อนนะครับ”

    ผมตัดสินใจเข้าไปดึงแขนลู่หานออกจากเซฮุน ก่อนที่จะพยายามปรามให้เจ้าตัวสงบลง

    เพราะเสียงของเขาจะทำให้พวกเราทั้งหมดไม่ปลอดภัยแน่ๆ

    ถ้าเขายังส่งเสียงดังอยู่แบบนี้

     

     

    “คุณ. . .”

    ลู่หานหันมองมาหน้าผมก่อนที่จะขมวดคิ้วเป็นปมอีกครั้ง

    “ผมชื่อ ปาร์ค ชานยอล ส่วนนั่นก็แบคฮยอน พวกเราสองคนเป็นเพื่อนของเซฮุนน่ะครับ”  ผมส่งยิ้มให้ลู่หานก่อนที่จะแนะนำตัวให้เขาได้รู้จัก อย่างน้อยก็จะได้ไว้วางใจในระดับหนึ่ง

     

    แต่สิ่งที่เขาตอบกลับผมมาคือการถอนหายใจเฮือกใหญ่ ๆ ก่อนที่จะกลับไปขมวดคิ้วเหมือนเดิม

     

    “เอาเป็นว่าช่วยตอบคำถามของผมด้วยครับ”

    ทักท้วงคำถามกลับมาอีกตามเคย

     

    “พ่อกับแม่ของคุณ ท่านไม่อยู่แล้วล่ะครับ”

    “...”

    ผมอาสาตอบคำถามทั้งหมดแทนเซฮุน และผมก็เลือกที่จะตอบทุกอย่างไปตามตรง

     

    “พ่อกับแม่ของคุณเขาไม่ได้อยู่ที่นี่แล้วครับ”

    “. . .”

    “. . .” ผมไม่ได้พูดอะไรมากไปกว่านั้น แต่จัดการหยิบกระดาษที่คิดว่าพ่อกับแม่ของเขาหวังจะให้เขาได้อ่านมันออกมา ก่อนที่จะส่งให้เจ้าตัว

     

    “อะไร. . . . .”

    เขารับมันอย่างว่าง่าย ก่อนที่จะคลี่มันออกกาง แล้วใช้สายตากวาดอ่านข้อความที่ชักเริ่มจะจางมากขึ้นทุก ๆ ที

     

    “. . .”

    เขาเบิกตากว้าง ก่อนที่มือบางจะสั่นพร้อมกับแววตาที่ล่อกแล่กไปมา

     

    “ลู่หาน. . .”

    เซฮุนเอ่ยเรียกคนที่นั่งอยู่บนเตียงด้วยน้ำเสียงเลื่อนลอย เขานั่งมองลู่หานที่ดูเหมือนกำลังตกใจกับสิ่งที่เขาได้เห็น

     

    “ฉันคิดว่ามันเป็นแค่ความฝันซะอีก ?”

    ลู่หานถือกระดาษในมือทั้ง ๆ ที่มือของเขากำลังสั่นเทา ก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นมาพูดด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ

     

    “. . .” ผมกระพริบตาปริบ ๆ ไม่ค่อยเข้าใจสิ่งที่เขากำลังจะพยายามบอกเลยซักนิด

     

    “ฉัน. . .ฝันว่าพ่อกับแม่ทิ้งฉันไว้ที่ห้อง. . .พวกท่านร้องห่มร้องไห้จะเป็นจะตายแต่สุดท้ายก็ทิ้งฉันไว้ ในห้อง. . .คนเดียว”

    ลู่หานวางกระดาษลงบนตัก ก่อนที่จะยกมือขึ้นมากุมขมับของตัวเอง มือบางของเขาสั่นเทา ปากบางก็สั่นเช่นกัน เขาคงจะรู้สึกเสียใจสินะ

    ที่ครอบครัวทิ้งเขาไป

    แบบนี้

     

    “งั้น. . .แสดงว่าพ่อกับแม่ไปแล้ว ?”

    ดูเหมือนว่าสติของเขาจะกลับมาอีกครั้ง คำถามยังคงถูกตั้งขึ้นมาอย่างเป็นระยะๆ

     

    “ครับ. . .ตอนนี้เหลือแค่พวกผมที่อยู่ที่อพาร์ทเมนต์นี้” ตอนนี้เป็นเซฮุนที่ตัดสินใจจะตอบ

     

    “เซฮุนเขาเห็นคุณอยู่ที่ห้องพักคนเดียว เขาก็เลยตัดสินใจพาคุณมาอยู่ที่ห้องของเขา แล้วก็ดูแลคุณ. . .จนคุณฟื้นนี่ล่ะครับ”

    ผมพูดเสริม นั่นทำเอาลู่หานเบิกตากว้างก่อนที่จะหันไปมองเซฮุน

     

    “ขอบคุณนะ” ยิ้มหวานเหมือนกับในรูปที่ผมเคยเห็นปรากฏออกมาบนใบหน้าของเขา

    รอยยิ้มที่แฝงด้วยความเศร้า

     

    แต่ผมคิดว่าผมควรจะเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ณ ตอนนี้ให้เขารู้ก่อนจะดีกว่า

     

    “ลู่หาน. . .คือตอนนี้ ที่นี่ มัน. .”

    ตอนนี้ผมกำลังจะเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นตอนนี้ทั้งหมดให้ลู่หานฟัง. . .ไม่ว่าจะยังไงก็ต้องให้เขารู้

    สถานการณ์ตอนนี้มัน. .

     

    “ฉันรู้แล้วล่ะ. . .รู้ตั้งนานแล้ว

    ลู่หานพยักหน้ารับ เอ่ยตอบคำสั้นๆ

     

    “ตอนนี้โลกของเรามันเปลี่ยนไปแล้ว.. .นายกำลังจะบอกกับฉันแบบนี้ใช่มั้ยล่ะ ?”

    เขารู้.. .ได้ยังไง ?

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    7.00 น. นาฬิกาเรือนเล็กที่แขวนอยู่ตรงฝาผนังห้องของเซฮุน บ่งบอกเวลาตามหน้าที่ของมัน เจ็ดโมงเช้าแล้ว แสงของพระอาทิตย์เริ่มทำงานเหมือนทุกๆวัน

     

    “. . .” ผมกับแบคฮยอนกำลังเก็บสัมภาระเข้ากระเป๋าเป้

     

    ตอนนี้ผมรู้สึกมันโหวงๆชอบกล. . .จนถึงเวลานี้ผมก็ยังไม่รู้เลยว่าลู่หานรู้เรื่องสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้ได้ยังไง และผมก็ไม่รู้เลยด้วยว่าเขาป่วยเป็นโรคอะไร

    สิ่งที่เขาตอบกลับผมมาก็มีเพียงแค่

     

    “ไว้วันหลังจะเล่านะ”

     

    แค่นั้นจริงๆ

     

     

    “เฮ้ ชานยอล” ผมสะดุ้งเล็กน้อย เมื่อรู้ว่าแบคฮยอนกำลังสะกิดผมอยู่

     

    “เหม่ออะไรน่ะ” แบคฮยอนหรี่ตาเล็กน้อย ก่อนที่จะต่อยเบาๆเข้าที่แขนของผม

     

    “เปล่า” ผมยักไหล่ ก่อนที่จะก้มหน้าก้มตาจัดของในกระเป๋าต่อ

    กวาดสายตามองไปให้ทั่วก่อนที่จะเห็นว่า ไม้เบสบอลที่หยิบเอามาด้วยตอนนั้น หายไปแล้ว

    ดูเหมือนจะลืมทิ้งไว้ที่ไหนซักทีแน่ๆ . . .ช่างเถอะ

     

    “ขาดเหลืออะไรบอกผมได้นะ”

    เซฮุนเดินเข้ามาก่อนที่จะตบบ่าผมสองสามที

     

    “เซฮุน”

    “ครับ ?”

    “นายจะไปโซลกับพวกพี่มั้ย ?”

    คำถามเดิมที่เคยถามเขาก่อนหน้านี้ ถูกผมขุดมันขึ้นมาใช้อีกครั้ง เซฮุนเม้มปากเป็นเส้นตรงก่อนที่คิ้วจะขมวดเข้าหากันเล็กน้อย

     

    “พวกคุณจะไปโซลหรอ ?”

    ลู่หานที่นั่งอยู่บนเตียงเอ่ยถามขึ้นมาตัดบทสนทนา

    “ใช่. . .ได้ข่าวมาว่าที่นั่นยังปลอดภัยดี พวกผมจะไปที่นั่น”

    “. . .” ลู่หานพยักหน้ารับคำตอบจากผม ดูเหมือนว่าเขากำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่

     

    “ว่าไงเซฮุน”

    ผมถามเซฮุนอีกครั้ง เซฮุนยังคงนิ่ง เขากำลังใช้ความคิด

     

    แต่อาหารที่เซฮุนมีอยู่ตอนนี้ มันไม่เพียงพอเท่าไหร่ อย่างมากน่าจะอยู่ได้ประมาณ 1 – 2 สัปดาห์เท่านั้นเอง

     

    “ฉันว่า เราก็ไปกันให้หมดนี่เลยจะโอเคกว่ามั้ย ?”

    แบคฮยอนพูดขึ้นก่อนที่จะหยิบปืนของเขาขึ้นมาเช็ด

     

    “อืม. . .”

    “พ่อกับแม่ของฉันอาจจะอยู่ที่นั่นก็ได้” ลู่หานพยักหน้า ก่อนที่จะลุกขึ้นจากเตียงแล้วเดินมาทางพวกผม

     

    เขาดูร่างกายแข็งแรงกว่าที่ผมคิดไว้มาก. . .เดินเหินเหมือนคนปกติธรรมดาทั่วไป

     

    “เอาเป็นว่าพวกเราจะไปโซลกันทั้งหมด โอเคมั้ยเซฮุน ?” ผมเอื้อมมือไปจับไหล่เด็กผู้ชายที่กำลังนั่งมองหน้าผมอย่างสับสน

    “ถึงนายจะไปที่นั่นช้า. . .ก็ยังดีกว่ามานั่งๆนอนๆอยู่ที่นี่นะจริงมั้ย ?”

    สิ่งที่ผมพูดไปเมื่อกี๊ทำเอาเซฮุนถึงกับหลุดหัวเราะออกมาเบา ๆ ใช่. . .ผมรู้ว่าเขาก็อยากจะไปจากที่นี่เต็มแก่แล้วเหมือนกัน

     

    “แต่ฉันคิดว่าเราจะไปโซลโดยที่ไม่มีอาวุธอะไรไปเลยมันเสี่ยงไปหน่อยมั้ย ?”

    แบคฮยอนพูดก่อนที่จะเหน็บปืนไว้ที่กางเกง ตอนนี้กระสุนของเขาหมดแล้ว นัดสุดท้ายก็ใช้ไปตอนที่ช่วยผม

    จริงอย่างที่แบคฮยอนพูด

     

    ถ้าเราไปกันทั้งๆที่ไม่มีอะไรแบบนี้. . .

    มันเสี่ยงเกินไป

     

    “ฉันรู้ที่ที่มันเก็บอาวุธน่ะ. . .”

    เสียงเรียบของลู่หานโพล่งขึ้นมาระหว่างที่ผมกำลังใช้ความคิด ผม เซฮุน และแบคฮยอนหันไปมองหน้าลู่หานกันเป็นตาเดียว

     

    “ไม่ใกล้ไม่ไกลจากที่นี่เท่าไหร่หรอก สถานีตำรวจที่หัวมุมนี่เอง. .สนใจจะไปมั้ย ?”

    ถ้าถามว่าสนใจมั้ย ?

     

    ปกติแล้วคงจะต้องตอบว่า ไม่สนใจก็บ้าแล้ว

    แต่ถ้าในตอนนี้ล่ะก็. . .

     

    “ก็คงต้องไปล่ะ”

    “ก็ดีนะ สู้เสี่ยงตอนไปเอาอาวุธ ดีกว่าไปเสี่ยงตายเอาตอนที่จะไปโซลมือเปล่า”

    แบคฮยอนพยักหน้า ผมคิดว่าเขาก็คงอยากจะได้กระสุนมาใช้เหมือนกัน

     

    “มีแผนมั้ย ?” เซฮุนลากเก้าอี้ทั้งหมดสี่ตัวมาตั้งไว้กลางห้อง ก่อนที่พวกผมจะเดินเข้าไปนั่งที่เก้าอี้คนละตัว

     

    “อย่างแรกที่ต้องทำคือเราจะออกไปจากที่นี่ยังไง ในเมื่อเราก็ไม่มีทั้งอาวุธหรือไม่มีแม้แต่อะไรเลยซักอย่าง ไอ้เจ้าพวกนั้นก็เดินกันอยู่ให้ว่อนอีกต่างหาก”

    ผมตั้งประเด็นขึ้นมา เซฮุนกอดอกเหมือนกำลังใช้ความคิด เขาเอี้ยวตัวไปหยิบกระดาษกับปากกามา ก่อนที่จะเขียนอะไรไม่รู้ยุกยิก

     

    “ถ้าดูจากตรงนี้. . .ที่นี่คืออพาร์ทเมนต์จุดตั้งหลักของพวกเรา” เซฮุนว่าพลางใช้ปากกาจิ้มไปที่จุดวงกลมใหญ่ มันคือที่ที่พวกเราอยู่ตอนนี้

     

    “ถัดไปทางทิศใต้คือป้อมตำรวจที่พวกพี่ชายผ่านมา ทางทิศเหนือจะเป็นซุปเปอร์มาร์เก็ตกับอู่ซ่อมรถ ถ้าวิ่งไปทางทิศใต้แล้วเลี้ยวไปทางทิศตะวันออก. .”

    เซฮุนพูดพร้อมๆกับลากปากกาไปตามสิ่งที่เขากำลังอธิบาย

     

    “สถานีตำรวจ ที่นั่นล่ะ. . .มีอาวุธที่ฉันพูดถึงอยู่”

    ลู่หานกอดอก ก่อนที่จะพยักหน้ารัว ๆ

     

    “อย่าบอกนะว่าเราต้องไปทางที่เคยมาตอนนั้น”

    แบคฮยอนถามพร้อมๆกับเดินไปยืนที่ริมหน้าต่าง

    “แต่มันเดินกันให้ว่อนเลยนะ”

     

    “ก็ต้องล่อมันสิครับ” เซฮุนเสนอขึ้นมา

    “เหมือนตอนนั้นน่ะหรอ ? ที่นายช่วยพวกพี่น่ะ”

    “ตอนนั้นมันเป็นระเบิดน่ะครับ ผมมีติดตัวก็แค่ลูกนั้นลูกเดียว” เซฮุนตอบพร้อมกับทำหน้าผิดหวังเล็กน้อย คิ้วหนาเริ่มขมวดเข้าหากันมากขึ้น

    ผมไม่รู้จริงๆว่าควรจะทำยังไงต่อไปดี

     

    “พวกพี่เคย. . .เล่นไอ้นี่มั้ย ?”

    เซฮุนลุกขึ้น ก่อนที่จะเดินไปที่ตู้เย็นตรงมุมห้องอีกมุม เขาเปิดมันออกก่อนที่จะรื้อของในตู้เย็นอยู่ครู่หนึ่ง แล้วเดินไปรื้อของในกล่องลังใบใหญ่

     

    เซฮุนเดินกลับมานั่งที่เดิมพร้อมกับน้ำอัดลมกับลูกอมในมือ

    น้ำอัดลมที่ใส่ในขวดแก้วกับลูกอมเมนทอส...

    เมนทอส ?

     

    “จะทำอะไรน่ะเซฮุน ?” แบคฮยอนเอ่ยถามพร้อมๆกับเดินมานั่งที่เดิม เขามองมันอย่างอยากรู้อยากเห็น

     

    “อย่าบอกนะว่า. . .”

    สิ่งที่คิดมันดูงี่เง่าเกินกว่าที่จะพูดออกมา

     

    “เยส” เซฮุนพยักหน้าก่อนที่จะยิ้มนิด ๆ

     

    “ผมจะเอาเมนทอสใส่เข้าไปในน้ำอัดลมนี่”

    เซฮุนกระตุกยิ้มที่มุมปาก ก่อนที่จะวางน้ำอัดลมกับลูกอมไว้ที่กลางวงของพวกเรา

    นายต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆ

    เซฮุน. . .



     

    LOADING. . .
    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -


    ขอบคุณธีมสวยๆจาก △ C R A Z E  ˊ
    มาแล้วจ้าสำหรับตอนนี้ .___. อ่านคอมเม้นของแต่ละคนก็แอบเซ็ง
    ทุกคนเดาเก่งกันเกินไป 555555555555555555 คือ เดาถูกกันหมดเลย
    แต่ก็กลัวจะผิดหวังกับตอนนี้จริงๆ อ่านๆดูแล้วมันจะแปลกๆใช่มั้ย ?
    ทำไมลู่ถึงฟื้น ? ทำไมลู่ถึงรู้เรื่อง ? ทำไมลู่ดูปกติ ? #ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย
    นั่นดิ เออทำไมนะทำไม 5555555 จะไฝว้กับลู่อยู่แล้วตอนแต่งอ่ะ ใ(-_- )ใ
    ขอบคุณสำหรับทุกๆคอมเม้นนะจ๊ะ ดีใจที่มีคนเข้ามาอ่านกัน ขอบคุณมากๆจริงๆ
    ฝากติดตามเรื่องนี้ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจกันต่อไปนะ
     
     

    △ C R A Z E  ˊ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×