ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (exo) AWAKE & ALIVE.

    ลำดับตอนที่ #19 : 17 CHANGE | 520's room

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.45K
      6
      30 ก.ย. 56

    DEAD,ALIVE or UNDEAD ?

    JUST CHOOSE

    17 | ห้อง 520








    *เนื้อหาของตอนนี้ค่อนข้างแฟนตาซีแต่ไม่ตระการตา
    ผู้อ่านควรใช้จักรยานในการอ่าน





     








     

    มันเป็นเรื่องแปลก. . .

    ที่ในหลายครั้งเรารู้สึกมีความสุขเพราะคนหนึ่งคน

    และรู้สึกทุกข์เพราะคนๆเดียว

    และที่น่าแปลกไปกว่านั้น คนหนึ่งคนกับคนๆเดียวนั่น

    บังเอิญเป็น “คนๆเดียวกัน”

     

     

    ภายในห้องแคบ ๆ และการดำเนินกิจวัตรประจำวันเดิม ๆ ในช่วงปิดเทอมฤดูร้อน สิ่งที่ผมทำในทุก ๆ บ่าย ก็คือ การนั่งฟังเพลงไปเรื่อย ๆ คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย. . .เท่านั้น

     

    ชีวิตของผมในช่วงนี้. . .ไม่รู้สิ มันค่อนข้างที่จะน่าเบื่อ ไม่มีอะไรที่น่าตื่นเต้น หรืออะไรที่อยากจะทำเลยซักอย่าง

     

     

    ก๊อก ก๊อก ก๊อก

    เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นเรียกสติของผมให้กลับมา ผมหันขวับไปมองที่ประตู เสียงเคาะประตูแบบนี้ไม่ได้ยินมานานแค่ไหนแล้วนะ ?

     

     

    “คร้าบบบบ”

    ผมลุกขึ้น ตะโกนตอบรับกลับไป ก่อนที่จะเดินดุ่ม ๆ ไปที่หน้าประตูห้อง มือเอื้อมจับลูกบิด ก่อนที่จะเปิดประตูออก

     

    “. . .”

    “พี่คยองซู ?”

    เมื่อประตูเปิดออก สิ่งที่ปรากฏตรงหน้าของผมก็คือ รุ่นพี่ที่ผมรู้จัก เขามีชื่อว่า  โด คยองซู ทั้งผมและเขาอาศัยอยู่ที่หอพักเดียวกัน แต่พี่คยองซูอเช่าห้องอยู่ที่อีกชั้นหนึ่ง  

    ผมขมวดคิ้วเข้าหากัน เมื่อสายตาของผมกวาดมองสำรวจไปทั่วใบหน้าของเขา

    รอยพลาสเตอร์ที่แปะที่แก้มขวา แถมสภาพของพี่เขาตอนนี้ดูไม่ค่อยจะโอเคซักเท่าไหร่

    และที่สำคัญ. . .เขาสะพายธนูของเขาไว้กับตัว

    หรือว่าเขาจะมาชวนผมไปยิงธนู ?

     

     

    “พี่มีอะไรบางอย่างจะมาบอก”

    พี่คยองซูพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบตามสไตล์ของเขา แต่แวตาที่เขามองมาที่ผมมันไม่เหมือนเดิม มันไม่ใช่สไตล์ของเขาเลย

    “ค. . .ครับ”

    ผมตอบรับด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ คือ ตอนนี้หัวใจของผมมันเต้นแรงมาก ๆ รู้สึกตื่นเต้นไปหมด

     

    แต่แล้วสายตาของผมก็ไปสะดุดเข้ากับผู้ชายคนหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างหลังพี่คยองซู ตัวของเขาก็พอ ๆ กับผม น่าจะอายุเท่า ๆ กันด้วย แต่ผิวของเขาค่อนข้างคล้ำ. . .เออช่างเถอะ ว่าแต่

     

    เขาคือใคร ? แฟนพี่คยองซูหรอ ? ทำไมผมถึงไม่เคยเห็นหน้าเขามาก่อนเลย

     

     

    “เซฮุน. . .นายต้องรีบออกไปจากที่นี่”

    พี่คยองซูพูดพร้อมกับเอื้อมมือมาจับบ่าของผมทั้งสองข้าง อีกแล้ว. . .เขาส่งแววตาที่ทำให้ผมรู้สึกแปลก ๆ กลับมาอีกแล้ว

     

    “ท. . .ทำไมหรอครับ ?,เกิดอะไรขึ้นงั้นหรอ ?”

    คิ้วของผมขมวดเข้าหากัน ก่อนที่ผมจะเอ่ยถามออกไป

    ทำไมผมถึงรู้สึกไม่ดีเอาซะเลย

     

    “รีบเก็บของซะ เอาของที่นายคิดว่าจำเป็นที่สุดไป เสื้อผ้าซัก 2 3 ชุด,เราจะต้องรีบออกไปจากที่นี่นะ เซฮุน”

    “อ. . .เอ่อ. . .”

     

     

    “อ้าว ! หนูคยองซู หนูเซฮุน ! ไม่ได้เจอกันตั้งนานสบายดีมั้ยจ๊ะ ?”

    ในขณะที่ผมกำลังอ้ำอึ้งอยู่นั้น คุณแม่ของลู่หาน. . .ที่เดินผ่านมาก็ทักทายผมกับพี่คยองซู คือ ผมกับครอบครัวของลู่หานเราพักอยู่ที่ชั้นเดียวกัน เพราะงั้นโอกาสที่ได้เจอกันก็มีมาก

     

    “สบายดีครับ”

    พี่คยองซูหันไปตอบพร้อมกับยิ้มบาง ๆ

    “เอ๊ะ,หนูคยองซูหน้าไปโดนอะไรมาหรอจ๊ะ ?”

    คำถามถูกยิงออกไป ผมสังเกตเห็นแววตากระตุกวูบของพี่คยองซู ก่อนที่พี่เขาจะยกมือขึ้นมาจับที่พลาสเตอร์ตรงแก้มขวานั่น

    “หกล้มน่ะครับ”

    และเขาก็ตอบกลับไปพร้อมรอยยิ้มเช่นเดิม

     

    “อ๋อ. . .ทีหลังก็ระวังเนื้อระวังตัวกันหน่อยนะทั้งสองคน,ป้าขอตัวก่อนนะ”

    คุณแม่ของลู่หาน กล่าวลาก่อนที่จะเดินผ่านห้องของผมไป

     

    ถ้าจำไม่ผิดผมไม่ได้เจอครอบครัวของลู่หานเกือบเดือนกว่าแล้ว เห็นลุงคัง เจ้าของหอพักที่นี่บอกว่า พ่อกับแม่ของลู่หานไปดูอาการของลู่หาน

    ผมรู้ว่าลู่หานเป็นนักเรียนนายร้อย และต้องไปทำการฝึกนอกสถานที่ที่เกาะเชจู ส่วนเรื่องการฝึกนั้นน่าจะเป็นเกี่ยวกับอาวุธและสงคราม. . .ผมแค่เดาเล่นๆ น่ะ

    แต่หลังจากนั้นไม่นานลุงแกก็มาเล่าให้ผมฟังว่าลู่หานประสบอุบัติเหตุอะไรซักอย่าง ทำให้เขามีสภาพไม่ต่างจากเจ้าชายนิทรา. . .นั่นทำเอาผมแทบจะช็อคไปเลย

    ถ้าแม่ของลู่หานกลับมาแล้ว งั้นก็แสดงว่า ลู่หานก็ต้องกลับมาด้วยแล้วน่ะสิ ? เขาฟื้นแล้วอย่างนั้นหรอ ? หรือว่าเขาจะตายแล้ว ?

    ไม่สิ,โอ เซฮุน  มองโลกในแง่ร้ายเกินไปป่าววะ ลู่หานจะต้องไม่เป็นอะไร

     

     

    “เซฮุน”

    “ห๊ะ ! ครับ ?”

    ฝ่ามือเย็นเฉียบของพี่คยองซูเอื้อมมาจับที่ไหล่กว้างของผม ผมสะดุ้งพร้อมกับสติที่ถูกดึงกลับมาให้จดจ่อกับสถานการณ์ตรงหน้า

    “นายเข้าใจที่พี่พูดมั้ย ?”

    “เอ่อ. . .ขอโทษนะครับพี่คยองซู ผมไม่ค่อยเข้าใจซักเท่าไหร่”

    “พี่รู้ว่ามันเข้าใจยากนะ แต่นายรีบทำตามที่พี่บอกเถอะ แล้วพี่จะเล่าให้นายฟังทีหลัง”

    และเป็นอีกครั้งที่สายตาน่าขนลุกของพี่คยองซูส่งมาให้ผม ผมกลืนน้ำลายลงคอช้า ๆ ก่อนที่สายตาจะกวาดมองไปทางด้านหลัง

    ผู้ชายที่มากับพี่คยองซู สีหน้าของเขาก็ดูไม่ค่อยจะสู้ดีซักเท่าไหร่

     

    “เอ่อคือ. . .”

    “นี่โดคยองซู,ฉันไม่อยากจะมาเสียเวลาอยู่ตรงนี้นานหรอกนะ”

    ผู้ชายคนนั้นโผล่งขึ้นมา ด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด ดูเหมือนว่าพี่คยองซูกับเขาจะรีบเอาการ

    อะไรกัน. . .นี่ผมงงไปหมดแล้วนะ

     

     

    “คิมจงอิน”

    ผมคยองซูหันขวับไปมองผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างหลังเขาด้วยน้ำเสียงไม่พอใจนัก แววตาและสีหน้าของพี่คยองซูแสดงออกมาชัดเจนเลยว่าไม่พอใจสุด ๆ

     

    “ไม่เป็นไรครับพี่คยองซู,พี่รีบไปเถอะครับ”

    “นี่มันไม่ใช่เรื่องเล่นๆ นะเซฮุน,เดี๋ยวซักพักที่นี่จะไม่ปลอดภัย !

     

     

     

     

     

     

     

    “เฮ้อ !

    ผมถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ หลังจากที่เพิ่งจะลงมือปิดประตูให้ไว้อย่างเดิม พี่คยองซูเขาเอาแต่บอกให้ผมเก็บของและออกไปจากที่นี่ โดยที่ไม่บอกผมซักคำว่ามันเกิดอะไรขึ้น ? ผมสุดท้ายก็จบลงตรงที่ผมให้พี่เขาไป โดยที่ไม่ต้องรอผม

    เราตกลงกันว่าจะติดต่อกันทางโทรศัพท์มือถือ

    และผมจะตามพี่เขาไป. . .ทีหลัง

    ผมชักเริ่มสงสัยแล้วล่ะสิว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ?

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    หลังจากวันที่พี่คยองซูมาหาผมจนถึงวันนี้ก็ผ่านมาได้ 1 อาทิตย์แล้วและวันนี้ก็คงเป็นบ่ายอีกวันที่ผมเอาแต่นั่งฟังเพลงแล้วคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยอีกตามเคย. . .

    ผมตัดสินใจเดินขึ้นไปบนดาดฟ้า ที่ ๆ ผมมักไปนอนเล่นเป็นประจำหลังจากที่ส่งหนังสือพิมพ์เสร็จ

    วันนี้ท้องฟ้าสดใส. . .และอากาศก็ดีสุด ๆ ผมสูดลมหายใจเข้าปอด ก่อนที่จะมองไปรอบ ๆ อยู่บนดาดฟ้านี่มันทำให้ผมเห็นอะไรรอบๆ เมืองได้อย่างชัดเจน

     

     

    “. . .”

    สายตาของผมกวาดไปทั่วจนสุดท้ายก็ไปหมุดอยู่ที่สถานีตำรวจ. . .มันมีอะไรที่แปลกไม่เหมือนเดิม

     

    ทำไม รถตำรวจถึงเยอะจัง ? ปกติสถานีตำรวจที่นี่เงียบๆสุด เงียบยิ่งกว่าป่าช้าซะอีก แต่ทำไม. . .

     

     

    ผมยืนอยู่บนดาดฟ้าได้ซักพักใหญ่ก่อนที่จะเดินลงมากลับไปที่ระเบียงชั้นของตัวเอง ก่อนที่จะพบกับคุณนายคิม เพื่อนบ้ายห้องข้าง ๆ เธอเป็นสาวโสดอยู่ที่นี่ได้ 10 กว่าปีแล้ว เออ. . ช่างเถอะ ว่าแต่ป้าแกจะไปไหน ?

     

    ผมสังเกตเห็นว่าคุณนายคิมกำลังถือกระเป๋า กับกระเป๋าลาก ข้าวของสัมภาระเยอะแยะไปหมดอย่างกับจะย้ายบ้านอย่างไงอย่างงั้น

     

    “จะย้ายบ้าน หรือไปพักร้อนครับคุณนาย เอ๊ะ ! หรือว่าจะย้ายไปอยู่บ้านสามี เฮ้ยยยยย”

    ผมพูดแซวขณะที่คุณนายคิมกำลังเดินออกมาจากห้องอย่างรีบร้อน

    “นี่ไม่ใช่เวลามาตลกนะเซฮุน”

    คุณนายเงยหน้ามองผม ก่อนที่จะพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด

    “อ่าว. . .”

     

    “ว่าแต่เธอเถอะเซฮุน ทำไมยังไม่เก็บข้าวเก็บของล่ะ”

    “เก็บของ ?”

    “นี่เธอยังไม่เห็นข่าวอย่างงั้นหรอเซฮุน !

    ผมถามไปอย่างงงๆ จนสุดท้ายก็โดนคุณนายเหวี่ยงกลับมา

     

    “คุณนายลืมไปรึเปล่าครับว่าผมไม่มีโทรทัศน์ วิทยุ ผมก็ไม่มี”

    “แล้วข่าวในหนังสือพิมพ์น่ะเคยอ่านบ้างรึเปล่า ? เธอเป็นเด็กส่งหนังสือพิมพ์นะ !

    “เออช่างมันเถอะ แต่ตอนนี้เธอต้องรีบเก็บของออกไปจากที่นี่นะ ไปที่โซล”

    “ก. . .เกิดอะไรขึ้นหรอครับ ?”

    “ป้าเห็นข่าวฉุกเฉินที่รัฐบาลออกมาประกาศน่ะ เห็นเขาว่าตอนนี้เกาหลีใต้กำลังมีเชื้อแพร่ระบาดอยู่ ให้ประชาชนทุกคนอพยพไปที่โซล ทางรัฐบาลจะมีสวัสดิการและการป้องกันไว้ให้”

    คุณนายคิมเล่าอย่างรวดเร็ว จนผมปะติปะต่อเรื่องแทบไม่ทัน

    มันจะใช่เรื่องเดียวกันกับที่พี่คยองซูมาบอกผมรึเปล่านะ ?

     

    “เอาเป็นว่าเธอรีบเก็บของแล้วไปโซลซะนะเซฮุน ป้าไปก่อนล่ะ”

    คุณป้าจับไหล่ผมก่อนที่จะออกแรงบีบมันเบา ๆ แล้วเดินหอบสัมภาระลงบันไดไป ผมยืนนิ่งอยู่ที่หน้าห้องของป้าเขา ยกมือขึ้นมาเกาหัว

     

    ผมตัดสินใจกลับเข้าไปในห้องของตัวเองอีกครั้ง แต่ผมไม่ปิดประตูห้อง ห้องของเป็นห้องที่อยู่ใกล้กับบันได เพราะงั้นถ้ามีคนจะเดินลงก็จะต้องเดินผ่านห้องผมไปก่อน เผื่ออย่างน้อยเราจะได้ออกไปพร้อม ๆ กัน

    ผมมองหาของที่คิดว่าจำเป็นเก็บเข้ากระเป๋าสะพายใบเดียวที่ตัวเองมีอยู่ เวลาผ่านไปเนิ่นนานพอสมควร

     

    ผมเดินออกไปหยุดยืนอยู่ที่หน้าห้องของตัวเอง จัดการปิดประตูและกำลังจะล็อกประตูห้อง แต่แล้วผมก็ต้องไปสะดุดตาเข้ากับพ่อกับแม่ของลู่หานที่กำลังเดินผ่านหน้าห้องของผมไป

    ไม่มีคำทักทายหรืออะไรปรากฏมาทั้งสิ้น

     

     

    “เอ่อ. . . คุณป้าครับ”

    ผมอ้ำๆ อึ้งๆ เรียกออกไป คุณแม่ของลู่หานหันมามองหน้าผม ผมสังเกตเห็นใบหน้าของเธอดูไม่ดีเอาซะเลย ดวงตาบวมแถมยังแดงก่ำอีกด้วย คุณพ่อของลู่หานก็มีสีหน้าที่ไม่สู้ดีเล่นกัน

    เกิดอะไรขึ้นรึเปล่า ?

     

    “. . .”

    ผมเงียบความรู้สึกมันเหมือนมีก้อนบ้าอะไรไม่รู้มาจุกอยู่ที่คอ ไม่มีอะไรหลุดออกไปจากปากของผมเลย จนสุดท้ายพ่อและแม่ของลู่หานก็เดินลงบันไดไปพร้อมกับข้าวของของพวกเขา

     

    แล้ว. . .ลู่หานล่ะ ?

     

    ผมยืนค้างอยู่ที่หน้าห้องพร้อมกับคำถามมากมายในหัว

     

    เออ.  . .ช่างมันเถอะน่าโอเซฮุน นายต้องรีบออกไปจากที่นี่นะไม่ว่าจะยังไงก็ตาม

     

    มันจะดีหรอโอเซฮุน ถ้าเกิดลู่หานยังอยู่ในห้องล่ะ ?

     

    เขาตายแล้วไม่ใช่รึไง ?

     

    ทำไมแกถึงได้คิดอะไรอัปมงคลแบบนี้กันล่ะโอเซฮุน บางทีลู่หานอาจจะนอนอยู่ในห้องก็ได้

     

    แล้วจะไปยุ่งกับลู่หานทำไมวะ ?

     

    ก็แกรู้สึก. . .

     

     

    “โอ้ยยย ! แม่ง ปวดหัว !

    ผมสบถพร้อมกับขยี้หัวไปมาจนมันฟูฟ่องไปหมด ก่อนที่จะตัดสินใจเดินไปที่ห้องพักของลู่หาน

    มือของผมเอื้อมจับเข้าที่ลูกบิดประตู

     

    ประตูล็อค. . .

     

    เอาไงดีวะ

     

    “อ่าวเฮ้ย ! เซฮุน ยังไม่ออกไปอีกหรือไง ?”

    ขณะที่ผมกำลังคิด ลุงคัง เจ้าของหอพักแห่งนี้ก็วิ่งเข้ามาหาผม ดูเหมือนว่าลุงแกกำลังจะตรวจเช็คหอพักเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะไปจากที่นี่

     

    “อ้าวลุงคัง !

    “รีบออกไปจากที่นี่ได้แล้วนะเซฮุน”

    “ลุง ลุงมีกุญแจของแต่ละห้องใช่มั้ย ?”

    ผมถามออกไป ลุงคังพยักหน้าแทนคำตอบก่อนที่จะหยิบพวงกุญแจที่มีกุญแจอยู่นับสิบมาให้

    “ขอบคุณครับ ?”

    “จะเอาไปทำอะไรน่ะ ? นี่อย่าบอกนะว่าเธอจะเปิดห้องนี้ เจ้าของห้องนี้ออกไปแล้วนะ”

    “ขอโทษครับ แต่ผมรู้สึกเหมือนกับว่าเขาลืมของเอาไว้”

    ผมไล่นิ้วหาพวงกุญแจที่มีเลขห้องติดไว้ ห้องของลู่หานเป็นห้องหมายเลข 520

    เจอล่ะ. . .

     

    ประกาศ ๆ ขอให้ประชาชานทุกท่านออกจากที่พักของท่านเวลานี้โดยด่วน

    ทันทีที่ผมกำลังจะเอากุญแจเสียบเข้าที่ประตู เสียงประกาศเตือนก็ดังขึ้น ผมบิดกุญแจไขล็อคประตูก่อนที่จะรีบผลักประตูให้เปิดออก

     

    “เซฮุน ! เร็วเข้าสิ !

    คุณลุงคังตะโกนเร่งผมด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก

    “อย่าเร่งเร้าผมสิ !

    ผมตะโกนกลับไป ก่อนที่จะตรงดิ่งไปที่ห้องนอน ผมเปิดประตูอย่างแรง ก่อนที่ภาพตรงหน้าจะทำเอาผมช็อคไปเลย

    มีคน. . .นอนหลับอยู่บนเตียง. ..

     

    “ล. . .ลู่หาน !

    ผมรีบวิ่งเข้าไปหาร่างของลู่หานที่นอนแน่นิ่งอยู่บนเตียง ก่อนที่จะเขย่าร่างของเขาอย่างแรง

    เขายังหายใจ. . .

     

    “ลู่หาน ตื่น !

    “ลู่หาน !

     

    “เซฮุนเร็วๆเข้าสิ !

    “ลุงไปก่อนเลย !

    เสียงของลุงคังดังมาจากหน้าห้อง ผมตะโกนตอบกลับไปพร้อม ๆ กับช้อนร่างที่สลบเหมือดของลู่หานขึ้นมา

     

    “โธ่เว้ย !

    ผมสบถออกมาอย่างหัวเสีย เมื่อร่างของเขามันถูกโยงยางด้วยสายบ้าบอคอแตกอะไรก็ไม่รู้มากมายไปหมด มันลำบากต่อการเคลื่อนย้ายมาก จนสุดท้ายผมก็ทิ้งเขาไว้บนเตียงเหมือนเดิม

     

    “. . .”

    ผมหันกลับไปมองลู่หานด้วยความรู้สึกมากมายเต็มไปหมด ผมกำลังเศร้า กำลังแตกตื่น หรือกำลังรู้สึกอะไรกันแน่ ?

     

    “ขอโทษนะลู่หาน. . .”

    ผมจับมือที่ยังอุ่น ๆ ของลู่หานมากำไว้แน่น เอ่ยขอโทษ ก่อนที่จะวางมือของเขาไว้ข้างลำตัวอย่างเดิม และรีบจ้ำอ้าวออกจากห้อง ๆ นี้

     

    ผมวิ่งลงบันไดอย่างรวดเร็ว จนไปถึงหน้าหอพักที่มีลุงคังยืนรออยู่ ดูเหมือนว่ากำลังจะมีรถของทางตำรวจมารับพวกเราออกไปจากที่นี่

    ผมแหงนหน้าขึ้นมาหน้าต่างห้องพักของลู่หาน. . .

     

    ให้ตายเถอะ ทำไมผมถึงได้รู้สึกกระวนกระวายใจแบบนี้กันนะ ?

     

    “ไปเร็วเซฮุน !

    ทันทีที่รถเคลื่อนย้ายนักโทษที่ถูกเอามาใช้ในสถานการณ์แบบนี้มาถึง ลุงคังก็รีบตะโกนเรียกผม ก่อนที่ลุงคังจะกระโดดขึ้นไปบนรถ

     

    “ลุง. . .”

    “รีบเข้ามาเร็วเข้าเซฮุน !

    “ไปเลยครับลุง ! ผมจะอยู่ที่นี่ !

    “ว่าไงนะ ?

    “ขอบคุณสำหรับทุกอย่างนะครับลุง ผมจะอยู่ที่นี่ !

    ผมตะโกนไล่หลังไป ในขณะที่รถเคลื่อนย้ายนักโทษก็เคลื่อนที่ออกห่างจากหอพักแห่งนี้มากขึ้นเรื่อย ๆ จะมันลับสายตาไป

     

     

     

    “. . .”

    ผมเดินกลับเข้ามาในหอพักอีกครั้งจัดการล็อคประตูหน้าหอพักให้แน่นหนา ดึงลูกกรงเหล็กลงมาอีกปิด จัดการลากโซฟา หรืออะไรก็ตามที่ขวางประตูได้มาขวางประตูให้หมด

    ผมไล่ปิดหน้าต่างทุกบานในหอพักแห่งนี้ และกลับสู่ห้องของตัวเองอีกครั้ง

    ผมนั่งครุ่นคิดอยู่ได้ครู่ใหญ่ จนสุดท้ายก็ถือวิสาสะเดินเข้าไปในห้องของคุณนายคิม

     

    “คุณนายผมขออนุญาตดูโทรทัศน์ซักหน่อยนะครับ”

    ว่าจบผมก็จัดการหยิบรีโมทขึ้นมาเปิดโทรทัศน์ดู ภาพสีปรากฏขึ้นมาตามหน้าจอ ตอนนี้มันเป็นเวลาประจวบเหมาะกับรายการข่าว

    รายงานข่าวสดจากสถานีโทรทัศน์โซล ตอนนี้สถานการณ์ความคืบหน้าจากเหตุการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไม่ทราบชนิดอยู่ในสถานการณ์ที่สามารถควบคุมได้ในระดับหนึ่ง. . .

    เชื้อไม่ทราบชนิดหรอ ?

     

    และรูปภาพประกอบข่าวก็ถูกเผยแพร่ออกมา มันเป็นภาพของ. . .คนที่ไล่กินคน ? ให้ตายสิ. . .มันเหมือนกับพวกผีดิบ ซอมบี้ ?  ในเกมอย่างไงอย่างงั้นเลย

    มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ?

     

    ผมถึงคำถามคาใจไว้กับตัวเอง จัดการปิดโทรทัศน์แล้วเดินออกมาจากห้องของคุณนายคิม ขายาวทั้งสองข้างของผมก้าวสลับกันไปมา มารู้ตัวอีกที่ผมก็หยุดยืนอยู่ที่หน้าห้องของลู่หานซะแล้ว

     

    “. . .”

    ผมยืนมองประตูไม้บานใหญ่ ก่อนที่มือหนาจะผลักมันเปิดออกอย่างใจเย็น ผมก้าวเท้าเข้ามาในห้อง สายตาของผมกวาดมองไปรอบ ๆ ห้องที่ว่างเปล่า

    จนสุดท้ายผมก็ไปสะดุดเข้ากับกระดาษแผ่นหนึ่งที่วางอยู่บนชั้นวางของกับรูปโพลารอยด์ ดูเหมือนจะเป็นรูปของลู่หานตอนเด็ก ๆ

    รอยยิ้มของเขามันสดใสมาก

     

    ความอยากรู้อยากเห็นสั่งให้ผมหยิบกระดาษแผ่นนั้นมาอ่านดู

    ขอโทษ นี่อาจจะเป็นคำพูดเดียวที่จะบอกกับลูกในตอนนี้ พ่อกับแม่ไม่มีทางเลือกอีกแล้วนอกจากที่จะต้องปล่อย. . .ออก. . .หวังว่า. . .คง. . .ขอโทษ  พ่อและแม่ขอโทษจริงๆนะ ล. . .

     

    ผมอ่านข้อความที่ถูกเขียนอย่างลวก ๆ ดูเหมือนว่าคนเขียนจะรีบร้อนเอาซะมาก ๆ แถมหมึกของมันยังจางหายไปเป็นบางจุดด้วย

    แม่ลู่หานเป็นคนเขียนอย่างงั้นหรอ ?

     

    ผมวางกระดาษแผ่นนั้นไว้ที่เดิม ก่อนที่จะเดินเข้าไปในห้องนอนของลู่หาน

    เขายังคงหลับ. . .

    ผมลากเก้าอี้ไม้ที่วางอยู่ตรงมุมห้องมาไว้ข้าง ๆ เตียง ทิ้งตัวลงนั่งข้าง ๆ ร่างของเขา ก่อนที่มองเขาอย่างพิจารณา

     

     

     

    “นี่เป็นสาเหตุที่ทำให้ผมต้องอยู่ที่นี่ต่อรึเปล่า ?

    .

    .

    .

    ลู่หาน”

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    “ลู่หาน !

    “เซฮุนฉันบอกให้ปล่อย !

    ลู่หานตะโกนอย่างหงุดหงิดพร้อมกับฟาดท่อนแขนลงที่หลังของผมอย่างแรง ดูเหมือนตอนนี้สติของเขาจะไม่อยู่กับเนื้อกับตัวอีกต่อไปแล้ว

     

    “. . .”

    ผมกัดฟันแน่น พยายามสกัดกั้นความเจ็บปวดไว้ ก่อนที่จะตั้งหน้าตั้งตาวิ่งต่อโดยที่ไม่ได้หันกลับไปมองข้างหลัง

    ผมไม่รู้ว่าตอนนี้พวกมันวิ่งตามพวกเรามามากแค่ไหน

    แต่เสียงครางในลำคอกับเสียงฝีเท้าของพวกมันยังคงก้องอยู่ในโสตประสาทของผม

     

    ผมวิ่งหักเลี้ยวเข้าไปในห้องน้ำ รีบปิดประตูห้องและล็อคกลอนอย่างรวดเร็ว

    มันเป็นห้องน้ำขนาดใหญ่ที่ดูเหมือนจะมีไว้สำหรับนักกีฬา ฝักบัวเรียงรายอยู่ข้างผนัง และลึกเข้าไปเป็นส่วนของห้องส้วม. . .

     

    “. . .”

    ลู่หานเงียบลงแล้ว ผมค่อย ๆ ปล่อยเขาลง เขายืนเต็มความสูงก่อนจะจ้องมองผมด้วยแววตาที่ว่างเปล่า

    “ลู่หาน. . .”

    “พ่อ. . .พ่อของฉัน”

    ลู่หานก้มหน้าลงจนคางแทบจะชิดกับอก ผมเอื้อมมือไปจับไหล่ทั้งสองข้างของเขา จัดการบีบมันแรง ๆ จนลู่หานเงยหน้ากลับมามองผมอีกครั้ง

     

    ผมจ้องมองลึกเข้าไปในดวงตาของเขา มันไม่มีอะไรเลย. . .แววตาของเขามันไม่มีอะไรเลย

     

    “นายต้องเข้มแข็ง”

    “. . .”

    “เข้าใจมั้ยลู่หาน ?”

    “ฉันคิดว่าฉันไม่ควรจะฟื้นขึ้นมาเลย”

    น้ำใส่ ๆ เริ่มมาคลอที่เบ้าตาของเขา ลู่หานเบือนหน้าหนี้ไปอีกทาง พลางยกหลังมือขึ้นมาปาดน้ำตาใส ๆ ออก

     

    “. . .”

    “ฉันไม่น่าฟื้นขึ้นมาเลย”

    เขาพูดทั้ง ๆที่ยังสะอื้น ไหล่ของเขามันก็สั่นมาก ผมทำได้เพียงจ้องมองเขา ไม่มีคำพูดอะไรที่ผมอยากจะพูดออกไปเลยทั้งสิ้น

     

    “. . .”

    “ลู่หาน. . .”

     

    ปึง ! ปึง !’

    “เวรเอ๊ย !

    ผมสบถอย่างหัวเสียเมื่อพวกมันเดินตามมาทัน และกำลังจะพังประตูเข้ามา พวกมันยืนออกันอยู่ที่ประตูประมาณ 5 – 6 ตัว ผมกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก

    ตอนนี้เราจะต้องรีบหาทางออกไปจากที่นี่

     

    “พ่อ. . .”

    และเป็นอีกครั้งที่ลู่หานเอ่ยเรียกคนที่ได้ชื่อว่าเป็น พ่อ’  เขาก็กำลังจะเดินเข้าไปใกล้ประตูอีกครั้ง

     

    “ลู่หาน ! หยุด !

    ผมเอื้อมมือไปรั้งแขนของลู่หานเอาไว้ จัดการกระตุกมันอย่างแรงจนลู่หานเซกลับมายืนอยู่ที่เดิม ผมจับข้อมือเขาไว้แน่นและไม่คิดจะปล่อย

    สติของลู่หานตอนนี้มันแทบจะกลายเป็น 0

    ผมกวาดตามองไปที่ประตูใช่. . .ถ้าผมจำไม่ผิดนั่นต้องเป็นพ่อของลู่หานแน่ ๆ  เขาตายแล้ว แต่ที่แย่ไปกว่านั้นคือ เขากำลังจะเข้ามากินพวกเรา !

     

    “เอาล่ะ,ลู่หานฟังให้ดีนะ”

    ผมหันไปพูดกับลู่หานด้วยน้ำเสียงจริงจัง ลู่หานที่ตอนนี้มีสีหน้าที่ตื่นตระหนกหันมามองผมด้วยแววตาลุกลี้ลุกลน เหงื่อเม็ดใสปรากฏอยู่ทั่วใบหน้า

     

    “พ่อของนายน่ะเขาเปลี่ยนไปแล้ว”

    “. . .”

    “เพราะงั้น. . .เราจะต้องปล่อยเขาไป และรีบออกไปจากที่นี่เข้าใจมั้ย ?”

    “. . .”

    ผมลดน้ำเสียงลงและพยายามพูดให้ผ่อนคลายมากยิ่งขึ้น ลู่หานพยักหน้ารับ เบา ๆ

    ผมกระชับกระเป๋าสะพายของลู่หาน ก่อนที่จะกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ห้อง จนสุดท้ายผมก็ไปหยุดอยู่ที่ช่องระบายอากาศขนาดใหญ่. . .มันใหญ่มากพอที่ผมจะปืนขึ้นไปและคลานเข้าไปได้

    น่าจะใช้ได้. . .

     

    ตึงงงงง !’

    เสียงดังขึ้น ผมรีบหันขวับไปทางต้นเสียง ก่อนที่จะพบว่าประตูถูกพังออก พร้อม ๆ กับร่างหิวโซที่เดินตรงดิ่งเข้ามาในห้อง

    ผมรีบถอยหลังมาจากจุดนั้นตามสัญชาตญาณ แต่.. .ลู่หาน

    ยังยืนนิ่ง. . .ให้ตายเถอะ !

     

    “พ่อ. . .”

    ลู่หานยืนนิ่งก่อนที่จะเอ่ยเรียกพ่อของเขา เสียงของเขาเบามากจนแทบจะกลายเป็นการกระซิบ

    ร่างของพ่อลู่หานยังคงเดินตรงดิ่งมาที่เขา มือทั้งสองข้างยกขึ้นมาตามสัญชาตญาณดิบ พร้อมกับอ้าปากให้เขี้ยวคมนั้นโผล่พ้นมารอรับกับอาหารที่ยืนรออยู่ตรงหน้า

     

    “ลู่หาน !

    ผมรีบพยุงตัวเองเพื่อที่จะยิ่งไปกระชากลู่หานออกมา แต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อร่างหิวโซร่างหนึ่งพุ่งถลาเข้ามาหาผมอย่างรวดเร็ว


              “โอ้ย !

    ผมโดนร่าง ๆ ในดันจนหลังชนเข้ากับประตูห้องส้วม มันกระแทกแรงมากจนผมจุกไปเลย

    กึก กึก กึก กึก กึก

    ผมใช้ขาข้างหนึ่งยันร่างมันไว้ ในขณะที่มันก็กำลังโถมแรงเข้ามาทางผม ปากของมันอ้ากว้างและอยู่ห่างจากหน้าของผมไม่ถึงคีบ ฟันของมันขบไปมาอย่างหิวกระหาย ผมเบือนหน้าไปทางลู่หานที่ยังคงยืนนิ่ง

    และร่างของพ่อเขาก็เข้ามาใกล้เขามากขึ้นไปอีก

     

    ลู่หานได้สติซักทีสิ !

     

    “พ่อ. . .จำได้มั้ยว่าใครเป็นคนสอนผมยิงปืน”

    ลู่หานพูดออกมาเบา ๆ พร้อมกับมือที่เอื้อมไปด้านหลัง คว้าหยิบยกปืนที่เหน็ยบอยู่ที่กางเกงออกมา

    “อืออออออ”

    “พ่อสอนผมเสมอว่าให้เลือกยิงคนที่ทำผิด

    ลู่หานปลดเซฟตี้ และยังคงพูดไปเรื่อย ๆ

     

    “ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าใครที่ผิด. . .ผมขอโทษครับพ่อ”

    ลู่หานยกปืนขึ้น ก่อนที่เขาจะจ่อมันเข้าที่. . .

    หัวของเขา

    นี่มันบ้าไปแล้ว !

     

    “ลู่หานนายจะทำบ้าอะไรของนายน่ะ !!!!!

    ผมตะโกนสุดเสียง และกำลังจะวิ่งเข้าไปกระชากปืนออกมาจากมือเขา แต่ก็ถูกไอ้ร่างหิวโซนี่ดันติดกับประตู แรงของผมมันเหมือนถูกสูบออกไปหมด ไม่รู้ว่าเพราะผมเหนื่อย หรือเป็นเพราะ สติที่กำลังจะขาดออกจากกันของผมกันแน่ ?

     

     

     

    “ผมผิดไปแล้ว. . .ผมขอโทษ”

    ลู่หานก้มหน้า มือที่จับปืนของเขามันก็สั่นระริก กระบอกปืนจ่อแนบที่ศีรษะของเขา และนิ้วเรียวของลู่หานก็เกี่ยวเข้าที่ไกปืน

    อย่านะ. . .ลู่หาน

     

     

    ปัง !’



























































    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

    โอเซฮุนพาร์ท
    มาอัพแล้วจ้า ตอนนี้เป็นพาร์ทของโอเซฮุนนะ
    อย่าลืมไปติดแท็กกันในทวิตเตอร์ #อวออล นะก๊ะ
    จะตามไปส่อง ฟิ้วฝึ่บปิ้วปิ้ว
    เม้นเถิดจะเกิดผล แท็กเถิดจะเกิดผล
    พบกันใหม่โอกาสหน้าจ้า บายยยยยยยยยยยยยยยยย เลิฟฟฟฟฟ ><
    ขอบคุณธีมสวยๆจาก 
    △ C R A Z E ˊ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×