ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (exo) short fiction ▲ grocery'

    ลำดับตอนที่ #7 : ▲ grocery 6 . Lie detector (Part 2.)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 575
      0
      2 ก.พ. 56

     

    Lie Detector



    ปล. มีปริศนาซ่อนอยู่ในภาพนะจ๊ะ

     


                    TITLE ; LIE DETECTOR (2)

                    PAIRING ; KRISLAY / SULAY / TAO / CHENMIN / HUNHAN / KAIDO / KRISYEOLBAEK

                    AUTHOR ; NIDNAD (นิดนัด)

                    WARNING ; กรุณากลับไปอ่านพาร์ท 1 ก่อนเด้อสำหรับคนที่ยังไม่ได้อ่าน




     

    หลังจากที่จงแดเดินออกมาจากโต๊ะที่มินซอกกับเทานั่งอยู่ เขาก็มุ่งหน้าไปยังห้องเรียนประจำของเขา หวังว่าจะหาเพื่อนซักคุยมาคุยนั่งปรับทุกข์ แต่ก็ไม่พบใครในห้องเรียน นอกจากความว่างเปล่า

     

                ไอ้เซฮุน ไอ้ชานยอล แบคฮยอน พวกมึงไปมุดหัวที่ไหนกันวะ ?

     

                จงแดร้องเรียกหาเพื่อนๆทั้งสามคนของเขา แต่ก็ไม่พบใคร แล้วก็ไม่มีใครตอบกลับ นอกจากความเงียบที่ปกคลุม ร่างสูงจึงตัดสินใจเดินไปที่ล็อกเกอร์ของนักศึกษาหลังห้องเรียน

     

                “…”

     

                ปึ้ง !!! ปึ้ง !!!

     

                “ไอ้เชี่ยเทา ไอ้เวรตะไล !!!!”

     

                เสียงอะไรบางอย่างกระทบเข้ากับตู้ล็อกเกอร์เหล็กอย่างจัง ตามมาด้วยเสียงโวยวายของจงแดที่อยู่ภายในห้องเรียนคนเดียว ดูเหมือนตอนนี้ร่างสูงกำลังขาดสติยับยั้งตัวเอง มือหนาต่อยลงไปที่ตู้ล็อกเกอร์แบบไม่ปราณีปราศรัยใคร หวังแค่ว่าจะระบายความแค้นที่มีอยู่เต็มอก

     

                ไอ้ห่าเอ๊ย !!!!”

     

                ปึ้ง !!!! ปึ้ง !!!!

     

                หยุดนะไอ้จงแด !!!!”

     

                เสียงของชานยอลดังขึ้นจากหน้าห้องเรียน ก่อนที่แบคฮยอนจะวิ่งตามมาติดๆ จากนั้นทั้งชานยอลและแบคฮยอนก็วิ่งเข้าไปลากเพื่อนของตัวเองออกมาจากตู้ล็อกเกอร์หลังห้อง

     

                ปล่อยกู !!!!”

                “มึงเป็นเชี่ยไรไอ้จงแด !!!” ชานยอลตวาดใส่เพื่อนของตัวเองที่ตอนนี้ยืนทำตาขวางใส่เขา

                “…”

                “จงแด เป็นอะไร ? ไหนเอามือมาดูซิแบคฮยอนขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ ก่อนจะดึงมือเพื่อนของเขามาดู รอยแดงปนกับแผลถลอกอีกนิดหน่อยที่มือหนา ทำให้ทั้งชานยอลและแบคฮยอนรู้สึกใจไม่ดีที่เห็นเพื่อนในสภาพนี้

                “…”

                “มึงทะเลาะกับมินซอกอีกแล้วล่ะสิ

                “…”

                “จงแด แกเป็นอะไร พูดมา…”

                “เปล่า…”

                “เปล่าบ้าอะไรวะ ก็มึงเล่นต่อยล็อกเกอร์จนมือมึงช้ำขนาดเนี้ย ยังจะมีหน้าบอกว่าเปล่า เดี๋ยวกูก็ต่อยหน้ามึงมั่งหรอกชานยอลพูด

                นี่อย่าบอกนะ ว่าตอนนี้มึงยังไม่หายโกรธมินซอกเรื่องไอ้เทาไอ้อะไรนั่นที่มึงเล่าให้กูฟังน่ะ ?

                “…”

                “มึงอย่าเอาแต่เงียบดิวะ

                “เออ กูเกลียดไอ้เชี่ยเทาอะไรนั่น พอใจยัง…”

     

    จงแดพูดจบก็เดินออกไปจากห้องเรียน ชานยอลกับแบคฮยอนได้แต่ถอนหายใจกับเพื่อน ก่อนที่ชานยอลจะวิ่งออกไปคว้าตัวจงแดไว้

     

    ถ้ามึงไม่พอใจอ่ะนะ ก็นัดมันไปซัดตัวต่อตัวแม่งเลย งานถนัดของมึงนี่ไอ้จงแด

    กูอยากทำจะตายห่าอยู่ละ แต่ที่กูไม่ทำ ก็เพราะมินซอกนั่นแหละ

    ทำไมวะ มินซอกจะรู้อะไร ถ้าเกิดมึงจะซัดซะอย่าง มึงก็ไม่ต้องบอกเมียมึงสิวะ

    มึงก็รู้นี่ ว่าไอ้ห่าเทานั่นแม่งมารยา ทุกวันนี้แม่งก็มาเกาะแกะมินซอกตลอด ลองถ้ากูซัด เดี๋ยวมันก็ไปเรียกคะแนนน่าสงสารจากมินซอกได้อีก

    มึงนี่จริงๆเล้ย…”

    ว่าแต่จงแด แล้วอยู่ๆนายก็ทิ้งให้มินซอกนั่งกับเทาสองคนน่ะ ไม่คิดบ้างเหรอ ?แบคฮยอนพูดขึ้นมา ทำให้จงแดเริ่มสะกิดใจได้

    เออว่ะ !!!!!” ทั้งชานยอลและจงแดต่างพูดพร้อมกัน ก่อนที่จงแดจะวิ่งหายออกจากตึกวิศวะฯ ไป

     

    ตอนนี้จงแดรีบวิ่งไปยังมุมโต๊ะหินอ่อนหน้าอาคารวิทยาศาสตร์ ที่ที่เขาเพิ่งไปมาเมื่อครู่นี้ แต่แล้วก็ต้องหยุดชะงักลง เมื่อเห็นภาพตรงหน้า

     

    เทากำลังกอดคอมินซอก แล้วยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ

     

    ไม่ต้องรอให้สมองสั่งการเรียบเรียงใดๆทั้งสิ้น ตอนนี้ขาทั้งสองข้างเดินตรงหน้าไปตามที่ใจที่เต็มไปด้วยความคับแค้น มุ่งหน้าไปหาบุคคลทั้งสองที่นั่งอยู่ที่โต๊ะหินอ่อน

     

    ไอ้เทา มึง !!!!”

    จงแด !!!!”

    ตกใจที่เห็นกูเหรอไอ้เทา ? ทำไม มึงกำลังจะทำอะไร จะแอ้มแฟนกูเหรอ !”

    ไม่ใช่นะเว้ย !!”

    ไม่ใช่นะจงแด …” มินซอกรีบเดินมาตรงกลางระหว่างทั้งคู่ ตอนนี้สายตาของจงแดมองเทาอย่างเอาเป็นเอาตาย ส่วนเทาได้แต่มองนิ่งๆ แต่ในใจก็รู้สึกหวาดเสียวพอสมควร

    นี่ก็อีกคน เหอะหลบไปมินซอก ไม่เกี่ยวกับนายจงแดพูด ก่อนจะผลักคนตัวเล็กออกไปข้างๆ แล้วเดินมุ่งหน้าไปหาร่างสูงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาในตอนนี้

     

    ตุ้บ !

     

    มือหนาชกลงไปที่ใบหน้าคมของเทา ก่อนที่ร่างสูงจะลงไปนอนกับพื้นตามแรงผลักของจงแด

     

    ไอ้เทา วันนี้กูจะเอาเลือดชั่วมึงออก !!”

    เป็นเชี่ยไรมึงวะ !!”

    จงแด หยุด !!!”

     

    ตุ้บ ! ตุ้บ !

     

    ตอนนี้จงแดไม่สนใจอะไรรอบข้าง นอกจากคนตรงหน้าของเขาที่ตอนนี้ลงไปนอนกองกับพื้น ก่อนที่จงแดลงจะลงไปนั่งคร่อมซ้ำ แล้วใช้มือหนาของตัวเองชกลงไปที่หน้าของเทาซ้ำไปซ้ำมา ราวกับระบายความคับแค้นที่มีอยู่ในใจ

     

    ไอ้เชี่ยจงแด !!” เทาพยายามลุกขึ้นสู้ ถึงแม้ว่าเขาจะตัวใหญ่กว่าจงแด แต่ถ้าเทียบกันแล้ว ยังไงซะตอนนี้จงแดที่เหมือนคนผีเข้าก็มีแรงมากกว่า

    กูบอกไว้เลยนะ ว่ามินซอกเป็นของกู อย่ามายุ่งกับแฟนกู ชัดมั้ย !!!!”

    หยุดเดี๋ยวนะนี้จงแด หยุด !!!” มินซอกรีบวิ่งเข้ามาดึงจงแดออกจากเทา แต่ก็ไม่มีแรงมากพอจะสู้จงแดเวลาโมโหได้

    อย่ามายุ่ง !” จงแดตวาดก่อนจะผลักร่างเล็กออกไปจนล้มลงไปนั่งกับพื้น

    จงแด เป็นบ้าอะไร !!!”

    ทำไม ห่วงมันมากรึไง

    อะไรของนายเล่า หยุด !!!” มินซอกพยายามฝ่าเข้าไปผลักจงแดออกจากเทา จนจงแดกระเด็นออกไปตามแรงผลัก

    เทา เป็นไงมั่ง ?มินซอกหันกลับไปดูเทาโดยไม่สนใจคนตรงหน้าแม้แต่น้อย

    ไม่เป็นไร เหมือนจะปากแตกน่ะ ไม่เป็นอะไรมากหรอก

    จงแด เป็นบ้าอะไร !!!”

    ไอ้เทา กูขอเตือนมึงไว้เลยนะ ต่อไปถ้ามึงยังมาเข้าใกล้มินซอกอีก กูไม่ปล่อยมึงไว้แน่จงแดพูดพร้อมชี้หน้าอย่างเอาเรื่อง

    เลิกบ้าซักทีเถอะน่ะ !” มินซอกตวาดอย่างเหลืออด

    นายก็เหมือนกัน มานี่…” จงแดเดินเข้าไปหวังจะลากมินซอก แต่คนตัวเล็กกลับสะบัดมือออก

    ไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น ถ้าจะคุยก็คุยมันตรงนี้แหละ

    “…”

    จงแด เป็นอะไรของนาย ?

    “…”

    โอ๊ย…” เสียงของเทาดังขึ้น ทำให้มินซอกต้องหันกลับไปมอง

    เทา ไหวรึเปล่า ?

    อาเจ็บที่มุมปากน่ะ

    “…”

    จงแด เป็นบ้าอะไร ไปต่อยเทาทำไม

    “…”

    ถ้านายไม่ตอบฉัน ฉันจะถือว่าเทาถูกคนอันธพาลคนนึงต่อย…”

     

    แล้วเราก็จบกันแค่นี้

     

    สิ้นประโยคสั้นๆของมินซอก ทำให้จงแดได้แต่มองภาพที่เห็นตรงหน้าด้วยใบหน้าที่นิ่งเรียบ แต่ในใจเต็มไปด้วยความคับแค้น แต่ดูเหมือนตอนนี้เขาคงจะพูดอะไรไม่ได้แล้ว

     

    ไปเถอะเทา เดี๋ยวฉันพาไปทำแผลก็แล้วกัน

     

    มินซอกค่อยๆพยุงเทาอย่างทุลักทุเล ก่อนจะเดินผ่านหน้าจงแดไปราวกับคนไม่รู้จักกัน แต่ทว่า เทากลับหันมามองจงแดด้วยสายตาที่ทำให้จงแดแทบอยากจะไปกระชากคอมาชกอีกซักตั้ง ดูเหมือนเทาต้องการจะสื่ออะไรบางอย่างกับจงแดโดยการขยับปากพูด ซึ่งจงแดพอจะจับใจความได้ว่า

     

    สม น้ำ หน้า

     

    ไอ้โง่เอ๊ยรู้ไว้ซะ ว่าฉัน ไม่มีวันแพ้แก… ’

     

    XXXXXXXXXX

     

                “ได้หนังสือมาเยอะจังนะ มานี่ เดี๋ยวฉันช่วยถือ

     

                ชานยอลแซวเพื่อนที่หอบหนังสือกองเบ้อเร่อมาเล็กน้อย ก่อนจะค่อยๆรับหนังสือมาจากแบคฮยอน โอ้โห ขยันชะมัด

     

                แบคฮยอน นายนี่ขยันชะมัด

                “นี่ พวกเราอยู่ปีสามแล้วนะ ต้องฟิตๆกันหน่อยสิ

                “ฮ่าๆ จะว่าไปก็จริงเนอะ

                “แล้วนี่ จะไปร้านขายอุปกรณ์กีฬาต่อใช่มั้ย ?แบคฮยอนพยายามฝืนใจถามไป ทั้งที่ในใจเหมือนจะแตกเป็นเสี่ยงๆ

                อื้ม…”

                “ไปซื้ออะไรให้ใครเหรอ ?ร่างเล็กพยายามทำเป็นถาม ทั้งๆที่ในใจรู้ดีว่าจุดประสงค์ที่ชานยอลจะไปร้านอุปกรณ์กีฬาคืออะไร

                กะว่าจะไปซื้อเสื้อใส่เล่นบาสให้คริสฮยองน่ะ เห็นพี่เขาบ่นๆว่าตัวเก่าที่ใส่อยู่มันเริ่มซีด ที่จริงเขาไม่ได้บอกให้ฉันซื้อหรอก แต่ฉันอยากซื้อให้เขาเองน่ะ

                “เหรอ ?

                “อื้อ เออ อยากกินไอติมเปล่า ? ตรงนี้มีร้านไอติมด้วย ขากลับเดี๋ยวแวะมากินกัน

                “นายเลี้ยงเปล่าล่ะ ?

                “ถ้านายจะกิน ฉันเลี้ยงก็ได้นะ ถือซะว่าตอบแทนที่มาร้านขายอุปกรณ์กีฬาเป็นเพื่อน

                “เออ งั้นเอาดิ

     

                แบคฮยอนตอบพร้อมยิ้มให้ชานยอล สาบานทีว่า นี่เขากำลังไม่ได้ทำบาปอยู่ใช่มั้ย ? เขาไม่ได้กำลังทำตัวเป็นมือที่สามของชานยอลกับคริสฮยองใช่มั้ย ? แต่มันคงไม่ใช่หรอก ยังไงซะ ชานยอลก็ไม่ได้คิดอะไรกับเขาอยู่แล้ว นอกจาก

     

                เพื่อน

     

                ถึงแล้วชานยอลชี้ไปที่ร้านขายอุปกรณ์กีฬาขนาดย่อมๆ

                ร้านนี้เองน่ะเหรอ ?

                “อื้อ เข้าไปช่วยฉันเลือกหน่อยดิ ฉันเลือกไม่ถูกอ่ะ

                “อ้าว ทำไมต้องฉันล่ะ นายก็เลือกเองดิ เลือกของให้แฟนตัวเองนะเว้ย

                “น่า ช่วยหน่อยนะ บอกแล้วไง ว่านายเป็นเพื่อนที่รู้ใจฉันที่สุด ฉันว่านายพูดอะไรมาฉันก็เชื่อหมดอ่ะ ช่วยทีนะชานยอลไม่พูดเปล่า แต่เขายังคว้ามือของแบคฮยอนแล้วลากร่างเล็กเข้าไปในร้านด้วย

     

                ทั้งสองคนเดินมาถึงจุดที่วางของที่ชานยอลต้องการ และด้วยจำนวนของเสื้อที่มีภายในร้าน หลากหลายยี่ห้อ หลายสี หลายไซส์ ทำให้ทั้งคู่ต้องยืนเลือกกันอยู่นาน

     

                ตัวไหนดีแบคฮยอน สีขาวหรือสีน้ำเงินดี

                “นี่ ฉันช่วยนายเลือกมาตั้งเยอะแล้วนะ อันนี้นายต้องตัดสินใจเองแล้วล่ะ

                “ก็ฉันชอบทั้งสองตัวเลยนี่ เลือกไม่ถูก นายว่าตัวไหนโอเคกว่ากัน

                “ฉันจะรู้เหรอ ?

                “ย้า ใจร้ายชะมัด

                “นี่ ชานยอล ฟังฉันนะ นายก็เลือกอันที่นายคิดว่ามันเหมาะกับคริสฮยองสิ นายรู้จักพี่เขาดีกว่าฉัน ฉะนั้น นายต้องตัดสินใจเองว่าอันไหนมันเข้ากับคริสฮยอง ฉันไม่ได้รู้จักมักคุ้นอะไรกับคริสฮยอง ฉันไม่รู้ว่าเขามีนิสัย มีบุคลิกยังไง ฉันเลือกให้ไม่ได้หรอก…”

                “…”

                “อ่า งั้นเดี๋ยวฉันไปรอข้างหน้าร้านนะ เลือกให้ดีๆนะแบคฮยอนยิ้มให้เล็กน้อย ก่อนจะเดินออกไปจากร้าน ปล่อยให้ชานยอลยืนงงๆอยู่คนเดียว

     

                เลือกตามที่นายคิดว่ามันเหมาะกับคริสฮยองสิ

     

              ‘ นายรู้จักพี่เขาดีที่สุด ฉะนั้นนายต้องเลือกเอง

     

                สุดท้ายชานยอลก็ตัดใจเลือกเสื้อสีน้ำเงิน ก่อนจะเดินไปคิดเงินที่แคชเชียร์ แล้วเดินออกมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

     

                เลือกได้แล้ว

                “งั้นไปกินไอติมเหอะ ฉันหิวจะแย่แล้ว

                “นี่…”

                “หือ ?

     

                ผึ่บ !

     

                ร่างสูงเดินเข้าไปกอดคอคนตัวเล็กกว่า ก่อนจะใช้มือหนาขยี้ไปที่หัวของแบคฮยอนอย่างเอ็นดู ทำให้แบคฮยอนตกใจเล็กน้อย

     

                นายอย่าทำกับฉันแบบนี้

     

              ขอร้องล่ะ นายอย่าให้ความหวังฉันจะได้มั้ย ?

     

                สองประโยคที่ดังก้องวนไปวนมาในโสตประสาทของแบคฮยอน ทำให้น้ำตาเริ่มมารวมกันที่ดวงตา แต่ร่างเล็กก็พยายามกะพริบถี่ๆเพื่อห้ามน้ำตาตัวเอง

     

                อะไรของนายเล่า

                “นายน่ะ …”

     

              ‘ เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของฉันเลยนะ ฉันรักนายมากนะ แบคฮยอน

     

                “เฮ้ย ! ร้องไห้ทำไมวะร่างสูงตกใจเมื่อหันกลับไปพบแบคฮยอนกำลังก้มหน้าก้มตาเช็ดใบหน้าเปื้อนน้ำตาของตัวเอง

                เปล่าว่ะ เมื่อกี๊นายไม่เห็นเหรอว่าลมมันพัด ฝุ่นมันเลยเข้าตาฉัน ดูดิ แสบไปหมดแล้ว

                “เออ ก็จริงเอาล่ะ ถึงร้านไอติมละ อยากกินอะไรรึเปล่า ?

                “ฉันไม่อยากกินแล้ว ฉันเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าฉันยังทำบรรณานุกรมของรายงานไม่เสร็จ ฉันกลับก่อนนะ

                “งั้นเดี๋ยวฉันไปส่ง

                “ไม่เป็นไร ฉันว่านายรีบเอาเสื้อไปให้คริสฮยองดีกว่าน่า ถ้าพี่เขาเห็นคงดีใจน่าดู

                “เอางั้นเหรอ ?

                “อื้อ

                “กลับเองได้แน่นะ ฉันไม่อยากทิ้งนายเลยอ่ะ

                “เออน่า ไม่โดนฉุดหรอก ฮ่าๆ ฉันไปละ บ๊ายบาย เจอกันพรุ่งนี้นะแบคฮยอนยิ้มให้ ก่อนจะโบกมือลาแล้วเดินหันหลังกลับมา

     

                จากใบหน้าที่เปื้อนยิ้มเมื่อครู่นี้ มันก็อันตรธานหายไปอย่างรวดเร็ว แต่ตอนนี้กลับมีน้ำตาเข้ามาแทนที่รอยยิ้มเมื่อครู่นี้ ความรู้สึกนี้มันกลับมาอีกแล้ว ทั้งๆที่เราอยู่ใกล้กัน แต่ทำไมมันไม่ใช่อย่างที่ฉันอยากให้มันเป็น

     

                รักฉันมากกว่าเพื่อนสิ ปาร์คชานยอล

     

                อย่าให้คำว่ารักที่นายพูดกับฉันอยู่ในขอบเขตของคำว่า เพื่อนได้มั้ย ?

     

    XXXXXXXXXX

     

                หลังจากที่แยกกับแบคฮยอนแล้ว ชานยอลก็รีบวิ่งกลับไปที่มหาวิทยาลัย กลับไปหาใครบางคนที่กำลังรอเขาอยู่ที่นั่น แล้วก็มาพบกับคนที่เขาตั้งใจจะมาหา

     

    มาแล้วเหรอชานยอล ?

                “ขอโทษที่มาช้าครับ คริสฮยอง

                “ไม่เป็นไร ว่าแต่ ไปไหนมาเหรอ ?

                “อ่าไปห้องสมุดกับแบคฮยอนน่ะฮะ แล้วก็…”

                “… ?

     

                ชานยอลพูดทิ้งค้างไว้ ก็หันกลับไปล้วงกระเป๋าเป้ที่เขาสะพายมา ก่อนจะควานหาของในนั้นอยู่พักใหญ่ และในที่สุด เขาก็หยิบถุงใบหนึ่งออกมาจนได้

     

                ผมให้ฮยองนะชานยอลพูดพลางยื่นถุงใบดังกล่าวให้

                อะไรน่ะ ?คริสยิ้มพร้อมรับถุงมาอย่างงงๆ

                อยากรู้ก็เปิดดูสิฮะ

                “หือเสื้อนี่ นี่นายซื้อให้พี่เหรอ ?

                “เอามาให้พี่ ผมคงซื้อให้คนอื่นมั้ง

                “คราวหลังไม่ต้องลำบากซื้อให้พี่ก็ได้คริสพูดพร้อมลูบหัวของชานยอลอย่างเอ็นดู จนอีกคนได้แต่ยืนยิ้มอย่างเขินๆ

                ผมเห็นพี่บ่นว่าอยากได้เสื้อ อีกอย่าง เมื่อตอนวันเกิดพี่ผมก็ไม่ได้ซื้อของให้พี่ด้วย

                “ตัวนี้นายเลือกเองเลยเหรอ ?

                “เอ่อครับ

                “สมกับเป็นนายจริงๆ เลือกได้ถูกใจพี่มากเลย ขอบใจจริงๆนะ เอางี้ เดี๋ยวพี่พาไปกินข้าวก็แล้วกัน ขอเวลาพี่เก็บของแป๊บนึงนะ

                “ครับ งั้นผมไปนั่งรอที่โต๊ะหินอ่อนก็แล้วกันนะฮะ

     

                ชานยอลเดินแยกตัวออกมาจากคริสที่เดินเข้าไปในห้องพักนักกีฬาเพื่อไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ส่วนตัวของชานยอลเองก็มานั่งที่โต๊ะหินอ่อน ในขณะที่คำพูดของแบคฮยอนกับคริสก็สลับกันในหัวไปมา

     

                สมกับเป็นนายจริงๆ เลือกได้ถูกใจพี่จัง ขอบใจมากนะ

     

              ‘ นายต้องเลือกเองสิ เพราะนายรู้จักพี่เขาดีที่สุดนะ นายน่าจะรู้ว่าพี่เขาเหมาะกับแบบไหน หรือว่าชอบสไตล์ไหน

     

                คำพูดของทั้งสองคนตีกันไปมาในหัวของชานยอล ร่างสูงได้แต่นั่งกุมขมับ เขาคิดถูกรึเปล่าที่บอกไปว่าเขาเป็นคนเลือกมัน หรือว่าเขาควรจะบอกคริสฮยองไปดี ว่ามันคือคำแนะนำของแบคฮยอน

     

                บางที เขาอาจจะไม่ได้รู้ใจคริสฮยองอย่างที่แบคฮยอนบอก

     

              แต่แบคฮยอนต่างหาก ที่ดูจะรู้ใจของชานยอลดีกว่าเจ้าตัว

     

                “ชานยอลอ่า พี่มาแล้ว

                “…”

                “ชานยอล…”

                “…”

                “ปาร์ค ชานยอล !” คริสเดินเข้าไปใกล้ๆ ก่อนจะตะโกนเรียกชื่อของชานยอลที่เอาแต่นั่งเหม่อ

                ครับ ?

                “เหม่ออะไรอยู่ ไปกินข้าวกัน หกโมงกว่าแล้ว

                “ครับฮยอง

     

                ชานยอลลุกขึ้นสะพายเป้เดินนำหน้าคริสไป ส่วนร่างสูงก็พยายามเดินตาม ก่อนจะใช้มือของเขากุมไว้ที่มือของอีกคน แล้วเดินไปด้วยกัน

     

                นี่…”

                “ครับ ?

                “พี่ว่าพักนี้นายดูแปลกๆนะ

                “ทำไมเหรอครับ ? ผมแปลกตรงไหนเหรอ ?ชานยอลงุนงงกับสิ่งที่คริสพูด

                อ่า พี่รู้สึกว่านายดูเหม่อๆน่ะ มีอะไรหนักใจรึเปล่า ?

                “เอ่อก็ไม่มีอะไรหรอกฮะ ช่วงนี้จะสอบน่ะ ผมยังไม่ค่อยเข้าใจเรื่องที่เรียนอยู่เลยชานยอลพยายามถูไถไปเรื่อย

                “มีอะไรถามพี่ได้นะ ถึงพี่จะอยู่คณะวิทยาศาสตร์ แต่ก็น่าจะเข้าใจเรื่องที่นายเรียนอยู่

                “ไม่หรอกฮะ อันนี้เป็นหน่วยกิตของวิชาออกแบบน่ะฮะ รู้สึกว่าพี่จะไม่ได้เรียนน่ะ

                “อ๋อ ถ้าอันนี้พี่ไม่ได้เรียนหรอก

                “…”

                นี่ ชานยอล

                “ครับพี่ ?

                “พี่ชายนายกลับมาจากอเมริกาแล้ว ทำไมนายไม่บอกพี่ซักคำเลยล่ะ อย่าลืมนะว่าพี่ก็เป็นเพื่อนของไอ้ซูโฮนะ -____-+ พี่งอนนายนะเนี่ย

                “อ๊ะ ! ใช่แล้ว ผมก็ว่าอยู่ว่าผมลืมอะไร ขอโทษนะฮะฮยอง ไม่โกรธผมนะ

                “ล้อเล่น พี่ไม่โกรธหรอก พี่ก็เพิ่งเจอมันวันนี้แหละ

                “…”

                “แต่นายเก่งนะ ติดคณะวิศวะแล้วเรียนไหวน่ะ สุดยอดเลยคริสเปลี่ยนเรื่องคุย หลังจากที่ชานยอลไม่ได้ตอบอะไรเขาอีก

                “ขึ้นชื่อว่าวิศวะ แต่เรียนชิลนะฮะ

                “เหรอ ? พี่ว่ายากจะตาย

                “ผมว่าวิทย์ยากกว่าตั้งเยอะ ไหนจะทฤษฎีสัมพันธภาพเอย ไหนจะพาร์ซงพาร์เซกอะไรก็ไม่รู้ ผมยังไม่รู้เลยว่าผมผ่านชั้นมัธยมปลายมาได้ยังไง

                “ฮ่าๆ เอาน่า ชีวิตไม่สิ้นก็ต้องดิ้นกันไป ป่ะ เข้าไปกินข้าวกันเถอะ ถึงร้านแล้ว

                “ครับ…”

     

                ทั้งสองคนเดินเข้าไปในร้านอาหาร ใช้เวลาร่วมชั่วโมงเศษๆก็กินมื้อเย็นกันจนเสร็จ คริสอาสาเดินไปส่งชานยอลจนถึงบ้าน พอได้ทักทายกับซูโฮเป็นพิธี ก่อนจะแยกย้ายกันกลับ

     

    XXXXXXXXXX

     

                “นี่พี่ซูโฮ ดึกแล้วนะ ทำไมยังไม่นอนอีกชานยอลเดินออกมาจากห้องครัวพร้อมวางน้ำผลไม้ไว้ให้คนที่เป็นพี่ชายที่ตอนนี้กำลังนั่งขลุกอยู่หน้าคอมพิวเตอร์อย่างเอาเป็นเอาตาย

                “…”

                “พี่ซูโฮ !!!!!!”

                “หือ เออ ฮะ ? อะไรนะ ?ซูโฮสะดุ้งกับเสียงของชานยอล ก่อนจะสะบัดหัวไปมา และขยี้ตาอย่างเนือยๆ

                ผมถามว่า ทำไมยังไม่นอนอีก ดึกแล้วนะ !!”

                “ติดทำรายงานนิดหน่อยน่ะ นายไปนอนก่อนเลย อีกนานกว่าพี่จะเสร็จ

                “รายงานอะไรเหรอ ?

                “รายงานของพวกเด็กภาษาน่ะ นายจะไปรู้อะไรเล่า ไปนอนไป๊ !”

                “ผมก็เพิ่งรู้นะ ว่าเด็กภาษาเรียนแคลคูลัสด้วย -____-+

     

                ชิบหายแล้วไงซูโฮ ไอ้น้องเวรมันหันไปเห็นรายงานเล่มเก่าของคุณอี้ชิงตั้งแต่เมื่อไหร่วะ ไม่น่าสะเพร่าไปวางในห้องครัวเล้ยยย

     

                แล้ว จางอี้ชิง นี่ใครเหรอ ?

                “เอ่อ…”

                “อย่าบอกนะว่า ไปอยู่อเมริกาแล้วไปหิ้วหนุ่มจีนกลับมาเป็นแฟนด้วยอ่ะ ร้ายกาจนักนะ -___-+

                “ไม่ใช่นะ คือ…”

                “คือ?

                “นี่นายไม่รู้จักจางอี้ชิงจริงๆเหรอ ?

                “ไม่อ่ะชานยอลส่ายหัวดุ๊กดิ๊กไปมา

                “เพื่อนของไอ้คริสไง

                “เหรอ อาจจะเคยเห็นแต่ไม่รู้จักก็ได้มั้งชานยอลพยายามนึก แต่ก็นึกไม่ออกแฮะ คนไหนหว่า ?

                ช่างเหอะ

                “แล้วทำไมพี่ต้องทำรายงานให้เขาด้วยอ่ะ ?

                “คือ…”

     

                ซูโฮตัดสินใจเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นอันเป็นเหตุให้เขาต้องมานั่งปั่นรายงานหัวซุกหัวซุนให้ฟัง ส่วนชานยอลก็ได้แต่ส่ายหัวให้กับชะตากรรมอันน่ารันทดของพี่ชาย

     

                มา เดี๋ยวผมช่วยก็แล้วกัน

                “แกทำเป็นเหรอ ?

                “ฮยอง ! อย่าลืมนะเว้ยว่าผมเรียนวิศวะ เจออะไรมากกว่านี้อีก หลบไปๆชานยอลโวยวายก่อนจะปัดมือเป็นเชิงให้พี่ชายถอยห่างจากคอมพิวเตอร์

     

                ชานยอลนั่งพิมพ์ข้อมูลรัวๆจนซูโฮที่อยู่ข้างๆได้แต่นั่งทึ่ง ผ่านไปเพียงครึ่งชั่วโมง รายงานทั้งหมดก็ถูกเคลียร์จนเสร็จสิ้น ฮือ ขอบใจมากว่ะน้องรัก TT^TT

     

                “เอ้า เสร็จแล้ว แล้วก็ไม่บอกตั้งแต่แรกนะฮยองว่าโดนทำรายงานของวิทยาศาสตร์

                “ก็เห็นแกเรียนวิศวะ ก็เลยคิดว่าเรื่องนี้แกจะไม่รู้นี่หว่า

                “คราวหน้าคราวหลังก็ถามก่อนสิเฮ้ย -___-+

                “เออๆ โอเค ขอโทษก็แล้วกัน ไปนอนได้แล้วไป

     

                ซูโฮขับไล่น้องชายของตัวเองให้ไปนอน ส่วนตัวเขาก็นั่งจัดรูปเล่มรายงานให้ดูดีขึ้น โถไอ้ชานยอลเอ๊ย จะทำให้ทั้งที มันก็ทำให้แต่รายงานจริงๆ รูปลงรูปเล่มมันไม่จัดให้เลย

     

                ผ่านไปเกือบตีหนึ่ง รายงานก็ถูกทำจนเสร็จสมบูรณ์ หลังจากที่ซูโฮปริ้นท์ออกมาแล้วจัดเข้ารูปเล่มใส่สันปกให้แล้ว เขาก็นำมันไปใส่ถุงอย่างดี เตรียมพร้อมสำหรับเอาไปให้จางอี้ชิงในวันรุ่งขึ้น

     

    XXXXXXXXXX

     

                “โฮ้ยยยยยยยยย !!!!”

     

                เสียงทักทายแบบแปลกๆของเซฮุนดังขึ้น ทำให้คนที่นั่งอยู่บนโต๊ะทั้งสามคน คือ ชานยอล และแบคฮยอน จำใจต้องหันไปมอง

     

                อะไรของมึงวะเซฮุน โหวกเหวกแต่เช้า -____-+ชานยอลบ่นงุบงิบ

                นี่ วันนี้สอบนะจงแด แกไม่คิดจะอ่านหนังสือหน่อยรึไงเสียงของแบคฮยอนดังขึ้น พร้อมกับที่เจ้าตัวกำลังตีไปที่แขนของจงแดที่เอาแต่นั่งหลับ

                เมื่อวานนี้ กูได้คุยกับพี่ลู่หานแล้วว่ะ ฟินชิบ !!”

                “อ้อ เหรอ สมควรแก่เวลาซักทีนะมึง กูเห็นมึงทำตัวเป็นไอ้โรคจิตวิปริตมองพี่เขาอยู่ได้ ถ้ากูเป็นพี่ลู่หานนะ กูคงรำคาญตายชัก

                “แต่ได้คุยแบบไม่ค่อยจะสวยเท่าไหร่ว่ะ เกือบไม่รอดเหมือนกันเออ ว่าแต่ ไอ้จงแดมันไปอดหลับอดนอนที่ไหนมาวะ ดูดิ หลับเป็นตายเลย

                “กูก็ไม่รู้มัน เดินมาที่โต๊ะก็เจอมันนอนอยู่ก่อนแล้ว

                “ช่างมันเหอะ ไอ้ห่านี่ ถึงมันจะไม่อ่านหนังสือ กูก็เห็นคะแนนมันออกมาดีทุกที

     

    เซฮุนบ่นปนน้อยใจ กูทั้งอ่านทั้งท่องทั้งช็อตโน้ต คะแนนแม่งผ่านเส้นยาแดง ไอ้ห่านั่นแม่งไม่เคยอ่าน ทำไมคะแนนแม่งไม่ท็อปก็รองท็อป หัวสมองมึงทำด้วยอะไร !!

     

                “อ้าวมึงนินทากูเหรอไอ้เซฮุน ?เสียงของจงแดดังขึ้น ก่อนที่เจ้าตัวจะเงยหน้าขึ้นมาเผชิญโลกกว้างหลังจากที่นอนฟุบอยู่นาน

                มึงได้ยินด้วยเหรอ ตื่นตั้งแต่เมื่อไหร่วะ

                “ตื่นทันมึงนินทากูก็แล้วกัน

                “พอ อย่าทะเลาะกันแต่เช้า ฉันจะอ่านหนังสือแบคฮยอนปรามขึ้นมา ทั้งกลุ่มนี้ ดูเหมือนว่าจะมีเพียงแบคฮยอนคนเดียวที่ไม่ใช่สรรพนามหยาบคาย และดูจะเป็นคนที่ทำให้กลุ่มนี้ดูซ่าน้อยลง

                “เออ ไอ้จงแด ว่าแต่ตกลงเรื่องของแกกับมินซอกเป็นไงมั่งวะ ?ชานยอลรีบเปลี่ยนประเด็น ขอโทษครับ แต่กูขี้เกียจฟังพวกมึงทะเลาะกัน กูรำคาญ -___-+

                ช่างแม่งเหอะ

                “หึหึ ทะเลาะกันอีกแล้วล่ะสิท่า ทะเลาะกันบ่อยนะพวกมึงสองคนเนี่ยเซฮุนแขวะอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว

                “มึงไม่ต้องห่วง ต่อไปก็ไม่ได้ทะเลาะกันอีกแล้ว

                “หือ ? ทำไมวะ ??คราวนี้ทั้งแบคฮยอน ชานยอล และเซฮุนต่างถามขึ้นมาพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย

               

    เราเลิกกันแล้ว

               

    หา !!!!!”

    เออ ตามนั้น แล้วต่อไปพวกมึงก็อย่าพูดชื่อคนๆนั้นให้กูได้ยินอีกจงแดทิ้งท้ายประโยคก่อนจะหยิบสมุดมานั่งขีดๆเขียนๆเล่น

    เฮ้ย ได้ไงวะ ทำงี้เท่ากับมึงยอมแพ้ไอ้ห่าเทาแล้วอ่ะดิชานยอลโวยวายอย่างไม่สบอารมณ์

    แล้วจะให้กูทำไง มินซอกขอเลิกกับกูเองนะ

    แล้วแกก็ยอมเขาง่ายๆเนี่ยนะ จงแด๊ !!!!” คราวนี้เป็นตาของแบคฮยอนโวยวายบ้าง

    เฮ้ย แบคฮยอน แกอย่าลืมดิ ว่าไอ้ห่านี่มันเป็นพวกพูดน้อย ต่อยหนัก รักเมีย ฮ่าๆเซฮุนแซวก่อนจะหัวเราะ ส่วนแบคฮยอนได้แต่มองตาขวาง

    ตลกมั้ยเซฮุน มันใช้เวลาเล่นมั้ย ?

    เอ่อ ขอโทษ…”

    เฮ้ย !! นั่นพี่ลู่หานนี่หว่า !” ชานยอลตะโกน ก่อนจะหันไปชี้ผู้ชายเจ้าของชื่อ ลู่หาน

    ไหนๆๆๆ !!!”

    เขาเดินมากับใครวะ ?ชานยอลถาม หลังจากเห็นลู่หานเดินมากับผู้ชายอีกคน ทำให้เซฮุนรีบโฟกัสสายตาไปยังทั้งสองคนพอดี

     

    ผู้ชายคนนั้นกำลังช่วยลู่หานสะพายกระเป๋าเป้ พร้อมทั้งยังช่วยแบกกองหนังสือกองใหญ่ๆอีก ดูเหมือนพี่ลู่หานจะมีความสุขมากเวลาอยู่กับผู้ชายคนนั้น

     

    มันเป็นใคร !?!...

     


     

    …To Be Continue…

     
    -----------------------------------------------------------------------------------


    Upload : ONly1WAydOit
    มาต่อกระจาดสองแล้วสำหรับเรื่องนี้ >O<'
    กำลังตื่นเต้น กำลังลุ้นกันเลย
    รออ่านตอนต่อไปกันด้วยเน้อ ! 
    อาทิตย์นี้แม่ค้านิดนัดมีสอบ DELF แม่ค้าโอนลี่เลยมาลงให้ตามเคย -/-
    เป็นกำลังใจให้แม่ค้านิดนัดกันด้วยน้า <3
    #โปรยจูบแล้วจากไป

     

    © Tenpoints!
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×