คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : 5 CHANGE | Dying
DEAD,ALIVE or UNDEAD ?
JUST CHOOSE
5 | เฮือกสุดท้าย
*เนื้อหาของตอนนี้กรุณาอย่าหาเหตุผล และอย่าอิงความเป็นจริง
*ผู้อ่านควรใช้จักรยานในการอ่าน
“. . .”
ตอนนี้ทุกอย่างถูกความเงียบครอบงำ. . .ผมได้ยินแต่เพียงเสียงของพัดลมตัวเก่าๆโทรมๆในห้องของเซฮุนพัดส่งเสียงหึ่ง ๆ กับเสียงถอนหายใจที่ดังมาเป็นระยะๆ
ไม่มีใครคิดที่จะพูดอะไรเลย
“เซฮุน”
ผมตัดสินใจที่จะพูดขึ้นมา เอ่ยเรียกชื่อของคนที่นั่งนิ่งด้วยน้ำเสียงนุ่ม ๆ แต่กลับไม่มีปฏิกิริยาอะไรตอบโต้กลับมาเลยซักนิด
“. . .นายควรจะบอกพวกเราได้แล้วนะ”
“. . .”
ถึงแม้ว่าแบคฮยอนจะเป็นคนพูดด้วยตัวเองว่าจะไป แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังนั่งอยู่ข้างๆผมที่เก้าอี้ตัวเดิม. . .ผมรู้ว่าแบคฮยอนก็คงไม่อยากทิ้งเด็กผู้ชายที่กำลังสับสนคนนี้ให้ต้องอยู่คนเดียวเหมือนแต่ก่อนหรอก
แต่ก่อน. . .หรอ ?
ผมคิดว่าผมควรจะ เปลี่ยนคำพูด. . .
เพราะเซฮุนไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว. . .
“คนที่นอนอยู่บนเตียงนั่น. . .
คือใคร ?”
“. . .”
“เซฮุนนายไม่จำเป็นต้องปิดบังอะไรพวกเราอีกแล้วนะ”
ผมเอื้อมมือไปจับที่ไหล่ของเขาก่อนที่จะออกแรงบีบมันเบา ๆ เซฮุนเอาแต่นั่งนิ่งก้มหน้าลงต่ำจนคางแทบจะชิดกับอก
“ถ้าผมเล่า. . .พวกพี่ชายต้องสัญญากับผมก่อนว่าจะไม่ฆ่าเขา. . .”
เซฮุนพูดด้วยน้ำเสียงที่เบาจนแทบจะกลายเป็นกระซิบ ประโยคที่เขาพูดออกมาทำเอาใจผมสั่น ตอนนี้เขาไม่ได้ต่างอะไรจากเด็กที่กำลังสับสนเลย
“อื้อ. . .พี่สัญญา”
ผมพยักหน้า ก่อนที่จะสัญญากับเขาด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ผมจับมือเซฮุนก่อนที่จะพูดขึ้น
“ตราบใดที่นายไม่บอกให้พี่ทำ พี่ก็จะไม่ทำโอเคมั้ย ?”
. . .สิ่งที่ผมกับแบคฮยอนได้เห็นเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมา มันอาจจะไม่ใช่อะไรที่น่าตกใจมากมายนักหรอกครับ แต่มันค่อนข้างที่จะสะเทือนใจ ก็เท่านั้นเอง
หลังผ้าม่านนั่น. . .
มีเด็กผู้ชายคนหนึ่งรุ่นราวคราวเดียวกับพวกผม ผิวสีน้ำนมกับผมสีน้ำตาลทองรับเข้ากับใบหน้าเรียว กำลังนอนนิ่งอยู่บนเตียงเคลื่อนย้ายผู้ป่วย นอนแน่นิ่งภายใต้เครื่องช่วยหายใจ กับสายน้ำเกลือที่ระโยงรยางค์
ดูๆไปเขาก็ดูคล้าย. .
“คนๆนั้นเขาคือเด็กในรูปนั้น. . .เด็กผู้ชายในรูปที่พวกพี่ชายเห็นกันนั้นแหละครับ. . .”
“เขาชื่อ ลู่หาน”
เซฮุนเงยหน้าขึ้นมา ก่อนที่จะกลืนน้ำลายลงคอ ส่ายหน้าเล็กน้อยก่อนที่จะก้มหน้าลงอีกรอบ
“เขาพักอยู่ที่ห้องริมสุดของอพาร์ทเมนต์นี้แหละครับ ห้องที่พวกพี่เข้าไปกันน่ะ”
“. . .”
หรือว่า..
“งั้นก็แสดงว่า. . .”
ผมนึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ ก่อนที่จะก้มหน้าล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงแล้วหยิบกระดาษโทรมๆแผ่นหนึ่งออกมา
กระดาษที่ผมอ่านในตอนนั้น
“กระดาษแผ่นนี้เป็นของลู่หาน ?”
ผมยื่นมันให้เซฮุนดู เซฮุนรับมันมาก่อนที่จะคลี่มันออกมากาง สายตาของเขาสลดลงทันทีที่เห็นมัน ก่อนที่จะพับเก็บไว้เหมือนเดิม
“ครับ”
ตอบรับสั้นๆกับน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำเอามากๆ
“มันหมายความว่ายังไง. .”
“ความจริงผมก็ไม่ได้รู้จักเขาหรอกครับ รู้แค่ชื่อเท่านั้นเอง”
เซฮุนพักหยุด ก่อนที่จะสูดลมหายใจลึกๆเข้าปอด
“แต่. . .ด้วยเหตุผลอะไรบางอย่างซึ่งผมก็ไม่รู้ ทำให้เขาตกมาอยู่ในสภาพนี้ ผมรู้แค่ว่าเขาป่วยเป็นโรค,ทำให้ต้องมานอนนิ่งโดยที่ไม่สามารถทำอะไรได้ แต่บางเวลาเขาก็จะขยับ แต่ไม่ได้หมายความว่าตอนนั้นเขามีสติ”
“วันที่ผู้คนเริ่มอพยพออกจากอพาร์ทเมนต์, ดูเหมือนว่าพ่อกับแม่ของเขาจะตัดสินใจทิ้งเขาไว้ที่นี่. . .อาจเพราะการเคลื่อนย้ายมันลำบากด้วยละมั้งครับ. .”
“สุดท้ายเขาก็ถูกทิ้งให้อยู่ในห้องนั้นตามลำพัง ทั้งๆที่ไม่มีสติ ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลยด้วยซ้ำ”
หลังจากที่พูดจบเขาก็ยกมือขึ้นมากุมหัว ผมยกมือขึ้นมาตบบ่าเขาอีกครั้ง ไม่รู้สิ. . .มันค่อนข้างโหดร้ายนะกับการที่คนที่เรียกว่า ครอบครัว กลับทิ้งเราไปแบบนี้ ถึงมันจะมีเหตุผลที่ต้องทำก็ตามแต่ มันเป็นสิ่งที่ควรทำอย่างนั้นหรอ ?
มันควรที่จะทิ้งเขาไว้คนเดียวอย่างนั้นหรอ ?
มันสมควรที่จะทิ้งผมไว้คนเดียวอย่างนั้นหรอ ?
คริสฮยอง ?
“งั้นก็แสดงว่าเหตุผลที่นายตัดสินใจจะไม่ไปไหนเลย นั่นก็เพราะลู่หาน ?”
แบคฮยอนเริ่มพูดขึ้นบ้าง เซฮุนเงยหน้าขึ้นมาก่อนที่จะพยักหน้าเบาๆ
“ผมเป็นคนสุดท้ายที่ยังไม่อพยพไป เอาจริงๆผมก็อยากที่จะอพยพเหมือนคนอื่นเขานะครับ. . .แต่จะให้ผมทิ้งเขาไว้แบบนี้ มันจะดูเลือดเย็นเกินไป”
เซฮุนยิ้มนิด ๆ เป็นรอยยิ้มที่ดูเศร้ามาก ๆ
เขาเป็นแค่เด็กผู้ชายคนหนึ่งที่ไม่จำเป็นจะต้องรับผิดชอบชีวิตใคร แต่เขาก็ตัดสินใจที่จะรับผิดชอบมัน
คิดว่าไงล่ะ ?
“ผมตัดสินใจย้ายเขามาอยู่ในห้องของผม แล้วจัดการทำที่นี่ให้ปลอดภัยที่สุดเท่าที่จะทำได้”
“นายทำดีมากเลยนะเซฮุน”
ผมเอ่ยชม ก่อนที่จะลุกขึ้นแล้วเดินเข้าไปใกล้ ลู่หานที่นอนไม่ได้สติอยู่บนเตียง
เขาไม่ต่างอะไรจากผมเลย
ลู่หานน่ะ
ไม่ต่างเลย
“เซฮุน”
“ครับ ?”
“แล้วถ้าลู่หานฟื้นขึ้นมาล่ะ ? นายจะไปจากที่นี่มั้ย ?”
ผมหันไปถามเขา เซฮุนเบิกตากว้าง คิ้วขมวดเข้าหากันเป็นปมดูเหมือนว่าเขาจะประหลาดใจกับสิ่งที่ผมพูดไปเมื่อกี๊
“ผมไม่แน่ใจ. . .”
เขาคงอาจจะอยากไปจากที่นี่แล้วก็ได้นะ
ถ้าความรู้สึกผมมันถูกต้องในเมื่อลู่หานเหมือนผมล่ะก็
“ถ้าพี่จะลองทำให้เขาฟื้นเราจะว่าอะไรพี่มั้ย ?”
“ท. . .ทำอะไรหรอครับ ?”
เซฮุนถามผมด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ไม่รู้สิ. . .ผมคิดว่าเซฮุนคงจะเป็นห่วงลู่หานเอาซะมาก ๆ
“นายรู้จักคำว่า เฮือกสุดท้าย มั้ย ?”
ผมพูดพร้อมๆกับเอามือไปจับที่เครื่องช่วยหายใจที่ครอบบริเวณจมูกและปากของลู่หาน ก่อนที่จะหันไปถามเซฮุน
“นายจะทำอะไรน่ะชานยอล. . .”
แบคฮยอนที่นั่งอยู่เริ่มประหลาดใจกับสิ่งที่ผมกำลังจะทำอีกคน
“เฮือกสุดท้าย ที่หมายถึง การดิ้นรนในครั้งสุดท้ายก่อนจะตายอะไรประมาณนี้รึเปล่า ?”
เซฮุนกระพริบตาปริบ ๆ เหงื่อเริ่มผุดขึ้นมาตามใบหน้า
“ใช่. . .นายจำได้มั้ยแบคฮยอน,ที่ฉันบอกนายว่าฉันโดนยิงน่ะ”
“จำได้สิ”
“ฉันโดนยิงแล้วก็น่าจะหมดสติไป เท่าที่จำได้ฉันมองเห็นตัวเองในห้องฉุกเฉินและมองเห็นตัวเองอีกทีก็ตื่นขึ้นมาในห้องพักผู้ป่วย โดยที่ทุกๆอย่างก็เป็นอย่างที่เห็น”
“. . .”
“ฉันตื่นขึ้นมา ไม่มีใครที่โรงพยาบาลซักคน นาฬิกาในห้องพักหยุดเดิน ไฟฟ้าใช้แทบไม่ได้ สายน้ำเกลือ เครื่องช่วยหายใจหยุดทำงาน ทั้งหมด”
“แล้วทำไมฉันถึงฟื้นล่ะ ?”
สีหน้าของเซฮุนและแบคฮยอนที่มองมาทางผมทั้งสับสนและคัดค้านกับสิ่งที่ผมกำลังจะทำ
“อย่าบอกนะว่า นายจะ. . .”
“อืม. . .นายจะให้พี่ทำมันมั้ยล่ะเซฮุน ?”
ผมหันไปถามเซฮุนที่นั่งนิ่ง สีหน้าของเขาดูสับสนอยู่ไม่น้อยเลย เหงื่อใสๆไหลอาบแก้มจรดยันปลายคาง กับมือที่สั่นอยู่บนตัก
“พี่รู้นะว่านายห่วงลู่หาน แต่. . .ถ้าไม่ลองจะรู้มั้ยละ คนเราทุกคนมันมีเฮือกสุดท้ายของตัวเองกันเป็นธรรมดา อย่างน้อยก็พี่คนหนึ่งที่รู้สึกว่าลู่หานยังมีสิ่งที่เรียกว่า เฮือกสุดท้ายอยู่”
ผมกำเครื่องช่วยหายใจแน่น ก่อนที่จะหันไปถามเซฮุน ผมกำลังรอ การตัดสินใจของเซฮุน
มันเสี่ยงมั้ย ? ใช่มันเสี่ยงมาก
แต่ถ้าไม่ลองแล้วจะรู้หรอ ?
“โอเคครับ. . .”
เซฮุนพยักหน้าลงเบา ๆ ก่อนที่จะตอบรับ ผมพยักหน้ารับก่อนที่จะจัดการถอดเครื่องช่วยหายใจออก รวมถึงสายน้ำเกลือนั่นด้วย
“นายแน่ใจแล้วหรอชานยอล”
แบคฮยอนที่นั่งดูเหตุการณ์พูดขึ้นมา
“อืม. . .ผมหวังว่าเขาจะฟื้น”
ผมเดินกลับมานั่งที่เก้าอี้ตัวเดิมข้างๆเซฮุน ตอนนี้เซฮุนนั่งนิ่ง เขานั่งเงียบมาก สีหน้าของเขาก็นิ่งด้วยเช่นกัน
“นายคิดว่าไง ?”
ผมถามเขา
“ผมหวังว่าเขาจะฟื้นขึ้นมา. .
ไม่วันนี้ก็พรุ่งนี้ ไม่พรุ่งนี้ก็ขอให้เป็นมะรืนนี้”
24 ชั่วโมงเต็มที่พวกเรา 3 คนกำลังเฝ้ารอให้คนที่นอนอยู่บนเตียงในสภาพแน่นิ่งไร้สติ ฟื้นขึ้นมา
“. . .”
“นายแน่ใจนะชานยอลว่าลู่หานจะฟื้น”
แบคฮยอนสะกิดผมก่อนที่จะเข้ามากระซิบข้างหู ผมพยักหน้าให้เบาๆ ผมเชื่อว่าเขาต้องฟื้น
“. . .”
เซฮุนเอาแต่นั่งนิ่ง ๆ มองร่างเล็กของลู่หานอยู่ที่ข้าง ๆ เตียง เขามองดูเป็นห่วงลู่หานเอาซะมาก ๆ
ผมได้แต่นั่งรอความหวัง ไม่รู้สิ. . .ผมรู้ว่าปาฏิหาริย์ยังมีจริง ไม่ว่าจะยัง
เขาต้องฟื้น
“อ. . .อือ”
“ล. . .ลู่”
เสียงอะไรบางอย่างดังกระแทกหู ก่อนที่เซฮุนจะลุกขึ้นยืน แล้วหันหน้ามามองพวกผมสลับกับลู่หานที่นอนอยู่บนเตียง
“พ. . .พี่ชานยอล”
เซฮุนเลิกลั่ก ๆ กาอนที่จะกวักมือเรียก ผมลุกขึ้นเดินไปทางเซฮุน ก่อนที่จะเห็นว่าลู่หานกำลังส่ายหัวไปมาอยู่บนเตียง
“อือ. . .”
เจ้าตัวครางในลำคออยู่หลายรอบ ก่อนที่จะพยายามลืมตาขึ้นมา
“ฟ. ..ฟื้นแล้ว”
เซฮุนเอื้อมมือไปจับที่ไหล่ของลู่หานก่อนที่จะเขย่าเบาๆ สีหน้าของเขาดูดีใจเอาซะมากๆ ผมหันไปมองแบคฮยอนที่กำลังนั่งยิ้มอยู่ที่เดิม แล้วหันกลับมาทางลู่หานอีกครั้ง
“อ. . .เออ. . .”
ลู่หานค่อยๆลืมตาขึ้น ก่อนที่จะเขาจะหรี่ตาไปมาเหมือนกับกำลังพยายามจะปรับโฟกัสให้กับตัวเอง เมื่อเห็นว่าพอที่จะมองเห็นอะไรๆได้ชัดขึ้น เจ้าตัวก็รีบเด้งตัวขึ้นมานั่งบนเตียงอย่างตื่นตระหนก
“ค. . .คุณ ! เซฮุน ?”
เขากระพริบตาถี่ๆ ก่อนที่จะทักขึ้นมา เสียงของเขาไม่ได้ดังมากนักซักเท่าไหร่
“ระวังหน่อยนะ ตอนนี้ก็มืดแล้วด้วย ,เดินกันให้ว่อนเลย. . .ไอ้เจ้าพวกข้างล่างน่ะ”
แบคฮยอนที่ยืนอยู่ตรงริมหน้าต่างบอกพวกผมให้ระวังกับเสียงของลู่หาน
“ช่วยลดเสียงลงนิดนึงนะครับ”
ผมหันไปบอกพร้อมกับส่งยิ้มให้ ลู่หานขมวดคิ้วก่อนที่จะกวาดสายตามองไปรอบๆห้องของเซฮุน ก่อนที่จะจบด้วยการมองสภาพของตัวเองตั้งแต่ปลายเท้าจรดอก
“ฉันมาอยู่ที่นี่...ได้ยังไง ?”
คำถามที่เอ่ยทักท้วง ออกมาจากปากของลู่หานและมุ่งถามไปที่เซฮุน
“คือ. . .” เซฮุนอ้ำๆอึ้งๆก่อนที่จะก้มหน้าลงต่ำ
มันไม่เรื่องง่ายที่จะบอกความจริงกับลู่หาน. . .
แค่เรื่องของผู้ติดเชื้อนี่ก็มากพอแล้วสำหรับเขา
ไหนจะเรื่องพ่อ กับแม่ของเขาอีก
มันจะโหดร้ายเกินไปมั้ย ?
“คืออะไร ?”
ลู่หานขมวดคิ้ว ก่อนที่จะยกมือขึ้นมาเขย่าเซฮุนที่นั่งนิ่งอยู่ข้างๆเตียง
“ทำไมฉันถึงมานอนอยู่ที่นี่ ?”
“ใจเย็นๆก่อนนะครับ”
ผมตัดสินใจเข้าไปดึงแขนลู่หานออกจากเซฮุน ก่อนที่จะพยายามปรามให้เจ้าตัวสงบลง
เพราะเสียงของเขาจะทำให้พวกเราทั้งหมดไม่ปลอดภัยแน่ๆ
ถ้าเขายังส่งเสียงดังอยู่แบบนี้
“คุณ. . .”
ลู่หานหันมองมาหน้าผมก่อนที่จะขมวดคิ้วเป็นปมอีกครั้ง
“ผมชื่อ ปาร์ค ชานยอล ส่วนนั่นก็แบคฮยอน พวกเราสองคนเป็นเพื่อนของเซฮุนน่ะครับ” ผมส่งยิ้มให้ลู่หานก่อนที่จะแนะนำตัวให้เขาได้รู้จัก อย่างน้อยก็จะได้ไว้วางใจในระดับหนึ่ง
แต่สิ่งที่เขาตอบกลับผมมาคือการถอนหายใจเฮือกใหญ่ ๆ ก่อนที่จะกลับไปขมวดคิ้วเหมือนเดิม
“เอาเป็นว่าช่วยตอบคำถามของผมด้วยครับ”
ทักท้วงคำถามกลับมาอีกตามเคย
“พ่อกับแม่ของคุณ ท่านไม่อยู่แล้วล่ะครับ”
“...”
ผมอาสาตอบคำถามทั้งหมดแทนเซฮุน และผมก็เลือกที่จะตอบทุกอย่างไปตามตรง
“พ่อกับแม่ของคุณเขาไม่ได้อยู่ที่นี่แล้วครับ”
“. . .”
“. . .” ผมไม่ได้พูดอะไรมากไปกว่านั้น แต่จัดการหยิบกระดาษที่คิดว่าพ่อกับแม่ของเขาหวังจะให้เขาได้อ่านมันออกมา ก่อนที่จะส่งให้เจ้าตัว
“อะไร. . . . .”
เขารับมันอย่างว่าง่าย ก่อนที่จะคลี่มันออกกาง แล้วใช้สายตากวาดอ่านข้อความที่ชักเริ่มจะจางมากขึ้นทุก ๆ ที
“. . .”
เขาเบิกตากว้าง ก่อนที่มือบางจะสั่นพร้อมกับแววตาที่ล่อกแล่กไปมา
“ลู่หาน. . .”
เซฮุนเอ่ยเรียกคนที่นั่งอยู่บนเตียงด้วยน้ำเสียงเลื่อนลอย เขานั่งมองลู่หานที่ดูเหมือนกำลังตกใจกับสิ่งที่เขาได้เห็น
“ฉันคิดว่ามันเป็นแค่ความฝันซะอีก ?”
ลู่หานถือกระดาษในมือทั้ง ๆ ที่มือของเขากำลังสั่นเทา ก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นมาพูดด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ
“. . .” ผมกระพริบตาปริบ ๆ ไม่ค่อยเข้าใจสิ่งที่เขากำลังจะพยายามบอกเลยซักนิด
“ฉัน. . .ฝันว่าพ่อกับแม่ทิ้งฉันไว้ที่ห้อง. . .พวกท่านร้องห่มร้องไห้จะเป็นจะตายแต่สุดท้ายก็ทิ้งฉันไว้ ในห้อง. . .คนเดียว”
ลู่หานวางกระดาษลงบนตัก ก่อนที่จะยกมือขึ้นมากุมขมับของตัวเอง มือบางของเขาสั่นเทา ปากบางก็สั่นเช่นกัน เขาคงจะรู้สึกเสียใจสินะ
ที่ครอบครัวทิ้งเขาไป
แบบนี้
“งั้น. . .แสดงว่าพ่อกับแม่ไปแล้ว ?”
ดูเหมือนว่าสติของเขาจะกลับมาอีกครั้ง คำถามยังคงถูกตั้งขึ้นมาอย่างเป็นระยะๆ
“ครับ. . .ตอนนี้เหลือแค่พวกผมที่อยู่ที่อพาร์ทเมนต์นี้” ตอนนี้เป็นเซฮุนที่ตัดสินใจจะตอบ
“เซฮุนเขาเห็นคุณอยู่ที่ห้องพักคนเดียว เขาก็เลยตัดสินใจพาคุณมาอยู่ที่ห้องของเขา แล้วก็ดูแลคุณ. . .จนคุณฟื้นนี่ล่ะครับ”
ผมพูดเสริม นั่นทำเอาลู่หานเบิกตากว้างก่อนที่จะหันไปมองเซฮุน
“ขอบคุณนะ” ยิ้มหวานเหมือนกับในรูปที่ผมเคยเห็นปรากฏออกมาบนใบหน้าของเขา
รอยยิ้มที่แฝงด้วยความเศร้า
แต่ผมคิดว่าผมควรจะเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ณ ตอนนี้ให้เขารู้ก่อนจะดีกว่า
“ลู่หาน. . .คือตอนนี้ ที่นี่ มัน. .”
ตอนนี้ผมกำลังจะเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นตอนนี้ทั้งหมดให้ลู่หานฟัง. . .ไม่ว่าจะยังไงก็ต้องให้เขารู้
สถานการณ์ตอนนี้มัน. .
“ฉันรู้แล้วล่ะ. . .รู้ตั้งนานแล้ว”
ลู่หานพยักหน้ารับ เอ่ยตอบคำสั้นๆ
“ตอนนี้โลกของเรามันเปลี่ยนไปแล้ว.. .นายกำลังจะบอกกับฉันแบบนี้ใช่มั้ยล่ะ ?”
เขารู้.. .ได้ยังไง ?
7.00 น. นาฬิกาเรือนเล็กที่แขวนอยู่ตรงฝาผนังห้องของเซฮุน บ่งบอกเวลาตามหน้าที่ของมัน เจ็ดโมงเช้าแล้ว แสงของพระอาทิตย์เริ่มทำงานเหมือนทุกๆวัน
“. . .” ผมกับแบคฮยอนกำลังเก็บสัมภาระเข้ากระเป๋าเป้
ตอนนี้ผมรู้สึกมันโหวงๆชอบกล. . .จนถึงเวลานี้ผมก็ยังไม่รู้เลยว่าลู่หานรู้เรื่องสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้ได้ยังไง และผมก็ไม่รู้เลยด้วยว่าเขาป่วยเป็นโรคอะไร
สิ่งที่เขาตอบกลับผมมาก็มีเพียงแค่
“ไว้วันหลังจะเล่านะ”
แค่นั้นจริงๆ
“เฮ้ ชานยอล” ผมสะดุ้งเล็กน้อย เมื่อรู้ว่าแบคฮยอนกำลังสะกิดผมอยู่
“เหม่ออะไรน่ะ” แบคฮยอนหรี่ตาเล็กน้อย ก่อนที่จะต่อยเบาๆเข้าที่แขนของผม
“เปล่า” ผมยักไหล่ ก่อนที่จะก้มหน้าก้มตาจัดของในกระเป๋าต่อ
กวาดสายตามองไปให้ทั่วก่อนที่จะเห็นว่า ไม้เบสบอลที่หยิบเอามาด้วยตอนนั้น หายไปแล้ว
ดูเหมือนจะลืมทิ้งไว้ที่ไหนซักทีแน่ๆ . . .ช่างเถอะ
“ขาดเหลืออะไรบอกผมได้นะ”
เซฮุนเดินเข้ามาก่อนที่จะตบบ่าผมสองสามที
“เซฮุน”
“ครับ ?”
“นายจะไปโซลกับพวกพี่มั้ย ?”
คำถามเดิมที่เคยถามเขาก่อนหน้านี้ ถูกผมขุดมันขึ้นมาใช้อีกครั้ง เซฮุนเม้มปากเป็นเส้นตรงก่อนที่คิ้วจะขมวดเข้าหากันเล็กน้อย
“พวกคุณจะไปโซลหรอ ?”
ลู่หานที่นั่งอยู่บนเตียงเอ่ยถามขึ้นมาตัดบทสนทนา
“ใช่. . .ได้ข่าวมาว่าที่นั่นยังปลอดภัยดี พวกผมจะไปที่นั่น”
“. . .” ลู่หานพยักหน้ารับคำตอบจากผม ดูเหมือนว่าเขากำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่
“ว่าไงเซฮุน”
ผมถามเซฮุนอีกครั้ง เซฮุนยังคงนิ่ง เขากำลังใช้ความคิด
แต่อาหารที่เซฮุนมีอยู่ตอนนี้ มันไม่เพียงพอเท่าไหร่ อย่างมากน่าจะอยู่ได้ประมาณ 1 – 2 สัปดาห์เท่านั้นเอง
“ฉันว่า เราก็ไปกันให้หมดนี่เลยจะโอเคกว่ามั้ย ?”
แบคฮยอนพูดขึ้นก่อนที่จะหยิบปืนของเขาขึ้นมาเช็ด
“อืม. . .”
“พ่อกับแม่ของฉันอาจจะอยู่ที่นั่นก็ได้” ลู่หานพยักหน้า ก่อนที่จะลุกขึ้นจากเตียงแล้วเดินมาทางพวกผม
เขาดูร่างกายแข็งแรงกว่าที่ผมคิดไว้มาก. . .เดินเหินเหมือนคนปกติธรรมดาทั่วไป
“เอาเป็นว่าพวกเราจะไปโซลกันทั้งหมด โอเคมั้ยเซฮุน ?” ผมเอื้อมมือไปจับไหล่เด็กผู้ชายที่กำลังนั่งมองหน้าผมอย่างสับสน
“ถึงนายจะไปที่นั่นช้า. . .ก็ยังดีกว่ามานั่งๆนอนๆอยู่ที่นี่นะจริงมั้ย ?”
สิ่งที่ผมพูดไปเมื่อกี๊ทำเอาเซฮุนถึงกับหลุดหัวเราะออกมาเบา ๆ ใช่. . .ผมรู้ว่าเขาก็อยากจะไปจากที่นี่เต็มแก่แล้วเหมือนกัน
“แต่ฉันคิดว่าเราจะไปโซลโดยที่ไม่มีอาวุธอะไรไปเลยมันเสี่ยงไปหน่อยมั้ย ?”
แบคฮยอนพูดก่อนที่จะเหน็บปืนไว้ที่กางเกง ตอนนี้กระสุนของเขาหมดแล้ว นัดสุดท้ายก็ใช้ไปตอนที่ช่วยผม
จริงอย่างที่แบคฮยอนพูด
ถ้าเราไปกันทั้งๆที่ไม่มีอะไรแบบนี้. . .
มันเสี่ยงเกินไป
“ฉันรู้ที่ที่มันเก็บอาวุธน่ะ. . .”
เสียงเรียบของลู่หานโพล่งขึ้นมาระหว่างที่ผมกำลังใช้ความคิด ผม เซฮุน และแบคฮยอนหันไปมองหน้าลู่หานกันเป็นตาเดียว
“ไม่ใกล้ไม่ไกลจากที่นี่เท่าไหร่หรอก สถานีตำรวจที่หัวมุมนี่เอง. .สนใจจะไปมั้ย ?”
ถ้าถามว่าสนใจมั้ย ?
ปกติแล้วคงจะต้องตอบว่า ไม่สนใจก็บ้าแล้ว
แต่ถ้าในตอนนี้ล่ะก็. . .
“ก็คงต้องไปล่ะ”
“ก็ดีนะ สู้เสี่ยงตอนไปเอาอาวุธ ดีกว่าไปเสี่ยงตายเอาตอนที่จะไปโซลมือเปล่า”
แบคฮยอนพยักหน้า ผมคิดว่าเขาก็คงอยากจะได้กระสุนมาใช้เหมือนกัน
“มีแผนมั้ย ?” เซฮุนลากเก้าอี้ทั้งหมดสี่ตัวมาตั้งไว้กลางห้อง ก่อนที่พวกผมจะเดินเข้าไปนั่งที่เก้าอี้คนละตัว
“อย่างแรกที่ต้องทำคือเราจะออกไปจากที่นี่ยังไง ในเมื่อเราก็ไม่มีทั้งอาวุธหรือไม่มีแม้แต่อะไรเลยซักอย่าง ไอ้เจ้าพวกนั้นก็เดินกันอยู่ให้ว่อนอีกต่างหาก”
ผมตั้งประเด็นขึ้นมา เซฮุนกอดอกเหมือนกำลังใช้ความคิด เขาเอี้ยวตัวไปหยิบกระดาษกับปากกามา ก่อนที่จะเขียนอะไรไม่รู้ยุกยิก
“ถ้าดูจากตรงนี้. . .ที่นี่คืออพาร์ทเมนต์จุดตั้งหลักของพวกเรา” เซฮุนว่าพลางใช้ปากกาจิ้มไปที่จุดวงกลมใหญ่ มันคือที่ที่พวกเราอยู่ตอนนี้
“ถัดไปทางทิศใต้คือป้อมตำรวจที่พวกพี่ชายผ่านมา ทางทิศเหนือจะเป็นซุปเปอร์มาร์เก็ตกับอู่ซ่อมรถ ถ้าวิ่งไปทางทิศใต้แล้วเลี้ยวไปทางทิศตะวันออก. .”
เซฮุนพูดพร้อมๆกับลากปากกาไปตามสิ่งที่เขากำลังอธิบาย
“สถานีตำรวจ ที่นั่นล่ะ. . .มีอาวุธที่ฉันพูดถึงอยู่”
ลู่หานกอดอก ก่อนที่จะพยักหน้ารัว ๆ
“อย่าบอกนะว่าเราต้องไปทางที่เคยมาตอนนั้น”
แบคฮยอนถามพร้อมๆกับเดินไปยืนที่ริมหน้าต่าง
“แต่มันเดินกันให้ว่อนเลยนะ”
“ก็ต้องล่อมันสิครับ” เซฮุนเสนอขึ้นมา
“เหมือนตอนนั้นน่ะหรอ ? ที่นายช่วยพวกพี่น่ะ”
“ตอนนั้นมันเป็นระเบิดน่ะครับ ผมมีติดตัวก็แค่ลูกนั้นลูกเดียว” เซฮุนตอบพร้อมกับทำหน้าผิดหวังเล็กน้อย คิ้วหนาเริ่มขมวดเข้าหากันมากขึ้น
ผมไม่รู้จริงๆว่าควรจะทำยังไงต่อไปดี
“พวกพี่เคย. . .เล่นไอ้นี่มั้ย ?”
เซฮุนลุกขึ้น ก่อนที่จะเดินไปที่ตู้เย็นตรงมุมห้องอีกมุม เขาเปิดมันออกก่อนที่จะรื้อของในตู้เย็นอยู่ครู่หนึ่ง แล้วเดินไปรื้อของในกล่องลังใบใหญ่
เซฮุนเดินกลับมานั่งที่เดิมพร้อมกับน้ำอัดลมกับลูกอมในมือ
น้ำอัดลมที่ใส่ในขวดแก้วกับลูกอมเมนทอส...
เมนทอส ?
“จะทำอะไรน่ะเซฮุน ?” แบคฮยอนเอ่ยถามพร้อมๆกับเดินมานั่งที่เดิม เขามองมันอย่างอยากรู้อยากเห็น
“อย่าบอกนะว่า. . .”
สิ่งที่คิดมันดูงี่เง่าเกินกว่าที่จะพูดออกมา
“เยส” เซฮุนพยักหน้าก่อนที่จะยิ้มนิด ๆ
“ผมจะเอาเมนทอสใส่เข้าไปในน้ำอัดลมนี่”
เซฮุนกระตุกยิ้มที่มุมปาก ก่อนที่จะวางน้ำอัดลมกับลูกอมไว้ที่กลางวงของพวกเรา
นายต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆ
เซฮุน. . .
LOADING. . .
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
ขอบคุณธีมสวยๆจาก △ C R A Z E ˊ
มาแล้วจ้าสำหรับตอนนี้ .___. อ่านคอมเม้นของแต่ละคนก็แอบเซ็ง
ทุกคนเดาเก่งกันเกินไป 555555555555555555 คือ เดาถูกกันหมดเลย
แต่ก็กลัวจะผิดหวังกับตอนนี้จริงๆ อ่านๆดูแล้วมันจะแปลกๆใช่มั้ย ?
ทำไมลู่ถึงฟื้น ? ทำไมลู่ถึงรู้เรื่อง ? ทำไมลู่ดูปกติ ? #ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย
นั่นดิ เออทำไมนะทำไม 5555555 จะไฝว้กับลู่อยู่แล้วตอนแต่งอ่ะ ใ(-_- )ใ
ขอบคุณสำหรับทุกๆคอมเม้นนะจ๊ะ ดีใจที่มีคนเข้ามาอ่านกัน ขอบคุณมากๆจริงๆ
ฝากติดตามเรื่องนี้ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจกันต่อไปนะ
ความคิดเห็น