คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : ▲ grocery 6 . Lie detector (Part 1.)
Lie Detector
ปล. มีปริศนาซ่อนอยู่ในภาพนะจ๊ะ
TITLE ; LIE DETECTOR
PAIRING ; KRISLAY / SULAY / TAO / CHENMIN / HUNHAN / KAIDO / KRISYEOLBAEK
AUTHOR ; NIDNAD (นิดนัด)
WARNING ; ฟิคสั้นเรื่องนี้ไม่ใช่ตอนเดียวจบค่ะแบ่งออกเป็นทั้งหมด 4 พาร์ท แนะนำว่าตามให้ครบ และเป็นไปได้ แนะนำว่า อย่าเลือกอ่านแต่คู่ตัวเองจิ้นนะฮะ อ่านให้ครบ ถ้าไม่อยากงง เพราะตัวละครทุกตัวในเรื่องนี้เกี่ยวข้องกัน และเป็นเหตุผลที่มาของการเล่น ‘เครื่องจับโกหก’ ครับผม อ่านให้สนุกนะ ไม่ขออะไรมาก เม้นหน่อยเถอะนะ พิมพ์มานาน เหนื่อยเน้อ TT^TT
ตึกคณะวิศวะ…
“เฮ้ยๆ ดูดิ นั่นพี่ลู่หานนี่หว่า น่ารักชิบ…”
“แกคิดว่างั้นเหรอเซฮุน ?”
“แหงดิ ทำไม หรือแกจะเถียงฉันว่าเขาไม่น่ารัก หือ ? ไอ้ชานยอล ?”
“ฉันยังไม่ได้พูดอะไรเลยนะเซฮุน…”
“เฮอะ ใช่สิ ใครจะเหมือนไอ้รุ่นพี่ คริส นักบาสรูปหล่อพ่อรวยของแกวะ…”
“อะไรของแกวะ !!”
ชานยอลโวยวาย พร้อมรีบวิ่งไปปิดปาก โอเซฮุน เพื่อนรักที่เกือบจะฆ่าเขาด้วยคำพูดเมื่อตะกี๊ ให้ตายสิ…
“ว่าแต่ จงแดหายไปไหนของมันวะ ?” ชานยอลถาม
“อึงเอาอือออกอากอากอูอ่อนอิ (มึงเอามือออกจากปากกูก่อนสิ)” เซฮุนได้แต่อู้อี้ๆอยู่ในลำคอ ก็ดูสิ ไอ้ชานยอลมือมันเล็กๆซะทีไหน เค็มก็เค็ม =______=;;
“เออว่ะ ลืม ขอโทษ…” ชานยอลปล่อยมือออกจากปากของเซฮุน ก่อนจะเช็ดๆถูๆกับกางเกง อี๋ น้ำลายติดมาที่มือฉันด้วยนะเว้ย !
“จงแดไปหามินซอกเมียมันแล้ว…”
“อ้าว ไหนว่ามีปัญหากันอยู่ไม่ใช่รึไงวะ ?”
“กูจะไปรู้มันเหรอ ? เรื่องของเขา กูไม่อยากเข้าไปสอดรู้เท่าไหร่ ให้เขาเคลียร์กันเอง”
เซฮุนส่ายหัวอย่างไม่รับรู้อะไรทั้งสิ้น ก่อนจะหยิบกล้องส่องทางไกลมานั่งส่องเป้าหมายของเขาที่เพิ่งพูดถึงกันไปเมื่อไม่กี่บรรทัดอย่าง “เสี่ยวลู่หาน”
“ว่าแต่แกเถอะ ไม่ไปแอบเกาะแป้นชู้ตบาสดูพี่คริสอีกเหรอวะ ? นี่ก็ได้เวลาของแกแล้วนี่หว่า”
“ไม่เอาว่ะ วันนี้กูนัดแบคฮยอนไปห้องสมุด” ชานยอลตอบพร้อมเก็บข้าวของใส่กระเป๋า
“หือ… แหม เนื้อหอมนักนะมึง”
“แค่เพื่อนว่ะ มึงนี่ก็…”
“มึงคิดกับเขาแค่เพื่อน แต่แบคฮยอนอ่ะ เขาคิดกับมึงแค่เพื่อนเหรอวะ ?”
“…”
“ไปได้แล้ว เดี๋ยวแบคฮยอนรอนาน ไปไป๊ กูจะส่องพี่ลู่หาน ชิ่วๆ !” เซฮุนไล่ชานยอลส่งท้าย ก่อนจะหันกลับไปที่ตึกของคณะภาษาศาสตร์แล้วนั่งสังเกตการณ์ต่อไป
XXXXXXXXXX
“จงแดอ่า ทำไมเงียบจัง…” เสียงของคนตัวเล็กตรงหน้า ดึงให้ คิมจงแด หลุดจากภวังค์ที่เขาเพิ่งนั่งเข้ายานแม่มาได้ซักพัก
“ป…เปล่า…”
“เป็นอะไร ?”
“…”
“นั่งทำหน้าบึ้งอยู่ได้ ไม่พอใจอะไรฉันรึเปล่า ?”
“เปล่านี่”
ปากตอบไปส่งๆว่า ‘เปล่า’ แต่ในใจคิดอะไรไปร้อยแปดพันเก้าซะแล้ว พยายามนั่งตีหน้านิ่ง และโกหกแบบหน้าด้านๆ แต่ดูเหมือนว่าคนตรงหน้าจะฉลาดพอ
“เสียงประชดขนาดนี้ ไม่พอใจอะไร”
“…”
“จงแด ไม่พอใจอะไรฉันก็พูดมา”
‘ เฮ้ ! มินซอก อยู่นี่เองเหรอ ! ’
เสียงของผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้นมาจากข้างหลังทั้งสองคน ก่อนที่เจ้าของชื่อที่ถูกเรียกอย่าง คิมมินซอก จะโบกมือให้เจ้าของเสียงที่เรียกเขาไปเมื่อครู่นี้
“เทาอ่า มาแล้วเหรอ ?”
“อ้าว วันนี้จงแดอยู่ด้วยเหรอ ฮะๆ ฉันมาขัดนายสองคนรึเปล่า ?”
“ไม่หรอก นั่งก่อนๆ” มินซอกเริ่มยิ้ม ผิดกับก่อนหน้านี้ตอนที่อยู่กับจงแดสองคน
หลังจากที่เทามานั่งที่โต๊ะ บรรยากาศอึมครึมที่วนเวียนอยู่รอบๆโต๊ะเมื่อกี๊นี้ก็เริ่มหายไป ตอนนี้ดูเหมือนมินซอกจะอารมณ์ดีกว่าตอนแรก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า คนที่อยู่ข้างๆเขาจะอารมณ์ดีเหมือนกัน
“จงแด พูดไรบ้างดิ อย่านั่งใบ้กิน ไม่ชอบเลยว่ะ” เทาหันไปตีแขนจงแดที่เอาแต่นั่งเท้าคาง และส่งสายตามองเทามาพักใหญ่
“กูเจ็บ…” จงแดชักแขนออกก่อนจะชักสีหน้าใส่เทา
“พูดไม่เพราะอีกแล้วนะ” มินซอกหันไปค้อนใส่จงแด หลังจากที่เขาเพิ่งพูดคำว่า “กู” ออกมา
“ฉันไม่ได้พูดกับนายนะ…”
คำสั้นๆของจงแด ทำให้มินซอกถึงกับสะอึก นี่นายกำลังจะบอกว่านายไม่ได้พูดคำหยาบกับฉัน หรือนายกำลังจะหลอกด่าฉันว่า สอดรู้สอดเห็น ??
“จงแด ทำไมพูดกับมินซอกอย่างนั้นวะ ?”
“เรื่องของกู อย่าเสือก…” จงแดมองเทาอย่างเอาเรื่อง ทำให้ทั้งเทาและมินซอกงงไปตามๆกัน ตอนแรกก็นั่งเงียบๆ ถามว่าเป็นอะไรก็ไม่ตอบ แต่อยู่ๆก็มาพาลลงที่เขาสองคน มันใช่เรื่องมั้ย ?
“จงแด !” มินซอกเริ่มขึ้นเสียงใส่
“ทำไม ไม่พอใจเพราะว่าฉันพูดคำหยาบ หรือว่าไม่พอใจที่ฉันกำลังจะหาเรื่องไอ้เทาล่ะ ?” จงแดพูดประโยคสุดท้ายออกมา ก่อนที่จะลุกเดินออกมาจากโต๊ะไป
XXXXXXXXXX
“ขอโทษที่มาช้านะ” ชานยอลวิ่งกระหืดกระหอบ ก่อนจะหยุดวิ่งเมื่อพบกับคนที่เขานัดเอาไว้
“ไม่เป็นไร ฉันก็เพิ่งมาถึง”
“ว่าแต่ ไปห้องสมุดวันนี้ นายจะไปยืมหนังสืออะไรเหรอ ?”
“ไม่รู้ดิ ไปถึงเดี๋ยวเจอเล่มไหนถูกใจก็ยืมเลย”
“นี่ แบคฮยอน…”
“หืม ?”
“เย็นนี้ ไปร้านขายอุปกรณ์กีฬาเป็นเพื่อนฉันทีดิ”
“หือ ?? เฮ้ย !! นายว่าไงนะชานยอล !!”
“น่านะ ไปเป็นเพื่อนหน่อย ไม่ค่อยอยากเข้าคนเดียว นายก็รู้ว่าฉันไม่ถูกกับพวกกีฬาเท่าไหร่”
“ทำไมต้องฉันอ่ะ ?”
“เพราะนายน่ะ…”
“…”
‘ เป็นคนที่เข้าใจฉันมากที่สุดไง ’
“…”
‘ นายเป็น เพื่อน ที่เข้าใจฉันมากที่สุดเลยนะ ’
“ห…เหรอ ??” แบคฮยอนรับคำอย่างสั่นๆ
“อื้อ…” ชานยอลพยักหน้าพร้อมฉีกยิ้มกว้าง
“อ่า… รอฉันตรงนี้ก่อนนะ เดี๋ยวฉันไปซื้อน้ำแป๊บนึง”
“โอเค…”
พูดจบ แบคฮยอนก็เดินเลี่ยงออกมาจากชานยอล แล้วเลี้ยวเข้าไปทางเข้าโรงอาหาร แต่ไม่ได้ไปที่โรงอาหารตามที่บอกกับชานยอลหรอกนะ เพียงแค่มาหลบหน้าคนที่เพิ่งคุยด้วยเมื่อกี๊เท่านั้นแหละ
‘เพราะนายเป็นคนที่เข้าใจฉันมากที่สุดไง…’
‘ นายเป็น เพื่อน ที่เข้าใจฉันมากที่สุดเลยนะ ’
ประโยคที่ฟังแล้วมันออกมาจากใจของชานยอลจริงๆ แต่ได้ยินแล้ว มันเหมือนกับของมีคมบางอย่างที่ทิ่มลงมาตรงหน้าอกข้างซ้ายของคนฟัง บวกกับรอยยิ้มแบบใสซื่อนั่น… รอยยิ้มที่กลายเป็นแรงสำหรับกดของมีคมให้ลงไปลึกกว่าเดิม…
นายรักฉันมากกว่า เพื่อน ไม่ได้เหรอ ?
พอจะนึกได้ว่าเพื่อนรักยืนรอนานแล้ว เลยค่อยๆใช้แขนปาดน้ำตาแบบลวกๆ ก่อนจะวิ่งออกไปตรงจุดที่ชานยอลยืนรออยู่ พร้อมยิ้มให้แบบเดิม
รักฉันมากกว่าเพื่อนได้มั้ย ปาร์คชอนยอล ?
XXXXXXXXXX
“ลู่หาน เป็นอะไรรึเปล่า ?”
“อยู่นิ่งๆสิคยองซู อย่าขยับ !”
“ทำไมล่ะ ?”
“ไว้ฉันจะเล่าให้ฟัง แต่ตอนนี้น่ะ นายมานั่งบังฉันก่อนเลย…”
“มีอะไรเล่าอาลู่”
“…”
“เล่ามาเหอะ ฉันเห็นนายเป็นแบบนี้มาหลายวันแล้วนะ ทำตัวเหมือนกำลังหลบใครอยู่เลย”
“ก็ใช่น่ะสิ…”
“หือ ?”
“เล่าไปนายอาจจะขำนะคยองซู แต่ฉันขำไม่ออกหรอก” ลู่หานนั่งถอนหายใจ
“น่า ฉันไม่ล้อนายหรอก เล่ามาเถอะ นะ”
“มันมีคนบางคนกำลังตามฉันอยู่น่ะสิ”
“หือ !! จริงดิ ใครอ่ะ ??”
“ฉันก็ไม่รู้หรอก รู้แค่ว่าชื่อโอเซฮุน ดูจากการแต่งตัวกับเห็นริสแบนด์ประจำคณะแล้ว เป็นรุ่นน้องพวกเรา อยู่คณะวิศวะ…”
“แน่ใจนะ ว่านายไม่รู้ สาธยายซะครบเลย” คยองซูเหล่เล็กน้อยพร้อมแซวๆ
“ฉันไม่รู้อะไรไปมากกว่านี้แล้ว ฉันรู้แค่ว่าหมอนั่นกำลังสะกดรอยตามฉันอยู่ เงียบๆไว้เลยนะ”
“อ…โอ..เค…”
“นั่นไง หมอนั่นกำลังเอากล้องมานั่งส่องฉันอยู่ ฮือ…”
“ไหน..ดูดิ๊ !” คยองซูพูดพร้อมยืดคอชะเง้อไปมองคนที่หลบอยู่หลังพุ่มไม้ ทำเอาเซฮุนแทบจะก้มตัวหลบไม่ทัน
ไอ้พี่เหลือก มารผจญ จะชะเง้อมองทำหอยเชอรี่อะไรครับ !!
“อาลู่ ฉันอยากไปสนามบาส…”
“ไปทำไม ไปดูนายกัมจงอีกแล้วเหรอ ?”
“อย่าเรียกแบบนั้นสิ ออกจะเท่ -///-”
“น…นายแน่ใจนะ…? ดำก็ดำ แถมชอบทำหน้าง่วงๆอีก”
“โหย… เดี๋ยวปั๊ดตีตายเลย ออกจะเท่ -///-”
“รสนิยมนายนี่มัน…”
ลู่หานได้แต่ยืนถอนหายใจ และปล่อยตัวไปให้คยองซูลากไปที่สนามบาสแต่โดยดี
XXXXXXXXXX
“จงอินยา เท่ชะมัด อ๊ากกกก”
ตอนนี้คยองซูกับลู่หานกำลังยืนอยู่ที่สนามบาส คยองซูได้แต่แอบมองคนที่เขาเรียกว่า จงอิน อยู่หลังแป้นบาส ส่วนลู่หานยืนหน้าหงิกหน้างออยู่ข้างๆ ร้อนก็ร้อน ทำไมฉันต้องมาอยู่ตรงนี้ด้วยเนี่ย !
“นายอย่าทำให้ฉันหมั่นไส้นะคยองซู”
“ฉันทำอะไรนายรึยังเล่าอาลู่”
“ก็ไอ้ที่นายมายืนกรี๊ดกร๊าดนายกัมจงเนี่ยอ่ะดิ เห็นแล้วน่าหมั่นไส้” ลู่หานพูดพร้อมเบะปาก
“นายจะเข้าใจอะไรฉันเล่า ชิ !”
“ถามจริงๆนะ มาแอบดูทุกวัน ไม่เบื่อเหรอ ?”
“ถ้าเบื่อ ฉันจะมายืนเกาะแป้นบาสเป็นโคอาล่าทุกวันให้คนมองทำไมล่ะอาลู่” คยองซูพูดพร้อมทำหน้าใสซื่อ ดูแล้วก็น่ารักอ่ะนะ แต่ว่า มันดูขัดกับสิ่งที่นายพูดไปนะคยองซู
“อยากเข้าใกล้นายจงอินมากกว่านี้มะ ?”
“ไม่เป็นไร อยู่แบบนี้น่ะดีแล้ว แค่ได้มองก็ดีใจแล้ว” คยองซูพูดกับลู่หาน แต่สายตายังไม่ได้ละจากจงอินที่กำลังเล่นบาสแต่อย่างใด
“อืม…”
พอพูดจบ ลู่หานเลยย้ายมายืนข้างหลังคยองซูที่ยืนพิงกับแป้นบาสแล้วยืนยิ้มอยู่คนเดียว ก่อนที่ลู่หานจะใช้แรงที่มีอผลักคยองซูออกไปจากแป้นบาส จนคนที่ถูกผลักกระเด็นลงไปที่กลางสนามบาส
ตอนนี้สายตาทั้งของผู้เล่นในสนาม และผู้ชมรอบสนามต่างมองมาที่คยองซูเป็นจุดเดียว ทำให้คนตัวเล็กอายแทบแทรกแผ่นดิน อาลู่บ้า เล่นอะไรของนาย !!
“แดบัก !” ลู่หานพูดพร้อมยิ้มอย่างภูมิใจ มันแดบักตรงไหนอาลู่ !!
“น้อง ระวัง !!”
เสียงของผู้เล่นคนนึงในทีมดังขึ้น ทำให้คยองซูหันกลับไปด้านหลัง แต่ทว่า ตอนนี้ลูกบาสเข้าใกล้คยองซูจนเขาไม่สามารถปัดมันออกได้ ส่งผลให้ลูกบาสกระแทกลงกลางศีรษะเต็มๆ
“โอ๊ย !!”
“คยองซู !!”
หลังจากที่บาสกระแทกลงกลางหัวของคยองซู ส่งผลให้คนตัวเล็กลงไปนั่งกองกับพื้น พร้อมกับนั่งลูบหัวตัวเองด้วยความเจ็บ และตอนนี้ ดูเหมือนว่าคยองซูจะมึนๆไปเล็กน้อย ส่วนลู่หานก็รีบวิ่งลงมาดูจากข้างสนามทันที
“คยองซู โอเครึเปล่า ?”
“อือ…” คยองซูพูดพร้อมสะบัดหัวไปมาให้พอหายมึน
‘ ขอโทษนะครับ เจ็บตรงไหนรึเปล่า ? ’
ดูเหมือนว่าจะเป็นเสียงของผู้เล่นคนนึงในทีมบาสที่ถามคยองซูมา ก่อนที่เขาคนนั้นจะวิ่งเข้ามาหา แล้วนั่งลงข้างๆคยองซูที่เอาแต่ลูบหัวตัวเองป้อยๆ
“ไม่คร…”
คยองซูกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็ต้องหยุดพูด เมื่อหันมาเห็นใบหน้าของคนที่นั่งข้างๆเขา ผู้ชายที่อยู่ในชุดกีฬา และสภาพที่มีเหงื่อโทรมกาย
คิม จงอิน !!
เฮ้ย บอกคยองซูทีเหอะ ผมกำลังตาฝาดไปรึเปล่า คิมจงอินที่ผมแอบเกาะแป้นบาสยืนดูเขาทุกวัน แต่ตอนนี้ เขาลงมานั่งข้างๆผม
“หัวเป็นยังไงบ้าง ขอโทษนะ บาสลูกเมื่อกี๊ผมเป็นคนโยนเองแหละ” ดูเหมือนจงอินจะตกใจมาก เขาทั้งรีบขอโทษขอโพยและโค้งให้คยองซูเป็นการใหญ่
“ม…ไม่เป็นไร…ฮะ…”
“ไปห้องพยาบาลเถอะ ถ้าปล่อยไว้เฉยๆเดี๋ยวหัวจะโนเอา…” จงอินไม่พูดเปล่า เขารีบเดินนำพร้อมจับมือคยองซูมุ่งหน้าไปที่ห้องพยาบาลด้วย
อ๊ะ !! ว่าไงนะ !! เดี๋ยวสิ เขาจับมือของผมเหรอ ? เฮ้ย !!! ผมก็เขินเป็นนะ ตายแล้วคยองซู… ร่างเล็กได้แต่ฟินระเบิดในใจ แต่ก็ไม่วายหันไปมองเสี่ยวลู่หานเพื่อนรักตัวดีที่ทะลึ่งผลักเขาไปกลางสนามบาส
จำไว้นะอาลู่ !!!! -______-+
XXXXXXXXXX
“โอ้เย่ !! ในที่สุด รายงานของฉันก็เสร็จ ฮื้ออออ !!”
เสียงของผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้นจากโต๊ะหินอ่อนหน้าตึกคณะวิทยาศาสตร์ น้ำเสียงที่บ่งบอกถึงความดีใจแทบจะล้นทะลักเหมือนสติสตังของเขา (?)
“เสร็จซักทีนะอี้ชิง ว่าแต่จะเอาไปให้อาจารย์เมื่อไหร่ล่ะ ?”
“ใจเย็นดิไอ้คริส ขอเวลาชื่นชมแป๊บนึง…” อี้ชิงพูดพลางนั่งกอดรัดฟัดเหวี่ยงกับเล่มรายงานอย่างปลื้มใจ ก็แหงดิ เขาทำมันมาตั้งสองวันสองคืนนี่นา
“มัวแต่โอ้เอ้ เดี๋ยวก็ไม่ได้ส่งกันพอดี”
“หุบปากไปเลยน่า !”
“ไอ้อี้ชิง ระวัง !!!!”
คริสตะโกนขึ้นมาจากข้างหลังของอี้ชิงหลังจากพบว่ามีผู้ชายคนหนึ่งวิ่งถลามาที่โต๊ะของทั้งคู่ ก่อนจะผลักอี้ชิงให้ไปอยู่ทางด้านข้างของโต๊ะเพื่อให้พ้นจากผู้ชายนิรนามคนนั้น
โคร้มมมม !!!
เสียงของผู้ชายคนนั้นวิ่งไปกระแทกกับโต๊ะหินอ่อนที่อี้ชิงกับคริสนั่งอยู่ ดูเหมือนข้าวของจะไม่เสียหายเท่าไหร่ หากแต่ว่า…
“ร…รายงาน รายงานของช้าน !!!!!!!!!!”
อี้ชิงรีบวิ่งเข้ามาที่โต๊ะ หลังจากพบว่าผู้ชายคนนั้นไม่ได้ถลามาตัวเปล่า แต่เขามาพร้อมกับแก้วน้ำใบใหญ่ที่มีน้ำเยอะพอสมควร และแน่นอนว่า…
ตอนนี้ น้ำในแก้วนั้นก็หกใส่เล่มรายงานบนโต๊ะของอี้ชิงไปเรียบร้อยแล้ว
“ม…ไม่นะ !!!!” อี้ชิงรีบวิ่งเข้าไปหยิบเล่มรายงาน แต่ทว่าดูมันจะเสียหายมากพอสมควร เพราะตอนนี้เล่มรายงานนั้นชะโลมไปด้วยน้ำซะทุกส่วน
“ใจเย็นๆอี้ชิง”
‘ ผ… ผมขอโทษครับ… ’
เสียงของผู้ชายคนดังกล่าวดังขึ้น ก่อนที่เขาจะพยุงตัวเองขึ้นมาจากพื้น ดูเหือนว่าเขาจะมีรอยฟกช้ำที่ตัวนิดหน่อย แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เขาดูน่าสงสารขึ้นในสายตาของอี้ชิงแต่อย่างใด
“นาย… โอ๊ย !! นายจะว่ายังไงฮะ !! รายงานของฉันพังหมดแล้วนะ !!”
อี้ชิงวิ่งปรี่เข้าไป พร้อมโวยวายกับผู้ชายคนนั้นชุดใหญ่ โดยไม่สนใจว่าผู้ชายคนนั้นจะมีปฏิกิริยาอย่างไร สนแค่ว่า ตอนนี้อี้ชิงต้องเหวี่ยงไว้ก่อน
“เอ๊ะ เดี๋ยวนะ … ซูโฮนี่ ?” คริสเดินเข้าไปหาผู้ชายคนนั้นก่อนจะทักทาย
“อ…เอ่อ… คริสเหรอ ?”
“เฮ้ ! เพิ่งกลับจากอเมริกาเหรอพวก ? ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ” คริสเดินเข้าไปคล้องคอผู้ชายที่เขาเรียกว่า ซูโฮ ทันทีก่อนจะทักทายราวกับสนิทสนมกัน
“เดี๋ยวนะคริส นายรู้จักหมอนี่ด้วยเหรอ ?”
“แหงดิอี้ชิง นี่เพื่อนฉันเอง ที่ฉันเคยเล่าให้นายฟังไงว่าเขาไปเป็นเด็กแลกเปลี่ยนที่อเมริกา เอ้อ ซูโฮ นี่เพื่อนฉัน จางอี้ชิง ทำความรู้จักกันไว้สิ” คริสแนะนำเป็นชุด
“เอ่อ…”
“ฉันไปล่ะ…” อี้ชิงไม่ได้ทำความรู้จักกันกับซูโฮตามที่คริสแนะนำ แต่เขาเลือกที่จะเก็บของพร้อมหยิบเล่มรายงานที่พังแล้วเล่มนั้น ก่อนจะเดินออกไปจากโต๊ะโดยไม่ร่ำลาทั้งคู่แต่อย่างใด
“…”
ซูโฮได้แต่มองตามด้วยสายตาละห้อย เขาไม่ได้ตั้งใจให้มันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น หากแต่ว่าเขาถูกกลุ่มเพื่อนของเขาแกล้งผลักมาอีกที ทำให้เขาเซถลา และทำน้ำหกใส่รายงานของอี้ชิงไปเมื่อไม่กี่บรรทัดก่อน
“ใจเย็นน่าซูโฮ หมอนี่มันขี้เหวี่ยงขี้วีนแบบนี้แหละ อย่าไปคิดมาก เดี๋ยวก็อารมณ์ดี ไอ้หมอนี่มันเป็นพวกประจำเดือนมาไม่ค่อยจะปกติเท่าไหร่” คริสบ่น
“…”
“เฮ้ย…”
‘ พรุ่งนี้… ฉันจะทำรายงานมาชดใช้ให้อี้ชิงเอง ’
ซูโฮพูดอย่างหนักแน่น ทำให้คริสตะลึงไปพักนึง เฮ้ย !! มันไม่ใช่ว่าใครจะทำก็ทำได้นะเว้ย อีกอย่าง พวกฉันเป็นเด็กสายวิทย์ แต่แกเป็นเด็กศิลป์นะไอ้ซูโฮ !!!
“แกจะบ้ารึไงซูโฮ นี่มันรายงานของพวกเด็กวิทย์นะ แกจะทำได้เหรอ ไม่เอาน่า…”
“ไม่เป็นไร ถ้าทำให้เขาหายโกรธฉันได้ ฉันจะทำ ฉันกลับบ้านก่อนนะคริส…”
ซูโฮพูดส่งท้าย ก่อนจะเก็บข้าวของที่กระจัดกระจายให้เข้าที่ แล้วเดินออกจากพื้นที่นั้นไป ปล่อยให้คริสยืนกุมขมับกับมิตรภาพที่เริ่มต้นได้ ‘ห่วยแตก’ ของเพื่อนทั้งสองคนของตน
XXXXXXXXXX
“นายเดินกลับบ้านคนเดียวได้แน่นะอาลู่…”
“อื้อ ไม่เป็นไร เดี๋ยวออมม่านายก็มารับแล้วนี่”
คยองซูถามลู่หานอย่างเป็นห่วง เพราะไม่ค่อยอยากจะปล่อยให้ลู่หานกลับบ้านคนเดียวเท่าไหร่ เนื่องจากช่วงนี้มีคนสะกดรอตามลู่หาน แต่ว่าวันนี้ดูเหมือนคยองซูจะมึนๆน็อกๆหลังจากถูกลูกบาสกระแทกหัว ทำให้ออมม่าของคยองซูตัดสินใจจะมารับลูกชายกลับบ้านเอง เลยจำใจต้องปล่อยให้ลู่หานกลับบ้านคนเดียว
“ฉันไม่อยากทิ้งนายกลับคนเดียวเลยอ่า อาลู่…”
“ทำไมเล่า…ไม่เป็นไรหรอก ฉันเป็นผู้ชายนะ ถ้ามีใครทำอะไรฉัน ฉันจะกระโดดถีบไปเลย”
“งั้นดูแลตัวเองดีๆนะ”
“เข้าใจแล้ว งั้นนั่งอยู่นี่รอออมม่าไปนะ เอ๊ะ ไม่สิ… รอนายกัมจง คิมจงอิน ไปก่อนนะ บ๊ายบาย” ลู่หานพูดพร้อมโบกมือให้ก่อนจะเดินแป้นแล้นออกมา
“จะบ้ารึไงเล่า !” คยองซูตะโกนตามหลังลู่หานไปอย่างเขินๆ
ตอนนี้เวลาปาเข้าไปเกือบหกโมงแล้ว แถมวันนี้ดันมืดเร็วกว่าทุกวันอีก ทำให้ร่างบางเริ่มรู้สึกหวิวๆใจไม่น้อยที่ต้องเดินกลับคนเดียว
ตึ่ก…ตึ่ก…
ดูเหมือนว่าจะมีเสียงฝีเท้ากระทบกับพื้นตามหลังของลู่หานมา แน่นอนว่าเขาได้ยินเสียงนี้ชัดเจน ไม่ต้องมาแกล้งทำเป็นอินโนเซนท์เหมือนนางเอกในหนัง แต่ตอนนี้เรามาคิดดีกว่ามั้ยว่าควรจะหันไปมองรึเปล่า… คนที่เดินตามมันเป็นใครก็ไม่รู้ ฮื้อ…
1…2…3…
“ฮ…เฮ้ย อย่าเข้ามานะ !!!!” ลู่หานนับในใจถึงสาม ก่อนจะหันกลับไปว้ากใส่คนที่เดินตามหลังอย่างไม่ได้มองหน้าคนที่ตามมาแต่อย่างใด
“ชิบหาย ความแตก !!!”
ร่างสูงที่เดินตามหลังลู่หานมากำลังจะวิ่งหนี แต่ด้วยความไวกว่า ลู่หานจึงรีบวิ่งตามแล้วกระชากคอเสื้อของผู้ชายคนนั้นเอาไว้
“จับได้แล้ว นายสินะที่แอบมาตามฉันตลอด…”
“…ขอโทษครับรุ่นพี่…” เสียงของเจ้าผู้ชายคนนั้นสลดลงทันทีหลังจากถูกจับได้
“นายเป็นใคร มาตามฉันทำไม หา !!!”
“เอ่อ…”
“จะตอบมั้ย ถ้าไม่ตอบ ฉันจะแจ้งตำรวจข้อหาละเมิดสิทธิส่วนบุคคลนะ !”
“ครับๆ บอกก็บอกครับ…”
“ว่ามา…”
‘ ผ…ผม… โอเซฮุน ปีสอง คณะวิศวะครับ… ’
ร่างสูงยอมศิโรราบและคายตัวตนออกมาจนหมดสิ้น ก่อนจะยิ้มแบบเจื่อนๆ ลู่หานได้แต่พยักหน้า ก่อนจะปล่อยมือออกจากเสื้อของเซฮุน
“ฉันถามไปแบบนั้นแหละ อืม… จริงๆฉันรู้ตั้งนานแล้วว่านายสะกดรอยตามฉัน นายตามฉันทำไม”
“…”
“บอกมาเซ่ !!”
“ก็…ผม…ผม…”
“ผม…?”
‘ ผมตามเพราะพี่น่ารักนี่… ’
หา !!! อะไรนะไอ้เด็กบ้า เหตุผลแค่นี้อ่ะนะ ถึงขั้นยอมลงทุนเดินตามทุกฝีก้าว แกจะบ้ารึไงไอ้โอเซฮุน ถ้าขืนคนอื่นรู้เข้า เขาจะมองว่าฉันพรากผู้เยาว์นะ !!!
“น…นี่เหตุผลเหรอ ??”
“ที่จริงวันนี้ผมก็ไม่ได้ตั้งใจจะตามพี่หรอก แต่…”
“…”
“ผมเห็นพี่กลับบ้านคนเดียว ผมเป็นห่วง ก็เลยแอบสะกดรอยตามมาคุ้มกันน่ะฮะ” เซฮุนบอกพร้อมทำหน้าเจื่อนลง
จะว่าไปแล้ว โอเซฮุน เด็กคนนี้ขึ้นชื่อเรื่อง ‘ความซ่า’ ระดับปรอทแตกของมหาวิทยาลัยยอนเซเลยนี่หว่า แต่พอทำหน้าสลดๆแล้วก็น่าเอ็นดูใช้ได้ เฮ้ย !! ไม่ได้นะอาลู่ เขากำลังทำตัวเป็นสโตรกเกอร์นะ !
“ไม่ต้องหรอก ฉันกลับของฉันเองได้ ฉันว่ามันดูไม่น่าปลอดภัยเพราะนายเดินตามนี่ล่ะ กลับไปเถอะ”
“ค…ครับ งั้นผมลาล่ะครับ…” โอเซฮุนโค้งให้ลู่หานเล็กน้อย ก่อนจะเดินทำหน้าสลดกลับไป ลู่หานได้แต่ส่ายหัวกับความพิลึกของเซฮุน แต่หารู้ไม่…
ฮว้ากกกกกก กูได้คุยกับพี่ลู่หานแล้วโว้ย !!!!!!!!!!
นี่คือเสียงที่กำลังแหกปากโวยวายอยู่ภายในใจของโอเซฮุน ตามมาด้วยรอยยิ้มโลกแตกที่ค่อนข้างจะหาดูได้ยาก ถึงแม้ว่าจะโดนลู่หานตำหนิมา แต่ก็ทำให้โอเซฮุน สโตรกเกอร์คนนี้ชื่นใจขึ้นเป็นกอง อั้ยย่ะ !!
XXXXXXXXXX
“ย้า มินซอกอ่า นายรู้มั้ยว่าจงแดมันเป็นบ้าอะไร ?”
“ฉันไม่รู้… แต่หลังๆมานี้จงแดเปลี่ยนไปเยอะมากเลยนะเทา ฮึก…” มินซอกพูดพลางก้มหน้าก้มตาร้องไห้ ส่วนเทาทำอะไรไม่ได้ นอกจากนั่งปลอบเพื่อนตัวเอง
“เอาน่า สงสัยช่วงนี้มันเครียดๆล่ะมั้ง”
“ถ้าเครียดแล้วทำไมต้องมาลงที่ฉันล่ะ พอฉันถามว่าเป็นอะไรก็ไม่ตอบ แล้วอยู่ๆก็มาเหวี่ยงใส่ฉันกับนายแบบนี้ มันใช่เรื่องมั้ย ?”
“…”
“เทา ฉันควรจะทำยังไงดี ?”
“น่า ใจเย็นๆนะ” เทาพูดพลางบีบไหล่เพื่อนเบาๆ
“ฉันไม่อยากเห็นจงแดในสภาพนี้ ฉันควรจะทำยังไงดี”
“หมอนั่นมันไม่เป็นอะไรหรอก มันคงมีปัญหาส่วนตัวของมันนั่นแหละ เดี๋ยวฉันจะคุยให้ ไม่เอานะ ไม่ร้อง เลิกร้องไห้ได้แล้ว”
เทาพูด ก่อนที่จะเขยิบเข้าไปใกล้ๆเพื่อนแล้วยกแขนไปคล้องคอเพื่อน พลางยื่นหน้าไปใกล้ๆเพื่อพูดปลอบใจเพื่อน โดยที่ทั้งคู่ไม่รู้เลยว่า
… มีสายตาคู่หนึ่ง มองเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนี้…
…To Be Continue…
-----------------------------------
Upload : ONly1WAydOit
สวัสดีมิตรรักและแฟนเพลงทั้งหลาย
ไม่ได้เอาชฟ.มาเทกระจาดหลายวันแล้วจะขาดใจ #ซับน้ำตา
วันนี้เลยไปเอาฟิคเรื่องนี้ของแม่ค้านิดนัดมาลง #หึหึ
เนื่องจากหอพักของแม่ค้านิดนัดช่างกันดารนัก #ห๊ะ แม่ค้าโอนลี่เลยอาสามาลงให้
เพราะอยากอ่านมาก - / - รับรองว่าพาร์ทต่อไปจะเข้มข้นกว่าเดิม
รอตามอ่านกันด้วยนะที่รัก <3 #โปรยจูบแล้วจากไป
ความคิดเห็น