คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : episode . 2
[ เรื่องราวระหว่าง "เรา" ]
วันนี้เป็นวันเลือกชมรมของนักเรียนใหม่ชั้นปีที่ 1 ทำให้บรรยากาศในโรงเรียนค่อนข้างวุ่นวายเป็นพิเศษ อา…มันอาจจะเหมือนการ์ตูนญี่ปุ่นที่คุณๆอ่านกันนั่นแหละ ไอ้ประเภทที่ว่ารุ่นพี่มาถือป้าย ถือแบนเนอร์ ผูกผ้าโพกหัวสกรีนชื่อชมรม กำลังยืนกวักไม้กวักมือยื่นโปรโมชั่นให้กลุ่มนักเรียนปีหนึ่งไปฝากฝังเป็นสมาชิกชมรมของตัวเอง
“มินซอก เราเลือกชมรมได้แล้วนะ นายจะเลือกอะไร ??” กีกวังที่เดินมาจากอีกฝั่งถาม ดูเหมือนว่าแผ่นกระดาษยื่นสมัครเข้าชมรมของกีกวังจะถูกส่งไปยังชมรมแล้ว
“ย…ยังไม่รู้เลย” มินซอกเกาหัวพลางยืนมองใบสมัครเข้าชมรมในมือที่ยังว่างเปล่า
“งั้นก็รีบๆเลือกเข้าล่ะ เดี๋ยวเราไปที่ชมรมก่อนนะ บ๊ายบาย”
“โอเค ไว้เจอกันตอนเลิกเรียนนะ”
ร่างเล็กเดินมองหาชมรมไปเรื่อยๆ ที่โรงเรียนนี้มีชมรมเยอะแยะจนแทบจะเลือกไม่หวาดไม่ไหว ทั้งชมรมเกมคณิตศาสตร์ ชมรมอาสาเพื่อสังคม ชมรมการ์ตูน ชมรมภาพวาด ชมรมสิ่งประดิษฐ์ ชมรมวิทยาศาสตร์เพื่อธรรมชาติ ไม่เว้นแม้แต่ชมรมพระเครื่องและฝึกสมาธิวิปัสสนากรรมฐาน
มินซอกเดินหลงทางมาเรื่อยๆจนมาหยุดอยู่หน้าห้องเก็บอุปกรณ์พละของโรงเรียน ถือได้ว่าเป็นมุมอับเลยก็ว่าได้ เพราะแทบไม่มีใครยืนอยู่หน้าห้อง
อา…ทำไงดีมินซอก T______T
“ไง…”
เสียงทักทายเบาๆพร้อมมือที่สะกิดไหล่ของมินซอกทำให้คนตัวเล็กหันไปดู ก่อนจะพบว่าเจ้าของเสียงคือพี่รหัสคนเก่งของตัวเองอย่าง โดคยองซู ที่ทักทายด้วยรอยยิ้มน่ารักๆ
“อา…หวัดดีครับ” มินซอกยิ้มแห้งๆก่อนจะโค้งทักทาย
“ทำไมถึงมาอยู่ตรงนี้ล่ะ แล้วยังเลือกชมรมไม่ได้อีกเหรอ ??”
“ก…ก็…”
“มาอยู่ชมรมประชาสัมพันธ์กับพี่มั้ย ? ตอนนี้ชมรมของพี่ขาดอยู่คนนึงพอดี สนใจรึเปล่า ?”
“ชมรมประชาสัมพันธ์ ??”
“อื้อ คอยกระจายข่าวสารของโรงเรียนน่ะ ตอนนี้ชมรมของเราขาดตำแหน่งคนเรียบเรียงข่าวสาร พี่ได้ยินมาว่ามินซอกเคยชนะเรียงความสมัยอยู่มอต้น น่าจะเขียนเรียบเรียงพวกนี้เก่งนะ สนใจมั้ย ?”
“ส…สนครับ” เด็กหนุ่มตอบแบบอายๆเล็กน้อย ไม่คิดว่าพี่คยองซูคนเก่งของโรงเรียนจะมารู้จักคนแบบเขาด้วย
“ดีเลย งั้นชมรมของเราก็ครบแล้วล่ะ พี่ว่าเราไปคุยกันที่อื่นเถอะ แถวนี้มันมืดๆอับๆ”
“ครับ… ว่าแต่ พี่คยองซูมาทำอะไรแถวนี้เหรอครับ ?”
“พอดีพี่เอาการบ้านของเพื่อนในห้องมาส่งที่ห้องพักครู แล้วก็เดินมาเจอเรานี่แหละ”
“…”
“รีบไปกันเถอะ ตรงนี้มัน…”
ปึ้ง !!!!
เสียงประตูที่ทำด้วยเหล็กดังสนั่น รุ่นพี่รุ่นน้องทั้งสองจึงหันไปมองต้นเสียง และพบว่า ประตูห้องเก็บอุปกรณ์พละเปิดออก
แต่ที่ดึงดูดให้ทั้งสองคนมอง คงจะไม่พ้นนักเรียนชายตัวเล็กที่เดินออกมาจากห้องนั้นในสภาพที่ทำให้คยองซูกับมินซอกถึงกับต้องนิ่งไป เสื้อนักเรียนที่ยับยู่ยี่ กระดุมเสื้อที่ถูกปลดออกประมาณสองเม็ดเผยให้เห็นหน้าอกขาว รวมไปถึงกางเกงนักเรียนที่เข็มขัดหลุดลุ่ยดูไม่เป็นระเบียบ
ตามมาด้วยผู้ชายอีกคนที่ตัวสูงชะลูดโดยมีเสื้อผ้าอยู่ในสภาพเดียวกับคนตัวเล็กที่ออกมาก่อนหน้านี้ หน้าตาของชายหนุ่มดูเหรอหราเล็กน้อย ก่อนจะวิ่งตามออกมา
เด็กอนุบาลยังดูออกเลยว่าเกิดอะไรขึ้น…
‘ เฮ่ย ! พี่รอผมก่อนดิ ’
‘ ไสหัวไป ไอ้เวร ! ’
‘ อะไรของพี่วะ ทำให้คนอื่นเค้าอยากแล้วเสือกหนีออกมาเนี่ยนะ ’
‘ กูไม่ได้หนี กูเรียกให้มึงมาสอนฟิสิกส์กู ไม่ได้ให้มาสอนเพศศึกษา F*ck You ! ’
“บ…”
“ขอทางหน่อย” คนตัวเล็กที่เพิ่งออกมาจากห้องพละพูดเบาๆด้วยน้ำเสียงแข็งเล็กน้อย
“…” คยองซูค่อยๆเขยิบมายืนอีกด้านเพื่อเปิดช่องให้อีกคนเดินไป โดยมีมินซอกมองตามอย่างงงๆ
“พี่ว่า เราไปกันเถอะ”
คยองซูจูงมือน้องรหัสออกมาจากอาคารพละ โดยที่มินซอกยังคงดูมึนๆงงๆกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งคนเป็นรุ่นน้องเองก็เดาได้ว่า รุ่นพี่ก็คงจะช็อกๆไม่แพ้กัน แต่ก็ต้องทำหน้าที่รุ่นพี่ที่ดีด้วยการเก็บอารมณ์ไว้
“พี่คยองซู…โอเครึเปล่าครับ ?”
“หืม ? พี่โอเคอยู่แล้ว ทำไมถามพี่แบบนั้นล่ะ”
“ก…ก็…”
“…”
มินซอกรู้สึกคุ้นหน้าผู้ชายตัวเล็กที่วิ่งออกมาจากห้องพละอย่างบอกไม่ถูก เหมือนจะเคยเจอกันที่ไหนมาก่อน แต่ก็นึกไม่ออกสักที เอ…
‘ ส่วนอีกคนที่ว่าแหล่ม อยู่นู่น… หน้าตาเฉี่ยวๆที่นั่งไขว่ห้างเท้าคางอยู่หน้าเวที ชื่อ พยอนแบคฮยอน ว่ากันว่า ฟันเรียบ ! ’
นึกออกแล้ว… คนที่ชื่อแบคฮยอนที่กีกวังเล่าให้ฟัง…
แต่ว่า กลางโรงเรียนกลางวันแสกๆแบบนี้มัน… โอ๊ย ! ขนลุก !
ช่างเหอะ…มันไม่ใช่กงการของมินซอกนี่…
XOXOXOXOXOXOXOXOXOXO
‘ พี่… บุหรี่ซองนึง ’
ร่างสูงสั่งด้วยเสียงเบาๆพอที่จะให้คนตรงหน้าได้ยิน ก่อนจะหันซ้ายหันขวาเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครอยู่ในละแวกนั้น ก่อนที่ธนบัตรที่มีราคาสูงกว่าบุหรี่ 2 เท่าจะถูกยื่นให้พนักงาน
“ขอบใจ…” พนักงานชายที่ประจำอยู่ที่เคาน์เตอร์มองซ้ายมองขวาเช่นเดียวกัน ก่อนจะเก็บธนบัตรใบหนึ่งลงเครื่องชำระเงิน ส่วนอีกใบหนึ่งแอบใส่กระเป๋ากางเกงของตัวเอง
“ไม่เป็นไร ไปละ”
“นี่ อายุยังไม่ถึง 18 อย่าทำซ่าสูบให้มันมากนักล่ะ ไอ้ชานยอล”
“เรื่องของผมน่า ไม่เสือกๆ”
“เออ ไม่เสือกก็ได้”
เสียงของเซนเซอร์ประตูร้านสะดวกซื้อดังขึ้นอีกครั้งเมื่อเด็กหนุ่มร่างสูงโปร่งเดินออกจากร้าน ซองบุหรี่ในมือถือแกะออกอย่างรวดเร็ว ก่อนที่มวนกระดาษเล็กๆที่อัดแน่นไปด้วยสารพิษจะถูกจุดไฟแล้วเข้าปากเด็กหนุ่ม
ปาร์คชานยอล นักเรียนชั้นปีที่ 2 กำลังเดินทอดน่องไปเรื่อยเปื่อยหลังเลิกเรียน โดยมีบุหรี่อยู่ในปาก เป็นภาพที่ดูขัดกับหน้าตาน่ารักของเขาเสียมากๆ เชื่อได้เลยว่าไม่มีใครในโรงเรียนไม่รู้จักเขาในฐานะแก๊งอันธพาลของโรงเรียน แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังเป็นที่นิยมของเหล่านักเรียนทั้งชายและหญิงในโรงเรียนอยู่ดี
แน่นอนว่านั่นรวมไปถึงนักเรียนต่างสถาบันด้วย เมื่อเด็กหนุ่มแอบชายตาไปเห็นนักเรียนหญิงในชุดนักเรียนจากโรงเรียนหญิงล้วนชื่อดังของย่านนี้กำลังยืนมองเขาไม่วางตากันเป็นกลุ่มใหญ่ๆ ชานยอลจึงจัดการเซอร์วิสให้พวกเธอได้กรี๊ดกร๊าดด้วยการขยิบตาเบาๆหนึ่งที ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้กลับมาก็คือเสียงกรี๊ดตามที่เขาคาดเดาไว้ตั้งแต่แรก
ผู้หญิงแม่งก็เป็นแบบนี้ทุกคน เหอะ…
‘ ปล่อยกู !!!! ’
‘ บอกมาเดี๋ยวนี้ว่าแฟนมึงไปมุดหัวอยู่ที่ไหน ! ’
‘ กูไม่รู้ พอใจรึยัง ปล่อยกูได้แล้ว ! ’
‘ เป็นแฟนประสาอะไรวะ ถึงไม่รู้ว่ามันอยู่ที่ไหน !! ’
‘ บอกว่าไม่รู้ก็ไม่รู้สิวะ พวกมึงแม่งน่ารำคาญ ถอยไป กูจะกลับบ้าน ! ’
เสียงทะเลาะวิวาทดังขึ้นจากตรอกซอยที่เด็กหนุ่มกำลังเดินผ่าน ก่อนจะพบว่ามีนักเรียนชายประมาณ 5 – 6 คนยืนล้อมเป็นวงกลม โดยมีคนๆหนึ่งอยู่กลางวงซึ่งเขาเองก็เห็นไม่ชัดว่าเป็นใคร เดาได้ว่าพวกนี้คงมีเรื่องตีกันตามประสาเด็กนักเรียนมอปลายเลือดร้อน เพราะเหตุการณ์แบบนี้ก็เกิดขึ้นกับตัวของปาร์คชานยอลบ่อยๆเหมือนกัน
ผัวะ !!!
“โอ๊ย !!!!”
เสียงร้องของผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้นมา ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าผู้ชายที่ถูกล้อมกลางวงนั่นจะโดนอะไร แต่อย่างว่า เรื่องของคนอื่น เขาไม่อยากเข้าไปยุ่งเท่าไหร่
‘ มึงจะบอกกูมั้ย ว่า ไอ้คยูฮยอน มันไปมุดหัวอยู่ที่ไหน !! ’
‘ ไอ้เวร ! กูไม่รู้ ! ’
‘ ปากดีนะมึง ! ’
ตุ้บ !!
ใช่… เขาจะไม่ยุ่งเรื่องของคนอื่น แต่ว่า เมื่อกี๊เขาดันได้ยินชื่อของใครคนหนึ่งเขา และนั่นก็คือคนรู้จัก โอเค… ชานยอลมีสิทธิ์ยุ่งเรื่องนี้แล้ว !
ร่างสูงวิ่งเข้าไปในซอยที่มีชายฉกรรจ์หลายคนยืนอยู่เป็นกลุ่มใหญ่ รวมไปถึงผู้เคราะห์ร้ายที่ถูกทำร้ายจนลงไปนอนกับพื้น
“พวกมึง !!!” เสียงทุ้มต่ำของชานยอลกดต่ำลงราวกับคำรามออกมา
“โอ้… ดูซิว่าใครมา…” หนึ่งในกลุ่มนักเรียนชายหันมามองเขาด้วยรอยยิ้มเย้ยหยัน
“ไม่เป็นไรเว้ย ไม่เจอลูกพี่มัน แต่เจอลูกน้อง เล่นไอ้นี่แทนก็ได้”
“นั่นมัน… ชานยอล !?!” เด็กหนุ่มผู้เคราะห์ร้ายที่ถูกต่อยจนล้มลงไปกับพื้นค่อยๆยันตัวเองขึ้นมานั่ง ก่อนจะมองหน้าชานยอลด้วยสายตางุนงง ส่วนชานยอลเองเมื่อเห็นหน้าของคนตรงหน้าก็ถึงกับไปไม่ถูก
‘ บ…แบคฮยอน !?! ’
“ชานยอล ช่วยฉันด้วย !!” จู่ๆเด็กหนุ่มตัวเล็กที่ใบหน้ามีรอยฟกช้ำก็วิ่งตรงเข้ามาหาเขาก่อนจะไปหลบด้านหลังโดยที่มือข้างหนึ่งเกาะแขนของเขาไว้ด้วย
“ทำไมนายถึงมาอยู่ที่นี่ ?” ชานยอลเหลือบมองคนที่ใช้แผ่นหลังของเขาเป็นที่กำบังพลางถามเบาๆด้วยเสียงที่อ่อนลง
“ไว้ฉันจะเล่าให้ฟัง… แต่ตอนนี้ พวกเราควรจะหนีนะ”
“นายออกไปก่อน ฉันจะคุยกับไอ้พวกนี้เอง”
“…”
“ไปยืนรอฉันที่หน้าร้านหนังสือหัวมุมสี่แยก ขอเวลาห้านาที เดี๋ยวฉันไปหา”
“ข…เข้าใจแล้ว…”
“…”
“ระวังตัวด้วยนะ ชานยอล”
แบคฮยอนรีบเก็บข้าวของใส่กระเป๋านักเรียนก่อนจะวิ่งออกไปจากซอย เมื่อชานยอลเห็นว่าคนตัวเล็กไปจนพ้นระยะสายตาแล้วจึงหันกลับมามองกลุ่มนักเรียนชายตรงหน้า เครื่องแบบของกลุ่มนักเรียนเหล่านี้ปักตราโรงเรียนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นอริกับสถาบันของเขา นั่นหมายความว่า คนตรงหน้าทั้งหมดของชานยอลตอนนี้ ถือว่าเป็น “ศัตรู”
“เก๋านี่หว่า วันนี้มาคนเดียวเหรอวะ ?”
“เออ… แก๊งพวกกูไม่ว่างขนาดจะมาเสวนากับพวกกระจอกๆแบบมึง” ชานยอลตอบพร้อมยกยิ้มเป็นเชิงเยาะเย้ย ก่อนที่บุหรี่ในปากจะถูกโยนลงพื้นแล้วใช้เท้าเหยียบเพื่อดับขี้เถ้า
“พูดงี้หมายความว่าไงวะ ??” มือหนาของนักเรียนที่ตัวใหญ่ที่สุดในกลุ่ม และมีทีท่าเป็นหัวหน้าแก๊งตรงเข้ามากระชากคอเสื้อของชานยอลอย่างแรง
“แล้วแต่มึงจะคิด แต่กูบอกไว้ก่อนนะ ถ้าพวกมึงทั้งหมดรุมกูล่ะก็ สันดานโคตรหมาหมู่เลยว่ะ”
“…”
“ถ้ามึงอยากมีเรื่องมาก นัดวันกับสถานที่มาเลย เดี๋ยวกูบอกพี่คยูฮยอนให้เอง”
“เฮอะ… พูดจาเข้าท่านี่หว่า เกิดรักตัวกลัวตาย ทำตัวปอดแหกขึ้นมารึไง ??”
“ถ้าอยากมีเรื่องจริงๆ กูก็ไม่เกี่ยงนะ…”
“เอาเหอะ บอกตรงๆว่ากูก็ไม่ค่อยอยากจะทำตัวหมาหมู่แบบที่มึงบอก งั้นนัดวันเวลาเลยก็แล้วกัน 5 โมงเย็นพรุ่งนี้ หลังย่านการค้า มาให้ครบทั้งแก๊งมึงก็แล้วกัน”
“เออ…แล้วกูขอเตือนไว้อย่างนึง…” แววตาของชานยอลที่ใครๆต่างก็บอกว่ามันดูน่ารักและขี้เล่น กลับกลายเป็นแววตาที่บ่งบอกถึงความพร้อมที่จะขย้ำคนได้ในทันที
“อะไร ?”
“อย่าลากคนนอกเข้ามาเกี่ยว นี่เป็นเรื่องของพวกกูกับพวกมึง แบคฮยอนไม่เกี่ยวอะไรทั้งนั้น”
“แบคฮยอน ?? อ้อ…ไอ้เด็กคนเมื่อกี๊น่ะเหรอ ?”
“เออ หมอนั่นไม่เกี่ยวอะไรทั้งนั้น เพราะงั้น…”
ผัวะ !!!
หมัดหนักซัดลงไปที่แก้มของคู่อริอย่างแรง แน่นอนว่ายิ่งทำให้อีกฝ่ายบันดาลโทสะ แต่ชานยอลก็ไม่ได้สนใจแม้แต่น้อย
“หมัดเมื่อกี๊ ถือว่ากูขอตอบแทนที่มึงทำให้แบคฮยอนมีรอยขีดข่วน จำไว้ มีอะไรมาเคลียร์กับพวกกู ไว้เจอกันพรุ่งนี้ อย่าเบี้ยวนะพวกมึง…”
“ไอ้เวรนี่ !!!”
“เย็นไว้ลูกพี่ อย่าเพิ่งเลยน่า… รอซัดมันพรุ่งนี้ทีเดียวเลยดีกว่า” หนึ่งในแก๊งห้ามคนเป็นหัวหน้าไว้ ทำให้คนที่ตัวโตที่สุดในกลุ่มได้แต่มองตามชานยอลด้วยแววตาที่จ้องจะฉีกเลือดฉีกเนื้อ
ร่างสูงเดินออกมาจากซอยพร้อมถอนหายใจ โทรศัพท์มือถือในมือกดส่งข้อความอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเดินตรงไปหาคนที่เขานัดหมายเอาไว้เมื่อครู่นี้
“ชานยอล !! เป็นไงบ้าง ?” คนตัวเล็กรีบวิ่งมาหาเขาก่อนจะจับใบหน้าเพื่อเช็คร่องรอย
“อย่าจับ…” ชานยอลสั่งเบาๆพลางขมวดคิ้วราวกับไม่พอใจเล็กน้อย
“ขอโทษ…”
“แบคฮยอน เกิดอะไรขึ้น เล่ามาให้หมด”
“…”
“เล่ามา” ชานยอลเริ่มเสียงแข็ง
“ก็… วันนี้พี่คยูฮยอนบอกว่ามีธุระ ฉันก็เลยกลับบ้านคนเดียว แล้วอยู่ๆก็โดนไอ้พวกนั้นลากเข้าไปในซอยนั่นแหละ”
“แล้วนายก็ยังทำซ่าไปต่อปากต่อคำกับพวกมันเนี่ยนะ บ้ารึเปล่า ?”
“…”
“ถ้าฉันไม่ได้เดินมาเจอนาย ป่านนี้นายคงได้ขึ้นรถมูลนิธิร่วมกตัญญูไปแล้ว”
“ปากเสียไม่เปลี่ยนเลยนะ” แบคฮยอนเริ่มชักสีหน้า
“ช่วยไม่ได้… วันนี้พี่คยูฮยอนกับเพื่อนในแก๊งจะไปฉลองที่คอนโดของฉัน ถ้ายังไงไปรอที่คอนโดของฉันก่อนก็แล้วกัน”
ชานยอลเดินนำหน้าไปโบกแท็กซี่โดยไม่ได้สนใจคนที่ยืนอยู่ข้างหลัง แบคฮยอนได้แต่ชักสีหน้าตามหลังผู้ชายร่างโย่งที่ทำตัวเย็นชาแถมยังเห็นเขาเป็นพระอิฐพระปูนมาตลอด
สารภาพตรงๆว่าไม่ถูกกันมาพักใหญ่ๆ ไม่ว่าเขาจะทำอะไร จะเสนออะไรให้พวกพ้องของคยูฮยอน ก็มักจะมีปาร์คชานยอลคนนี้คอยขัดเสมอ อย่างเช่นว่า ถ้าเขาชวนทุกคนไปเที่ยวทะเล ชานยอลก็จะชอบพูดพยากรณ์อากาศให้มันฟังดูเลวร้ายจนต้องยกเลิกทริปเที่ยวทะเลไป หรือแม้แต่เวลาที่เขาจะชวนทุกคนไปเที่ยวชมวิวบนภูเขา ชานยอลก็จะชอบพูดถึงอันตรายที่เกิดขึ้นจากการขับรถขึ้นเขาที่มีหมอกบังจนเกิดอุบัติเหตุต่างๆนานา และแน่นอนว่าทริปที่เขาวาดฝันไว้ก็ล่มอีกเช่นเคย
บอกตรงๆว่าแอบหมั่นไส้ผู้ชายคนนี้…
แต่ถ้าจะให้พูดถึงข้อดีของชานยอล ก็ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่มีเลย ถึงชานยอลจะอันธพาลและสูบบุหรี่จัด กินเหล้า หอบผู้หญิงขึ้นคอนโดเป็นว่าเล่น แต่กลับมีคะแนนสอบดีทุกครั้ง โดยเฉพาะวิชาฟิสิกส์และคณิตศาสตร์ซึ่งเป็นวิชาที่แบคฮยอนไม่อยากจะข้องเกี่ยว แต่ก็ถูกชานยอลยัดเยียดสอนให้เพราะถูกคยูฮยอนบังคับมาอีกที ใช่ว่าเจ้าตัวจะเต็มใจสอนซะเมื่อไหร่
ปากแข็งดีนักนะ ปาร์คชานยอล !
ตลอดทางบนแท็กซี่ ทุกอย่างถูกปกคลุมด้วยความเงียบ ชานยอลหยิบไอพอดขึ้นมานั่งฟังเพลง ส่วนแบคฮยอนก็เอาแต่ท้าวคางมองวิวนอกกระจก ต่างคนต่างหันหน้าไปคนละทาง จนในที่สุดก็มาหยุดอยู่ที่หน้าคอนโดของชานยอลซึ่งเป็นตึกสูงประมาณ 30 ชั้น
ภายในห้องที่ดูว่างๆโล่งๆตามประสาผู้ชาย ชานยอลอาศัยอยู่ที่นี่เพียงลำพังเพราะพ่อกับแม่ทำงานอยู่ต่างประเทศทั้งคู่ ซึ่งเขาเองก็ไม่ได้เดือดร้อนเท่าไหร่ ออกจะสบายด้วยซ้ำที่พ่อแม่ส่งเงินมาให้ใช้ทุกเดือน แถมถ้าไม่พอก็ยังขอเพิ่มได้ตลอดเวลา ทำให้คอนโดของเขากลายเป็นที่นัดรวมกลุ่มของพรรคพวกในแก๊งไปโดยปริยาย
“ห้องโล่งชะมัด…” แบคฮยอนบ่นขึ้นมาเบาๆในขณะที่นั่งอยู่บนโซฟา
“ทำตัวตามสบายก็ได้นะ ฉันจะถือว่าไม่มีนายอยู่”
“ทำไมพูดกับแขกแบบนี้วะ ?” แบคฮยอนชักสีหน้าใส่คนที่กำลังเดินหายเข้าไปในห้องๆหนึ่ง
“นี่มันบ้านของฉันนะ”
“เป็นเจ้าบ้านที่มารยาทห่วยแตกมาก !”
แบคฮยอนด่าส่งท้ายก่อนจะจิ๊ปากอย่างขัดใจ ทว่ากลับต้องคลายสีหน้าลงเมื่อเห็นว่าชานยอลออกมาจากห้องพร้อมกล่องปฐมพยาบาลและนม 1 แก้ว
“นั่งเฉยๆ” ชานยอลเดินลงมานั่งข้างๆคนตัวเล็ก ก่อนที่สำลีชุบแอลกอฮอล์จะแตะลงไปที่หน้าของแบคฮยอน
“แสบโว้ย โอ๊ย !!” แบคฮยอนดิ้นพล่านเมื่อถูกสัมผัสลงไปบนแผลฟกช้ำที่ถูกต่อยมา
“ก็อยู่เฉยๆสิวะ !”
“นายแม่งมือโคตรหนักอ่ะ พอเลย ฉันทำเอง !”
“ไม่ต้อง…” ชานยอลดุขึ้นมา ก่อนจะค่อยๆป้ายยาลงบนหน้าโดยเบามือลงกว่าเดิม
“…”
“เสร็จแล้ว แล้วก็กินนมรองท้องไปก่อนแล้วกัน ส่วนมื้อเย็นค่อยรอให้พี่คยูฮยอนซื้อมาให้ ถ้าอยากกินขนมในตู้เย็นยังพอมีอยู่ หรือถ้าอยากอาบน้ำ ห้องน้ำอยู่ทางนั้น” ชานยอลอธิบายรัวๆ ก่อนที่มือจะเอื้อมไปกดรีโมทโทรทัศน์
“ขอบใจ”
แบคฮยอนเลือกที่จะเดินไปหยิบหนังสือบนชั้นที่อยู่ใกล้ๆกับโซฟา เด็กหนุ่มตัวเล็กในเสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงขายาวโดยมีเนคไทค์ลายสก็อตของสถาบัน เป็นการแต่งตัวที่เรียบง่ายและมองดูน่าเบื่อ แต่กลับสะกดให้ชานยอลเผลอมองโดยไม่รู้ตัว
“มองอะไร ?”
“มองชั้นหนังสือ จะหยิบอะไรก็ระวังๆด้วย หนังสือพวกนั้นราคาไม่ใช่ถูกๆ”
“…”
แบคฮยอนไม่ตอบกลับใดๆทั้งสิ้น หนังสือเล่มเล็กๆถูกหยิบออกมาจากชั้น หวังจะอ่านรอฆ่าเวลา แต่เพราะรู้ตัวว่ากำลังถูกสายตาของอีกคนทิ่มแทงอยู่ตลอดเวลา มันเลยพาลทำให้ไม่มีสมาธิเอาซะดื้อๆ
“เฮ้ย จะมองอีกนานป่ะ ??” ในที่สุด เมื่อหมดความอดทน แบคฮยอนก็ตัดสินใจถามอีกคนไปตรงๆ
“อยากทำตัวให้มีจุดเด่นทำไมล่ะ ?”
“จุดเด่น…??”
ไม่มีคำตอบใดๆออกมาจากปากของชานยอล แต่ร่างสูงกลับเอานิ้วชี้ไปที่คอของตัวเอง แบคฮยอนจึงก้มลงมาไปมองตามที่คอของตัวเอง และพบว่ากระดุมเสื้อมันหายไปประมาณสองเม็ด ซึ่งหมายความว่าเขากำลังโชว์ช่วงคอขาวของตัวเองให้อีกคนดูอยู่
“อ้อ กระดุมเสื้อมันหลุด”
“หลุดเอง หรือว่า มีคนทำหลุด ล่ะ ?”
“หมายความว่าไงวะ !!”
แน่นอนว่าไม่มีใครสบอารมณ์ถ้าถูกถามแบบนี้ แถมสีหน้าที่บ่งบอกถึงความดูถูกจากอีกคนยิ่งทำให้แบคฮยอนรู้สึกโมโหเป็นเท่าตัวจนอยากจะไปบีบคอเจ้าบ้านให้รู้แล้วรู้รอด แต่ติดที่ว่าถ้ามันตาย เขาไม่รู้ว่าจะให้การกับตำรวจยังไงนี่สิ
“นี่ไม่รู้จริงอ่ะ ??” ชานยอลเลิกคิ้วพร้อมรอยยิ้มที่เจตนากวนประสาท
“รู้อะไร ??”
“อ้าว… ก็เค้าลือกันทั้งโรงเรียน ว่านายเพิ่งไปมีอะไรกับรุ่นน้องที่เรียนอยู่สายวิทย์ในห้องเก็บอุปกรณ์พละมา หรือว่าฉันฟังข่าวมาผิดก็ไม่รู้”
“…”
“เงียบแบบนี้ เรื่องจร…”
“มึงจะพูดแค่นี้ใช่มั้ย…”
“…”
“มึงก็มองกูมาแบบนี้ตลอดใช่ป่ะ ?”
สรรพนามของแบคฮยอนที่ใช้สนทนาเริ่มเปลี่ยนไป มันจะเกิดขึ้นก็เมื่อแบคฮยอนหมดความอดทน ทั้งคำถาม ข่าวลือ และสายตาดูถูกของชานยอล ยิ่งทำให้คนตัวเล็กเริ่มควบคุมอารมณ์ไม่อยู่
“เขาก็มองแบบนี้กันทั้งโรงเรียนนะ”
“เออ… กูมันง่าย ใครขอกูก็สนองไง ก็เพราะพวกมันต้องการไง กูก็เลยจัดให้ อยากมีอะไรกับกู กูก็ยอม มึงคงอยากให้กูพูดแบบนี้ใช่มั้ยล่ะ …”
“…” ชานยอลเงยหน้าขึ้นไปมองอีกคนที่กำลังยืนอยู่ตรงหน้า
“อยากอาบน้ำ…” แบคฮยอนพูดเบาๆโดยไม่สบสายตาคนที่นั่งอยู่
“ผ้าเช็ดตัวพับไว้ในตู้เสื้อผ้าทางนู้น ส่วนห้องน้ำอยู่นั่น”
ชานยอลชี้ลวกๆ ก่อนจะทำทีหยิบหนังสือขึ้นมาอ่าน ความเงียบเข้าปกคลุมระหว่างเด็กหนุ่มทั้งสองคน ในขณะที่เจ้าบ้านกำลังนอนเอกเขนกบนโซฟา ส่วนแขกกำลังอาบน้ำในห้องน้ำ จู่ๆก็มีแขกอีกกลุ่มใหญ่ๆเช้ามาในห้อง ซึ่งเป็นคนคุ้นเคยของชานยอล รวมไปถึงแบคฮยอนด้วย
“หวัดดีว่ะ…” แขกผู้มาใหม่ทักทายเจ้าบ้านที่กำลังนอนแผ่บนโซฟา
“อ้าว หวัดดีพี่คยูฮยอน พี่มินโฮ พี่ดงอู แดฮยอน จงกุก … มากันครบเลย” ชานยอลลุกขึ้นมามองหน้าแขกที่แทบจะกลายเป็นผู้อาศัยไปแล้ว
“เห็นนายโทรมาบอกว่าแบคฮยอนอยู่ที่นี่ ไปไหนซะแล้วล่ะ ?” คยูฮยอน รุ่นพี่ของเขาถามหาอีกคนที่หายไป
“อาบน้ำอยู่ พวกพี่นั่งรอก่อนก็ได้ เดี๋ยวผมไปเตรียมแก้วกับจานมาให้”
“เออ ดีๆ คืนนี้แดกเหล้ายาวๆ !” เสียงเอะอะดังขึ้นจากบรรดาแขกผู้มาใหม่ ก่อนที่วัยรุ่นชายทั้งหลายจะจัดการนั่งล้อมเป็นวงกลม เครื่องดื่มสีอำพันในขวดถูกเทลงแก้ว และแล้วเหล้าขวดแรกก็หมดลงภายในเวลาไม่ถึง 10 นาที
“พี่มาแล้วเหรอ…”
เสียงของแบคฮยอนที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำทักทายขึ้นมาเบาๆ ไม่มีรอยยิ้มใดๆโผล่ขึ้นมาบนหน้าของอีกคน มีเพียงใบหน้านิ่งและขอบตาช้ำๆบนใบหน้าที่ทำให้บรรยากาศรอบข้างดูกดดันลง
“มามะ แบคฮยอน นั่งข้างพี่มา” คยูฮยอน หัวโจกของกลุ่มกวักมือเรียกแฟนรุ่นน้องให้มานั่งข้างๆ ซึ่งคนตัวเล็กก็ทำตามแต่โดยดี
ถึงทุกๆคนในกลุ่มจะคอทองแดงเพราะกินเหล้ากันเป็นกิจวัตร แต่ก็ไม่มีใครนอกจากชานยอลที่สังเกตว่าดวงตาของแบคฮยอนบวมช้ำเล็กน้อย ใครก็รู้ว่าสภาพแบบนั้นเพิ่งร้องไห้มาอย่างแน่นอน แต่เรื่องอะไรเขาจะต้องแคร์ล่ะ เขาไม่ได้ทำอะไรผิดนี่ ??
“เป็นอะไรฮึ ?? นั่งเงียบเชียว” คยูฮยอนหยอกแบคฮยอนตามประสาคนเป็นแฟนกัน
“เปล่าครับ ผมง่วงเฉยๆ พี่ก็อย่ากินเยอะนักล่ะ”
“ชานยอล แกล้งอะไรแฟนกูรึเปล่า หน้าหงิกหน้างอทั้งคู่เลยนะ”
“ใครจะกล้าไปแตะทูนหัวของพี่ล่ะ …” ไม่พูดเชิงประชดเปล่าๆ ร่างสูงยังกระดกเหล้าเพียวๆลงคอไปอีกหนึ่งแก้ว
“…”
ทุกอย่างยังคงดำเนินไปตามปกติ ทั้งมุขแป้กๆ คาราโอเกะ รวมไปถึงเรื่องทะเลาะวิวาทในวันนี้ ทุกอย่างล้วนเข้าหูคยูฮยอนและเพื่อนร่วมแก๊งที่เหลือหมดทั้งสิ้น ทุกคนยังคงสนุกสนานกับงานเลี้ยงย่อมๆ จะมีก็เพียงคนสองคนที่นั่งกันคนละด้านด้วยความเงียบ คนหนึ่งนั่งกินเหล้า ส่วนอีกคนเอาแต่นั่งหันหน้าหนีไปอีกทาง
ผ่านไปประมาณสองชั่วโมง เพื่อนๆรอบตัวของชานยอลค่อยๆหลับลงไปทีละคน เหลือเพียงแค่คยูฮยอน ชานยอล ที่เป็นแชมป์คอทองแดงของกลุ่ม และแบคฮยอนที่ไม่ได้แตะเหล้าซักแก้วเพราะดื่มไม่เป็นนั่งอยู่สามคน
“มึงนี่โคตรคอทองแดงเลยว่ะชานยอล ฮ่าๆ”
“พี่ก็แดกจนตับแข็งจะถามหาแล้วนะ”
“…”
“วันนี้แบคฮยอนเงียบจัง เป็นอะไรเปล่า ??” คยูฮยอนหันไปถามอีกคนที่ยังเงียบอยู่
“เปล่าครับพี่ ผมแค่เบื่อเฉยๆ”
“เบื่อมากก็กลับบ้านไปดิ” เจ้าของบ้านออกปากไล่ทันที
“ก็ไม่ได้อยากอยู่นักหรอก !”
“เฮ้ย พอๆ เลิกทะเลาะกันเดี๋ยวนี้เลย เมื่อไหร่นายสองคนจะเลิกทะเลาะกันซักที หา ??”
“…”
“บอกตรงๆนะ พี่ก็ห้ามจนเบื่อแล้วนะเว้ย… ชานยอล มึงก็เลิกทำตัวเย็นชาใส่แบคฮยอนซักทีเถอะ มึงเรียนอยู่ชั้นเดียวกับมันนะ เป็นเพื่อนที่ดีกันหน่อยสิวะ”
“ผมก็เป็นของผมแบบเนี้ย ไม่พอใจก็เรื่องของมัน” ชานยอลหันไปมองรุ่นพี่ด้วยสายตาไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ ก่อนที่เหล้าจะถูกกรอกลงคออีกรอบ
“ช่างหัวมันเถอะครับ ผมก็ไม่ได้อยากจะยุ่งกับมันอยู่แล้ว” ถึงทีที่แบคฮยอนสวนกลับบ้าง โดยที่ดวงตาคมจ้องมองร่างสูงตรงหน้าด้วยสายตาที่บ่งบอกถึงความไม่พอใจ
“เฮ่อ…” คยูฮยอนถอนหายใจยาวๆอย่างเบื่อหน่าย ก่อนที่แก้วเหล้าในมือจะวางลงกับพื้น จู่ๆเจ้าตัวก็ฟุบหลับลงไปกับพื้นเสียดื้อๆ ท่ามกลางความงุนงงของรุ่นน้องกับแฟน
“เฮ้ย !!” ทั้งชานยอลกับแบคฮยอนเผลอหลุดปากออกมาพร้อมกัน
“เฮ้ย พี่… คิดจะหลับก็หลับเลยเหรอวะ ??” ชานยอลใช้เท้าสะกิดคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นรุ่นพี่
“…”
“เฮ้ย ! ทำอะไรวะ ???”
“เรื่องของกู…”
ชานยอลแทบจะตาสว่างเมื่อเห็นว่าแบคฮยอนกำลังนั่งชงเหล้าอยู่ ก่อนที่คนตัวเล็กตรงหน้าจะยกกินราวกับว่ามันเป็นน้ำเปล่า
“เฮ้ย !! หยุดเลยนะ !” ชานยอลเอื้อมไปคว้าขวดเหล้าในมือของแบคฮยอนออก
“ทำไมวะ…”
“ไม่เคยกินเหล้าไม่ใช่รึไง ฉันไม่อยากมานั่งเช็ดอ้วกให้คนเมานะ”
“สบายใจได้ กูไม่อ้วกให้มึงเช็ดหรอก แค่หน้ากู มึงยังไม่อยากจะมองเลย เพราะงั้นกูไม่ทำอะไรให้มึงลำบากใจแน่นอน”
“หมายความว่าไงวะ ???”
“…”
ไม่มีคำตอบ แบคฮยอนยังคงนั่งเทเหล้ากินต่อไป ใบหน้าของร่างเล็กเริ่มแดงก่ำ เหงื่อที่ผุดขึ้นมาตามใบหน้ารวมไปถึงซอกคอใต้เสื้อเชิ้ต เฮอะ… คอก็อ่อน ยังจะทำซ่า อยากจะจับเหวี่ยงลงตึกชิบเป๋ง
“เลิกแดกซะ”
“กูจะเข้าห้องน้ำ”
ตุ้บ !
แบคฮยอนไม่ได้ฟังที่ชานยอลห้ามแม้แต่น้อย แต่ด้วยอุณหภูมิร่างกายที่สูงขึ้น ทำให้ร่างเล็กอยากจะเข้าไปล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำ แต่ร่างกายที่เริ่มขาดสติสัมปชัญญะในการควบคุมทำให้แบคฮยอนเริ่มเดินเหินลำบาก มือเรียวค่อยๆคลำไปตามผนัง เดินเตะโต๊ะบ้าง เก้าอี้บ้าง ก่อนจะไปล้มลงหน้าประตูห้องน้ำพอดี
“…”
ไม่มีคำพูดใดๆจากชานยอล เด็กหนุ่มที่เริ่มกรึ่มๆแต่ยังไม่ถึงขั้นเมาแบบอีกคนลุกขึ้นเดินไปพยุงคนที่ล้มหน้าห้องน้ำให้ลุกขึ้น ก่อนจะลากอีกคนเข้าไปในห้องน้ำอย่างทุลักทุเล
“จะล้างหน้าก็รีบ…”
‘ ฉันดูแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ… ’
“…” ชานยอลไม่ได้สนใจคนที่กำลังเมาเท่าไหร่ เขาจึงหันหลังกลับเตรียมจะเดินออกจากห้อง แต่ก็ถูกอีกคนดึงมือเอาไว้
“ตอบคำถามฉันมา…”
“นายเมาแล้ว รีบๆล้างหน้าแล้วไปนอนซะ”
‘ เลิกทำตัวเย็นชากับฉันซักทีเถอะ ’
“…”
ชานยอลนิ่งกับสิ่งที่อีกคนพูด จู่ๆอาการปวดก็เริ่มพุ่งแล่นจับเข้ามาที่หัวและหน้าอกข้างซ้ายพร้อมๆกัน ความรู้สึกหน่วงๆเพียงเพราะคำพูดไม่กี่คำของอีกคนทำให้ชานยอลแทบจะสร่างเมาในทันที
“เลิกเพ้อเจ้อซักที ไปนอนได้แล้ว”
ฟุ่บ !
คนที่ตัวเล็กกว่าค่อยๆทรุดลงไปนั่งกับพื้น เหล้าเริ่มทำให้แบคฮยอนไม่จำเป็นต้องยับยั้งชั่งใจในการพูดอีกต่อไป มีสำนวนของเกาหลีที่บอกไว้ว่า “รูปร่างให้ใช้กระจกมองดู ส่วนหัวใจให้ใช้เหล้ามองดู" มันคงจะจริงที่บอกว่า ถ้าอยากรู้อะไร ให้ใช้เหล้าเป็นตัวช่วย คนเรามักจะกล้าพูดอะไรหลายๆอย่างในตอนที่เมา เพราะเราเองก็ไม่ต้องรับรู้ว่าอีกฝ่ายจะมีปฏิกิริยาอย่างไร ขอแค่ได้ระบายความอึดอัดออกมาก็พอ
ขอบตาของแบคฮยอนค่อยๆชื้นขึ้นมาทีละน้อย น้ำตาค่อยๆเอ่อขึ้นมารวมอยู่ที่ขอบตาล่าง เป็นอาการเดียวกับเมื่อตอนเย็นที่ขอตัวไปอาบน้ำไม่มีผิด
“คนบ้าอะไรเมาแล้วร้องไห้วะ ?” ชานยอลทักอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว
“ชานยอล…ขอร้องล่ะ เลิกทำตัวเย็นชาใส่ฉันซักที…”
“…”
“นายจะมองว่าฉันดูไม่ดียังไงก็ได้ จะมองว่าฉันง่าย หรืออะไรก็เชิญ”
“…”
“เลิกหลอกตัวเองได้แล้ว”
“พูดบ้าๆ ใครหลอกตัวเอง นายเมามากแล้วนะ”
‘ มึงโคตรใจแข็งเลย… มึงทำได้ยังไงวะ ’
‘ มึงชอบกูก่อนที่พี่คยูฮยอนจะจีบกูอีก แต่มึงเสือกไม่พูด เพราะอะไรวะ… ’
‘ กูชอบมึงมาตั้งนานแล้วเหมือนกัน… ทำไมวะ ทำไมวันนั้นที่ห้องสมุดมึงถึงไม่บอกชอบกูวะ… ’
“หยุดพูดได้แล้ว !!!”
กลับกลายเป็นชานยอลที่ขึ้นเสียงแทน เขาอยากจะวิ่งออกไปไกลๆ ไม่อยากฟังอะไรจากคนตรงหน้าที่นั่งมองเขาทั้งน้ำตา ไม่มีทาง… เขาจะไม่ใจอ่อนให้คนๆนี้เด็ดขาด เขาไม่ใช่พวกชอบแทงข้างหลังใคร และแน่นอนว่ายิ่งกับคนที่เป็นเหมือนพี่ชายอย่างคยูฮยอน เขาจะไม่มีวันทำแบบนั้น…
“พอได้แล้ว…”
‘ ปล่อยให้เรื่องของเราสองคนมันเป็นแค่อดีตเถอะ ’
“มึงทำได้จริงๆเหรอ…” แบคฮยอนเงยหน้าขึ้นมาสบตา แววตาของแบคฮยอน ทำให้ชานยอลรู้สึกกระตุกวูบที่ใจอย่างบอกไม่ถูก
“…”
“กูขอมึงแค่อย่างเดียว แค่มึงบอกว่าชอบกู คำเดียว… กูจะเลิกคบกับพี่คยูฮยอนทันที”
“…”
“มึงเก่งนะ มึงทนดูกูกับพี่เค้ามาได้ตลอด ถามจริงๆเถอะ มึงไม่เสียใจบ้างเหรอวะ ?”
เสียใจ… นั่นคือสิ่งที่เขาอยากจะพูดออกมากับคนตรงหน้า แต่แน่นอนว่าเขาทำไม่ได้ แอบรักมาสองปีแต่กลับโดนคนใกล้ตัวชิงตัดหน้า ถ้าจะบอกว่าไม่รู้สึกอะไรเขาก็คงจะกลายเป็นคนโกหก
“เสียใจทำไมวะ กูไม่ได้คิดอะไรกับมึงนี่…” สรรพนามของชานยอลที่ใช้เรียกอีกคนเริ่มเปลี่ยนไป มันเป็นสรรพนามที่พวกเขาเคยใช้เรียกกันเมื่อก่อน ก่อนที่แบคฮยอนจะมีแฟน และก่อนที่ความสัมพันธ์อันคลุมเครือของพวกเขาจะจบลง
“มึงรู้สึกดีจริงๆเหรอ เวลาที่เห็นคนที่ตัวเองชอบเดินอยู่กับใครก็ไม่รู้ กอดกัน หอมแก้มกัน มึงนั่นแหละที่หลอกตัวเอง !”
“ความรู้สึกของกูกับมึงตอนนั้นมันก็แค่อารมณ์ปั๊บปี้เลิฟเท่านั้นแหละ พอเถอะ เลิกรื้อฟื้นได้แล้ว”
“…” คำพูดทุกอย่างของคนตรงหน้า ทำให้กำแพงของคนปากกล้าและมั่นใจในตัวเองสุดๆในสายตาของทุกคนในโรงเรียนอย่างพยอน แบคฮยอนพังลง น้ำตาค่อยๆไหลลงมาโดยไม่มีคำพูดใดๆออกมาด้วย
“เลิกร้องไห้เพราะกูได้แล้ว กูไม่มีค่าพอที่จะทำให้มึงร้องไห้นะ”
“…”
“กูจะถือว่าคำพูดทุกอย่างของมึงเกิดขึ้นเพราะความเมา”
ชานยอลเปลี่ยนอิริยาบถโดยยืนหันหลังให้อีกคน เขาไม่อยากมองหน้าของคนตัวเล็กที่เอาแต่ร้องไห้ ไม่ได้รู้สึกโกรธ เกลียด แต่อย่างใด มันเป็นความรู้สึกผิดที่เป็นปมในใจของปาร์คชานยอลมาตลอดหนึ่งปีเต็มๆ
เขาแอบชอบคนๆนี้มาสองปี ใช้เวลาหนึ่งปีกว่าจะเข้าหาได้ และหมดเวลาไปหกเดือนในการทำความรู้จัก แต่อีกหกเดือนที่เหลือกลับถูกคนที่เป็นเหมือนพี่ชายช่วงชิงไป เขาไม่โทษทั้งแบคฮยอนและคยูฮยอน แต่มันคือความโลเลและขี้ขลาด ถึงได้ทำให้ตัวเองกลายเป็นคนปิดกั้นทุกคน ไม่เว้นแม้แต่คนตรงหน้าที่เคยคุยกันมาก่อน
บางครั้งมนุษย์ก็ย่อมมีความเห็นแก่ตัว ยิ่งวัยรุ่นฮอร์โมนไม่คงที่อย่างเขาแล้ว มันยิ่งทำให้ความเห็นแก่ตัวพุ่งมากขึ้นไปอีก เขาพยายามทำตัวขวางโลก ขัดขวางทุกอย่างที่แบคฮยอนเสนอเพื่อนๆในกลุ่ม ทั้งเรื่องไปเที่ยว ไปทำกิจกรรม ไปนู่นนี่นั่น เขาก็มักจะหาเหตุผลมาแถข้างๆคูๆเพื่อให้ทุกอย่างมันล่ม เขาไม่อยากเห็นแบคฮยอนมีความสุขกับคนอื่นนอกจากเขา แต่ในเมื่อคนตรงหน้าไม่ได้เป็นของเขา แน่นอนว่าเขาไม่มีสิทธิ์พูดตรงๆนี่…
ฟึ่บ…
จู่ๆชานยอลก็รู้สึกได้ถึงแขนเล็กๆทั้งสองคนที่โอบล้อมมารอบเอวของเขา แบคฮยอนกำลังกอดเขาจากด้านหลัง กอดที่เขารู้สึกได้ถึงการยื้อและขอร้องจากคนที่กลายเป็นอดีต
“เลิกทำตัวขวางโลกได้แล้ว ฉันอยากได้ชานยอลคนเดิมที่ฉันเคยรู้จัก…”
“ฉันก็เป็นแบบนี้อยู่แล้วนะ นายก็รู้จักฉันแบบนี้เหมือนกันนี่” ชานยอลแกะมืออีกคนออก ก่อนจะหันมามองหน้าด้วยสายตานิ่งๆ
“แน่ใจจริงๆเหรอ…” ไม่พูดเปล่า มือของร่างเล็กค่อยๆเลื่อนขึ้นมาจับปกเสื้อของชานยอล สายตาและรอยยิ้มท้าทายอย่างที่ชานยอลเคยได้ยินคนร่ำลือมา เขาไม่คิดว่าจะมาเจอด้วยตัวเองแบบนี้
แบคฮยอนมีชื่อเสียงด้านลบในเรื่องอย่างว่าค่อนข้างมาก เขาเองก็ไม่ค่อยอยากจะเชื่อเท่าไหร่ในฐานะของคนที่เกือบจะเรียกได้ว่าเคยคบกันมาก่อน เขาเกือบสติแตกหลายครั้งเวลาได้ยินเรื่องที่แบคฮยอนมักจะมีเรื่องราวปริศนาในห้องเก็บอุปกรณ์พละหลายครั้ง และนักเรียนชายหลายคนบอกว่ามันเกิดขึ้นเพราะรอยยิ้มและสายตาที่ท้าทาย ซึ่งขัดกับมุมที่ชานยอลเคยเห็นมาก่อน แบคฮยอนที่มีเพื่อนเป็นถึงนักเรียนดีเด่นของโรงเรียน เจ้าของรอยยิ้มใสซื่อที่เขาเคยเห็นอยู่ทุกวัน แต่ตอนนี้ ทุกอย่างกำลังพังลงเพราะสายตาและรอยยิ้มนั่น…
“ฉันไม่ใช่ผู้ชายพวกนั้น อย่าทำอะไรแบบนี้…”
“ผู้ชายก็พูดแบบนี้ทุกคน แต่สุดท้าย ลองแค่มือของฉันไล่ขึ้นไปถึงบนหน้าเมื่อไหร่ มันก็จบลงด้วยเรื่องอย่างว่าทุกที” จากที่ปกคอเสื้อ มือของแบคอยอนก็ค่อยๆไล่ขึ้นไป ผ่านคอ สันกราม จนมาหยุดอยู่ที่ระหว่างแก้มและกกหูของร่างสูง
“ท่าทางจะทำแบบนี้บ่อยใช่มั้ย ?” น้ำเสียงที่ค่อนไปทางดูถูกเล็กน้อย ทำให้แบคฮยอนถึงกับเผลอยิ้มออกมา
“จะว่าแบบนั้นก็ได้… กับคนอื่นฉันไม่เคยต้องลงทุนถึงขนาดนี้ มีแต่คนคลานเข้าหาฉันก่อนทั้งนั้น”
“แน่นอนว่าหนึ่งในนั้นไม่ใช่ฉันแน่ๆ” ถึงจะพูดแบบนั้น แต่เขาก็ไม่รับปากว่า ถ้าแบคฮยอนยังทำกับเขาแบบนี้ต่อไปล่ะก็ เขาอาจจะไม่ใจแข็งแบบนี้ต่อไปก็ได้
“คำพูดกับสายตานายมันขัดกัน… คิดว่าฉันไม่รู้เหรอว่านายคิดอะไรอยู่ มองตาเป็นมันขนาดนี้แล้ว อย่ามาปากแข็งไปหน่อยเลย”
สายตาของเขามันแอบหลุบมองใต้เสื้ออีกคนที่ปลดกระดุมไว้ แถมคนตรงหน้าก็ดันรู้ดีเสียด้วยว่าถูกมองอยู่
“อย่ามาหลงตัวเองไปหน่อ… เฮ้ย หยุด !!!”
ภาพตรงหน้าทำให้ชานยอลหัวใจตกลงไปถึงตาตุ่ม แบคฮยอนกำลังปลดกระดุมเสื้อเม็ดที่สามและสี่ออก และกระดุมเม็ดที่ห้าซึ่งเป็นเม็ดสุดท้ายก็กำลังจะถูกปลดออก แต่มือหนาก็คว้าไว้เสียก่อน
บางทีชานยอลก็อดคิดไม่ได้ว่าฮอร์โมนวัยรุ่นมันน่ารำคาญ ถึงไม่อยากยอมรับแต่เขาก็คงปฏิเสธไม่ได้แล้วว่าอารมณ์ของวัยรุ่นผู้ชายมันเริ่มพลุ่งพล่านขึ้นทุกที ถึงแม้ว่าคนตรงหน้าของเขาจะเป็นผู้ชายด้วยกันก็ตาม
“จะเอายังไงล่ะ…” แบคฮยอนถามด้วยสายตาที่เริ่มรู้แววของสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไป
“โอเค ก็ได้…”
‘ ฉันจะถือว่านายให้ท่าฉันก่อนนะ ’
พูดจบ มือเล็กของแบคฮยอนทั้งสองข้างก็ถูกรวบติดกำแพง ใบหน้าที่ห่างกันเพียงไม่กี่เซน ปากของแบคฮยอนที่ค่อยๆถูกชานยอลครอบครองอย่างช้าๆ มือไม้ที่เริ่มอยู่ไม่สุกของชานยอลเพราะฮอร์โมนวัยรุ่นและคนตรงหน้า และสติที่ถูกเหล้าและจิตใต้สำนึกควบคุมอย่างแบคฮยอน ทุกอย่างดำเนินไปอย่างไม่รีบร้อน แต่สร้างความสุขให้คนสองคน มันค่อยๆเริ่มขึ้นและดำเนินต่อไปอย่างที่มันเป็น…
…TO BE CONTINUED…
(ตัดฉากจบอย่างโหดเหี้ยม หึหึหึ)
[SPOIL]
S : เวลานายให้เราถ่ายรูปทีไรนี่น่ารักทุกรูปเลย เราไม่กล้าลบเลยซักรูป
L : อยากรู้มั้ยว่าทำไมรูปเราถึงน่ารัก ?
S : เพราะอะไรล่ะ ?
L : เพราะเราไม่ได้ยิ้มให้กล้องไง…
S : …
ความคิดเห็น