คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : 1st case invisible criminal
rate – 15 (โปรดใช้จักรยานในการอ่าน/เป็นเพียงจินตนาการของคนเขียนเท่านั้น)
“อาชญากรรมเกิดขึ้นได้ทุกที่ทุกเวลา,แต่ประเด็นสำคัญมันอยู่ที่ว่า
คุณรู้รึเปล่าว่ามันกำลังเกิดขึ้น ?” – tiger
“แล้วมึงก็ลากกูมาด้วยเนี่ยนะ ?”
“ช่วยกูหน่อยเหอะนะ ลู่หาน,มึงก็รู้ว่าคนอย่างกูทำงานกับใครไม่ค่อยจะได้”
ผมละสายตาจากถนนตรงหน้า ก่อนที่จะหันไปมองเพื่อนที่นั่งอยู่ตรงเบาะข้างคนขับ ตอนนี้ผมกับลู่หาน. . .คู่หูที่ทำงานกันมาด้วยกันหลายต่อหลายครั้ง เราสองคนกำลังจะมุ่งหน้าไปที่สถานีตำรวจอัพกูจอง
เพื่อไปติดต่อคดี
“มึงก็เลยลากกูให้มาเผชิญชะตากรรมกับมึงว่างั้น ?”
“เพื่อนย่อมไม่ทิ้งกัน มึงรู้จักนิยามนี้ป่ะ ?”
“ถุ้ย. . .”
ผมพูดออกไปทั้ง ๆที่สายตาก็ยังคงสนใจเส้นทางถนนข้างหน้า มือทั้งสองก็บังคับพวงมาลัยไปด้วย แต่ผมก็แอบเห็นไอ้ลู่หานเบะปากแล้วบ่นอยู่คนเดียวอุบอิบ
มันอาจจะเซ็งที่ต้องมารับคดีต่อหลังจากที่เพิ่งสะสางคดีเก่าเสร็จไปแล้ว แต่ทำไงได้ล่ะครับ ยิ่งเป็นคู่หูกันแบบนี้ยิ่งต้องแบกรับงานไปด้วยกัน มันเป็นเรื่องธรรมดา
“แล้วนี่. . .คดีที่จะต้องไปทำคือคดีอะไร ?”
และไอ้ลู่หานก็ยิงประเด็นคำถามหลักกลับมา ผมหันไปเหล่มองมันเล็กน้อย ก่อนที่สายตาจะสนใจถนนและรถราตรงหน้าอย่างเดิม
“กูไม่แน่ใจว่ะ,เห็นจุนมยอนมันบอกว่า คดีนี้ไม่ยากซักเท่าไหร่”
“กูก็เห็นมันพูดแบบนี้ทุกครั้ง แล้วผลออกมาเป็นไงวะ ,เกือบไม่รอดทุกที”
ไอ้ลู่หานพูดอย่างเบื่อหน่าย พลางเบือนหน้าออกไปนอกหน้าต่าง นั่งมองรถราที่วิ่งสวนและวิ่งผ่านไปอย่างไม่แยแสอะไร
“เอาหน่า”
ผมปล่อยมือข้างหนึ่งออกจากพวงมาลัย ก่อนที่จะเอื้อมไปตบบ่ามันเบา ๆ สองสามที “อย่างน้อยก็ได้โบนัสเพิ่มละวะ”
“ขอให้มันได้งั้นเหอะว่ะ”
“ขอโทษที่ต้องให้รอนานนะครับ, ผมชื่อคิมจงแด เป็นผู้รับผิดชอบคดีนี้”
ประตูไม้บานใหญ่ถูกผลักให้เปิดออกพร้อมกับชายคนหนึ่งที่เดินเข้ามาในห้อง ท่าทางของเขาดูรีบร้อนเอาการจนผมสีน้ำตาลเข้มของเขามันกระเจิดกระเจิงดูไม่เป็นทรงเอาซะเลย
“ไม่เป็นไรครับ คุณคิมจงแด, ผมชื่อลู่หาน ส่วนอีกคนชื่อคิมจงอิน เราสองคนได้รับมอบหมายให้มาช่วยคุณในคดีนี้”
ลู่หานที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ผมลุกขึ้นยืนเต็มความสูง พร้อม ๆ กับมือของมันที่กระตุกเสื้อของผม มันหันมาทำปากขมุบขมิบเป็นเชิงว่า ‘ลุกขึ้น’ ซึ่งผมก็เออออทำตามที่มันบอก มันแนะนำตัวด้วยน้ำเสียงสุภาพนุ่มนวลและก็ไม่ลืมที่จะแนะนำผมให้กับเพื่อนร่วมงานคนใหม่ด้วย
“เชิญนั่งเลยครับ ไม่ต้องเกรงใจ”
คุณคิมจงแดอ้าแขนไปทางโต๊ะทำงานที่ดูเหมือนว่าน่าจะเป็นโต๊ะของเขา พวกเราสองคนพยักหน้าพลางเดินไปนั่งอย่างว่าง่ายที่เก้าอี้สองตัวที่ถูกจัดไว้ ส่วนจงแดก็เดินตามพวกผมมาติด ๆ เขาทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ทำงานตรงข้ามพวกผม
“. . .”
จงแดก้มตัวลงไปหยิบกองเอกสารกองใหญ่ออกมาวางไว้บนโต๊ะ ก่อนที่จะหยิบแฟ้มเอกสารแฟ้มบนสุดมายื่นให้ผมกับลู่หาน “นี่ครับ. . .งานของพวกเรา”
“. . .”
ผมพยักหน้าพร้อมๆกับสองมือที่รับแฟ้มเอกสารมา ผมเปิดแฟ้มออกมาดูอย่างรวดเร็ว สายตาคมก็กวาดมองไปบนตัวอักษรที่บันทึกไว้บนกระดาษสีขาวสะอาด
และมือหนาของผมก็กรีดกระดาษเพื่อพลิกดูอีกหน้า แต่แล้วผมก็ต้องชะงักที่
มันมีกระดาษแค่แผ่นเดียว
“เดี๋ยวก่อนครับ. . .ทำไมถึงมีกระดาษแค่แผ่นเดียว ?”
ผมขมวดคิ้วเข้าหากันเล็กน้อย เงยหน้ามองคนตรงหน้าที่จ้องมองมาทางผม แล้วเอ่ยถามอย่างนึกสงสัย
“อ้าว,นี่คุณยังไม่รู้หรอครับ ?”
จงแดเบิกตากว้างเล็กน้อย “ว่าคดีของพวกเราในตอนนี้คือเรื่องอะไร ?”
“ขอโทษด้วยครับ. . .คือตอนนี้พวกเรายังไม่รู้ข้อมูลอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว”
และลู่หานก็เป็นฝ่ายตอบ
“โอเคครับ. . .”
จงแดพยักหน้าช้า ๆ ผมปิดแฟ้มลงก่อนที่จะวางมันไว้บนโต๊ะเหมือนเดิม
“คดีที่พวกเราจะต้องจัดการต่อจากนี้มันยังไม่เริ่มขึ้น”
จงแดเขยิบเก้าอี้เข้ามาใกล้เล็กน้อย ก่อนที่จะวางมือไว้บนโต๊ะทำงานของเขา
“หมายความว่าไงที่ว่า. . .ยังไม่เริ่ม ?”
ผมพิงตัวลงบนพนักพิงหลัง ขมวดคิ้วเข้าหากันแน่นมากกว่าเดิม ความตึงเครียดเริ่มเกิดขึ้นภายในห้องทำงานแคบ ๆ แห่งนี้
“นี่ครับ. . .คุณลองอ่านกระดาษแผ่นนี้ดูสิ,มันเป็นแฟ๊กซ์ที่ถูกส่งเข้ามาที่สถานีตำรวจอัพกูจองเมื่อ 5 วันก่อน”
จงแดพูดไปเรื่อย ๆ พลางหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งออกมาจากกองเอกสารที่เขายกมันขึ้นมาวางไว้บนโต๊ะก่อนหน้านี้
“. . .”
ลู่หานเอื้อมมือไปหยิบมันมา ก่อนที่จะส่งมาให้ผมพลางยิ้มแห้ง ๆ “ลืมไปเลยว่าอ่านภาษาเกาหลีไม่ค่อยออก”
ผมหรี่ตาพลางส่ายหน้าเอือม ๆ แล้วรับมาถือไว้ในมือ กวาดตาไล่อ่านอักษรตัวพิมพ์เพียงแค่ไม่กี่บรรทัดอย่างตั้งอกตั้งใจ
‘เรียน เจ้าหน้าที่ตำรวจประจำสถานีอัพกูจองทุกท่าน. . .พวกเราหวังว่าในอีก 1 อาทิตย์ข้างหน้าจะมีเรื่องราวสนุก ๆ ให้ทุกท่านได้จรรโลงใจกันเล็ก ๆ น้อย หวังว่าพวกท่านจะตั้งตารอคอยสำหรับวันนั้น มันต้องสนุกมากแน่ ๆ J’
ทันทีที่ผมอ่านจบ ผมก็ยื่นกระดาษแผ่นนั้นให้ลู่หานที่นั่งข้าง ๆ “อ่านไปเหอะ ภาษาแบบนี้แปลง่าย”
“. . .”
และไอ้ลู่หานก็รับไป ก่อนที่ก้มหน้าอ่านอย่างตั้งอกตั้งใจพอ ๆ กันกับผม
“ผมว่ามันอาจจะเป็นแค่จดหมายก่อกวนก็ได้นะครับ ?”
ผมหันไปพูดกับจงแดที่มีสีหน้าเคร่งเครียดอยู่ไม่น้อย เขาส่ายหน้าช้า ๆ ยกมือขึ้นมาผสานกันไว้ แล้วโน้มตัวมาข้างหน้า
“ผมไม่คิดว่าเป็นแบบนั้น”
“ทำไมล่ะครับ ? ผมว่ามันก็เหมือนจดหมายก่อกวนทั่วไปนะครับ อาจจะเป็นพวกวัยรุ่นมือบอนแถว ๆ นี้ก็ได้ที่ส่งมา”
ลู่หานพูดพร้อม ๆ กับชูกระดาษแผ่นนั้นขึ้น จัดการส่งมันคืนกลับให้จงแด แล้วหันมามองหน้าผมเล็กน้อย
“ตอนแรกทางเราก็คิดอย่างนั้นล่ะครับ. . .แต่พอลองหาที่อยู่ที่แฟ๊กซ์ถูกส่งมาแล้ว ไม่ว่าจะสืบหาเท่าไหร่ก็ไม่พบเลย”
จงแดก้มหน้าลงพร้อม ๆ กับส่ายหน้าอย่างเอือมระอา
“เพราะงั้นช่วยรับงานนี้ไว้พิจารณาด้วยนะครับ. . .เพราะช่วงนี้ทางสถานีของพวกเราก็งานล้นมือมาก ๆ เลย,ขอความกรุณาด้วยนะครับ !”
จงแดลุกขึ้นยืน ก่อนที่จะก้มตัวลงให้ผมกับลู่หาน เขาดูหนักใจและเหนื่อยสุด ๆ ท่าทางงานของเขาคงจะเยอะกว่าที่ผมคิด
“โอเคครับ. . .”
และสุดท้ายผมกับลู่หานก็ตอบรับคดีนี้
แต่ทำไมผมถึงไม่ได้รู้สึกจริงจังกับคดีเลยนะ ?
ไม่รู้สิ. . .มันดูเป็นคดีที่ไม่มีอะไรเลยนอกจากแฟ๊กซ์เพียงแค่แผ่นเดียว
แต่ก็ช่างเถอะ ไหนๆก็มาถึงอับกูจองแล้ว ถือซะว่ามาเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจก็แล้วกัน. . .
นี่ผมกำลังละเลยการปฏิบัติหน้าที่อยู่รึเปล่านะ ?
“เฮ้ยจงอิน. ..”
“ว่าไง ?”
ตอนนี้ผมกับลู่หานกำลังอยู่ในห้องพักราคาย่อมเยาในอพาร์ทเมนต์แห่งหนึ่ง ผมกำลังนอนฟังเพลงอยู่บนเตียงของตัวเอง ในขณะที่ลู่หานก็กำลังนั่งกระดิกเท้าอยู่บนเตียงอีกตัวที่ตั้งอยู่ข้าง ๆ เตียงของผม
“คืนนี้ไปแดกเหล้ากันป่ะ. . .”
ผมเด้งตัวขึ้นมาหลังจากที่ฟังประโยคคำถามของลู่หานจบ
“ว่าไงนะ ?”
ผมพูดพร้อม ๆ กับดึงสายหูฟังออก ไอ้ลู่หานขมวดคิ้วเข้าหากัน ยกมือขึ้นเกาหัวตัวเองแกร่กๆอย่างหงุดหงิด
“กูถามว่าคืนนี้ไป – แดก – เหล้า – กัน – มั้ย ?”
ชัดถ้อยชัดคำมาก
“มีหรอที่กูจะปฏิเสธ ?”
ผมตอบกลับไปอย่างเท่ ๆ พร้อมกับกระตุกยิ้มที่มุมปาก
“. . .ลู่หานกูว่ามึงดูเมา ๆ ว่ะ”
“อือ. . .อะไร กูยังไม่เมา กูยังไหว. . .จริง ๆ นะ”
ไอ้ลู่หานพูดพลางชูแก้วที่บรรจุของเหลวสีเหลืองใสขึ้น ก่อนที่มันจะวางแก้วลงบนเคาน์เตอร์ไม้ไว้อย่างเดิม มันยกมือขึ้นกวักมือเรียกบาร์เทนเดอร์แล้วสั่งเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ต่างนานาที่มันถูกใจมาเพิ่ม และไม่ลืมที่จะสั่งเพิ่มให้ผมด้วย
ตอนนี้ผมกับมันอยู่ในผับแห่งหนึ่ง และผมกับมันก็กำลังนั่งกระดกเหล้าอยู่ที่เคาน์เตอร์ แสงสีที่ประดับประดาผับแห่งนี้ช่วยเพิ่มสีสันและความสวยงามให้กับสถานที่ที่เนืองแน่นไปด้วยผู้คนได้เป็นอย่างดี
“. . .”
ทันทีที่เครื่องดื่มถูกเสิร์ฟไว้ตรงหน้า ผมก็จัดการคว้าหมับเข้าที่แก้วไวน์ทรงสูง ยกมันขึ้นกระดกลงคอเพียงแค่สองสามอึกมันก็พลันหายลงลำคอผมเป็นที่เรียบร้อย
ผมยกแก้วที่ว่างเปล่านั่นขึ้นเหนือหัว แล้วโยกลำตัวไปพร้อม ๆ กับจังหวะของเสียงเพลงที่หนักหน่วง แสงจากผับแห่งนี้เต็มไปด้วยสีสันมากมาย ซึ่งแน่นอนมันทำให้ผมแทบจะเคลิบเคลิ้มไปกับบรรยากาศดีๆ แบบนี้ไปเลย
ไม่ได้เข้าผับแบบนี้มานานแล้ว มันก็โอเคเลยนะ
“อือ. . .”
ผมหันไปตามต้นเสียงครางต่ำนั่น ก่อนที่จะเห็นไอ้ลู่หานเอาใบหน้าของมันแนบกับเคาน์เตอร์ ดูเหมือนว่ามันจะเริ่มไม่ไหวเข้าซะแล้ว
อย่าว่าแต่มันเลย. . .
แม้แต่ตัวผมเอง ผมก็เริ่มรู้สึกมึน ๆ แล้วล่ะ ตอนนี้ใบหน้าของผมมันก็เริ่มร้อน ๆ ขึ้นมา สายตาก็เริ่มพร่า ๆ แล้ว แต่ผมยังไหวนะ. . .
‘กึก’
แก้วทรงกระบอกสูงกับของเหลวสีอำพันวางลงตรงหน้าผม ผมเงยหน้าขึ้นตวัดตามองบาร์เทนเดอร์ที่เป็นคนนำแก้วใบนี้มาวางตรงหน้า “พี่ไม่ได้สั่งนะน้อง”
“โต๊ะนั้นฝากมาครับ”
ว่าพลางชี้ไปที่โต๊ะ ๆ หนึ่งที่อยู่ตรงส่วนมุม ผมกวาดสายตามองตามนิ้วที่ชี้ไป มันค่อนข้างจะมืดซักหน่อย ผมหรี่ตาพยายามเพ่งมองว่าใครกันที่เป็นคนสั่งมันมาให้ผม
ผมมองเห็นร่างเล็ก ๆ ของใครซักคนลุกขึ้นจากโต๊ะ ๆ นั้น ก่อนที่จะเดินลับหายไปกลางฟลอร์ของผับที่มีผู้คนมากมายต่างโยกย้ายส่ายสะโพกตามจังหวะดนตรีหนักหน่วงนั่น
“ลู่ เดี๋ยวกูมานะ”
ผมตบหลังไอ้ลู่หานเบา ๆ พร้อมกับคว้าแก้วใบนั้นติดมือมาด้วย
ถ้าผมมองไม่ผิด คน ๆ นั้น ต้องเป็นผู้ชายแน่ ๆ เพราะผมของเขามันค่อนข้างสั้น แถมยังเป็นสีแดงไวน์อีกต่างหาก
ผมสาวเท้าเข้าไปในฟลอร์เต้นที่มีผู้คนมากหน้าหลายตาทั้งชายหญิงกำลังปล่อยอารมณ์และร่างกายไปกับเสียงเพลง เดินแทรกตัวผ่านผู้คนมากมายไปเรื่อย ๆ สายตาของผมก็กวาดมองไปรอบ ๆ ข้างเพื่อหาคน ๆ นั้นที่สั่งเครื่องดื่มให้ผม
ก่อนที่สายตาจะไปสะดุดเข้ากับคน ๆ หนึ่ง
ดวงตากลมโตที่กำลังจ้องมองมาที่ผม จมูกเล็ก กับริมฝีปากอิ่มที่กำลังยกยิ้มที่มุมปาก กับผมสีแดงไวน์ที่กำลังถูกเสยขึ้นช้า ๆ
ให้ตายเถอะ. . .
เขาดูโดดเด่นขึ้นมาจากคนอื่น ๆ
“. . .”
ผมค่อย ๆ เดินเข้าไปใกล้เขามากขึ้น สายตาที่มองมาที่ผมมันดูเหมือนจะเชื้อเชิญผมให้เขาไปหาเขา ซึ่งผมก็กำลังทำอย่างที่เขาต้องการนั่นแหละ
ทันทีที่ผมเดินเข้าไปประชิดตัวเขา อาจจะเพราะผู้คนมากมายที่กำลังเบียดเสียดและเต้นตามจังหวะเพลงรอบข้างผมกับเขาก็ได้มั้ง มันเลยทำให้เราสองคนยิ่งต้องขยับเข้ามาใกล้กันมากขึ้น
แววตาของเขากับผมสบกันอย่างไม่วางตา รอยยิ้มมุมปากที่ดูมีความลับนั่นค่อย ๆ คลายออก
“คุณ. . .ใช่มั้ย ?”
ผมเอ่ยถามพลางยกแก้วใบนั้นขึ้นมา มองมันสลับกับคนตรงหน้า เขาพยักหน้าก่อนที่จะฉีกยิ้มออกมาเล็กน้อย ร่างกายของเขาก็เริ่มขยับไปตามจังหวะดนตรี
“คุณไม่ดื่มหรอ ?”
และเขาก็เริ่มเอ่ยปากบ้าง
“เปล่า,ผมแค่คิดว่าควรจะมาขอบคุณคนที่สั่งมันมาให้ผมก่อนน่ะ”
ผมตอบพลางยักไหล่ แล้วจัดการกระดกแก้วเหล้านั้นเข้าปากจนหมด คนตรงหน้าผมกลั้วหัวเราะในลำคอเล็กน้อย ก่อนที่มือบางนั่นจะเริ่มใช้นิ้วเกี่ยวตวัดเข้ากับเนคไทของผมช้า ๆ
เฮ้ ๆ. . .นี่เขาคิดจะทำอะไรน่ะ ?
“คุณเพิ่งย้ายมางั้นหรอ ? ทำไมผมถึงไม่คุ้นหน้าคุณเอาซะเลยล่ะ ?”
เริ่มฝีปากสีสดของเขาค่อย ๆ เอ่ยถามอย่างอ้อยอิ่ง ผมรู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่น ๆ ของเขา เมื่อร่างของเราสองคนถูกคนรอบข้าง ๆ เบียดเข้ามาให้ใกล้กันมากขึ้น
“ก็ไม่เชิง. . .ผมแค่มาทำงานที่นี่อีกไม่นานก็คงจะกลับ”
ผมตอบไปอย่างนุ่มนวล เขากระตุกยิ้มเล็กน้อย ก่อนที่มือบางจะค่อย ๆ คลายออกจากเนคไทของผม แล้วเลื่อนขึ้นมาจับที่ไหล่ของผมแทน สายตาของเขามันมองดูอ้อยอิ่ง ปากสีสดที่กำลังเผยอออกช้า ๆ นั่นอีก
นี่ผมกำลังเมาอยู่รึเปล่า ?
“น่าเสียดายนะครับ. . .”
เขาค่อย ๆ พูดออกมาช้า ๆ ก่อนที่มือที่วางทาบอยู่บนไหล่ของผมจะค่อย ๆ เลื่อนไปอยู่ที่ท้ายทอยแล้วกดใบหน้าของผมให้เข้าไปใกล้ในขณะที่เขาก็เขย่งตัวขึ้นมาเช่นกัน
ใบหน้าของเขากับผมห่างกันไม่ถึงคืบ ตอนนี้ถึงแม้ว่าจังหวะเพลงมันจะดังมากเท่าไหร่ แต่ทำไมผมถึงได้ยินแต่เสียงลมหายใจแผ่ว ๆ ของเขา
นี่ผมชักจะเมามากไปแล้วนะ
เขาเลื่อนใบหน้าไปอยู่ที่ข้างใบหูของผม ก่อนที่ริมฝีปากอิ่มนั้นจะค่อย ๆ พูด
“คุณว่ามั้ย ?”
เขากระซิบเบาๆ พ่นลมหายใจรดต้นคอผม ก่อนที่จะผละผมออก
ผมเบิกตากว้าง กวาดสายตามองหาคนตัวเล็กคนนั้นที่ตอนนี้หายไปแล้ว. . .
ไม่ว่าจะพยายามกวาดสายตามองหาซักเท่าไหร่ก็ไม่เจอเขาเลย นี่เขาไปแล้วงั้นหรอ ?
‘หมับ !’
ผมสะดุ้งโหยงเมื่อฝ่ามือเย็นเฉียบของใครซักคนเอื้อมมาจับที่ไหล่ ผมรีบหันหาคน ๆ นั้นก่อนที่จะพบว่าเป็นไอ้ลู่หานกำลังยืนหอบอยู่ข้าง ๆ
“จงอิน กลับเหอะว่ะ”
“ทำไมวะ ?”
“กู – ไม่ – ไหว – แล้ว”
ไอ้ลู่หานตะโกนช้า ๆ ก่อนที่มันจะก้มลงอ้วกใส่ถุงพลาสติกที่มันถือติดมือมาด้วย ท่าทางจะไม่ไหวจริงๆน่ะแหละ
“เออๆ โอเคกลับก็กลับ”
ผมตอบตกลง
“แต่ขอกูเอาแก้วไปคืนบาร์เทนเดอร์ก่อน มึงไปรอกูที่หน้าผับเลยแล้วกัน”
ไอ้ลู่หานพยักหน้าช้า ๆ ก่อนที่จะเดินออกไปจากฟลอร์ ผมถอนหายใจออกมาช้า ๆ ก่อนที่จะถือแก้วเหล้าใบนั้นเดินตรงไปที่เคาน์เตอร์
‘แก๊ง. . .แก๊ง’
ผมชะงักเมื่อได้ยินเสียงก๊องแก๊งดังอยู่ใกล้ ๆ ก้มดูแก้วเหล้าใบนั้น ก่อนที่สายตาจะเบิกกว้าง ผมยกแก้วนั้นขึ้นมาดู ก่อนที่จะพบว่า
มีลูกเต๋าอยู่ในนั้น
มันมาจากไหน ? ผมยังจำได้อยู่เลยว่าตอนกระดกมันดื่มยังไม่มีอะไรเลย
“. . .”
ผมล้วงไปหยิบลูกเต๋านั่นออกมา เก็บใส่กระเป๋ากางเกง ก่อนที่จะนำแก้วเหล้าไปคืนบาร์เทนเดอร์
มันต้องเป็นฝีมือของเขาแน่ ๆ ผู้ชายคนนั้น
ถ้าได้เจอกันอีกก็คงจะดี. . .คนร้ายกาจแบบนั้น
“โอย. . .”
ผมค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมา หลังจากที่รู้สึกเหมือนแสงแดดยามเช้ามันแยงเข้าตาทั้งสองข้าง ๆ จนปิดไม่สนิท ผมยันตัวขึ้นมานั่งพิงกับหัวเตียง ยกมือขึ้นมาขี้ตาอย่างที่ชอบทำ แล้วกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ห้อง
‘ครอก. . .ฟี้’
ไอ้ลู่หานยังนอนสลบเหมือดอยู่บนเตียงอีกตัวข้าง ๆ เตียงของผม ท่าทางเมื่อคืนมันจะหนักไปหน่อย
อย่าว่าแต่มันเลย. . .ผมรู้สึกเหมือนตัวเองยังแฮงค์อยู่เลย ปวดหัวชะมัด
“. . .”
ผมเอี้ยวตัวไปคว้าไอโฟนเครื่องสีดำที่วางอยู่บนโต๊ะข้าง ๆ เตียง กดดูเวลาบนหน้าจอ 8.44 a.m.
วันนี้ก็ไม่ได้มีนัดอะไรนี่. . .คิดจบผมก็ทิ้งตัวลงนอนราบบนเตียงนุ่มตามเดิม ดูเหมือนว่าเมื่อคืนผมกับไอ้ลู่หานจะเมาหนักซะจนไม่ได้เปลี่ยนเสื้อผ้ากันเลย
“คุณว่ามั้ย ?”
เสียงกระซิบของเขาแล่นเข้ามาในความคิดของผม มันทำให้ผมเริ่มรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาโดยไม่ทราบสาเหตุพอนึกขึ้นได้ผมก็ล้วงมือเข้าในกระเป๋ากางเกงก่อนที่จะหยิบลูกเต๋าขึ้นมาดู
มันเป็นลูกเต๋าสีดำใส ตามปกติแล้วแต้มของลูกเต๋าจะเป็นจุดเล็กไล่ไปตั้งแต่ 1 – 6 แต่ทำไมมันถึงมีแค่ 5 ล่ะ ? แถมด้านที่เหลือก็เป็นรูปยิ้ม J อีกต่างหาก
“คิดจะเล่นอะไร ?”
“เล่นอะไรของมึงวะ ? แล้วนั่นอะไรลูกเต๋าเกมเศรษฐีไง ?”
ขณะที่ผมกำลังนั่งบ่นกับลูกเต๋าลูกนั้น ไอ้ลู่หานก็ผงกหัวขึ้นมา ยกมือขึ้นก่ายหัว แล้วนั่งจ้องผมอย่างอยากรู้อยากเห็น
“ยุ่งว่ะ”
ผมหันไปเอ็ดมัน ไอ้ลู่หานขมวดคิ้วเข้าหากัน มันทำหน้าไม่สบอารมณ์ก่อนที่จะลุกขึ้นมานั่งบนเตียง
“นี่ๆ มาทำงานนะเว้ยมาทำงาน ท่องไว้ให้ขึ้นใจ”
“แล้วใครชวนกูไปแดกเหล้าก่อนกันแน่วะ”
ผมขมวดคิ้วแล้วสวนมันกลับไป ทำเอาไอ้ลู่หานถึงกับจุกกันไปเลยทีเดียว ผมวางลูกเต๋านั่นไว้บนหัวเตียง ๆ ข้าง ๆ ไอโฟน ก่อนที่จะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เดินตรงไปที่ห้องน้ำ พร้อม ๆ กับปลดกระดุมเสื้อออก
“ก็แค่ให้ไปแดกเหล้าคลายเครียด ไม่ใช่ให้มึงไปมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับใคร”
ไอ้ลู่หานนั่งบนอุบอิบ ในขณะที่ผมปลดกระดุมเสื้อจนถึงเม็ดสุดท้าย ผมดึงเสื้อเชิ้ตออก ก่อนที่จะโยนใส่หน้ามัน
“เงียบไปเลยไป อิจฉากูก็บอก”
“ไอ้เชี่ย !”
ผมรีบแจ้นเข้าไปในห้องน้ำ ก่อนที่จะรีบปิดประตูสนิท แอบเห็นไอ้ลู่หานสบถออกมาอย่างหัวเสียแล้วโยนเสื้อกลับมา
สัมพันธ์ลึกซึ้งงั้นหรอ ?
มันยังไม่เห็นจะมีอะไรเลยซักนิด
“สวัสดีย่ามบ่ายครับสารวัตรจงแด”
ผมเดินตรงเข้ามาในห้องทำงานห้องเดิม ไอ้ลู่หานเอ่ยทักทายตามอัธยาศัยของมัน พร้อมกับวางแก้วกาแฟที่ซื้อมาฝากไว้บนโต๊ะทำงานของจงแด
“สวัสดีครับ เรียกผมว่าจงแด เฉย ๆ ดีกว่าครับ”
จงแดเงยหน้าขึ้นมาจากกองเอกสาร สภาพของเขาดูโทรมกว่าเมื่อวาน ท่าทางจะไม่ได้น้อยทั้งคืนแน่ ๆ
“พักผ่อนซักหน่อยดีกว่ามั้ยครับ ?”
ไอ้ลู่หานลากเก้าอี้มานั่งตรงข้ามกับจงแด ซึ่งผมก็ทิ้งตัวลงนั่งข้าง ๆ ลู่หานเช่นกัน
“ขอบคุณครับ แต่ไม่เป็นไรครับ ผมยังไหว”
จงแดฉีกยิ้มแห้ง ๆ แล้วก้มหน้าก้มตาลงจัดการกับกองเอกสารต่อ
“อ้อ ! ส่วนเรื่องคดีของพวกเรา พรุ่งนี้ก็จะครบ 1 อาทิตย์ตามกำหนดในแฟ๊กซ์แล้วนะครับ”
“อืม. . .”
ลู่หานพยักหน้าพร้อม ๆ กับดูดกาแฟลงคอเสียงดัง ผมที่นั่งพิงเก้าอี้ด้วยท่าสบาย ๆ ก็เอื้อมคว้าแฟ้มเอกสารแฟ้มเดิมมาเปิดดู
“ทางนั้นส่งแฟ๊กซ์มาแค่นี้หรอครับ ?”
ผมเอ่ยถามทั้ง ๆ ที่สายตายังคงจ้องไปที่แฟ้ม พร้อม ๆ กับมืออีกข้างที่ยกแก้วกาแฟขึ้นมาดื่ม
“ใช่ครับ”
“มึงคิดว่าไงวะจงอิน ?”
ไอ้ลู่หานวางแก้วกาแฟไว้บนโต๊ะ ชะเง้อหน้าเข้ามาใกล้ผมแล้วเอ่ยถาม
ผมปล่อยปากออกจากหลอด จัดการวางแก้วกาแฟไว้บนโต๊ะ แล้วหันไปตอบไอ้ลู่หาน
“ดูจากแฟ๊กซ์นี่นะ. . .ระบุแค่วันเท่านั้น เวลาก็ไม่มี สถานที่ถ้าให้เดาก็ในเขตพื้นที่อัพกูจองนี่แหละ”
ผมไล่นิ้วไปตามตัวอักษรในแฟ๊กซ์ ก่อนที่จะรู้สึกสะดุดกับสัญลักษณ์ที่อยู่ท้ายสุดของเอกสาร
J
ผมชักจะเกลียดไอ้สัญลักษณ์นี่ขึ้นมาแล้วสิ
“. . .แต่เดี๋ยวก่อนนะ”
“อะไรวะ”
ไอ้ลู่หานพูดขึ้นมา ก่อนที่จะฉวยหยิบแฟ๊กซ์ในมือผมไปถือไว้ แล้วนั่งจ้องอยู่นาน
“ถ้าให้เดาเรื่องเวลา. . .พรุ่งนี้ น่าจะเป็นเวลาประมาณเที่ยงว่ะ”
“ทำไมมึงคิดงั้นวะ ?”
“กูเดา”
“. . .”
ทันทีที่ได้ยินคำตอบจากมัน ผมถอนหายใจเฮือกยาว ก่อนที่จะเบี่ยงตัวไปทางอื่น เหตุผลมึงช่างมีหลักการเหลือเกิน
“เฮ้ยๆๆๆๆๆ ฟังกูก่อน”
“เออๆ แพร่มมาดิหลักการเดาของมึงน่ะ”
“มึงดูข้อความนี่ ‘เรื่องราวสนุกๆให้ทุกท่านได้จรรโลงใจ’ แสดงให้เห็นเลยว่าจะไม่มีการซุ่มแน่นอน มันจะต้องลงมือทำให้เราเห็น เพราะงั้นเวลาเที่ยงตรงนี่แหละคือเวลาที่ดีที่สุด ไม่เช้า ไม่มืดจนเกินไป และที่สำคัญเป็นเวลากินข้าวกลางวันด้วย”
ไอ้ลู่หานอธิบายอย่างรีบร้อน มันพูดรัวซะจนจับคำแทบไม่ทัน เป็นนิสัยประจำตัวมันทุกครั้งที่มันรู้สึกตื่นเต้น มันวางแฟ๊กซ์ลงบนโต๊ะ ก่อนที่จะหันมายักคิ้วใส่ผม
“เวลากินข้าวเกี่ยวอะไรกับพวกก่อกวนวะ”
“เออช่างมัน”
“แล้ว. . .จงแด วางแผนไว้ว่าไงบ้างหรอ ?”
ผมหันไปถามจงแด ที่ยังคงง่วนอยู่กับเอกสารกองโต
“ก็อย่างที่ว่าแหละครับคดีนี้มันยังไม่เริ่ม พวกเราก็ไม่อยากเป็นวัวหายล้อมคอกที่ค่อยแก้ปัญหาที่หลัง แต่เนื่องด้วยช่วงนี้งานของพวกเราล้นมือมาก ๆ เพราะงั้น พวกเราถึงขอให้พวกคุณมาช่วยในคดีนี้ แต่ดูเหมือนว่าทางหน่วยของพวกคุณก็ส่งคนมากแค่ 2 คน และผมก็ได้รับมอบหมายให้ดูแลคดีนี้แค่คนเดียว. . .”
จงแดร่ายยาวในขณะที่มือก็กำลังเซ็นเอกสารยุกยิก จงแดพูดทิ้งท้ายไว้แค่นั้นวางปากกาลง แล้วตวัดสายตาขึ้นมามองผมกับลู่หานอย่างอ้อนวอน
“สรุปง่าย ๆ คือมีพวกเราแค่ 3 คน ที่ต้องจัดการกับคดีนี้ครับ”
“แค่ก ! แค่ก ! ห๊ะ ? แค่ 3 คน ?”
ไอ้ลู่หานที่กำลังนั่งไขว่ห้างดูดกาแฟอย่างสบายอารมณ์สำลักทันทีที่จงแดพูดจบ ผมพยักหน้ารับนิ่ง ๆ
“ครับ”
จงแดขานรับอย่างเบื่อหน่าย ท่าทางเขาจะหนักใจน่าดู
ผมไม่สงสัยเลยว่าทำไมถึงมีแค่ 3 คน
เหตุผลแรก เพราะคดีมันยังไม่เริ่ม หลักฐานและข้อมูลมีเพียงแค่แฟ๊กซ์ที่ไม่ระบุที่ส่งเท่านั้น แถมในแฟ๊กซ์นั่นข้อมูลก็ระบุไม่ถี่ถ้วนอีกต่างหาก
เหตุผลข้อที่สอง มันค่อนข้างจะไม่น่าจริงจัง คือ มันดูเหมือนพวกก่อกวนธรรมดา ๆ ไม่น่าจะมีอะไรใหญ่โตมากมาย
เพราะงั้น เขาถึงมอบหมายให้จงแดรับผิดชอบคดีนี้เพียงคนเดียว และจุนมยอนก็เลยเลือกผมกับลู่หานให้มาร่วมคดีนี้กับจงแด เพราะมันไม่ใช่คดีที่ใหญ่และสำคัญมากนัก
คืนนี้ผมกับลู่หานตัดสินใจหอบข้าวของสัมภาระที่คิดว่าสำคัญมาที่สถานีตำรวจอัพกูจอง ผมกับมันตกลงกันว่าจะนอนที่นี่ในคืนนี้ เพราะเมื่อพ้นเที่ยงคืนเมื่อไหร่ นั่นหมายถึง
ครบ 1 อาทิตย์ตามข้อมูลในแฟ๊กซ์แล้ว
เพราะงั้นผมกับมันแล้วก็จงแด จึงตัดสินใจที่จะมานอนที่นี่ และรอดูความเคลื่อนไหว
‘Baby 제발 그의 손을 잡지마 Cuz you should be my Lady ~’
ในขณะที่ผมกำลังนั่ง ๆ นอน ๆ อยู่บนโซฟาในห้องทำงานของจงแด เสียงริงโทนก็ดังขึ้น พร้อมกับไอโฟนเครื่องสีดำของผมที่หน้าจอสว่างวาบขึ้นมา ผมลุกขึ้นแล้วเดินไปหยิบไอโฟนที่วางอยู่บนโต๊ะรับแขกข้างหน้าโซฟา
‘จุนมยอน’
ผมรีบรับสายทันที “ว่าไง ?”
/“เป็นไงบ้าง ?”/
“เออ ก็สบายดีว่ะ”
/“กูไม่ได้หมายถึงพวกมึง กูหมายถึงคดีน่ะเป็นไงบ้าง ?”/
เสียงปลายสายตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดเล็กน้อย ผมกลั้วหัวเราะ ก่อนที่จะตอบกลับมันไป
“นี่กูก็รออยู่ พรุ่งนี้ครบกำหนดตามที่แฟ๊กซ์มันบอกแล้ว”
/“เออ. . .มึงก็ช่วยจริงจังกับคดีนี้หน่อยนะครับคุณเพื่อน”/
ผมแอบได้ยินเสียงลอบถอนหายใจของจุนมยอน ท่าทางมันดูหนักใจยังไงชอบกล
“เออ ๆ รับทราบครับคุณเจ้านาย”
“เฮ้ย ๆๆๆๆ ใครโทรมา ๆๆๆ”
เสียงของไอ้ลู่หานดังมาแต่ไกล มันรีบวางแก้วกาแฟที่มันเพิ่งจะออกไปซื้อไว้บนโต๊ะ แล้ววิ่งแจ้นมายืนออที่ผมแววตาฉายแววความอยากรู้อยากเห็นเต็มเปี่ยม
“จุนมยอน”
ผมละไอโฟนของผมออก แล้วหันไปตอบไอ้ลู่หาน
“ขอคุยหน่อยนะๆๆๆ”
ไอ้ลู่หานแล้วงอแงเป็นเด็ก ๆ มันดึงแขนผมไปมา จนสุดท้ายผมก็ต้องยอมให้มันจนได้
“หวัดดีจุนม่า”
ผมสบถเบา ๆ ก่อนที่จะเดินไปหยิบถุงกาแฟที่ไอ้ลู่หานเพิ่งไปซื้อมา จัดการหยิบแก้วของจงแดไปวางไว้บนโต๊ะทำงาน จนกระทั่งตอนนี้เวลา 2 ทุ่มเศษแล้ว จงแดก็ยังคงง่วนอยู่กับเอกสารกองโตของเขาอยู่เลย
“ขอบคุณครับ”
จงแดเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้ผมพร้อมกับเอ่ยขอบคุณ ผมพยักหน้ารับก่อนที่จะเสียบหลอดลงไปในแก้ว แล้วเดินไปนั่งบนโซฟาเหมือนเดิม
และผมก็กำลังนั่งฟังไอ้ลู่หานคุยกับจุนมยอน. . .คือไม่ได้ตั้งใจจะฟังหรอก แต่มันได้ยิน. . .
“ห๊ะ อะไรนะ ? ป่าวนะ ไม่ได้เล่นเลย”
“. . .อย่าคิดมากดิ”
“เชื่อสิ ก็แค่พวกวัยรุ่นก่อกวน”
“. . .อืม”
ผมดูดกาแฟเงียบ ๆ พลางแอบชำเลืองมองไอ้ลู่หานที่มีน้ำเสียงเคร่งเครียดมากขึ้นทุกที มันละหูออกจากไอโฟนก่อนที่จะกัดวางสายแล้วยื่นมันคืนมาให้ผมแบบเซ็ง ๆ
“ทำไมวะ. . .”
ผมรับไอโฟนมาวางไว้บนโต๊ะรับแขก แล้วหันไปถามลู่หาน มันยักไหล่เล็กน้อย ก่อนที่จะขยับนั่งในท่าขัดสมาธิ
“เปล่า. . .”
มันตอบมาสั้น ๆ ก่อนที่จะหยิบหนังสือพิมพ์ที่วางอยู่บนโต๊ะมาอ่าน เหมือนพยายามจะไม่แยแสอะไร
ผมไม่รู้หรอกนะว่าสิ่งที่จุนมยอนกับลู่หานคุยกันคืออะไรและผมก็ไม่ค่อยจะใส่ใจกับมันเท่าไหร่นัก ถ้าให้เดาก็อาจจะเป็นเรื่องคดี ไม่ก็เรื่องสัพเพเหระทั่ว ๆ ไปก็ได้ละมั้ง ช่างมันเถอะ
ผมเงยหน้ามองนาฬิกาที่แขวนอยู่บนผนัง 21.56 P.M.
สี่ทุ่มแล้วหรอวะ . . .
ผมลุกขึ้น ก่อนที่จะก้าวเท้าออกไปจากห้องทำงานของจงแด
“ไปไหนวะ ?”
และไอ้ลู่หานก็หันมาถามผม
“ดูดบุหรี่”
“เออ ๆ ตามสบายเหอะว่ะ”
ผมตอบกลับมัน ซึ่งมันก็เป็นกิจวัตรของผมอยู่แล้วที่จะต้องออกไป. . .เอ่อ สูบบุรหี่ นั่นแหละ ไอ้ลู่หานพยักเพยิดก่อนที่จะทำเป็นโบกมือไล่ ผมเดินออกมานอกสถานีตำรวจ แล้วเดินไปจุดบุหรี่อยู่ที่มุมแคบ ๆ ตรงที่จอดรถ
“. . .”
บุหรี่มวนสีขาวถูกจุดให้ควันลุกจากไฟแช็ก ผมสูดควันสีเทาหม่นเข้าปอดช้า ๆ ก่อนที่จะพ่นมันออกมา ผมคีบบุหรี่ถือมันไว้ ก่อนที่มืออีกข้างของผมจะล้วงหยิบของออกมาจากกระเป๋ากางเกง
มันเป็นลูกเต๋า ลูกนั้น. . .
ผมหยิบมันขึ้นมาดูอีกครั้ง ผมรู้สึกตะขิดตะขวงใจกับมันยังไงชอบกล
J
ผมจ้องมองสัญลักษณ์รูปยิ้มนี้อย่างพิจารณา มันดูคุ้น. . .คุ้นมาก ๆ
หรือผมจะคิดมากเกินไป ?
“. . .”
ตอนนี้ผมกำลังนั่งๆนอนๆอยู่บนโซฟาในห้องทำงานห้องเดิม เมื่อคืนหลังจากที่สูบบุหรี่เสร็จผมก็กลับมาที่ห้องทำงาน ก่อนที่จะเห็นไอ้ลู่หานหลับไปเป็นที่เรียบร้อย เว้นเสียจากจงแดที่ยังคงนั่งง่วนอยู่กับเอกสารของเขาเหมือนเดิม
จงแดบอกให้ผมนอนก่อนได้เลย ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นเขาจะรีบปลุก และตอนนี้ก็เป็นเวลาสายแล้ว ยังไม่มีข่าวคราวหรือความคืบหน้าอะไรเลยซักนิด โทรศัพท์ประจำสถานีก็ยังไม่ดังเลย
หรือมันจะเป็นแค่จดหมายก่อกวนจริง ๆ
“เงียบว่ะมึงว่ามั้ย ?”
ไอ้ลู่หานพูดด้วยน้ำเสียงเซ็ง ๆ มันบิดขี้เกียจไปมา ก่อนที่จะเดินไปยืนอยู่ที่ริมหน้าต่าง
เวลาผ่านไปอีกชั่วโมงกว่า ๆ ผมยังคงนั่งนิ่งอยู่บนโซฟาตัวเดิม และสายตาคมของผมก็กำลังจ้องไปที่นาฬิกาเรือนใหญ่ที่แขวนอยู่บนผนัง นั่งมองหน้าปัดและเข็มวินาทีที่กำลังเดินต่อไปเรื่อย ๆ
ตอนนี้. . .เข็มยาวบอกนาทีและเข็มสั้นบอกชั่วโมงมาบรรจบและผสานกันไว้ที่เลข 12 แล้ว และอีกไม่กี่วินาทีเข็มวินาทีก็จะเดินผ่านมัน. . .
10
9
8
7
6
5
4
3
2
1
‘ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด’
เสียงนาฬิกาดิจิตอลของไอ้ลู่หานดังขึ้นบ่งบอกเวลาเที่ยงตรง เหงื่อของผมเริ่มผุดขึ้นมาตามไรผมและฝ่ามือ สิ่งที่ไอ้ลู่หานเดาเมื่อวานมันอาจจะจริงก็ได้. . .หัวใจของผมก็เต้นถี่รัว และรอว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้
. . .
“ไอ้ลู่หานทำไมไม่เห็นมี. . .”
‘กริ๊งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง กริ๊งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง’
และเสียงของโทรศัพท์นี่ก็ทำเอาหัวใจผมกระตุกวูบ
“สถานีตำรวจอัพกูจองครับ”
จงแดที่นั่งอยู่ตรงที่ทำงานรีบคว้าโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะข้าง ๆ มือของเขาอย่างรวดเร็ว
“ครับ เกิดเหตุด่วนเหตุร้ายอะไรขึ้นครับ !?”
“ห๊ะ ! ว่าไงนะครับ !”
ผมกับลู่หานสะดุ้ง เมื่อได้ยินเสียงของจงแดตอบกลับปลายสายไปอย่างตื่นตระหนก
“โอเค. . .รับทราบครับ พวกเราจะรีบไปที่เกิดเหตุโดยเร็วที่สุด”
จงแดพยายามควบคุมน้ำเสียง ถึงแม้ว่ามือของเขาตอนนี้มันจะสั่นจนหยุดไม่อยู่ จงแดวางโทรศัพท์ลง ก่อนที่จะรีบคว้าเสื้อคลุมที่คลุมอยู่ตรงเก้าอี้มาใส่ด้วยท่าทีร้อนรน
“ก. . .เกิดอะไรขึ้นงั้นหรอครับ ?”
ลู่หานที่ยืนอยู่ตรงหน้าต่าง เดินไปถามจงแด ด้วยสีหน้าวิตกกังวล
“มีคนพบวัตถุระเบิดที่สำนักงานข่าวอัพกูจอง น่ะครับ ,ต้องรีบติดต่อทีมงานกู้ระเบิด แล้วรีบไปที่นั่น ด่วนเลยครับ !”
ว. . .เวรแล้วไง. . . นี่คงไม่ใช่ก่อกวนธรรมดา ๆ แล้วล่ะ
เป็นครั้งแรกที่แต่งแนวแบบนี้มีผิดพลาดประการใดต้องขอโทษขอโพยกันไว้ ณ ที่นี่ด้วยนะคะ
คือ คนมันอยากลอกแต่ไม่มั่นใจกับคำที่ใช้เลยบอกตรงๆ5555555
แนะนำ ติ ให้กำลังใจก็คอมเม้นมาได้เลยจ้า เม้นยาวๆก็ได้นั่งอ่านทุกตัวอักษร 5555555
ยังไงก็ขอฝากฟิคเรื่องนี้อีกเรื่องหนึ่งไว้กันด้วยนะฮะ
ติดแท็กกันได้ที่แท็กนี้ ---> #วอพค
ขอขอบคุณธีมสวยๆ : :-Daisy ✿
ความคิดเห็น