ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (exo) WILD & PICKER

    ลำดับตอนที่ #2 : 1st case – invisible criminal

    • อัปเดตล่าสุด 1 พ.ย. 56


    rate – 15 (โปรดใช้จักรยานในการอ่าน/เป็นเพียงจินตนาการของคนเขียนเท่านั้น)

     
     

    “อาชญากรรมเกิดขึ้นได้ทุกที่ทุกเวลา,แต่ประเด็นสำคัญมันอยู่ที่ว่า

    คุณรู้รึเปล่าว่ามันกำลังเกิดขึ้น ?” – tiger

     

     

    “แล้วมึงก็ลากกูมาด้วยเนี่ยนะ ?”

    “ช่วยกูหน่อยเหอะนะ ลู่หาน,มึงก็รู้ว่าคนอย่างกูทำงานกับใครไม่ค่อยจะได้”

    ผมละสายตาจากถนนตรงหน้า ก่อนที่จะหันไปมองเพื่อนที่นั่งอยู่ตรงเบาะข้างคนขับ ตอนนี้ผมกับลู่หาน. . .คู่หูที่ทำงานกันมาด้วยกันหลายต่อหลายครั้ง เราสองคนกำลังจะมุ่งหน้าไปที่สถานีตำรวจอัพกูจอง

    เพื่อไปติดต่อคดี

     

    “มึงก็เลยลากกูให้มาเผชิญชะตากรรมกับมึงว่างั้น ?”

    “เพื่อนย่อมไม่ทิ้งกัน มึงรู้จักนิยามนี้ป่ะ ?”

    ถุ้ย. . .”

    ผมพูดออกไปทั้ง ๆที่สายตาก็ยังคงสนใจเส้นทางถนนข้างหน้า มือทั้งสองก็บังคับพวงมาลัยไปด้วย แต่ผมก็แอบเห็นไอ้ลู่หานเบะปากแล้วบ่นอยู่คนเดียวอุบอิบ

    มันอาจจะเซ็งที่ต้องมารับคดีต่อหลังจากที่เพิ่งสะสางคดีเก่าเสร็จไปแล้ว แต่ทำไงได้ล่ะครับ ยิ่งเป็นคู่หูกันแบบนี้ยิ่งต้องแบกรับงานไปด้วยกัน มันเป็นเรื่องธรรมดา

     

    “แล้วนี่. . .คดีที่จะต้องไปทำคือคดีอะไร ?”

    และไอ้ลู่หานก็ยิงประเด็นคำถามหลักกลับมา ผมหันไปเหล่มองมันเล็กน้อย ก่อนที่สายตาจะสนใจถนนและรถราตรงหน้าอย่างเดิม

     

    “กูไม่แน่ใจว่ะ,เห็นจุนมยอนมันบอกว่า คดีนี้ไม่ยากซักเท่าไหร่”

    “กูก็เห็นมันพูดแบบนี้ทุกครั้ง แล้วผลออกมาเป็นไงวะ ,เกือบไม่รอดทุกที”

    ไอ้ลู่หานพูดอย่างเบื่อหน่าย พลางเบือนหน้าออกไปนอกหน้าต่าง นั่งมองรถราที่วิ่งสวนและวิ่งผ่านไปอย่างไม่แยแสอะไร

     

    “เอาหน่า”

    ผมปล่อยมือข้างหนึ่งออกจากพวงมาลัย ก่อนที่จะเอื้อมไปตบบ่ามันเบา ๆ สองสามที “อย่างน้อยก็ได้โบนัสเพิ่มละวะ”

    “ขอให้มันได้งั้นเหอะว่ะ”

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    “ขอโทษที่ต้องให้รอนานนะครับ, ผมชื่อคิมจงแด เป็นผู้รับผิดชอบคดีนี้”

    ประตูไม้บานใหญ่ถูกผลักให้เปิดออกพร้อมกับชายคนหนึ่งที่เดินเข้ามาในห้อง ท่าทางของเขาดูรีบร้อนเอาการจนผมสีน้ำตาลเข้มของเขามันกระเจิดกระเจิงดูไม่เป็นทรงเอาซะเลย

     

    “ไม่เป็นไรครับ คุณคิมจงแด, ผมชื่อลู่หาน ส่วนอีกคนชื่อคิมจงอิน เราสองคนได้รับมอบหมายให้มาช่วยคุณในคดีนี้”

    ลู่หานที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ผมลุกขึ้นยืนเต็มความสูง พร้อม ๆ กับมือของมันที่กระตุกเสื้อของผม มันหันมาทำปากขมุบขมิบเป็นเชิงว่า ลุกขึ้นซึ่งผมก็เออออทำตามที่มันบอก มันแนะนำตัวด้วยน้ำเสียงสุภาพนุ่มนวลและก็ไม่ลืมที่จะแนะนำผมให้กับเพื่อนร่วมงานคนใหม่ด้วย

     

    “เชิญนั่งเลยครับ ไม่ต้องเกรงใจ”

    คุณคิมจงแดอ้าแขนไปทางโต๊ะทำงานที่ดูเหมือนว่าน่าจะเป็นโต๊ะของเขา พวกเราสองคนพยักหน้าพลางเดินไปนั่งอย่างว่าง่ายที่เก้าอี้สองตัวที่ถูกจัดไว้ ส่วนจงแดก็เดินตามพวกผมมาติด ๆ เขาทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ทำงานตรงข้ามพวกผม

     

    “. . .”

    จงแดก้มตัวลงไปหยิบกองเอกสารกองใหญ่ออกมาวางไว้บนโต๊ะ ก่อนที่จะหยิบแฟ้มเอกสารแฟ้มบนสุดมายื่นให้ผมกับลู่หาน  “นี่ครับ. . .งานของพวกเรา”

     

    “. . .”

    ผมพยักหน้าพร้อมๆกับสองมือที่รับแฟ้มเอกสารมา ผมเปิดแฟ้มออกมาดูอย่างรวดเร็ว สายตาคมก็กวาดมองไปบนตัวอักษรที่บันทึกไว้บนกระดาษสีขาวสะอาด

    และมือหนาของผมก็กรีดกระดาษเพื่อพลิกดูอีกหน้า แต่แล้วผมก็ต้องชะงักที่

    มันมีกระดาษแค่แผ่นเดียว

     

    “เดี๋ยวก่อนครับ. . .ทำไมถึงมีกระดาษแค่แผ่นเดียว ?”

    ผมขมวดคิ้วเข้าหากันเล็กน้อย เงยหน้ามองคนตรงหน้าที่จ้องมองมาทางผม แล้วเอ่ยถามอย่างนึกสงสัย

     

    “อ้าว,นี่คุณยังไม่รู้หรอครับ ?”

    จงแดเบิกตากว้างเล็กน้อย “ว่าคดีของพวกเราในตอนนี้คือเรื่องอะไร ?”

    “ขอโทษด้วยครับ. . .คือตอนนี้พวกเรายังไม่รู้ข้อมูลอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว”

    และลู่หานก็เป็นฝ่ายตอบ

     

    “โอเคครับ. . .”

    จงแดพยักหน้าช้า ๆ ผมปิดแฟ้มลงก่อนที่จะวางมันไว้บนโต๊ะเหมือนเดิม

    “คดีที่พวกเราจะต้องจัดการต่อจากนี้มันยังไม่เริ่มขึ้น”

    จงแดเขยิบเก้าอี้เข้ามาใกล้เล็กน้อย ก่อนที่จะวางมือไว้บนโต๊ะทำงานของเขา

     

    “หมายความว่าไงที่ว่า. . .ยังไม่เริ่ม ?”

    ผมพิงตัวลงบนพนักพิงหลัง ขมวดคิ้วเข้าหากันแน่นมากกว่าเดิม ความตึงเครียดเริ่มเกิดขึ้นภายในห้องทำงานแคบ ๆ แห่งนี้

     

    “นี่ครับ. . .คุณลองอ่านกระดาษแผ่นนี้ดูสิ,มันเป็นแฟ๊กซ์ที่ถูกส่งเข้ามาที่สถานีตำรวจอัพกูจองเมื่อ 5 วันก่อน”

    จงแดพูดไปเรื่อย ๆ พลางหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งออกมาจากกองเอกสารที่เขายกมันขึ้นมาวางไว้บนโต๊ะก่อนหน้านี้

     

    “. . .”

    ลู่หานเอื้อมมือไปหยิบมันมา ก่อนที่จะส่งมาให้ผมพลางยิ้มแห้ง ๆ “ลืมไปเลยว่าอ่านภาษาเกาหลีไม่ค่อยออก”

    ผมหรี่ตาพลางส่ายหน้าเอือม ๆ แล้วรับมาถือไว้ในมือ กวาดตาไล่อ่านอักษรตัวพิมพ์เพียงแค่ไม่กี่บรรทัดอย่างตั้งอกตั้งใจ

     

    เรียน เจ้าหน้าที่ตำรวจประจำสถานีอัพกูจองทุกท่าน. . .พวกเราหวังว่าในอีก 1 อาทิตย์ข้างหน้าจะมีเรื่องราวสนุก ๆ ให้ทุกท่านได้จรรโลงใจกันเล็ก ๆ น้อย หวังว่าพวกท่านจะตั้งตารอคอยสำหรับวันนั้น มันต้องสนุกมากแน่ ๆ J

     

    ทันทีที่ผมอ่านจบ ผมก็ยื่นกระดาษแผ่นนั้นให้ลู่หานที่นั่งข้าง ๆ “อ่านไปเหอะ ภาษาแบบนี้แปลง่าย”

    “. . .”

    และไอ้ลู่หานก็รับไป ก่อนที่ก้มหน้าอ่านอย่างตั้งอกตั้งใจพอ ๆ กันกับผม

     

    “ผมว่ามันอาจจะเป็นแค่จดหมายก่อกวนก็ได้นะครับ ?”

    ผมหันไปพูดกับจงแดที่มีสีหน้าเคร่งเครียดอยู่ไม่น้อย เขาส่ายหน้าช้า ๆ ยกมือขึ้นมาผสานกันไว้ แล้วโน้มตัวมาข้างหน้า

    “ผมไม่คิดว่าเป็นแบบนั้น”

    “ทำไมล่ะครับ ? ผมว่ามันก็เหมือนจดหมายก่อกวนทั่วไปนะครับ อาจจะเป็นพวกวัยรุ่นมือบอนแถว ๆ นี้ก็ได้ที่ส่งมา”

    ลู่หานพูดพร้อม ๆ กับชูกระดาษแผ่นนั้นขึ้น จัดการส่งมันคืนกลับให้จงแด แล้วหันมามองหน้าผมเล็กน้อย

     

    “ตอนแรกทางเราก็คิดอย่างนั้นล่ะครับ. . .แต่พอลองหาที่อยู่ที่แฟ๊กซ์ถูกส่งมาแล้ว ไม่ว่าจะสืบหาเท่าไหร่ก็ไม่พบเลย”

    จงแดก้มหน้าลงพร้อม ๆ กับส่ายหน้าอย่างเอือมระอา

     

    “เพราะงั้นช่วยรับงานนี้ไว้พิจารณาด้วยนะครับ. . .เพราะช่วงนี้ทางสถานีของพวกเราก็งานล้นมือมาก ๆ เลย,ขอความกรุณาด้วยนะครับ !

    จงแดลุกขึ้นยืน ก่อนที่จะก้มตัวลงให้ผมกับลู่หาน เขาดูหนักใจและเหนื่อยสุด ๆ ท่าทางงานของเขาคงจะเยอะกว่าที่ผมคิด

    “โอเคครับ. . .”

    และสุดท้ายผมกับลู่หานก็ตอบรับคดีนี้

     

     

     

     

     

     

    แต่ทำไมผมถึงไม่ได้รู้สึกจริงจังกับคดีเลยนะ ?

    ไม่รู้สิ. . .มันดูเป็นคดีที่ไม่มีอะไรเลยนอกจากแฟ๊กซ์เพียงแค่แผ่นเดียว

    แต่ก็ช่างเถอะ ไหนๆก็มาถึงอับกูจองแล้ว ถือซะว่ามาเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจก็แล้วกัน. . .

    นี่ผมกำลังละเลยการปฏิบัติหน้าที่อยู่รึเปล่านะ ?

     

    “เฮ้ยจงอิน. ..”

    “ว่าไง ?”

    ตอนนี้ผมกับลู่หานกำลังอยู่ในห้องพักราคาย่อมเยาในอพาร์ทเมนต์แห่งหนึ่ง ผมกำลังนอนฟังเพลงอยู่บนเตียงของตัวเอง ในขณะที่ลู่หานก็กำลังนั่งกระดิกเท้าอยู่บนเตียงอีกตัวที่ตั้งอยู่ข้าง ๆ เตียงของผม

     

    “คืนนี้ไปแดกเหล้ากันป่ะ. . .”

    ผมเด้งตัวขึ้นมาหลังจากที่ฟังประโยคคำถามของลู่หานจบ

    “ว่าไงนะ ?”

    ผมพูดพร้อม ๆ กับดึงสายหูฟังออก ไอ้ลู่หานขมวดคิ้วเข้าหากัน ยกมือขึ้นเกาหัวตัวเองแกร่กๆอย่างหงุดหงิด

     

    “กูถามว่าคืนนี้ไป – แดก – เหล้า – กัน – มั้ย ?”

    ชัดถ้อยชัดคำมาก

    “มีหรอที่กูจะปฏิเสธ ?”

    ผมตอบกลับไปอย่างเท่ ๆ พร้อมกับกระตุกยิ้มที่มุมปาก

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    “. . .ลู่หานกูว่ามึงดูเมา ๆ ว่ะ”

    “อือ. . .อะไร กูยังไม่เมา กูยังไหว. . .จริง ๆ นะ”

    ไอ้ลู่หานพูดพลางชูแก้วที่บรรจุของเหลวสีเหลืองใสขึ้น ก่อนที่มันจะวางแก้วลงบนเคาน์เตอร์ไม้ไว้อย่างเดิม มันยกมือขึ้นกวักมือเรียกบาร์เทนเดอร์แล้วสั่งเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ต่างนานาที่มันถูกใจมาเพิ่ม และไม่ลืมที่จะสั่งเพิ่มให้ผมด้วย

    ตอนนี้ผมกับมันอยู่ในผับแห่งหนึ่ง และผมกับมันก็กำลังนั่งกระดกเหล้าอยู่ที่เคาน์เตอร์ แสงสีที่ประดับประดาผับแห่งนี้ช่วยเพิ่มสีสันและความสวยงามให้กับสถานที่ที่เนืองแน่นไปด้วยผู้คนได้เป็นอย่างดี

     

    “. . .”

    ทันทีที่เครื่องดื่มถูกเสิร์ฟไว้ตรงหน้า ผมก็จัดการคว้าหมับเข้าที่แก้วไวน์ทรงสูง ยกมันขึ้นกระดกลงคอเพียงแค่สองสามอึกมันก็พลันหายลงลำคอผมเป็นที่เรียบร้อย

     

    ผมยกแก้วที่ว่างเปล่านั่นขึ้นเหนือหัว แล้วโยกลำตัวไปพร้อม ๆ กับจังหวะของเสียงเพลงที่หนักหน่วง แสงจากผับแห่งนี้เต็มไปด้วยสีสันมากมาย ซึ่งแน่นอนมันทำให้ผมแทบจะเคลิบเคลิ้มไปกับบรรยากาศดีๆ แบบนี้ไปเลย

    ไม่ได้เข้าผับแบบนี้มานานแล้ว มันก็โอเคเลยนะ

     

    “อือ. . .”

    ผมหันไปตามต้นเสียงครางต่ำนั่น ก่อนที่จะเห็นไอ้ลู่หานเอาใบหน้าของมันแนบกับเคาน์เตอร์ ดูเหมือนว่ามันจะเริ่มไม่ไหวเข้าซะแล้ว

    อย่าว่าแต่มันเลย. . .

    แม้แต่ตัวผมเอง ผมก็เริ่มรู้สึกมึน ๆ แล้วล่ะ ตอนนี้ใบหน้าของผมมันก็เริ่มร้อน ๆ ขึ้นมา สายตาก็เริ่มพร่า ๆ แล้ว แต่ผมยังไหวนะ. . .

     

    กึก

    แก้วทรงกระบอกสูงกับของเหลวสีอำพันวางลงตรงหน้าผม ผมเงยหน้าขึ้นตวัดตามองบาร์เทนเดอร์ที่เป็นคนนำแก้วใบนี้มาวางตรงหน้า “พี่ไม่ได้สั่งนะน้อง”

    “โต๊ะนั้นฝากมาครับ”

    ว่าพลางชี้ไปที่โต๊ะ ๆ หนึ่งที่อยู่ตรงส่วนมุม ผมกวาดสายตามองตามนิ้วที่ชี้ไป มันค่อนข้างจะมืดซักหน่อย ผมหรี่ตาพยายามเพ่งมองว่าใครกันที่เป็นคนสั่งมันมาให้ผม

    ผมมองเห็นร่างเล็ก ๆ ของใครซักคนลุกขึ้นจากโต๊ะ ๆ นั้น ก่อนที่จะเดินลับหายไปกลางฟลอร์ของผับที่มีผู้คนมากมายต่างโยกย้ายส่ายสะโพกตามจังหวะดนตรีหนักหน่วงนั่น

     

    “ลู่ เดี๋ยวกูมานะ”

    ผมตบหลังไอ้ลู่หานเบา ๆ พร้อมกับคว้าแก้วใบนั้นติดมือมาด้วย

    ถ้าผมมองไม่ผิด คน ๆ นั้น ต้องเป็นผู้ชายแน่ ๆ เพราะผมของเขามันค่อนข้างสั้น แถมยังเป็นสีแดงไวน์อีกต่างหาก

     

    ผมสาวเท้าเข้าไปในฟลอร์เต้นที่มีผู้คนมากหน้าหลายตาทั้งชายหญิงกำลังปล่อยอารมณ์และร่างกายไปกับเสียงเพลง เดินแทรกตัวผ่านผู้คนมากมายไปเรื่อย ๆ สายตาของผมก็กวาดมองไปรอบ ๆ ข้างเพื่อหาคน ๆ นั้นที่สั่งเครื่องดื่มให้ผม

    ก่อนที่สายตาจะไปสะดุดเข้ากับคน ๆ หนึ่ง

    ดวงตากลมโตที่กำลังจ้องมองมาที่ผม จมูกเล็ก กับริมฝีปากอิ่มที่กำลังยกยิ้มที่มุมปาก กับผมสีแดงไวน์ที่กำลังถูกเสยขึ้นช้า ๆ

    ให้ตายเถอะ. . .

    เขาดูโดดเด่นขึ้นมาจากคนอื่น ๆ

     

    “. . .”

    ผมค่อย ๆ เดินเข้าไปใกล้เขามากขึ้น สายตาที่มองมาที่ผมมันดูเหมือนจะเชื้อเชิญผมให้เขาไปหาเขา ซึ่งผมก็กำลังทำอย่างที่เขาต้องการนั่นแหละ

     

    ทันทีที่ผมเดินเข้าไปประชิดตัวเขา อาจจะเพราะผู้คนมากมายที่กำลังเบียดเสียดและเต้นตามจังหวะเพลงรอบข้างผมกับเขาก็ได้มั้ง มันเลยทำให้เราสองคนยิ่งต้องขยับเข้ามาใกล้กันมากขึ้น

    แววตาของเขากับผมสบกันอย่างไม่วางตา รอยยิ้มมุมปากที่ดูมีความลับนั่นค่อย ๆ คลายออก

    “คุณ. . .ใช่มั้ย ?”

    ผมเอ่ยถามพลางยกแก้วใบนั้นขึ้นมา มองมันสลับกับคนตรงหน้า เขาพยักหน้าก่อนที่จะฉีกยิ้มออกมาเล็กน้อย ร่างกายของเขาก็เริ่มขยับไปตามจังหวะดนตรี

    “คุณไม่ดื่มหรอ ?”

    และเขาก็เริ่มเอ่ยปากบ้าง

     

    “เปล่า,ผมแค่คิดว่าควรจะมาขอบคุณคนที่สั่งมันมาให้ผมก่อนน่ะ”

    ผมตอบพลางยักไหล่ แล้วจัดการกระดกแก้วเหล้านั้นเข้าปากจนหมด คนตรงหน้าผมกลั้วหัวเราะในลำคอเล็กน้อย ก่อนที่มือบางนั่นจะเริ่มใช้นิ้วเกี่ยวตวัดเข้ากับเนคไทของผมช้า ๆ

    เฮ้ ๆ. . .นี่เขาคิดจะทำอะไรน่ะ ?

     

    “คุณเพิ่งย้ายมางั้นหรอ ? ทำไมผมถึงไม่คุ้นหน้าคุณเอาซะเลยล่ะ ?”

    เริ่มฝีปากสีสดของเขาค่อย ๆ เอ่ยถามอย่างอ้อยอิ่ง ผมรู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่น ๆ ของเขา เมื่อร่างของเราสองคนถูกคนรอบข้าง ๆ เบียดเข้ามาให้ใกล้กันมากขึ้น

     

    “ก็ไม่เชิง. . .ผมแค่มาทำงานที่นี่อีกไม่นานก็คงจะกลับ”

    ผมตอบไปอย่างนุ่มนวล เขากระตุกยิ้มเล็กน้อย ก่อนที่มือบางจะค่อย ๆ คลายออกจากเนคไทของผม แล้วเลื่อนขึ้นมาจับที่ไหล่ของผมแทน สายตาของเขามันมองดูอ้อยอิ่ง ปากสีสดที่กำลังเผยอออกช้า ๆ นั่นอีก

    นี่ผมกำลังเมาอยู่รึเปล่า ?

     

    “น่าเสียดายนะครับ. . .”

    เขาค่อย ๆ พูดออกมาช้า ๆ ก่อนที่มือที่วางทาบอยู่บนไหล่ของผมจะค่อย ๆ เลื่อนไปอยู่ที่ท้ายทอยแล้วกดใบหน้าของผมให้เข้าไปใกล้ในขณะที่เขาก็เขย่งตัวขึ้นมาเช่นกัน

    ใบหน้าของเขากับผมห่างกันไม่ถึงคืบ ตอนนี้ถึงแม้ว่าจังหวะเพลงมันจะดังมากเท่าไหร่ แต่ทำไมผมถึงได้ยินแต่เสียงลมหายใจแผ่ว ๆ ของเขา

    นี่ผมชักจะเมามากไปแล้วนะ

     

    เขาเลื่อนใบหน้าไปอยู่ที่ข้างใบหูของผม ก่อนที่ริมฝีปากอิ่มนั้นจะค่อย ๆ พูด

    คุณว่ามั้ย ?

    เขากระซิบเบาๆ พ่นลมหายใจรดต้นคอผม ก่อนที่จะผละผมออก

    ผมเบิกตากว้าง กวาดสายตามองหาคนตัวเล็กคนนั้นที่ตอนนี้หายไปแล้ว. . .

    ไม่ว่าจะพยายามกวาดสายตามองหาซักเท่าไหร่ก็ไม่เจอเขาเลย นี่เขาไปแล้วงั้นหรอ ?

     

    หมับ !’

    ผมสะดุ้งโหยงเมื่อฝ่ามือเย็นเฉียบของใครซักคนเอื้อมมาจับที่ไหล่ ผมรีบหันหาคน ๆ นั้นก่อนที่จะพบว่าเป็นไอ้ลู่หานกำลังยืนหอบอยู่ข้าง ๆ

    “จงอิน กลับเหอะว่ะ”

    “ทำไมวะ ?”

    “กู – ไม่ – ไหว – แล้ว”

    ไอ้ลู่หานตะโกนช้า ๆ ก่อนที่มันจะก้มลงอ้วกใส่ถุงพลาสติกที่มันถือติดมือมาด้วย ท่าทางจะไม่ไหวจริงๆน่ะแหละ

     

    “เออๆ โอเคกลับก็กลับ”

    ผมตอบตกลง

    “แต่ขอกูเอาแก้วไปคืนบาร์เทนเดอร์ก่อน มึงไปรอกูที่หน้าผับเลยแล้วกัน”

    ไอ้ลู่หานพยักหน้าช้า ๆ ก่อนที่จะเดินออกไปจากฟลอร์ ผมถอนหายใจออกมาช้า ๆ ก่อนที่จะถือแก้วเหล้าใบนั้นเดินตรงไปที่เคาน์เตอร์

     

    แก๊ง. . .แก๊ง

    ผมชะงักเมื่อได้ยินเสียงก๊องแก๊งดังอยู่ใกล้ ๆ ก้มดูแก้วเหล้าใบนั้น ก่อนที่สายตาจะเบิกกว้าง ผมยกแก้วนั้นขึ้นมาดู ก่อนที่จะพบว่า

    มีลูกเต๋าอยู่ในนั้น

    มันมาจากไหน ? ผมยังจำได้อยู่เลยว่าตอนกระดกมันดื่มยังไม่มีอะไรเลย

     

    “. . .”

    ผมล้วงไปหยิบลูกเต๋านั่นออกมา เก็บใส่กระเป๋ากางเกง ก่อนที่จะนำแก้วเหล้าไปคืนบาร์เทนเดอร์

    มันต้องเป็นฝีมือของเขาแน่ ๆ ผู้ชายคนนั้น

    ถ้าได้เจอกันอีกก็คงจะดี. . .คนร้ายกาจแบบนั้น

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    “โอย. . .”

    ผมค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมา หลังจากที่รู้สึกเหมือนแสงแดดยามเช้ามันแยงเข้าตาทั้งสองข้าง ๆ จนปิดไม่สนิท ผมยันตัวขึ้นมานั่งพิงกับหัวเตียง ยกมือขึ้นมาขี้ตาอย่างที่ชอบทำ แล้วกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ห้อง

     

    ครอก. . .ฟี้

    ไอ้ลู่หานยังนอนสลบเหมือดอยู่บนเตียงอีกตัวข้าง ๆ เตียงของผม ท่าทางเมื่อคืนมันจะหนักไปหน่อย

    อย่าว่าแต่มันเลย. . .ผมรู้สึกเหมือนตัวเองยังแฮงค์อยู่เลย ปวดหัวชะมัด

     

    “. . .”

    ผมเอี้ยวตัวไปคว้าไอโฟนเครื่องสีดำที่วางอยู่บนโต๊ะข้าง ๆ เตียง กดดูเวลาบนหน้าจอ   8.44 a.m.

    วันนี้ก็ไม่ได้มีนัดอะไรนี่. . .คิดจบผมก็ทิ้งตัวลงนอนราบบนเตียงนุ่มตามเดิม ดูเหมือนว่าเมื่อคืนผมกับไอ้ลู่หานจะเมาหนักซะจนไม่ได้เปลี่ยนเสื้อผ้ากันเลย

     

    “คุณว่ามั้ย ?”

    เสียงกระซิบของเขาแล่นเข้ามาในความคิดของผม มันทำให้ผมเริ่มรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาโดยไม่ทราบสาเหตุพอนึกขึ้นได้ผมก็ล้วงมือเข้าในกระเป๋ากางเกงก่อนที่จะหยิบลูกเต๋าขึ้นมาดู

    มันเป็นลูกเต๋าสีดำใส ตามปกติแล้วแต้มของลูกเต๋าจะเป็นจุดเล็กไล่ไปตั้งแต่ 1 – 6 แต่ทำไมมันถึงมีแค่ 5 ล่ะ ? แถมด้านที่เหลือก็เป็นรูปยิ้ม J อีกต่างหาก

     

    “คิดจะเล่นอะไร ?”

    “เล่นอะไรของมึงวะ ? แล้วนั่นอะไรลูกเต๋าเกมเศรษฐีไง ?”

    ขณะที่ผมกำลังนั่งบ่นกับลูกเต๋าลูกนั้น ไอ้ลู่หานก็ผงกหัวขึ้นมา ยกมือขึ้นก่ายหัว แล้วนั่งจ้องผมอย่างอยากรู้อยากเห็น

    “ยุ่งว่ะ”

    ผมหันไปเอ็ดมัน ไอ้ลู่หานขมวดคิ้วเข้าหากัน มันทำหน้าไม่สบอารมณ์ก่อนที่จะลุกขึ้นมานั่งบนเตียง

     

    “นี่ๆ มาทำงานนะเว้ยมาทำงาน ท่องไว้ให้ขึ้นใจ”

    “แล้วใครชวนกูไปแดกเหล้าก่อนกันแน่วะ”

    ผมขมวดคิ้วแล้วสวนมันกลับไป ทำเอาไอ้ลู่หานถึงกับจุกกันไปเลยทีเดียว ผมวางลูกเต๋านั่นไว้บนหัวเตียง ๆ ข้าง ๆ ไอโฟน ก่อนที่จะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เดินตรงไปที่ห้องน้ำ พร้อม ๆ กับปลดกระดุมเสื้อออก

    “ก็แค่ให้ไปแดกเหล้าคลายเครียด ไม่ใช่ให้มึงไปมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับใคร”

    ไอ้ลู่หานนั่งบนอุบอิบ ในขณะที่ผมปลดกระดุมเสื้อจนถึงเม็ดสุดท้าย ผมดึงเสื้อเชิ้ตออก ก่อนที่จะโยนใส่หน้ามัน

    “เงียบไปเลยไป อิจฉากูก็บอก”

    “ไอ้เชี่ย !

    ผมรีบแจ้นเข้าไปในห้องน้ำ ก่อนที่จะรีบปิดประตูสนิท แอบเห็นไอ้ลู่หานสบถออกมาอย่างหัวเสียแล้วโยนเสื้อกลับมา

     

    สัมพันธ์ลึกซึ้งงั้นหรอ ?

    มันยังไม่เห็นจะมีอะไรเลยซักนิด

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    “สวัสดีย่ามบ่ายครับสารวัตรจงแด”

    ผมเดินตรงเข้ามาในห้องทำงานห้องเดิม ไอ้ลู่หานเอ่ยทักทายตามอัธยาศัยของมัน พร้อมกับวางแก้วกาแฟที่ซื้อมาฝากไว้บนโต๊ะทำงานของจงแด

     

    “สวัสดีครับ เรียกผมว่าจงแด เฉย ๆ ดีกว่าครับ”

    จงแดเงยหน้าขึ้นมาจากกองเอกสาร สภาพของเขาดูโทรมกว่าเมื่อวาน ท่าทางจะไม่ได้น้อยทั้งคืนแน่ ๆ

    “พักผ่อนซักหน่อยดีกว่ามั้ยครับ ?”

    ไอ้ลู่หานลากเก้าอี้มานั่งตรงข้ามกับจงแด ซึ่งผมก็ทิ้งตัวลงนั่งข้าง ๆ ลู่หานเช่นกัน

    “ขอบคุณครับ แต่ไม่เป็นไรครับ ผมยังไหว”

    จงแดฉีกยิ้มแห้ง ๆ แล้วก้มหน้าก้มตาลงจัดการกับกองเอกสารต่อ

     

    “อ้อ ! ส่วนเรื่องคดีของพวกเรา พรุ่งนี้ก็จะครบ 1 อาทิตย์ตามกำหนดในแฟ๊กซ์แล้วนะครับ”

    “อืม. . .”

    ลู่หานพยักหน้าพร้อม ๆ กับดูดกาแฟลงคอเสียงดัง ผมที่นั่งพิงเก้าอี้ด้วยท่าสบาย ๆ ก็เอื้อมคว้าแฟ้มเอกสารแฟ้มเดิมมาเปิดดู

    “ทางนั้นส่งแฟ๊กซ์มาแค่นี้หรอครับ ?”

    ผมเอ่ยถามทั้ง ๆ ที่สายตายังคงจ้องไปที่แฟ้ม พร้อม ๆ กับมืออีกข้างที่ยกแก้วกาแฟขึ้นมาดื่ม

    “ใช่ครับ”

    “มึงคิดว่าไงวะจงอิน ?”

    ไอ้ลู่หานวางแก้วกาแฟไว้บนโต๊ะ ชะเง้อหน้าเข้ามาใกล้ผมแล้วเอ่ยถาม

     

    ผมปล่อยปากออกจากหลอด จัดการวางแก้วกาแฟไว้บนโต๊ะ แล้วหันไปตอบไอ้ลู่หาน

    “ดูจากแฟ๊กซ์นี่นะ. . .ระบุแค่วันเท่านั้น เวลาก็ไม่มี สถานที่ถ้าให้เดาก็ในเขตพื้นที่อัพกูจองนี่แหละ”

    ผมไล่นิ้วไปตามตัวอักษรในแฟ๊กซ์ ก่อนที่จะรู้สึกสะดุดกับสัญลักษณ์ที่อยู่ท้ายสุดของเอกสาร

     

    J

     

    ผมชักจะเกลียดไอ้สัญลักษณ์นี่ขึ้นมาแล้วสิ

     

    “. . .แต่เดี๋ยวก่อนนะ”

    “อะไรวะ”

    ไอ้ลู่หานพูดขึ้นมา ก่อนที่จะฉวยหยิบแฟ๊กซ์ในมือผมไปถือไว้ แล้วนั่งจ้องอยู่นาน

     

    “ถ้าให้เดาเรื่องเวลา. . .พรุ่งนี้ น่าจะเป็นเวลาประมาณเที่ยงว่ะ”

    “ทำไมมึงคิดงั้นวะ ?”

    “กูเดา”

    “. . .”

    ทันทีที่ได้ยินคำตอบจากมัน ผมถอนหายใจเฮือกยาว ก่อนที่จะเบี่ยงตัวไปทางอื่น เหตุผลมึงช่างมีหลักการเหลือเกิน

     

    “เฮ้ยๆๆๆๆๆ ฟังกูก่อน”

    “เออๆ แพร่มมาดิหลักการเดาของมึงน่ะ”

    “มึงดูข้อความนี่ เรื่องราวสนุกๆให้ทุกท่านได้จรรโลงใจแสดงให้เห็นเลยว่าจะไม่มีการซุ่มแน่นอน มันจะต้องลงมือทำให้เราเห็น เพราะงั้นเวลาเที่ยงตรงนี่แหละคือเวลาที่ดีที่สุด ไม่เช้า ไม่มืดจนเกินไป และที่สำคัญเป็นเวลากินข้าวกลางวันด้วย”

    ไอ้ลู่หานอธิบายอย่างรีบร้อน มันพูดรัวซะจนจับคำแทบไม่ทัน เป็นนิสัยประจำตัวมันทุกครั้งที่มันรู้สึกตื่นเต้น มันวางแฟ๊กซ์ลงบนโต๊ะ ก่อนที่จะหันมายักคิ้วใส่ผม

     

    “เวลากินข้าวเกี่ยวอะไรกับพวกก่อกวนวะ”

    “เออช่างมัน”

    “แล้ว. . .จงแด วางแผนไว้ว่าไงบ้างหรอ ?”

    ผมหันไปถามจงแด ที่ยังคงง่วนอยู่กับเอกสารกองโต

     

    “ก็อย่างที่ว่าแหละครับคดีนี้มันยังไม่เริ่ม พวกเราก็ไม่อยากเป็นวัวหายล้อมคอกที่ค่อยแก้ปัญหาที่หลัง แต่เนื่องด้วยช่วงนี้งานของพวกเราล้นมือมาก ๆ เพราะงั้น พวกเราถึงขอให้พวกคุณมาช่วยในคดีนี้ แต่ดูเหมือนว่าทางหน่วยของพวกคุณก็ส่งคนมากแค่ 2 คน และผมก็ได้รับมอบหมายให้ดูแลคดีนี้แค่คนเดียว. . .”

    จงแดร่ายยาวในขณะที่มือก็กำลังเซ็นเอกสารยุกยิก จงแดพูดทิ้งท้ายไว้แค่นั้นวางปากกาลง แล้วตวัดสายตาขึ้นมามองผมกับลู่หานอย่างอ้อนวอน

     

    “สรุปง่าย ๆ คือมีพวกเราแค่ 3 คน ที่ต้องจัดการกับคดีนี้ครับ”

    “แค่ก ! แค่ก ! ห๊ะ ? แค่ 3 คน ?”

    ไอ้ลู่หานที่กำลังนั่งไขว่ห้างดูดกาแฟอย่างสบายอารมณ์สำลักทันทีที่จงแดพูดจบ ผมพยักหน้ารับนิ่ง ๆ

    “ครับ”

    จงแดขานรับอย่างเบื่อหน่าย ท่าทางเขาจะหนักใจน่าดู

     

    ผมไม่สงสัยเลยว่าทำไมถึงมีแค่ 3 คน

    เหตุผลแรก เพราะคดีมันยังไม่เริ่ม หลักฐานและข้อมูลมีเพียงแค่แฟ๊กซ์ที่ไม่ระบุที่ส่งเท่านั้น แถมในแฟ๊กซ์นั่นข้อมูลก็ระบุไม่ถี่ถ้วนอีกต่างหาก

    เหตุผลข้อที่สอง มันค่อนข้างจะไม่น่าจริงจัง คือ มันดูเหมือนพวกก่อกวนธรรมดา ๆ ไม่น่าจะมีอะไรใหญ่โตมากมาย

    เพราะงั้น เขาถึงมอบหมายให้จงแดรับผิดชอบคดีนี้เพียงคนเดียว และจุนมยอนก็เลยเลือกผมกับลู่หานให้มาร่วมคดีนี้กับจงแด เพราะมันไม่ใช่คดีที่ใหญ่และสำคัญมากนัก

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    คืนนี้ผมกับลู่หานตัดสินใจหอบข้าวของสัมภาระที่คิดว่าสำคัญมาที่สถานีตำรวจอัพกูจอง ผมกับมันตกลงกันว่าจะนอนที่นี่ในคืนนี้ เพราะเมื่อพ้นเที่ยงคืนเมื่อไหร่ นั่นหมายถึง

    ครบ 1 อาทิตย์ตามข้อมูลในแฟ๊กซ์แล้ว

    เพราะงั้นผมกับมันแล้วก็จงแด จึงตัดสินใจที่จะมานอนที่นี่ และรอดูความเคลื่อนไหว

     

    ‘Baby 제발 그의 손을 잡지마 Cuz you should be my Lady ~’

    ในขณะที่ผมกำลังนั่ง ๆ นอน ๆ อยู่บนโซฟาในห้องทำงานของจงแด เสียงริงโทนก็ดังขึ้น พร้อมกับไอโฟนเครื่องสีดำของผมที่หน้าจอสว่างวาบขึ้นมา ผมลุกขึ้นแล้วเดินไปหยิบไอโฟนที่วางอยู่บนโต๊ะรับแขกข้างหน้าโซฟา

     

    จุนมยอน

    ผมรีบรับสายทันที      “ว่าไง ?”

    /“เป็นไงบ้าง ?”/

    “เออ ก็สบายดีว่ะ”

    /“กูไม่ได้หมายถึงพวกมึง กูหมายถึงคดีน่ะเป็นไงบ้าง ?”/

    เสียงปลายสายตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดเล็กน้อย ผมกลั้วหัวเราะ ก่อนที่จะตอบกลับมันไป

    “นี่กูก็รออยู่ พรุ่งนี้ครบกำหนดตามที่แฟ๊กซ์มันบอกแล้ว”

    /“เออ. . .มึงก็ช่วยจริงจังกับคดีนี้หน่อยนะครับคุณเพื่อน”/

    ผมแอบได้ยินเสียงลอบถอนหายใจของจุนมยอน ท่าทางมันดูหนักใจยังไงชอบกล

    “เออ ๆ รับทราบครับคุณเจ้านาย”

     

    “เฮ้ย ๆๆๆๆ ใครโทรมา ๆๆๆ”

    เสียงของไอ้ลู่หานดังมาแต่ไกล มันรีบวางแก้วกาแฟที่มันเพิ่งจะออกไปซื้อไว้บนโต๊ะ แล้ววิ่งแจ้นมายืนออที่ผมแววตาฉายแววความอยากรู้อยากเห็นเต็มเปี่ยม

     

    “จุนมยอน”

    ผมละไอโฟนของผมออก แล้วหันไปตอบไอ้ลู่หาน

    “ขอคุยหน่อยนะๆๆๆ”

    ไอ้ลู่หานแล้วงอแงเป็นเด็ก ๆ มันดึงแขนผมไปมา จนสุดท้ายผมก็ต้องยอมให้มันจนได้

     

    “หวัดดีจุนม่า”

    ผมสบถเบา ๆ ก่อนที่จะเดินไปหยิบถุงกาแฟที่ไอ้ลู่หานเพิ่งไปซื้อมา จัดการหยิบแก้วของจงแดไปวางไว้บนโต๊ะทำงาน จนกระทั่งตอนนี้เวลา 2 ทุ่มเศษแล้ว จงแดก็ยังคงง่วนอยู่กับเอกสารกองโตของเขาอยู่เลย

    “ขอบคุณครับ”

    จงแดเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้ผมพร้อมกับเอ่ยขอบคุณ ผมพยักหน้ารับก่อนที่จะเสียบหลอดลงไปในแก้ว แล้วเดินไปนั่งบนโซฟาเหมือนเดิม

     

    และผมก็กำลังนั่งฟังไอ้ลู่หานคุยกับจุนมยอน. . .คือไม่ได้ตั้งใจจะฟังหรอก แต่มันได้ยิน. . .

     

     “ห๊ะ อะไรนะ ? ป่าวนะ ไม่ได้เล่นเลย”

    “. . .อย่าคิดมากดิ”

    “เชื่อสิ ก็แค่พวกวัยรุ่นก่อกวน”

    “. . .อืม”

    ผมดูดกาแฟเงียบ ๆ พลางแอบชำเลืองมองไอ้ลู่หานที่มีน้ำเสียงเคร่งเครียดมากขึ้นทุกที มันละหูออกจากไอโฟนก่อนที่จะกัดวางสายแล้วยื่นมันคืนมาให้ผมแบบเซ็ง ๆ

    “ทำไมวะ. . .”

    ผมรับไอโฟนมาวางไว้บนโต๊ะรับแขก แล้วหันไปถามลู่หาน มันยักไหล่เล็กน้อย ก่อนที่จะขยับนั่งในท่าขัดสมาธิ

    “เปล่า. . .”

    มันตอบมาสั้น ๆ ก่อนที่จะหยิบหนังสือพิมพ์ที่วางอยู่บนโต๊ะมาอ่าน เหมือนพยายามจะไม่แยแสอะไร

     

     

    ผมไม่รู้หรอกนะว่าสิ่งที่จุนมยอนกับลู่หานคุยกันคืออะไรและผมก็ไม่ค่อยจะใส่ใจกับมันเท่าไหร่นัก ถ้าให้เดาก็อาจจะเป็นเรื่องคดี ไม่ก็เรื่องสัพเพเหระทั่ว ๆ ไปก็ได้ละมั้ง ช่างมันเถอะ

    ผมเงยหน้ามองนาฬิกาที่แขวนอยู่บนผนัง 21.56 P.M.

     

    สี่ทุ่มแล้วหรอวะ . . .

     

    ผมลุกขึ้น ก่อนที่จะก้าวเท้าออกไปจากห้องทำงานของจงแด

    “ไปไหนวะ ?”

    และไอ้ลู่หานก็หันมาถามผม

    “ดูดบุหรี่”

    “เออ ๆ ตามสบายเหอะว่ะ”

    ผมตอบกลับมัน ซึ่งมันก็เป็นกิจวัตรของผมอยู่แล้วที่จะต้องออกไป. . .เอ่อ สูบบุรหี่ นั่นแหละ ไอ้ลู่หานพยักเพยิดก่อนที่จะทำเป็นโบกมือไล่ ผมเดินออกมานอกสถานีตำรวจ แล้วเดินไปจุดบุหรี่อยู่ที่มุมแคบ ๆ ตรงที่จอดรถ

    “. . .”

    บุหรี่มวนสีขาวถูกจุดให้ควันลุกจากไฟแช็ก ผมสูดควันสีเทาหม่นเข้าปอดช้า ๆ ก่อนที่จะพ่นมันออกมา ผมคีบบุหรี่ถือมันไว้ ก่อนที่มืออีกข้างของผมจะล้วงหยิบของออกมาจากกระเป๋ากางเกง

    มันเป็นลูกเต๋า ลูกนั้น. . .

    ผมหยิบมันขึ้นมาดูอีกครั้ง ผมรู้สึกตะขิดตะขวงใจกับมันยังไงชอบกล

     

    J

     

    ผมจ้องมองสัญลักษณ์รูปยิ้มนี้อย่างพิจารณา มันดูคุ้น. . .คุ้นมาก ๆ

    หรือผมจะคิดมากเกินไป ?

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    “. . .”

    ตอนนี้ผมกำลังนั่งๆนอนๆอยู่บนโซฟาในห้องทำงานห้องเดิม เมื่อคืนหลังจากที่สูบบุหรี่เสร็จผมก็กลับมาที่ห้องทำงาน ก่อนที่จะเห็นไอ้ลู่หานหลับไปเป็นที่เรียบร้อย เว้นเสียจากจงแดที่ยังคงนั่งง่วนอยู่กับเอกสารของเขาเหมือนเดิม

    จงแดบอกให้ผมนอนก่อนได้เลย ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นเขาจะรีบปลุก และตอนนี้ก็เป็นเวลาสายแล้ว ยังไม่มีข่าวคราวหรือความคืบหน้าอะไรเลยซักนิด โทรศัพท์ประจำสถานีก็ยังไม่ดังเลย

     

    หรือมันจะเป็นแค่จดหมายก่อกวนจริง ๆ

     

    “เงียบว่ะมึงว่ามั้ย ?”

    ไอ้ลู่หานพูดด้วยน้ำเสียงเซ็ง ๆ มันบิดขี้เกียจไปมา ก่อนที่จะเดินไปยืนอยู่ที่ริมหน้าต่าง

     

    เวลาผ่านไปอีกชั่วโมงกว่า ๆ ผมยังคงนั่งนิ่งอยู่บนโซฟาตัวเดิม และสายตาคมของผมก็กำลังจ้องไปที่นาฬิกาเรือนใหญ่ที่แขวนอยู่บนผนัง นั่งมองหน้าปัดและเข็มวินาทีที่กำลังเดินต่อไปเรื่อย ๆ

     

    ตอนนี้. . .เข็มยาวบอกนาทีและเข็มสั้นบอกชั่วโมงมาบรรจบและผสานกันไว้ที่เลข 12 แล้ว และอีกไม่กี่วินาทีเข็มวินาทีก็จะเดินผ่านมัน. . .

    10

     

    9

     

    8

     

    7

     

    6

     

    5

     

     

    4

     

     

    3

     

     

     

     

    2

     

     

     

     

     

     

    1

     

     

     

     

    ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด

    เสียงนาฬิกาดิจิตอลของไอ้ลู่หานดังขึ้นบ่งบอกเวลาเที่ยงตรง เหงื่อของผมเริ่มผุดขึ้นมาตามไรผมและฝ่ามือ สิ่งที่ไอ้ลู่หานเดาเมื่อวานมันอาจจะจริงก็ได้. . .หัวใจของผมก็เต้นถี่รัว และรอว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้

    . . .

     

    “ไอ้ลู่หานทำไมไม่เห็นมี. . .”

     

    กริ๊งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง กริ๊งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง

    และเสียงของโทรศัพท์นี่ก็ทำเอาหัวใจผมกระตุกวูบ

     

    “สถานีตำรวจอัพกูจองครับ”

    จงแดที่นั่งอยู่ตรงที่ทำงานรีบคว้าโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะข้าง ๆ มือของเขาอย่างรวดเร็ว

     

    “ครับ เกิดเหตุด่วนเหตุร้ายอะไรขึ้นครับ !?

     

     

    “ห๊ะ ! ว่าไงนะครับ !

    ผมกับลู่หานสะดุ้ง เมื่อได้ยินเสียงของจงแดตอบกลับปลายสายไปอย่างตื่นตระหนก

    “โอเค. . .รับทราบครับ พวกเราจะรีบไปที่เกิดเหตุโดยเร็วที่สุด”

    จงแดพยายามควบคุมน้ำเสียง ถึงแม้ว่ามือของเขาตอนนี้มันจะสั่นจนหยุดไม่อยู่ จงแดวางโทรศัพท์ลง ก่อนที่จะรีบคว้าเสื้อคลุมที่คลุมอยู่ตรงเก้าอี้มาใส่ด้วยท่าทีร้อนรน

     

    “ก. . .เกิดอะไรขึ้นงั้นหรอครับ ?”

    ลู่หานที่ยืนอยู่ตรงหน้าต่าง เดินไปถามจงแด ด้วยสีหน้าวิตกกังวล

    “มีคนพบวัตถุระเบิดที่สำนักงานข่าวอัพกูจอง น่ะครับ ,ต้องรีบติดต่อทีมงานกู้ระเบิด แล้วรีบไปที่นั่น ด่วนเลยครับ !

     

    ว. . .เวรแล้วไง. . . นี่คงไม่ใช่ก่อกวนธรรมดา ๆ แล้วล่ะ

     

     

     

     

     

     







     


      

      เป็นครั้งแรกที่แต่งแนวแบบนี้มีผิดพลาดประการใดต้องขอโทษขอโพยกันไว้ ณ ที่นี่ด้วยนะคะ

    คือ คนมันอยากลอกแต่ไม่มั่นใจกับคำที่ใช้เลยบอกตรงๆ5555555

    แนะนำ ติ ให้กำลังใจก็คอมเม้นมาได้เลยจ้า เม้นยาวๆก็ได้นั่งอ่านทุกตัวอักษร 5555555

    ยังไงก็ขอฝากฟิคเรื่องนี้อีกเรื่องหนึ่งไว้กันด้วยนะฮะ

    ติดแท็กกันได้ที่แท็กนี้  ---> #วอพค
    ขอขอบคุณธีมสวยๆ : 
    :-Daisy ✿  

      
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×