คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : 0 0 | ก่อนที่เราจะกลายเป็นเป้าหมาย (K - TEAM)
KING ♕
MEMBER
29 Dec 20XX
‘ ช่วยด้วยค่า ! มีคนกระชากกระเป๋าฉันไป ! ’
เสียงร้องตามหลังของหญิงสาว ทำให้ร่างสูงที่ในมือกำลังกำกระเป๋าสะพายสีสวยตามแบบของผู้หญิงต้องรีบเร่งฝีเท้าเพื่อหามุมที่แฝงไปกับความมืดในเวลานี้สักที่เพื่อหลบบุคคลอีก 4 – 5 คนที่กำลังวิ่งตามเขามาเพื่อหวังจะเป็นเจ้าชายขี่ม้าขาวให้หญิงสาวเจ้าของกระเป๋า
เจอละ !
ร่างสูงเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น เมื่อพบเห็นช่องว่างระหว่างตึก 2 ตึกด้านหน้าที่แคบและอับ ที่สำคัญคือมีกำแพงสูงพอที่เขาสามารถปีนข้ามไปได้สบายๆเพื่อหลบหนี
ตุ้บ !
หลังจากที่ตะเกียกตะกายกำแพงมาได้ ในที่สุดเขาก็สามารถหลบหนีมาได้อีกครั้ง นี่เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ ที่เขาทำพฤติกรรมแบบนี้ซ้ำๆซากๆมาตั้งแต่เด็กจนโต ตั้งแต่จำความได้ ก็ต้องวิ่งราวกระชากผู้คนแล้วก็วิ่งหนีหัวซุกหัวซุนมาแบบนี้เกือบทุกครั้ง
“เหนื่อยว่ะ… แค่กๆ”
อาการเหนื่อยล้าจากการที่เขาต้องเสียแรงไปกับการวิ่งหนี ทำให้เขาต้องสบถออกมา ก่อนจะสำลักจนต้องไอตามออกมา ร่างสูงเดินไปตามถนนที่เงียบสงบในยามวิกาล แต่แล้วก็ต้องหยุดการกระทำ เมื่อพบว่ามีเงาของใครบางคนยืนอยู่บริเวณที่ห่างจากตรงหน้าไปเพียงไม่กี่เมตร
‘ สวัสดี คิมจงอิน ’
“นั่นใคร !!”
ทันทีที่ได้ยินอีกฝ่ายเรียกชื่อจริงของตนเอง ร่างสูงก็รีบตะโกนถามอีกฝ่ายที่ถูกความมืดปกปิดใบหน้าเอาไว้ ทั้งที่ใจอยากจะเดินเข้าไปดูใกล้ๆ แต่ทว่าเหมือนมีอะไรบางอย่างสะกดเอาไว้ ขาทั้งสองข้างจึงได้แต่ยืนนิ่งแข็ง ขยับไม่ได้ราวกับถูกตรึงเอาไว้กับพื้นถนน
“นายปล้นแบบนี้มากี่ครั้งแล้วเนี่ย ?” บุคคลปริศนายังคงถามต่อโดยไม่ได้สนใจคำถามของจงอิน
“ฉันถามว่าแกเป็นใคร !”
‘ นายชื่อคิมจงอิน… อายุ 22 มีพี่ชาย 1 คนที่พลัดพรากจากกันไปตั้งแต่เด็ก ตอนนี้นายเพิ่งถูกไล่ออกมาจากร้านอาหารที่ทำงานพิเศษเพราะร้านกำลังจะเจ๊ง แต่ตัวนายต้องการหาเงินไปจ่ายค่าเทอมในมหาวิทยาลัย ก็เลยต้องออกมาปล้น… ’
“ฉันทายถูกมั้ย ?”
“แก !!” เจ้าของเรื่องราวได้แต่ยืนกำหมัดแน่น ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายไปรู้เรื่องราวของตัวเองมากขนาดนี้มาจากไหน
และที่สำคัญ… รู้ว่าเขามีพี่ชาย…
ทว่า ยืนคิดได้แค่ครู่เดียว สายตาของจงอินก็เหลือบไปเห็นนามบัตรที่ตกอยู่ใกล้ๆเท้าของตัวเอง ร่างสูงก้มลงไปเก็บนามบัตรแผ่นเล็ก ก่อนจะกวาดสายตาดูผ่านๆอย่างไม่ใส่ใจนัก เพราะสิ่งที่ควรจะสนใจกว่าก็คือ บุคคลตรงหน้าที่ใช้ความมืดอำพรางใบหน้าไว้
“ตอนนี้ฉันมีอีเว้นท์อะไรให้นายร่วมสนุกนิดหน่อย ไปแต่ตัว ไม่ต้องลงทุน ถ้าชนะ… ผลตอบแทนจะคุ้มค่ากว่าที่นายคิดเอาไว้”
“ผลตอบแทน ? อีเว้นท์ ?” จงอินพึมพำอย่างไม่เข้าใจในสิ่งที่อีกฝ่ายพูด
“เอาเป็นว่านายเอานามบัตรนั่นไปอ่านก่อนก็แล้วกัน ถ้าสนใจล่ะก็… ไปตามวันเวลาที่เขียนไว้ในนั้นละกันนะ”
“อ…อะไรของ…”
“ที่สำคัญอีกอย่าง…”
‘ นายอาจจะได้เจอพี่ชายของนายด้วยนะ ’
ตุ้บ !
“โอ๊ย !”
กระป๋องน้ำอัดลมที่ตกลงกลางศีรษะและอีกหลายใบที่จงใจถูกกระทำให้มาโดนบนตัวเขา ร่างเล็กจึงเผลอร้องโอดโอยออกมา สร้างความสนุกสนานให้กับบุคคลรอบข้างที่เหลือ
“เฮ้ย ใส่แว่นแล้วเฉิ่มว่ะ เอาแว่นออกเถอะ…”
หนึ่งในกลุ่มอันธพาลที่เพิ่งปาสิ่งของใส่เขาเดินเข้ามา ก่อนจะหยิบแว่นตาออกไปจากใบหน้าของเขา ทำให้ทัศนวิสัยในการมองรอบข้างเริ่มแย่ลงอย่างเห็นได้ชัด
“อ…เอาแว่นมา…”
“อะไรกัน คยองซู พอถอดแว่นแล้วโคตรน่ารักเลยว่ะ”
“เอาแว่นฉันคืนมา !”
เจ้าของชื่อที่ถูกเรียกว่า คยองซู เริ่มขึ้นเสียง ถึงกระนั้นเขาก็ไม่สามารถเดินไปหาคนที่กำลังแกล้งเขาได้ เพราะภาพตรงหน้าที่เริ่มเบลอมากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งทำให้เขาปวดศีรษะมากกว่าเดิม
“ฮ่าๆ โมโหแล้วว่ะ” กลุ่มนักเรียนตรงหน้ายังคงสนุกสนานที่เห็นคยองซูกำลังถูกแกล้ง
“ขี้โมโหจริงๆเลยน้า ทำหน้าแบบนี้ไม่น่ารักเอาซะเลย”
“เอาแว่นของฉันคืนมา !!!”
ร่างเล็กใช้แรงทั้งหมดที่มีอยู่ วิ่งตรงไปผลักบุคคลตรงหน้าที่เห็นแบบเลือนราง ยิ่งสร้างเสียงหัวเราะให้กับคนรอบข้างมากขึ้นไปอีก
แต่ทว่า เหมือนเป็นคราวซวยของคยองซู เมื่อคนที่เขาวิ่งตรงไปผลัก ไม่ใช่คนที่กำลังแกล้งเขาอยู่
‘ เฮ้ย !! เดินเข้ามาหาเรื่องแบบนี้ อยากมีเรื่องใช่มั้ย !! ’
เสียงทุ้มต่ำตวาดขึ้นกลางลานอเนกประสงค์ของมหาวิทยาลัย ทำให้คยองซูรู้ได้ทันทีว่า เขากำลังทำสิ่งที่ผิดพลาดครั้งใหญ่ลงไป
เจ้าของเสียงนี้… คือหนึ่งในรุ่นพี่อันธพาลของมหาวิทยาลัย
“ร…รุ่นพี่…ผมขอ…”
“เออ ถ้าคิดจะขอโทษ ก็กล้าให้อภัยเว้ย แต่เมื่อกี๊นี้ แกทำให้กล่องข้าวของฉันตกพื้น ฉันไม่มีข้าวกิน คงต้องชดใช้หน่อยล่ะวะ”
“เดี๋ยวผมซื้อใช้ก็ได้ อย่าทำอะไรผมเลยนะ…”
คยองซูขอโทษในสภาพปากคอสั่น แม้จะไม่เห็นใบหน้าของคนตรงหน้าก็ตามที แต่กลับรู้สึกได้ถึงแรงมหาศาลที่กระชากคอเสื้อของเขาขึ้นมา มือหนาที่กลายเป็นกำปั้นชกลงมาบนใบหน้าของร่างเล็กอยู่สองสามที ก่อนจะปล่อยร่างของเขาลงกับพื้น กลิ่นคาวเลือดที่อยู่บนปากเป็นหลักฐานที่ฟ้องได้ว่า สภาพใบหน้าของเขาตอนนี้คงดูไม่จืดสักเท่าไหร่
“คราวหน้าอย่าคิดจะมาหาเรื่องกันอีกนะเว้ย !”
รุ่นพี่ร่างใหญ่พูดปิดท้าย ก่อนจะเดินมาเตะร่างเล็กที่นอนขดอยู่บนพื้น แล้วจึงเดินจากไป ส่วนกลุ่มเพื่อนที่อยู่ในเหตุการณ์ และเป็นต้นตอของเรื่อง ก็รีบแยกย้ายกันออกไป โดยไม่ลืมที่จะวางแว่นตาไว้ข้างๆร่างเล็กที่นอนหมดสภาพอยู่คนเดียว
เจ็บตัวอีกแล้ว…
“คยองซู !!!!!”
เสียงเรียกชื่อเขาดังมาในระยะไกล ก่อนที่เจ้าของเสียงเรียกจะวิ่งมาหยุดอยู่ตรงหน้าแล้วจึงนั่งลงกับพื้นเมื่อเห็นสภาพของคยองซูเช่นนี้
“ช…ชานยอล…”
“เฮ้ย ! เกิดอะไรขึ้น ทำไม…”
“ไม่…เป็น…ไร…”
“ยังจะบอกว่าไม่เป็นไรอีก พอนายพูดแบบนี้ทีไร ฉันหงุดหงิดนายทุกที รู้มั้ยว่าคนกำลังเป็นห่วงเนี่ย !”
ร่างสูงโย่งเจ้าของชื่อ ชานยอล ทำหน้าไม่พอใจ แต่ก็ยังแสดงอาการเป็นห่วงคยองซูอย่างเห็นได้ชัด ก่อนจะค่อยๆพยุงคยองซูให้ขึ้นมานั่ง
“ฉันจำได้ว่าฉันออกไปถ่ายเอกสารแป๊บเดียว ทำไมกลับมานายถึงอยู่สภาพนี้ !”
“…”
“ใส่แว่นก่อน…”
ถึงชานยอลจะดูโมโหและหงุดหงิด แต่กระนั้นเขาก็ยังหยิบแว่นที่วางอยู่บนพื้นมาสวมให้คยองซูที่ยังคงมีอาการมึนๆจากการโดนแรงต่อยเข้าที่ใบหน้า เลยส่งผลไปที่ระบบประสาทเล็กน้อย
“ขอบใจ”
“ไปมีเรื่องกับพวกนั้นมาอีกแล้วเหรอ ?”
“…”
หลังจากถูกชานยอลจับได้ คยองซูเลยทำได้แค่พยักหน้าเบาๆ ร่างสูงจึงทำได้แค่ถอนหายใจอย่างหน่ายๆ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เป็นแบบนี้ แต่เกือบจะเป็นทุกวันเสียด้วยซ้ำที่คยองซูมักจะโดนเด็กต่างคณะแกล้ง เพราะด้วยภาพลักษณ์ที่ดูเป็นเด็กเรียนและเฉิ่มๆ แถมไม่ค่อยจะสู้คน บางทีก็ไม่อยากจะคิดภาพว่า ถ้าไม่มีเขาสักคน ป่านนี้คยองซูจะอยู่สภาพไหน
“โชคดีนะที่วันนี้เรียนแค่ครึ่งวัน กลับหอกันเถอะ”
ชานยอลพูดด้วยรอยยิ้มเหมือนทุกครั้ง ก่อนจะพยุงรูมเมทสุดเฉิ่มกลับหอพักหลังมหาวิทยาลัย ทั้งคู่พากันกระเสือกกระสนเดินมา จนกระทั่งมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องพัก
“หือ ?”
ชานยอลส่งเสียงออกมาเล็กน้อย ทำให้คยองซูต้องหันไปมองเพื่อนรักที่เอาแต่ยืนจ้องประตูห้อง ไม่ยอมไขห้องสักที
“มีอะไรเหรอชานยอล ?”
“นี่อะไรน่ะ ?”
ชานยอลชี้ไปที่ประตูห้อง แต่ทว่า สิ่งที่สะดุดตากว่าก็คือ มีกระดาษนามบัตรใบเล็กๆเสียบอยู่ที่ประตู
“นามบัตรเหรอ ?”
“ไหน เอามาดูซิ”
คยองซูหยิบนามบัตรออกมายืนมอง พร้อมด้วยชานยอลที่อยู่ข้างๆเช่นกัน เนื้อความในนามบัตรที่ระบุสถานที่และเวลานัดหมายไว้ ยิ่งทำให้ทั้งคู่งุนงงมากกว่าเดิม
“จดหมายลูกโซ่ป่ะเนี่ย ?” ชานยอลบ่น
“ไม่รู้สิ ไม่มีจ่าหน้า ไม่มีแม้กระทั่งชื่อคนส่ง มีแต่นัดสถานที่กับเวลาเอาไว้…”
“จดหมายเด็กเล่นล่ะม้าง~”
“แต่ฉันว่าลองไปดูก็ไม่เสียหายนะ”
“เฮ้ย จะบ้ารึไง เที่ยวไปไหนสุ่มสี่สุ่มห้าคนเดียวเนี่ยนะ”
“ก็แล้วใครบอกว่าฉันจะไปคนเดียวล่ะ…”
“…?”
“ชานยอลก็ต้องไปกับฉันด้วยสิ ^_____^”
“ทั้งหมด 10000 วอนครับ”
กองเอกสารตรงหน้าที่กำลังถูกยกไป ทำให้ร่างบางที่กำลังยืนรับเงินจากลูกค้ายืนถอนหายใจด้วยความโล่งอก หลังจากที่งานใหญ่เสร็จสิ้นลง ก่อนจะเดินไปปิดเครื่องถ่ายเอกสารที่เปิดใช้งานมานานเพื่อให้เครื่องได้พักการใช้งานบ้าง
“เสร็จซักที !”
‘ แบคฮยอน ! ’
“หือ…เหอ… เฮ้ย ชานยอล !”
หลังจากได้ยินคนเรียกชื่อ ร่างบางที่กำลังจะเอนหลังพักผ่อนก็ต้องชักสีหน้ามุ่ยขึ้นมาเล็กน้อยที่จู่ๆลูกค้าที่เขาไม่ค่อยอยากจะเห็นหน้าดันโผล่มาได้ผิดเวลาสุดๆ
“ถ่ายเอกสารให้หน่อยดิ” ลูกค้าร่างโย่งว่า
“แลกกับอะไรอีกล่ะคราวนี้ ?”
แบคฮยอนถามกับพลางยักคิ้ว เพราะทุกครั้งชานยอลมักจะไม่เคยจ่ายเงินค่าถ่ายเอกสารเลยสักครั้ง แต่มักจะมีขนมหรือของจุกจิกมาแลกเปลี่ยนแทน
“งวดนี้ขอติดไว้ก่อนนะ ไม่มีตังค์จริงๆ”
“ไม่มีก็อด !”
“น่า… งวดเดียวเอง นะ… นี่แนวข้อสอบฉันนะ ถ่ายให้ฉันหน่อยเถอะ ถือว่าช่วยฉัน น้า~”
“ก็ได้ มาๆ เดี๋ยวฉันถ่ายให้”
“Thanks !”
ชานยอลยิ้มกว้างก่อนจะส่งสมุดเลคเชอร์ให้คนที่ยืนอยู่ในร้าน ส่วนแบคฮยอนหลังจากที่ได้งานมาแล้วก็ต้องรีบจัดการ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เงิน แต่อย่างน้อย ก็พอจะทำให้เขามีข้าวกินอิ่มไปได้อีกมื้อ
“นี่ ไอ้เตี้ย”
“ไอ้เตี้ย ? แกเรียกใคร !?!”
“ยืนกันอยู่สองคน ฉันคงเรียกแมวที่บ้านแกมั้ง”
“เฮ้ย ปากเสีย !”
“ช่างเหอะ นี่ แกไม่คิดจะเรียนต่อแล้วจริงๆเหรอ แบคฮยอน ?”
“…”
คำถามของชานยอล ทำให้แบคฮยอนจากที่กำลังฮึดฮัดอยู่กลับสงบเสงี่ยมลง ก่อนจะก้มหน้าลงแล้วเดินเลี่ยงไปทำทีดูเครื่องถ่ายเอกสาร ชานยอลเลยได้แต่ส่ายหน้า เพราะรู้ตัวดีว่า ดันไปถามอะไรแทงใจดำอีกฝ่ายเข้าซะแล้ว
“เฮ้ย ขอโทษ…”
“ช่างเถอะ”
“…”
“ตั้งแต่แม่เสียไปเพราะไฟไหม้บ้านตอนนั้น ฉันก็อยู่คนเดียวมาตลอด ต้องทำงาน หาเงินจ่ายค่าบ้านเช่า ค่ากิน ค่านู่นนี่สารพัด แกคิดว่าฉันจะมีเงินเหลือไปเรียนเหรอ ?”
“…”
“โชคดีเท่าไหร่แล้วที่มหา’ลัยยอมให้ฉันมาทำงานร้านถ่ายเอกสารของที่นี่”
“เฮ้ย ขอโทษ…”
“ไม่…เป็น…ไร…ฮึก…”
“เฮ้ย… อย่าร้องไห้เด้ !!!”
ชานยอลได้แต่ยืนงงตึ้บหลังเห็นว่าเพื่อนยืนก้มหน้าก้มตาเช็ดหน้า ไม่ต้องเดาอะไรให้มากความ มองก็รู้ว่ากำลังร้องไห้อยู่ชัดๆ
“เอ้า ! เอกสารเสร็จแล้ว”
“ขอบใจ ไม่ต้องร้องไห้… เดี๋ยวพรุ่งนี้พาไปกินข้าวที่หอ คยองซูสัญญาไว้ว่าจะทำสปาเก็ตตี้ให้กิน”
“จริงนะ !”
จากใบหน้าซึมกะทือ จู่ๆก็เปลี่ยนมาเป็นใบหน้ายิ้มพร้อมทำตาโตนั่นอีก ไอ้นี่…เปลี่ยนอารมณ์เร็วไปนะบางที -____-;
“เออ ไปละ ขอบใจมาก”
“บ๊ายบาย~”
หลังจากเห็นว่าเพื่อนเดินออกไปลับตาแล้ว ร่างบางจึงหันกลับมาเตรียมจะทิ้งตัวลงนั่งกับเก้าอี้ แต่ทว่า กลับพบกระดาษแผ่นเล็กๆอยู่บนโต๊ะที่ชานยอลเพิ่งวางสมุดไว้เมื่อครู่นี้
ของไอ้โย่งเหรอ ?
“เฮ้ย ! ชานยอล ลืมของ !”
แบคฮยอนพยายามตะโกนตามหลัง แต่ชานยอลกลับเดินออกไปไกลเกินกว่าที่จะได้ยินเสียงเรียก แบคฮยอนจึงถือวิสาสะเดินเข้าไปดูกระดาษแผ่นนั้น
นามบัตรเหรอ ?
แบคฮยอนค่อยๆหยิบนามบัตรใบเล็กๆที่เขียนรายละเอียดไว้เพียงเล็กน้อย พร้อมระบุสถานที่และเวลาไว้ เหมือนกับเป็นการนัดเจอกัน ซึ่งเขาเองก็ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่นัก จะว่าเป็นนามบัตรของพวกสาวๆดาวคณะที่ชานยอลชอบสะสมไว้ก็ไม่ใช่ ว่าแต่…
ไอ้โย่ง เดี๋ยวนี้มีอะไรก็ไม่ค่อยบอกกันหรอก -_____-+
‘ ตอนนี้ที่จีนหนาวมาก~~ ’
“งั้นก็ดูแลตัวเองดีๆด้วย เข้าใจมั้ย !?!”
‘ นี่กำลังจะขึ้นเครื่องกลับแล้ว คงถึงคืนนี้ประมาณ 2 ทุ่ม ไว้เจอกันนะ มารับฉันที่สนามบินด้วย เข้าใจมั้ย ! ’
“รอเวลานี้มานานแล้ว ไว้เจอกันนะ”
‘ ฉันจะเช็คอินละนะ ไว้เจอกัน บ๊ายบาย ! ’
หลังจากตัดสัญญาณ Skype ไป โอเซฮุน หรือ เซฮุน นักศึกษามหาวิทยาลัยชั้นปีที่ 1 ก็ต้องมานั่งห่อเหี่ยวอีกครั้ง เมื่อเห็นกองหนังสือตรงหน้า
เมื่อไหร่จะสองทุ่มวะ อยากเจอทูนหัวใจจะขาดแล้ว T_____T
ตุ้บ !
“โอ๊ย !”
เซฮุนเผลอร้องขึ้นมา หลังจากที่มีวัตถุบางอย่างตกลงมากลางศีรษะ ก่อนจะหันไปหาตัวต้นเหตุที่กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่อีกฝั่งของโต๊ะหินอ่อน พลางหยิบกระดาษที่ถูกขยำเป็นก้อนเตรียมจะปากลับ แต่อีกฝ่ายกลับรู้ตัวซะก่อน
“ก็รู้ว่าคิดถึงแฟน แต่นี่จะสอบแล้ว อ่านหนังสือซะบ้าง !”
“ฮยองก็พูดได้สิ คนโสดจะไปเข้าใจอะไรคนมีแฟนเล่า !”
“…”
“แทงใจดำเหรอ ซูโฮฮยอง~”
“หุบปากไปเลยเซฮุน !”
“ง่า คิดถึงลู่หาน T_____T” เซฮุนยังคงโอดครวญ ยิ่งสร้างความรำคาญให้ซูโฮได้อีกเท่าตัว
“คิดถึงมากก็บินตามไปที่จีนเลยไป !”
“อะไรวะ โดนแฟนบอกเลิกแล้วมาพาลใส่ชาวบ้าน ไม่คุยด้วยละ หงุดหงิด !” คราวนี้กลับเป็นเซฮุนที่อารมณ์เสียแทน
“…”
“ขี้หงุดหงิดแบบนี้ไง ถึงได้โดน อี้ชิงฮยอง ทิ้ง เฮอะ…”
“เซฮุน !!”
“โอ๊ะ พี่รหัสเราเข้าโหมดจริงจังแล้วแฮะ”
“เซฮุน…”
‘ ถ้ามีปัญหา ไปเจอกันที่ศาลได้นะ -_____- ’
“เหอ… พอเลยฮยอง อ่านหนังสือกฏหมายมากไปละนะ”
“เรียนนิติศาสตร์ แกจะให้ฮยองไปอ่านหนังสือวรรณกรรมเหรอ ?”
“ฮยอง นั่นอะไรน่ะ ?”
เซฮุนเปลี่ยนเรื่องคุย หลังจากเห็นว่า หนังสือเล่มหนาเตอะที่ซูโฮกำลังอ่านอยู่ มีกระดาษนามบัตรใบเล็กๆแทรกอยู่ในหน้าที่ซูโฮเพิ่งเปิดมาพอดี
“หือ ?” ซูโฮเองก็งงเช่นกัน
“นามบัตรอะไรอ่ะ ?”
“ไม่รู้สิ แปลกนะ ฉันไม่เคยเอานามบัตรมาสอดตามหนังสือเลยนะ”
“ไหน เอามาดูหน่อยดิฮยอง”
เซฮุนว่าพลางเอื้อมมือมาหยิบนามบัตรไปจากหนังสือ ก่อนจะกวาดสายตาอ่านด้วยใบหน้าเคร่งเครียด แล้วจึงหัวเราะออกมา ยิ่งทำให้ซูโฮถึงกับงงตึ้บมากกว่าเดิม
“อ…อะไรวะเซฮุน ?”
“นามบัตรนัดอะไรก็ไม่รู้ ระบุวันเวลามาพร้อมเลย ฮ่าๆ ฮันแน่… เลิกกับอี้ชิงฮยองได้อาทิตย์เดียว เตรียมนัดเจอคนอื่นซะแล้วเหรอ ไวไปมั้งฮยอง”
“ม…ไม่ใช่นะ !”
“แล้วมันคืออะไรล่ะ ?”
“ก็ไม่รู้เหมือนกัน”
ซูโฮเริ่มมีสีหน้าที่เคร่งเครียดขึ้น นามบัตรในมือของเขามาจากใคร และที่ไหนก็ยังไม่รู้แน่ชัด แต่กลับมีวันเวลานัดหมายไว้เสียดิบดี แต่นั่นก็น่าสนใจน้อยกว่าการที่เขาเหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างที่เหน็บอยู่กับกระเป๋าเป้ของเซฮุน
“เฮ้ย เซฮุน…”
“ว่าไง ?”
“นายก็ได้นี่นามบัตรนี่เหมือนกันนะ”
“หือ ?” เซฮุนเริ่มมีสีหน้างุนงงหลังซูโฮพูดจบ
“อยู่ที่ด้านข้างของกระเป๋าเป้นาย”
“…”
เซฮุนหันไปหยิบกระดาษแผ่นนั้นออกมา และพบว่ามีหน้าตาและข้อความเหมือนกับของซูโฮทุกอย่าง ก่อนที่เจ้าตัวจะยิ้มแบบทะเล้นออกมา
“ลองไปตามที่ที่เขานัดหน่อยก็ไม่เสียหายนะฮยอง…!”
30 Dec 20XX
หิมะตกลงมาอย่างไม่ขาดสาย ถือว่าเตรียมส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ต้นคริสมาสต์ที่เต็มตลอดสองข้างทางถูกประดับไปด้วยแสงไฟหลากสีสัน และผู้คนที่เริ่มออกมาเดินเที่ยวเล่นกันในยามค่ำคืน
จงอินกำลังเดินหาสถานที่ที่ระบุไว้ในนามบัตร ที่เขายอมมาทั้งๆที่ไม่รู้อะไรเลย ในหัวตอนนี้ก็คิดเพียงแค่ว่า อาจจะได้เบาะแสะเกี่ยวกับพี่ชายที่ไม่ได้เจอกันมาหลายสิบปี ตามที่ชายปริศนาพูดเอาไว้ก่อนจะจากไปในวันนั้น จนในที่สุด เขาก็มาหยุดอยู่ที่หน้าสถานที่ที่ถูกนัดหมายไว้ และก็ต้องตกใจกับสิ่งที่เห็น
ไม่ใช่แค่เขาเพียงคนเดียวที่ถูกนัดหมายให้มาที่นี่ ยังมีบุคคลอีก 5 คนที่ยืนรออยู่ก่อนแล้ว และแน่นอนว่า ทุกคนกำลังจับจ้องมาที่เขาเป็นตาเดียว
“พวกนาย…”
“นายก็โดนเรียกมาเหมือนกันเหรอ ?” ชายที่ตัวสูงที่สุดในกลุ่มทักทายเป็นคนแรก
“…”
“ชานยอล ตกลงนี่มันอะไรกัน !?!”
คนที่ยืนพิงกำแพงอยู่มุมนอกขึ้นเสียงใส่คนที่เพิ่งทักทายเขาไปเมื่อครู่นี้ เอ…ชื่อชานยอลงั้นสินะ ?
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน เฮ่อ…”
“ฉันมาตามนามบัตรนี่…”
จงอินว่าพลางชูใบนามบัตรขึ้นมา ส่วนอีก 5 คนที่เหลือก็พยักหน้าเบาๆ ก่อนจะชูนามบัตรขึ้นมาเช่นกัน
“พวกนายก็ได้เหมือนกันเหรอ !?!”
“ใช่… นายชื่ออะไรล่ะ ?” เด็กหนุ่มใส่แว่นที่ตัวเล็กที่สุดในกลุ่มเอ่ยถามชื่อของจงอิน
“คิมจงอิน…”
“ฉันชื่อ โดคยองซู และนี่ เพื่อนของฉัน ปาร์คชานยอล ส่วนที่ยืนอยู่ตรงนั้นคือ บยอน แบคฮยอน เราสามคนเป็นเพื่อนกัน…”
ร่างเล็กเอ่ยแนะนำตัวเองและเพื่อนตัวโย่งที่เพิ่งทักทายเขาไปหมาดๆ รวมไปถึงผู้ชายอีกคนที่ดูไม่ค่อยสบอารมณ์สักเท่าไหร่ แต่ก็แน่ล่ะ อากาศหนาวขนาดนี้ แถมยังโดนเรียกออกมาโดยไม่รู้สาเหตุอีก แม้แต่จงอินเองก็หงุดหงิดเช่นกัน
“แล้วนายสองคนล่ะ ?” ชานยอลหันไปถามอีกสองคนที่ยืนแยกอยู่อีกมุม
“อ่า…ฉันชื่อซูโฮ ส่วนนี่… น้องรหัสของฉัน โอเซฮุน”
“หวัดดี” เซฮุนทักทายอย่างเซ็งๆ
“อ่าฮะ ยินดีที่ได้รู้จักนะทุกคน” คยองซูพูดพร้อมยิ้มน้อยๆให้ทุกคน
“ทุกคน ฉันถามอะไรหน่อยสิ พวกนายได้นามบัตรนี่กันได้ยังไง ?” ซูโฮเริ่มเปิดประเด็น
“เมื่อวานฉันไปเจอผู้ชายคนหนึ่ง มองไม่เห็นหน้าตาหรอกนะ แล้วเขาก็บอกฉันว่า ถ้าอยากเจอพี่ชาย ให้มาตามที่อยู่นี้” จงอินอธิบาย
“ฉันกับคยองซูเป็นรูมเมทกัน ตอนที่เรากลับห้องเมื่อวาน ก็เจอนามบัตรนี้เสียบอยู่ที่ประตูห้อง ก็เลยลองมาดูน่ะ”
“ส่วนของฉัน ฉันเจอมันอยู่บนโต๊ะที่ร้านถ่ายเอกสารเมื่อวาน คิดว่าน่าจะเป็นของชานยอล แต่หมอนี่ก็ปฏิเสธ แถมยังลากฉันมาที่นี่ด้วย” แบคฮยอนพูดก่อนจะชักสีหน้าเล็กน้อย
“แล้วนายได้มันมายังไงล่ะซูโฮ ?” คยองซูหันไปถามซูโฮกับเซฮุนที่ยืนสั่นเพราะอากาศที่หนาวจัด
“มันสอดอยู่ในหนังสือเรียนของฉัน ส่วนของเซฮุน มันติดอยู่ในกระเป๋าเป้”
“ขอฉันลองอ่านนามบัตรนี่อีกรอบนะ” แบคฮยอนว่าพลางหยิบนามบัตรขึ้นมาดู
‘ ฉันรู้ว่าพวกนายทุกคนกำลังมีปัญหาที่แก้ไม่ตก และฉันคิดว่ามันก็ไม่เลว ถ้าเราจะได้สังสรรค์ร่วมกันในวันสิ้นปีนี้สักหน่อย และแน่นอนว่า ถ้าพวกนายมาตามข้อเสนอของฉัน พวกนายจะได้รับสิ่งตอบแทนที่คุ้มค่า ถ้าหากพวกนายเป็นผู้ชนะ…
ถ้าสนใจล่ะก็ มาเจอกันที่โรงแรมหน้าสถานีรถไฟตอน 3 ทุ่มของวันที่ 30 ธันวาคม ประตูทางเข้า A
ฉันหวังว่า เราจะได้พบกัน… ’
“เป็นจดหมายที่บ้าบอคอแตกสิ้นดี !” เซฮุนสบถขึ้นมา
“นี่ก็สามทุ่มแล้วนะ ทำไม…”
‘ เอาล่ะ… มากันครบแล้วสินะ ทีม K !! ’
ปล. เจอกันในแท็ก #ล่าท้าตาย นะคะ :') อยากเห็นฟัดแบ็ก
ความคิดเห็น