คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : การเริ่มต้น
ตอนที่ 1 การเริ่มต้น
กำแพงอิฐสีส้มแกมแดงค่อยสูงใหญ่ขึ้นเมื่อรถเกวียนที่บรรทุกเหล่าผู้ค้นหากับหัวโจกที่ทำเอาหมายกำหนดการที่ได้วางเอาไว้ต้องล่าช้า ไม่ว่าจะเป็นแวะข้างทาง พาไปเปิดหูเปิดตายามค่ำคืนรวมถึงการรวมเจ้าลิงจอมซนทั้งหลายให้กลับมาอยู่ที่เกวียนได้อีกครั้งยากลำบากกว่าการทำสงครามกับประเทศเขตแดนแขวนไหนก็ตาม เจ้าชายผู้ได้สมยานาม เจ้าชายใจสิงห์ นั่งบังคับเทียบม้าคู่กับเจ้าชายแห่งเจมีไน บัดนี้เสียงความคึกครื้นรื่นเริงเบื้องหลังของเจ้าชายทั้งสองได้เงียบลงไปแล้ว พร้อมกับแสงตะวันใหม่ที่กำลังฉายทาบเนินสีเขียวที่ทอดยาวตรงไปยังดินแดนที่ได้ชื่อว่า เอ็นดินเบิก
เจ้าชายโรเวนหัวไปเลิกผ้าขึ้นแล้วประกาศด้วยน้ำเสียงที่เจือความเป็นกันเองว่า “ถึงแล้ว”
เหล่าขี้เซาทั้งหลายค่อย ๆ เลื่อนเปลือกตาของตนเองขึ้นอย่างเชื่องช้าพร้อมกับยกตัวขึ้นมองผ่านหน้าต่างซี่เล็ก ๆ รับแสงอรุณที่สาดทอมา
“เสียเวลาไปเกือบอาทิตย์” เจ้าชายอาเธอร์เปรยออกมาพลางปรายสายตาไปมองตัวปัญหาที่ยังคงนอนเป็นทองไม่รู้ร้อนบนตักของเจ้าชายแห่งคาโนวาลที่ตอนนี้คงดำรงตำแหน่งเป็นราชบุตรอย่างเป็นทางการไปแล้ว
เจ้าชาย คาโล ทอดสายตาหลุบต่ำลงมามองร่างของหญิงสาวที่ตอนนี้กลับเป็นชายหนุ่มหลับสงบอยู่ตักของตนโดยไม่ได้รับอนุญาตก่อน
เหล่าผู้ร่วมเดินทางค่อย ๆ ยกแขก บิดเอวก่อนที่จะเริ่มการสนทนาอีกรอบ ตอนนี้หัวข้อการคุยเป็นเรื่องบทเรียนในปีใหม่ของพวกเขากับอาจารย์ที่จะมาสอนวิชาประวัติศาสตร์แทนอาจารย์เจ้าชายชามัลที่บัดนี้ได้รับตำแหน่งเป็นกษัตริย์แห่งบารามอสคนใหม่
คิลที่นั่งเอนหลังหลบมุมอยู่ค่อย ๆ เหลือบสายตาขึ้นมาฟังเสียงสนทนาที่บางครั้งจะมีสาระได้เช่นนี้ เขายังคงเหนื่อยกับการไปเที่ยวราตรีที่เฟรินพาไปเปิดหูเปิดตาแต่อย่างไรมันก็เป็นที่น่าสนุกจนพลาดไม่ได้
ประตูของเอดินเบิกเปิดกว้างออกเพื่อต้อนรับเหล่านักเรียนชุดสุดท้ายที่ได้รับอนุญาตให้ออกไปตามหานักเรียนหัวขโมยกิตติมาศักดิ์
อาเธอร์ชูแผ่นป้ายขึ้นให้ทหารผู้เฝ้าประตูดูก่อนที่จะเคลื่อนรถม้าเดินต่อไป
แผ่นหินลาดพื้นยาวยังคงปรากฏเศษกระดาษสีต่าง ๆ กับแผ่นป้ายผ้าที่เขียนด้วยสียินดีต้อนรับนักเรียนใหม่ที่เข้าบรรจุในปีนี้ สองข้างทางมักจะแน่นขนัดไปด้วยร้านค้าต่าง ๆ กลับร้างผู้คน มันก็ควรจะเป็นเช่นนั้นเพราะเทอมของปีใหม่ได้เริ่มมาก่อนหน้านี้อาทิตย์หนึ่งแล้ว การคัดเลือกเด็กนักเรียนใหม่ก็สิ้นสุดลง
เจ้าอาเธอร์ดำริว่าเขาควรจะเร่งให้เร็วกว่านี้ในฐานะที่เขาเป็นหัวหน้าปราสาทขุนนางแล้ว เจ้าชายโรเวนไม่มีท่าทีต้องรีบร้อนอย่างไรดีเสียอีกที่เขาไม่ต้องเข้าเรียนในวิชาประดิษฐ์อักษรซึ่งเป็นวิชาใหม่ในเทอมปีนี้
กึก...กึก...
เข้าเขตเอ็นดินเบิกมาได้ห้านาทีแล้ว คาโลจึงตัดสินใจที่จะปลุกเฟรินให้ตื่น ชายหนุ่มลุกขึ้นมายืนทันที ศีรษะของชายหนุ่มหัวขโมยกระแทกกับพื้นเกวียนทันที
“โอ๊ย!” เสียงร้องหลงของเฟรินดังขึ้น “ปลุกแบบคนไม่เป็นหรือไง” พอตื่นขึ้นฝีปากกล้าของเฟรินก็ขยับอีกครั้ง
“ฉันว่าคาโล ไม่ผิด” ครี้ดที่นั่งอยู่ตรงข้ามพูดออกมา
เฟรินส่งปลายตาไปถาม
“นายว่าไง ปลุกแบบนี้ยังไม่ผิดอีกเหรอไง”
“ผมเห็นคาโลปลุกคุณมานานตั้งแต่เจ้าชายอาเธอร์บอกว่าถึงแล้วนะครับ” กัสผู้เรียบร้อยเอ่ยอย่างสุภาพ “ผมต้องยอมรับนะครับว่า เจ้าชายคาโลกระทำได้เด็ดขาดมากครับ”
เมื่อเหล่าเพื่อนที่แสนดีพูดกันเป็นเสียงเดียวเช่นนี้คนอย่างเฟรินหรือจะต่อความยาวสาวความยืดอีก ช่างเถอะแค่เจ็บเล็กน้อยเอง
“ขอบใจที่ปลุก คาโล” เฟรินหันหน้าไปอีกข้างหนึ่งเอ่ยออกมา
“เราถึงแล้ว” เจ้าชายโรเวนเปิดผ้ากันบอกกับเหล่ารุ่นน้องในความดูแล
อาเธอร์กระตุกเชือกเทียมม้าเป็นสัญญาณให้เหล่าม้าผู้ภักดีหยุดฝีเท้าตนเองลง คณะค้นหาเฟรินเดินลงจากเกวียนอย่างช้า ๆ
อาจารย์ตัวแทนหอพักต่าง ๆ ยืนรอรับเหล่านักเรียนผู้กล้าหาญของตนที่หน้าประตูของโรงเรียน
เจ้าชายอาเธอร์โค้งศีรษะให้กับมหาปราชญ์เลโมธี เจ้าชายโรเวนถวายรายงานให้กับเลโมธี
“ยินดีต้อนรับกลับสู่โรงเรียนราชาอีกครั้ง” เลโมธีเอ่ย สีหน้าของเขายังดีไม่สดชื่นตั้งแต่การจากไปไม่มีวันกลับของไฮคิงผู้ยิ่งใหญ่ที่ยังคงจารึกอยู่ในความทรงจำของทุกคน “หนังสือและเครื่องแบบของทุกคนอยู่ที่ห้องของพวกเธอแล้ว”
“เรายินดีมากที่เธอกลับมานะ เฟริน” อาจารย์ประจำป้อมปราสาทเอ่ยยิ้มเปี่ยมไปด้วยความจริงใจ “ขอบใจมากนะ เจ้าชายอาเธอร์”
“มิได้ครับ” เจ้าชายอาเธอร์น้อมศีรษะลง
“พวกเธอไปพักผ่อนกันก่อนก็ได้นะ การเรียนการสอนจะเริ่มต้นในวันพรุ่งนี้” อาจารย์ประจำหอป้อมอัศวินยิ้มหวานหล่อนกำลังมีความสุขกับวิชาเดิมในบทเรียนใหม่ การเดินหมากรุกที่ปีนี้เธอหวังความชนะจะมาอยู่ที่ป้อมอัศวิน
“เด็กที่ได้รับการคัดเลือกให้เข้าเรียนจะเดินทางมาในวันพรุ่งนี้ จงเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับรุ่นน้องด้วย” แม่มดวิสปี้แห่งปราการปราชญ์เอ่ยออกมาว่าก่อนที่หล่อนจะปรายสายตาไปมองต้นเหตุแห่งความยุ่งเหยิง “โดยเฉพาะเธอเฟริน หวังว่าคงจะเข้าใจคำว่าแบบอย่างที่ดีนะจ้ะ”
เฟรินที่ยังคงถกเถียงเล่นกับคิลอยู่ ถูกคาโลศอกให้ หัวโขมยหนุ่มมองผู้ศอกด้วยสายตาหาเรื่องก่อนที่จะหันใบหน้ามายิ้มรับกับแม่มดวิสปี้
ความรู้สึกกังวลนั้นไม่จืดจางลงไปแม้แต่น้อย ใบหน้าเปื้อนรอยประสบการณ์ของแม่มดวิสปี้ยังคงฉายแวว
“จริงด้วยสิครับ วิชาประวัติศาสตร์ใครจะเป็นคนสอนแทนครับ” คำถามที่ดังมาจากบุคคลที่ไม่น่าจะสนใจเรื่องการเรียนได้
“โอ้...เฟริน...ครูไม่คิดว่าเธอจะสนใจการเรียนอย่างนี้” แม่มดวิสปี้อุทานออกมาอย่างชื่นชม หล่อนหันไปเอ่ยกับครูสอนวิชาเดินหมากว่า “ต้องมองเด็กคนนี้ใหม่เสียแล้ว”
“อาจารย์ที่จะสอนวิชาประวัติศาสตร์จะเดินทางมาในวันเปิดเทอม” อาจารย์ประจำป้อมอัศวินเอ่ย “อย่าเสียเวลาอีกเลย พักผ่อนให้สบายเถอะจ้ะ”
และแล้วเหล่าผู้กล้าก็ต่างแยกย้ายกันกลับไปยังหอพักเดิมของตน
“แล้วเจอกันอีก” เจ้าอาเธอร์ตรัสไว้ก่อนที่จะขอตัวเดินผละออกจากกลุ่มไปเป็นคนแรก เจ้าชายแห่งเจมีไนยกมือลาพร้อมกับเหล่าคนสนิทที่ยืนรออยู่ที่ขอบประตูบานใหญ่ เหลือเพียงกลุ่มเพื่อนในชั้นปีสองที่กำลังจะขึ้นปีสามในวันพรุ่งนี้
นักเรียนร่วมชั้นเรียนวิ่งกรูกันออกมาต้อนรับกลุ่มเพื่อนผู้กล้าที่อาสากันออกไปตามหาเฟริน หัวโขมยที่เป็นที่กล่าวขวัญของอันดินเบิร์กแห่งนี้
“เป็นไงบ้างเฟริน...”
“กลับมาจนได้นะเพื่อน”
“ยินดีที่กลับมานะคะ”
“เล่าเรื่องการพจญภัยของแกให้ฟังหน่อยสิ”
คำถามที่พรั่งพรูออกมาอย่างไม่ขาดสาย
“หยุดก่อน!” เฟรินยกมือขึ้น “ใครอยากถามอะไรยกมือขึ้นมาได้เลย”
“เฮ้...ฉันก่อน...”
“ฉันก่อน...ฉันก่อน”
ความวุ่นวายโดยมีหัวขโมยเป็นแกนกลางได้เริ่มขึ้นอีกครั้ง ความสงบสุขได้กลับคืนมาสู่เอเดน เสียงหัวเราะกับรอยยิ้มที่ไม่รู้เลยว่าสิ่งที่เลวร้ายกว่ากำลังคืบคลานเข้ามาอย่างช้า ๆ
นอกหน้าต่างของป้อมนักรบเสียงฟ้าผ่าที่ดังเป็นระลอก ๆ ใกล้เข้ามาเหมือนกำลังเย้ยนักรบกล้าหาญแห่งป้อมอัศวิน ท้องฟ้าเริ่มมืดครึ้มกลับเลื่อมด้วยสีแดงคล้ายอัญมณีอันมีค่า 1 ในแก้วนพเก้า เสียงร้องครืนหลังแสงสีขาวนวลฝาดผ่านลงมายังพื้นดิน
ก๊อก...ก๊อก...
ประตูหอชั้นบนสุดของหอกลางที่ผนึกสมบัติทั้งสี่ที่เดมอสสาปเอาไว้
“เข้ามาได้” เสียงทุ้มนุ่มตรัสออกมา
ชายหนุ่มเปิดประตูเดินเข้าไปอย่างสงบเสงี่ยม
“เรียกผมเหรอครับ...มหาปราชญ์เลโมธี” ชายหนุ่มคำนับ สายตาของเขาปรายมองเหล่านักเรียนรุ่นพี่ที่ยืนอยู่ในข้างมหาปราชญ์
“ขอบใจที่ท่านมาในเวลารัตติกาลนี้” เลโมธีเอ่ยแล้วสั่งให้ชายหนุ่มลุกขึ้น
“เจอกันอีกแล้ว โรเวน” เสียงทักทายที่ชายหนุ่มผู้เข้ามาใหม่พยายามที่จะมองไม่เห็น
“สถานการณ์ตอนนี้ของเอเดนกำลังสั่นคลอน” เจ้าหญิงผู้สูงศักดิ์แห่งปราการปราชญ์เอ่ยออกมา “ลูกแก้วของเซนต์ฉายแววความมืดออกมา” (เซนต์คือหนึ่งในสองเสนาบดีแห่งปราการปราชญ์ผู้มีลูกแก้วส่องพิภพ)
“ท้องฟ้าในวันนี้เป็นตัวบ่งบอกได้ดีที่สุด” เลโมธีว่า “เสาหลักแห่งเอเดนสิ้นลง ความมืดมีอำนาจ ดาวบนฟ้าเรียงเป็นเส้นมรณะมาที่เอเดน”
“ท่านได้บอกเรื่องนี้กับกษัตริย์ทุกพระองค์หรือยังครับ” โรเวนถามขึ้น
“แน่นอน เฟอร์เซนี คาซาล หัวหน้าแผ่นดินประชาชนได้กระจายข่าวออกไปเมื่อเย็นวันนี้แล้ว” อาเธอร์ตอบ “อีกไม่นานเอนดินเบิร์กคงกลายเป็นที่ประชุมของเหล่ากษัตริย์อีกครั้ง”
“เรื่องนี้เลวร้ายมากเหรอครับท่าน” โรเวนเริ่มจับความรู้สึกที่ไม่ดีได้
เลโมธีเบือนใบหน้าไปมองของสี่สิ่งที่กำลังส่องแสงยั่วยวนความโลภและกิเลสที่อยู่ภายในจิตใจของมนุษย์
“ยังไงคงต้องเลือกกษัตริย์องค์ใหม่สินะคะ” นางพญาเอ่ยด้วยเรียวริมฝีปากสีแดงสด
“การต่อสู้ไม่ใช่คำตอบเสมอไป” เลโมธีตรัสออกมาลอยเหมือนไม่ได้ใส่ใจคำพูดของนางพญาเท่าไรนัก “ไม่ว่าผู้ใดจะเป็นผู้ชนะแต่คนที่จะเป็นกษัตริย์มิใช่ต้องเป็นผู้ชนะเสมอไป”
หัวใจที่เต้นแรงของเจ้าชายเลือดนักสู้อย่างเจ้าชายอาเธอร์คำว่าต่อสู้การเอาชนะมันยั่วยุให้เลือดในกายของเขาสูบฉีดแรงขึ้น ตำแหน่งกษัตริย์แห่งเอเดนคงอยู่ไม่ไกลมือของเขาแน่
ความเงียบกลับเข้าครองนำอีกครั้ง สมบัติทั้งสี่ยังคงส่องแสงอย่างเพลิดเพลินใจบอกให้รู้ถึงเวลาที่พวกมันควรจะตื่นขึ้นมาอีกครั้งได้แล้ว
ความคิดเห็น