ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (novel) หัวขโมยแห่งบารามอส ภาคใหม่ 1

    ลำดับตอนที่ #1 : การเริ่มต้น

    • อัปเดตล่าสุด 21 มี.ค. 49


    ตอนที่ 1 การเริ่มต้น

     

    กำแพงอิฐสีส้มแกมแดงค่อยสูงใหญ่ขึ้นเมื่อรถเกวียนที่บรรทุกเหล่าผู้ค้นหากับหัวโจกที่ทำเอาหมายกำหนดการที่ได้วางเอาไว้ต้องล่าช้า ไม่ว่าจะเป็นแวะข้างทาง พาไปเปิดหูเปิดตายามค่ำคืนรวมถึงการรวมเจ้าลิงจอมซนทั้งหลายให้กลับมาอยู่ที่เกวียนได้อีกครั้งยากลำบากกว่าการทำสงครามกับประเทศเขตแดนแขวนไหนก็ตาม เจ้าชายผู้ได้สมยานาม เจ้าชายใจสิงห์ นั่งบังคับเทียบม้าคู่กับเจ้าชายแห่งเจมีไน บัดนี้เสียงความคึกครื้นรื่นเริงเบื้องหลังของเจ้าชายทั้งสองได้เงียบลงไปแล้ว พร้อมกับแสงตะวันใหม่ที่กำลังฉายทาบเนินสีเขียวที่ทอดยาวตรงไปยังดินแดนที่ได้ชื่อว่า เอ็นดินเบิก

    เจ้าชายโรเวนหัวไปเลิกผ้าขึ้นแล้วประกาศด้วยน้ำเสียงที่เจือความเป็นกันเองว่า ถึงแล้ว

    เหล่าขี้เซาทั้งหลายค่อย ๆ เลื่อนเปลือกตาของตนเองขึ้นอย่างเชื่องช้าพร้อมกับยกตัวขึ้นมองผ่านหน้าต่างซี่เล็ก ๆ รับแสงอรุณที่สาดทอมา

    เสียเวลาไปเกือบอาทิตย์ เจ้าชายอาเธอร์เปรยออกมาพลางปรายสายตาไปมองตัวปัญหาที่ยังคงนอนเป็นทองไม่รู้ร้อนบนตักของเจ้าชายแห่งคาโนวาลที่ตอนนี้คงดำรงตำแหน่งเป็นราชบุตรอย่างเป็นทางการไปแล้ว

    เจ้าชาย คาโล ทอดสายตาหลุบต่ำลงมามองร่างของหญิงสาวที่ตอนนี้กลับเป็นชายหนุ่มหลับสงบอยู่ตักของตนโดยไม่ได้รับอนุญาตก่อน

    เหล่าผู้ร่วมเดินทางค่อย ๆ ยกแขก บิดเอวก่อนที่จะเริ่มการสนทนาอีกรอบ ตอนนี้หัวข้อการคุยเป็นเรื่องบทเรียนในปีใหม่ของพวกเขากับอาจารย์ที่จะมาสอนวิชาประวัติศาสตร์แทนอาจารย์เจ้าชายชามัลที่บัดนี้ได้รับตำแหน่งเป็นกษัตริย์แห่งบารามอสคนใหม่

    คิลที่นั่งเอนหลังหลบมุมอยู่ค่อย ๆ เหลือบสายตาขึ้นมาฟังเสียงสนทนาที่บางครั้งจะมีสาระได้เช่นนี้ เขายังคงเหนื่อยกับการไปเที่ยวราตรีที่เฟรินพาไปเปิดหูเปิดตาแต่อย่างไรมันก็เป็นที่น่าสนุกจนพลาดไม่ได้

    ประตูของเอดินเบิกเปิดกว้างออกเพื่อต้อนรับเหล่านักเรียนชุดสุดท้ายที่ได้รับอนุญาตให้ออกไปตามหานักเรียนหัวขโมยกิตติมาศักดิ์

    อาเธอร์ชูแผ่นป้ายขึ้นให้ทหารผู้เฝ้าประตูดูก่อนที่จะเคลื่อนรถม้าเดินต่อไป

    แผ่นหินลาดพื้นยาวยังคงปรากฏเศษกระดาษสีต่าง ๆ กับแผ่นป้ายผ้าที่เขียนด้วยสียินดีต้อนรับนักเรียนใหม่ที่เข้าบรรจุในปีนี้ สองข้างทางมักจะแน่นขนัดไปด้วยร้านค้าต่าง ๆ กลับร้างผู้คน มันก็ควรจะเป็นเช่นนั้นเพราะเทอมของปีใหม่ได้เริ่มมาก่อนหน้านี้อาทิตย์หนึ่งแล้ว การคัดเลือกเด็กนักเรียนใหม่ก็สิ้นสุดลง

    เจ้าอาเธอร์ดำริว่าเขาควรจะเร่งให้เร็วกว่านี้ในฐานะที่เขาเป็นหัวหน้าปราสาทขุนนางแล้ว เจ้าชายโรเวนไม่มีท่าทีต้องรีบร้อนอย่างไรดีเสียอีกที่เขาไม่ต้องเข้าเรียนในวิชาประดิษฐ์อักษรซึ่งเป็นวิชาใหม่ในเทอมปีนี้

    กึก...กึก...

    เข้าเขตเอ็นดินเบิกมาได้ห้านาทีแล้ว คาโลจึงตัดสินใจที่จะปลุกเฟรินให้ตื่น ชายหนุ่มลุกขึ้นมายืนทันที ศีรษะของชายหนุ่มหัวขโมยกระแทกกับพื้นเกวียนทันที

    โอ๊ย!” เสียงร้องหลงของเฟรินดังขึ้น ปลุกแบบคนไม่เป็นหรือไง พอตื่นขึ้นฝีปากกล้าของเฟรินก็ขยับอีกครั้ง

    ฉันว่าคาโล ไม่ผิด ครี้ดที่นั่งอยู่ตรงข้ามพูดออกมา

    เฟรินส่งปลายตาไปถาม

    นายว่าไง ปลุกแบบนี้ยังไม่ผิดอีกเหรอไง

    ผมเห็นคาโลปลุกคุณมานานตั้งแต่เจ้าชายอาเธอร์บอกว่าถึงแล้วนะครับ กัสผู้เรียบร้อยเอ่ยอย่างสุภาพ ผมต้องยอมรับนะครับว่า เจ้าชายคาโลกระทำได้เด็ดขาดมากครับ

    เมื่อเหล่าเพื่อนที่แสนดีพูดกันเป็นเสียงเดียวเช่นนี้คนอย่างเฟรินหรือจะต่อความยาวสาวความยืดอีก ช่างเถอะแค่เจ็บเล็กน้อยเอง

    ขอบใจที่ปลุก คาโล เฟรินหันหน้าไปอีกข้างหนึ่งเอ่ยออกมา

    เราถึงแล้ว เจ้าชายโรเวนเปิดผ้ากันบอกกับเหล่ารุ่นน้องในความดูแล

    อาเธอร์กระตุกเชือกเทียมม้าเป็นสัญญาณให้เหล่าม้าผู้ภักดีหยุดฝีเท้าตนเองลง คณะค้นหาเฟรินเดินลงจากเกวียนอย่างช้า ๆ

    อาจารย์ตัวแทนหอพักต่าง ๆ ยืนรอรับเหล่านักเรียนผู้กล้าหาญของตนที่หน้าประตูของโรงเรียน

    เจ้าชายอาเธอร์โค้งศีรษะให้กับมหาปราชญ์เลโมธี เจ้าชายโรเวนถวายรายงานให้กับเลโมธี

    ยินดีต้อนรับกลับสู่โรงเรียนราชาอีกครั้ง เลโมธีเอ่ย สีหน้าของเขายังดีไม่สดชื่นตั้งแต่การจากไปไม่มีวันกลับของไฮคิงผู้ยิ่งใหญ่ที่ยังคงจารึกอยู่ในความทรงจำของทุกคน หนังสือและเครื่องแบบของทุกคนอยู่ที่ห้องของพวกเธอแล้ว

    เรายินดีมากที่เธอกลับมานะ เฟริน อาจารย์ประจำป้อมปราสาทเอ่ยยิ้มเปี่ยมไปด้วยความจริงใจ ขอบใจมากนะ เจ้าชายอาเธอร์

    มิได้ครับ เจ้าชายอาเธอร์น้อมศีรษะลง

    พวกเธอไปพักผ่อนกันก่อนก็ได้นะ การเรียนการสอนจะเริ่มต้นในวันพรุ่งนี้ อาจารย์ประจำหอป้อมอัศวินยิ้มหวานหล่อนกำลังมีความสุขกับวิชาเดิมในบทเรียนใหม่ การเดินหมากรุกที่ปีนี้เธอหวังความชนะจะมาอยู่ที่ป้อมอัศวิน

    เด็กที่ได้รับการคัดเลือกให้เข้าเรียนจะเดินทางมาในวันพรุ่งนี้ จงเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับรุ่นน้องด้วย แม่มดวิสปี้แห่งปราการปราชญ์เอ่ยออกมาว่าก่อนที่หล่อนจะปรายสายตาไปมองต้นเหตุแห่งความยุ่งเหยิง โดยเฉพาะเธอเฟริน หวังว่าคงจะเข้าใจคำว่าแบบอย่างที่ดีนะจ้ะ

    เฟรินที่ยังคงถกเถียงเล่นกับคิลอยู่ ถูกคาโลศอกให้ หัวโขมยหนุ่มมองผู้ศอกด้วยสายตาหาเรื่องก่อนที่จะหันใบหน้ามายิ้มรับกับแม่มดวิสปี้

    ความรู้สึกกังวลนั้นไม่จืดจางลงไปแม้แต่น้อย ใบหน้าเปื้อนรอยประสบการณ์ของแม่มดวิสปี้ยังคงฉายแวว

    จริงด้วยสิครับ วิชาประวัติศาสตร์ใครจะเป็นคนสอนแทนครับ คำถามที่ดังมาจากบุคคลที่ไม่น่าจะสนใจเรื่องการเรียนได้

    โอ้...เฟริน...ครูไม่คิดว่าเธอจะสนใจการเรียนอย่างนี้ แม่มดวิสปี้อุทานออกมาอย่างชื่นชม หล่อนหันไปเอ่ยกับครูสอนวิชาเดินหมากว่า ต้องมองเด็กคนนี้ใหม่เสียแล้ว

    อาจารย์ที่จะสอนวิชาประวัติศาสตร์จะเดินทางมาในวันเปิดเทอม อาจารย์ประจำป้อมอัศวินเอ่ย อย่าเสียเวลาอีกเลย พักผ่อนให้สบายเถอะจ้ะ

    และแล้วเหล่าผู้กล้าก็ต่างแยกย้ายกันกลับไปยังหอพักเดิมของตน

    แล้วเจอกันอีก เจ้าอาเธอร์ตรัสไว้ก่อนที่จะขอตัวเดินผละออกจากกลุ่มไปเป็นคนแรก เจ้าชายแห่งเจมีไนยกมือลาพร้อมกับเหล่าคนสนิทที่ยืนรออยู่ที่ขอบประตูบานใหญ่ เหลือเพียงกลุ่มเพื่อนในชั้นปีสองที่กำลังจะขึ้นปีสามในวันพรุ่งนี้

    นักเรียนร่วมชั้นเรียนวิ่งกรูกันออกมาต้อนรับกลุ่มเพื่อนผู้กล้าที่อาสากันออกไปตามหาเฟริน หัวโขมยที่เป็นที่กล่าวขวัญของอันดินเบิร์กแห่งนี้

    เป็นไงบ้างเฟริน...

    กลับมาจนได้นะเพื่อน

    ยินดีที่กลับมานะคะ

    เล่าเรื่องการพจญภัยของแกให้ฟังหน่อยสิ

    คำถามที่พรั่งพรูออกมาอย่างไม่ขาดสาย

    หยุดก่อน!” เฟรินยกมือขึ้น ใครอยากถามอะไรยกมือขึ้นมาได้เลย

    เฮ้...ฉันก่อน...

    ฉันก่อน...ฉันก่อน

    ความวุ่นวายโดยมีหัวขโมยเป็นแกนกลางได้เริ่มขึ้นอีกครั้ง ความสงบสุขได้กลับคืนมาสู่เอเดน เสียงหัวเราะกับรอยยิ้มที่ไม่รู้เลยว่าสิ่งที่เลวร้ายกว่ากำลังคืบคลานเข้ามาอย่างช้า ๆ

    นอกหน้าต่างของป้อมนักรบเสียงฟ้าผ่าที่ดังเป็นระลอก ๆ ใกล้เข้ามาเหมือนกำลังเย้ยนักรบกล้าหาญแห่งป้อมอัศวิน ท้องฟ้าเริ่มมืดครึ้มกลับเลื่อมด้วยสีแดงคล้ายอัญมณีอันมีค่า 1 ในแก้วนพเก้า เสียงร้องครืนหลังแสงสีขาวนวลฝาดผ่านลงมายังพื้นดิน

     

    ก๊อก...ก๊อก...

    ประตูหอชั้นบนสุดของหอกลางที่ผนึกสมบัติทั้งสี่ที่เดมอสสาปเอาไว้

    เข้ามาได้ เสียงทุ้มนุ่มตรัสออกมา

    ชายหนุ่มเปิดประตูเดินเข้าไปอย่างสงบเสงี่ยม

    เรียกผมเหรอครับ...มหาปราชญ์เลโมธี ชายหนุ่มคำนับ สายตาของเขาปรายมองเหล่านักเรียนรุ่นพี่ที่ยืนอยู่ในข้างมหาปราชญ์

    ขอบใจที่ท่านมาในเวลารัตติกาลนี้ เลโมธีเอ่ยแล้วสั่งให้ชายหนุ่มลุกขึ้น

    เจอกันอีกแล้ว โรเวน เสียงทักทายที่ชายหนุ่มผู้เข้ามาใหม่พยายามที่จะมองไม่เห็น

    สถานการณ์ตอนนี้ของเอเดนกำลังสั่นคลอน เจ้าหญิงผู้สูงศักดิ์แห่งปราการปราชญ์เอ่ยออกมา ลูกแก้วของเซนต์ฉายแววความมืดออกมา (เซนต์คือหนึ่งในสองเสนาบดีแห่งปราการปราชญ์ผู้มีลูกแก้วส่องพิภพ)

    ท้องฟ้าในวันนี้เป็นตัวบ่งบอกได้ดีที่สุด เลโมธีว่า เสาหลักแห่งเอเดนสิ้นลง ความมืดมีอำนาจ ดาวบนฟ้าเรียงเป็นเส้นมรณะมาที่เอเดน

    ท่านได้บอกเรื่องนี้กับกษัตริย์ทุกพระองค์หรือยังครับ โรเวนถามขึ้น

    แน่นอน เฟอร์เซนี คาซาล หัวหน้าแผ่นดินประชาชนได้กระจายข่าวออกไปเมื่อเย็นวันนี้แล้ว อาเธอร์ตอบ อีกไม่นานเอนดินเบิร์กคงกลายเป็นที่ประชุมของเหล่ากษัตริย์อีกครั้ง

    เรื่องนี้เลวร้ายมากเหรอครับท่าน โรเวนเริ่มจับความรู้สึกที่ไม่ดีได้

    เลโมธีเบือนใบหน้าไปมองของสี่สิ่งที่กำลังส่องแสงยั่วยวนความโลภและกิเลสที่อยู่ภายในจิตใจของมนุษย์

    ยังไงคงต้องเลือกกษัตริย์องค์ใหม่สินะคะ นางพญาเอ่ยด้วยเรียวริมฝีปากสีแดงสด

    การต่อสู้ไม่ใช่คำตอบเสมอไป เลโมธีตรัสออกมาลอยเหมือนไม่ได้ใส่ใจคำพูดของนางพญาเท่าไรนัก ไม่ว่าผู้ใดจะเป็นผู้ชนะแต่คนที่จะเป็นกษัตริย์มิใช่ต้องเป็นผู้ชนะเสมอไป

    หัวใจที่เต้นแรงของเจ้าชายเลือดนักสู้อย่างเจ้าชายอาเธอร์คำว่าต่อสู้การเอาชนะมันยั่วยุให้เลือดในกายของเขาสูบฉีดแรงขึ้น ตำแหน่งกษัตริย์แห่งเอเดนคงอยู่ไม่ไกลมือของเขาแน่

    ความเงียบกลับเข้าครองนำอีกครั้ง สมบัติทั้งสี่ยังคงส่องแสงอย่างเพลิดเพลินใจบอกให้รู้ถึงเวลาที่พวกมันควรจะตื่นขึ้นมาอีกครั้งได้แล้ว

     

     

     

     

       

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×