ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Waiting::การรอคอยของรอยยิ้ม

    ลำดับตอนที่ #1 : Scene1:: ก็แค่เด็ก...

    • อัปเดตล่าสุด 27 ส.ค. 48


    ท้ามกลางความมืดมิดในใจฉัน....ฉันไม่เคยยิ้มให้ใครได้อย่างจริงใจไม่เคยหัวเราะแบบมีความสุขจากก้นบึงของหัวใจ...หัวใจของฉันได้ตายไปพร้อมกับการหักหลังจากคนที่ฉันเรียกว่า คนรัก มันทำให้ฉันไม่อยากเชื่อใจใครถ้าหากเชื่อแล้วจะโดนหักหลังอีก มันเป็นเวลานานมากกว่าแผลของฉันจะถูกรักษา..



        ถูกรักษาโดยเธอ..



    ครั้งแรกที่เราเจอกันนั้นเป็นช่วงต้นๆของฤดูคิมหันต์ที่อากาศหนาวเย็นของปีที่แล้ว เราสองคนต่างมาเข้าค่ายพักแรม เพื่ออบรมการเขียนโปรแกรมหุ่นยนต์เพื่อแข่งขันกัน การอยู่ค่ายครั้งนี้จำต้องมีพี่เลี้ยงกลุ่ม หนึ่งคนต่อสองกลุ่ม เราสองคนต่างมีความฝันที่คล้ายกัน ชอบของเหมอืนๆกัน จนเข้ากันได้ดี ที่ฉันสนิทกับเธอได้ก็เพราะเรามีพี่เลี้ยงกลุ่มคนเดียวกัน

    ตอนแรกเราไม่มีท่าทีจะสนิทกันหรอก ฉันยังจำได้เธอจำต้องนั่งหน้าฉันเพราะพี่ประจำกลุ่มบังคับโต๊ะทานข้าวเที่ยงของเราจึงอัดแน่นไปด้วยคนห้าคน

    วันแรกที่เจอกันตอนทานข้าวกลางวัน เราสองคนนั้นไม่ได้คุยกันเลยเพราะว่าเธอขะหมักขะเม้นอยู่กับงานที่อาจารย์เพิ่งให้ ส่วนฉันก็นั้งแกะเพลงที่ฟังอยู่ โต๊ะของเราเงียบมากจนกระทั่งพี่ คามิซึ ไร…. พี่เลี้ยงประจำกลุ่มของพวกเราทนไม่ไหวลุกขึ้นแล้วทุบโต๊ะ ทำให้สายตาทุกผู้ หันมาจ้องที่ร่างสูงนั่น



        “ได กับซากิ! เป็นผู้ชายหรือเปล่า ชวนฝ่ายญคุยก่อนได้ไหม”



    เสียงเข้มตะโกนกึกก้อง ดั่งจะประกาศให้ทั่วพิภพได้รับรู้

    ฉันที่นั่งฟังใส่หูฟังอยู่ก็ทำเป็นไม่รู้เรอื่ง แต่ฉันสังเกตเห็นว่าได เพื่อของเธอ พยามชวนฟูโกะเพื่อนของฉันคุย แล้วซากิ หรือตัวเธอเองนั้น ก็ชวนฉันคุย แต่ฉันแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินเนื่องจากความเขินอายเข้ากระน่ำ จนกระทั่งซากิดึงหูฟังไปจากฉันฉันจึงได้เห็นใบหน้าอันคมคายได้รูปของเด็กหนุ่มหน้าตาดี เป็นครั้งแรกอย่างเต็มตา



        “ผมชื่อ อาคามิยะ ซากิ พี่ได้ยินที่ผมพูดไหมครับ”

         “คะ ค่ะ..พี่ชื่อ ยานาเสะ คิคุกะ”



         ‘ผมหรอ’

    ฉันคิดในใจแล้วเผลอพูดความในใจออกไปว่า

        “เป็นคนมีมารยาทดีจัง”

    สิ่งที่ดูเป็นคำชชมก็ไม่เชิงคำด่าก็ไม่ใช่ ทำให้ซากิ หัวเราะซะดังสนั่นห้องโถ่ง



         “พี่ก็เหมอืนกันแหละ งั้นผมไปตักข้าวให้พี่นะ… พี่คิคุ”

         “ขอบใจ”



    ฉันพูดด้วยเสียงที่ราบเรียบเหมือนไร้ความรู้สึก เราคุยกันจนรู้ว่าเขาอายุน้อยกว่าฉันปีนึงแต่เรียนห่างฉันสองชั้นปี ฉันคิดเสมอว่าเด็กก็คือเด็ก

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×