คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : ยิ้มไมออกก็จะยิ้ม
“..ความรัก.. ไม่ได้เกิดขึ้นโดยแปรผันตามช่วงเวลา
หากแต่ความรัก อาจเกิดขึ้นเมื่อแรกพบสบตา
หรืออาจเกิดขึ้นในตอนที่เราไม่รู้ตัวก็ได้...”
ความรักของผม เกิดขึ้นเร็วมาก จากที่ผมเคยเกลียดเขา ผมก็รักเขาโดยไม่รู้ตัว...
“คาน ผมว่าผมชอบบลัดอะ” เสียงทุ้มนุ่มของประธานนักเรียนดังขึ้นมาภายในห้องสภา ที่มีบุคคลอยู่ในนั้นเพียง 2 คนเท่านั้น
“อืม ผมว่าแล้วละ” ร่างสูงที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ตอบกลับมาแบบไม่สะทกสะท้านเท่าไหร่
“หะ!! อะไรกัน นี่ผมดูออกง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ!!” ผมหน้าแดงแปร๊ด เพราะคิดว่าคนอื่นจะรู้ด้วยว่าผมแอบชอบหมอนั่น
“เปล่า นายไม่ได้ดูออกง่ายขนาดนั้นหรอก แต่นายก็รู้นี่ ว่าเราอยู่ด้วยกันมากี่ปีแล้ว เรื่องแค่นี้ทำไมผมจะดูไม่ออก” ร่างสูงปิดหนังสือแล้วจ้องมองมาที่ผม
“แล้วไปทำอีท่าไหน ถึงไปรัก ไปชอบหมอนั่นได้น่ะ?” ร่างสูงเอ่ยถามผม ทำให้ผมต้องกลืนน้ำลายลงคอ
“ไม่รู้สิครับ.. ผมเกลียดหมอนั่น แต่รู้สึกตัวอีกที ผมก็ชอบเข้าไปแล้ว...”
“เฮ้อ. น่าเบื่อจริงน้า” ผมพูดขึ้นมาอย่างเซ็งๆบนโซฟาตัวยาวที่ประจำของผม
“คุณต้าอย่านอนขี้เกียจแบบนี้สิครับ รับอะไรหน่อยไหม?” ไนท์ นักเรียนคนนึงพูดขึ้นมา ผมปรายตามองเขาเล็กน้อย ก่อนจะตอบปฏิเสธแบบปัดๆไป
“ไม่ละ ผมอยากนอนน่ะ” ว่าจบผมก็นอนคว่ำแล้วหันหัวไปทางพนักพิงโซฟา
..ผมเกลียดตัวเองมาก... ที่ผมไม่สามารถมองหน้าไนท์
ผู้ซึ่งเป็นแฟนคนที่ผมชอบได้.. ทั้งๆที่เขาไม่ได้ทำอะไรผิดแท้ๆ..
“สวัสดีครับทุกคน แล้วก็ประธาน” เสียงทุ้มอันคุ้นเคยดังขึ้นมาในโสตประสาทของผม ผมรีบยันตัวลุกขึ้นแล้วหันไปมองเจ้าของเสียง
“เห้ย!! ไปฟัดกับหมาที่ไหนมาวะ!” ผมโวยวายทันทีเมื่อเห็นใบหน้าที่มีรอยฟกช้ำและแผลเหวอะหวะเต็มไปหมด ร่างสูงยิ้มเจื๋อนๆ แต่ผมก็พอเดาออกได้ว่าเกิดอะไรขึ้น
“ทะเลาะกับพ่อมาอีกแล้วอะดิ ไนท์ ไปดูแลแฟนหน่อยไป” ผมหันไปพูดกับไนท์ แต่ก็ไม่เห็นวี่แวว
“ช่างเถอะครับประธาน ผมไปทำแผลเองก็ได้” บลัด ชายผู้เป็นเจ้าของเสียงทุ้มและคนที่ผมชอบตอบขณะที่ผมดูลนลานในการตามหาไนท์ ก่อนจะเดินไปยังห้องพยาบาล
“...” ผมเงียบไปสักพัก แล้วก็เดินตามไปในห้องพยาบาล ก็เห็นหมอนั่นกำลังนั่งทำแผลตัวเองอยู่
ผมถอนหายใจออกมาเซ็งๆ ก่อนจะเดินไปปัดมือหนานั่นออก แล้วใช้สำลีชุบแอลกอฮอลเช็ดแผลอย่างเบามือ
“อ้าวประธาน ขอบคุณครับ อูย..” ร่างสูงมองผมอย่างงงๆ แต่ก็นั่งนิ่งๆให้ผมทำแผลอย่างสะดวก
“ไนท์ไปไหนละ? ผมนึกว่าเข้ามาแล้วซะอีก” ผมพูดไปด้วยทำแผลไปด้วย
“ตั้งแต่เข้ามาที่นี่ ผมยังไม่เจอเลยครับ” ร่างสูงตอบพร้อมกับสูดปากด้วยความเจ็บ
“แฟนกันภาษาอะไรเนี่ย แล้วไปทำอีท่าไหนถึงได้แผลเหวอะหวะขนาดนี้?” ผมทิ้งสำลีชุบแอลกอฮอลที่ชุ่มไปด้วยเลือดลงถังขยะ แล้วใช้สำลีชุบเบตาดีนทาไปทั่วๆแผล
“ก็เรื่องคู่หมั้นนั่นแหละครับ ไม่สิ ต้องเป็น”อดีต”คู่หมั้นสิ” หมอนั่นตอบยิ้มๆ
“อดีต? ก็หมายความว่าตอนนี้สำเร็จแล้วอะดิ?” ผมหยิบผ้าพันแผลมาพันแผลที่ล้างออกแล้ว
“ก็ตามนั้นแหละครับ สาวเจ้าปาแหวนใส่ผม พ่อผมก็เขวี้ยงขวดไวน์มาใส่หัวผมด้วย ถึงได้เป็นแผลแบบนี้เนี่ยไง ฮะๆ” เสียงทุ้มเอ่ยอย่างติดตลก แต่ผมส่ายหัวเบาๆ พร้อมคิดในใจไปว่า ทำไมนายบ้าระห่ำแบบนี้วะเนี่ย รู้ไหมคนเค้าเป็นห่วงขนาดไหน แต่ก็ไม่กล้าพูดออกมา..
“อ้าวประธาน อยู่ด้วยเหรอครับ?” เจ้าของเสียงหวานผูเป็นคนรักของบลัดเดินเข้ามา ผมเห็นดังนั้นจึงรีบเดินออกไปที่ประตู
“อือ กำลังจะไปแล้วละ ดูแลแฟนดีๆนะ ไปนอนห้องเดียวกัน ไปสวีทกันให้นานๆนะ ผมไปละ” ผมโบกมือแล้วเดินออกไป ก็ใครจะไปบอกได้ละ.. ว่าวันนี้จับฉลากรูมเมท ผมได้อยู่ห้องเดียวกับมัน!!
ผมเดินดุ่มๆออกไปยังหอพักที่พึ่งจัดตกแต่งเสร็จ เพราะผมคิดว่าถ้าผมอยู่ในห้องพยาบาลหรืออยู่ในห้องโถงโรงเรียน คงจะเห็นแต่ภาพบาดใจทั้งนั้นเป็นแน่
ขณะที่ผมกำลังเคลิ้มๆอยู่ เสียงประตูก็ดังขึ้น ผมลืมตาไปมอง ก็เห็นเป็นรูมเมทผมเดินถือกระเป๋าเข้ามา
“โห ห้องกว้างดีนะครับ” รูมเมทของผม.. บลัดนั่นแหละ เดินเข้ามาแล้วเอากระเป๋าวาง
“ไม่นึกว่ารูมเมทของผมจะเป็นคุณนะครับ ประธาน” ร่างสูงกล่าวแล้วยิ้มบางๆ ก่อนจะจัดเรียงเสื้อผ้าใส่ตู้ โดยที่ไม่ทันสังเกตเห็นผมที่กำลังอึ้งและหน้าแดงอยู่
“เป็นอะไรไปเหรอครับประธาน?” ร่างสูงนั่งลงที่เตียงข้างๆ พลางเอื้อมมือไปแตะปลายผมแถวๆคอของผม
“ประธานจะไว้ผมยาวเหรอครับ?” เสียงทุ้มเอ่ยถามอย่างยิ้มๆ แต่ด้วยความที่ตอนนั้นผมรู้สึกว่าตัวเองใจเต้นแรงระดับ 10 ริกเตอร์ก็ว่าได้ ผมจึงหยิบหมอนแล้วปาใส่หมอนั่นเต็มแรง
“พูดมากนักนะ นี่แน่ะ!!” ผมปาหมอนออกไปเต็มแรง ปะทะที่ใบหน้าของหมอนั่นเต็มๆ
“ก่อสงครามเหรอครับ หึหึ” ร่างสูงหยิบหมอนที่ปาออกมา ปากลับอย่างเต็มแรงด้วย
เรื่องอะไรผมจะยอมแพ้ละ ผมก็หยิบหมอนฝั่งตัวเองปาสลับไปสลับมาประมาณครึ่งชั่วโมงได้ จนสุดท้ายทั้งผมและหมอนั่นก็หมดแรง
“เหนื่อยเนอะครับ” ร่างสูงเอ่ยและหอบออกมา ผมก็ได้แต่ยิ้มบางๆ เพราะผมเองก็เหนื่อยใช่ย่อย แถมหอบหนักว่ามันอีก
“ถ้างั้นผมว่านอนกันเถอะครับ ฝันดีนะครับ ประธาน” ร่างสูงลุกขึ้นมาหอมแก้มผมเบาๆ ด้วยความรู้สึกที่ไวดั่งแสงผมจึงเอื้อมมือไปชกหน้าหมอนั่นทันที แต่ก็ไม่ทัน ผมจึงนอนแล้วเอาผ้าห่มคลุมโปง
“เกือบไปนะครับ..” ร่างสูงเอ่ยเบาๆ พร้อมกับกดสวิตซ์ปิดไฟแล้วนอน
“...” ผมหน้าแดงอยู่ใต้ผ้าห่มนั่นไปสักพักหนึ่งเมื่อยินเสียงกรนเบาๆเป็นเชิงแสดงว่าคนที่นอนอยู่เตียงข้างๆหลับไปแล้วก็ออกมาจากใต้ผ้าห่ม
“ทำไมผมถึงชอบคนอย่างนายได้นะ..ทั้งๆที่ผมเคยเกลียดนายแท้ๆ..” ผมมองหน้าคนที่หลับ พร้อมกับลุกลงจากเตียงแล้วค่อยๆหอมแก้มคนที่หลับอย่างแผ่วเบา
“ถือว่าเอาคืนนะครับ..” ผมยิ้มบางๆแล้วก็ลุกขึ้นไปนอนบนเตียงต่อ
___________________________________________________________________________________________
วันต่อมา...
“อืม..เช้าแล้วเหรอ..” ผมงัวเงียลุกขึ้นจากเตียงไปล้างหน้าล้างตา อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า
“เดี๋ยว..วันนี้วันไวท์เดย์นี่หว่า?” ผมมองไปที่ปฏิทิน พร้อมกับอมยิ้มบางๆ เพราะผมคิดว่า วันนี้ละ ผมจะทำช๊อคโกแลตสารภาพรักกับหมอนั่นให้ได้.. ถึงแม้ผมจะไม่เคยทำอาหารเลยก็เถอะ
ในครัว
ผมมองช๊อคโกแลตรูปหัวใจที่ดูจะบูดๆเบี้ยวๆด้วยสีหน้าที่แสนจะมืดมน ตอนนี้รอบๆตัวของผมพังพินาศเละเทะไปด้วยแรงระเบิดและเพลิงไหม้ที่ผมสามารถดับทัน แต่มันก็ยังมีร่องรอยอยู่บ้าง
“มือเน่าไปเลยแหะ..” ผมมองมือตัวเองที่เป็นแผลไหม้พุพองด้วยความเศร้าใจ ช๊อคโกแลตก็เบี้ยว ครัวก็พัง มือก็เป็นแผล ตอนนี้ในใจผมคิดว่าคงไม่มีอะไรเลวร้ายไปกว่านี้แล้วละ...
ผมเดินเอาช๊อคโกแลตที่ทำไว้ไปไว้ที่ห้อง เพราะผมคิดว่าจะให้หมอนั่นตอนที่กลับเข้ามาแล้ว แล้วผมก็เดินไปซื้อไวท์ช๊อคโกแลตในเมืองรอเวลาที่หมอนั่นจะกลับเข้ามา
ผมเดินเลือกเพลินจนเวลาล่วงเลยมาถึง 3 ทุ่ม เสียงข้อความก้ดังขึ้นมาจากโทรศัพท์ของผม ผมหยิบมันขึ้นมาดู ก็ต้องรีบวิ่งกลับมาที่ห้องโถงโรงเรียนทันที
“ทำไมวันนี้หมอนั่นกลับมาเร็วจังฟะ!” ผมรีบวิ่งเข้าไปในห้องโถงโรงเรียน พร้อมกับนอนตายอย่างแสนจะเหนื่อย นักเรียนทุกคนมองผมเป็นตาเดียว
“เอ่อ ประธานเป็นอะไรครับ?” นักเรียนคนนึงพูดขึ้นมาด้วยความเป็นห่วง ผมค่อยๆพยุงตัวลุกขึ้นมายืนอย่างสง่าผ่าเผยตามปกติ แล้วยื่นไวท์ช๊อคโกแลตให้นักเรียนทุกคน
“สุขสันต์วันไวท์เดย์คร้าบ” ผมพูดพร้อมกับแจกไวท์ช๊อคโกแลตไปด้วย อันที่จริงผมอยากให้คนๆเดียวละนะ แต่มันน่าอายเกินไป
“ขอบคุณครับประธาน” นักเรียนหลายๆคนที่ได้รับตอบผมพร้อมกับรอยยิ้ม ขณะที่ผมกำลังจะเดินไปที่ห้อง ห่านก็เดินมากระซิบแล้วให้ผมไปที่ห้องพยาบาล
ผมเองก็ไม่ได้เอะใจอะไร ก็เลยเดินไปอย่างงงๆ ก็พบกับภาพและคำพูดที่ทำให้ผมเจ็บปวดจนน้ำตาไหลอาบข้างแก้ม..
“ไงละ คนที่นายแอบชอบน่ะ เห็นหรือยัง?” ห่านหันมาพูดกับผมที่ยืนตัวแข็งทื่อพร้อมกับน้ำตาที่ไหลรินอย่างไม่ขาดสาย ผมยิ้มและหัวเราะเบาๆ
“อือ เห็นแล้วละ พี่ห่านฝากบอกเขาด้วยนะ ว่าให้มาหาผมที่ห้องด้วย ผมมีอะไรจะคุย” ผมพูดกับพี่ชายตัวเองพร้อมกับใช้แขนปาดน้ำตาที่ไหลรินออกมาด้วยความเจ็บปวด ก่อนจะวิ่งไปรอที่ห้อง
ผมพยายามเงยหน้ามองเพดาน เพื่อให้น้ำตาไหลกลับเข้าไป ไม่ให้ร่วงหล่นลงมาตามแรงโน้มถ่วง เพราะผมไม่อยากให้หมอนั่นเห็นน้ำตาของผม
“มีอะไรจะสารภาพกับผมไหม?” ผมเอ่ยขึ้นทันทีเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าเดินเข้ามาในห้อง
“...สารภาพ?” ร่างสูงพูดขึ้นอย่างงงๆ
“ในห้องพยาบาลไงครับ” ผมกำมือแน่น เพื่อให้ตัวเองมีสติ ไม่เหวี่ยงและโวยวาย
“...ผมขอโทษครับ” ร่างสูงกล่าวขอโทษด้วยน้ำเสียงสำนึกผิด
“คุณรู้ไหม ว่าสภาและผมไม่ชอบ!!”
“ถ้าจะทำอะไร ก็ไปทำในห้องส่วนตัวสิ จะมาทำแบบนี้ทำไม”
“แล้วที่พวกคุณพูด มันเหมือนกับผมเป็นตัวเกะกะ ขัดขวาง น่ารำคาญ ใช่ ถ้าผมย้ายออกไปสลับกับไนท์ให้มาอยู่ห้องนี้มันก็คงจะดีสินะ..”
ผมเริ่มควบคุมตัวเองไม่อยู่ น้ำตาที่เหือดแห้งก็เริ่มไหลอาบข้างแก้มออกมาอีกครั้ง
“ผมขอโทษ.. แต่คุณอย่าย้ายออกไปเลยนะ” ร่างสูงเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ เมื่อผมเห็นอย่างนั้น มันยิ่งทำให้ผมฟิวส์ขาดมากขึ้น
“ไม่ว่ายังไง ผมก็จะย้าย แล้วก่อนจะย้าย ผมจะบอกในสิ่งที่คุณรุ้แล้วจะไม่มีวันมองหน้าผมติด” ผมกลืนน้ำลายแล้วสูดลมหายใจเต็มปอด
“ผม”เคย”ชอบคุณครับ บลัด”
“...”
ไม่มีเสียงตอบรับใดๆดังขึ้นมา เราทั้งสองคนต่างเงียบ ผมรู้ ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น.. ยังไม่ทันที่ผมจะพูดอะไรออกมา ร่างสูงก็ชิพูดขึ้นเสียก่อน
“ทำไมคุณถึงใช้....รูปอดีต?” ร่างสูงเอ่ยถาม
“เพราะว่าผมชอบคุณไง แต่พวกสภาทุกคนต่างก็บอกว่าให้ผมเลิกชอบคุณซะ ตอนนี้ผมยังทำไม่ได้ แต่อีกหน่อยผมก็ทำได้เองแหละครับ ^^” ผมพูดพร้อมกับยิ้มออกมา
“...ประธาน...ผมชอบให้คุณยิ้มนะ แต่ทำไมคุณต้องฝืนด้วย..?” เสียงทุ้มกล่าวขึ้นมา
ผมไม่ตอบ ผมยิ้ม ถึงแม้ตอนนี้ผมจะยิ้มไม่ออกก็ตาม แต่เพื่อไม่ให้น้ำตามันไหลออกมา ผมจึงได้แต่ยิ้มแล้วตอบออกไป
“ปล่อยผมไปเถอะครับ ช่างมันเถอะ” ผมตอบพร้อมกับยิ้ม แล้วเดินไปหยิบถุงใส่ช๊อคโกแลตยื่นให้คนที่ผม’เคย’ชอบ
“นี่ครับ ของขวัญวันไวท์เดย์ หวังว่าคุณจะทานมันให้อร่อยนะครับ ขอบคุณที่ทำให้ผมรู้จักคำว่ารัก... ถึงแม้มันจะเป็นรักที่เจ็บปวดก็ตาม..” ผมพูดด้วยน้ำเสียงที่ยิ้มแย้ม แล้วเดินออกไปยังห้องสภาทันที
นี่สินะ... จุดจบของคำว่ารักข้างเดียว..
นี่สินะ... ความรักที่ไม่สามารถเป็นไปได้..
ผมกอดเข่าอยู่ในห้องสภานักเรียนคนเดียว.. พร้อมกับร้องไห้ออกมาอย่างอ่อนแอเพราะผมไม่อยากให้ใครเห็นน้ำตาที่น่าสมเพศของผม
...พรุ่งนี้เราต้องไม่เป็นอะไร พรุ่งนี้เราต้องเป็นคนเดิม..
ยิ้มไม่ออกก็จะยิ้ม ราวๆ ประมาณว่าเราไม่เป็นไร
ยิ้มไม่ออกก็จะยิ้ม และแม้ใจจะรู้ดี ว่าในทุกหนึ่งคำว่ายินดีมันมีแต่เสียใจ..
ความคิดเห็น