ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [END] THE SHUTTER ♡ ยิ้ม...ให้คนหลังกล้อง

    ลำดับตอนที่ #17 : SHUTTER 17 : ฉายาขุนแผน

    • อัปเดตล่าสุด 27 มิ.ย. 61


    THE SHUTTER  17 ฉายาขุนแผน

     

     

              ติณณกรเดินขาลากมาถึงคอนโดในตอนเช้าของวันศุกร์ปลายเดือนพฤษภาคม ทันทีที่ประตูห้องถูกเปิดออกกลิ่นหอมก็ลอยเข้ามาเตะจมูก เดินเข้ามาหน่อยก็เจอเจ้าของห้องในชุดลำลองยืนอยู่หน้าเตาแขนข้างที่เจ็บยังคงใส่เฝือกอยู่


    “ทำไมไม่ใส่อาร์มสลิง” คุณหมอดุเมื่อเห็นแขนข้างที่ใส่เฝือกอยู่ห้อยลงข้างตัว เขาตั้งใจแวะมาดูอีกฝ่ายก่อนจะกลับไปนอนห้องตัวเองก็เจอคนไข้จอมดื้อเข้าจริงๆ


    “ก็มันทำอะไรไม่ถนัด”


    “ไปนั่งเลย เดี๋ยวผมทำต่อเอง” ร่างบางเดินเข้าไปใกล้แล้วเตรียมดันให้อีกฝ่ายออกห่างจากเตา แต่คนตัวสูงไม่ยอมขยับตัว


    “กูเจ็บแขนไม่ได้เป็นง่อยนะ ไปอาบน้ำไป” ขุนแผนพูดเบาๆแล้วจัดการหยิบผักใส่หม้อแล้วปิดไฟ เขาพลิกตัวยืนพิงเคาเตอร์ครัวเพื่อมองคนที่ใบหน้าเหนื่อยๆของคนพึ่งเลิกงานแล้วอดไม่ได้ที่จะโยกหัวอีกฝ่ายเบาๆ


    “พรุ่งนี้ก็ถอดเฝือกได้แล้ว มันไม่เจ็บแล้วด้วย มึงทำงานมาทั้งคืน ยังต้องมาทำอีกมันใช่เรื่องหรอ” ขุนแผนเริ่มอธิบายด้วยเสียงที่อ่อนลง ผลการเอ็กซสเรย์เมื่อวันก่อนบอกว่ากระดูกเขากลับมาสมบูรณ์เกือบร้อยเปอร์เซนต์แล้วหลังจากเวลาผ่านไปเดือนกว่าๆ


    “แต่ว่า


    “ไม่ต้องแต่ กลับไปอาบน้ำเร็ว จะได้ออกมากินข้าวพร้อมกัน”


    ติณณกรยอมจำนนต่อคำพูดของอีกฝ่าย เขาพยักหน้าแล้วหมุนตัวเดินออกไปกลับห้องตัวเองเพื่อไปอาบน้ำอาบท่า ปล่อยให้คนเป็นพี่ทำอาหารเพิ่มอีกอย่าง


    เมื่อติณณกรกลับมาในห้อง ต้มจืดตำลึง กับยำปลาทูก็วางอยู่บนโต๊ะพร้อมข้าวสวยร้อนๆสองจาน แต่กลับไม่เห็นเจ้าของห้อง ร่างเล็กเดินไปหยิบขวดน้ำออกมาจากตู้เย็นแล้วเดินไปนั่งรอไม่นานร่างสูงก็โผล่ออกมาจากห้องน้ำ


    “พี่ขุน เอามือมานี่หน่อย” คุณหมอพูดเรียบๆ เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายซุกแขนข้างซ้ายไว้ใต้โต๊ะไม่ยอมยกขึ้นมาให้เขาเห็นแต่มองแค่ปราดเดียวก็เดาได้ไม่ยาก ยิ่งเห็นอีกฝ่ายส่งมือขวามาให้เขาเลยส่งสายตาดุๆไปให้คนเป็นพี่ถึงยอมยื่นมือซ้ายมาให้


    “โดนเฉียดๆ แผลไม่ลึก” ขุนแผนพูดเบาๆเมื่อเห็นอีกฝ่ายก้มมองแผลที่โดนมีดบาดตอนซอยตะไคร้


    “ผมแค่หงุดหงิดที่เห็นร่างกายที่ตัวเองเป็นคนรักษา แต่เจ้าของแม่งเสือกใช้ไม่ระวัง”


    ” ขุนแผนไม่ได้พูดอะไรกลับไป เขาแค่มองคนที่ลุกออกไปหยิบพลาสเตอร์มาแปะนิ้วให้เขาอย่างเบามือด้วยความรู้สึกเอมในหัวใจ


    “ไม่ต้องมายิ้ม”


    ขุนแผนยิ้มกว้างกว่าเดิมแล้วตักยำปลาทูใส่จานอีกฝ่ายอย่างเอาใจ เขาเหยียดขาออกไปข้างหน้าให้อีกฝ่ายขยับเท้าขึ้นมาวาง เพราะรู้ว่าคนตัวเล็กของเขาไม่ชอบพื้นเย็นๆในตอนเช้าแบบนี้


    หลังจบมื้ออาหารขุนแผนก็ไล่ให้คุณหมอไปนอนในห้อง ส่วนเขาเก็บจานไปแช่ไว้ในอ่างล้างจานแล้วปลีกตัวเข้ามาขลุกอยู่ในห้องสตูดิโอหลายชั่วโมงจนได้ยินเสียงกดออดจากหน้าห้องในตอนบ่ายแก่ๆ


    ขุนแผนก้าวขายาวๆออกไปเปิดประตูแล้วต้องชะงักเมื่อเห็นผู้มาเยือนทั้งสี่ เพื่อนรักสมัยเรียนทั้งสามคนของเขาพร้อมกับรุ่นน้องที่ยืนยิ้มแฉ่งอยู่


    “มาทำเหี้ยอะไรกัน”


    “อ่าวไอ้ห่านี่! เพื่อนฝูงมาหาดูทัก” ภูษิตว่าแล้วออกแรงดันบ่ากว้างของเจ้าของห้องที่ยืนขวางประตูอยู่ให้หลบทางแล้วก้าวเขามาในห้องอย่างถือวิสาสะ


    “อย่าเสียงดัง” ขุนแผนปรามเมื่อเห็นว่าเพื่อนทำท่าจะเฮโลกันยกใหญ่


    “ทำไมวะ” กาจเป็นคนเอ่ยถามขึ้น ส่วนรวีที่รู้เรื่องก็ฉีกยิ้มตอบแทนเจ้าของห้องอย่างน่าหมั่นไส้


    “มีคุณหมอนอนหลับอยู่ในห้องแหงๆ”


    “เชี่ยยยย”


    “ไอ้แผนมึงมันร้ายย”


    “ตกลงได้กันแล้ว?”


    “พอเลย ตกลงพวกมึงมาทำเหี้ยไรกัน” ขุนแผนยกมือขึ้นห้ามเพื่อนที่รัวคำถามใส่อย่างเอื่อมๆ ภูษิตยกข้าวของในมือขึ้นแทนคำตอบแล้วยกของไปวางไว้บนเคาท์เตอร์ในครัวปล่อยให้สองสามีภรรยาเป็นคนตอบคำถามแทน


    “ได้ว่ารถล้มเลยมาเยี่ยมไง”


    “รถกูล้มจนจะถอดเฝือกพรุ่งนี้แล้ว พึ่งจะโผล่หัวกันมา” ขุนแผนขัด


    “แล้วก็กะจะชวนตี้ด้วย ไม่ได้รวมตัวกันนานแล้ว” เอมอรแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินประโยคนั้นแล้วลอยหน้าลอยตาพูดต่อไป “แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นคือจะมาเสือกเรื่องมึงนั่นแหละ”


    “เออ อยากทำเหี้ยอะไรก็ทำ แต่อย่าเสียงดัง มันพึ่งได้นอนไปไม่กี่ชั่วโมง” ขุนแผนพูดว่ามองไปทางประตูห้องนอนที่ปิดสนิทโดยมีคนฟังทั้งสี่เบ้ปากเรียงกันเป็นลูกคลื่น


    “เบื่อคนเห่อเมียเว้ย”


    “ยัง”


    “ห้ะ! จริงดิ ยังอีกหรอวะ” ภูษิตถามเสียงจริงจัง


    “เออ”


    “หิมะตกเมืองไทยแน่ๆ” เอมอรรำพึงเบาๆกับคำตอบนั้น ตอนนี้ทั้งหมดย้ายมานั่งคุยกันอยู่ที่โซฟากลางห้องเรียบร้อยแล้ว


    แกร่ก


    เสียงประตูห้องนอนขยับเปิดออกเรียกความสนใจจากทุกคนไป ร่างเล็กของคุณหมอในชุดเสื้อยืดคอย้วยตัวใหญ่ของขุนแผนกับกางเกงนอนขาสั้นที่ยาวเลยเสื้อลงมาแค่ไม่กี่เซน


    “เชี่ยยย” ภูษิตอุทานเบาๆ เขากลืนน้ำลายเหนียวๆลงคอเมื่อเห็นภาพตรงหน้า เรียวขาขาวเป็นหยวกกล้วยกับผิวกายที่โผล่มานอกคอเสื้อที่ย้วยลงเห็นไปถึงไหนๆ จนเจ้าของห้องต้องผลักหัวเพื่อนแรงๆ


    “มองเหี้ยไรกัน เลิกมอง!!” ขุนแผนหันมาพูดกับเพื่อนเสียงขุ่นแล้วลุกขึ้นเดินไปใช้ร่างกายของตัวเองบังร่างบางเอาไว้


    “คนหวงเมีย 2018” กาจพูดขำๆแล้วหันกลับมาหมุนหัวภรรยาตัวเองที่ยังมองภาพนั้นตาค้างอยู่


    “น้องติณณ์แม่งเด็ดสัด ไม่แปลกใจเลยที่ไอ้แผนมันหลงหัวปักหัวปำ” เอมอรรำพึงเบาๆ เหลือบตามองประตูห้องนอนที่ปิดลงไปแล้ว


    ขุนแผนดันร่างบางให้กลับเข้ามาในห้องแล้วปิดประตูลง กวาดสายตามองการแต่งตัวของอีกฝ่ายแล้วมองดุๆ จนคนถูกมองเงยหน้าขึ้นถาม


    “มองไร”


    “แต่งตัวเหี้ยอะไรของมึงเนี่ย”


    “ผมก็ใส่งี้ทุกวันป่ะวะ พี่จะมาอารมณ์เสียอะไรเนี่ย” ติณณกรตวัดเสียงอย่างไม่พอใจเมื่อโดนอีกฝ่ายดุอย่างไม่มีเหตุผล


    “เมื่อกี้ไม่เห็นหรอ ไอ้ว่านมองเหมือนจะแดกมึงทั้งตัว แม่ง กางเกงแม่งก็สั้นจนเห็นอะไรต่อมิอะไรหมดแล้ว เสื้ออีกคอย้วยลงไปถึงไหน ๆ ไปเปลี่ยชุดเลย”


    “เห้ยพี่ ผมเป็นผู้ชายนะจะอะไรนักหนาวะ”


    “กูบอกให้ไปเปลี่ยนชุด!” ขุนแผนขึ้นเสียงนิดหน่อยจนทำให้คนฟังฟิวส์ขาด


    “พี่คิดว่าตัวเองเป็นใครวะ!! สั่งอยู่ได้!!


    สิ้นเสียงของติณณกรทั้งห้องก็เงียบลง ขุนแผนคิ้วกระตุกกับคำพูดของอีกฝ่าย เจ็บแปลบลึกๆในใจเมื่อนึกได้ว่าเขาไม่ได้มีสิทธิ์อะไรอย่างที่อีกฝ่ายพูดจริงๆ ร่างสูงยิ้มเหยียดหยันตัวเองแล้วหมุนตัวดินออกจากห้องไป


    “อุ่ย สถานการณ์ดูไม่ค่อยดีนะ” เอมอรพูดขึ้นเมื่อเห็นเพื่อนรักเดินหน้าบูดออกมาจากห้อง เสียงทะเลาะกันของคนในห้องดังพอที่จะให้ทุกคนที่นั่งอยู่ได้ยินโดยไม่ต้องเงี่ยหูฟัง


    “มึงยังไม่ได้ขอน้องมันเป็นแฟนหรอวะ กูนึกว่าตกลงปลงใจกันไปตั้งแต่ครั้งนู้นแล้ว” ภูษิตพูดขึ้นบ้าง


    “ตกลงอะไรอ่ะพี่ พี่ติณณ์แม่งยังไม่ได้เข้าไปดูเลยมั้ง” รวีเป็นคนตอบแทนเมื่อเห็นรุ่นพี่เจ้าของห้องนั่งนิ่ง


    “เดี๋ยวๆ อธิบายหน่อยดิ ครั้งนู้นครั้งไหน อะไรยังไง” คนไม่รู้เรื่องรู้ราวขัดขึ้น


    “นี่ครับพี่เอม” รวีเปิดโทรศัพท์ของตัวเองหารูปภาพที่เขาแอบถ่ายภาพในไอจีจากหน้าจอมือถือของขุนแผนมาแล้วส่งให้สองสามีภรรยาดู


    “หือออ อีแผนอีแรดด กะจะขอเขาแบบชิคๆ แต่ดันปิ้ว สมน้ำหน้า!!


    “พอเลยพวกมึง” เจ้าของห้องเปิดปากเมื่อเริ่มรำคาญเพื่อน ที่เริ่มเห่าหอนกันจนเขานึกรำคาญ อย่ามาสะกิดครับ แผลยังไม่ตกสะเก็ด


    แกร่ก


    ประตูห้องนอนเปิดออกอีกครั้งพร้อมกับร่างเล็กของคุณหมอในชุดที่คนมองต้องอมยิ้ม แต่เพราะขุนแผนไม่ได้หันกลับไปมองเขาจึงไม่รู้สาเหตุที่ทำให้เพื่อนๆเขาพายิ้มกันจนหน้าหมั่นไส้เป็นเพราะอะไร


    ติณณกรยกมือไหว้คนอายุมากกว่าแล้วพาตัวเองเดินมาทิ้งตัวลงนั่งข้างคนขี้งอนที่ยังทำท่าทางสนอกสนใจโฆษณาในทีวีอยู่ เขาจึงแสร้งกระแอมเบาๆแล้วหันไปพูดกับรวี


    “ซัน ลดแอร์หน่อยดิ กูร้อนว่ะ”


    “เออพี่ ใส่ขนาดนี้ไม่ร้อนดิแปลก” รวีพูดด้วยเสียงกลั้วหัวเราะแล้วหันไปหยิบรีโมทแอร์มากดลดอุณหภูมิลงตามคำขอร้องของอีกฝ่าย


    ขุนแผนแปลกใจกับบทสนทนาเมื่อครู่จึงผินหน้าไปมองคนที่นั่งอยู่ข้างกาย ชายหนุ่มกัดปากตัวเองจนสันกรามนูนขึ้นเพื่อบังคับให้ตัวเองไม่หลุดยิ้มออกไป ก็คนตรงหน้าเขาเล่นใส่เสื้อผ้าเขาทั้งชุด กางเกงวอร์มขายาวที่ยาวจนขากางเกงส่วนหนึ่งลงไปกองอยู่ที่ข้อขา เสื้อกันหนาวสีเข้มตัวใหญ่ที่แขนยาวจนมือเล็กโผล่มาไม่พ้น


    “จะยิ้มก็ยิ้ม อย่ามาทำกัดปาก” ร่างบางเอื้อมมือไปดึงแก้มสากคนตรงหน้าเบาๆ เรียกเสียงกรี้ดในลำคอจากคนที่นั่งมองอยู่


    “เชี่ยยย ทำไมโซฟาเป็นสีชมพูวะ” กาจพูดลอยๆ จนคนโดนแซวหน้าขึ้นสี


    “กลับห้องไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดดีๆไป” ขุนแผนพูดเบาๆ ติณณกรผงกหัวรับแล้วเดินออกจากห้องไป


    “โว้ยยยยยย ขนาดนี้แล้ว ทำไมมึงไม่ขอน้องมันคบให้จบๆไปวะ รอพ่อมึงมาตัดริบบิ้นหรอ” เอมอรพูดขึ้นหลังจากที่บานประตูปิดลง “หวานจนน้ำตาลจืดเลยไอ้เหี้ย”


    “เคยขอไปแล้ว น้องมันบอกให้รอ”


    “แล้ว?”


    “ก็เป็นแบบที่มึงเห็นไง” ขุนแผนตอบหน้าตาย ทำเอาคนฟังถอนหายใจหนักๆ เอมอรกระชับหมอนอิงในแขนให้แน่นขึ้นแล้วมองเพื่อนด้วยสายตาจริงจัง


    “แล้วมึงขออีกรอบยัง?”


    “ยัง”


    “แล้วทำไมไม่ขอ”


    “มันต้องขอด้วยหรอวะ?”


    “โว้ยยย!!!!!” ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นแทบจะตะโกนออกมาพร้อมกัน หมอนอิงหลายใบถูกปาเข้ามาจนคนโดนตีต้องยกแขนข้างที่ไม่เจ็บขึ้นกันเป็นพัลวัน


    “เป็นเหี้ยไรของพวกมึงเนี่ย”


    “ไอ้แผนกูไม่คิดเลยว่ามึงจะซื่อบื้อขนาดนี้” กาจพูดแล้วส่ายหัวปลงๆ โดยมีเอมอรพยักหน้าเห็นด้วย ส่วนรวีไม่พูดอะไรแต่ส่งสายตาล้อๆมาให้แทน


    “กูว่าเราต้องช่วยมันแล้วแหละ ไม่งั้นนะ หมาคาบไปแดกชัวร์” ภูษิตพูดปิดท้ายโดยมีทุกคนพยักหน้ารับเห็นด้วย เอมอรรับปากแข็งขันว่าจะไปคิดแผนการครั้งนี้เอง ถ้าเรียบร้อยแล้วจะมาถามความเห็นจากทุกคน


    ขุนแผนมองหน้าเพื่อนทั้งหลายเอือมๆ เอมอรปลีกตัวไปเตรียมอาหารโดยมีรวีตามไปช่วยเป็นลูกมือทิ้งให้สามหนุ่มนั่งดื่มเบียร์กันอยู่ที่เดิม


    ก๊อกๆ


    ประตูห้องถูกเคาะและเปิดออกในเวลาต่อมา ติณณกรฉีกยิ้มแล้วเดินเข้ามาพร้อมณกาน หญิงสาวถูกแนะนำให้รู้จักในฐานะของพี่สาวของคุณหมอ ยำแซลม่อนสองกล่องใหญ่ถูกนำไปวางไว้ในครัว ณกานเสนอตัวเข้าไปช่วยเอมอรลงครัว ส่วนรวีกับติณณกรถูกไล่ให้ไปนั่งรวมกับพวกผู้ชาย


    “เออ วันนี้วันปล่อยวีดิโอโปรโมทหนังสั้นของพวกมึงนี่หว่า เปิดๆ” ภูษิตพูดขึ้นกลางปล้อง คว้ารีโมทกดเปลี่ยนโหมดการแสดงภาพแล้วลุกไปเสียบสาย MHL เพื่อต่อโทรศัพท์เข้ากับทีวี เปิดยูทูปขึ้นมาแล้วจัดการเสิร์ชหาวีดีโอที่ตัวเองต้องการ


    วีดิโอที่เขาสองคนตอบคำถามเกี่ยวกับอีกฝ่ายถูกตัดต่อเรียบเรียงใหม่ให้คำตอบของคำถามเดียวกับต่อกันคลอกับเพลงเบาๆ ท้ายสุดของวีดิโอมีภาพเบื้องหลังการถ่ายทำแนบอยู่เล็กน้อย


    “น่ารักว่ะ โคตรแฟนน” ณกานที่เดินมาดูด้วยหลุดพูดออกมา


    “ฮิ้วววว” เสียงผิวปากเบาๆ ทำเอาคนตัวเล็กหน้าแดง ขุนแผนเลยเอื้อมมือไปดึงหัวอีกฝ่ายมาซุกอกเพราะไม่อยากให้ใครเห็นหน้าตอนมันเขิน ส่งสายตาดุๆไปให้เพื่อนให้เลิกแซว


    ไม่ได้ครับ หวง จะเก็บไว้ดูคนเดียว


    “กูเบื่ออ” ภูษิตพูดลมๆแล้วหันไปสนใจเบียร์ในมือต่อ สองสาวทยอยเอากับแกล้มมาวางจนเต็มโต๊ะ แล้วปาร์ตี้เล็กๆก็เริ่มขึ้น


    “เออ พี่สงสัย ทำไมทุกคนเรียกแผนว่าแผน มีแต่ติณณ์ที่เรียกแผนว่าขุนอ่ะ” ณกานเอ่ยถามขึ้นในช่วงหนึ่งของบทสนทนา รวีหันกลับมาฟังด้วยความสนใจเพราะเขาเองก็นึกแปลกใจอยู่เหมือนกัน มีเพียงเพื่อนรักทั้งสามที่มองหน้ากันยิ้มๆ


    “ก็ตอนนั้นพี่ขุนบอกให้ผมเรียกงี้อ่ะ ก็เลยเรียกมาเรื่อยๆอ่ะ” ติณณกรตอบพลางจิ้มแซลม่อนเข้าปากอย่างไม่ใส่ใจ เขาเองเคยถามเจ้าของชื่อไปแล้วคำตอบที่ได้มาเป็นรอยยิ้มบางๆเท่านั้น


    “จริงๆก็ไม่ทุกคนนะพี่แนน เพราะว่าคนในครอบครัวไอ้แผนทุกคนก็เรียกมันว่าขุนอ่ะ”


    “คะแค่กกกๆ” คนที่กำลังยัดแซลม่อนอีกชิ้นเข้าปากสำลักเมื่อได้ยินคำว่าคนในครอบครัวที่เอมอรจงใจย้ำทีละคำ


    “กินดีๆ” ขุนแผนยื่นน้ำเปล่าให้คนที่สำลักหน้าดำหน้าแดงแล้วช่วยลูบหลังอีกฝ่ายเบาๆ


              “จริงหรอพี่” พอกินน้ำเช็ดปาดเสร็จ ติณณกรก็หันไปถามคนนี่นั่งอยู่ข้างๆ ร่างสูงกระตุกยิ้มมุมปากให้เป็นคำตอบทำเอาคนถามทำหน้าไม่ถูก “งั้นให้ผมเรียกพี่ว่าแผนเหมือนคนอื่นไหม”


    “มึงไม่ใช่คนอื่น จะไปอยากเหมือนใครทำไม”



    “กูบอกให้เรียกยังไงก็เรียกอย่างนั้นแหละ”


    ฉ่าาาา


    ติณณกรเหมือนได้ยินเสียงแก้มตัวเองโดนแนบด้วยเหล็กร้อน หน้าร้อนวูบไปหมด พอผินหน้าหลบสายตาร้อนๆจากคนข้างกายก็เจอสายตาล้อๆจากคนอื่นอีกจนเขาอยากจะมุดพื้นห้องไปเสียตรงนี้


    เรื่องอื่นถูกยกขึ้นมาคุยเมื่อขุนแผนส่งสายตาว่าให้เลิกแกล้งเด็กมันได้แล้ว จนเวลาผ่านไปค่อนคืนณกานขอตัวกลับไปก่อน ส่วนเสียงภูษิตก็เริ่มอ้อแอ้ตามปริมาณแอลกอฮอล์ที่เข้าปากไป


    “น้องติณณ์รู้ไหม สมัยก่อนไอ้แผนนะ หื้มมม”


    “อะไรครับ” ติณณกรถามเมื่อเห็นคนเล่าทำท่ายึกยักเหมือนเกรงใจเจ้าของเรื่อง นัยน์ตาสีนิลเริ่มเยิ้มเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ “พี่ว่านเล่าเหอะ ติณณ์อยากรู้”


    “เอ่อ


    เมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่ยอมเล่า ร่างเล็กเลยเตรียมจะลุกไปหา แต่ถูกมือหนารั้งเอวไว้ก่อน เจ้าของมือทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้แล้วถือวิสาสะใช้มือข้างที่ยังใส่เฝือกอยู่โอบเอวบางไว้อย่างนั้น


    “เล่าสิครับพี่ว่าน ถ้าพี่ขุนจะทำอะไร เดี๋ยวผมจัดการเอง”


    “ส่อแววนะเนี่ย” เอมอรที่นั่งฟังอยู่พูดยิ้มๆ ส่งสายตาล้อเลียนมาให้เพื่อนรักแล้วยกแก้วในมือขึ้นจรดริมฝีปาก และพูดแบบไม่มีเสียงเมื่อขุนแผนหันมามอง “กลัวเมีย


    “สัด”


    หญิงสาวยิ้มรับคำด่าของเพื่อนแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์ เบนสายตาไปหาร่างเล็กที่เริ่มหน้าแดงแล้วพูดด้วยเสียงหวานๆ


    “พี่โคตรแปลกใจที่เห็นติณณ์ยังไม่เสร็จมันอ่ะ”


    “เสร็จอะไรพี่ จะบ้าหรอ ผมเอ่อ” ติณณกรโวยวายในตอนแรกแล้วพูดตะกุกตะกัก หน้าที่แดงอยู่แล้วเหมือนจะแดงขึ้นไปอีกเมื่อเขาหาคำมาปฏิเสธไม่ได้ จะพูดว่าไม่ชอบก็พูดได้ไม่เต็มปาก


    “จริงๆ ติณณ์เป็นคนแรกเลยนะที่มันตามพะเน้าพะนอนานขนาดนี้อ่ะ” ภูษิตพูดเสริม


    “เมื่อก่อนมันสบตาใครถูกใจก็ลากขึ้นเตียงเลย”


    “เร็วสุดนี่ใช้เวลาไม่ถึงสิบนาที”


    สามเพื่อนรักสลับกันเล่าเรื่องในอดีต ส่วนคนนั่งฟังก็ตาโตขึ้นเรื่อยๆ คนตัวเล็กหันมามองหน้าเขาแล้วอ้าปากเหมือนจะพูดอะไรแล้วก็หุบลง มือเล็กคว้าแก้วตัวเองขึ้นมาแล้วกระดกเหล้าเข้าปากรวดเดียวหมด


    “เฮีย แม่งโหดจริง รู้ไหมว่าเพื่อนผมเรียกเฮียว่าอะไรกัน”


    “พี่แผนเยดุ เยโหด โหดจนต้องร้องขอชีวิต” ภูษิตพูดขำๆ เมื่อเห็นว่าคนที่นั่งอยู่ในอ้อมแขนเพื่อนเริ่มทำหน้าไม่ถูก เขาหันไปสบตากับขุนแผนแล้วยักคิ้วกวนตีนให้เพื่อนรักอีกที


    “ที่สำคัญไม่เคยซ้ำ แม่งเปลี่ยนผู้หญิงบ่อยกว่ากูเปลี่ยนผ้าอนามัยอีก”


    “โคตรเหี้ย” เสียงเบาๆของติณณกรทำเอาทั้งวงเงียบไป สายตาสี่คู่มองตรงไปคนที่ยังคงนั่งนิ่งอยู่ด้วยแววตาระยับ พวกเขากำลังสนุกที่ได้แกล้งคนปากหนักคนนี้


              ขุนแผนลดแก้วในมือลงส่งสายตาเนื่อยๆให้เพื่อน แล้วหันหน้าไปมองคนที่นั่งอยู่ในอ้อมแขนตัวเอง ริมฝีปากคลี่ยิ้มจางๆ ค่อยๆโน้มตัวเข้าไปใกล้อีกฝ่ายจนริมฝีปากเขาเฉียดอยู่ที่ใบหูของอีกผ่าย


    “กูอาจจะเคยเหี้ยกับใครมาเป็นร้อยเป็นพัน



    “แต่กูไม่เคยคิดจะเหี้ยกับมึง”


    สิ้นเสียงกระซิบนั้นติณณกรรู้สึกว่าตัวเองหน้าร้อนวูบ หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ ไม่รู้ว่าเพราะลมหายใจอุ่นๆที่รดอยู่ตรงต้นคอ หรือเสียงแหบๆที่กระซิบอยู่ที่ข้างหู หรือเพราะถ้อยคำพูดที่อีกฝ่ายเอื้อนเอ่ยออกมา เขาหันหน้ากลับไปมองตาคนที่นั่งข้างๆ


    นัยน์ตาสีนิลที่มองมายิ่งทำให้ใจเขาเต้นแรงยิ่งกว่าเดิม ร่างเล็กเลยหลุบสายตาลง จนไปหยุดอยู่ที่ริมฝีปากบางของอีกฝ่าย


    เชี่ยยย ทำไมวันนี้ปากพี่มันน่าจูบจังวะ 


    ไหนวันนี้ลองเหี้ยกับกูซิพี่ เหี้ยสิ เหี้ยเลย


    “เลิกทำหน้าแบบนั้นได้แล้วก่อนที่กูจะอดใจไม่ไหว”





    TBC.

    -----------------------

    #จักรวาลขุนติณณ์

    31/05/61 ตัวช่วยมาแล้วววววว ขอให้แผนพี่เอมเจ๋งๆนะ น้องอยากให้เขาได้กัน เอ้ยย คบกันสักที ><

    ขอบคุณที่แวะเข้ามาอ่านนะคะ ขอบคุณทุกคอมเม้น และทุกกำลังใจด้วย เลิ้ฟยู้ว <3


     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×