ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [END] THE SHUTTER ♡ ยิ้ม...ให้คนหลังกล้อง

    ลำดับตอนที่ #15 : SHUTTER 15 : ไม่คาดคิด

    • อัปเดตล่าสุด 25 มิ.ย. 61


    THE SHUTTER  15 ไม่คาดคิด

     

     

              ติณณกรขยับตัวซุกเข้าหาความอบอุ่นเมื่อผิวกายรู้สึกถึงไอเย็นของเครื่องปรับอากาศที่เปิดทิ้งไว้ เขาเอื้อมแขนไปเกี่ยวเอวคนที่นอนอยู่ข้างกัน ส่วนคนโดนกอดก็กระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้นจนใบหน้าหวานจมหายลงไปในอกกว้าง


    “อื้อออ หายใจไม่ออก” เสียงอู้อี้ดังลอดมาทำให้อ้อมกอดคลายออกเล็กน้อย ติณณกรปัดปลายจมูกไปมากับแผ่นอกกว้างอย่างเกียจคร้าน วันนี้เป็นวันอาทิตย์เขาเลยมีเวลาโอ้เอ้บนเตียงแม้ว่าตอนนี้เข็มสั้นของนาฬิกาจะชี้ไปที่เลขแปดแล้วก็ตาม


    แพขนตากระพริบถี่ๆ เพื่อปรับแสง ไม่นานคนตัวเล็กก็ลืมตาขึ้นด้วยความง่วงงุน เขาดึงตัวเองออกห่างจากแผงอกกว้างเล็กน้อย เพื่อพินิจใบหน้าคมคายที่อยู่ตรงหน้า นัยน์ตาดุๆถูกบดบังด้วยเปลือกตาสีเปลือกไข่ จมูกโด่งเป็นสันรับกับริมฝีปากบางเฉียบสีแดงระเรื่ออย่างคนสุขภาพดีถูกซ่อนไว้ใต้ไรหนวดที่เริ่มเขียวขึ้นอีกแล้ว


    นิ้วเรียวไล้สันจมูกเรื่อยมาจนถึงริมฝีปากบางเขาหยุดนิ้วไว้ตรงนั้น ติณณกรอดยิ้มไม่ได้เมื่อนึกย้อนไปถึงสัมผัสนุ่มๆเมื่อวาน ร่างบางยืดตัวขึ้นปัดปากตัวเองผ่านริมฝีปากนั้นเบาๆ แล้วก็ต้องซุกหน้าลงกับอกกว้างอีกครั้งเมื่อคนที่เขาคิดว่าหลับอยู่ลืมตาขึ้นมาแทบจะทันทีที่โดนเขาโขมยจูบ


    “หึหึ” ขุนแผนหัวเราะในลำคอแล้วกระชับอ้อมแขนอีกครั้ง เมื่อร่างกายแนบชิดกันจนบางอย่างใต้ผ้าห่มสัมผัสกัน คนที่ยังซุกหน้าอยู่สะดุ้งเบาๆ แล้วถดตัวงอขาขึ้นแล้วขืนตัวออกเมื่อรู้สึกถึงความร้อนจากจุดกึ่งกลางระหว่างเรียวขาของตัวเอง


    “ฮื่ออ ปล่อยก่อนปวดฉี่”


    “ปวดฉี่จริงอ่ะ” ร่างสูงถามล้อๆแววตาวาววับขึ้นเมื่อเห็นอีกฝ่ายหน้าขึ้นสี แต่ก็ยอมปล่อยให้อีกคนลุกขึ้นแล้วเดินหายไปในห้องน้ำแล้วส่งเสียงตามหลังไป


    “ให้ไปช่วยไหม”


    “ไม่ต้องเว้ยย!!!” เสียงขุ่นๆตะโกนกลับมาเรียกรอยยิ้มจางๆของคนที่ยังนอนอยู่บนเตียงได้อีกครั้ง


    ร่างสูงหยัดตัวขึ้นนั่งพิงหัวเตียงนิ้วเรียวหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อเช็คเมลและตารางงานของวันนี้จนพอแล้วจึงเปิดเฟสบุ๊คขึ้นมาเช็คข่าวคร่าวของวันนี้ เลขแจ้งเตือนในช่องของข้อความเยอะจนเขาแปลกใจพอกดเข้าไปดูจะเห็นข้อความของกลุ่มเพื่อนสนิทที่มีภูษิตอยู่ในนั้นขึ้นแจ้งเตือนเยอะที่สุด


    -ยังไงๆ @’ขุนแผน -


    เขาขยับมือเลื่อนขึ้นไปก็เจอต้นตอลิ้งข่าวของสำนักข่าวหนึ่งพาดหัวไว้ว่า


    เอ๊ะ ยังไงหรือคู่จิ้นกำลังจะกลายเป็นคู่จริง ลูกเรือหลบไปเพราะกัปตันจะพายเอง #จักรวาลขุนติณณ์


    พอกดเข้าไปก็เจอรูปที่เขากำลังเช็ดน้ำตาให้คนตัวเล็กอยู่ภาพที่ออกมามันดูอืม เหมือนคนเป็นแฟนกันจริงๆ


    เนื้อหาข่าวพูดเท้าความเรื่องเขากับคนในภาพตั้งแต่เริ่มและในย่อหน้าสุดท้ายก็พูดถึงเหตุการณ์วันนั้นแบบคร่าวๆ


    “ดูไรอ่ะ” คนที่เพิ่งเดินออกจากห้องแล้วเอ่ยถาม เขาจึงโยนโทรศัพท์ให้อีกฝ่ายรับไปอ่านเอง พอเห็นข่าวนั้นริมฝีปากบางก็เบะออกนิดๆ จนคนมองใจกระตุกเมื่อคิดว่าอีกฝ่ายคงไม่ชอบใจที่เห็นข่าวนั้น


    แต่ทว่า


    “โหว หน้าผมแย่ว่ะ ร้องไห้แล้วหน้าเป็นตูดเลย”


    “ก็ดีแล้วไง”


    “ดียังไง?”


    “ก็ปกติมึงหน้าส้นตีนนี่ได้เลื่อนขึ้นมาเป็นตูด สูงกว่าเดิมตั้งเยอะ” ร่างสูงพูดขำๆ แล้วเอื้อมมือออกไปรับโทรศัพท์ที่ถูกโยนกลับมาพร้อมอาการแยกเขี้ยวใส่ของอีกฝ่าย


    ติณณกรทิ้งตัวลงนอนคว่ำบนเตียงที่ว่างอยู่ เอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมาบ้าง เข้าทวิตเตอร์กดเข้าไปในแท็กชื่อตัวเองเพื่อดูว่าแฟนคลับเขาว่าอย่างไรกันบ้าง ก็พบว่าในจำนวนมากกว่าครึ่งของทวิตเหล่านั้นมีแฮชแทกที่เห็นในข่าวติดพ่วงเข้ามาด้วย ซึ่งกระแสที่ตอบกลับมาก็ค่อนข้างที่จะเป็นไปด้วยดี มีบางคนเหมือนกันที่บอกว่าเสียดายแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรให้คนอ่านเจ็บช้ำน้ำใจ


    “บ่ายนี้ไปไหนไหม”


    “ว่าจะไปฟิตเนส ไปด้วยกันป่ะ”


    “กูมีประชุมว่ะ ไอ้ซันพึ่งไลน์มาบอก ไปคนเดียวได้ใช่ไหม”


    “ได้ดิ มีมือมีตีนเหมือนกันนะ” ติณณกรหันไปตอบแล้วฉีกยิ้มทะเล้นจนคนตัวสูงอดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือมาดึงจมูกรั้นแรงๆ “เจ็บนะเว้ย”


    “ดึงให้เจ็บ กวนตีนขึ้นทุกวันนะมึงอ่ะ”


    “คนมันหล่อ”


    “ตรรกะเหี้ยไรวะ ไปอาบน้ำแล้วมากินข้าว”


    “อยากกินแกงเขียวหวานปลากรายอ่ะ เมื่อวานให้พี่แนนซื้อปลากรายมาใส่ตู้ไว้แล้ว” ติณณกรดีดตัวลุกขึ้นนั่งแล้วพูดจ้อยๆ ส่งสายตาอ้อนๆมาอย่างที่ชอบทำจนพ่อครัวพยักหน้ารับเขาจึงยอมลุกกลับห้องตัวเองไป


    “ไม่หอบผ้าหอบผ่อนไปอยู่กับเขาเลยล่ะจ๊ะ”


    ยังไม่ทันที่จะก้าวเท้าเข้าห้องตัวเอง เสียงหวานๆของณกานก็ดังขึ้น หญิงสาวนั่งอยู่บนโต๊ะกินข้าวในมือถือแก้วกาแฟถ้วยเล็กไว้ รอยยิ้มล้อเลียนถูกส่งมาให้อย่างที่เจ้าตัวชอบทำประจำ


    “อะไรพี่แนน”


    “พี่จะฟ้องป้านวลว่าลูกชายสุดที่รักใจแตกหนีตามผู้ชายไปไม่รู้จักกลับบ้านกลับช่อง”


    “เพ้อเจ้อ” ติณณกรพูดเสียงเบาๆแล้วเดินหนีเข้าห้องตัวเองไป โดยมีเสียงกลั้วหัวเราะของคนที่ควบตำแหน่งทั้งผู้จัดการทั้งพี่สาวดังตามมา


    “หาว่าพี่เพ้อเจ้อแล้วทำไมต้องหน้าแดงด้วยวะติณณ์”


    กว่าร่างเล็กจะจัดการธุระส่วนตัวเสร็จร่างบางของณกานก็ไม่ได้อยู่ในห้องแล้ว เจ้าหล่อนทิ้งโน๊ตบอกแค่เพียงว่าจะออกไปทำงานแล้วเท่านั้น


    ที่จริงแล้วห้องนี้เขากับณกานอยู่ด้วยกันสองคนมาตั้งแต่ไหนแต่ไร และเจ้าหล่อนก็รู้อยู่นั่นแหละว่าหลังๆมานี้เขาจะหาเรื่องไปนอนห้องนู้นบ่อยๆ แต่ไม่รู้วันนี้นึกยังไงมาแซว


    ติณณกรพาตัวเองกลับมาที่ห้องฝั่งตรงข้าม กลิ่นหอมของเครื่องแกงลอยมาแตะจมูกร่างเล็กนิ่วหน้าเมื่อรู้สึกว่ามันไม่ใช่กลิ่นของแกงเขียวหวาน พอเดินเข้าไปชะโงกดูในชามที่วางอยู่กลางโต๊ะก็เจอแกงป่าปลากรายอยู่แทน กำลังจะหันไปโวยวายแต่สายตาดันไปสะดุดกับจานใส่เนื้อปลาสลิดทอดที่ถูกเลาะก้างออกจนหมดวางอยู่ข้างกัน


    อืมม ให้อภัยก็ได้


    “พริกแกงเขียวหวานมันหมด ไว้วันหลังนะ” ขุนแผนเดินเข้ามาใกล้พร้อมกับขวดน้ำเย็นจัดในมือ ร่างสูงเลื่อนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามนั่งลง


    “อือ” คนตัวแสร้งตอบเสียงเซ็งๆ แล้วหันไปหยิบจานเปล่ามาตักข้าวใส่


    “อย่ามาอือ กูรู้ว่ามึงอยากกินปลาสลิดกับแกงป่ามากกว่า บ่นมาเป็นอาทิตย์แล้ว”


    “ทำเป็นรู้ดี” คนตัวเล็กย่นจมูกใส่อย่างขัดใจเมื่อโดนจับได้อีกตามเคย


    “เขาไม่ได้เรียกรู้ดี อย่างเงี้ยเขาเรียก” ร่างสูงโน้มตัวเข้ามาใกล้แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่ทำให้คนฟังหน้าขึ้นสีได้ไม่ยาก “รู้ใจ


    “แหวะ” ติณณกรเบ้ปากแล้วยกมือดันหน้าอีกฝ่ายให้ถอยกลับไปอยู่ที่เดิม ก็ไอ้รอยยิ้มมุมปากกับการยักคิ้วหลิ่วตาเมื่อกี้ของพี่มันดาเมจแรงเกินไปอ่ะครับ ไม่ไหวใจจะปลิว


    หลังมื้ออาหารจบลงติณณกรก็เป็นฝ่ายเก็บล้างเครื่องครัวปล่อยให้ขุนแผนปลีกตัวไปอาบน้ำ ใช้เวลาไม่นานทั้งคู่ก็มานั่งอยู่ด้วยกันบนโซฟากลางห้องเงียบๆ คนน้องกำลังให้ความสนใจกับหนังสือการแพทย์ในมือ ส่วนคนพี่นั่งแต่งสีภาพอยู่บนพื้นด้านล่าง


    ขุนแผนกดบันทึกภาพสุดท้ายหลังจากแต่งสีเสร็จ ร่างสูงยกมือนวดไหล่ข้างขวาของตัวเอง ขยับคอไปมาเพื่อไล่ความเมื่อขบจากการนั่งทำงานเป็นเวลานานๆ เขาเงยหน้าขึ้นมองหน้าคุณหมอที่ยังใส่แว่นอยู่เมื่อสัมผัสหนักๆที่ไหล่ทั้งสองข้าง ร่างสูงเอนตัวพิงโซฟาหลับตาลงรับสัมผัสนั้น


    “แรงๆดิ อืมมม ซ้ายหน่อย”


    ติณณกรขยับมือบีบไหล่กว้างอยู่อย่างนั้นสักพัก จนเสียงโทรศัพท์ของคนที่นั่งหลับตาอยู่ดังขึ้น ร่างสูงเอื้อมมือไปหยิบแล้วกดรับหลังจากพลิกหน้าจอชื่อคนโทรเข้าให้เขาดู


    “เออว่าไง อือ ไม่ลืม อืม เจอกัน”


    หลังจากวางสายขุนแผนก็พาตัวเองขึ้นไปนั่งบนโซฟาที่ว่างอยู่ข้างคนตัวเล็ก นิ้วเรียวประสานกันแล้วยืนแขนเหนือหัวก่อนที่มือสองข้างจะแยกออกจากกัน แขนข้างหนึ่งวาดอยู่ด้านหลังไหล่บางและกำลังจะเนียนโอบแต่ถูกหยุดไว้ด้วยมือของอีกฝ่ายก่อน


    “ไม่เนียน” ติณณกรหันมาบอกแล้วใช้มืออีกข้างดันหน้าผากของอีกฝ่ายแรงๆ จนคนเป็นพี่หงายหลังไปชนกับพนักโซฟา “ไปทำงานได้แล้ว”


    ขุนแผนผุดลุกขึ้นยืนแล้วยีผมอีกฝ่ายเบาๆ ก่อนจะเดินไปหยิบเสื้อคลุมหนังสีดำออกมาจากห้องนอน คว้าแล็ปท็อปใส่กระเป๋าสะพายข้างแล้วพาตัวเองกลับมาแกล้งคนที่ยังนั่งอยู่ที่เดิม


    “กูไปนะ หาข้าวแดกด้วย”


    “อื้อ ขี่รถดีๆ”


    “เจอกันตอนเย็น”


    ติณณกรยิ้มรับคำพูดนั้นแล้วทอดสายตามองแผ่นหลังกว้างที่หายไปหลังประตูที่ปิดลง ร่างเล็กพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ ไม่ใช่ความหนักใจแต่เป็นความสุขที่มันแน่นขนัดอยู่ในอกจนต้องหาทางเอามันออกมาบ้าง

     

    เขาชอบช่วงเวลาแบบนี้ เวลาที่ต่างคนต่างใช้ชีวิตของตัวเองเคียงข้างกัน

    ถ้าความรู้สึกนี้มันเรียกว่า รัก เขาก็คงจะ รัก อีกฝ่ายไปแล้วทั้งใจ

     


    การประชุมตอนบ่ายกับลูกค้าที่เขารับงานผ่านไปได้ด้วยดี เป็นการถ่ายภาพและทำวีดิโอโปรโมทสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดนครนายก เขาเลยโทรไปชวนภูษิตให้ไปช่วยเพราะเห็นว่าอีกฝ่ายเคยเปรยๆว่าอยากจะหาเวลาไปเที่ยวพักผ่อนบ้าง


    [ไปเมื่อไหร่นะ]


    “เสาร์อาทิตย์หน้า มึงว่างใช่ไหม”


    [ไม่ว่างก็ต้องว่างมั้ง มึงพูดขนาดนี้]


    คนฟังนึกขำกับคำตอบของปลายสาย หมั่นไส้ความปากแข็งของเพื่อนรัก ทำเป็นพูดเหมือนไม่เต็มใจแต่ระริกระรี้ตั้งแต่ได้ยินว่ามีที่พักท่ามกลางธรรมชาติให้ฟรี


    “เออ เดี๋ยวกูส่งรายละเอียดให้ในเมล”


    [เออๆ เจอกัน]


    ขุนแผนวางสายแล้วหมุนโทรศัพท์ในมือไปมาในใจนึกคำพูดที่จะชวนใครบางคนให้ไปด้วยกัน นึกถึงสีหน้าดีใจของเด็กที่จะได้ไปเที่ยวแล้วก้าวเท้ายาวไปที่รถจักรยานยนต์คันใหญ่ที่จอดอยู่ไม่ไกล เขาควบรถคู่ใจให้ทะยานออกไปบนท้องถนนด้วยความรวดเร็ว อยากกลับไปหาคนที่รออยู่ห้องเร็วๆ



    แกร่กก


    ภายในห้องมืดสนิทไม่มีวี่แววของร่างเล็ก ขุนแผนเลยดึงประตูห้องตัวเองให้ปิดลงแล้วหันไปเคาะประตูห้องฝั่งตรงข้ามแทน รอไม่นานประตูก็เปิดออกด้วยมือของเจ้าของห้องที่ดูแปลกตานิดหน่อย เมื่อผมด้านหน้าถูกรวบขึ้นมัดไว้กลางหัว แว่นกลมใสกรอบสีดำที่เจ้าตัวใส่เมื่อเช้ายังคงติดอยู่บนใบหน้า


    “กินข้าวยัง”


    “กำลังจะกิน เข้ามาดิสั่งเคเอฟซีไว้พอดี” ติณณกรเบี่ยงกายให้อีกฝ่ายขยับเข้ามาในห้องด้วยกัน ถุงสีขาวคาดลายแดงยังวางนิ่งอยู่บนโต๊ะกินข้าว เจ้าของห้องเดินนำไปจัดการหยิบของกินสารพัดออกมาวางเรียงจนเต็มโต๊ะ


    “สาบานว่าสั่งมาแดกคนเดียว”


    “รู้อยู่แล้วจะถามทำไม” คนที่กำลังง่วนอยู่กับการหยิบของออกมาวางหันไปตอบตาขวาง โทษฐานที่รู้อยู่แล้วว่าเขาสั่งมาเผื่อและรอกินพร้อมพี่มันแล้วยังมีหน้ามาแซวให้เขิน


    ร่างสูงหัวเราะในลำคอแล้วจัดการวางสัมภาระไว้บนโซฟา ก้าวขายาวๆเดินไปหยิบน้ำเปล่าในตู้เย็นกับแก้วน้ำตามไปที่โต๊ะ ก่อนทั้งคู่จะเริ่มลงมือจัดการอาหารตรงหน้า


    “เสาร์อาทิตย์นี้มึงว่างไหม”


    “ไม่อ่ะ รู้สึกวันเสาร์มีงานพัทยา ส่วนวันอาทิตย์นี้มีเวรอ่ะ”


    ” ขุนแผนชะงักไปกับคำตอบนั้น เขาถอนหายใจเบาๆจนติณณกรต้องเอ่ยถาม


    “ทำไม?”


    “กูต้องไปทำงานที่นครนายกเลยว่าจะชวนไปด้วยกัน” ร่างสูงตอบด้วยเสียงสบายๆ มองคนที่ทำตาละห้อยเพราะอดไปเที่ยวแล้วอดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปดึงจมูกรั้นเบาๆ


    “ไอ้พี่ขุน!! มือมึงเลอะอยู่” ติณณกรโวยวายแล้วรับกระดาษทิชชูมาเช็ดจมูกตัวเองเบาๆ ขุนแผนมองคนบ่นกระปอดกระแปดว่าเสียดายแต่ก็ยิ้มออกมาเมื่อเขาบอกว่าคราวหน้าจะถามวันว่างของอีกฝ่ายก่อนแล้วไปด้วยกัน

     


    สะพานไม้กว้างราวๆสองฟุตครึ่งทอดยาวคดเคี้ยวไปตามทุ่งนาสีเขียวขจีที่พลิ้วตามลมหยอกเย้ากับแดดตอนสายๆ เป็นภาพที่ตากล้องหนุ่มต้องยกกล้องขึ้นมาลั่นชัตเตอร์เก็บไว้ เช่นเดียวกับชายหนุ่มอีกสองคนที่กล้องของตัวเองขึ้นมาบันทึกภาพไว้เช่นกัน


    ชายหนุ่มทั้งสามเดินมาจนถึงในส่วนที่ถูกจัดไว้เป็นที่พัก มีร้านกาแฟที่ถูกตกแต่งให้เข้ากับบรรยากาศอยู่ไม่ไกล เดินเลยไปไม่ไกลมีธารน้ำเล็กๆมีน้ำสูงเลยตาตุ่มมาเล็กน้อยไหลเอื่อยๆผ่านบรรดากรวดก้อนน้อยใหญ่  มีหินก้อนใหญ่วางเรียงกันเป็นสะพานให้พอเดินข้ามไปอีกฝั่งได้โดยที่เท้าไม่เปียก


    เป็นสถานที่ที่เหมาะกับการหนีความวุ่นวายจากเมืองหลวงมาพักใจจริงๆ


    เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วถ่ายภาพนั้นส่งไปให้คนที่ทำงานอยู่ที่กรุงเทพ อีกฝ่ายไม่ได้เปิดอ่านในทันทีเพราะว่าคงวุ่นวายอยู่กับงานตัวเอง ร่างสูงเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋ากางเกงแล้วเดินสำรวจรอบๆ พลางเก็บภาพไปด้วย


    “เฮียย อยู่นี่เองป่ะ คุณวิโรจน์มาแล้ว”


    “อืม ไปสิ แล้วไอ้ว่านล่ะ” ขุนแผนลดกล้องในมือลงแล้วหันไปถามเสียงเรียกของรุ่นน้องที่เดินมาเรียก เขายกนาฬิกาขึ้นมาก็พบว่าเป็นเวลาเกือบเที่ยงแล้ว


    “นั่งรออยู่นู่นแล้วครับ”


    ร่างสูงขยับเท้าตามรวีไปพอถึงที่ศาลาใต้ต้นไม้ใหญ่ที่ติดอยู่กับทุ่งนาเขาก็ก้าวขึ้นไปลดตัวนั่งลงบนพื้นที่ว่างข้างเพื่อนรักแล้วยกมือไหว้คนอายุมากกว่า ตรงหน้ามีอาหารนานาชนิดวางเรียงกันอยู่บนโต๊ะเตี้ยๆที่ทำจากไม้สัก


     “อากาศดีจังนะครับ อากาศไม่ร้อนเลย” ภูษิตเริ่มชวนคุยโดยมีเขาพูดเสริมในบางที บทสนทนาระหว่างมื้ออาหารมีรวีกับภูษิตเป็นลูกคู่ชวนคุยไม่หยุด จนเมื่อเวลาคล้อยบ่ายคุณวิโรจน์ขอตัวไปทำงานของตัวเองแล้วบอกให้พวกเขาพักผ่อนตามสบาย


    ทั้งสามตกลงกันว่าจะไปนอนเอนหลังเอาแรงก่อนเพราะตอนนี้แสงแดดแรงมากเกินไป ไว้รอแดดเย็นๆจึงค่อยออกไปทำงานกันอีกครั้ง


    เมื่อเดินมาถึงห้องพักขุนแผนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูก็พบว่าข้อความที่เขาทิ้งไว้ได้ถูกเปิดอ่านแล้ว ตามมาด้วยข้อความโอดโอยของอีกฝ่าย จนเขาหลุดยิ้มเมื่อเผลอนึกไปว่าอีกฝ่ายทำหน้ายังไงอยู่


    ข้อความสุดท้ายบอกไว้แค่ว่าจะไปทานข้าวแล้ว ร่างสูงพิมพ์ข้อความกลับไปแค่ว่าให้ตั้งใจทำงานแล้วปิดหน้าจอลง


    การทำงานของสามหนุ่มจบลงในตอนสายๆของวันอาทิตย์ ภูษิตรับหน้าที่เป็นสารถีเพราะหาเรื่องจะแวะเที่ยวซึ่งขุนแผนก็ไม่ได้ขัดอะไร กว่าจะพากันมาถึงบ้านของภูษิตดวงอาทิตย์ก็ลับขอบฟ้าไปแล้ว


    “กินข้าวก่อนไหม”


    “ไม่อ่ะ เดี๋ยวกูกลับเลย” ร่างสูงว่าแล้วหยิบกระเป๋าขึ้นมาสะพายแล้วเดินไปยังจักรยานยนต์ของตัวเองที่จอดทิ้งไว้


    “เขามีคนรออยู่ที่ห้องก็เงี้ยะแหละพี่ว่าน ทิ้งเพื่อนทิ้งน้อง” รวีพูดตามหลังแล้วหยิบสัมภาระของตัวเองขึ้นสะพายไว้บนบ่าบ้าง พอเห็นขุนแผนขี่รถออกไปเขาก็เลือกที่จะยกมือไหว้รุ่นพี่อีกคนแล้วเดินที่รถของตัวเอง


    ขุนแผนตั้งสมาธิอยู่กับเส้นทางที่คุ้นเคยด้วยความเร็วเท่าทีสภาพการจราจรจะเอื้ออำนวย นัยน์ตาสีนิลหรี่ลงเล็กน้อยเมื่อไฟรถที่ขับสวนมาสาดเข้าตา จนทำให้ภาพตรงหน้าพร่ามั่วไป เสี้ยววินาทีที่ทัศนียภาพด้านหน้าแย่ลง ชายหนุ่มก็รับรู้สึกแรงกระแทกหนักๆ จนต้องปล่อยมือออกจากแฮนด์รถ 


    โครมมมม!!!



    TBC.

    -------------------------------

    #จักวาลขุนติณณ์

    29/05/61 พี่ขุนนนนนน อย่าเป็นอะไรไปน้าาาาา อย่าตีเรานะ เจอกันวันพรุ่งนี้นะคนดี

     ขอบคุณสำหรับคอมเม้นและกำลังใจ และขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ <3 

    T
    B
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×