ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [END] THE SHUTTER ♡ ยิ้ม...ให้คนหลังกล้อง

    ลำดับตอนที่ #11 : SHUTTER 11 : ที่ตรงนี้....?

    • อัปเดตล่าสุด 27 มิ.ย. 61


    THE SHUTTER  11 ที่ตรงนี้

     

     

    ติณณกรเหลือบมองคนที่นั่งอยู่ข้างๆ แล้วลอบถอนหายใจออกมาเบาๆ เมื่ออีกฝ่ายทำตัวเหมือนหุ่นยนต์เข้าไปทุกวัน ทั้งๆที่ขุนแผนยังทำทุกอย่างเหมือนเดิมแต่ติณณกรรู้สึกว่าจริงๆแล้วมันมีบางอย่างที่หายไป


    “พี่มึง ไปดูหนังกันไหม”


    “อืม ไปดิ”


    “พี่อยากดูเรื่องไรอ่ะ”


    “แล้วแต่มึงเลย”


    “กินข้าวก่อนดีป่ะ”


    “เอาสิ”


    “กินไรดีอ่ะ”


    “มึงเลือกเลย”


    เวลาเขาถามอะไรก็จะเออๆออๆตอบเหมือนไม่อยากจะคุย จนในที่สุดเขาก็ต้องเงียบลงแล้วบทสนทนาก็สิ้นสุดลงเท่านั้น ที่สำคัญมันเป็นอย่างนี้มาสามวันแล้ว!!


    ติณณกรหงุดหงิดกับอาการซึมกระทือของอีกฝ่ายเต็มที พอไปบ่นกับณกานเธอก็ถามเรียบๆว่าดูไอจีหรือยัง เมื่อเห็นเขาทำหน้างงเจ้าหล่อนจะเดินหนี พอหันไปถามรวีก็ยิ้มขำๆแล้วบอกให้ไปดูในไอจีแล้วเดินหนีไปอีกทางเหมือนกัน


    ไอจีมันมีอะไรวะ


    ก็ดูอยู่ทุกวัน ไม่เห็นจะมีอะไรเลย


    ติณณกรถอนหลายใจหนักๆอีกรอบจนคนที่นั่งอยู่ข้างกันหันมามองแค่เสี้ยววินาทีแล้วก็หันกลับไปสนใจท้องถนนตรงหน้าต่อ  อาหารมื้อนั้นรสชาติจืดชืดเหมือนสองสามวันที่ผ่านมา ภาพยนต์ที่เขาตั้งตารอมานานก็กร่อยๆยังไงไม่รู้ สาเหตก็เพราะพ่อตัวดีข้าง ๆ นี่แหละ 


    ว้อยยยย พี่มึงจะมีอิทธิพลกับหัวใจกูมากไปแล้วนะ!



    ร่างเล็กมองประตูสีเข้มฝั่งตรงข้ามที่กำลังจะปิดลงแล้วขยับตัวออกแรงดันบานประตูให้มันเปิดขึ้นอีกครั้ง ตีหน้ายุ่งมองเจ้าของห้องที่มองหน้าเขาเชิงถามว่า มีอะไร


              “นอนด้วย”


              คุณหมออาศัยจังหวะเจ้าของห้องแบงค์แทรกตัวเข้ามาในห้องโดยไม่รอคำอนุญาตจากเจ้าของห้อง แต่พอเข้ามาแล้วคุณหมอกลับเงอะงะไม่รู้จะพาตัวเองไปไว้ตรงไหนจนสุดท้ายก็ตัดสินใจคว้าเสื้อผ้าของอีกฝ่ายไปตั้งหลักในห้องน้ำ


              ติณณกรออกมาจากห้องน้ำแล้วเดินมาที่ห้องโถงกลางห้องก็ไม่เห็นเจ้าของห้อง แต่เขาได้ยินเสียงกุกกักมาจากห้องที่จำได้ว่าเป็นห้องสตูดิโอ


    ร่างเล็กพาตัวเองมาหยุดอยู่หน้าตู้เย็นพอแง้มประตูออกมาคนมองก็ต้องเบ้หน้าเมื่อเห็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เรียงอยู่จนเต็มชั้นวาง


              จริงๆมันก็เป็นเรื่องปกติของตู้เย็นห้องนี้


              ร่างเล็กยกมือเกาจมูกเบาๆ แล้วเลือกหยิบเครื่องดื่มกระป๋องสีทองตัดเขียวเข้มขึ้นมาสามสี่กระป๋องแล้วเดินไปเปิดทีวีดูเหมือนอย่างที่เคยทำประจำ


              เวลาผ่านไปเบียร์กระป๋องที่แปดถูกกระแทกลงบนโต๊ะเพราะคนวางแทบจะประคองสติตัวเองเอาไว้ไม่อยู่ และเหมือนว่าเสียงนั้นจะดังพอที่จะเรียกเจ้าของห้องให้เดินออกมาจากห้องทำงาน คิ้วเรียวของร่างสูงขมวดเข้าหากันเมื่อเห็นสภาพคนตรงหน้า


    “ติณณ์ มึงแดกเหี้ยไรเยอะแยะเนี่ย” มือหนาคว้าคอเสื้อนอนย้วยๆไว้ก่อนที่หัวของคนที่นั่งโงนเงนอยู่จะกระแทกเข้ากับขอบโต๊ะ ร่างสูงพาตัวเองมานั่งลงข้างๆคนที่แทบไม่เหลือสติอยู่ติดตัว


    นัยน์ตาหวานฉ่ำช้อนขึ้นมองคนที่นั่งโอบไหล่ของตัวเองอยู่ ติณณกรปัดมือหนาออกแล้วขยับตัวปีนขึ้นมานั่งอยู่บนตักของอีกอย่างทุลักทุเล


    ร่างสูงมองท่าทางนั้นอึ้งๆ แต่ก็ยอมให้อีกฝ่ายขึ้นมานั่งบนตักตัวเองในท่าที่ถ้าใครเห็นก็คงคิดไปไกล เพราะคนตัวเล็กกำลังนั่งคร่อมตักเขาโดยหันหน้ามาเผชิญกัน ขาเรียวตวัดผ่านเอวเขาแล้วเกี่ยวกันไว้ด้านหลังหลวมๆ


    “เมาแล้วใช่ไหม”


    “ไม่มาวววยอมพูดกับกูได้แล้วหรอครับ” คนบนตักพูดเสียงอ้อแอ้แล้วทิ้งหัวซบลงที่บ่าข้างหนึ่งของคนที่นั่งอยู่ข้างล่าง


    “เมาก็ไปนอน”


    “ไม่เอา ไม่นอนเว้ยยย” คนที่ซบอยู่เงยหน้าขึ้นมาโงนเงนจนเกือบหงายหลังตกถ้าขุนแผนไม่ตวัดเกี่ยวเอวบางเอาไว้


    “อย่าดื้อ”


    “มึงเป็นใครเนี่ย มึงแดกพี่ขุนของกูเข้าไปใช่ไหม คายออกมาเลย คายออกมาเดี๋ยวเน้!!” มือขาวปัดป่ายไปมา สอดนิ้วโป้งทั้งสองนิ้วเข้าที่มุมปากของคนเป็นพี่แล้วออกแรงดึงเหมือนจะให้อีกฝ่ายคายพี่ขุนของเขาออกมาให้ได้


    “เอาพี่ขุนของกูคืนมาเลยนะไอ้สัด ฮรือ เอาคืนมา”


    มือเล็กละออกมาจากใบหน้าแล้วเปลี่ยนมาทุบที่อกกว้างของอีกฝ่ายแทน ขุนแผนรวบมือทั้งสองข้างของอีกฝ่ายเอาไว้ด้วยมือข้างเดียวแล้วมองเข้าไปในนัยน์ตาสีเข้มตรงๆ


    “ติณณ์ กูไม่ได้แดกตัวเองเข้าไป”


    “ไม่จริง ฮึกพี่มึงแดกพี่ขุนของกูไป เอาคืนมา”


    ขุนแผนถอนหายใจเบาๆกับอาการของคนตรงหน้า ยอมปล่อยมือของอีกฝ่ายแล้วยกมือปาดน้ำใสๆที่ไหลออกมาไม่หยุดแทน พอเช็ดน้ำที่ไหลมาเลอะดวงหน้าออกหมดน้ำที่เอ่ออยู่ที่ตาก็ไหลลงมาอีกจนคนเช็ดเลิกพยายาม มือหนาจับมือข้างหนึ่งของคนที่พูดไม่รู้เรื่องเอาไว้แล้วกดจูบหนักๆลงกลางฝ่ามือ


    “ชู่วว อย่าร้องครับ พี่อยู่นี่แล้วไง”


    นัยน์ตาสีเข้มเบิกกว้าง มือข้างที่ว่างยกขึ้นปาดน้ำตาตัวเองแล้วช้อนตาขึ้นสบกับนัยน์ตาของคนที่นั่งเป็นเก้าอี้ให้เขาอยู่ แนบมือสองข้างเข้ากับแก้มสากแล้วโน้มตัวเข้ามาใกล้จนร่างสูงต้องเอนหนี


    “ยิ้มหน่อย”


    “ทำไม”


    “พี่ไม่ยิ้มให้ผมมาหลายวันแล้วนะ ยิ้มหน่อยนะครับคนดี”


    คำพูดหวานๆกับตาเชื่อมๆที่มองมาทำให้ขุนแผนหลุดยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ ก็คนตรงหน้าเขานี้มันน่าจับกดเสียตรงนี้ ถ้าไม่มีเหล้าเข้าปากไปก็คงไม่มีวันได้เห็นโมเมนต์นี้จากมันแน่ๆ


    “ตกลงโกรธอะไรผมครับ”


    “ไม่ได้โกรธ”


    “โกหก ไม่โกรธแล้วพี่เมินผมทำไมอ่ะ อึดอัดจะตายอยู่แล้ว” ร่างบางเลื่อนมือลงมาวางไว้บนตักตัวเอง นัยน์ตาสีเข้มหลุบต่ำมองมือตัวเอง


    ขุนแผนมองภาพนั้นแล้วคลี่ยิ้มบางๆ ส่งมือไปเชยคางอีกฝ่ายให้เงยหน้าขึ้นมาสบกันเพียงเสี้ยววินาทีร่างเล็กก็หลบสายตาด้วยการซุกหน้าเข้ากับซอกคอของคนเป็นพี่แทน


    “อึดอัดมากไหม”


    ไม่มีเสียงตอบกลับมามีเพียงความรู้สึกยึกๆตรงหัวไหล่ที่พอจะตีความได้ว่าอีกฝ่ายคงพยักหน้าเร็วๆแทนคำตอบ


    “อยากให้ไปไกลๆไหม”


    “ไม่อยาก!” คนที่ซุกซบอยู่เด้งตัวขึ้นมามองหน้าคนพูดด้วยตาวาวๆอย่างไม่ค่อยพอใจ ร่างสูงจึงเลื่อนมือไปลูบแก้มใสอีกฝ่ายอย่างเอาใจ


    “งั้น บอกพี่หน่อยว่าวันนั้นไปดูหนังกับใครมา”


    “ก็…หมอที่โรงบาลไงไปกันหลายคน เดินๆอยู่ก็โดนเข้าชาร์ตแล้วบังคับให้ไปด้วย ก็เลยเลยตามเลย”


    “พี่เป็นห่วงเห็นบอกจะกลับตั้งแต่เย็น โทรหาก็ไม่ติด” ร่างสูงออกแรงรั้งท้ายทอยอีกฝ่ายให้โน้มลงมาใกล้จนหน้าผากของทั้งคู่แนบกัน


    “ขอโทษ”


    “อย่าทำแบบนั้นอีกได้ไหม อย่าหายไปไหนไม่บอกอีกได้ไหมครับ”


    “ครับ หายโกรธแล้วใช่ไหม”


    “อืม” ขุนแผนพูดยิ้มๆ ขยับให้อีกฝ่ายซบลงที่บ่ากว้างเพราะเขาไม่แน่ใจว่าตัวเองจะห้ามใจไม่ให้ขโมยจูบอีกฝ่ายได้ถ้ายังอยู่ในท่านั้น มือข้างหนึ่งขยับลูบหลังอีกฝ่ายเบาๆส่วนอีกข้างสอดเข้าไปลูบไล้ในกลุ่มเส้นผมนุ่ม


    “สร่างยัง”


    “ยัง”


    “แต่เสียงมึงใสมาสักพักละนะ”


    “โว๊ะ” ติณณกรสบถแล้วเงยหน้าขึ้นมามองหน้าอีกฝ่ายตาใส ริมฝีปากบางเบะออกนิดๆเมื่อโดนจับได้ จริงๆเขาไม่ได้เมา เออ เมาก็ได้ เมาแบบมึนๆ แบบมีสติรับรู้แต่ทรงตัวไม่ค่อยอยู่ แถมยังขาดการยับยั้งชั่งใจกับปากรั่วไปอีกหน่อยพอรู้สึกตัวว่ากำลังนั่งคร่อมตักพี่มันอยู่เลยต้องแกล้งเมาแก้เขินไปเสีย “เบื่อคนรู้ทัน”


    “ตอแหลไม่เนียนไปเรียนมาใหม่” ขุนแผนว่าแล้วผลักหัวคนตัวเล็กกว่าเบาๆ แล้วปล่อยให้อีกฝ่ายพลิกตัวลงมานั่งบนโซฟาข้างเขาดีๆ


    “ตกลงโกรธผมเรื่องนั้นจริงดิ”


    “เปล่า” ขุนแผนตอบหน้าตายเพราะเขาไม่ได้โกรธเรื่องนั้น ความรู้สึกเดียวที่มีเกี่ยวกับเรื่องนั้นคือเป็นห่วงมันนั่นแหละ ส่วนเรื่องที่เขานอยด์ก็นั่นแหละครับ


    “แล้วพี่เป็นเชี่ยไรเนี่ย”


    “เป็นคนหล่อ”


    “โว๊ะ เออพี่รู้ป่ะว่าไอจีมันมีไรวะ” ติณณกรหันไปถามคำถามที่คาใจมากพอๆกับอาการแปลกๆของอีกฝ่าย เพราะสองสามวันมานี้ณกานกับรวีเอาแต่ไล่ให้เขาไปดูไอจีอยู่นั่น


    “กูจะไปรู้มึงหรอ”


    “งั้นก็ช่างแม่งละกัน” ร่างเล็กว่าอย่างนั้นแล้วเอนตัวซบหัวลงบนไหล่กว้าง


    สร่างแล้วก็อย่ามานัวเนีย เดี๋ยวก็มีผัวไม่รู้ตัวหรอก” ขุนแผนพูดนิ่งๆแล้วผลักหัวอีกฝ่ายให้ออกไปจากไหล่ตัวเอง ก่อนจะลุกไปหยิบเบียร์ในตู้เย็นออกมาอีกสามกระป๋อง ถุงมันฝรั่งทอดถูกหยิบติดมือมาด้วยตอนที่เดินผ่านเคาท์เตอร์


    “มึงเชียร์ทีมไหน” ร่างสูงวางของที่หยิบมาบนโต๊ะตัวเตี้ยด้านหน้าแล้วเอ่ยถามเมื่อเห็นทีวีจอใหญ่กำลังฉายบอลคู่สำคัญของคืนนี้ศึกวันแดงเดือด


    “หงส์ดิ”


    “หึหึ หงส์หรือเป็ด”


    ร่างเล็กปรายตามามองแล้วแยกเขี้ยวใส่ หยิบถุงมันฝรั่งมาฉีกกลางซองแล้ววางไว้ที่เดิม มือเรียวที่กำลังจะเอื้อมไปหยิบกระป๋องเบียร์โดนอีกฝ่ายตีเบาๆ


    “พอแล้วมึงอ่ะ แดกไรเยอะแยะเปลือง”


    “งกจริงเว้ย”


    ขุนแผนเอนกายพิงโซฟาแล้วทอดสายตามองคนที่นั่งค้อมตัวเอาข้อศอกวางไว้บนหน้าขาตัวเองเพื่อที่จะหยิบมันฝรั่งทอดเข้าปากได้สะดวก เขาย้ายกระป๋องเบียร์มาถือไว้มือซ้ายแล้ววาดแขนขวาพาดพนักโซฟาฝั่งที่อีกฝ่ายนั่งอยู่


    “ยิง ยิงดิ โว้ยยยย!!” คนที่จดจ้องอยู่บอลตบเข่าเสียงดังเมื่อเห็นว่าลูกกลมๆเลยผ่านคานไปอย่างน่าเสียดาย ร่างบางทิ้งตัวเอนพิงพนักโซฟาเลยเหมือนเป็นว่าเขาพาตัวเองเข้าไปอยู่ในอาณาเขตอ้อมแขนของอีกฝ่ายกลายๆ


    “รอจังหวะนี้มานานแล้วดิ”


    “รออะไร” ขุนแผนทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้แล้วยกเบียร์ขึ้นจิบเพื่อซ่อนรอยยิ้มที่มุมปาก


    “พี่มึงถนัดขวา ทำมาเป็นถือเบียร์ข้างซ้าย อยากกอดก็กอดไม่ต้องมาเนียน”


    “ได้หรอ?”


    สิ้นประโยคที่คล้ายว่าจะเป็นคำถามแขนที่เคยพาดอยู่บนพนักพิงก็ตวัดลงมาเกี่ยวเอวบางแล้วออกแรงดึงเข้าหาตัวโดยไม่รอคำตอบจากอีกฝ่าย


    ติณณกรขยับตัวเล็กน้อยให้นั่งสบายแต่ก็ไม่ได้ขัดขืนอะไร แถมยังยื่นมือไปแย่งเบียร์ในมืออีกฝ่ายไปกินหน้าตาเฉย จนคนโดนแย่งเบียร์ไปยกยิ้มมุมปากกับการกระทำนั้น แต่ก็เลือกที่จะไม่ทักท้วงอะไรกลัวว่าไอ้คนตัวเล็กจะเขินโวยวายจนทำลายบรรยากาศดีๆของคืนนี้ลง


    ก็แค่จูบทางอ้อม เอาไว้มันสมยอมเมื่อไหร่พ่อจะจูบจริงให้ปากเปื่อยเลยคอยดู

     


    ขุนแผนขยับตัวเมื่อรู้สึกว่าเช้าวันใหม่มาถึงแล้วต่างจากคนที่ใช้อกเขาแทนหมอนที่ยังคงนอนนิ่งไม่ขยับ เมื่อคืนมันหลับไปทั้งๆที่บอลครึ่งแรกยังไม่จบ เดือดร้อนเขาต้องออกแรงแบกให้มานอนบนเตียงด้วยกันดีๆ โดยที่ไม่ลืมหาเศษหาเลยด้วยการดึงอีกฝ่ายเข้ามากอดไว้อย่างที่ทำประจำ ถึงจะต้องแลกกับการที่เหมือนเป็นอัมพาตไปครึ่งซึกนี่ ก็ยังถือว่าอยู่ในจุดคุ้มทุน


    แขนอีกข้างที่ว่างเอื้อมไปจับกล้องตัวเล็กที่วางอยู่ไม่ไกลขึ้นมา จัดองศากล้องให้เห็นแค่คนที่นอนซบอกเขาอยู่แล้วกดชัตเตอร์ลง เขาเปลี่ยนมุมกล้องแล้วกดชัตเตอร์อีกสองสามครั้ง


    มือที่กำลังจะเลื่อนดูภาพชะงักลงแล้วเปลี่ยนเป็นไปเอากล้องไปวางไว้ที่เดิมแทนเมื่อรู้สึกว่านายแบบจำเป็นของเขาจะตื่นซะแล้ว ร่างสูงปิดเปลือกตาแล้วหันหน้าไปอีกฝั่ง แต่แกล้งหลับได้ไม่นานก็ต้องตื่นเพราะโดดดีดหน้าผากเข้าเต็มแรงด้วยฝีมือของคนที่ตื่นทีหลัง


    “อย่ามาทำเป็นหลับตาพริ้ม เสียงชัตเตอร์ดังขนาดนั้นกูไม่ได้หูหนวกนะพี่”


    “ถ้าจะพูดกูไม่ต้องเรียกพี่ก็ได้”


    “ได้หรอ”


    “เดี๋ยวจะโดน ตื่นแล้วก็ลุกไป ตัวกูชาไปซีกนึงแล้วเนี่ย” ขุนแผนผลักหัวอีกฝ่ายเบาๆ แล้วหยัดตัวขึ้นนั่งพิงหัวเตียง


    “เอามาดูหน่อย”


    ติณณกรแบมือกระดิกนิ้วอยู่ไม่นานกล้องตัวเล็กก็ตกอยู่ในครอบครองของเขา ร่างเล็กพลิกตัวขึ้นนั่งพิงหัวเตียงข้างๆเจ้าของกล้องแล้วเริ่มเปิดรูปไล่ดูตัวเองทีละรูป


    “ขนาดหลับยังหล่อคนอะไร ขอนะพี่”


    “เอาไปสิรูปมึงนิ” ขุนแผนพยักหน้าส่งๆแล้วลุกตัวขึ้น หยิบผ้าเช็ดตัวแล้วหายไปในห้องน้ำ


    ส่วนคนบนเตียงก็จัดการส่งรูปเข้าโทรศัพท์ตัวเองแล้วกดเลื่อนรูปไปมาเพื่อหารูปที่ถูกใจสุดแต่เลือกไม่ถูกเพราะชอบทุกรูป งั้นอัพแม่งเป็นอัลบั้มไปเลยแล้วกัน

     

    Ployyu ปลอกหมอนเหมือนเสื้อเลยนะคะพี่ติณณ์

    Bbjung คิดเหมือนกันใช่ไหมมมม เสื้อใครรร

    Nofmun อื้อออ แก้มพี่ติณณ์ น่าฝังจมูกมั่กๆ

     

    ติณณกรเลื่อนผ่านคอมเมนท์ผ่านๆแล้วกลับมาคิดเรื่องที่ยังรบกวนจิตใจอยู่ทั้งๆที่คิดว่าไม่สนใจแล้วแต่มันก็ยังค้างคาแปลกๆ คุณหมอทิ้งตัวลงนอนหงายแล้วกวาดสายตามองหน้าข้อมูลส่วนตัวของไอจีตัวเองช้าๆ


    อืมมมก็ไม่ห็นมีอะไร

    เอ้ะจำนวนของคนที่เขากำลังติดตามเพิ่มขึ้นหรือเปล่านะ

    แต่เขาว่าเขาไม่ได้ไปกดติดตามใครเพิ่มนี่นา


    เร็วเท่าความคิดนิ้วเรียวกดเข้าไปเพื่อดูรายชื่อทันที แล้วชื่อที่ขึ้นอยู่ชื่อแรกก็เป็นแอคเคาท์ที่เขามั่นใจว่าตัวเองไม่ได้กดฟอลแต่ว่ามันกลับรู้สึกคุ้นๆ


    -พรุ่งนี้ จะกลับไปเอาคำตอบนะ-


    เชี่ยยย ชัดเลย


    ติณณกรกดเข้าไปที่แอคเคาท์ด้วยความรวดเร็ว สิ่งที่ปรากฏอยู่ทำเขามือไม้อ่อนจนโทรศัพท์เครื่องบางเกือบร่วงใส่หน้าตัวเอง ร่างบางพลิกตัวนอนคว่ำแล้วพินิจสิ่งที่อยู่ตรงหน้าอีกครั้ง


    ภาพเขาหันกลับมามองกล้องครึ่งตัว ฉากหลังเป็นทางเดินที่จำได้ว่าเป็นหนึ่งในโลเคชั่นที่พี่ขุนลากไปลองกล้อง เพราะฉะนั้นแอคเคาท์นี้ต้องเป็นของพี่มันแน่ๆ แถมข้อความที่ส่งมาก็เป็นก่อนวันที่พี่มันจะกลับมาจากต่างจังหวัดด้วย


    ภาพนั้นประกอบจากภาพเล็กๆ 9 ภาพที่ถูกแยกออกจากกันแล้ววางเรียงกันตามลำดับ มีลูกศรอาร์ตที่ชี้ไปที่หน้าอกข้างซ้ายพร้อมกับมีตัวอักษรภาษาอังกฤษสั้นถูกกำกับไว้


    Pardon me, is seat taken?

    (ขอโทษนะครับ ที่ตรงนี้(หัวใจ)มีคนจองแล้วหรือยัง)


    “เชี่ย”


              ติณณกรกดออกจากแอคเคาท์นั้นแล้วซุกหน้าร้อนๆของตัวเองลงกับหมอน หัวใจที่เต้นเหมือนจะทะลุออกมานอกอกยิ่งทำให้เขานึกอยากจะระเหิดหายไปจากตรงนี้ก่อนที่เจ้าของประโยคที่ว่าจะเดินออกมาจากห้องน้ำเหลือเกิน


              เออ รู้แล้วว่าไอจีมันมีอะไร!!


              เหมือนโดนอัลติเมทกลางใจเลยครับ เลือดลดครึ่งหลอด ไอ้ฉิบหายใจกู บางเป็นกระดาษเลย



    TBC.

    ---------------------------------

    #จักรวาลขุนติณณ์

    25/05/61 ขอโทษเด็กหงส์ด้วยเพราะว่าเค้าเด็กผี แฮร่ ^^ แต่โมเมนต์ของตอนนี้ดีจริงอะไรจริง โดยเฉพาะประโยคขอจีบกลายๆของพี่ขุน กรี้ดดดด ทำเป็นเนียนถามว่ามีคนจองหรือยัง จะจีบก็รีบจีบเดี๋ยวหมาคาบไปแดกจริงๆนะ คึคึ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ เลิ้บยูออลลลล >< กรีมฟิคในทวิตเตอร์ให้เค้าหน่อยจิ

    T
    B
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×