คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : SHUTTER 11 : ที่ตรงนี้....?
THE
SHUTTER ♡ 11 ที่ตรงนี้…
ติณณกรเหลือบมองคนที่นั่งอยู่ข้างๆ
แล้วลอบถอนหายใจออกมาเบาๆ เมื่ออีกฝ่ายทำตัวเหมือนหุ่นยนต์เข้าไปทุกวัน
ทั้งๆที่ขุนแผนยังทำทุกอย่างเหมือนเดิมแต่ติณณกรรู้สึกว่าจริงๆแล้วมันมีบางอย่างที่หายไป
“พี่มึง ไปดูหนังกันไหม”
“อืม ไปดิ”
“พี่อยากดูเรื่องไรอ่ะ”
“แล้วแต่มึงเลย”
“กินข้าวก่อนดีป่ะ”
“เอาสิ”
“กินไรดีอ่ะ”
“มึงเลือกเลย”
เวลาเขาถามอะไรก็จะเออๆออๆตอบเหมือนไม่อยากจะคุย
จนในที่สุดเขาก็ต้องเงียบลงแล้วบทสนทนาก็สิ้นสุดลงเท่านั้น ที่สำคัญมันเป็นอย่างนี้มาสามวันแล้ว!!
ติณณกรหงุดหงิดกับอาการซึมกระทือของอีกฝ่ายเต็มที พอไปบ่นกับณกานเธอก็ถามเรียบๆว่าดูไอจีหรือยัง เมื่อเห็นเขาทำหน้างงเจ้าหล่อนจะเดินหนี พอหันไปถามรวีก็ยิ้มขำๆแล้วบอกให้ไปดูในไอจีแล้วเดินหนีไปอีกทางเหมือนกัน
ไอจีมันมีอะไรวะ
ก็ดูอยู่ทุกวัน ไม่เห็นจะมีอะไรเลย
ติณณกรถอนหลายใจหนักๆอีกรอบจนคนที่นั่งอยู่ข้างกันหันมามองแค่เสี้ยววินาทีแล้วก็หันกลับไปสนใจท้องถนนตรงหน้าต่อ อาหารมื้อนั้นรสชาติจืดชืดเหมือนสองสามวันที่ผ่านมา
ภาพยนต์ที่เขาตั้งตารอมานานก็กร่อยๆยังไงไม่รู้ สาเหตก็เพราะพ่อตัวดีข้าง ๆ นี่แหละ
ว้อยยยย พี่มึงจะมีอิทธิพลกับหัวใจกูมากไปแล้วนะ!
ร่างเล็กมองประตูสีเข้มฝั่งตรงข้ามที่กำลังจะปิดลงแล้วขยับตัวออกแรงดันบานประตูให้มันเปิดขึ้นอีกครั้ง
ตีหน้ายุ่งมองเจ้าของห้องที่มองหน้าเขาเชิงถามว่า มีอะไร
“นอนด้วย”
คุณหมออาศัยจังหวะเจ้าของห้องแบงค์แทรกตัวเข้ามาในห้องโดยไม่รอคำอนุญาตจากเจ้าของห้อง
แต่พอเข้ามาแล้วคุณหมอกลับเงอะงะไม่รู้จะพาตัวเองไปไว้ตรงไหนจนสุดท้ายก็ตัดสินใจคว้าเสื้อผ้าของอีกฝ่ายไปตั้งหลักในห้องน้ำ
ติณณกรออกมาจากห้องน้ำแล้วเดินมาที่ห้องโถงกลางห้องก็ไม่เห็นเจ้าของห้อง
แต่เขาได้ยินเสียงกุกกักมาจากห้องที่จำได้ว่าเป็นห้องสตูดิโอ
ร่างเล็กพาตัวเองมาหยุดอยู่หน้าตู้เย็นพอแง้มประตูออกมาคนมองก็ต้องเบ้หน้าเมื่อเห็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เรียงอยู่จนเต็มชั้นวาง
จริงๆมันก็เป็นเรื่องปกติของตู้เย็นห้องนี้
ร่างเล็กยกมือเกาจมูกเบาๆ
แล้วเลือกหยิบเครื่องดื่มกระป๋องสีทองตัดเขียวเข้มขึ้นมาสามสี่กระป๋องแล้วเดินไปเปิดทีวีดูเหมือนอย่างที่เคยทำประจำ
เวลาผ่านไปเบียร์กระป๋องที่แปดถูกกระแทกลงบนโต๊ะเพราะคนวางแทบจะประคองสติตัวเองเอาไว้ไม่อยู่
และเหมือนว่าเสียงนั้นจะดังพอที่จะเรียกเจ้าของห้องให้เดินออกมาจากห้องทำงาน คิ้วเรียวของร่างสูงขมวดเข้าหากันเมื่อเห็นสภาพคนตรงหน้า
“ติณณ์ มึงแดกเหี้ยไรเยอะแยะเนี่ย”
มือหนาคว้าคอเสื้อนอนย้วยๆไว้ก่อนที่หัวของคนที่นั่งโงนเงนอยู่จะกระแทกเข้ากับขอบโต๊ะ
ร่างสูงพาตัวเองมานั่งลงข้างๆคนที่แทบไม่เหลือสติอยู่ติดตัว
นัยน์ตาหวานฉ่ำช้อนขึ้นมองคนที่นั่งโอบไหล่ของตัวเองอยู่
ติณณกรปัดมือหนาออกแล้วขยับตัวปีนขึ้นมานั่งอยู่บนตักของอีกอย่างทุลักทุเล
ร่างสูงมองท่าทางนั้นอึ้งๆ
แต่ก็ยอมให้อีกฝ่ายขึ้นมานั่งบนตักตัวเองในท่าที่ถ้าใครเห็นก็คงคิดไปไกล
เพราะคนตัวเล็กกำลังนั่งคร่อมตักเขาโดยหันหน้ามาเผชิญกัน
ขาเรียวตวัดผ่านเอวเขาแล้วเกี่ยวกันไว้ด้านหลังหลวมๆ
“เมาแล้วใช่ไหม”
“ไม่มาววว…ยอมพูดกับกูได้แล้วหรอครับ”
คนบนตักพูดเสียงอ้อแอ้แล้วทิ้งหัวซบลงที่บ่าข้างหนึ่งของคนที่นั่งอยู่ข้างล่าง
“เมาก็ไปนอน”
“ไม่เอา ไม่นอนเว้ยยย” คนที่ซบอยู่เงยหน้าขึ้นมาโงนเงนจนเกือบหงายหลังตกถ้าขุนแผนไม่ตวัดเกี่ยวเอวบางเอาไว้
“อย่าดื้อ”
“มึงเป็นใครเนี่ย มึงแดกพี่ขุนของกูเข้าไปใช่ไหม
คายออกมาเลย คายออกมาเดี๋ยวเน้!!” มือขาวปัดป่ายไปมา
สอดนิ้วโป้งทั้งสองนิ้วเข้าที่มุมปากของคนเป็นพี่แล้วออกแรงดึงเหมือนจะให้อีกฝ่ายคายพี่ขุนของเขาออกมาให้ได้
“เอาพี่ขุนของกูคืนมาเลยนะไอ้สัด ฮรือ เอาคืนมา”
มือเล็กละออกมาจากใบหน้าแล้วเปลี่ยนมาทุบที่อกกว้างของอีกฝ่ายแทน
ขุนแผนรวบมือทั้งสองข้างของอีกฝ่ายเอาไว้ด้วยมือข้างเดียวแล้วมองเข้าไปในนัยน์ตาสีเข้มตรงๆ
“ติณณ์ กูไม่ได้แดกตัวเองเข้าไป”
“ไม่จริง ฮึก…พี่มึงแดกพี่ขุนของกูไป
เอาคืนมา”
ขุนแผนถอนหายใจเบาๆกับอาการของคนตรงหน้า
ยอมปล่อยมือของอีกฝ่ายแล้วยกมือปาดน้ำใสๆที่ไหลออกมาไม่หยุดแทน
พอเช็ดน้ำที่ไหลมาเลอะดวงหน้าออกหมดน้ำที่เอ่ออยู่ที่ตาก็ไหลลงมาอีกจนคนเช็ดเลิกพยายาม
มือหนาจับมือข้างหนึ่งของคนที่พูดไม่รู้เรื่องเอาไว้แล้วกดจูบหนักๆลงกลางฝ่ามือ
“ชู่วว อย่าร้องครับ พี่อยู่นี่แล้วไง”
นัยน์ตาสีเข้มเบิกกว้าง
มือข้างที่ว่างยกขึ้นปาดน้ำตาตัวเองแล้วช้อนตาขึ้นสบกับนัยน์ตาของคนที่นั่งเป็นเก้าอี้ให้เขาอยู่
แนบมือสองข้างเข้ากับแก้มสากแล้วโน้มตัวเข้ามาใกล้จนร่างสูงต้องเอนหนี
“ยิ้มหน่อย”
“ทำไม”
“พี่ไม่ยิ้มให้ผมมาหลายวันแล้วนะ ยิ้มหน่อยนะครับคนดี”
คำพูดหวานๆกับตาเชื่อมๆที่มองมาทำให้ขุนแผนหลุดยิ้มอย่างช่วยไม่ได้
ก็คนตรงหน้าเขานี้มันน่าจับกดเสียตรงนี้ ถ้าไม่มีเหล้าเข้าปากไปก็คงไม่มีวันได้เห็นโมเมนต์นี้จากมันแน่ๆ
“ตกลงโกรธอะไรผมครับ”
“ไม่ได้โกรธ”
“โกหก ไม่โกรธแล้วพี่เมินผมทำไมอ่ะ
อึดอัดจะตายอยู่แล้ว” ร่างบางเลื่อนมือลงมาวางไว้บนตักตัวเอง นัยน์ตาสีเข้มหลุบต่ำมองมือตัวเอง
ขุนแผนมองภาพนั้นแล้วคลี่ยิ้มบางๆ ส่งมือไปเชยคางอีกฝ่ายให้เงยหน้าขึ้นมาสบกันเพียงเสี้ยววินาทีร่างเล็กก็หลบสายตาด้วยการซุกหน้าเข้ากับซอกคอของคนเป็นพี่แทน
“อึดอัดมากไหม”
ไม่มีเสียงตอบกลับมามีเพียงความรู้สึกยึกๆตรงหัวไหล่ที่พอจะตีความได้ว่าอีกฝ่ายคงพยักหน้าเร็วๆแทนคำตอบ
“อยากให้ไปไกลๆไหม”
“ไม่อยาก!”
คนที่ซุกซบอยู่เด้งตัวขึ้นมามองหน้าคนพูดด้วยตาวาวๆอย่างไม่ค่อยพอใจ ร่างสูงจึงเลื่อนมือไปลูบแก้มใสอีกฝ่ายอย่างเอาใจ
“งั้น บอกพี่หน่อยว่าวันนั้นไปดูหนังกับใครมา”
“ก็…หมอที่โรงบาลไงไปกันหลายคน
เดินๆอยู่ก็โดนเข้าชาร์ตแล้วบังคับให้ไปด้วย ก็เลยเลยตามเลย”
“พี่เป็นห่วงเห็นบอกจะกลับตั้งแต่เย็น โทรหาก็ไม่ติด”
ร่างสูงออกแรงรั้งท้ายทอยอีกฝ่ายให้โน้มลงมาใกล้จนหน้าผากของทั้งคู่แนบกัน
“ขอโทษ”
“อย่าทำแบบนั้นอีกได้ไหม อย่าหายไปไหนไม่บอกอีก…ได้ไหมครับ”
“ครับ หายโกรธแล้วใช่ไหม”
“อืม” ขุนแผนพูดยิ้มๆ ขยับให้อีกฝ่ายซบลงที่บ่ากว้างเพราะเขาไม่แน่ใจว่าตัวเองจะห้ามใจไม่ให้ขโมยจูบอีกฝ่ายได้ถ้ายังอยู่ในท่านั้น
มือข้างหนึ่งขยับลูบหลังอีกฝ่ายเบาๆส่วนอีกข้างสอดเข้าไปลูบไล้ในกลุ่มเส้นผมนุ่ม
“สร่างยัง”
“ยัง”
“แต่เสียงมึงใสมาสักพักละนะ”
“โว๊ะ” ติณณกรสบถแล้วเงยหน้าขึ้นมามองหน้าอีกฝ่ายตาใส
ริมฝีปากบางเบะออกนิดๆเมื่อโดนจับได้ จริงๆเขาไม่ได้เมา เออ เมาก็ได้ เมาแบบมึนๆ
แบบมีสติรับรู้แต่ทรงตัวไม่ค่อยอยู่ แถมยังขาดการยับยั้งชั่งใจกับปากรั่วไปอีกหน่อยพอรู้สึกตัวว่ากำลังนั่งคร่อมตักพี่มันอยู่เลยต้องแกล้งเมาแก้เขินไปเสีย
“เบื่อคนรู้ทัน”
“ตอแหลไม่เนียนไปเรียนมาใหม่” ขุนแผนว่าแล้วผลักหัวคนตัวเล็กกว่าเบาๆ
แล้วปล่อยให้อีกฝ่ายพลิกตัวลงมานั่งบนโซฟาข้างเขาดีๆ
“ตกลงโกรธผมเรื่องนั้นจริงดิ”
“เปล่า” ขุนแผนตอบหน้าตายเพราะเขาไม่ได้โกรธเรื่องนั้น
ความรู้สึกเดียวที่มีเกี่ยวกับเรื่องนั้นคือเป็นห่วงมันนั่นแหละ
ส่วนเรื่องที่เขานอยด์…ก็นั่นแหละครับ
“แล้วพี่เป็นเชี่ยไรเนี่ย”
“เป็นคนหล่อ”
“โว๊ะ เออพี่รู้ป่ะว่าไอจีมันมีไรวะ”
ติณณกรหันไปถามคำถามที่คาใจมากพอๆกับอาการแปลกๆของอีกฝ่าย
เพราะสองสามวันมานี้ณกานกับรวีเอาแต่ไล่ให้เขาไปดูไอจีอยู่นั่น
“กูจะไปรู้มึงหรอ”
“งั้นก็ช่างแม่งละกัน” ร่างเล็กว่าอย่างนั้นแล้วเอนตัวซบหัวลงบนไหล่กว้าง
“สร่างแล้วก็อย่ามานัวเนีย
เดี๋ยวก็มีผัวไม่รู้ตัวหรอก”
ขุนแผนพูดนิ่งๆแล้วผลักหัวอีกฝ่ายให้ออกไปจากไหล่ตัวเอง
ก่อนจะลุกไปหยิบเบียร์ในตู้เย็นออกมาอีกสามกระป๋อง
ถุงมันฝรั่งทอดถูกหยิบติดมือมาด้วยตอนที่เดินผ่านเคาท์เตอร์
“มึงเชียร์ทีมไหน” ร่างสูงวางของที่หยิบมาบนโต๊ะตัวเตี้ยด้านหน้าแล้วเอ่ยถามเมื่อเห็นทีวีจอใหญ่กำลังฉายบอลคู่สำคัญของคืนนี้…ศึกวันแดงเดือด
“หงส์ดิ”
“หึหึ หงส์หรือเป็ด”
ร่างเล็กปรายตามามองแล้วแยกเขี้ยวใส่
หยิบถุงมันฝรั่งมาฉีกกลางซองแล้ววางไว้ที่เดิม มือเรียวที่กำลังจะเอื้อมไปหยิบกระป๋องเบียร์โดนอีกฝ่ายตีเบาๆ
“พอแล้วมึงอ่ะ แดกไรเยอะแยะเปลือง”
“งกจริงเว้ย”
ขุนแผนเอนกายพิงโซฟาแล้วทอดสายตามองคนที่นั่งค้อมตัวเอาข้อศอกวางไว้บนหน้าขาตัวเองเพื่อที่จะหยิบมันฝรั่งทอดเข้าปากได้สะดวก
เขาย้ายกระป๋องเบียร์มาถือไว้มือซ้ายแล้ววาดแขนขวาพาดพนักโซฟาฝั่งที่อีกฝ่ายนั่งอยู่
“ยิง ยิงดิ โว้ยยยย!!”
คนที่จดจ้องอยู่บอลตบเข่าเสียงดังเมื่อเห็นว่าลูกกลมๆเลยผ่านคานไปอย่างน่าเสียดาย ร่างบางทิ้งตัวเอนพิงพนักโซฟา…เลยเหมือนเป็นว่าเขาพาตัวเองเข้าไปอยู่ในอาณาเขตอ้อมแขนของอีกฝ่ายกลายๆ
“รอจังหวะนี้มานานแล้วดิ”
“รออะไร”
ขุนแผนทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้แล้วยกเบียร์ขึ้นจิบเพื่อซ่อนรอยยิ้มที่มุมปาก
“พี่มึงถนัดขวา ทำมาเป็นถือเบียร์ข้างซ้าย
อยากกอดก็กอดไม่ต้องมาเนียน”
“ได้หรอ?”
สิ้นประโยคที่คล้ายว่าจะเป็นคำถามแขนที่เคยพาดอยู่บนพนักพิงก็ตวัดลงมาเกี่ยวเอวบางแล้วออกแรงดึงเข้าหาตัวโดยไม่รอคำตอบจากอีกฝ่าย
ติณณกรขยับตัวเล็กน้อยให้นั่งสบายแต่ก็ไม่ได้ขัดขืนอะไร
แถมยังยื่นมือไปแย่งเบียร์ในมืออีกฝ่ายไปกินหน้าตาเฉย
จนคนโดนแย่งเบียร์ไปยกยิ้มมุมปากกับการกระทำนั้น แต่ก็เลือกที่จะไม่ทักท้วงอะไรกลัวว่าไอ้คนตัวเล็กจะเขินโวยวายจนทำลายบรรยากาศดีๆของคืนนี้ลง
ก็แค่จูบทางอ้อม เอาไว้มันสมยอมเมื่อไหร่พ่อจะจูบจริงให้ปากเปื่อยเลยคอยดู
ขุนแผนขยับตัวเมื่อรู้สึกว่าเช้าวันใหม่มาถึงแล้วต่างจากคนที่ใช้อกเขาแทนหมอนที่ยังคงนอนนิ่งไม่ขยับ เมื่อคืนมันหลับไปทั้งๆที่บอลครึ่งแรกยังไม่จบ เดือดร้อนเขาต้องออกแรงแบกให้มานอนบนเตียงด้วยกันดีๆ โดยที่ไม่ลืมหาเศษหาเลยด้วยการดึงอีกฝ่ายเข้ามากอดไว้อย่างที่ทำประจำ ถึงจะต้องแลกกับการที่เหมือนเป็นอัมพาตไปครึ่งซึกนี่ ก็ยังถือว่าอยู่ในจุดคุ้มทุน
แขนอีกข้างที่ว่างเอื้อมไปจับกล้องตัวเล็กที่วางอยู่ไม่ไกลขึ้นมา
จัดองศากล้องให้เห็นแค่คนที่นอนซบอกเขาอยู่แล้วกดชัตเตอร์ลง
เขาเปลี่ยนมุมกล้องแล้วกดชัตเตอร์อีกสองสามครั้ง
มือที่กำลังจะเลื่อนดูภาพชะงักลงแล้วเปลี่ยนเป็นไปเอากล้องไปวางไว้ที่เดิมแทนเมื่อรู้สึกว่านายแบบจำเป็นของเขาจะตื่นซะแล้ว
ร่างสูงปิดเปลือกตาแล้วหันหน้าไปอีกฝั่ง
แต่แกล้งหลับได้ไม่นานก็ต้องตื่นเพราะโดดดีดหน้าผากเข้าเต็มแรงด้วยฝีมือของคนที่ตื่นทีหลัง
“อย่ามาทำเป็นหลับตาพริ้ม
เสียงชัตเตอร์ดังขนาดนั้นกูไม่ได้หูหนวกนะพี่”
“ถ้าจะพูดกูไม่ต้องเรียกพี่ก็ได้”
“ได้หรอ”
“เดี๋ยวจะโดน ตื่นแล้วก็ลุกไป
ตัวกูชาไปซีกนึงแล้วเนี่ย” ขุนแผนผลักหัวอีกฝ่ายเบาๆ
แล้วหยัดตัวขึ้นนั่งพิงหัวเตียง
“เอามาดูหน่อย”
ติณณกรแบมือกระดิกนิ้วอยู่ไม่นานกล้องตัวเล็กก็ตกอยู่ในครอบครองของเขา
ร่างเล็กพลิกตัวขึ้นนั่งพิงหัวเตียงข้างๆเจ้าของกล้องแล้วเริ่มเปิดรูปไล่ดูตัวเองทีละรูป
“ขนาดหลับยังหล่อคนอะไร ขอนะพี่”
“เอาไปสิรูปมึงนิ” ขุนแผนพยักหน้าส่งๆแล้วลุกตัวขึ้น
หยิบผ้าเช็ดตัวแล้วหายไปในห้องน้ำ
ส่วนคนบนเตียงก็จัดการส่งรูปเข้าโทรศัพท์ตัวเองแล้วกดเลื่อนรูปไปมาเพื่อหารูปที่ถูกใจสุดแต่เลือกไม่ถูกเพราะชอบทุกรูป
งั้นอัพแม่งเป็นอัลบั้มไปเลยแล้วกัน
Ployyu ปลอกหมอนเหมือนเสื้อเลยนะคะพี่ติณณ์
Bbjung คิดเหมือนกันใช่ไหมมมม
เสื้อใครรร
Nofmun อื้อออ
แก้มพี่ติณณ์ น่าฝังจมูกมั่กๆ
ติณณกรเลื่อนผ่านคอมเมนท์ผ่านๆแล้วกลับมาคิดเรื่องที่ยังรบกวนจิตใจอยู่ทั้งๆที่คิดว่าไม่สนใจแล้วแต่มันก็ยังค้างคาแปลกๆ
คุณหมอทิ้งตัวลงนอนหงายแล้วกวาดสายตามองหน้าข้อมูลส่วนตัวของไอจีตัวเองช้าๆ
อืมมม…ก็ไม่ห็นมีอะไร
เอ้ะ…จำนวนของคนที่เขากำลังติดตามเพิ่มขึ้นหรือเปล่านะ
แต่เขาว่าเขาไม่ได้ไปกดติดตามใครเพิ่มนี่นา
เร็วเท่าความคิดนิ้วเรียวกดเข้าไปเพื่อดูรายชื่อทันที
แล้วชื่อที่ขึ้นอยู่ชื่อแรกก็เป็นแอคเคาท์ที่เขามั่นใจว่าตัวเองไม่ได้กดฟอลแต่ว่ามันกลับรู้สึกคุ้นๆ
-พรุ่งนี้ จะกลับไปเอาคำตอบนะ-
เชี่ยยย ชัดเลย
ติณณกรกดเข้าไปที่แอคเคาท์ด้วยความรวดเร็ว
สิ่งที่ปรากฏอยู่ทำเขามือไม้อ่อนจนโทรศัพท์เครื่องบางเกือบร่วงใส่หน้าตัวเอง
ร่างบางพลิกตัวนอนคว่ำแล้วพินิจสิ่งที่อยู่ตรงหน้าอีกครั้ง
ภาพเขาหันกลับมามองกล้องครึ่งตัว ฉากหลังเป็นทางเดินที่จำได้ว่าเป็นหนึ่งในโลเคชั่นที่พี่ขุนลากไปลองกล้อง
เพราะฉะนั้นแอคเคาท์นี้ต้องเป็นของพี่มันแน่ๆ
แถมข้อความที่ส่งมาก็เป็นก่อนวันที่พี่มันจะกลับมาจากต่างจังหวัดด้วย
ภาพนั้นประกอบจากภาพเล็กๆ 9 ภาพที่ถูกแยกออกจากกันแล้ววางเรียงกันตามลำดับ
มีลูกศรอาร์ตที่ชี้ไปที่หน้าอกข้างซ้ายพร้อมกับมีตัวอักษรภาษาอังกฤษสั้นถูกกำกับไว้
“Pardon me, is seat taken?”
(ขอโทษนะครับ ที่ตรงนี้(หัวใจ)มีคนจองแล้วหรือยัง)
“เชี่ย”
ติณณกรกดออกจากแอคเคาท์นั้นแล้วซุกหน้าร้อนๆของตัวเองลงกับหมอน
หัวใจที่เต้นเหมือนจะทะลุออกมานอกอกยิ่งทำให้เขานึกอยากจะระเหิดหายไปจากตรงนี้ก่อนที่เจ้าของประโยคที่ว่าจะเดินออกมาจากห้องน้ำเหลือเกิน
เออ รู้แล้วว่าไอจีมันมีอะไร!!
เหมือนโดนอัลติเมทกลางใจเลยครับ เลือดลดครึ่งหลอด ไอ้ฉิบหายใจกู บางเป็นกระดาษเลย
TBC.
---------------------------------
#จักรวาลขุนติณณ์
25/05/61 ขอโทษเด็กหงส์ด้วยเพราะว่าเค้าเด็กผี แฮร่ ^^ แต่โมเมนต์ของตอนนี้ดีจริงอะไรจริง โดยเฉพาะประโยคขอจีบกลายๆของพี่ขุน กรี้ดดดด ทำเป็นเนียนถามว่ามีคนจองหรือยัง จะจีบก็รีบจีบเดี๋ยวหมาคาบไปแดกจริงๆนะ คึคึ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ เลิ้บยูออลลลล >< กรีมฟิคในทวิตเตอร์ให้เค้าหน่อยจิ
ความคิดเห็น