คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : SHUTTER 9 : สักทีดีไหม
THE
SHUTTER ♡ 9 สักทีดีไหม
ร่างบางของคุณหมอที่พึ่งเลิกจากงานนั่งห้อยขาอยู่บนเก้าอี้ตัวสูงในร้านกาแฟร้านประจำที่เขามักใช้เป็นจุดนัดพบกับใครบางคน
ชาเขียวในแก้วพร่องไปกว่าครึ่งวางคู่อยู่กับแก้วกาแฟที่รอเจ้าของมาดื่ม เค้กในจานใบเล็กถูกจัดการจนเหลือแต่เศษบิทกิตเล็กๆ
นิ้วเรียวเลื่อนหน้าจอโทรศัพท์เพื่อเช็คข่าวสารต่างๆ
แล้วสายตาก็สะดุดกับภาพๆหนึ่งที่ถูกเมนชั่นมาหาในทวิตเตอร์
ภาพที่เขาเท้าแขนบนไหล่กว้างของคนที่นั่งมองกล้องในมือแล้วก้มหัวมองกล้องตัวนั้นด้วยกัน
มองปราดเดียวก็รู้ว่าคนทั้งคู่เป็นใคร ข้อความที่แนบมาด้วยทำให้ริมฝีปากของเขาโค้งขึ้นอย่างไม่รู้ตัว
‘ความแฟนนนนนน อยากมีตากล้องส่วนตัวแบบนี้มั่งจัง #ขุนติณณ์
#TINNAKORN’
คิดกันไปถึงไหนล่ะนั่น?
ภาพนั้นเป็นภาพตอนที่พี่ขุนชวนเขาไปถ่ายรูปเล่นที่ร้านกาแฟที่อยู่ไม่ไกลจากคอนโดของเราทั้งคู่
มันเป็นแบบนี้มาสักพักแล้ว ทุกครั้งที่เวลาเขามีเวลาว่างพี่มันจะขยันลากเขาออกไปนู่นไปนี่อยู่เสมอ
มันก็ดีที่นอกจากจะได้ออกไปเปิดหูเปิดตาในที่ใหม่ๆแล้วยังได้รูปสวยๆมาลงไอจีอีกด้วย
นิ้วเรียวกดเข้าไปในแฮชแท็กแรกแล้วก็เจอกับรูปของตัวเองกับเจ้าชื่อเต็มไปหมด
หลังจากที่โฆษณาถูกปล่อยออกไปก็รู้สึกว่าเรือผีจะไม่ผีอีกต่อไป
เพราะเหมือนว่าจำนวนลูกเรือจะเพิ่มมากขึ้นจนเขาเผลอถอนหายใจออกมา
ก็แหม การเห็นแฟนคลับมาเชียร์ให้ได้กับผู้ชายคนอื่นนี่มัน…ไม่แปลกๆหรอ!!
ภาพที่ถูกแคปมาจากโฆษณามีหลายรูป
แต่ก็ยังมีรูปเขากับอีกคนตามที่อื่นๆอยู่ประปราย
มีรูปนึงที่เขาเบะปากใส่คนที่ยืนหน้านิ่งอยู่ทำให้เขาหลุดยิ้มออกมาอีกครั้งเมื่อนึกถึงเหตุการตอนนั้นที่เขาเถียงกันว่าจะเลือกเส้นสปาเก็ตตี้เบอร์ไหนดี
“ยิ้มอะไรอยู่คนเดียว”
เสียงแหบๆจากคนมาใหม่เรียกความสนใจจากคนที่มองโทรศัพท์อยู่
ร่างบางไม่ตอบแต่พลิกหน้าจอให้อีกฝ่ายดูแทน
“ตลกดี คิดกันไปได้ไงว่าผมจะเป็นเมียพี่เนี่ย”
“ลองไหมล่ะ”
“ตีนดิ งานเป็นไง”
ติณณกรเลื่อนกาแฟที่วางอยู่คู่กันไปให้อีกฝ่ายแล้วเอ่ยปากชวนคุย
“ก็ดี โลเคชั่นสวยดี เดี๋ยววันหลังเดี๋ยวพาไป”
“อืมม เอาดิ จริงๆ ถ้าพี่มีงานผมกลับเองก็ได้นะ” ติณณกรพูดทั้งๆที่ปากยังคาบหลอดอยู่
จริงๆเขาพูดประโยคนี้บ่อยมาในช่วงเวลาสองเดือนกว่าๆที่ผ่านมา แต่คำตอบที่ได้รับกลับมาในทำนองเดิมเสมอ
“ขี้เกียจรอ?”
“เปล่า แต่พี่ขับรถวนไปวนมาไม่เหนื่อยรึไง”
“ทางผ่าน หิวยัง”
“หึ พึ่งกินเค้กไป” ติณณกรตอบแล้วพยักเพยิดไปที่จานเค้กที่วางอยู่ไม่ห่าง
ร่างสูงปรายตามองแล้วหันมาถามต่อ
“ทั้งวันนี้กินข้าวมั่งยัง”
ติณณกรเงียบเพราะว่านอกจากแซนวิสเมื่อเช้าก็ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องนอกจากเค้กจานตรงหน้ากับขนมปังเนยที่กินไปเมื่อกลางวัน
“มึงเป็นหมอนะ ไม่ดูแลตัวเองแล้วจะไปดูใครได้วะ
ป่ะลุกเลย” ขุนแผนเห็นอาการนั้นก็รู้ทันที
เขาหยัดกายลุกขึ้นแล้วยกแขนเกี่ยวคออีกฝ่ายให้ลุกตามมาด้วยกัน
มื้อเย็นวันนั้นจบลงที่สุกี้หม้อใหญ่
บรรดาเนื้อสัตว์และผักนาๆชนิดอวดโฉมอยู่ในนั้นกำลังถูกจัดการด้วยคนสองคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามกัน
“เอามาทำไมไม่กิน”
ติณณกรท้วงเมื่ออีกฝ่ายคีบผักใบเขียวมาใส่จานเขา
“แดกเข้าไป”
“ยุ่งจังวะ”
ถึงจะพูดอย่างนั้นแต่คนตัวเล็กกว่าก็ยอมกินผักชิ้นนั้นและอีกหลายๆชิ้นที่ถูกส่งมาแต่โดยดี
ไม่รู้เพราะอะไรเขาถึงได้มาสนิทกับคนตรงหน้านี้ได้
รู้ตัวอีกทีคนตรงหน้าก็กลายมาเป็นคนขับรถ เป็นตากล้องส่วนตัว เป็นผู้จัดการส่วนตัวบางทีที่พี่แนนไม่ว่าง
และเป็นคนที่ทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะในบางเวลา
เอาเข้าจริงการมีพี่มันอยู่ข้างๆ ก็ไม่ได้แย่อะไร…ออกจะดีเสียด้วยซ้ำ
ขุนแผนมองคนที่กินไปเล่นโทรศัพท์ด้วยแววตาอ่อนลง ในใจนึกย้อนไปถึงบทสนทนากับเพื่อนรักที่พึ่งคุยกันไปเมื่อไม่กี่นาทีก่อน
“เป็นไงมึง ถึงไหนแล้ว”
ขุนแผนเลิกคิ้วเมื่อได้ยินเสียงคนที่เดินเข้ามาหาจากด้านหลังขณะที่เขากำลังเช็คภาพจากมอนิเตอร์
ตอนแรกเขาคิดว่าอีกฝ่ายถามถึงงาน แต่เจ้าตัวกลับเอ่ยขัดขึ้นมาก่อน
“น้องติณณ์อ่ะ ยังไง”
“ก็ไม่ยังไง”
“ไม่ยังไงอะไรวะ กูเห็นเทียวรับเทียวส่ง…ได้กันยัง” เสียงตอนท้ายถูกลดลงให้ได้ยินกันเพียงสองคน
และสิ้นเสียงนั้นเพื่อนตัวดีของเขาก็ถูกมะเหงกเขกไปกลางหัวหลังจากพูดเรื่องไม่เข้าหู
“เอาดีๆ?”
“ยัง”
“เชี่ยย เป็นไปได้ไง เสียชื่อพี่แผนสิบนาทีได้ไงวะ”
เขาปรายตามองเพื่อนแล้วส่ายหัวเบาๆ จริงๆฉายานั้นเป็นฉายาที่เพื่อนในกลุ่มตั้งให้ตั้งแต่สมัยมหาลัย
แล้วไอ้ที่สิบนาทีที่ว่าคือสิบนาทีที่หลังจากที่เขาสบตากับสาวสวยสักคนจนจบถึงนาทีพี่พาขึ้นเตียงไม่นับรวมเวลาหลังจากนั้น…
“ทำไมวะ”
“กูไม่รีบ”
“จริงจัง?”
เขาเลือกที่จะเงียบไปเพราะไม่รู้จะตอบอีกฝ่ายว่าอย่างไร
มือหนาเร่งมือจากงานเมื่อเห็นว่าใกล้เวลาเลิกงานของคนที่เป็นหัวข้อสนทนาแล้ว จนกระทั่งเขาเก็บของเสร็จเพื่อนรักก็ยังไม่ขยับไปไหน
แถมยังพูดปิดท้ายประโยคที่ทำให้หัวใจคนฟังกระตุกเบาๆ
“ไอ้แผน…มึงจะยึกๆยักๆทำห่าอะไรเนี่ย ระวังหมาคาบไปแดกนะครับ”
“ไอ้พี่ขุน!!”
“หือ” เสียงเรียกกับมือที่โบกไปมาอยู่ตรงหน้าปลุกเจ้าของชื่อให้ตื่นจากภวังค์
มองหัวคิ้วอีกฝ่ายขมวดเข้าหากันงงๆ “มีไร?”
“เป็นไรวะ”
“คิดอะไรเพลินๆ”
ติณณกรเลิกคิ้วกับคำตอบนั้นแต่ก็เลือกที่จะไม่เซ้าซี้ต่อ
ปล่อยให้มื้ออาหารดำเนินต่อไปโดยมีผักตักใส่จานตัวเองเรื่อยๆ เรื่องสัพเพเหระถูกยกมาเป็นประเด็นจนกระทั่งหม้อตรงหน้าว่างเปล่า
ทั้งสองเดินเคียงกันมาจนถึงหน้าห้องแล้วก็เป็นติณณกรที่เดินตามร่างสูงเข้าห้องไป
ขุนแผนมองคนตัวเล็กกว่าที่เดินเลยไปนั่งเล่นอยู่บนโซฟากลางห้องของเขา
“ไม่กลับห้องตัวเองวะ”
“พี่แนนพาเพื่อนมาตี้อ่ะ ขี้เกียจไปนั่งปั้นหน้า”
ขุนแผนพยักหน้ารับรู้แล้วเดินเอาของตัวเองไปเก็บไว้ในห้องสตู
ปล่อยให้แขกทำตัวเป็นเจ้าของห้องด้วยการกดปุ่มรีโมทเลื่อนหาช่องที่ตัวเองต้องการ
ไม่นานเจ้าของห้องตัวจริงก็เดินมานั่งอยู่ข้างกัน
“ติณณ์ พรุ่งนี้ไปทำงานเองนะ”
นิ้วเรียวที่กดปุ่มรีโมทอยู่ชะงักลงเสี้ยววินาทีก่อนทุกอย่างจะกลับไปเป็นปกติ ติณณกรครางรับคำในลำคอแล้วเงียบไป เขาแค่แปลกใจนิดหน่อยกับคำพูดของอีกฝ่าย ทั้งๆที่ตัวเองเป็นคนพูดตลอดแท้ๆว่าไม่ต้องไปส่งไปเองได้ แต่พออีกฝ่ายพูดแบบนี้แล้วมัน…
“กูมีงานต่างจังหวัด ไม่ต้องทำหน้าเป็นหมาป่วยแบบนั้น”
“ไปกี่วัน”
คนโดนว่าเป็นหมาป่วยเบะปากแล้วออกปากถามไปทั้งๆที่ตายังจ้องอยู่ที่ทีวีจอใหญ่
เขาจึงไม่เห็นว่าอีกฝ่ายมามองด้วยสายตาแบบไหน
“สามสี่วันมั้ง”
“อืม”
ติณณกรรับคำในลำคอแล้วทั้งคู่ก็นั่งดูหนังที่เอามาฉายย้อนหลังจบไปเรื่องหนึ่งก่อนที่ร่างสูงจะขยับตัวไปทำงาน
ส่วนคุณหมอร่างบางก็ปลีกตัวไปอาบน้ำในห้องน้ำ
ติณณกรมองแปรงสีฟันที่ถูกวางไว้คู่กันในแก้วน้ำสีขาวถึงได้รู้ตัวว่าตัวเองมานอนค้างห้องนี้บ่อยแค่ไหน
ร่างบางถอนหายใจเบาๆ แล้วจัดการธุระของตัวเองแล้วพาตัวเองมานอนอยู่บนเตียงกว้าง
ส่งข้อความไปบอกณกานว่าคืนนี้จะนอนที่นี่ให้เจ้าหล่อนใช้ห้องได้ตามสบาย
กว่าเจ้าของห้องจะกลับเข้ามาในห้องติณณกรก็เริ่มเข้าสู่ห้วงนิทราแล้ว
ร่างสูงเดินเข้าไปจัดการชำระล้างร่างกายแล้วเดินกลับมาที่เตียงของตัวเอง แล้วยกมือลูบกลุ่มเส้นผมของคนที่หลับตาพริ้มอยู่เบาๆ
“นอนดิพี่ ดึกแล้ว”
คนที่หลับตาอยู่ทำลายความเงียบลง นัยน์ตาที่เคยหลบอยู่ใต้เปลือกตาช้อนขึ้นมาสบกับคนที่นั่งพิงหัวเตียงอยู่
ขุนแผนเลียริมฝีปากแห้งของตัวเองแล้วสอดตัวเข้าไปในผ้าห่มผืนเดียวกันกับคนที่ขยับตัวยันข้อศอกไว้กับเตียงแล้วแนบแก้มตัวเองไว้บนมือ
“มองไร”
“มองคนแอบแต๊ะอั๋งคนอื่น เห้ยย พี่ทำไรวะ”
ติณณกรโวยวายเมื่อโดนคนอยู่ด้านล่างรวบเอวแล้วดึงเข้าหาตัวจนเขาถลาลงไปเกยอยู่บนอกอีกฝ่าย
“ไม่แอบแล้ว”
“ปล่อยเลย เล่นเชี่ยไรเนี่ย”
“ก็มึงยั่วกูก่อน” ขุนแผนยกยิ้มแล้วกระชับเอวอีกฝ่ายมากขึ้นจนคนด้านบนขยับไม่ได้
แล้วหันมาตีหน้ายุ่งใส่เขาแทน
“ยั่วอะไร ถ้ายั่วต้องแบบนี้”
ติณณกรยิ้มทะเล้นเมื่อความคิดบางอย่างแล่นริ้วเข้ามาในหัว
คนตัวเล็กยกมือที่เป็นอิสระลูบตามสันกรามของอีกฝ่าย
ไล้มาจนถึงแผ่นอกกว้างแล้วปัดไปปัดมาจงใจให้เฉียดตุ่มไตกลางอก
ร่างบางจงใจช้อนสายตาขึ้นสบกับคนที่มองมาอยู่ก่อนแล้วหลุบลงมองมือตัวเอง
นิ้วเรียววนเป็นวงกลมบนอกกว้างแล้วหลุดหัวเราะออกมาเอง
“ใจพี่เต้นโคตรแรงเลยว่ะ คิดไรกับผมป่ะเนี่--- เห้ยย!!”
ร่างบางร้องเสียงหลงเมื่ออีกฝ่ายพลิกกายเขาให้นอนติดเตียง
หัวทุยหนุนอยู่บนแขนแกร่งข้างหนึ่งของคนที่คร่อมทับอยู่ด้านบนที่สอดเข้ามารองไว้
ติณณกรกลืนน้ำลายลงคอเมื่อสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆที่รดอยู่ข้างแก้ม
ร่างเล็กสะดุ้งเมื่อรู้สึกถึงการรุกล้ำเข้ามาใต้เสื้อนอน มือสากจากการทำงานเลื่อนขึ้นมาช้าๆจนมาหยุดที่ตำแหน่งเดียวกันกับที่เขาจงใจแกล้งอีกฝ่ายเมื่อครู่
ต่างกันตรงที่นิ้วหัวแม่มือของคนที่คร่อมอยู่ด้านบนปัดผ่านกลางอกอย่างตั้งใจแล้วหมุนวนอยู่อย่างนั้นจนมันแข็งขืนขึ้นเป็นไต
ลมหายใจอุ่นๆเคลื่อนจากพวงแก้มไปหยุดอยู่ที่ซอกคอ เสียงแหบๆที่กระซิบอยู่ข้างหูทำเอาคนฟังขนลุกซู่
“ใจมึงเต้นโคตรแรงเลยว่ะ คิดไรกับกูป่ะเนี่ย”
“อื้ออ ไอ้เหี้ยพี่ขุน มึงปล่อยเลย” ติณณกรตะครุบมือใหญ่ใต้เสื้อให้หยุดเคลื่อนไหวก่อนที่เขาจะลูบอะไรต่อมิอะไรไปมากกว่านี้
ร่างเล็กหัวหูแดงกับประโยคที่อีกฝ่ายลอกคำพูดเขามาวางทั้งดุ้น
ดาเมจแรงสัดๆ
ขุนแผนดึงมืออกจากเสื้อตัวบาง ทิ้งตัวลงนอนข้างกันแล้วรั้งเอวบางเข้ามากอดไว้หลวมๆ
เอาคางเกยหัวคนที่ซุกหน้าเข้ากับอกเขาเอาไว้แล้วเปรยเบาๆ
“กวนตีนดีนัก โดนสักทีดีมั้ง”
“พี่มึงแม่ง”
คนโดนกอดพึมพัมไม่เป็นภาษาแล้วขยับตัวหันหน้าออกจากอกกว้าง แขนเล็กคว้าหมอนข้างที่อยู่ไม่ไกลมากอดไว้และปล่อยให้ตัวเองกลายเป็นหมอนข้างของคนที่ซ้อนอยู่ด้านหลังด้วยหัวใจที่ยังเต้นไม่เป็นจังหวะ เช่นเดียวกับจังหวะการเต้นหนักๆของอีกฝ่ายที่เขาสัมผัสได้เมื่อแผ่นหลังแนบชิดอยู่กับแผงอกกว้าง
ทำไงดีวะ พี่มันอันตรายต่อหัวใจมากเกินไปแล้ว
ติณณกรค่อยๆลืมตาขึ้นเมื่อแสงแดดยามเช้าสาดเข้ามาผ่านม่านที่เปิดทิ้งไว้
เตียงด้านข้างที่ว่างเปล่าแสดงว่าคนที่เคยนอนอยู่ด้วยกันลุกไปก่อนหน้านี้แล้ว
พอนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์เมื่อคืนก็พาลหน้าแดงเสียเฉยๆ
คุณหมอสะบัดหัวไล่ความคิดแล้วลุกขึ้นเตรียมจะไปเข้าห้องน้ำ
แต่เสียงครางต่ำๆที่ลอดผ่านช่องประตูออกมาทำให้คนที่กำลังจะเอื้อมไปจับลูกบิดชะงักลง
“อืมมม”
ติณณกรขยับตัวเข้าใกล้ประตูอีกนิดแล้วเงี่ยหูฟังอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าเบื้องหลังประตูบานนี้ไม่มีสิ่งชีวิตแปลกประหลาดอยู่
แต่เสียงที่ลอดออกมาทำเอาคนแอบฟังหน้าแดงอีกรอบ
ไอ้เหี้ยพี่ขุน
มึง....
ติณณกรก้มลงมาลูกชายตัวเองที่ผงกหัวเคารพธงชาติอยู่ซึ่งมันก็เป็นธรรมชาติของผู้ชายวัยนี้แหละนะ
คนหน้าประตูสะดุ้งโหยงเมื่อได้ยินเสียงกดน้ำจากข้างใน
เขารีบพาตัวเองกลับมาที่เตียงที่พึ่งลุกไป เอนตัวลงนอนหันหลังให้ทางที่พึ่งเดินจากมาแล้วตวัดผ้าห่มขึ้นมาคลุมถึงคอ
ภาวนาให้อีกฝ่ายเดินออกไปข้างนอกเร็วๆ
ร่างสูงที่พึ่งเดินออกมาจากห้องน้ำมองก้อนผ้าห่มแล้วเลิกคิ้วขึ้นอย่างนึกแปลกใจ
ก่อนจะเปลี่ยนเป็นยิ้มเจ้าเล่ห์หลังจากนั้นไม่กี่นาที
ขุนแผนมองภาพคนตัวเล็กขดอยู่ใต้ผ้าห่มผืนหนาแล้วได้แต่นึกขำในใจ
เจ้าตัวคงไม่รู้ตัวเองขี้ร้อนแค่ไหน
ตื่นมาแต่ละครั้งผ้าห่มไม่เคยได้อยู่ติดกายอีกฝ่ายเลยสักวันแต่วันนี้ดันห่อซะมิดเชียว
โคตรจะไม่เนียนเลย...ไอ้เด็กขี้แอบฟัง
รอยยิ้มยังพรายอยู่บนใบหน้า
แผนการบางอย่างแล่นริ้วอยู่ในหัว เสียงหัวเราะในลำคอดังขึ้นบ่งบอกว่าร่างสูงนึกสนุกมากแค่ไหน
หาเรื่องให้หัวใจของคุณหมอได้ออกกำลังกายยามเช้าหน่อยแล้วกัน
เร็วเท่าความคิดขุนแผนก้าวเท้ายาวๆไม่กี่ก้าวก็ถึงเตียง
ก่อนที่จะทรุดตัวลงนั่งข้างๆคนที่ยังหลับตาพริ้มอยู่แล้วจงใจส่งมือไล้แก้มใสนั้นเบาๆ
คนแกล้งหลับสะดุ้งเล็กน้อยแต่ก็ยังคงตีเนียนแกล้งหลับต่อไป
“จะตื่นดีๆ
หรือจะให้พี่จูบปลุกครับ”
“เชี่ยยยย
พี่มึงไปไกลๆตีนกูเลยนะ”
สิ้นเสียงกระซิบที่ข้างหูคนแกล้งหลับก็ลืมตาพรวด
แล้วเด้งตัวเตรียมหนีออกห่างคนที่นั่งหัวเราะอยู่ไม่ไกล
แต่ขุนแผนไวกว่าเขาดึงแขนข้างหนึ่งของติณณกรเอาไว้ออกแรงดึงรวบเอวอีกฝ่ายให้มานั่งอยู่บนตักของตน
“ปล่อย!!”
“ไม่ปล่อย”
“ปล่อย!!”
“ไม่ครับ”
“อย่ามากวนตีนแต่เช้าดิ้
ปล่อยเว้ย! ผมจะไปห้องน้ำ” ติณณกรออกแรงสะบัดตัวให้หลุดจากการเกาะกุม แต่เหมือนมันจะไม่เป็นผล
เมื่อแขนแกร่งยังเกี่ยวเอวของเขาไว้แน่นแถมยังออกแรงกระชับทำให้แผนหลังของเขาแนบไปกับแผงอกของอีกฝ่ายจนแทบจะจมหายเข้าไป
“เข้าไปทำไร? อ๋ออออ ให้พี่ช่วยไหมครับหืมม”
ขุนแผนแสร้งเบนสายตามองกลางลำตัวของอีกฝ่ายที่นูนออกมานอกกางเกง มือข้างที่ว่างถูกส่งไปลูบหน้าขาของอีกฝ่ายเบาๆ
“ไหนๆก็แอบฟังแล้ว สนใจลองด้วยตัวเองสักทีไหมครับ”
“เล่นเชี่ยไรของพี่มึงเนี่ย
ปล่อยเลย”
ติณณกรหัวหูแดงไปหมดกับทั้งการกระทำและคำพูดของอีกฝ่ายยิ่งลมหายใจร้อนๆที่รดอยู่ตรงต้นคอยิ่งแล้ว
เอากูออกไปจากตรงนี้ที!!
ร่างบางตะโกนอยู่ในใจแล้วออกแรงขยับตัวไปมาจนคนที่นั่งอยู่ด้านล่างต้องกัดฟันจนสันกรามขึ้น
ขุนแผนกลืนก้อนเหนียวๆลงคอก่อนจะเอ่ยปากปรามให้อีกฝ่ายหยุดดิ้น
“ติณณ์
อยู่นิ่งๆ”
“ทำมะ—”
ติณณกรเอี้ยวตัวกลับไปมองหน้าคนพูดแล้วเขาก็ต้องชะงักกลางคันเมื่อรู้สึกถึงสัมผัสแปลกๆที่สะโพก
“เอ่อออ พี่ก็ปล่อยผมดิ”
แอดดดด~
“เฮียตื่นยั----
เชี่ยยย เอ้ย โทษทีครับ”
ปังง!!!
ประตูห้องนอนถูกเปิดออกและปิดลงแทบจะทันที
ติณณกรใช้จังหวะที่ร่างสูงเผลอรีบลุกขึ้นจากตักอีกฝ่ายแล้วเดินเร็วๆหนีเข้าห้องน้ำไป
ก่อนจะปิดประตูคนโดนแกล้งส่งสายตาคาดโทษมาให้แล้วชี้ไม้ชี้มือเชิงว่าให้ออกไปเคลียร์ด้วย
“อ่าวว
ไม่ต่อหรอเฮีย โทษทีผมนึกว่าเฮียยังไม่ตื่นเลยจะเข้าไปปลุก
ไม่คิดว่าจะเข้าไปขัดจังหวะ”
ก้าวเท้าออกมาจากห้องยังไม่พ้นสองก้าว
คำพูดเร็วๆกับสายตาล้อๆของรวีก็ดังขึ้นโดยมีหน้าแดงๆของณกานเป็นฉากหลัง
“ต่อเหี้ยไร
กูเล่นกันเฉยๆ แล้วพี่แนน...มารับติณณ์หรอครับ”
“อะ...เอ่อ
พี่ออกไปข้างนอกมาเลยซื้อข้าวมาให้ติณณ์กับแผนแหละ”
ณกานบอกแล้วชี้ไปที่ข้างกล่องสองกล่องที่วางอยู่บนโต้ะ
ดูจากสีหน้ากับรอยยิ้มเขินๆของเธอแล้วคาดว่าไอ้คนขัดจังหวะชาวบ้านคงสังคายนาเรื่องที่มันเห็นไปแล้วเรียบร้อยแล้ว
“พี่แนนอย่าทำหน้าอย่างนั้นดิ
มันไม่มีอะไรจริงๆ ผมแค่แกล้งมันเฉยๆ”
“แกล้งไรวะเฮีย
มือหายเข้าไปในกางเก--- อุ่ยย แกล้งก็แกล้งครับ” รวีหุบปากฉับเมื่อรุ่นพี่ส่งสายตาเย็นๆไปให้
“เออ
รู้แล้วก็เลิกพูดไปเลย เลิกแซว เลิกกวนตีน ถ้าไม่เลิกมึงจะโดนตีน”
“คร้าบบบ”
หลังจากนั้นคนโดนแกล้งก็เดินหน้าแดงหัวยุ่งออกมาจากห้องแล้วเดินกลับห้องตัวเองไม่พูดไม่จากับใครสักคนโดยมีณกานเดินตามออกไป
“เมียงอน
ไปง้อสิเฮีย”
“เมียพ่องง ไปเตรียมของไป” ขุนแผนบอกแล้วเลี่ยงเข้ามาจัดการธุระส่วนตัว เสื้อผ้าสองสามชุดถูกยัดลงกระเป๋าเป้ลวกๆ ใช้เวลาไม่นานร่างสูงก็พาตัวเองมาอยู่บนถนนสายมิตรภาพมุ่งหน้าสู่จุดหมายของวันนี้
TBC.
------------------------------------
#จักรวาลขุนติณณ์
23/05/61 อย่าแกล้งกันบ่อย อิน้องใจบ่ดี เวลาพี่ขุนพูดเพราะๆนี่มันดีต่อใจจังเลยนะคะ เม้นให้เค้าหน่อยนะคนดี ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ <3
ความคิดเห็น