คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : SHUTTER 8 : เรื่องบังเอิญหรือตั้งใจ
THE
SHUTTER ♡ 8 เรื่องบังเอิญหรือตั้งใจ
ฟุบ!!
ติณณกรทิ้งตัวลงนอนบนเตียงขนาดคิงไซต์ที่ถูกปูด้วยผ้าปูสีเทาอ่อน
ใบหน้าขาวแดงระเรื่อไม่รู้ว่าเป็นเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์หรือเพราะคำแซวของพี่ๆกับสายตาร้อนๆที่มองมา
“ไอ้คนที่มองๆอยู่เนี่ย
ใช่คนที่มองอยู่ตอนนี้หรือเปล่าคะ”
คุณหมอร่างเล็กพลิกไปพลิกมาบนเตียงอีกสักพักก่อนจะดีดตัวลุกขึ้นนั่งบนเตียง
ผมที่เคยถูกเซ็ตเป็นทรงบัดนี้ถูกมือขาวขยี้จนยุ่งไปหมด
“แม่ง!!”
ติณณกรสะบัดหัวแรงๆก่อนจะปลดเสื้อผ้าแล้วเดินหายไปในห้องน้ำ
เขายืนปล่อยให้สายน้ำไหลผ่านตัวเองไปช้าๆ และเริ่มคิดทบทวนเรื่องราวต่างๆ
เขารู้ตัวว่าไม่ได้รู้สึกพิเศษอะไรกับขุนแผนถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะเคยแสดงอาการอะไรๆที่มันไม่ธรรมดากับเขาบ่อยๆก็เถอะ
ไม่รู้บังเอิญหรือตั้งใจที่อีกฝ่ายค่อยๆเข้ามาแทรกซึมอยู่ในชีวิตเขาโดยที่ไม่รู้ตัว
ที่สำคัญคือเขาดันเริ่มชินเสียแล้วด้วยสิ
ติ้งหน่องงง ติ้งหน่องงงง
เสียงกริ่งหน้าห้องเรียกความสนใจของคนที่ยังยืนอาบน้ำไม่ทันเสร็จดี
ร่างบางปิดก๊อกน้ำรีบคว้าผ้าเช็ดตัวมาเช็ดลวกๆ หยิบผ้าคลุมอาบน้ำมาสวมก่อนจะสาวเท้ายาวๆไปหยุดที่ประตูแล้วเปิดออกโดยลืมคิดไปว่าตอนนี้มันเวลากี่โมงแล้ว…
“เอ่อ…”
ติณณกรมองหน้าคนมาเยือนอึ้งๆ พอๆกับอีกฝ่ายที่มองมาที่เขาด้วยแววตาที่แปลความหมายไม่ออก
คุณหมอร่างบางเบี่ยงตัวเพื่อให้อีกฝ่ายเดินเข้ามาทั้งๆที่เขายังไม่ได้เอ่ยขอเพราะเห็นข้าวของพะรุงพะรังที่อีกฝ่ายถือมา
แล้วก็ได้แต่ก่นด่าตัวเองในใจ
ไอ้ติณณ์ มึงทำเหี้ยอะไรของมึงเนี่ย!!!
“มีไรวะพี่ มาทำไรดึกดื่น” ติณณกรหาเสียงตัวเองอยู่สักพักก็เอ่ยถามออกไป
พยายามปรับเสียงให้เรียบเพื่อที่จะไม่แสดงอาการอะไรออกไป
“กูลืมจ่ายค่าไฟว่ะ
แล้วมีงานด่วนต้องส่งพรุ่งนี้ ขอเอ่อ…นั่งทำงานหน่อยดิ”
“อ่อ เอาดิ”
หลังจากได้รับคำอนุญาตขุนแผนเดินผ่านร่างบางที่อยู่ในชุดหมิ่นเหม่เอาของไปวางบนโต๊ะหน้าทีวีแล้วทรุดตัวลงนั่งที่พื้นหน้าโซฟา
เหตุผลที่บอกไปเป็นความจริงทุกประการเพราะไอ้ซันตัวดีดันลืมไปจ่ายค่าไฟทั้งๆที่เขาย้ำแล้วย้ำอีก
ซวยกว่านั้นคือไอ้น้องสาวตัวแสบของเขาที่โทรมาอ้อนวอนแกมบังคับให้เขาช่วยตัดต่องานอะไรสักอย่างที่ได้ยินแว่วๆว่าต้องส่งพรุ่งนี้
แต่การต้องมาเจอเจ้าของห้องในชุดแบบนั้นมัน…ออกจะเหนือความคาดหมายไปหน่อย
“เมางี้ทำงานไหวหรอวะ”
เจ้าของห้องเดินตามมานั่งบนโซฟาตัวเล็กที่ตั้งอยู่เยื้องๆกัน
“กูไม่ได้เมา”
ซะเมื่อไหร่ แต่กูสร่างตั้งแต่เห็นมึงในชุดนี้แล้วไอ้เหี้ย
น่าจับกดฉิบหาย
ขุนแผนต่อประโยคข้างหลังในใจ
เหลือบตามองคนที่นั่งใช้ผ้าเช็ดตัวผืนเล็กเช็ดหัวทั้งๆที่ยังอยู่ในชุดผ้าคลุมอาบน้ำสีเข้ม
อาจเพราะคนใส่รีบร้อนตอนใส่ทำให้คอเสื้อมันแหวกลงมาจนเห็นอะไรต่อมิอะไรวับๆแวบๆ
จนคนมองเผลอกลืนน้ำลายก้อนเหนียวๆลงคอ
“เออมึง กูขออาบน้ำหน่อยดิ”
“เอาดิ แล้วชุดพี่อ่ะ”
ขุนแผนชะงักค้างกับคำพูดนั้น
มือหนาตบกระเป๋ากางเกงตัวเองแล้วถอนหายใจออกมาหนักๆเมื่อรู้ว่าตัวเองลืมเอาคีการ์ดกับกุญแจห้องมาด้วย
“นี่ขนาดไม่เมานะเนี่ย” ติณณกรพูดเบาๆแล้วลุกหายเข้าไปในห้องนอน
กลับมาอีกทีพร้อมผ้าเช็ดตัวผืนใหม่กับชุดใหม่ให้อีกฝ่ายเปลี่ยน “อ่ะพี่
แปรงสีฟันอันใหม่อยู่ในลิ้นชักในห้องน้ำอ่ะ”
“ขอบใจ”
ติณณกรมองแผ่นหลังกว้างเดินหายเข้าไปในห้องน้ำแล้วลอบถอนหายใจออกมาเบาๆ
คุณหมอจัดการเปลี่ยนชุดนอนอย่างรวดเร็วแล้วพาตัวเองมานั่งเล่นเกมส์อยู่บนโซฟาเพื่อรอให้อีกฝ่ายเดินออกมา
เขาทำใจนอนหลับทั้งๆที่มีมนุษย์ไอ้พี่ขุนอยู่ในห้องไม่ได้จริงๆ
“มานั่งทำเหี้ยไร ไปนอนดิมึงอ่ะ”
ติณณกรหันไปมองตามเสียง ร่างสูงในกางเกงวอร์มของเขาที่ขาเต่อหน่อยๆ
แผงอกกว้างเปลือยเปล่ามีหยดน้ำเล็กๆเกาะพราวอยู่
กล้ามเนื้อหน้าท้องปรากฏเป็นลอนอย่างคนสุขภาพดีไม่นับรวมมัดกล้ามแขนกับเส้นเลือดที่เห็นอยู่จางๆตามแขนแกร่ง
ติณณกรไม่รู้ว่าตัวเองมองคนตรงหน้าด้วยสายตาแบบไหนจนกระทั่งเจ้าของเรือนร่างเอ่ยทักขึ้นนั่นแหละ
“เก็บอาการหน่อยไอ้หนุ่ม น้ำลายหกแล้ว”
“ทำไมไม่ใส่เสื้อวะ”
“เสื้อมึงตัวเท่าเสื้อหมา”
ขุนแผนส่งมือไปผลักหัวคนที่นั่งอยู่เบาๆ
แล้วเคลื่อนตัวไปนั่งหน้าแล็ปท็อปของตัวเองก่อนจะเริ่มทำงาน โดยมีเสียงเกมส์แว่วเข้ามาในหูอยู่เนื่องๆ
เวลาผ่านไปจนนาฬิกาบอกเวลาเกือบตีสามเสียงเกมส์หยุดลงสักพักแล้ว
ขุนแผนกดบันทึกไฟล์งานแล้วส่งให้น้องสาว รอจนเจ้าหล่อนทักมาบอกว่าขอบคุณจึงปิดพับจอแล็ปท็อปแล้วเอนตัวพิงโซฟา
ร่างสูงขยับตัวเพื่อคลายความเมื่อยขบหลังจากทำงานมาเป็นเวลาหลายชั่วโมง
ตุบ!!
ท่อนแขนของคนที่หลับทั้งๆที่ยังนั่งกอดหมอนอิงอยู่หล่นลงมาพาดบ่าของคนที่นั่งอยู่ข้างล่าง
ขุนแผนยกยิ้มมุมปากแล้วหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองขึ้นมาเก็บภาพคนตัวเล็กนอนหลับน้ำลายยืดไว้หลายภาพ
ก่อนจะหยัดกายลุกขึ้นแล้วออกแรงอุ้มเจ้าของห้องให้เข้าไปในห้องนอนด้วยกัน
ไม่ว่าจะห้องกูหรือห้องมึง
กูก็ต้องเป็นคนแบกมึงไปนอนใช่ไหมเนี่ย
ขุนแผนวางร่างของเจ้าของห้องลงบนเตียงก่อน
จัดการปิดไฟปิดแอร์ในห้องรับแขกแล้วเดินกลับมาที่ห้องนอนอีกครั้ง
ร่างสูงทิ้งกายลงนอนด้วยความอ่อนล้าแล้วเข้าสู่ห้วงนินทราทั้งๆที่เพื่อนร่วมเตียงขยับมาใกล้แล้วใช้แขนขาเกี่ยวตัวเขาเอาไว้แทนหมอนข้าง
ติณณกรขยับตัวเมื่อได้ยินเสียงนาฬิกาปลุกที่ตั้งไว้
สิ่งแรกที่เขาเห็นเมื่อลืมตาขึ้นมาคือใบหน้าคมเข้มของคนที่เข้ามาขอนั่งทำงานเมื่อคืน
แถมยังเป็นเขาเองที่กอดอีกฝ่ายไว้แน่นจนตัวแทบจะไปเกยอยู่บนแผงอกของอีกฝ่าย
เชี่ยยยย!!!
ติณณกรอุทานในใจแล้วเด้งตัวออกคนตรงหน้าเหมือนเป็นของร้อน
ร่างสูงขยับเล็กน้อยแล้วนิ่งไปในที่สุด คุณหมอเจ้าของห้องลอบถอนหายใจเบาๆ แล้วลุกออกจากเตียงไปจัดการธุระส่วนตัวของตัวเองก่อนจะเดินกลับมามองคนที่ยังนอนนิ่งอยู่บนเตียง
นาฬิกาดิจิตอลที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงบอกเวลาเลยเที่ยงวันไปแล้วหลายนาที
ชายหนุ่มจึงเดินลากขาพาตัวเองเข้าไปในครัวเล็กๆ ติณณกรไม่ได้ทำอาหารเก่งมาก
เขาทำได้แค่อาหารง่ายๆอย่างเมนูไข่กับแซนวิสต่างๆ
แต่มันเที่ยงแล้ว แซนวิสคงไม่ค่อยเหมาะ
อืมมม…ทำอะไรกินดีวะ
นิ้วเรียวเคาะฝาตู้เย็นขณะที่ก้มมองของที่มีอยู่ภายใน
ผักสลัด ไข่ต้มแล้ว น้ำผลไม้ น้ำเปล่า บรรดาขนมต่างๆ ทูน่ากระป๋อง
มือบางปิดประตูตู้เย็นแล้วถอนหายใจเบาๆ
เพราะร้อยวันพันปีไม่เคยจะได้ทำอาหารอะไรนอกจากแซนวิสทำให้ของสดที่มีอยู่เท่านี้
เห้ออ สั่งจากข้างนอกแล้วกัน
เดี๋ยวนะ!!
แล้วทำไมคนที่ร้อยวันพันปีไม่นึกจะทำอาหารอย่างเขา
ถึงได้นึกอยากจะทำขึ้นมาวะ?
ติณณกรปัดความคิดนั้นออกไปจากสมองแล้วให้เหตุผลกับตัวเองว่าเขาก็แค่หิว
ไม่ได้มีอะไรพิเศษมากกว่านั้น
แอดดดด
“อ่าว ตื่นแล้วหรอ”
เสียงสดใสของผู้มาเยือนเรียกให้ติณณกรหันไปมอง ผู้จัดการสาวก้าวเข้าห้องมาพร้อมกับกล่องอาหารที่ส่งกลิ่นยั่วยวนอยู่
“พี่ซื้อของกินมาฝาก
หิวแล้วดิเห็นยืนหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่หน้าตู้เย็น”
“แล้วซื้อไรมาเยอะแยะอ่ะพี่”
“ของโปรดเราแหละ
พี่ซื้อมาเยอะเลยไปเรียกแผนมากินด้วยกันดิ”
“ผมยังไม่ค่อยหิวอ่ะพี่ เอาไว้ก่อนได้ป่ะ” ติณณกรรับของในมือหญิงสาวมาถือแล้วนำไปวางเรียงไว้บนเคาท์เตอร์
“แล้วพี่รีบไปไหนไหม ถ้าพี่แนนรีบกินเลยก็ได้นะ”
“ไม่ๆ พี่กินมาแล้วนี่ซื้อมาให้เราแหละ
กินไม่หมดก็แช่ตู้เย็นไว้นะเอาไว้อุ่นกินวันหลัง พี่ไปก่อนนะมีประชุมต่อ
ช่วงนี้พี่ไม่อยู่ด้วยเรานอนพักนะตาเป็นหมีแพนด้าเลย” มือบางของณกานเอื้อมมาลูบแก้มใสอย่างเอ็นดู
ติณณกรเอ่ยปากรับคำ มองร่างบางโบกมือลาแล้วเดินออกจากห้องไป
คุณหมอมองประตูปิดลงแล้วหันมาสนใจกล่องอาหารที่อีกฝ่ายซื้อมา
กับข้าวสองสามอย่างที่เป็นของโปรดของเขา
อีกกล่องสองกล่องเป็นข้าวเปล่าตามจุดประสงค์ว่าซื้อมาฝากคนข้างห้องด้วยจริงๆ ส่วนอีกกล่องเป็นกล่องที่ใหญ่ที่สุดบรรจุขนมเค้กหน้าตาน่ากินหลายชิ้นวางเรียงกันอยู่
“ทำไรวะ”
เสียงแหบๆดังมาจากทางประตูห้องนอน
ร่างสูงเดินเข้ามาใกล้แล้วมองอาหารที่ถูกจัดใส่จานเรียบร้อย เขามองอาหารตรงหน้าสลับกับคนที่ยืนทำหน้าภูมิใจอยู่ไม่ไกล
“มึงทำ?”
“เปล่า ซื้อมา”
“ถุ้ย ทำหน้าเหมือนทำเอง”
“แล้วจะกินไม่กิน”
ติณณกรแยกเขี้ยวใส่คนที่หัวเราะอยู่ในลำคอ จริงๆเขาตั้งใจจะหลอกว่าทำเองนั่นแหละ
แต่ดูจากสายตาอีกฝ่ายแล้วถ้าพี่มันจับได้ทีหลังเขาคงโดนล้อไปอีกนาน
“ไปแปรงฟันก่อนเว้ยพี่”
“เออๆ สั่งเป็นแม่กูเลย”
คนตัวสูงว่าแล้วเดินหายไปในห้องน้ำ
ปล่อยให้เจ้าของห้องผิวปากเบาๆแล้วจัดโต๊ะกินข้าวต่อไป
หลังจบมื้ออาหารคุณหมอเจ้าของห้องก็รับหน้าที่ล้างจาน
ส่วนแขกของห้องนอนเอกเขนกอยู่บนโซฟาสีน้ำตาลเข้มกลางห้องในชุดเดียวกับเมื่อวาน
“ไม่กลับห้องรึไง” ติณณกรเดินมาทิ้งตัวนั่งลงข้างๆ
หลังจากจัดการกับบรรดาจานชามเสร็จแล้ว
“รอคีย์การ์ดจากไอ้ซันอยู่”
“อืม” ไม่ลงไปขอกุญแจสำรองที่ฟอนต์วะ
ติณณกรขานรับนึกสงสัยในใจแต่ก็เลือกที่จะไม่ถามอะไรต่อปล่อยให้บทสนทนาจบลงเพียงเท่านั้น
สายตาของทั้งคู่หยุดอยู่ที่ทีวีจอใหญ่ที่กำลังฉายหลังฮีโร่เรื่องหนึ่งอยู่จนเวลาล่วงเลยไปจนหนังจบไปสองเรื่อง
เขาเลยเปลี่ยนไปดูวาไรตี้โชว์อีกพักใหญ่ก็ยังไม่มีวี่แววว่าร่างสูงจะขยับตัวไปไหน
“ซันมันจะมาเมื่อไหร่พี่ ผมต้องออกไปทำงาน”
“ไหนว่าเวรดึก นี่พึ่งจะสองทุ่ม” ขุนแผนพูดเนื่อยๆ
นัยน์ตาสีเข้มเหลือบมองนาฬิกาที่แขวนอยู่บนผนังห้อง
“ก็ต้องออกไปหาไรกินก่อนไง”
“งั้นก็ไปอาบน้ำแต่งตัว เดี๋ยวกูไปส่ง”
“ห้ะ”
“หูตึงหรือไง ไปอาบน้ำดิ”
ติณณกรเดินเข้ามาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดทำงานของตัวเองทั้งที่ยังไม่เข้าใจที่อีกฝ่ายพูดมากนัก
แต่พอเดินออกมาอีกทีก็ได้คำตอบ เมื่ออีกฝ่ายเห็นเขาเดินออกมาจากห้องก็จัดการปิดทีวี
ปิดแอร์แล้วหยิบกุญแจรถเขาเดินออกไปรอหน้าห้อง
“เดี๋ยวๆ พี่จะเอากุญแจรถผมไปไหน” ติณณกรท้วงเบาๆ
“ไปส่งมึงหาข้าวกินแล้วก็ไปทำงานไง” ร่างสูงควงกุญแจรถในมือแล้วหันกลับมาตอบด้วยน้ำเสียงสบายๆ
ริมฝีปากใต้ไรหนวดเหยียดยิ้มบางๆอย่างที่เจ้าตัวชอบทำ
“แล้วตอนเช้าผมกลับไงอ่ะ”
“เดี๋ยวกูไปรับ”
“เพื่อ?”
“กูพอใจไง จะไปไหมไหนว่ารีบ?”
คุณหมอร่างเล็กขยับเท้าก้าวตามอีกฝ่ายไปทั้งๆที่ยังไม่เข้าใจจุดประสงค์ของอีกฝ่ายมากนัก
แต่จากเวลาที่คลุกคลีกับคนตรงหน้ามาเขาเลือกที่จะเออออตามไปเพราะรู้ว่าถึงอยากขัดก็คงขัดไม่ได้
เพราะพ่อคุณเขาตีหน้านิ่งไม่สนใจใครซะอย่างนั้น
“จะกินไร”
“เดี๋ยวผมกินที่โรง’บาลก็ได้”
“เอาร้านที่กูไปกินด้วยได้ดิ”
“ที่โรง’บาลพี่ก็กินได้”
“แน่ใจ? เดี๋ยวก็มีกระแสว่ากูไปเฝ้ามึงที่ทำงานหรอก”
“ไปกินที่อื่นก็มีกระแสว่าไปกินข้าวด้วยกันอยู่ดีป่ะวะ”
“กวนตีน”
ติณณกรตวัดสายตาไปมองคนที่ขับรถอยู่ข้างๆเมื่ออีกฝ่ายรำพึงเบาๆแต่เหมือนจงใจให้เขาได้ยินด้วย
และแล้วก็เป็นคนเป็นพี่ที่ยกมือในทำนองว่ายอมแพ้แล้ว
เฮอะ
“ไม่อยากให้มีกระแสแล้วจะตามมาทำไมวะ” ติณณกรพูดเบาๆ
“ก็อยากอยู่กับมึงไง”
เออ แค่นั้นแหละ
ติณณกรพูดแค่ในใจแล้วหันหน้าไปมองท้องถนนยามค่ำคืน
หวังว่าแสงไฟสีแดงจากไฟเบรกรถคันหน้าจะช่วยซ่อนริ้วแดงๆที่อยู่บนหน้าของเขาได้
ขุนแผนขับรถของติณณกรกลับมาที่คอนโดของตัวเองแล้วพาตัวเองไปที่ฟอนต์เพื่อขอรับคีย์การ์ดที่บอกให้รวีมาฝากไว้ตั้งแต่บ่าย ก่อนจะพาตัวเองกลับมาที่ห้องของตัวเองที่ไฟฟ้ากลับมาใช้ได้อีกครั้ง
ชายหนุ่มมองนาฬิกาบอกเวลาเกือบเที่ยงคืนแล้วจึงตัดสินใจเข้าไปอาบน้ำเตรียมตัวนอน
โชคดีที่วันนี้เป็นวันหยุดของเขา และงานที่ต้องส่งให้ลูกค้าก็เคลียร์เสร็จไปเกือบแปดสิบเปอร์เซนต์แล้วที่เหลือจึงปล่อยให้เป็นหน้าที่ของรวีได้โดยที่เขาไม่ต้องห่วง
คืนนี้ขอนอนหลับแบบเต็มอิ่มสักหน่อยแล้วกัน
ติ้งง
ร่างสูงในชุดเสื้อยืดสีดำกับกางเกงยีนส์ตัวเก่งหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอ่านข้อความที่อีกฝ่ายส่งมาว่าใกล้ถึงเวลาเลิกงานแล้วแต่เหมือนว่าอีกฝ่ายมีธุระต้องทำต่ออีกเล็กน้อย
ให้เขาไม่ต้องรีบไปเพราะจะต้องรอนาน
คิ้วหนาเลิกขึ้นสูงพิมพ์ข้อความกลับไปว่าจะไปหาที่นั่งรอแถวนั้นแล้วคว้ากุญแจรถออกไปหน้าตาเฉย
ระหว่างทางเขาแวะซื้อโจ๊กหมูใส่เห็ดหอมใส่กล่องที่หยิบติดมือมาด้วยสำหรับคนที่พึ่งเลิกงานและกาแฟหนึ่งแก้วสำหรับตัวเอง
ร่างสูงนั่งรอไม่นานร่างของคุณหมอก็เดินมาให้เห็นในสายตา
คิ้วเรียวของคนนั่งรอขมวดเข้าหากันเมื่อเห็นคนที่เขารอเดินเคียงมากับร่างสูงในชุดกราวน์สีขาว
แล้วไอ้รอยยิ้มกับอาการเขินๆนั่นมัน…อะไรกันวะ
“พี่โจ้ เอ่อ ผมไปก่อนนะครับ”
“แฟนมารอรับหรอ อิจฉาจัง”
“ไม่ใช่พี่ คนรู้จักเฉยๆ” ติณณกรตอบไปอย่างนั้น นิ้วเรียวถูกยกเกาจมูกแก้เก้อ
ก่อนจะโบกมือลาพี่หมอที่บังเอิญเจอกันระหว่างทางแล้วสาวเท้าเดินเข้าไปหาคนที่นั่งหน้านิ่งคิ้วขมวดอยู่บนเก้าอี้ที่ตั้งอยู่ไม่ไกล
“ขี้ไม่ออกหรอ หน้าบูดแต่เช้า”
“เปล่า ไปเหอะ”
ขุนแผนไม่ตอบแต่ลุกขึ้นเดินนำอีกฝ่ายไปที่รถที่จอดอยู่ไม่ไกล
พอสอดตัวนั่งบนรถติณณกรก็กวาดสายตาหาต้นตอของกลิ่นหอมจางๆที่ส่งกลิ่นมาแล้วก็พบกล่องที่บรรจุโจ๊กหมูสับเห็ดหอมไปเกือบเต็ม
“ของผมหรอ”
“ของหมามั้ง”
ติณณกรเบ้ปากเมื่อได้ยินคำตอบนั้นแล้วลงมือตักโจ๊กอุ่นๆนั้นเข้าปากจนหมด
ยังไม่ทันที่จะเก็บกล่องเสร็จขวดน้ำที่ถูกเปิดฝาไว้แล้วก็ถูกส่งมาด้วยมือของคนนั่งอยู่หลังพวงมาลัย
“ขอบคุณ” ติณณกรพืมพัมเบาๆ
แล้วมองสัญญาณไฟเปลี่ยนจากสีแดงเป็นสีเขียว
คุณหมอเหลือบตามองคนที่ยังขับรถไปเงียบๆ
มีคนดูแลแบบนี้…มันก็ดีเหมือนกันแฮะ
TBC.
------------------------------
#จักรวาลขุนติณณ์
22/05/61 น้องหมอหน้าแดงเก่งจังเลยนะคะตอนนี้ งุ้ยๆ เหม็นความรักมั่งไหม 55555 ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ ฝากติดตามน้องหมอกับพี่ขุนด้วยน้าาา <3
ความคิดเห็น