ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [END] THE SHUTTER ♡ ยิ้ม...ให้คนหลังกล้อง

    ลำดับตอนที่ #8 : SHUTTER 8 : เรื่องบังเอิญหรือตั้งใจ

    • อัปเดตล่าสุด 25 มิ.ย. 61


    THE SHUTTER  8 เรื่องบังเอิญหรือตั้งใจ

     

     

    ฟุบ!!


    ติณณกรทิ้งตัวลงนอนบนเตียงขนาดคิงไซต์ที่ถูกปูด้วยผ้าปูสีเทาอ่อน ใบหน้าขาวแดงระเรื่อไม่รู้ว่าเป็นเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์หรือเพราะคำแซวของพี่ๆกับสายตาร้อนๆที่มองมา

     

    “ไอ้คนที่มองๆอยู่เนี่ย ใช่คนที่มองอยู่ตอนนี้หรือเปล่าคะ”

     

              คุณหมอร่างเล็กพลิกไปพลิกมาบนเตียงอีกสักพักก่อนจะดีดตัวลุกขึ้นนั่งบนเตียง ผมที่เคยถูกเซ็ตเป็นทรงบัดนี้ถูกมือขาวขยี้จนยุ่งไปหมด


              “แม่ง!!


              ติณณกรสะบัดหัวแรงๆก่อนจะปลดเสื้อผ้าแล้วเดินหายไปในห้องน้ำ เขายืนปล่อยให้สายน้ำไหลผ่านตัวเองไปช้าๆ และเริ่มคิดทบทวนเรื่องราวต่างๆ


    เขารู้ตัวว่าไม่ได้รู้สึกพิเศษอะไรกับขุนแผนถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะเคยแสดงอาการอะไรๆที่มันไม่ธรรมดากับเขาบ่อยๆก็เถอะ ไม่รู้บังเอิญหรือตั้งใจที่อีกฝ่ายค่อยๆเข้ามาแทรกซึมอยู่ในชีวิตเขาโดยที่ไม่รู้ตัว ที่สำคัญคือเขาดันเริ่มชินเสียแล้วด้วยสิ


    ติ้งหน่องงง ติ้งหน่องงงง


    เสียงกริ่งหน้าห้องเรียกความสนใจของคนที่ยังยืนอาบน้ำไม่ทันเสร็จดี ร่างบางปิดก๊อกน้ำรีบคว้าผ้าเช็ดตัวมาเช็ดลวกๆ หยิบผ้าคลุมอาบน้ำมาสวมก่อนจะสาวเท้ายาวๆไปหยุดที่ประตูแล้วเปิดออกโดยลืมคิดไปว่าตอนนี้มันเวลากี่โมงแล้ว


    “เอ่อ


    ติณณกรมองหน้าคนมาเยือนอึ้งๆ พอๆกับอีกฝ่ายที่มองมาที่เขาด้วยแววตาที่แปลความหมายไม่ออก คุณหมอร่างบางเบี่ยงตัวเพื่อให้อีกฝ่ายเดินเข้ามาทั้งๆที่เขายังไม่ได้เอ่ยขอเพราะเห็นข้าวของพะรุงพะรังที่อีกฝ่ายถือมา แล้วก็ได้แต่ก่นด่าตัวเองในใจ


    ไอ้ติณณ์ มึงทำเหี้ยอะไรของมึงเนี่ย!!!


              “มีไรวะพี่ มาทำไรดึกดื่น” ติณณกรหาเสียงตัวเองอยู่สักพักก็เอ่ยถามออกไป พยายามปรับเสียงให้เรียบเพื่อที่จะไม่แสดงอาการอะไรออกไป


              “กูลืมจ่ายค่าไฟว่ะ แล้วมีงานด่วนต้องส่งพรุ่งนี้ ขอเอ่อนั่งทำงานหน่อยดิ”


              “อ่อ เอาดิ”


              หลังจากได้รับคำอนุญาตขุนแผนเดินผ่านร่างบางที่อยู่ในชุดหมิ่นเหม่เอาของไปวางบนโต๊ะหน้าทีวีแล้วทรุดตัวลงนั่งที่พื้นหน้าโซฟา


    เหตุผลที่บอกไปเป็นความจริงทุกประการเพราะไอ้ซันตัวดีดันลืมไปจ่ายค่าไฟทั้งๆที่เขาย้ำแล้วย้ำอีก ซวยกว่านั้นคือไอ้น้องสาวตัวแสบของเขาที่โทรมาอ้อนวอนแกมบังคับให้เขาช่วยตัดต่องานอะไรสักอย่างที่ได้ยินแว่วๆว่าต้องส่งพรุ่งนี้


              แต่การต้องมาเจอเจ้าของห้องในชุดแบบนั้นมันออกจะเหนือความคาดหมายไปหน่อย


              “เมางี้ทำงานไหวหรอวะ” เจ้าของห้องเดินตามมานั่งบนโซฟาตัวเล็กที่ตั้งอยู่เยื้องๆกัน


    “กูไม่ได้เมา”


    ซะเมื่อไหร่ แต่กูสร่างตั้งแต่เห็นมึงในชุดนี้แล้วไอ้เหี้ย น่าจับกดฉิบหาย


    ขุนแผนต่อประโยคข้างหลังในใจ เหลือบตามองคนที่นั่งใช้ผ้าเช็ดตัวผืนเล็กเช็ดหัวทั้งๆที่ยังอยู่ในชุดผ้าคลุมอาบน้ำสีเข้ม อาจเพราะคนใส่รีบร้อนตอนใส่ทำให้คอเสื้อมันแหวกลงมาจนเห็นอะไรต่อมิอะไรวับๆแวบๆ จนคนมองเผลอกลืนน้ำลายก้อนเหนียวๆลงคอ


    “เออมึง กูขออาบน้ำหน่อยดิ”


    “เอาดิ แล้วชุดพี่อ่ะ”


    ขุนแผนชะงักค้างกับคำพูดนั้น มือหนาตบกระเป๋ากางเกงตัวเองแล้วถอนหายใจออกมาหนักๆเมื่อรู้ว่าตัวเองลืมเอาคีการ์ดกับกุญแจห้องมาด้วย


              “นี่ขนาดไม่เมานะเนี่ย” ติณณกรพูดเบาๆแล้วลุกหายเข้าไปในห้องนอน กลับมาอีกทีพร้อมผ้าเช็ดตัวผืนใหม่กับชุดใหม่ให้อีกฝ่ายเปลี่ยน “อ่ะพี่ แปรงสีฟันอันใหม่อยู่ในลิ้นชักในห้องน้ำอ่ะ”


              “ขอบใจ”


              ติณณกรมองแผ่นหลังกว้างเดินหายเข้าไปในห้องน้ำแล้วลอบถอนหายใจออกมาเบาๆ คุณหมอจัดการเปลี่ยนชุดนอนอย่างรวดเร็วแล้วพาตัวเองมานั่งเล่นเกมส์อยู่บนโซฟาเพื่อรอให้อีกฝ่ายเดินออกมา


              เขาทำใจนอนหลับทั้งๆที่มีมนุษย์ไอ้พี่ขุนอยู่ในห้องไม่ได้จริงๆ


              “มานั่งทำเหี้ยไร ไปนอนดิมึงอ่ะ”


              ติณณกรหันไปมองตามเสียง ร่างสูงในกางเกงวอร์มของเขาที่ขาเต่อหน่อยๆ แผงอกกว้างเปลือยเปล่ามีหยดน้ำเล็กๆเกาะพราวอยู่ กล้ามเนื้อหน้าท้องปรากฏเป็นลอนอย่างคนสุขภาพดีไม่นับรวมมัดกล้ามแขนกับเส้นเลือดที่เห็นอยู่จางๆตามแขนแกร่ง ติณณกรไม่รู้ว่าตัวเองมองคนตรงหน้าด้วยสายตาแบบไหนจนกระทั่งเจ้าของเรือนร่างเอ่ยทักขึ้นนั่นแหละ


              “เก็บอาการหน่อยไอ้หนุ่ม น้ำลายหกแล้ว”


              “ทำไมไม่ใส่เสื้อวะ”


              “เสื้อมึงตัวเท่าเสื้อหมา”


              ขุนแผนส่งมือไปผลักหัวคนที่นั่งอยู่เบาๆ แล้วเคลื่อนตัวไปนั่งหน้าแล็ปท็อปของตัวเองก่อนจะเริ่มทำงาน โดยมีเสียงเกมส์แว่วเข้ามาในหูอยู่เนื่องๆ


    เวลาผ่านไปจนนาฬิกาบอกเวลาเกือบตีสามเสียงเกมส์หยุดลงสักพักแล้ว ขุนแผนกดบันทึกไฟล์งานแล้วส่งให้น้องสาว รอจนเจ้าหล่อนทักมาบอกว่าขอบคุณจึงปิดพับจอแล็ปท็อปแล้วเอนตัวพิงโซฟา ร่างสูงขยับตัวเพื่อคลายความเมื่อยขบหลังจากทำงานมาเป็นเวลาหลายชั่วโมง


    ตุบ!!


    ท่อนแขนของคนที่หลับทั้งๆที่ยังนั่งกอดหมอนอิงอยู่หล่นลงมาพาดบ่าของคนที่นั่งอยู่ข้างล่าง ขุนแผนยกยิ้มมุมปากแล้วหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองขึ้นมาเก็บภาพคนตัวเล็กนอนหลับน้ำลายยืดไว้หลายภาพ ก่อนจะหยัดกายลุกขึ้นแล้วออกแรงอุ้มเจ้าของห้องให้เข้าไปในห้องนอนด้วยกัน


    ไม่ว่าจะห้องกูหรือห้องมึง กูก็ต้องเป็นคนแบกมึงไปนอนใช่ไหมเนี่ย


    ขุนแผนวางร่างของเจ้าของห้องลงบนเตียงก่อน จัดการปิดไฟปิดแอร์ในห้องรับแขกแล้วเดินกลับมาที่ห้องนอนอีกครั้ง ร่างสูงทิ้งกายลงนอนด้วยความอ่อนล้าแล้วเข้าสู่ห้วงนินทราทั้งๆที่เพื่อนร่วมเตียงขยับมาใกล้แล้วใช้แขนขาเกี่ยวตัวเขาเอาไว้แทนหมอนข้าง


     


    ติณณกรขยับตัวเมื่อได้ยินเสียงนาฬิกาปลุกที่ตั้งไว้ สิ่งแรกที่เขาเห็นเมื่อลืมตาขึ้นมาคือใบหน้าคมเข้มของคนที่เข้ามาขอนั่งทำงานเมื่อคืน แถมยังเป็นเขาเองที่กอดอีกฝ่ายไว้แน่นจนตัวแทบจะไปเกยอยู่บนแผงอกของอีกฝ่าย


    เชี่ยยยย!!!


    ติณณกรอุทานในใจแล้วเด้งตัวออกคนตรงหน้าเหมือนเป็นของร้อน ร่างสูงขยับเล็กน้อยแล้วนิ่งไปในที่สุด คุณหมอเจ้าของห้องลอบถอนหายใจเบาๆ แล้วลุกออกจากเตียงไปจัดการธุระส่วนตัวของตัวเองก่อนจะเดินกลับมามองคนที่ยังนอนนิ่งอยู่บนเตียง


    นาฬิกาดิจิตอลที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงบอกเวลาเลยเที่ยงวันไปแล้วหลายนาที ชายหนุ่มจึงเดินลากขาพาตัวเองเข้าไปในครัวเล็กๆ ติณณกรไม่ได้ทำอาหารเก่งมาก เขาทำได้แค่อาหารง่ายๆอย่างเมนูไข่กับแซนวิสต่างๆ


    แต่มันเที่ยงแล้ว แซนวิสคงไม่ค่อยเหมาะ


    อืมมมทำอะไรกินดีวะ


    นิ้วเรียวเคาะฝาตู้เย็นขณะที่ก้มมองของที่มีอยู่ภายใน ผักสลัด ไข่ต้มแล้ว น้ำผลไม้ น้ำเปล่า บรรดาขนมต่างๆ ทูน่ากระป๋อง มือบางปิดประตูตู้เย็นแล้วถอนหายใจเบาๆ เพราะร้อยวันพันปีไม่เคยจะได้ทำอาหารอะไรนอกจากแซนวิสทำให้ของสดที่มีอยู่เท่านี้


    เห้ออ สั่งจากข้างนอกแล้วกัน


    เดี๋ยวนะ!!


    แล้วทำไมคนที่ร้อยวันพันปีไม่นึกจะทำอาหารอย่างเขา ถึงได้นึกอยากจะทำขึ้นมาวะ?


    ติณณกรปัดความคิดนั้นออกไปจากสมองแล้วให้เหตุผลกับตัวเองว่าเขาก็แค่หิว ไม่ได้มีอะไรพิเศษมากกว่านั้น


    แอดดดด


    “อ่าว ตื่นแล้วหรอ” เสียงสดใสของผู้มาเยือนเรียกให้ติณณกรหันไปมอง ผู้จัดการสาวก้าวเข้าห้องมาพร้อมกับกล่องอาหารที่ส่งกลิ่นยั่วยวนอยู่


    “พี่ซื้อของกินมาฝาก หิวแล้วดิเห็นยืนหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่หน้าตู้เย็น”


    “แล้วซื้อไรมาเยอะแยะอ่ะพี่”


    “ของโปรดเราแหละ พี่ซื้อมาเยอะเลยไปเรียกแผนมากินด้วยกันดิ”


    “ผมยังไม่ค่อยหิวอ่ะพี่ เอาไว้ก่อนได้ป่ะ” ติณณกรรับของในมือหญิงสาวมาถือแล้วนำไปวางเรียงไว้บนเคาท์เตอร์ “แล้วพี่รีบไปไหนไหม ถ้าพี่แนนรีบกินเลยก็ได้นะ”


    “ไม่ๆ พี่กินมาแล้วนี่ซื้อมาให้เราแหละ กินไม่หมดก็แช่ตู้เย็นไว้นะเอาไว้อุ่นกินวันหลัง พี่ไปก่อนนะมีประชุมต่อ ช่วงนี้พี่ไม่อยู่ด้วยเรานอนพักนะตาเป็นหมีแพนด้าเลย” มือบางของณกานเอื้อมมาลูบแก้มใสอย่างเอ็นดู ติณณกรเอ่ยปากรับคำ มองร่างบางโบกมือลาแล้วเดินออกจากห้องไป


    คุณหมอมองประตูปิดลงแล้วหันมาสนใจกล่องอาหารที่อีกฝ่ายซื้อมา กับข้าวสองสามอย่างที่เป็นของโปรดของเขา อีกกล่องสองกล่องเป็นข้าวเปล่าตามจุดประสงค์ว่าซื้อมาฝากคนข้างห้องด้วยจริงๆ ส่วนอีกกล่องเป็นกล่องที่ใหญ่ที่สุดบรรจุขนมเค้กหน้าตาน่ากินหลายชิ้นวางเรียงกันอยู่


    “ทำไรวะ”


    เสียงแหบๆดังมาจากทางประตูห้องนอน ร่างสูงเดินเข้ามาใกล้แล้วมองอาหารที่ถูกจัดใส่จานเรียบร้อย  เขามองอาหารตรงหน้าสลับกับคนที่ยืนทำหน้าภูมิใจอยู่ไม่ไกล “มึงทำ?”


    “เปล่า ซื้อมา”


    “ถุ้ย ทำหน้าเหมือนทำเอง”


    “แล้วจะกินไม่กิน” ติณณกรแยกเขี้ยวใส่คนที่หัวเราะอยู่ในลำคอ จริงๆเขาตั้งใจจะหลอกว่าทำเองนั่นแหละ แต่ดูจากสายตาอีกฝ่ายแล้วถ้าพี่มันจับได้ทีหลังเขาคงโดนล้อไปอีกนาน “ไปแปรงฟันก่อนเว้ยพี่”


    “เออๆ สั่งเป็นแม่กูเลย” คนตัวสูงว่าแล้วเดินหายไปในห้องน้ำ ปล่อยให้เจ้าของห้องผิวปากเบาๆแล้วจัดโต๊ะกินข้าวต่อไป

    หลังจบมื้ออาหารคุณหมอเจ้าของห้องก็รับหน้าที่ล้างจาน ส่วนแขกของห้องนอนเอกเขนกอยู่บนโซฟาสีน้ำตาลเข้มกลางห้องในชุดเดียวกับเมื่อวาน


    “ไม่กลับห้องรึไง” ติณณกรเดินมาทิ้งตัวนั่งลงข้างๆ หลังจากจัดการกับบรรดาจานชามเสร็จแล้ว


    “รอคีย์การ์ดจากไอ้ซันอยู่”


    “อืม” ไม่ลงไปขอกุญแจสำรองที่ฟอนต์วะ


    ติณณกรขานรับนึกสงสัยในใจแต่ก็เลือกที่จะไม่ถามอะไรต่อปล่อยให้บทสนทนาจบลงเพียงเท่านั้น สายตาของทั้งคู่หยุดอยู่ที่ทีวีจอใหญ่ที่กำลังฉายหลังฮีโร่เรื่องหนึ่งอยู่จนเวลาล่วงเลยไปจนหนังจบไปสองเรื่อง เขาเลยเปลี่ยนไปดูวาไรตี้โชว์อีกพักใหญ่ก็ยังไม่มีวี่แววว่าร่างสูงจะขยับตัวไปไหน


    “ซันมันจะมาเมื่อไหร่พี่ ผมต้องออกไปทำงาน”


    “ไหนว่าเวรดึก นี่พึ่งจะสองทุ่ม” ขุนแผนพูดเนื่อยๆ นัยน์ตาสีเข้มเหลือบมองนาฬิกาที่แขวนอยู่บนผนังห้อง


    “ก็ต้องออกไปหาไรกินก่อนไง”


    “งั้นก็ไปอาบน้ำแต่งตัว เดี๋ยวกูไปส่ง”


    “ห้ะ”


    “หูตึงหรือไง ไปอาบน้ำดิ”


    ติณณกรเดินเข้ามาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดทำงานของตัวเองทั้งที่ยังไม่เข้าใจที่อีกฝ่ายพูดมากนัก แต่พอเดินออกมาอีกทีก็ได้คำตอบ เมื่ออีกฝ่ายเห็นเขาเดินออกมาจากห้องก็จัดการปิดทีวี ปิดแอร์แล้วหยิบกุญแจรถเขาเดินออกไปรอหน้าห้อง


    “เดี๋ยวๆ พี่จะเอากุญแจรถผมไปไหน” ติณณกรท้วงเบาๆ


    “ไปส่งมึงหาข้าวกินแล้วก็ไปทำงานไง” ร่างสูงควงกุญแจรถในมือแล้วหันกลับมาตอบด้วยน้ำเสียงสบายๆ ริมฝีปากใต้ไรหนวดเหยียดยิ้มบางๆอย่างที่เจ้าตัวชอบทำ


    “แล้วตอนเช้าผมกลับไงอ่ะ”


    “เดี๋ยวกูไปรับ”


    “เพื่อ?”


    “กูพอใจไง จะไปไหมไหนว่ารีบ?”


    คุณหมอร่างเล็กขยับเท้าก้าวตามอีกฝ่ายไปทั้งๆที่ยังไม่เข้าใจจุดประสงค์ของอีกฝ่ายมากนัก แต่จากเวลาที่คลุกคลีกับคนตรงหน้ามาเขาเลือกที่จะเออออตามไปเพราะรู้ว่าถึงอยากขัดก็คงขัดไม่ได้ เพราะพ่อคุณเขาตีหน้านิ่งไม่สนใจใครซะอย่างนั้น


    “จะกินไร”


    “เดี๋ยวผมกินที่โรงบาลก็ได้”


    “เอาร้านที่กูไปกินด้วยได้ดิ”


    “ที่โรงบาลพี่ก็กินได้”


    “แน่ใจ? เดี๋ยวก็มีกระแสว่ากูไปเฝ้ามึงที่ทำงานหรอก”


    “ไปกินที่อื่นก็มีกระแสว่าไปกินข้าวด้วยกันอยู่ดีป่ะวะ”


    “กวนตีน”


    ติณณกรตวัดสายตาไปมองคนที่ขับรถอยู่ข้างๆเมื่ออีกฝ่ายรำพึงเบาๆแต่เหมือนจงใจให้เขาได้ยินด้วย และแล้วก็เป็นคนเป็นพี่ที่ยกมือในทำนองว่ายอมแพ้แล้ว


    เฮอะ


    “ไม่อยากให้มีกระแสแล้วจะตามมาทำไมวะ” ติณณกรพูดเบาๆ


    “ก็อยากอยู่กับมึงไง”


    เออ แค่นั้นแหละ


    ติณณกรพูดแค่ในใจแล้วหันหน้าไปมองท้องถนนยามค่ำคืน หวังว่าแสงไฟสีแดงจากไฟเบรกรถคันหน้าจะช่วยซ่อนริ้วแดงๆที่อยู่บนหน้าของเขาได้

     


    ขุนแผนขับรถของติณณกรกลับมาที่คอนโดของตัวเองแล้วพาตัวเองไปที่ฟอนต์เพื่อขอรับคีย์การ์ดที่บอกให้รวีมาฝากไว้ตั้งแต่บ่าย ก่อนจะพาตัวเองกลับมาที่ห้องของตัวเองที่ไฟฟ้ากลับมาใช้ได้อีกครั้ง ชายหนุ่มมองนาฬิกาบอกเวลาเกือบเที่ยงคืนแล้วจึงตัดสินใจเข้าไปอาบน้ำเตรียมตัวนอน


    โชคดีที่วันนี้เป็นวันหยุดของเขา และงานที่ต้องส่งให้ลูกค้าก็เคลียร์เสร็จไปเกือบแปดสิบเปอร์เซนต์แล้วที่เหลือจึงปล่อยให้เป็นหน้าที่ของรวีได้โดยที่เขาไม่ต้องห่วง


    คืนนี้ขอนอนหลับแบบเต็มอิ่มสักหน่อยแล้วกัน

     



    ติ้งง


    ร่างสูงในชุดเสื้อยืดสีดำกับกางเกงยีนส์ตัวเก่งหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอ่านข้อความที่อีกฝ่ายส่งมาว่าใกล้ถึงเวลาเลิกงานแล้วแต่เหมือนว่าอีกฝ่ายมีธุระต้องทำต่ออีกเล็กน้อย ให้เขาไม่ต้องรีบไปเพราะจะต้องรอนาน


    คิ้วหนาเลิกขึ้นสูงพิมพ์ข้อความกลับไปว่าจะไปหาที่นั่งรอแถวนั้นแล้วคว้ากุญแจรถออกไปหน้าตาเฉย ระหว่างทางเขาแวะซื้อโจ๊กหมูใส่เห็ดหอมใส่กล่องที่หยิบติดมือมาด้วยสำหรับคนที่พึ่งเลิกงานและกาแฟหนึ่งแก้วสำหรับตัวเอง


    ร่างสูงนั่งรอไม่นานร่างของคุณหมอก็เดินมาให้เห็นในสายตา คิ้วเรียวของคนนั่งรอขมวดเข้าหากันเมื่อเห็นคนที่เขารอเดินเคียงมากับร่างสูงในชุดกราวน์สีขาว


    แล้วไอ้รอยยิ้มกับอาการเขินๆนั่นมันอะไรกันวะ


    “พี่โจ้ เอ่อ ผมไปก่อนนะครับ”


    “แฟนมารอรับหรอ อิจฉาจัง”


    “ไม่ใช่พี่ คนรู้จักเฉยๆ” ติณณกรตอบไปอย่างนั้น นิ้วเรียวถูกยกเกาจมูกแก้เก้อ ก่อนจะโบกมือลาพี่หมอที่บังเอิญเจอกันระหว่างทางแล้วสาวเท้าเดินเข้าไปหาคนที่นั่งหน้านิ่งคิ้วขมวดอยู่บนเก้าอี้ที่ตั้งอยู่ไม่ไกล


    “ขี้ไม่ออกหรอ หน้าบูดแต่เช้า”


    “เปล่า ไปเหอะ” ขุนแผนไม่ตอบแต่ลุกขึ้นเดินนำอีกฝ่ายไปที่รถที่จอดอยู่ไม่ไกล พอสอดตัวนั่งบนรถติณณกรก็กวาดสายตาหาต้นตอของกลิ่นหอมจางๆที่ส่งกลิ่นมาแล้วก็พบกล่องที่บรรจุโจ๊กหมูสับเห็ดหอมไปเกือบเต็ม


    “ของผมหรอ”


    “ของหมามั้ง”


    ติณณกรเบ้ปากเมื่อได้ยินคำตอบนั้นแล้วลงมือตักโจ๊กอุ่นๆนั้นเข้าปากจนหมด ยังไม่ทันที่จะเก็บกล่องเสร็จขวดน้ำที่ถูกเปิดฝาไว้แล้วก็ถูกส่งมาด้วยมือของคนนั่งอยู่หลังพวงมาลัย


    “ขอบคุณ” ติณณกรพืมพัมเบาๆ แล้วมองสัญญาณไฟเปลี่ยนจากสีแดงเป็นสีเขียว คุณหมอเหลือบตามองคนที่ยังขับรถไปเงียบๆ


    มีคนดูแลแบบนี้มันก็ดีเหมือนกันแฮะ


    TBC. 

    ------------------------------

    #จักรวาลขุนติณณ์


    22/05/61 น้องหมอหน้าแดงเก่งจังเลยนะคะตอนนี้ งุ้ยๆ เหม็นความรักมั่งไหม 55555 ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ ฝากติดตามน้องหมอกับพี่ขุนด้วยน้าาา <3

    T
    B
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×