คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : SHUTTER 7 : แฟนยังไม่มี มีแต่...
THE
SHUTTER ♡ 7 แฟนยังไม่มี มีแต่….
“กับใครนะ?”
ติณณกรเอ่ยถามย้ำอีกครั้งเมื่อได้ยินชื่อคนที่จะมาร่วมงานกับเขาในครั้งนี้
ผู้จัดการคนสวยของเขาส่งยิ้มหวานมาให้แล้วพยักหน้าขึ้นลงสองสามทีเพื่อยืนยันคำพูดของตัวเอง
“ก็ขุนแผนไง
ตากล้องสุดหล่อคนนั้นอ่ะ”
“โหว
พี่แนนผมไม่อยากยุ่งกับไอ้บ้าพี่ขุนมันแล้วอ่ะ” ติณณกรโอดครวญหน้าง้ำ ทั้งที่ชีวิตช่วงนี้หลีกเลี่ยงจากการโดนก่อกวนมาได้สักพักนึงแล้วแต่ดันต้องมาเจอกันอีกแบบนี้
แถมยังเป็นโฆษณาโหนกระแสวายอีก แค่นึกถึงสายตาแพรวพราวที่อีกฝ่ายชอบส่งมาที่เขา
ขนก็ลุกไปหมดแล้ว
“น่าาา ลูกค้าเขาก็รีเควสมาเองเลยอ่ะ พี่เห็นว่าติณณ์ก็สนิทกับเขาออก เห็นเข้าออกห้องนั้นออกบ่อย
น่านะ จะได้ลองทำอะไรใหม่ๆด้วยไง”
ณกานรีบเข้าไปลูบแขนของคนที่ขมวดคิ้วอยู่อย่างเอาใจ จริงๆแล้วที่เธอตกลงรับงานนี้ไปเพราะได้ยินมาว่าฝ่ายนู้นยอมรับงานแล้วนั่นแหละ
ไม่มีอะไรมากไปกว่าการสนองนี้ดของตัวเองล้วนๆนี่แหละค่ะ
“เห้อออ ยังไงก็ปฏิเสธไม่ได้ใช่ไหมเนี่ย”
“ใช่จ่ะ
เพราะพี่รับปากเขาไปแล้วไม่อยากเสียผู้ใหญ่อ่ะ นะๆ วันนี้ไปเซ็นสัญญากันนะ”
“เลี้ยงเค้ก”
“จ้าาาา” ณกานลากเสียงยาวๆ แล้วดึงแขนอีกฝ่ายให้เดินตามมาด้วยกัน
การถ่ายงานโฆษณาเริ่มขึ้นหลังจากนั้นไม่นาน โลเคชั่นที่ใช้ถ่ายใช้เวลาเดินทางจากเมืองหลวงเพียงสองชั่วโมงเศษเป็นถนนเลียบอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ถูกขนาบด้วยต้นนางพญาเสือโคร่งที่ชูช่อบานสะพรั่งตลอดทั้งสาย เป็นสถานที่ที่เหมาะกับการพาคนรักมาขี่รถเล่นเป็นอย่างยิ่งถ้าไม่นับรวมแดดเดือนธันวาคมที่ไม่ตรงตามฤดูกาล
“น้องติณณ์ครับ
เดี๋ยวพอขับไปสักพักก็เอื้อมมือไปโอบเอวไอ้แผนนะครับ ไอ้แผนส่วนมึงขี่ๆก็หันมามองหน้าน้องติณณ์แล้วยิ้มนะ
ยิ้มหวานๆอ่ะ เออๆ แบบนั้นแหละ ที่เหลืออยากได้เป็นโมเมนต์แบบคุยเล่นกันไม่มีบทนะ
เอาตามฟีลเลย เคป่ะ”
ขุนแผนที่กำลังนั่งคร่อมอยู่บนรถจักรยานยนต์ยี่ห้อหนึ่งพยักหน้ารับคำเพื่อนรักที่ยืนกำกับอยู่ไม่ห่าง
ด้านหลังเขามีเจ้าของชื่ออีกชื่อนั่งซ้อนอยู่ด้วย
ร่างสูงหันไปมองอีกฝ่ายอย่างนึกสงสารเพราะแดดที่ค่อนข้างแรงทำให้ดวงหน้าขาวละเอียดเริ่มแดงระเรือด้วยสีเลือดฝาด
“จะถ่ายจริงได้ยัง กูร้อน”
ร่างสูงหันไปบ่นกับเพื่อนที่ยืนอยู่ไม่ไกล
แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยืดตัวเต็มความสูงเพื่อให้คนข้างหลังได้หลบแดด
ภูษิตเบ้ปากกับท่าทางนั้นของเพื่อน หันไปสั่งกับทีมงานสองสามคำแล้วหันกลับมาหาเพื่อนรักอีกครั้ง
“เออ ทำดีๆแล้วกันจะได้เทคเดียวผ่าน
ไม่ต้องขี่เร็วนะ แล้วก็ตอนมองหน้ากันอ่ะ ขอหวานๆ หวานแบบมองแฟนอ่ะ”
“เออ มึงย้ำมาสิบรอบละ”
ขุนแผนรับคำแล้วทอดสายตามองเพื่อนรักเดินห่างออกไป
เขาเหลือบตามองคนที่นั่งอยู่ข้างหลังแล้วแกล้งบิดคันเร่งให้รถกระชากตัวออกมาเร็วๆ
แล้วกำเบรกจนอีกฝ่ายที่เกือบหงายหลังในจังหวะแรกถลากลับมากระแทกที่แผ่นหลังกว้างอย่างแรงพร้อมเสียงโวยวายตามลำดับ
“เล่นเชี่ยไรของพี่เนี่ย”
“หึหึ รถมันแรง” ขุนแผนหัวเราะในลำคอแล้วเอี้ยวตัวกลับไปตบกระจกหมวกกันน็อคที่อีกฝ่ายเปิดขึ้นไว้ลงจนอีกฝ่ายชักสีหน้าใส่
“จับดีๆ”
ติณณกรเบ้ปากแต่ก็ยอมเอื้อมมือไปจับชายเสื้ออีกฝ่ายไว้หลวมๆ
ก่อนคนที่รับหน้าที่เป็นพลขับจะเคลื่อนตัวออกไประหว่างทางก็มีบางครั้งที่อีกฝ่ายแกล้งเบรกกระทันหันจนคนซ้อนต้องโวยวายอยู่หลายหน
โดยมีสายตาหลายคู่มองไปยิ้มไป
“ไอ้แนน ฉันอยากจะถ่ายคลิปไปลงจริงๆ
อยากให้โลกรู้”
“นั่นดิ เวลาเขาอยู่ด้วยกันน่ารักจริงๆว่ะ”
หลังจากนั้นทั้งคู่ก็ต้องขี่รถกลับไปกลับมาอีกสามสี่รอบก่อนผู้กำกับจะพอใจแล้วเปลี่ยนไปถ่ายที่ทั้งคู่จอดรถไว้กลางถนนเป็นหน้าที่ของติณณ์ที่ต้องพูดสโลแกนโดยมีร่างสูงนั่งอยู่บนรถอยู่เป็นฉากหลัง
“มาซิ่งไปกับเราสิครับ”
เจ้าของเสียงยิ้มหวานแล้วขยิบตาให้กล้องตามสเต็ปของเจ้าตัวแล้วหมุนตัวเดินกลับมาหาคนที่ยังนั่งหน้าหล่ออยู่ที่เดิม
พอหันหลังให้กล้องติณณกรก็เบ้ปากแล้วทำปากลมๆใส่คนที่นั่งอยู่เฉยว่า ‘กินแรง’ จนคนมองหลุดขำออกมา
ฉากสุดท้ายคือฉากที่ติณณกรซ้อนรถแล้วทั้งคู่ก็ขับออกไป
แต่เมื่อเขาเดินมาถึงรถร่างสูงที่นั่งอยู่ก่อนกลับขยับตัวไปข้างหลังแล้วพยักเพยิดให้ติณณกรนั่งข้างหน้าและเป็นคนขี่ทั้งๆที่เจ้าตัวขี่ไม่เป็น
“เล่นเชี่ยไรเนี่ย ผมขี่ไม่เป็น”
“ขึ้นมา กูก็อยู่มึงจะกลัวอะไร เร็วๆ
เดี๋ยวก็ได้ถ่ายอีกรอบหรอก”
“มันตัดต่อได้หรอก ไม่เอา พี่มาขี่ดิ”
“เร็วว กูหิวข้าวแล้วเนี่ย” ไม่ว่าเปล่าขุนแผนดึงแขนคนที่ยืนหน้าง้ำอยู่ให้มานั่งแล้วจัดแจงท่าให้อีกฝ่าย
“ค่อยๆบิดไป ยังคับให้มันตรงทาง”
ติณณกรเบะปากแต่ก็ยอมทำตามที่อีกฝ่ายบอกดีๆ เมื่อเห็นว่าจะไปไม่รอดขุนแผนก็เอื้อมตัวเข้ามาช่วยจับแฮนด์ให้อีกฝ่ายขี่ไปได้ตรงทาง กลิ่นอาฟเตอร์เชฟอ่อนๆจากซอกคอคนข้างหน้าทำเอาคนเป็นพี่สติแทบหลุด เกือบเผลอตัวฟัดคอมันไปหลายทีดีเท่าไหร่ที่ติณณกรมัวแต่สนใจการบังคับรถจนไม่ได้สังเกตว่ามีหมาป่าตัวโตในคราบมนุษย์จ้องจะงาบตัวเองอยู่
“วันนี้เก่งมากเลยนะครับน้องติณณ์ ฉากที่ติณณ์ขี่มอไซต์ตอนสุดท้ายเซอร์ไพรส์มากเลย”
ติณณกรยิ้มรับคำชมนั้นแล้วรับขวดน้ำที่เปิดแล้วขึ้นมาดื่ม
นัยน์ตาสีเข้มกวาดสายตามองทีมงานเก็บของแล้วหันหน้าไปหาผู้จัการส่วนตัวเพราะว่าวันนี้เขามีงานอีเว้นท์ที่ห้างดังกลางเมืองของจังหวัดนี้
“พี่แนนไปกันยัง”
“ไปสิ ติณณ์ไปรอพี่ที่รถเลยนะเดี๋ยวพี่ตามไป
นี่ๆ แผนกลับไงอ่ะ” ณกานโบกมือให้ติณณกรเดินไปอีกทางแล้วหันหน้ากลับไปถามคนที่ยืนคุยกับเพื่อนตัวเองอยู่
“คงกลับพร้อมไอ้ว่านแหละครับ”
ร่างสูงหันมาตอบแล้วเตรียมจะเดินแยกไปกับเพื่อนรักแต่โดนอีกฝ่ายดึงแขนไว้ก่อน
ผู้จัดการร่างเล็กขยับเข้ามาใกล้แล้วลดระดับเสียงให้ได้ยินกันแค่สองคน
“คือว่า…พี่อยากให้แผนไปส่งติณณ์หน่อยอ่ะ
คือพี่มีนัดสำคัญอ่ะ ช่วยพี่หน่อยได้ไหม”
ขุนแผนยิ้มรับคำขอ
แล้วฟังณกานร่ายรายละเอียดเกี่ยวกับงานเล็กน้อยพร้อมให้เบอร์ติดต่อเจ้าของงานมาโดยบอกว่าจะโทรไปย้ำให้ถ้าถึงที่หมายแล้วให้ขุนแผนโทรหาได้เลย
ร่างสูงพาตัวเองไปยังรถที่คุ้นตา นัยน์ตาสีเข้มมองผ่านกระจกไปเห็นว่าคนตัวเล็กกว่านั่งหลับตาพิงเบาะอยู่ฝั่งข้างคนขับเรียบร้อยแล้ว
“ช้าจัง เห้ยย!!”
ปฎิกิริยาแรกที่อีกฝ่ายแสดงออกมาไม่ได้ทำให้เขาแปลกใจมากนัก
ร่างสูงส่งยิ้มจางๆหยิบแว่นกันแดดสีชาขึ้นมาสวมแล้วเริ่มทำหน้าทีสารถีของตัวเองเงียบๆ
“มาได้ไงเนี่ย แล้วพี่แนนอ่ะ”
“พี่แนนไม่ว่างมั้ง ลองโทรไปถามดูดิ”
ติณณกรขมวดคิ้วมุ่น
แต่หลังจากนั้นไม่นานข้อความจากผู้จัดการของเขาก็ถูกส่งมาอธิบายพร้อมคำขอโทษขอโพยตบท้ายด้วยสัญญาว่าจะพาไปกินบุพเฟ่ขนมหวานมื้อใหญ่
เห็นเขาเป็นคนเห็นแก่กินไปได้
“ง่วงก็นอนไป จะได้มีแรงทำงาน”
ติณณกรเหล่ตามองเจ้าของเสียงแล้วพิงหัวกับเบาะอย่างว่าง่าย
เพราะวันนี้ตื่นมาแต่ฟ้ายังไม่สว่างแถมยังต้องตากแดดมาครึ่งวันทำเอาคนที่เลิกงานตอนเที่ยงคืนรู้สึกเพลียอย่างช่วยไม่ได้
ทั้งรถคลอไปด้วยเสียงเพลงที่เจ้าของรถเปิดไว้
ทั้งคู่ใช้เวลาฝ่ารถติดยามเย็นของเมืองที่ค่อนข้างเจริญมาเกือบชั่วโมงก็มาถึงที่หมาย
ขุนแผนจัดการนัดแนะกับเจ้าของงาน ไม่นานก็มีหญิงสาวร่างเล็กเดินออกมาจากประตูทางออกเขาจึงเริ่มออกแรงเขย่าแขนคนที่อยู่ข้างๆเบาๆ
“ติณณ์ ตื่น!!”
“ฮื่ออ”
เปลือกตาสีเปลือกไม้ค่อยๆเคลื่อนเปิดขึ้นช้าๆ นัยน์ตาสีนิลเหลือบมองรอบกายแล้วหยัดตัวลุกขึ้นนั่งดีๆ มือขาวลูบหน้าตัวเองเบาๆ ปรับสีหน้าจากง่วงงุนเป็นใบหน้าเปื้อนยิ้มแล้วเปิดประตูรถลงไปเมื่อเห็นคนที่เดินเข้ามาใกล้
“พี่ฟ้าสวัสดีครับ นี่ผมมาช้าหรือเปล่า”
“ไม่ช้าจ่ะ ป่ะไปเตรียมตัว แล้ว…”
“กูรอในรถนะ”
ขุนแผนเปิดกระจกแล้วโผล่มาบอกแค่นั้นแล้วหายกลับไปในรถเหมือนเดิม ติณณกรถอนหายใจแล้วเคาะกระจกรถข้างนั้นเบาๆ
กระจกรถถูกลดลงอีกครั้งพร้อมคิ้วหนาที่เลิกขึ้นเชิงถามว่ามีอะไร
“ไปข้างในดิ มันนาน”
“กูจะนอน”
“เออ ตามใจ” ติณณกรพูดแค่นั้นแล้วหันกลับไปส่งยิ้มให้หญิงสาวอีกคนที่มองมาที่ทั้งคู่ด้วยสายตาเปื้อนยิ้ม
“ไปกันเถอะครับ”
ติณณกรเปลี่ยนชุดใหม่แล้วนั่งให้พี่ช่างแต่งหน้าเติมเครื่องสำอางเล็กน้อยก่อนจะไปแสตนบายรอที่หลังเวทีที่บัดนี้พื้นที่รอบๆถูกจับจองด้วยแฟนคลับจนเกือบเต็ม
“สวัสดีครับบบ”
ติณณกรก้าวขึ้นเวทีเมื่อพิธีกรประกาศเรียกชื่อตัวเอง
รอยยิ้มหวานๆถูกส่งไปแทบจะตลอดเวลาที่ยืนอยู่บนเวที
เสียงกรี้ดที่ดังมาเป็นระรอกเหมือนเป็นเครื่องปัดเป่าความเหนื่อยล้าของวันนี้ไปจนหมด
เขาร้องเพลงไปสี่เพลงรวดก่อนจะถึงคิวพิธีกรขึ้นมาพูดคุยเรื่องราวต่างๆ
ที่เขาเองก็ตอบอย่างเต็มใจยกเว้นคำถามนี้
“สายข่าวของพี่บอกมาว่าวันนี้พี่แนนไม่ได้มาส่งเหมือนทุกที
วันนี้ใครมาส่งคะน้องติณณ์”
“เอ่ออ รุ่นพี่ที่รู้จักกันน่ะครับ”
ติณณกรตอบไปยิ้มๆ
และประโยคถัดมาของพิธีกรสาวก็ทำให้เวทีตรงนั้นกระหึ่มไปด้วยเสียงกรี้ด
“รุ่นพี่คนที่เป็นตากล้องด้วยหรือเปล่าคะ”
ติณณกรไม่ตอบเพียงแต่ส่งยิ้มการค้าไปให้
กวาดสายมองเห็นแฟนคลับด้านล่างยิ้มกันจนแก้มแทบแตกยิ่งทำให้เขายิ้มกว้างขึ้นไปอีกเพราะนึกขำในสิ่งที่ทุกคนกำลังมโนกันไปไกล
แต่เหมือนว่ารอยยิ้มของเขาจะถูกคนมองตีความไปอีกอย่างนึง
“ต้องเป็นพี่ตากล้องคนนั้นแน่เลย”
“ดูพี่ติณณ์ยิ้มดิ โอ้ยยย”
“ใจฉันบางไปหมดแล้ววว”
ติณณกรเดินออกมาตามทางจนเห็นรถของตัวเองจอดอยู่ไม่ไกล
เขาพาตัวเองไปอยู่ข้างกระจกฝั่งคนขับที่ลดลงเกือบครึ่ง เบาะสีดำสนิทถูกเอนลงจนสุดถูกทาบทับด้วยคนตัวสูงที่นอนกอดอกหลับตาอยู่นิ่งๆ
คนอะไรวะ ขนาดนอนยังเก๊ก
ติณณกรคิดในใจแล้วยกนิ้วเรียวยกเคาะกระจกเบาๆสองสามครั้ง
เพื่อปลุกให้อีกฝ่ายตื่นขึ้นมาปลดล็อครถให้
ก๊อกๆ
ขุนแผนเปิดเปลือกตาขึ้นมองแล้วขยับตัวลุกขึ้นนั่งหลังตรงเอื้อมมือปลดล็อครถให้
แล้วหันไปขยับเบาะให้กลับมาอยู่ตำแหน่งเดิม
“ผมขับเอง ง่วงก็นอนไป” ติณณกรเปิดกระตูรถฝั่งคนขับแล้วเท้าแขนข้างหนึ่งกับประตูที่เปิดออกแล้วพูดกับอีกฝ่ายด้วยประโยคเดียวกับที่อีกฝ่ายเคยพูดกับเขา
“ละเมอหรือไง กูได้นอนแล้วมึงแหละไปนั่งทีตัวเองไป”
ติณณกรกรอกตากับคำพูดนั้นแต่ก็ยอมเดินอ้อมไปอีกฝั่งแต่โดยดี
ในระหว่างที่เดินผ่านหน้ารถหางตาเขาก็เห็นกล้องใส่เลนส์ซูมที่ส่องมาทางนี้แล้วได้แต่ถอนหายใจออกมาเบาๆ
ได้แต่ภาวนาขอให้มันเป็นกล้องของแฟนคลับ
“จะไปงานเลี้ยงหรือเปล่า”
“คงไม่อ่ะ เหนื่อยจะตาย” ติณณกรตอบตอนที่หันไปดึงเบลล์มาคาด
ขณะที่รถค่อยเคลื่อนที่ออกไปพร้อมกับเสียงรับคำในลำคอของอีกฝ่าย
RRRRRR
หลังจากรถเคลื่อนที่ออกมาได้ราวชั่วโมงเศษ
โทรศัพท์เครื่องเล็กของขุนแผนก็แผนเสียงดังขึ้นจนคนที่นั่งโดยสารมาสะดุ้งจากอาการสลืมสลือ
หยิบโทรศัพท์มารับแล้วกรอกเสียงง่วงๆลงไปโดยไม่ได้สังเกตว่านั่นไม่ใช่ของของตัวเอง
“ครับ”
[ไอ้แผน มึงจะมาไหมเนี่ย]
ติณณกรขมวดคิ้วกับสรรพนามที่อีกฝ่ายเรียกแล้วดึงเครื่องมือสื่อสารออกมามองชื่อที่ปรากฏอยู่บนจอสลับกับคนที่ยังขับรถต่อไปโดยไม่สนใจอะไร
“ของพี่อ่ะ”
ติณณกรส่งโทรศัพท์ในมือให้อีกฝ่ายที่ปรายตามองก่อนจะหยิบโทรศัพท์ไปเปิดสปีคเกอร์โฟนแล้ววางไว้ที่เดิม
“เออ ว่าไง”
[อยู่ไหนวะ]
“ขับรถอยู่”
[จะมาไหม]
“เดี๋ยวตามไปดึกๆ”
[ให้ไวเลยไอ้สัด]
แล้วสายก็ถูกตัดไปทิ้งให้ทั้งรถตกอยู่ในความเงียบเช่นเดิม
จนในที่สุดติณณกรก็เป็นฝ่ายทำลายความเงียบนั้นลง
“จะไปงานเลี้ยงหรอ”
“อืม
แต่เดี๋ยวกลับไปส่งมึงที่คอนโดก่อน” ขุนแผนพยักหน้ารับคำ จริงๆก็ไม่ใช่งานเลี้ยงใหญ่อะไรมากมายแค่มีเป็นการสังสรรค์กันหลังถ่ายทำเสร็จเท่านั้น
ภูษิตเพื่อนเขารบเร้ามาตั้งแต่ยังไม่เริ่มถ่ายเลยด้วยซ้ำ
“ไปเลยก็ได้ ผมไปด้วย”
“พรุ่งนี้ไม่มีงาน?”
“มีเวรดึก”
ติณณกรบอกเพียงเท่านั้นแล้วเลื่อนสายตาไปหยุดที่วิวยามค่ำคืนของถนนทางหลวงพิเศษหมายเลขเจ็ด
เสียงบีทหนักๆดังเข้ามาในโสตประสาททันทีที่ก้าวเข้ามาในร้าน
ผู้คนมากหน้าหลายตาขยับตัวตามจังหวะดนตรีจนแทบจะเดินแทรกเข้าไปไม่ได้ ข้อมือขาวของติณณกรถูกรวบไว้โดยคนที่เดินนำอยู่ข้างหน้าจนกระทั่งทั้งคู่เดินมาถึงชั้นลอยโซนหนึ่งที่ถูกจับจองด้วยคนที่คุ้นตา
“กว่าจะมา ลีลาสัดด”
ภูษิตเอ่ยทักเพื่อนรักทันทีที่อีกฝ่ายปรากฏตัวพร้อมใครอีกคนที่เขาไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะมาด้วย
เขาส่งแก้วที่เต็มไปด้วยน้ำสีอำพันให้เพื่อนรักแล้วพูดเสียงเบา “มาด้วยกันหรอวะ”
ขุนแผนรับแก้วมาจรดริมฝีปาก
ยกยิ้มให้เพื่อนแทนคำตอบทอดสายตามองคนตัวเล็กกว่าที่เดินไปนั่งข้างผู้จัดการส่วนตัวของตัวเอง
“ร้าย”
ร่างสูงไม่ได้ตอบอะไรกลับไปนอกจากเสียงหัวเราะในลำคอ
เวลาผ่านไปแก้วในมือของเขาถูกเพื่อนรักหยิบออกไปจัดการชงให้ใหม่แล้วถูกส่งกลับมาแก้วแล้วแก้วเหล่า
สีของน้ำในแก้วเข้มขึ้นเรื่อยๆตามระดับแอลกอฮอล์ในร่างกายของคนชง
“พี่แผนมีแฟนหรือยังคะ”
เสียงของน้องในกองที่เริ่มจะสนิทกันเมื่อน้ำเมาเข้าปากขยับเข้ามาถามใกล้ๆ
ซึ่งคำถามนั้นก็ทำให้ทั้งวงเงียบเสียงลงทันที
ทุกสายตาในโต๊ะพุ่งความสนใจมาที่คนที่นั่งจิบเหล้าในมือเงียบๆ
ไม่เว้นแม้กระทั่งคนที่ขุนแผนหยุดสายตาไว้เนิ่นนาน แก้วในมือถูกลดลงไว้ที่หน้าตักก่อนที่ริมฝีปากบางจะยกยิ้มจางๆ
โดยที่สายตาตรึงอยู่ที่ร่างบางที่กำลังยกแก้วในมือขึ้นจิบ
“แฟนยังไม่มีหรอกครับ มีแต่คนที่…”
“…”
“มองๆอยู่”
TBC.
-----------------------------------------
#จักรวาลขุนติณณ์
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ <3
21/05/61 ไม่แค่มองแล้วมั้งคะพี่แผนนนน แหมๆๆ เจอสายตาแบบนี้ไปน้องติณณ์จะหวั่นไหวมั่งไหนเนี่ยยยย >///<
ถ้าชอบก็เม้นให้เค้าหน่อยนะคนดี ฝากติดตามผลงานด้วยนะคะ จุ้บบบบบ <3
ความคิดเห็น