คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : SHUTTER 5 : ชอบมั้ง?
THE
SHUTTER ♡ 5 ชอบมั้ง?
ขุนแผนทอดสายตามองคนที่ยืนร้องเพลงอยู่บนเทีแล้วก็อดไม่ได้ที่จะยกกล้องขึ้นมาเก็บภาพไว้
จากตอนแรกที่ตั้งใจจะถ่ายแค่สองสามภาพ
แต่ไปๆมาๆกลายเป็นว่าเขารัวชัตเตอร์จนภาพที่อยู่ในกล้องมีหลายสิบภาพ
“พี่คะๆ”
“ครับ” ขุนแผนลดกล้องลงเมื่อรู้สึกได้ถึงแรงกระตุกเบาๆที่ชายเสื้อ
เมื่อหันไปก็เจอเด็กสาวน่าจะราวๆม.ปลายยืนยิ้มเก้ๆกังๆอยู่
“พี่เป็นแฟนคลับพี่ติณณ์หรอคะ”
“เอ่ออ…พี่ถ่ายไปให้น้องสาวครับ”
ขุนแผนโกหกคำโต จริงๆแล้ววันนี้เขาตั้งใจจะมาซื้อของใช้เข้าห้องแต่ดันบังเอิญมาเจอเวทีที่ตั้งอยู่กลางห้างพร้อมกับร่างเล็กคุ้นตาที่ยืนยิ้มอยู่กลางเวที
แผนที่จะซื้อของก็ถูกพับเก็บไปแทนที่ด้วยกล้องที่เก็บไว้หลังรถแทน
“ดีจังเลยนะคะ ถ้างั้นเข้าไปข้างใกล้ๆไหมคะ
จะได้ถ่ายรูปสวยๆ”
ยังไม่ทันที่ขุนแผนจะตอบรับหรือปฎิเสธ
ข้อมือของเขาก็ถูกจับจูงเข้าไปเบียดในฝูงชนจนกระทั่งเขาเข้ามาใกล้เวทีมากจนคนบนเวทีเบือนสายตามาสบกัน
“น้องติณณ์ครับ”
“ครับ?” ติณณกรละสายตาออกมาจากร่างสูงแล้วกลับมาสนใจกับบทสนทนาตรงหน้าที่เป็นการประชาสัมพันธ์สินค้ายี่ห้อหนึ่ง
“ไม่รู้ว่าตากล้องคนนั้นมีอภิสิทธิ์อะไรเป็นพิเศษนะครับน้องติณณ์หันไปมองบ่อยจังง”
ติณณกรไม่ตอบเพียงแต่ส่งยิ้มจางๆไปแทนคำตอบ
เสียงกรี้ดของแฟนคลับที่เริ่มซุบซิบแล้วเริ่มหันไปสนใจร่างสูงที่อยู่ในชุดเสื้อยืดสีดำกับกางเกงยีนส์สีซีดอย่างที่เจ้าตัวชอบ
“สนใจผมหน่อยสิครับ หันไปสนใจใครกันก็ไม่รู้”
ติณณกรส่งเสียงอ้อนแฟนคลับเมื่อเห็นว่าหลายคนเริ่มยกกล้องมือถือถ่ายรูปคนที่ยังยืนไม่รู้เรื่องรู้ราวอยู่
พอจบประโยคนัยน์ตาของคนอยู่ด้านล่างเวทีก็เบือนมาสบกับคนที่มองอยู่ก่อนแล้ว คิ้วหนาเลิกขึ้นเชิงถามว่า
มีอะไร
“แกก เค้ามองตากันอ่ะ”
“งื้ออออ พี่คนนั้นก็หล่ออ่ะ”
“เคมีโคตรได้”
“มองตาก็รู้ใจหรือเปล่าเนี่ยยย น่ารักอ่ะ”
เสียงซุบซิบที่ดังขึ้นเรื่อยๆจนขุนแผนเริ่มรู้ตัว
เขาละสายตาจากคนบนเวทีแล้วกวาดสายตามองรอบๆ แล้วส่งยิ้มจางๆให้หลายๆสายตาที่มองมา ความคิดบางอย่างแล่นริ้วเข้ามาเขาเลยขยับปากแบบไม่มีเสียงเพื่อสื่อสารกับสายตาหลายคู่ที่มองมาอยู่
“ผม ชอบ เขา”
“กรี้ดดดดดดด”
เสียงกรี้ดกระหึ่มอีกครั้งเมื่อชายหนุ่มว่าอย่างนั้น
แถมยังชี้นิ้วไปบนเวทีเพื่อขยายความของคำว่า “เขา”
ในประโยคไม่มีเสียงของตัวเองอีกต่างหาก
ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มบางๆ เมื่อเห็นคิ้วเรียวของอีกฝ่ายขมวดเข้าหากัน
นัยน์ตาดุๆถูกส่งมาและถูกบันทึกไว้ด้วยกล้องในมือ
ขุนแผนทิ้งระเบิดไว้เพียงเท่านั้นแล้วหมุนตัวเดินออกมาจากฝูงชนเพื่อทำตามแผนที่เขาวางไว้ตั้งแต่แรก
ข้าวของเครื่องใช้ที่ซื้อมาถูกวางกองรวมกันไว้ที่บนเคาท์เตอร์ในห้องครัวเล็กก่อนที่ชายหนุ่มจะเริ่มจัดของเสียงเคาะประตูรัวๆหน้าห้องก็เรียกความสนใจจากเจ้าของห้องไปเสียก่อน
แอดด
“เฮียยย!!”
“เล่นเหี้ยอะไรของมึง”
ขุนแผนยกมือโบกหัวรุ่นน้องที่โผล่มากวนตีนเขาแบบนี้ รวีเดินลูบหัวปอยๆเข้ามาในห้องพร้อมกระเป๋าเป้ใบใหญ่
“แหม เปิดตัวแรงนะเดี๋ยวนี้”
“เปิดตัวอะไรวะ” ขุนแผนปิดประตูแล้วเดินตามเข้ามา
มองรุ่นน้องเปิดแล็ปท็อปกับอุปกรณ์ขึ้นมารอทำงาน
“เอ้าา ได้ข่าวว่าไปบอกชอบพี่ติณณ์กลางงานอีเว้นท์พี่เขานี่”
เมื่อจบประโยคของรุ่นน้องคิ้วหนาของคนฟังก็ค่อยๆขมวดเข้าหากันช้าๆ
รวีเห็นอาการนั้นก็เดินสาวเท้ายาวๆ เข้ามาหาคนที่ยืนงงอยู่แล้วยื่นโทรศัพท์ที่เปิดแอพพิเคชั่นทวิตเตอร์ส่งมาให้
ไปบอกเขาว่าฉันรักเขาาา @fhayyy
‘ผมชอบเขาาาาา’ ฟหด่สาห่เวกสงวาเสวดกาน ตายอย่างสงบ #TINNAKORN #เรือผี
<3
@loveTINN
สายตาแบบนี้มันหมายความว่ายังไงงงงง โดดลงเรือผีเลยได้ไหมเนี่ยยยย #TINNAKORN #ตากล้องตัวร้ายกับนายหน้าหวาน
ปอดอ @thwfull
ใต้ความมองตากัน กรี้ดดดดดด
ไม่เคยอยากยกพี่ติณณให้ใครยกเว้นพ่อตากล้องรูปหล่อคนนี้ #TINNAKORN
และอีกมากมายอีกหลายแอคเคาท์ที่หวีดกันจนคนอ่านเผลอเบ้ปาก
แถมยังมีรูปหลายๆ มุมของเขาแปะหลาอยู่บนข้อความเหล่านั้นด้วย
“เหี้ยไรเนี่ย”
“ตกลงเฮียชอบพี่ติณณ์เขาจริงดิ” รวีรับโทรศัพท์คืนมาแล้วเอ่ยปากถามไปอย่างที่ใจคิด เขาสังเกตเห็นอาการแปลกๆ ของขุนแผนตั้งแต่วันที่ไปถ่ายรูปวันนั้นแล้วแต่ก็ไม่ได้ถามอะไรไป เพราะไม่คิดว่ารุ่นพี่ที่รู้จักกันมานานจะเบี่ยงเบนไปชอบไม้ป่าเดียวกันซะได้
ก็วีรกรรมที่พี่มันก่อไว้สมัยเรียนไม่ใกล้เคียงกับคำถามของเขาเลย เพราะผู้ชายตรงหน้านี้ไม่เคยแม้แต่จะแลตามองผู้ชาย แต่ถ้าผู้หญิงนะมาร้อยก็เรียบทั้งร้อย ขนาดเขาที่เข้ามาในชีวิตพี่มันในปีสุดท้ายของมหาลัยยังได้ยินกิตศัพท์หนาหู ฉายาที่เยอะจนจำไม่หวาดไม่ไหว แต่ถ้าให้เขานิยามความเป็นพี่มันตอนนั้นล่ะก็คงเป็น "พี่แผนแสนเมีย"
“มึงจะบ้าหรอ” ขุนแผนว่าแล้วก็วาดขายาวๆไปแตะคนที่ยืนอยู่ไม่ไกลอีกที
ก่อนจะก้าวยาวๆไปที่เคาท์เตอร์จัดการเก็บของสดเข้าตู้เย็น
ส่วนของอื่นๆก็เอาไปเก็บไว้ตามสมควร
“บ้าอะไร แหม วันนั้นผมเห็นนะจ้องตาไม่กระพริบเลยอ่ะ”
“ไอ้ซัน มึงหุบปากไปเลยถ้าไม่อยากโดนเตะอีกที”
“เขินรุนแรงง”
“เดี๋ยวเถอะมึง”
ขุนแผนส่งสายตาคาดโทษไปให้รุ่นน้องตัวแสบแล้วไปหยิบกล้องตัวเก่งแล้วเดินเข้าไปในห้องที่จัดไว้เป็นสตูดิโอ
จริงๆแล้วสินค้าที่เขากำลังจะถ่ายนี้กำหนดส่งมันคืออาทิตย์หน้าเอาไว้ทำวันหลังก็ได้
แต่เพราะขี้เกียจจะต่อล้อต่อเถียงกับรุ่นน้องที่เกลี่ยสีอยู่ด้านนอกจึงเลี่ยงเข้ามาในห้องนี้แทน
ขุนแผนนั่งลงตรงหน้ามอนิเตอร์เพื่อเช็คภาพที่พึ่งถ่ายเสร็จ
แล้วมือดันเลื่อนไปเจอรูปเซ็ตที่เขาถ่ายไว้เมื่อเช้า เสี้ยวหน้าของคนตัวเล็กในชุดเสื้อเชิ้ตแขนสั้นลายวินเทจตัวใหญ่กับกางเกงสีดำรัดรูปกำลังยิ้มแล้วมองไปอีกฝั่งของกล้อง
เจตนาที่เขาบอกคนอื่นไปอย่างนั้นเพราะอยากจะแกล้งอีกฝ่ายหัวเสียเพราะโดนแซวมากกว่าไม่คิดว่าเขาจะต้องเป็นฝ่ายหัวเสียซะเอง
เพราะรอยยิ้มของอีกฝ่ายในวันนั้นที่ทำให้เขาไม่สามารถคุมจังหวะการเต้นของหัวใจตัวเองได้
เขาถึงหาเรื่องวนเวียนไปรอบๆ ตัวมันเมื่อมีโอกาส จริงๆ
เขาเองก็รู้สึกว่าจะชอบมองหน้าเหวี่ยงๆ กับสายตาดุๆ ตอนที่เจ้าตัวโดนขัดใจ
คนทำอาจจะคิดว่ามันดุแต่คนมองกลับให้ความรู้สึกไปอีกทาง…น่ารัก
เชี่ยยย หรือกูจะชอบมันจริงๆวะ
“เฮียยย มีคนมาหาอ่ะ”
ขุนแผนยกมือลูบหน้าตัวเองลวกๆ
เมื่อเสียงจากด้านนอกดังขึ้นขัดความคิดแปลกๆของตัวเอง เป็นครั้งแรกที่เขานึกขอบใจรวีที่เข้ามาก่อกวนในเวลานี้
“ใครมา”
“นู่นน” รวีส่งยิ้มเจ้าเล่ห์
แล้วบุ่ยปากไปทางโซฟาที่มีใครบางคนนั่งอยู่ก่อนแล้ว “มาหาถึงห้องซะด้วยยยย
แล้วบอกบ้า บ้าๆๆๆๆ”
“ไอ้สัดซัน ไปไกลๆตีนกูเลย”
“คร้าบบบ”
เมื่อเห็นว่ารุ่นห้องเดินหายเข้าไปในห้องสติโอแล้ว
ขุนแผนจึงสืบเท้าเดินเข้าไปใกล้คนที่นั่งอยู่บนโซฟาโดยไม่ลืมที่จะหยิบน้ำเทใส่แก้วถือไปด้วย
“ลมอะไรหอบมา”
ติณณกรปรายตามองแก้วน้ำที่วางตรงหน้า แล้วตวัดสายตาขึ้นมองเจ้าของเสียงอย่างไม่ชอบใจเมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อบ่ายวันนี้
แต่ก็ต้องปรับสีหน้าให้เรียบเฉยเมื่อนึกถึงจุดประสงค์ที่เขามาที่นี่วันนี้
“ไฟล์รูปเสร็จหรือยังเร่งให้หน่อยได้ไหม”
“ยังไม่ถึงกำหนดส่งงานที่ตกลงกันไว้นี่”
“ก็…ผู้ใหญ่เขาเร่งมา”
ติณณกรตอบเสียงเบา จริงๆ ก็ความผิดไอ้บ้านี่ครึ่งหนึ่งนั่นแหละที่ไปประกาศกับชาวบ้านชาวช่องว่าชอบเขาจนผู้ใหญ่เห็นข่าวเลยอยากจะเร่งวันปล่อยซิงเกิ้ลให้เร็วขึ้นอีกหน่อย
“อืม เร่งให้สุดๆก็น่าจะได้พรุ่งนี้เช้า แล้ว…ทำไมให้ศิลปินมาตามงานเองแบบนี้ล่ะ”
“พี่แนนเห็นฉันออกมาจากห้องนาย…”
“พี่ขุน”
“ห้ะ”
“เรียกพี่ว่าพี่ขุนสิ
ไม่งั้นรูปคงเสร็จตามกำหนดพอดี”
ติณณกรส่งเสียงจิ้จ้ะในลำคออย่างไม่พอใจ
เมื่อเห็นอีกฝ่ายกอดอกยิ้มเยาะอย่างคนเหนือกว่า
ถ้าผู้จัดการส่วนตัวของเขาไม่ขอร้องแกมบังคับมานะเขาคงเดินออกจากห้องนี้ไปแล้ว
แต่เพราะคำขอร้องนั้นเขาจึงได้แต่ส่งเสียงออกไปอย่างไม่เต็มใจ
“พี่ขุน พอใจยัง”
“พอใจครับ เล่าต่อสิ”
“ก็นั่นแหละพอพี่แนนเห็นผมออกจากห้อง…พี่ก็เลยถามว่าห้องใครเลยบอกไปตามตรง เขาเลยรู้ว่าเรา เอ่อ…รู้จักกันเลยขอให้มาขอร้องน่ะ”
ขุนแผนยกยิ้มอย่างพอใจกับสรรพนามที่อีกฝ่ายใช้
จริงๆภาพของติณณกรเขาทำเสร็จไปเกือบแปดสิบเปอร์เซ็นแล้วไม่ใช่ปัญหาใหญ่กับการที่อีกฝ่ายจะขอเลื่อนเวลาส่งก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่
“งั้นพรุ่งนี้มาหาพี่ที่ห้องตอนเช้านะ”
“อืม งั้น…ผมขอตัวนะ”
“ครับ” ขุนแผนลุกตามไปปิดประตูห้องแล้วหมุนตัวกลับมายิ้มกับตัวเอง
จริงๆให้ส่งไฟล์ตรงไปให้ฝ่ายที่รับผิดชอบโดยตรงเลยก็ได้แต่ว่าเขาอยากจะหาเรื่องเจอหน้าอีกฝ่ายสักหน่อย
ถ้าอาการแบบนี้เรียกว่าชอบก็คงชอบมั้งครับ
TBC.
----------------------------------------------------
#จักรวาลขุนติณณ์
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ ^^
ความคิดเห็น