ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [END] THE SHUTTER ♡ ยิ้ม...ให้คนหลังกล้อง

    ลำดับตอนที่ #5 : SHUTTER 5 : ชอบมั้ง?

    • อัปเดตล่าสุด 25 มิ.ย. 61


    THE SHUTTER  5 ชอบมั้ง?

     

     

    ขุนแผนทอดสายตามองคนที่ยืนร้องเพลงอยู่บนเทีแล้วก็อดไม่ได้ที่จะยกกล้องขึ้นมาเก็บภาพไว้ จากตอนแรกที่ตั้งใจจะถ่ายแค่สองสามภาพ แต่ไปๆมาๆกลายเป็นว่าเขารัวชัตเตอร์จนภาพที่อยู่ในกล้องมีหลายสิบภาพ


    “พี่คะๆ”


    “ครับ” ขุนแผนลดกล้องลงเมื่อรู้สึกได้ถึงแรงกระตุกเบาๆที่ชายเสื้อ เมื่อหันไปก็เจอเด็กสาวน่าจะราวๆม.ปลายยืนยิ้มเก้ๆกังๆอยู่


    “พี่เป็นแฟนคลับพี่ติณณ์หรอคะ”


    “เอ่ออพี่ถ่ายไปให้น้องสาวครับ” ขุนแผนโกหกคำโต จริงๆแล้ววันนี้เขาตั้งใจจะมาซื้อของใช้เข้าห้องแต่ดันบังเอิญมาเจอเวทีที่ตั้งอยู่กลางห้างพร้อมกับร่างเล็กคุ้นตาที่ยืนยิ้มอยู่กลางเวที แผนที่จะซื้อของก็ถูกพับเก็บไปแทนที่ด้วยกล้องที่เก็บไว้หลังรถแทน


    “ดีจังเลยนะคะ ถ้างั้นเข้าไปข้างใกล้ๆไหมคะ จะได้ถ่ายรูปสวยๆ”


    ยังไม่ทันที่ขุนแผนจะตอบรับหรือปฎิเสธ ข้อมือของเขาก็ถูกจับจูงเข้าไปเบียดในฝูงชนจนกระทั่งเขาเข้ามาใกล้เวทีมากจนคนบนเวทีเบือนสายตามาสบกัน


    “น้องติณณ์ครับ”


    “ครับ?” ติณณกรละสายตาออกมาจากร่างสูงแล้วกลับมาสนใจกับบทสนทนาตรงหน้าที่เป็นการประชาสัมพันธ์สินค้ายี่ห้อหนึ่ง


    “ไม่รู้ว่าตากล้องคนนั้นมีอภิสิทธิ์อะไรเป็นพิเศษนะครับน้องติณณ์หันไปมองบ่อยจังง”


    ติณณกรไม่ตอบเพียงแต่ส่งยิ้มจางๆไปแทนคำตอบ เสียงกรี้ดของแฟนคลับที่เริ่มซุบซิบแล้วเริ่มหันไปสนใจร่างสูงที่อยู่ในชุดเสื้อยืดสีดำกับกางเกงยีนส์สีซีดอย่างที่เจ้าตัวชอบ


    “สนใจผมหน่อยสิครับ หันไปสนใจใครกันก็ไม่รู้” ติณณกรส่งเสียงอ้อนแฟนคลับเมื่อเห็นว่าหลายคนเริ่มยกกล้องมือถือถ่ายรูปคนที่ยังยืนไม่รู้เรื่องรู้ราวอยู่ พอจบประโยคนัยน์ตาของคนอยู่ด้านล่างเวทีก็เบือนมาสบกับคนที่มองอยู่ก่อนแล้ว คิ้วหนาเลิกขึ้นเชิงถามว่า มีอะไร


    “แกก เค้ามองตากันอ่ะ”

    “งื้ออออ พี่คนนั้นก็หล่ออ่ะ”

    “เคมีโคตรได้”

    “มองตาก็รู้ใจหรือเปล่าเนี่ยยย น่ารักอ่ะ”


    เสียงซุบซิบที่ดังขึ้นเรื่อยๆจนขุนแผนเริ่มรู้ตัว เขาละสายตาจากคนบนเวทีแล้วกวาดสายตามองรอบๆ แล้วส่งยิ้มจางๆให้หลายๆสายตาที่มองมา ความคิดบางอย่างแล่นริ้วเข้ามาเขาเลยขยับปากแบบไม่มีเสียงเพื่อสื่อสารกับสายตาหลายคู่ที่มองมาอยู่


    “ผม ชอบ เขา


    “กรี้ดดดดดดด”


    เสียงกรี้ดกระหึ่มอีกครั้งเมื่อชายหนุ่มว่าอย่างนั้น แถมยังชี้นิ้วไปบนเวทีเพื่อขยายความของคำว่า “เขา” ในประโยคไม่มีเสียงของตัวเองอีกต่างหาก


    ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มบางๆ เมื่อเห็นคิ้วเรียวของอีกฝ่ายขมวดเข้าหากัน นัยน์ตาดุๆถูกส่งมาและถูกบันทึกไว้ด้วยกล้องในมือ ขุนแผนทิ้งระเบิดไว้เพียงเท่านั้นแล้วหมุนตัวเดินออกมาจากฝูงชนเพื่อทำตามแผนที่เขาวางไว้ตั้งแต่แรก


    ข้าวของเครื่องใช้ที่ซื้อมาถูกวางกองรวมกันไว้ที่บนเคาท์เตอร์ในห้องครัวเล็กก่อนที่ชายหนุ่มจะเริ่มจัดของเสียงเคาะประตูรัวๆหน้าห้องก็เรียกความสนใจจากเจ้าของห้องไปเสียก่อน


    แอดด


    “เฮียยย!!


    “เล่นเหี้ยอะไรของมึง” ขุนแผนยกมือโบกหัวรุ่นน้องที่โผล่มากวนตีนเขาแบบนี้ รวีเดินลูบหัวปอยๆเข้ามาในห้องพร้อมกระเป๋าเป้ใบใหญ่


    “แหม เปิดตัวแรงนะเดี๋ยวนี้”


    “เปิดตัวอะไรวะ” ขุนแผนปิดประตูแล้วเดินตามเข้ามา มองรุ่นน้องเปิดแล็ปท็อปกับอุปกรณ์ขึ้นมารอทำงาน


    “เอ้าา ได้ข่าวว่าไปบอกชอบพี่ติณณ์กลางงานอีเว้นท์พี่เขานี่”


    เมื่อจบประโยคของรุ่นน้องคิ้วหนาของคนฟังก็ค่อยๆขมวดเข้าหากันช้าๆ รวีเห็นอาการนั้นก็เดินสาวเท้ายาวๆ เข้ามาหาคนที่ยืนงงอยู่แล้วยื่นโทรศัพท์ที่เปิดแอพพิเคชั่นทวิตเตอร์ส่งมาให้

     

    ไปบอกเขาว่าฉันรักเขาาา @fhayyy

    ผมชอบเขาาาาา ฟหด่สาห่เวกสงวาเสวดกาน ตายอย่างสงบ #TINNAKORN #เรือผี

    <3 @loveTINN

    สายตาแบบนี้มันหมายความว่ายังไงงงงง โดดลงเรือผีเลยได้ไหมเนี่ยยยย #TINNAKORN #ตากล้องตัวร้ายกับนายหน้าหวาน

    ปอดอ @thwfull

    ใต้ความมองตากัน กรี้ดดดดดด ไม่เคยอยากยกพี่ติณณให้ใครยกเว้นพ่อตากล้องรูปหล่อคนนี้ #TINNAKORN

     

    และอีกมากมายอีกหลายแอคเคาท์ที่หวีดกันจนคนอ่านเผลอเบ้ปาก แถมยังมีรูปหลายๆ มุมของเขาแปะหลาอยู่บนข้อความเหล่านั้นด้วย


    “เหี้ยไรเนี่ย”


    “ตกลงเฮียชอบพี่ติณณ์เขาจริงดิ” รวีรับโทรศัพท์คืนมาแล้วเอ่ยปากถามไปอย่างที่ใจคิด เขาสังเกตเห็นอาการแปลกๆ ของขุนแผนตั้งแต่วันที่ไปถ่ายรูปวันนั้นแล้วแต่ก็ไม่ได้ถามอะไรไป เพราะไม่คิดว่ารุ่นพี่ที่รู้จักกันมานานจะเบี่ยงเบนไปชอบไม้ป่าเดียวกันซะได้ 


    ก็วีรกรรมที่พี่มันก่อไว้สมัยเรียนไม่ใกล้เคียงกับคำถามของเขาเลย เพราะผู้ชายตรงหน้านี้ไม่เคยแม้แต่จะแลตามองผู้ชาย แต่ถ้าผู้หญิงนะมาร้อยก็เรียบทั้งร้อย ขนาดเขาที่เข้ามาในชีวิตพี่มันในปีสุดท้ายของมหาลัยยังได้ยินกิตศัพท์หนาหู ฉายาที่เยอะจนจำไม่หวาดไม่ไหว แต่ถ้าให้เขานิยามความเป็นพี่มันตอนนั้นล่ะก็คงเป็น "พี่แผนแสนเมีย" 


    “มึงจะบ้าหรอ” ขุนแผนว่าแล้วก็วาดขายาวๆไปแตะคนที่ยืนอยู่ไม่ไกลอีกที ก่อนจะก้าวยาวๆไปที่เคาท์เตอร์จัดการเก็บของสดเข้าตู้เย็น ส่วนของอื่นๆก็เอาไปเก็บไว้ตามสมควร


    “บ้าอะไร แหม วันนั้นผมเห็นนะจ้องตาไม่กระพริบเลยอ่ะ”


    “ไอ้ซัน มึงหุบปากไปเลยถ้าไม่อยากโดนเตะอีกที”


    “เขินรุนแรงง”


    “เดี๋ยวเถอะมึง” ขุนแผนส่งสายตาคาดโทษไปให้รุ่นน้องตัวแสบแล้วไปหยิบกล้องตัวเก่งแล้วเดินเข้าไปในห้องที่จัดไว้เป็นสตูดิโอ จริงๆแล้วสินค้าที่เขากำลังจะถ่ายนี้กำหนดส่งมันคืออาทิตย์หน้าเอาไว้ทำวันหลังก็ได้ แต่เพราะขี้เกียจจะต่อล้อต่อเถียงกับรุ่นน้องที่เกลี่ยสีอยู่ด้านนอกจึงเลี่ยงเข้ามาในห้องนี้แทน


    ขุนแผนนั่งลงตรงหน้ามอนิเตอร์เพื่อเช็คภาพที่พึ่งถ่ายเสร็จ แล้วมือดันเลื่อนไปเจอรูปเซ็ตที่เขาถ่ายไว้เมื่อเช้า เสี้ยวหน้าของคนตัวเล็กในชุดเสื้อเชิ้ตแขนสั้นลายวินเทจตัวใหญ่กับกางเกงสีดำรัดรูปกำลังยิ้มแล้วมองไปอีกฝั่งของกล้อง


    เจตนาที่เขาบอกคนอื่นไปอย่างนั้นเพราะอยากจะแกล้งอีกฝ่ายหัวเสียเพราะโดนแซวมากกว่าไม่คิดว่าเขาจะต้องเป็นฝ่ายหัวเสียซะเอง


    เพราะรอยยิ้มของอีกฝ่ายในวันนั้นที่ทำให้เขาไม่สามารถคุมจังหวะการเต้นของหัวใจตัวเองได้ เขาถึงหาเรื่องวนเวียนไปรอบๆ ตัวมันเมื่อมีโอกาส จริงๆ เขาเองก็รู้สึกว่าจะชอบมองหน้าเหวี่ยงๆ กับสายตาดุๆ ตอนที่เจ้าตัวโดนขัดใจ คนทำอาจจะคิดว่ามันดุแต่คนมองกลับให้ความรู้สึกไปอีกทางน่ารัก


    เชี่ยยย หรือกูจะชอบมันจริงๆวะ


    “เฮียยย มีคนมาหาอ่ะ”


    ขุนแผนยกมือลูบหน้าตัวเองลวกๆ เมื่อเสียงจากด้านนอกดังขึ้นขัดความคิดแปลกๆของตัวเอง เป็นครั้งแรกที่เขานึกขอบใจรวีที่เข้ามาก่อกวนในเวลานี้


    “ใครมา”


    “นู่นน” รวีส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ แล้วบุ่ยปากไปทางโซฟาที่มีใครบางคนนั่งอยู่ก่อนแล้ว “มาหาถึงห้องซะด้วยยยย แล้วบอกบ้า บ้าๆๆๆๆ”


    “ไอ้สัดซัน ไปไกลๆตีนกูเลย”


    “คร้าบบบ”


    เมื่อเห็นว่ารุ่นห้องเดินหายเข้าไปในห้องสติโอแล้ว ขุนแผนจึงสืบเท้าเดินเข้าไปใกล้คนที่นั่งอยู่บนโซฟาโดยไม่ลืมที่จะหยิบน้ำเทใส่แก้วถือไปด้วย


    “ลมอะไรหอบมา”


    ติณณกรปรายตามองแก้วน้ำที่วางตรงหน้า แล้วตวัดสายตาขึ้นมองเจ้าของเสียงอย่างไม่ชอบใจเมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อบ่ายวันนี้ แต่ก็ต้องปรับสีหน้าให้เรียบเฉยเมื่อนึกถึงจุดประสงค์ที่เขามาที่นี่วันนี้


    “ไฟล์รูปเสร็จหรือยังเร่งให้หน่อยได้ไหม”


    “ยังไม่ถึงกำหนดส่งงานที่ตกลงกันไว้นี่”


    “ก็ผู้ใหญ่เขาเร่งมา” ติณณกรตอบเสียงเบา จริงๆ ก็ความผิดไอ้บ้านี่ครึ่งหนึ่งนั่นแหละที่ไปประกาศกับชาวบ้านชาวช่องว่าชอบเขาจนผู้ใหญ่เห็นข่าวเลยอยากจะเร่งวันปล่อยซิงเกิ้ลให้เร็วขึ้นอีกหน่อย


    “อืม เร่งให้สุดๆก็น่าจะได้พรุ่งนี้เช้า แล้วทำไมให้ศิลปินมาตามงานเองแบบนี้ล่ะ”


    “พี่แนนเห็นฉันออกมาจากห้องนาย


    “พี่ขุน”


    “ห้ะ”


    “เรียกพี่ว่าพี่ขุนสิ ไม่งั้นรูปคงเสร็จตามกำหนดพอดี”


    ติณณกรส่งเสียงจิ้จ้ะในลำคออย่างไม่พอใจ เมื่อเห็นอีกฝ่ายกอดอกยิ้มเยาะอย่างคนเหนือกว่า ถ้าผู้จัดการส่วนตัวของเขาไม่ขอร้องแกมบังคับมานะเขาคงเดินออกจากห้องนี้ไปแล้ว แต่เพราะคำขอร้องนั้นเขาจึงได้แต่ส่งเสียงออกไปอย่างไม่เต็มใจ


    “พี่ขุน พอใจยัง”


    “พอใจครับ เล่าต่อสิ”


    “ก็นั่นแหละพอพี่แนนเห็นผมออกจากห้องพี่ก็เลยถามว่าห้องใครเลยบอกไปตามตรง เขาเลยรู้ว่าเรา เอ่อรู้จักกันเลยขอให้มาขอร้องน่ะ”


    ขุนแผนยกยิ้มอย่างพอใจกับสรรพนามที่อีกฝ่ายใช้ จริงๆภาพของติณณกรเขาทำเสร็จไปเกือบแปดสิบเปอร์เซ็นแล้วไม่ใช่ปัญหาใหญ่กับการที่อีกฝ่ายจะขอเลื่อนเวลาส่งก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่


    “งั้นพรุ่งนี้มาหาพี่ที่ห้องตอนเช้านะ”


    “อืม งั้น…ผมขอตัวนะ”


    “ครับ” ขุนแผนลุกตามไปปิดประตูห้องแล้วหมุนตัวกลับมายิ้มกับตัวเอง จริงๆให้ส่งไฟล์ตรงไปให้ฝ่ายที่รับผิดชอบโดยตรงเลยก็ได้แต่ว่าเขาอยากจะหาเรื่องเจอหน้าอีกฝ่ายสักหน่อย


    ถ้าอาการแบบนี้เรียกว่าชอบก็คงชอบมั้งครับ





    TBC.

    ----------------------------------------------------

    #จักรวาลขุนติณณ์

    ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ ^^

     


     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×