คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : SHUTTER 4 : หมอนข้างจำเป็น
THE SHUTTER ♡ 4 หมอนข้างจำเป็น
ติณณกรปล่อยให้สายน้ำไหลผ่านตัวอย่างเชื่องช้า ไม่รู้ว่าฟ้าชังหรือสวรรค์แกล้งทำให้วาร์ลน้ำห้องเขาเกิดมีปัญหาในวันที่เจ้าของห้องมีเวรเช้าเฉกเช่นวันนี้
คุณหมอหนุ่มจึงทำได้เพียงโทรหาผู้จัดการว่าให้มาอยู่รอช่างซ่อมแล้วพาตัวเองมาขอความช่วยหลือจากคนที่ไม่อยากจะเจอสักเท่าไหร่
หลังจากจัดการธุระส่วนตัวเสร็จร่างเล็กก็ก้าวออกมาจากห้องน้ำช้าๆ สายตาสอดส่องหาเจ้าของห้องไม่พบในอาณาเขตสายตา เขาจึงเดินออกไปเงียบๆโดยไม่ลืมล็อคประตูให้เรียบร้อย
ใบหน้าอิดโรยของอีกฝ่ายทำให้คนเป็นหมอนึกห่วงอยู่ลึกๆ แม้จะไม่ค่อยชอบใจอีกฝ่ายเท่าไหร่นักแต่ขุนแผนก็ช่วยเขาไว้หลายอย่าง ติณณกรให้เหตุผลกับตัวเองแบบนั้นขณะที่มองถุงใส่กล่องใสที่บรรจุแซนวิสไส้ต่างๆไว้จนเต็มในมือตัวเอง เขาเลือกที่จะไม่เคาะห้องเพื่อรบกวนเวลานอนของอีกฝ่ายแล้วแขวนถุงนั้นไว้ที่ลูกบิดประตูก่อนจะออกไปทำหน้าที่ของตัวเอง
“คุณหมอ ขอถ่ายรูปหน่อยได้ไหมคะ”
“ครับ” ติณณกรตอบรับคำขอของหญิงสาวที่ขยับเข้ามาใกล้ ฉีกยิ้มให้กล้องแล้วผงกหัวรับคำขอบคุณเบาๆ
เพราะว่าอาชีพทั้งสองที่ทำคู่กันอยู่ทั้งแพทย์ทั้งนักร้องทำให้ชายหนุ่มมีเวลาของตัวเองน้อยกว่าคนอื่นแต่ถึงอย่างนั้นเขาก็เต็มใจและทำหน้าที่ของตัวเองได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง
“หล่อมาแต่เช้าเชียวนะคะ”
“ปากหวานแบบนี้จะเอาอะไรครับพี่อร” ติณณกรถามเย้าพร้อมกับส่งยิ้มบางๆให้พยาบาลหน้าห้อง อีกฝ่ายเป็นหญิงวัยกลางคนเจ้าเนื้ออารมณ์ดีที่ค่อนข้างสนิทกับเขาพอสมควร
“มาเป็นลูกเขยพี่สิคะ ได้หรือเปล่า”
“สงสารลูกสาวพี่อรนะครับ”
บทสนทนาสั้นๆจบลงเมื่อคนไข้คนแรกเริ่มทยอยมา ติณณกรเดินเข้าห้องถอดเสื้อนอกที่ใส่มาออกแล้ววางพาดไว้กับพนักเก้าอี้ง่ายๆ ไม่นานข้อมูลคนไข้รายแรกก็ถูกส่งมาระบบ คุณหมอร่างบางกวาดสายตาอ่านประวัติกับอาการเบื้องต้นคร่าวๆ ไม่นานประตูก็เปิดออกพร้อมกับเจ้าของประวัติก็เดินมานั่งตรงหน้า
“สวัสดีครับ คุณขวัญใจ”
“พี่ติณณ์”
“ครับ?” ติณณกรเงยหน้าเมื่อได้ยินเสียงเรียกชื่อเพ้อๆ หญิงสาวตรงหน้ายิ้มหวานทั้งปากทั้งตาจนคนมองต้องยิ้มตาม “ไม่ปวดท้องแล้วหรอครับ”
“เห็นหน้าพี่ติณณ์ก็หายเลยค่ะ” ขวัญใจพูดยิ้มๆ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นนิ่วหน้าเมื่อรู้สึกเจ็บจี้ดๆที่ท้องทางด้านขวา ร่างบางงอตัวลงแล้วเงยหน้ายิ้มแหยๆให้คุณหมอ
“ขอหมอดูหน่อยนะ” ติณณกรลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วช่วยพยุงหญิงสาวให้ขึ้นไปนั่งบนเตียงตรวจที่ตั้งอยู่ข้างๆ รั้งมือบางที่กดท้องตัวเองให้คลายออก “นอนลงครับ”
ขวัญใจทำตามอย่างว่าง่ายๆ เธอก็ปวดท้องหน่วงๆ สลับกับเจ็บจี้ดๆ มาตั้งแต่เมื่อวานตอนเย็นทานยาแก้ปวดก็หายแค่สามชั่วโมงแล้วกลับมาปวดอีก พอรุ่งเช้ามาก็ทนไม่ไหวจนต้องลากสังขารตัวเองมาที่โรงพยาบาลแห่งนี้จริงๆ สาเหตุหลักที่เธอเลือกมาที่นี่ก็เพราะคุณหมอที่ยืนอยู่ข้างเตียงนี่แหละ ไม่คิดว่าฟ้าจะเข้าข้างขนาดนี้
“โอ๊ยย” แรงกดตรงที่ปวดอยู่ทำให้หญิงสาวนิ่วหน้า ก่อนจะมองหน้าคุณหมออย่างตัดเพ้อหน่อยๆ “เจ็บนะคะคุณหมอ”
“อดทนหน่อยนะครับ เดี๋ยวก็เสร็จแล้ว” ติณณกรตอบยิ้มๆ เขากดที่ท้องอีกสองสามจุดก่อนจะผละออกมา “น่าจะไส้ติ่งครับอักเสบหมอจะส่งตัวไปตรวจเลือดนะครับ”
ติณณกรจัดการส่งเรื่องผ่านระบบ ไม่นานบุรุษพยาบาลก็เข้ามาพาขวัญใจออกไปและคนไข้คนใหม่ก็เดินเข้ามาวนไปอย่างนี้จนผ่านไปราวเกือบชั่วโมง ผลตรวจจเลือดที่ของคนไข้คนแรกก็ถูกส่งกลับมาแล้วคุณหมอก็พบว่าการวินิจฉัยของตัวเองนั้นถูกต้อง จำนวนเม็ดเลือดขาวเยอะเกินไปแถมอาการปวดกับอาการที่พยาบาลซักมาก็ตรงกันเกือบร้อยเปอร์เซ็น
“เป็นไงบ้างคะ คุณหมอ”
“ไส้ติ่งอักเสบครับ คงต้องผ่าตัด”
คุณหมอคุยรายละเอียดการผ่าตัดกับคนไข้สรุปได้ว่าให้แอดมิดและรอผ่าตัดในค่ำวันนี้ หญิงสาวพยักหน้าหงอยๆ เมื่อรู้ว่าต้องผ่าตัดแต่ยังไม่วายขยับตัวเข้ามาขอถ่ายรูปกับเขาด้วย
“แล้วมีญาติมาไหมครับ”
“ไม่มีค่ะ ขับรถมาเองแต่เดี๋ยวคงต้องเรียกพี่ชาย”
ติณณกรพยักหน้ารับรู้ แล้วปล่อยให้บุรุษพยาบาลพาตัวเธออกไป ส่วนเขาก็นั่งอยู่แล้วทำหน้าที่ของตัวเองต่อไปจนถึงเวลาเลิกงาน ติณณกรมองนาฬิกาที่บอกเวลาเกือบห้าทุ่มแล้ว เขาเริ่มเก็บของแล้วเดินทอดน่องไปในทิศทางของประตูทางออก
“พี่ติณณ์”
ติณณกรหันไปตามเสียงเรียกก็พบคนไข้คนแรกของวันในชุดโรงพยาบาลนั่งอยู่บนรถเข็นที่ถูกจับด้วยร่างสูงที่คุ้นตา คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันเมื่อสบตาก็ร่างสูงที่เข็นรถเข้ามาใกล้
“พึ่งเลิกงานหรอคะ”
“ครับ แล้วผ่าตัดเป็นไง” คุณหมอพยักหน้ารับแล้วถามไถ่เมื่อเห็นว่าเลยเวลาผ่าตัดของอีกฝ่ายมานานมากแล้ว
“เจ็บมากกกกก ถ้าพี่ติณณ์เป็นคนผ่าให้คงไม่เจ็บขนาดนี้”
“เยอะ” เสียงแหบๆ ของคนที่ยืนอยู่ด้วยเรียกความจากทั้งคู่ไป ขวัญใจย่นจมูกใส่ต่างจากติณณกรที่มองภาพนั้นด้วยแววตาเฉยๆ ขุนแผนยกมือขยี้กลุ่มเส้นผมนุ่มอย่างหมั่นไส้
“ไม่ขัดสักวันจะตายป่ะ”
“ตาย”
“เอ่ออ ขอตัวนะครับ” ติณณกรเอ่ยขัดทั้งคู่แล้วหมุนตัวออกมาโดยไม่รอคำตอบ เห็นคู่รักมาสวีทกันต่อหน้าแล้วมันอดรู้สึกแปลกๆไม่ได้
ตึก ตึก ตึก
เสียงฝีเท้าสะท้อนดังก้องในลานจอดรถใต้ดินของโรงพยาบาล ติณณกรไม่ได้สนใจว่ามีฝีเท้าหนักๆของใครอีกคนที่เดิมตามมาจนรู้สึกถึงแรงดึงที่แขนข้างหนึ่ง
“หมอ!”
“อะไร?” ติณณกรหันไปตามแรงฉุดแล้วก็พบร่างสูงที่ยืนหายใจหอบอยู่ตรงหน้า คิ้วเรียวของคนโดนรั้งขมวดเข้าหากันจนแทบจะผูกกันเป็นโบว์
“กลับด้วย”
“ไม่มีรถหรือไง”
“ไม่มี เอากุญแจรถมาพี่ขับให้” ขุนแผนแบมือแล้วกระดิกนิ้วเรียกร้องตามความต้องการของตัวเอง ติณณกรปรายตามองมือนั้นแล้วได้แต่ถอนหายใจเบาๆ
“ไม่ต้อง ไปเฝ้าแฟนคุณไป”
“ไอ้ขวัญเป็นน้องไม่ใช่แฟน เอากุญแจรถมาเร็วๆ ทำงานมาทั้งวันไม่เหนื่อยหรือไง” ขุนแผนพูดยาวๆ แล้วฉุดอีกฝ่ายให้เดินตามมาจนถึงรถคันงาม
ติณณกรได้แต่ถอนหายใจยาวๆ แล้วหยิบกุญแจรถแล้วขึ้นมาปลดล็อคแล้วส่งให้อีกฝ่ายง่ายๆ เขาเหนื่อยจนขี้เกียจจะเถียงกับคนพูดไม่รู้เรื่องอย่างหมอนี่แล้ว วันนี้เขาทำงานลากตั้งแต่เช้ายันดึกก็ดีเหมือนกันถ้าจะมีคนขับรถให้นั่ง
“กินข้าวหรือยัง”
“กินแล้ว” ติณณกรตอบทั้งๆที่ยังหลับตาอยู่เป็นการส่งสัญญาณให้อีกฝ่ายรับรู้ว่าเขาไม่ต้องการจะคุยอะไรด้วยอีก ทั้งรถจึงคลอไปด้วยเสียงเพลงจากคลื่นวิทยุที่เปิดอยู่และเสียงของเครื่องปรับอากาศตั้งแต่เริ่มเคลื่อนตัวจนถึงจุดหมาย
ขุนแผนหันกลับมามองเจ้าของรถที่หลับตาพิงเบาะอยู่ แม้ว่าเขาจะเขย่าแขนเล็กแล้วส่งเสียงเรียกก็แล้วก็ยังไม่มีวี่แววว่าอีกฝ่ายจะลืมตาขึ้นมา ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มจางๆก่อนจะดับเครื่องยนต์แล้วเคลื่อนตัวมาฝั่งของผู้โดยสาร แขนแกร่งช้อนคนตัวเล็กกว่ามาไว้ในอก จัดการล็อครถแล้วพาเจ้าของรถที่ยังหลับสนิทขึ้นไปจนถึงห้องพัก
ขุนแผนเลือกที่จะเปิดประตูห้องตัวเองแล้วพาร่างเล็กของคุณหมอไปวางบนเตียงของเขา จัดการถอดรองเท้าถุงเท้าออกให้แล้วดึงผ้าห่มห่มให้จนถึงคอ
“ขี้เซาจริงๆ” เจ้าของห้องรึมพึงเบาๆ ก่อนจะหยิบกล้องตัวเล็กที่ว่างอยู่บนโต๊ะข้างเตียง แล้วกดซัตเตอร์เก็บภาพคนตรงหน้าอย่างอดใจไม่ได้กว่าจะรู้ตัวในกล้องของเขาก็มีภาพของคนที่นอนอยู่บนเตียงหลายรูป
ขุนแผนผละออกมาเข้าห้องน้ำอาบน้ำเปลี่ยนชุดแล้วกลับมาที่เตียงกว้างอีกครั้ง วันนี้เขาได้งีบหลับไปเพียงสองชั่วโมงน้องสาวตัวดีก็โทรมาบอกว่าต้องผ่าตัดไส้ติ่ง เขาเลยต้องแหกขี้ตาตื่นไปหาและเฝ้าจนถึงดึกดื่นจนแม่พึ่งมาเปลี่ยนเวรเฝ้าตอนห้าทุ่มเขาถึงได้ปลีกตัวออกมาได้
ตอนแรกเขากะว่าจะโบกแท็กซี่กลับเพราะเหนื่อยจนไม่อยากขับรถกลับเอง แต่พอเห็นแววตาเหนื่อยๆของคนตัวเล็กกว่าเขาเลยเลือกที่จะวิ่งตามไปเพื่ออาสาเป็นสารถีให้
ไฟกลางห้องถูกปิดลง ก่อนที่ร่างสูงจะสอดตัวเข้าใต้ผ้าห่มผืนเดียวกับที่คนตัวเล็กนอนอยู่ เขาไม่ได้มีเจตนาไม่ดีเพียงแค่อยากจะอยู่ใกล้ๆอีกฝ่ายเท่านั้น
จริงๆนะ
ติณณกรขยับตัวหนีแสงแดดยามอรุ่นรุ่งที่สาดเข้ามา ร่างบางพลิกกายซุกหน้ากับหมอนอย่างที่ทำประจำ คิ้วเรียวขมวดมุ่มเมื่อรู้สึกหนักๆที่เอวแถมหมอนข้างที่เคยนุ่มวันนี้กลับแข็งแปลกๆ
แพขนตากระพริบถี่ๆเพื่อปรับแสงก่อนภาพตรงหน้าจะค่อยๆชัดขึ้น นัยน์ตาสีนิลเบิกกว้างเมื่อเห็นว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้าไม่ใช่หมอนข้างแต่เป็นคนที่มักจะมาป้วนเปี้ยนอยู่รอบตัวเขา
“เหี้ยยย!!!”
“ฮืออ อย่าเสียงดัง” เสียงแหบๆดังขึ้นพร้อมกับแขนแกร่งที่ดึงรั้งเอวให้เขาเข้าไปใกล้ มือหนากดหัวของคนตัวเล็กให้ซุกลงกับอกตัวเองไว้
“นี่! ปล่อย” ติณณกรพยายามขืนตัวแต่ก็ไม่สำเร็จ นัยน์ตาสีเข้มของอีกฝ่ายมองมาอย่างดุๆ ก่อนที่จะขยับหน้าเข้ามาใกล้
“ถ้ายังไม่หยุดดิ้นจะจูบนะ”
“!!”
ติณณกรตัวแข็งกับคำพูดของอีกฝ่าย นัยน์ตาสีเข้มถูกปิดลงอีกครั้งแขนแกร่งรั้งตัวเขาเข้าไปใกล้แล้วยกขาขึ้นมาก่ายตัวเขาด้วย เป็นอันว่าเขาต้องนอนเป็นหมอนข้างกิตติมศักดิ์ให้อีกฝ่ายอย่างไม่เต็มใจเท่าไหร่นัก
เนิ่นนานจนแสงแดดถดถอยไปจนไม่สาดเข้ามาถึงเตียงแล้วร่างสูงที่กอดก่ายเขาอยู่ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะขยับออกไปจนคนโดนกอดเริ่มหัวเสีย
“นี่!! ไม่มีงานการทำหรือไงวะตื่นสักที”
“ที่พูดนั่นปากหรอ”
“ตูดมั้ง ตื่นแล้วก็ลุกไป” ติณณกรขยับตัวเมื่อได้ยินอีกฝ่ายตอบกลับมาเบาๆ นัยน์ตาดุๆถูกส่งมาอีกครั้งก่อนที่แขนและขาจะถูกยกออกไป ร่างสูงยันกายเอนพิงหัวเตียงแล้วมองหน้าคนที่มองมาอย่างไม่พอใจ
“คนเขาอุตส่าห์แบกขึ้นมาถึงห้อง แล้วดูพูด”
“ใครขอ”
“นี่คุณหมอ ทำไมพูดไม่เพราะเลยล่ะครับ” ขุนแผนมองคนที่ลุกไปยืนหน้ามุ่ยอยู่ปลายเตียง
“หึ เอาไว้พูดกับคนดีๆ” ติณณกรหันมากระตุกยิ้มมุมปากแล้วเดินออกไป ปล่อยให้ขุนแผนมองตามแผ่นหลังบางไปด้วยรอยยิ้มจางๆ
น่ารักจริงๆแฮะ
TBC.
---------------------------------------------
#จักรวาลขุนติณณ์
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านะคะ <3
ความคิดเห็น