ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [END] THE SHUTTER ♡ ยิ้ม...ให้คนหลังกล้อง

    ลำดับตอนที่ #3 : SHUTTER 3 : โชคชะตา

    • อัปเดตล่าสุด 25 มิ.ย. 61


    B
    E
    R
    L
    I
    N
     

    THE SHUTTER  3 โชคชะตา

     

     

              หลังจากส่งผู้โดยสารจำเป็นเรียบร้อยร่างสูงก็เปลี่ยนจุดหมายจากตอนแรกที่ตั้งใจจะกลับคอนโดเพื่อจัดการงานที่พึ่งถ่ายเสร็จเป็นสถานที่ที่เขาอาศัยอยู่มาตั้งแต่เด็ก โดยไม่ลืมโทรไปบอกรวีให้ขนของขึ้นไปเก็บไว้บนห้องแล้วกลับไปก่อนได้เลย


              “อ่าวพี่ขุน ลมอะไรพัดมา”


              ยังไม่ทันที่ขุนแผนจะจอดรถสนิทน้องสาวตัวแสบในชุดกางเกงขาสั้นสีเข้มกับเสื้อยืดตัวใหญ่หันมาทักทั้งๆที่มือยังถือประแจอยู่ในมือ วันนี้เป็นวันหยุดไอ้เตี้ยของเขาเลยได้ฤกษ์อยู่บ้านช่วยพ่อทำงาน


              “ทำไม พี่กลับบ้านไม่ได้รึไง”


              “ก็ร้อยวันพันปีไม่เคยจะกลับ” ขวัญใจย่นจมูกใส่พี่ชายที่เดินมาผลักหัวตัวเองเบาๆ แล้วหันกลับไปสนใจล้อรถที่ยังถอดไม่เสร็จ


              “น้องแผนครับ รถที่ให้พี่ไปลากมาอยู่ทางนี้นะครับ”


              ขุนแผนพยักหน้าเชิงรับรู้ก่อนจะเดินเอากระเป๋าไปเก็บในบ้าน เข้าไปทักทายบุพการีเล็กน้อยก่อนจะปลีกตัวออกมาที่รถคันงามที่จอดแน่นิ่งอยู่


    ร่างสูงใช้เวลาก้มๆเงยๆอยู่แถวๆหน้ากระโปรงรถไม่นานก็เคลื่อนตัวมาอยู่ในตำแหน่งคนขับจัดการสตาร์ทรถและเช็คอะไรอีกนิดหน่อย กระโปรงรถก็ถูกปิดลงพร้อมรอยยิ้มจางๆของคนซ่อม


    “รถใครอ่ะพี่”


    “ยุ่ง!” ขุนแผนยีหัวน้องสาวตัวดีแล้วยกแขนเกี่ยวคอลากให้เดินเข้าบ้านไปด้วยกัน


    หลังจากจัดการล้างไม้ล้างมือเรียบร้อย สองพี่น้องก็นั่งคุยกันอยู่ที่ห้องนั่งเล่นพักใหญ่โดยมีหญิงวัยกลางคนเข้ามาร่วมวงด้วย สุดท้ายชายหนุ่มก็ตกลงว่าจะอยู่ทานข้าวเย็นด้วยระหว่างที่รอเขาก็เดินออกไปเกะกะอยู่หน้าอู่เพื่อดูว่ามีอะไรทำบ้าง


    หลังจากจบมื้อเย็นขุนแผนก็อยู่นั่งเล่นที่บ้านจนเกือบค่อนคืน จวบจนเมื่อเห็นว่าใกล้เวลานัดแล้วจึงเอ่ยปากขอตัวกลับ โดยมีมารดากระเง้ากระงอดว่าอยากจะให้เขาค้างที่บ้านสักคืนแต่ชายหนุ่มก็ยืนกรานหนักแน่นว่ามีงานต้องไปจัดการต่อจนคนเป็นแม่ต้องยอมปล่อยมือแต่โดยดี


    ร่างสูงพาตัวเองมาอยู่หลังพวงมาลัยรถและขับพาตัวเองออกไปโดยมีจุดหมายอยู่ที่ที่พึ่งจากมาเมื่อตอนบ่าย….โรงพยาบาล


    เขาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาระหว่างที่สัญญาณไฟเป็นสีแดง เลื่อนหาเบอร์ที่พึ่งได้มาไม่นานแล้วกดโทรออกรอสัญญาณไม่นานปลายสายก็กรอกเสียงเนื่อยๆกลับมา


    [สวัสดีครับ]


    “สวัสดีครับ ผมโทรมาจากอู่แสงชัยนะครับจะเอารถไปส่ง”


    [ครับ มาที่ที่แจ้งไว้ได้เลยครับ]


    “ครับ”


    สายตัดไปแล้วเหลือไว้เพียงรอยยิ้มที่มุมปากของคนคนตัวสูง นิ้วเรียวเคาะพวงมาลัยตามจังหวะดนตรีที่เปิดคลออยู่ เขาอยากรู้จริงๆว่าอีกฝ่ายจะทำหน้ายังไงถ้าเห็นหน้าเขา


    ใช้เวลาไม่นานขุนแผนก็พาตัวเองมาอยู่ที่ลานจอดรถของโรงพยาบาล ชายหนุ่มเลือกที่จะดับเครื่องยนต์แล้วพาตัวเองมานั่งพิงฝากระโปรงรถด้านหน้าแทนโดย มือหนาล้วงโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงออกมากดส่งข้อความไปหาเจ้าของรถเพื่อบอกความจำนงว่าเขามาถึงแล้ว


     


    -ถึงแล้วนะครับ ลานจอดรถ 2B-


    ติณณกรมองข้อความสั้นๆที่ถูกส่งมาจึงเริ่มจัดการเก็บเอกสารลงกระเป๋าหยิบขึ้นมาสะพายแล้วสาวเท้ายาวๆเพื่อออกไปยังที่นัดพบ


    ใช้เวลาไม่นานเขาก็พาตัวเองมาถึงลานจอดรถตามที่อีกฝ่ายบอก เมื่อเห็นคนที่นัดแล้วเขาก็รีบสาวเท้ายาวๆเข้าไปใกล้ ก่อนที่คิ้วเรียวจะค่อยๆมุ่นเข้าหากันเมื่อเห็นอีกฝ่ายชัดเจน


    ผมสีเข้มยาวระต้นคอที่เคยถูกมัดไว้บัดนี้ถูกปล่อยออกทำให้ดูแปลกตาไป ร่างสูงในชุดเดียวกับเมื่อเช้านั่งกอดอกนั่งพิงกระโปรงรถมองตรงไปข้างหน้านิ่งๆ ก่อนจะหันมามองทางที่เขายืนอยู่


    “นาย


    “อืม ไปส่งหน่อยสิ”


    “ห้ะ”


    “ไปส่งหน่อย”


    ติณณกรยิ่งนิ่งไปสักพักเพื่อประมวลผลสิ่งที่ได้ยิน แต่อีกฝ่ายดูเหมือนจะไม่รอฟังคำตอบเพราะร่างสูงย้ายตัวเองไปอยู่ในตำแหน่งของผู้โดยสารเรียบร้อย เขาจึงต้องขยับตัวไปอยู่หลังพวงมาลัยอย่างช่วยไม่ได้ ก่อนจะหันไปพูดกับคนที่นั่งหลับตาเอนตัวพิงเบาะอย่างเต็มแรง


    “ลงไป”



    “นี่!! ลงไป”


    “พี่ไม่มีรถ” ริมฝีปากบางขยับตอบทั้งๆที่ยังหลับตาอยู่ ติณณกรมองภาพตรงหน้าอย่างเหนื่อยใจไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมาไม้ไหนแถมสรรพนามแปลกๆชวนขนลุกที่อีกฝ่ายโมเมขึ้นมาเองอีก


    “ผมเหนื่อยไม่มีแรงจะขับรถวนไปวนมา ลงไป!” ติณณกรกดเสียงให้นิ่งพยายามระงับอารมณ์ตัวเองแล้วก็ต้องชะงักไปเมื่อร่างสูงชะโงกมาดึงกุญแจรถออกแล้วเปิดประตูลงไป ชายหนุ่มมองตามอีกฝ่ายที่เดินอ้อมมาจนประตูรถฝั่งเขาเปิดออก


    “ไปนั่งฝั่งนู้น”


    “นี่!!


    “หรือจะให้นั่งตัก”


    ทั้งๆที่ไม่ค่อยพอใจแต่ติณณกรก็ต้องจำใจปีนไปนั่งอีกฝั่งอย่างช่วยไม่ได้ ปล่อยให้อีกฝ่ายเป็นสารถีอีกครั้ง เสียงเพลงเปิดคลอช่วยให้รถไม่เงียบจนเกินไป ติณณกรเอนตัวพิงเบาะแล้วหลับตาลงเพื่อหนีบรรยากาศตรงหน้า


    “บ้านอยู่ไหน”


    “คอนโด B สุขุมวิท 21” ติณณกรตอบไปทั้งๆที่ยังหลับตาเพราะเขาต้องตื่นมาทำงานตั้งแต่ตะวันยังไม่ขึ้นแถมตอนนี้ก็ล่วงเข้าวันใหม่ไปแล้ว รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่อีกฝ่ายสะกิดให้ตื่นเพราะว่าถึงที่หมายแล้วแต่ที่ติณณกรยังไม่เข้าใจว่าทำไมร่างสูงยังเดินตามเข้ามา


    “ตามมาทำไม”


    “ใครตาม”


    ติณณกรขมวดคิ้วกับคำตอบที่ได้รับแต่ก็เลือกที่จะไม่สนใจแล้วเดินต่อไปจนถึงลิฟต์ โดยมีร่างสูงเดินมาอยู่ไม่ห่าง นิ้วเรียวของอีกฝ่ายเอื้อมไปกดเลขที่ปุ่มทำให้คิ้วเรียวมุ่นเข้าหากันอีกครั้งเพราะว่ามันเป็นเลขชั้นเดียวกันกับห้องของเขา


    “กดสิ”


    ติณณกรเอื้อมมือไปกดเลขเดียวกันตามคำบอกของอีกฝ่าย ก่อนจะลอบถอนหายใจเบาๆเมื่อรู้สึกว่าโชคชะตาช่างเล่นตลกกับชีวิตเขาเหลือเกิน

     


    แสงยามเช้าลอดผ่านรอยแยกของผ้าม่านสีเข้มเข้ามาส่งสัญญาณให้ร่างสูงที่ยังจับจ้องอยู่กับคอมพิวเตอร์ละสายตาออกมาจากงานตรงหน้า ขุนแผนทิ้งน้ำหนักลงกับพนักเก้าอี้อย่างอ่อนแรงเพราะเมื่อวันก่อนนี้เขาเกเรไปตามใจตัวเองทำให้แผนงานที่วางไว้ล่าช้าไปหมด งานที่ต้องส่งลูกค้าในตอนสายของวันนี้ที่ควรจะเสร็จตั้งแต่เมื่อคืนวานกลับไม่เสร็จจนเขาต้องทำงานจนเช้าเช่นนี้


    โฟลเดอร์รูปภาพถูกบีบอัดและอัพโหลดลงไดรฟ์ออนไลน์ก่อนจะส่งข้อมูลไปให้ลูกค้าเรียบร้อยเป็นอันว่าเขาส่งงานได้ทันเวลาแต่ต้องแลกมาด้วยเวลาทั้งหมดของสองวันที่ผ่านมา


    ชายหนุ่มปราดตามองตารางงานที่ปรากฏอยู่ก็พบว่าตัวเองยังโชคดีอยู่มากที่วันนี้มีเพียงงานถ่ายงานโฆษณาให้สินค้าตัวหนึ่งในช่วงบ่าย นั่นหมายความว่าเขามีเวลางีบได้สักสี่ห้าชั่วโมงก่อนไปทำงาน


    ออดด


    ขุนแผนเลือกที่จะเมินเฉยกับเสียงกริ่งที่ดังขึ้นเพราะว่าร่างกายกำลังประท้วงว่าอยากจะนอนเต็มแก่  แต่ก็ต้องยอมแพ้เมื่ออีกฝ่ายกดย้ำๆจนเขาไม่อาจข่มตานอนได้ ชายหนุ่มจึงต้องลากสังขารออกไปเปิดประตูให้อาคันตุกะที่เขาไม่อยากจะต้อนรับสักเท่าไหร่


    “มีไรวะ” ร่างสูงเอนตัวพิงขอบประตูแล้วส่งเสียงแหบๆทักทายอย่างไม่ค่อยเป็นมิตร ทั้งๆที่ไม่ได้ลืมตามองว่าอีกฝ่ายเป็นใคร


    “ขอใช้ห้องน้ำหน่อย”


    “หืมอือ เข้ามาสิ”


    เสียงห้วนๆจะว่าคุ้นหูก็ไม่คุ้นที่ดังขึ้นจนเจ้าของห้องต้องลืมตาขึ้นสบกับนัยน์ตาที่ดูไม่ค่อยสบอารมณ์สักเท่าไหร่ที่มองมาอยู่ก่อนแล้ว ร่างสูงออกปากอนุญาตก่อนจะเบี่ยงกายออกเพื่อให้ร่างบางในชุดนอนสีเข้มหอบผ้าเช็ดตัวกับของใช้เล็กน้อยยืมจังก้าอยู่ตรงหน้าได้เดินเข้ามาในห้อง


    “ที่ห้องน้ำไม่ไหลหรอ”


    “อือ” ติณณกรตอบเบาๆเท่านั้น ขุนแผนพยักหน้ารับรู้ก่อนจะชี้ไปทางห้องน้ำเล็กที่อยู่นอกห้องนอนใหญ่เชิงว่าให้อีกฝ่ายใช้ได้ตามสบาย เห็นอีกฝ่ายหายไปในห้องน้ำเขาจึงขยับเท้าพาตัวเองไปทางห้องนอนแล้วล้มตัวลงนอนโดยไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะทำอะไรต่อ


    เพราะว่าคืนนั้นเขากลับมาพร้อมอีกฝ่าย เขาถึงได้รู้ว่าจริงๆแล้วคนตัวเล็กอยู่ใต้จมูกเขานี่เอง ทั้งๆที่อยู่ห้องตรงข้ามกันมาเนิ่นนานแต่กลับไม่เคยเจอหน้ากันตรงๆสักครั้ง หรืออาจจะเคยเจอแต่ว่าเขาไม่ได้สนใจเสียมากกว่า


    ที่จริงแล้วเขาเองก็ค่อนข้างแปลกใจที่อีกฝ่ายโผล่มาแบบนี้ แต่ถึงอย่างนั้นเขาเองก็เลือกที่จะปล่อยผ่านโดยไม่วอแวกับอีกฝ่ายเพราะความง่วงงุนที่เข้าจู่โจมเขาอย่างเต็มรัก


    ไว้ค่อยปิดวาร์ลน้ำห้องตัวเองแล้วไปขอใช้ห้องน้ำคืนวันหลังแล้วกัน


    TBC.

    -------------------------------------

    #จักวาลขุนติณณ์

    ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ <3 ติชมกันได้น้าาาา จุ้บๆ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×