ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [END] THE SHUTTER ♡ ยิ้ม...ให้คนหลังกล้อง

    ลำดับตอนที่ #1 : SHUTTER 1 : แรกสบตา

    • อัปเดตล่าสุด 23 ต.ค. 61


    THE SHUTTER  1 แรกสบตา

     

     

              [พี่ขุน ถึงไหนแล้วเนี่ยยยย]


              ขุนแผนดึงโทรศัพท์ออกห่างจากหูของตัวเองเมื่อเสียงแหลม ๆ ของน้องสาวตัวดีดังผ่านสายออกมา ร่างสูงผ่อนลมหายใจออกอย่างเหนื่อยหน่ายก่อนจะเดินเข้าไปหาเจ้าของเสียงในโทรศัพท์ที่ยืนชะเง้อชะแง้อยู่ตรงหน้า


              “ไอ้เตี้ย เอาไป” ขุนแผนร้องเรียกน้องสาวเบา ๆ ยกกระดาษแข็งสีขาวรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่พิมพ์ชื่อคอนเสิร์ตไว้อย่างชัดเจนตีหัวน้องสาวตัวแสบเบา ๆ


              ขวัญใจหันกลับมาเมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคยก่อนจะยิ้มแฉ่งเมื่อเห็นคนที่เธอรอมานานปรากฏอยู่ตรงหน้าได้ทันเวลาแบบพอดิบพอดี นัยน์ตาส่อแววดุส่งมาอย่างเคยชินแต่นั่นก็ไม่ทำให้หล่อนเกรงกลัวแต่อย่างใด ด้วยรู้ดีว่าผู้ชายตรงหน้าเธอนี้รักเธอมากกว่าสิ่งใด ถึงเจ้าตัวจะไม่เคยพูดออกมาตรง ๆ แต่การกระทำที่เขาปฎิบัติมาตลอดยี่สิบกว่าปีนี้เป็นสิ่งบ่งบอกได้อย่างดี


              วันนี้ก็เช่นกันเพราะเธอตื่นเต้นที่จะได้เจอศิลปินที่ชื่นชอบมานานจนดันลืมหยิบบัตรคอนเสิร์ตติดมือมาด้วยทั้ง ๆ ที่เตรียมไว้แล้ว เดือดร้อนถึงพี่ชายสุดที่รักต้องบึ่งรถเอามาให้


              “พี่กลับนะ เสร็จแล้วกลับไม่ได้ก็โทรมา”


              “เดี๋ยวพี่!! ไอ้ฟ้ามันเบี้ยวอ่ะ พี่ขุนเข้าไปดูเพื่อนขวัญนะ” วัญใจว่าแล้วก็คว้าแขนพี่ชายที่เตรียมจะหันหลังหนีทั้งที่เธอยังพูดไม่ทันจบ เธอรู้ดีว่าพี่ชายไม่ชอบอะไรแบบนี้ แต่ครั้นจะให้เธอเข้าไปดูคนเดียวมันก็ออกจะแปลก ๆ ไปหน่อย แถมตอนนี้ยังเลยเวลาเริ่มคอนเสิร์ตมาแล้วหลายนาทีด้วย


              “นะ นะ น้าาา นะพี่ขุนสุดหล่อนะคะ” ขวัญใจเขย่าแขนของพี่ชายตัวเองเบา ๆ พลางส่งสายตาออดอ้อนแบบที่รู้ว่าพี่ชายเธอต้องแพ้ทางทุกที


              “เออ แปปนึง” ขุนแผนตกปากรับคำด้วยสีหน้าที่ไม่ได้เต็มใจมากนัก เพราะจริง ๆแล้ววันนี้เขามีนัดแล้วว่าจะต้องไปถ่ายรูปในกับเพื่อนที่รู้จักกันในอีกครึ่งชั่วโมงนี้


              แต่ในเมื่อมันเป็นอย่างนี้ก็ช่วยไม่ได้ เขาส่งข้อความไปขอเลื่อนนัดแล้วขอโทษตามเรื่อง โชคดีที่เป็นการถ่ายสินค้าเพื่อลงโฆษณาเท่านั้นจึงไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไรมากนัก จะเสียหายหนักก็ตรงค่าเหล้าค่าเบียร์ที่ต้องเสียให้มันคืนนี้แหละ


              “พี่ขุนเอากล้องมาด้วยนี่ งั้นก็ถ่ายพี่ติณณ์ให้ขวัญเยอะ ๆ เลยนะ”


              “ยุ่งจริง ๆ ” ขุนแผนพึมพัมเบา ๆ แต่จงใจให้หญิงสาวที่สูงเพียงไหล่ของเขาได้ยิน แต่ดูเหมือนเจ้าหล่อนจะไม่สนใจแถมยังยึดแขนเขาไว้แน่น เจ้าหล่อนยังไม่วายฉีกยิ้มกลับมาให้อีกด้วย เขาเพียงส่ายหน้าปลง ๆ แล้วยกมือโยกหัวที่ซบแขนเขาอยู่ไปมา โดนเขาตามใจจนเสียคนซะแล้วไอ้ตัวแสบ


              “ขอโทษนะคะ ขอทางหน่อยค่ะ”


              ขวัญใจพูดเบา ๆ ระหว่างที่เดินเข้าไปยังที่นั่งของตัวเอง เพราะเธอเข้ามาช้าคนอื่นจึงนั่งประจำที่กันหมดแล้ว เสียงพูดคุยจากบนเวทีดังมาแว่ว ๆ ให้เธอต้องหันไปมองก็พบว่าเจ้าของคอนเสิร์ตกำลังมองมาทางเธอกับพี่ชาย


              “เดี๋ยวเรารอคนมาสายสักหน่อยแล้วกันนะครับ” เสียงนุ่ม ๆ พูดแซวค่อนไปทางติดตลก แต่เหมือนว่าคำพูดนั้นจะไม่เข้าหูคนฟังสักเท่าไหร่ ทำให้ขวัญใจต้องเอื้อมมือดึงข้อมือของพี่ชายที่หยุดเดินแล้วหันไปมองด้วยสายตาวาว ๆ ให้รีบเดินตามมาจนถึงที่นั่งของตัวเอง


              “ปากแบบนี้ ชอบไปได้ไงวะ”


              “พี่ขุน!!” ขวัญใจตีแขนพี่ชายอย่างไม่จริงจังนัก เพราะพี่ชายเธอดันพูดออกมาจนคนรอบข้างหันมามองก่อนจะหันไปซุบซิบกัน ไม่รู้ว่าเอาไปว่าหรือแอบกรี้ดกันแน่ เพราะพี่ชายของเธอก็ถือว่าหน้าตาดีในระดับหนึ่ง


              ขุนแผนเป็นผู้ชายร่างสูงโปร่งผิวขาวแต่ไม่ขาวจัดตามประสาผู้ชายที่ไม่ได้ใส่ใจดูแลเรื่องผิวพรรณมากนัก ผมสีน้ำตาลเข้มถูกปล่อยไว้จนยาวระต้นคอ หนวดเคราขึ้นตามกรอบหน้าคมคายตามประสาหนุ่มเซอร์ คิ้วเข้มได้รูปรับกับนัยน์ตาสีนิลที่มักจะส่อแววเย็นชาติดจะดุหน่อย ๆ อยู่ตลอด ถึงแม้วันนี้เขาจะใส่แค่เพียงเสื้อยืดสีดำพอดีตัวกับกางเกงยีนส์สีซีดก็ยังหล่อจนสาว ๆ เหลียวตามจนคอแทบเคล็ด


              หล่อจนขวัญใจยังแอบอิจฉาสาว ๆ ผู้โชคดีที่จะได้ไปเป็นแฟน แต่ว่านิสัยนิ่ง ๆ กับปากหมา ๆ ของเจ้าตัวนั่นแหละที่จะทำให้โชคดีกลายเป็นโชคร้าย


              “พี่ขุนถ่ายรูปพี่ติณณ์ให้หน่อยดิ” ขวัญใจกระซิบคนข้าง ๆ เบา ๆ เมื่อเห็นว่าพี่ชายยังนั่งนิ่งไม่มีวี่แววจะหยิบกล้องขึ้นมาตามคำขอร้องที่หล่อนพึ่งขอร้องไปก่อนหน้านี้


              “ขี้เกียจ”


              เสียงนิ่ง ๆ ที่ตอบกลับมาทำให้ขวัญใจได้แต่ย่นจมูกใส่แล้วหันกลับไปสนใจบุคคลบนเวทีอีกครั้งด้วยรอยยิ้ม และยิ่งกว้างขึ้นเรื่อย ๆ เมื่ออีกฝ่ายหยอดคำหวาน ต่างจากคนเป็นพี่ที่มองนิ่งๆ ติดจะเบื่อด้วยซ้ำตามประสาคนไม่อิน มุกจีบสาวที่เลี่ยนจนเขาอยากจะโกงคออ้วก ยังไม่รวมมุขควายบาทสองบาทที่ฟังไม่รื่นหูเอาซะเลยอีก


              มลพิษทางเสียงชัดๆ หลับหนีแม่ง


              “เลขที่นั่งโซน VIP ที่นั่ง J-44 ครับ”


              ขวัญใจเบิกตากว้างก่อนจะหันไปสะกิดพี่ชายที่หลับไปแล้วให้ตื่นด้วยความตื่นเต้นเมื่อที่นั่งที่ประกาศนั้นเป็นที่นั่งของพี่ชายเธอตอนนี้ แต่ขวัญใจไม่ได้ตั้งใจจะเรียกให้เขาขึ้นไปหรอก แต่จะเรียกให้เขาถ่ายรูปเธอตอนที่ขึ้นไปร่วมกิจกรรมบนเวทีต่างหาก


              “พี่ขุน!! ตื่นเร็วว!!! ถ่ายรูปให้ด้วยนะะะ” ขวัญใจพูดเร็วๆ แล้วลุกขึ้นไปหาทีมงานที่เดินเข้ามาใกล้ แล้วเดินห่างออกไปเพื่อเตรียมตัวเป็นลัคกี้แฟนของรอบนี้


              ขุนแผนขมวดคิ้วมุ่น เมื่อตื่นมาเพราะน้องสาวเขย่าแขนรัวๆ แถมยังพูดอะไรไม่รู้ใส่แล้วลุกหายไป ร่างสูงขยับคอไปมายืดเส้นยืดสายก่อนจะหยิบกล้องขึ้นมาเมื่อเห็นน้องสาวตัวดีไปยืนยิ้มเขินหน้าแดงอยู่บนเวที แต่ยังไม่วายทำท่าทางยุกยิกให้เขาถ่ายรูปให้อยู่นั่น


              ขุนแผนแนบตากับกล้องตัวเก่งที่เขาติดมาด้วย นิ้วเรียวขยับทำหน้าที่อย่างคุ้นเคย เขากดชัตเตอร์ตามอิริยาบทต่างๆของคนทั้งคู่บนเวทีก่อนจะหยุดชะงักเมื่อน้องสาวเขาถูกโอบจากด้านหลังเพื่อดื่มกาแฟจากแก้วที่ไอ้นักร้องนั่นเป็นคนถือแถมน้องสาวตัวดีของเขายังทำท่าเขินอายจนน่าหมั่นไส้


              มันจะมากเกินไปหน่อยแล้วมั้ง


              ขุนแผนลดกล้องลงแล้วนิ่วหน้ามองไปอย่างไม่ชอบใจนัก แต่เหมือนน้องสาวของเขาจะไม่รู้ร้อนรู้หนาวเสียเลย ผิดกลับสายตาคู่หนึ่งที่มองตอบกลับมา เขายกกล้องขึ้นอีกครั้งปรับเลนส์ให้ซูมเข้าไปเพื่อที่จะได้ยืนยันให้แน่ชัดว่าเขาไม่ได้ตาฝาดไป เราสบตากันผ่านเลนส์กล้องก่อนอีกฝ่ายจะยกยิ้มเหยียดๆ ก่อนจะขยับเข้าใกล้น้องสาวเขามากขึ้นอีก ที่สำคัญคือยัยน้องสาวตัวดีก็ยังยืนยิ้มแป้นยังไม่ขัดไม่ขืนอีก


              ไอ้หมอนี่!!!


              “พี่ขุน เมื่อกี้ถ่ายทันป่ะ”


              ” ขุนแผนไม่ตอบเพียงแต่ขยับขาให้ขวัญใจเดินเข้ามานั่งที่ เขามองน้องสาวที่ยิ้มจนแก้มจะแตกอย่างไม่ค่อยชอบใจนัก เพราะเขาเป็นพี่ชายที่มีน้องสาวคนเดียวแถมเขาช่วยแม่เลี้ยงน้องมาตั้งแต่ตีนเท่าฝาหอย มันก็คงไม่แปลกถ้าเขาจะอยู่ในหมวดของพี่ชายขี้หวงน้องสาว แถมหวงมากเสียด้วย


              “ยังเขินไม่หายเลยอ่ะ”


              “มากไป” ขุนแผนพูดนิ่งๆ ตวัดสายตาไปมองน้องสาวดุๆ แต่ก็ไม่ได้ทำให้เจ้าหล่อนสลดลงเลย แถมยังบ่นกระปอดกระแปดเรื่องที่เขาไม่ยอมกดถ่ายรูปตอนที่ไอ้หมอนั่นป้อนกาแฟให้


              หลังจากที่จบคอนเสิร์ตแล้วคนอื่นๆเริ่มทยอยออกไป แต่ทั้งคู่ยังนั่งอยู่ที่เดิมเพราะว่าบัตรที่เขาถืออยู่เป็นบัตรวีไอพีจึงมีสิทธิ์ได้ถ่ายรูปร่วมกับศิลปิน หลังคอนเสิร์ตเลิกซึ่งเขาพยายามจะลุกออกมาแต่เพราะน้องสาวตัวดีกระเง้ากระงอดไม่ยอมไปจนเขาใจอ่อนต้องยอมอีกตามเคย


              “คราวนี้ถ่ายดีๆเลยนะ”


              ขุนแผนได้แต่ถอนหายใจแล้วเดินตามน้องสาวสุดที่รักไป ขวัญใจเดินยิ้มหวานเข้าไปหาชายหนุ่มร่างสูงโปร่งแต่รูปร่างค่อนข้างบางผิดกับขุนแผนที่มีกล้ามเนื้อจากการออกกำลังกาย


              แชะ!!


              นิ้วเรียวกดชัตเตอร์เมื่อเห็นว่าทั้งคู่หันมามองพร้อมรอยยิ้ม แววตาสดใสของน้องสาวทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะยกยิ้มบาง ๆ แต่รอยยิ้มนั้นต้องสะดุดเมื่อเขาเบนสายตาไปสบเข้ากับนัยน์ตาสีเทาอ่อนจากคอนแทคเลนส์ที่มองตรงมาพร้อม ๆ กับมือที่ยกขึ้นโอบไหล่น้องสาวเขาอย่างจงใจ


              หึ


              “ไม่ถ่ายด้วยกันหรอครับ” เสียงนุ่มๆ ของเจ้าของคอนเสิร์ตรั้งให้เท้าที่กำลังจะก้าวออกไปหยุดชะงัก


              ขุนแผนหมุนตัวกลับไปสบกับสายตาที่มองมาตรงๆ หลังจากที่มองผ่านเลนส์กล้องมาแล้วหลายครั้ง ริมฝีปากบางที่อยู่ใต้ไรหนวดจางๆเหยียดยิ้มมุมปาก แล้วหมุนตัวแล้วเดินจากไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ


              “ขอโทษนะคะ”


              ยังไม่ทันที่จะเดินออกจากบริเวณที่จัดคอนเสิร์ตออกไปได้ไกลนัก ร่างสูงก็ต้องชะงักอีกครั้งเมื่อทีมงานร่างเล็กวิ่งกระหืบกระหอบมาเรียกรั้งเขาเอาไว้ คิ้วเรียวของขุนแผนขมวดมุ่นเมื่อได้ยินประโยคถัดมา


              “ช่วยกลับไปถ่ายรูปให้หน่อยได้ไหมคะ พอดีกล้องที่ทีมงานเตรียมมาดันมีปัญหา แล้ว


              “ได้ค่ะ/ไม่ครับ”


              ขุนแผนหันกลับไปมองเจ้าของเสียงตอบรับดุๆ ก่อนจะเตรียมเดินหนีออกมาแต่ติดที่มือเล็กๆที่ดึงข้อมือเขาเอาไว้


              “ขวัญใจ พี่ไม่ว่าง”


              “พี่ขุนว่างง ขวัญรู้ นะๆ พี่เขาเดือดร้อนอ่ะ พี่จะใจดำหรอ”


              ร่างสูงถอนหายใจแรงๆ เมื่อเขาแพ้ให้กับน้องสาวอีกครั้ง มือเล็กๆลากข้อมือเขาให้เดินตามไป ทั้งๆที่แค่เพียงออกแรงสะบัดเบาๆมือเล็กนี้ก็คงหลุดออกแต่เขาก็ยอมให้อีกฝ่ายจับจูงมาจนถึงตำแหน่งเดิมที่พึ่งเดินออกมาอีกครั้ง


              แชะ!!


              เสียงซัตเตอร์ดังขึ้นเรื่อยๆจนกระทั่งแถวที่ต่ออยู่สั้นลงจนเหลือคนสุดท้าย ขุนแผนจึงละสายตาออกมาจากกล้องตัวเก่งของเขาที่ตอนนี้ตั้งอยู่บนขาตั้งกล้องที่ทางทีมงานเอามาให้


              ถึงแม้จะไม่เต็มใจแต่เพราะว่าเขารักการถ่ายรูปมากกว่าสิ่งใดทุกภาพที่ออกมาจึงมาจากความตั้งใจและฝีมือทั้งหมด


              และโดยที่ขุนแผนไม่ทันรู้สึกตัวรอยยิ้มของคนที่ยืนอยู่ที่หน้ากล้องเขาตั้งแต่ต้นจนจบก็เหมือนถูกพิมพ์ลงในใจของเขาด้วยเสียแล้ว


              “พี่ขุนไปถ่ายรูปกับพี่ติณณ์สิขวัญถ่ายให้ ไปๆ”


              ขวัญใจที่นั่งมองหน้าศิลปินสุดที่รักอย่างเต็มอิ่มเดินมาดันหลังพี่ชายให้เดินไปยืนข้างคนที่ยังยืนนิ่งไม่ไปไหนเมื่อเห็นว่าแถวเข้าคิวของแฟนคลับหมดลงแล้ว


              ขุนแผนเองก็ขี้เกียจจะขัดขืนจึงยอมเดินมายืนข้างๆคนที่ดูสูงโปร่งในตอนแรกที่ยืนคู่กับคนอื่น แต่กลับสูงเลยไหล่เขามาแค่นิดเดียวในตอนนี้ กลิ่นหอมจางๆลอยมาแตะจมูกจนทำให้ร่างสูงเผลอโน้มตัวลงไปสูดกลิ่นใกล้ๆ


              แชะ!!


              “พี่ขุน มองกล้องดิ” ขวัญใจท้วงเบาๆ เมื่อภาพที่เธอกดชัตเตอร์ไปเมื่อสักครู่นี้ปรากฏขึ้นมาบนจอแล้วเห็นว่าสายตาของพี่ชายไม่ได้อยู่ที่กล้องแต่อยู่ที่คนข้างตัวเสียอย่างนั้น


              “พอแล้ว” ขุนแผนพูดตัดบทเมื่อรู้ว่าตัวเองเผลอมองหน้าคนข้างๆนานเกินไป ก่อนจะเดินหนีออกมาเมื่อรู้สึกถึงอาการแปลกๆของตัวเอง


              พอดีกับทีมงานเดินมาคุยเรื่องรายละเอียดการส่งรูปกับค่าตอบแทนที่ทีมงานยื่นข้อเสนอให้ แต่เขาปฏิเสธไปโดยให้เหตุผลว่าน้องสาวเขาเป็นแฟนคลับตัวยงของคนๆนี้ ซึ่งเมื่อได้ยินดังนั้นทีมงานก็ยิ้มกว้างก่อนจะกล่าวคำขอบคุณยกใหญ่ แถมด้วยรอยยิ้มแพรวพราวที่ปรากฏขึ้นเมื่อได้ยินว่าขวัญใจเป็นเพียงน้องสาวของเขาเท่านั้น


              “ถ้าไม่รังเกียจ


              “พี่ขุน!! คุยเสร็จยังอ่ะ เค้าหิวแล้ว”


              บทสนทนาถูกขัดเมื่อขวัญใจเดินหน้างอมาพร้อมกับกระเป๋ากล้องที่คงเก็บอุปกรณ์ต่างๆไว้เรียบร้อยแล้ว ขุนแผนยกยิ้มเมื่อเห็นกิริยานั้นของน้องสาวก็เพราะมีน้องสาวขี้หวงแบบนี้ไงเขาถึงไม่มีใครสักที


              “ไปสิ” ขุนแผนรับคำแล้วยกมือโยกหัวที่เต็มไปด้วยกลุ่มผมสีน้ำตาลอ่อนอย่างเอาใจ เอื้อมมือไปดึงรั้งกระเป๋ากล้องมาถือไว้เอง


              ก่อนที่ทั้งคู่จะหันหลังออกไปจากบริเวณที่จัดงาน ร่างสูงเผลอกวาดสายตาเร็วๆเพื่อหาใครบางคนโดยที่เขาไม่รู้ตัว จนกระทั่งแรงกระตุกเบาๆที่ข้อมือทำให้ขุนแผนหลุดออกจากภวังค์


              “มองหาใคร”


              “เปล่า ไปกันเถอะ”

             




              RRRRRR


              ขุนแผนละสายตาจากภาพบ่าวสาวที่กำลังรีทีชสีอยู่ตรงหน้าแล้วหันมาสนใจกับโทรศัพท์ที่ส่งเสียงเรียกร้องความสนใจอยู่ ชื่อที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอไม่ได้ทำให้เขาแปลกใจเท่าไหร่


              “ว่าไง”


              [แผน พุธหน้ามึงว่างป่ะ]


              “ว่าง” ขุนแผนตอบกลับไปหลังจากที่เหลือบตามองตารางงานที่ปรากฏอยู่บนปฎิทินตั้งโต๊ะที่วางอยู่ไม่ไกล


              ร่างสูงทิ้งตัวพิงพนักพิงเก้าอี้บุนวมตัวเก่งที่เขาใช้นั่งทำงานเป็นประจำ ขายาวดันเก้าอี้ให้ออกห่างจากโต๊ะแล้วตวัดขาขึ้นไปพาดไว้ด้วยท่าทีสบายๆ เขาเดาว่าสายนี้คงยาวอีกสักพักด้วยรู้ว่าเพื่อนรักของเขามันจะต้องวิงวอนให้เขารับงานแทนมันอีกแน่นอน


              แล้วก็เป็นอย่างที่ชายหนุ่มคาดการณ์คำขอร้องแกมบังคับถูกส่งผ่านสายมา ซึ่งเขาเองก็ไม่ได้เกี่ยงที่จะช่วยเหลือ เพราะคนในสายเป็นเพื่อนสนิทที่คบกันมาตั้งสมัยมหาลัย และงานก็ไม่ได้มีรายละเอียดอะไรมาก แค่เพียงถ่ายรูปหน้าปกอัลบั้มกับโปสเตอร์โปรโมทให้กับศิลปินคนหนึ่ง ซึ่งก็ไม่ใช่งานแปลกใหม่อะไรสำหรับเขา เพียงแต่ชื่อศิลปินที่ได้ยินในประโยคสุดท้ายกลับทำให้หัวใจของคนฟังเร่งจังหวะขึ้นอย่างไม่รู้สาเหตุ


              รอยยิ้มและแววตาของคนที่เขายังจำได้อย่างแม่นยำ แม้ว่าครั้งสุดท้ายที่เขาได้พบกันนั้นจะนานหลายเดือนแล้วก็ตาม


              ติณณ์



    TBC.

    ---------------------------------------------------

    #จักรวาลขุนติณณ์


    12/05/61 ฝากพี่ขุนกับน้องติณณ์ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจด้วยนะคะ ^^ 

    26/05/61 มีคนเม้นว่ามีคำผิด เราเลยจะเริ่มทะยอยรีไรท์ให้นะคะ <3

     


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×