ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [iKON] Lazy Story : ฟิคเรื่อยเปื่อย [Yunhyeong & Junhoe ft. DongJin]

    ลำดับตอนที่ #20 : [A] YUNJUN : 2nd Anniversary

    • อัปเดตล่าสุด 10 ม.ค. 60


    09/01/2017

    YUNJUN : 2nd ANNIVERSARY 


    -------------------------------------------






    วันที่ยี่สิบห้าธันวานคมของทุกปีคือวันคริสมาสต์ วันแห่งการเฉลิมฉลอง ร้านค้าประดับประดาไปด้วยแสงไฟมากมายและสิ่งของสีเขียวกับแดง วันที่เหมาะกับการได้ใช้เวลาร่วมกับคนที่รัก ทานอาหารอร่อยๆ แลกของขวัญด้วยรอยยิ้มกว้างและมีความสุขไปด้วยกันตลอดทั้งคืน

     


    แต่วันที่แสนมีความสุขสำหรับใครหลายๆคนสำหรับสองคนนี้ยังไม่แน่ใจสักเท่าไร...


    "พี่ยุน ไปแล้วหรอ?"

    "อืม ลากกระเป๋าไปตั้งแต่เช้าล่ะ"

    มือขาวของ กูจุนฮเว ยกกาแฟเย็นขึ้นมาดูด ดวงตาคมมองออกไปนอกหน้าต่างซึ่งกำลังมีหิมะโปรยปรายอย่างไม่สนใจคำถามของ คิมดงฮยอก เพื่อนสนิทของตัวเอง เขาดูดกาแฟในแก้วช้าๆดื่มด่ำในรสชาติแสนขมที่ตัวเองไม่ได้ชอบสักเท่าไรแต่ก็ต้องดื่มเพื่อทำให้ตัวเองตื่นรับกับงานสอนที่มีตลอดช่วงบ่ายนี้

     

    "ก็ไปเที่ยวกับพี่เขาไม่เห็นจะเป็นไร คนสอนแทนก็มีอยู่"


    ถอนหายใจให้กับคนที่เห็นดีด้วยกับเหตุผลที่ทำให้เขาต้องทะเลาะกับ ซงยุนฮยอง แฟนของตัวเอง แต่จะว่าทะเลาะก็คงไม่ใช่ เรื่องของเรื่องคือครอบครัวซงซึ่งที่บ้านเปิดกิจการร้านหมูย่างตั้งใจจะให้รางวัลให้กับตัวเองหลังจากทำงานหนักมาตลอดทั้งปีโดยการไปเที่ยวที่ญี่ปุ่นกันยกครอบครัวก่อนปีใหม่ แน่นอนว่าลูกชายคนโตที่แม้ไม่ได้ช่วยงานที่บ้านก็ไปด้วย

     


    และลูกชายเองก็อยากให้แฟนตัวเองไปด้วยเช่นกัน


    'แค่ห้าวันเอง ยังมีวันลาอยู่ไม่ใช่หรอ?'

     

    'มาบอกผมสามอาทิตย์ก่อนจะไปเนี่ยน่ะ? จะลาได้ไง'

     

    'พี่ถามดงฮยอกแล้วว่าลาได้ พี่มินโฮเองก็บอกว่าไม่น่ามีงานอะไร'

     

    'พี่อย่ามายุ่งเรื่องงานของผมได้ไหม?'

     


    พอถูกยุ่งเรื่องเกี่ยวกับตารางงานของตัวเองถือว่าเป็นการจบบทสนาในทันทีสำหรับกูจุนฮเวผู้ไม่ชอบให้อีกฝ่ายมาก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวโดยเฉพาะเรื่องงานที่เขาก็รู้ว่าครึ่งปีหลังมานี้รับงานนอกอย่างไกต์เสียงให้มินโฮบ่อยไปจนเริ่มกระทบกับงานประจำ แต่เรื่องนี้นี่ยุนฮยองหนักกว่าเขาอีกให้เห็นเป็นซอมบี้เดินได้อยู่บ่อยครั้ง

     

    "แล้วจะทิ้งให้พี่ฮาอีสอนแทนเนี่ยนะ? ท้องก็ใหญ่แล้วไอ้พี่ฮันบินไม่อยากให้ทำงานด้วยซ้ำ อีกอย่างอยากดัดนิสัยคนด้วยล่ะ พี่ยุนฮยองปกติก็ยอมอะไรง่ายๆอยู่หรอก แต่พออะไรที่ต้องการจริงๆแล้วไม่ได้ดั่งใจแล้วชอบทำตัวงี่เง่าเป็นบ้า"

     

    "นี่มึงพูดถึงตัวเองหรือไง?"

     

    ยกหลอดขึ้นมาดีดน้ำจากขอบแก้วใส่เพื่อนสนิทของตัวเองฝั่งตรงข้ามด้วยความหมั่นไส้ ยอมรับว่าเขาเองก็ทำตัวเป็นเด็กไม่รู้จักโตใส่ยุนฮยองบ่อยๆ แต่พอมาเจอพี่แกเอาคืนว่าอยากให้เขาไปเที่ยวด้วยให้ได้เลยเริ่มเข้าใจความรู้สึกของอีกฝ่ายเวลาเขาทำตัวงี่เง่าใส่ ก็เล่นตื้อเขาแม่งทุกวันตลอดทุกวันยันอาทิตย์สุดท้ายจนรู้ว่าไม่มีทางจะจองตั๋วเครื่องบินได้แล้วเลยทำหน้าตึงใส่เขา ดูแลเรื่องกินเรื่องอยู่เหมือนเดิมเปลี่ยนไปคือสีหน้ากับน้ำเสียงเฉยชาให้เขาเองรำคาญปนเหนื่อยแทนกับการพยายามบังคับสีหน้าของอีกฝ่าย

     

    "แล้วนี่พี่เขาส่งข้อความมาง้อคุณมึงยังครับ? ปกติพี่เขาก็เป็นฝ่ายขอโทษมึงก่อนทุกที"

     

    "กูส่งข้อความไปดักแล้ว ว่าถ้าหายงี่เงาแล้วไม่ต้องมาง้อ ไม่ต้องมาขอโทษ กูดูแลชีวิตตัวเองได้ช่วงไม่อยู่ใช้เวลากับคนที่บ้านไปเหอะ ส่วนเรื่องของฝากอยากได้อะไรเพิ่ม เดี๋ยวส่งข้อความไปบอกเอง"

     

    "มึงนี่ก็ห่วงแต่เรื่องของกิน"

     

    เตรียมดีดน้ำใส่ดงฮยอกเป็นรอบที่สอง แต่อีกฝ่ายเตรียมจะคว้าแฟ้มเอกสารของเขาขึ้นมาบังแทนเลยได้ทันยั้งมือไว้ทัน ถอนหายใจยาวก่อนเขี่ยน้ำแข็งในแก้วเล่น

     

    "ให้พี่ยุนฮยองได้ใช้เวลากับครอบครัวบ้างล่ะ เอาแต่รอกูว่างจะได้ไปกินข้าวด้วยกันที่บ้านสุดท้ายตัวเองก็ไม่ได้กลับบ้านเกือบเดือนแล้ว กูไม่อยากให้เขาต้องมาเป็นห่วงกูและก็สนุกกับคนที่บ้านไป ตบมือทำบ้าอะไร?"

     

    "เห็นมึงมีพัฒนาการณ์ในการห่วงผู้อื่นแล้วกูดีใจ"

     

    รอบนี้ไม่ต้องรอยั้งมือ เท้านี่เตะเข้าหน้าแข้งของคนที่นั่งอยู่ด้านหน้าเขาไปเต็มๆให้ได้ยกขึ้นมาร้องอดครวญด้วยความเจ็บปวดส่วนเขานั้นหัวเราะออกมาด้วยความสะใจ

     

    “แต่วันคริสมาตร์เป็นวันครบรอบมึงคบกับพี่เขา อย่างน้อยพี่เขาไม่อยู่ก็ยังมีปาร์ตี้ที่โรงเรียน มึงคงไม่เหงาหรอกใช่ไหม?”

     

    ยกไหล่ให้แทนคำตอบหลังจากยกข้อมือขึ้นมาดูเวลาและพบว่าถึงเวลาสอนแล้วเลยลุกขึ้นบอกลาดงฮยอกพาตัวเองไปยังห้องเรียน ยังอยู่สงสัยว่าในช่วงที่อีกฝ่ายไปเที่ยวแล้วจะได้คุยกันหรือเปล่าถ้าเจ้าตัวทำตามที่ในข้อความของเขา แต่สำหรับเขาถ้าพูดกับดงฮยอกไว้ขนาดนี้แล้วเขาเองก็ไม่เป็นไร อีกอย่างรอบนี้ก็ไม่ได้ห่างกันเพราะเรื่องงานและอีกแค่อาทิตย์เดียวอีกฝ่ายก็จะกลับมาแล้ว เขาเองก็แค่สอนจนถึงวันคริสมาสต์ ปาร์ตี้ตอนเย็น อีกวันก็กลับบ้านคงไม่ได้มีเวลาให้มาคิดถึงยุนฮยองอยู่แล้วล่ะ

     


    ...ส่วน ซงยุนฮยอง นี่หายงอนและคิดถึง กูจุนฮเว ตั้งกะคืนแรกที่มาถึงญี่ปุ่น...

     


    ตอนแรกก็ยอมรับล่ะตัวเองตื้อจุนฮเวเยอะเกินไป แต่พอคิดอีกทางแค่มาเที่ยวด้วยกันจะไปมีเหตุผลปฏิเสธอะไรมากมายทั้งที่ไม่กระทบอะไรสักหน่อย ชวนขนาดนี้ก็มาด้วยกันสิ และพอพยายามทำทุกอย่างจนรู้ว่าเป็นไปไม่ได้ว่าจุนฮเวจะมาเที่ยวกับเขาก็ผิดหวังและรู้สึกโกรธนิดหน่อย (จะว่างอนก็ได้นั่นล่ะ)

     

    ความจริงที่อยากให้มาด้วยกันเพราะเขาอยากให้จุนฮเวได้รู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวเขาถึงได้รอจนกว่าจะมีวันว่างพร้อมกันแล้วไปกินข้าวที่บ้านด้วยกันสักทีแต่สิ้นปีงานก็เยอะทั้งคู่ สุดท้ายก็ไม่ได้ทั้งกินข้าวและมาเที่ยวด้วยกัน ก็ยังรู้สึกตึงๆตลอดอาทิตย์ก่อนมาเที่ยว แถมอีกฝ่ายนอนหลับสบายไม่สนใจเขาด้วยซ้ำให้รู้สึกงอนเข้าไปใหญ่ แต่พอมาใช้เวลากับคนที่บ้านที่ไม่ได้เจอกันมาตั้งนาน ได้กินอาหารอร่อยๆเปลี่ยนบรรยากาศได้ผ่อนคลายจากงานถึงพึ่งรู้สึกตัวว่าก่อนหน้านี้ทำตัวงี่เง่าใส่จุนฮเวไปเยอะแค่ไหน

     

    พอสำนึกผิดได้และเตรียมจะขอโทษ ข้อความของจุนฮเวที่เขาพึ่งเปิดดูก็ดันส่งมาดักทุกอย่างที่เขากะจะทำไว้ทั้งหมด ตามปกติเขาคงจะไม่สนใจมุ่งหน้าที่ทำสิ่งที่ต้องการ แต่เจอแบบนี้เข้าไปถึงกับสำนึก ยอมทำตามทุกข้อในข้อความของจุนฮเวอย่างเสียไม่ได้ ทั้งที่อยากจะโทรไปขอโทษจนกว่าอีกฝ่ายจะยกโทษให้ใจจะขาด

     


    …ไม่เป็นไรหรอก อีกไม่กี่วันเดี๋ยวก็กลับแล้ว เขาเองก็จะพยายามทนให้ได้ละกัน…

     


    "คุณปู่อยากได้น้ำอะไรไหมครับ? เดี๋ยวผมเดินไปซื้อให้"

    "เอาเป็นน้ำชาแล้วกัน ขอบใจนะหลาน"

     

    ยกยิ้มและพนักหน้าให้กับคุณปู่ของตัวเองซึ่งนั่งพักตรงม้านั่งก่อนเขาจะขอตัวเดินไปยังโซนขายอาหารและของฝาก ความสวยงามของปราสาทโอซาก้าตรงหน้าทำให้เขารู้สึกประทับใจตั้งแต่แรกเห็นแม้อากาศจะหนาวไปนิดในวันนี้ สำหรับคุณปู่ของยุนฮยองที่ยัวเดินได้คล่องแต่ต้องอาศัยเวลาพักเป็นระยะเขาจึงตัดสินใจที่จะอยู่กับคุณปู่และปล่อยให้สมาชิกในครอบครัวที่เหลือเดินล่วงหน้าไปก่อน

     

    โซนขายอาหารและของฝากเต็มไปด้วยผู้คน ได้กลิ่นหอมๆของยากิโซบะลอยมาตามลมจนอยากซื้อมาชิมสักหน่อยและพอได้เห็นปลาหมึกทั้งตัวย่างบนเตาถ่านเท่านั้นล่ะ พาลให้นึกถึงคนคนหนึ่งที่ชอบปลาหมึกย่างเหลือเกิน เอาจริงๆ ตั้งแต่มาที่นี่ไม่ว่าจะเจอสถานที่สวยๆ ของกินอะไรก็ตามโดยเฉพาะที่อร่อยๆ ก็ทำให้เขาคิดถึงจุนฮเวไปซะทุกที อยากให้มากินด้วยกัน คงจะยิ้มกว้างน่าดูพอได้กิน

     


    นี่เขาเป็นโรค Boyfriend Sick ตั้งแต่เมื่อไรกันหว่า

     


    ส่ายหัวกับถอนหายใจให้กับตัวเองกับความคิดถึงที่มีให้กับแฟนของตัวเองมากเกินไป แต่ก็มิวายหยิบสมาท์โฟนของตัวเองขึ้นมาดูข้อความสุดท้ายที่อีกฝ่ายส่งมาให้ เป็นภาพของขนมอะไรสักอย่างที่เจ้าตัวอยากได้แค่นั้น ซึ่งถามว่าเขาจัดการซื้อให้แล้วหรือยัง?



    ….จะเหลือหรอ เมื่อวานเย็นก็เรียบร้อยแล้ว (พอดีได้แวะร้านขายของฝากตะหาก)

     


    “นี่ครับ น้ำชา”

     

    ส่งขวดน้ำชาที่เปิดฝาไว้แล้วให้กับคนที่รออยู่พร้อมกับนั่งลงข้างๆก่อนได้รับเสียงขอบคุณกลับมาเบาๆ ดวงตาซึ่งมีรอยเหี่ยวย่นยังคงไม่ละสายตาจากกลุ่มเด็กวัยประมาณห้าขวบซึ่งเดินจูงมือมากับผู้ปกครอง

     

    "เห็นเด็กๆแล้วปู่นึกถึงยุนฮยองกับอึนจีตอนเด็กแต่ตอนนี้โตกันเป็นหนุ่มเป็นสาวหมดล่ะ เวลาก็ผ่านไปเร็วเหมือนกันนะ”

     

    “ผมเองก็เริ่มรู้สึกแก่พอรู้ว่าอีกสองปีจะอายุสามสิบเนี่ยล่ะครับ”

     

    เสียงหัวเราะของคนข้างตัวทำให้เขาเองก็ยกยิ้มกว้างขึ้นมาเช่นกัน ยกน้ำมะนาวแบบอุ่นขึ้นมาจิบขณะมองตามสายตาของคุณปู่ไปด้วย เพียงแต่ประโยคต่อไปทำให้เขาชะงักไปสักครู่

     

    “สามสิบยังไม่แก่หรอก อายุเท่าปู่ก่อนถึงจะรู้สึกว่าแก่นะ จะว่าไปถ้าหลานมีลูกคงจะโตขึ้นมาเป็นเด็กดีแบบหลานแน่เลย”

     

    “คุณปู่อยากให้ผมมีลูกหรอครับ?”

     

    “อืมมปู่ไม่ได้หมายความอย่างที่พูดหรอกนะ แค่ปู่จะบอกว่าปู่ได้เห็นหลานโตมาเป็นผู้ใหญ่ที่ดีและปู่เองก็เชื่อว่าหลานจะสามารถดูแลลูกของตัวเองเติบโตขึ้นมาเป็นเด็กดี แต่ปู่ก็รู้ว่าตอนนี้หลานรักจุนฮเวมากแค่ไหน”

     

    รอยยิ้มแสนอ่อนโยนไม่ต่างจากตัวเขาถูกส่งมาพร้อมคำตอบที่พอเขาได้ฟังก็รู้สึกโล่งอก ตอนแรกหลังจากคบกับจุนฮเวแล้วก็เคยคิดอยู่เหมือนกันว่าครอบครัวของเขาจะรู้สึกอย่างไรที่เขาชอบผู้ชายเพราะแฟนคนก่อนๆของเขาก็มีแต่ผู้หญิงทั้งนั้น แต่พอบอกไปตามตรงก็ดูทุกคนเข้าใจเขากว่าที่คิด อีกอย่างทุกคนดูชอบจุนฮเวกันมากพอเขาพาอีกฝ่ายมาที่บ้านซึ่งเขาก็ไม่รู้อยู่ดีว่าอาจจะมีรู้สึกแปลกๆหรือมีเรื่องแคลงใจอยู่อีกหรือเปล่า สงสัยจะเป็นเขาเนี่ยล่ะที่คิดมากไปเอง

     

    “ผมเองก็ไม่รู้ว่าในอนาคตจะมีลูกหรือเปล่านะครับ แต่ผมรู้แค่ว่าตอนนี้ที่มีจุนฮเวอยู่ผมเองก็มีความสุขมากพอแล้ว”

     

    “และหลานจะมีความสุขมากกว่านี้ถ้าคุยเรื่องที่หมางใจกับแฟนของหลานไปตรงๆ เพราะเวลาของชีวิตจะมีอีกเท่าไรก็ไม่รู้ จะทะเลาะกันให้เสียเวลาที่มีความสุขก็คงจะไม่ดี กับปู่นี่โชคดีที่ยังได้อยู่กับย่าเขา ยังได้เห็นหลานทั้งคู่โตมามีคนรักกันทั้งคู่ และยังได้มาใช้เวลาร่วมกันทั้งครอบครัวในตอนนี้ ทำให้ปู่รู้สึกมีความสุขมากเลยล่ะ”

     

    พูดทิ้งท้ายก่อนคุณปู่จะลุกขึ้นเดินตรงไปหาคุณย่าที่เดินมาพร้อมกับสมาชิกในครอบครัวคนอื่นๆ พูดคุยอะไรกันสักอย่างที่ยุนฮยองเองก็ไม่ได้ยินเพราะได้จมไปในความคิดของตัวเองจากประโยคของคุณปู่ไปเรียบร้อย มารู้ตัวตอนน้องสาวมาตีไหล่ทักว่า นั่งสติหลุด เป็นไร? ถึงได้ลุกขึ้นไปสมทบกับคนอื่นๆเพื่อพากันเดินทางไปยังสถานที่ต่อไป



              …พร้อมกับซงยุนฮยองตัดสินใจอะไรได้บางอย่าง…

     

    .

    .

    .

    หลังจากที่คุณปู่ได้พูดเตือนสติ วันนั้นเขาก็ส่งภาพตัวเองไปให้เห็นว่ายังสบายดีอยู่พร้อมหนึ่งข้อความไปถามจุนฮเวว่าสะดวกที่จะให้เขาโทรไปหาตอนไหนบ้างเพราะก็รู้ว่าอีกฝ่ายไม่ค่อยว่างจนกว่าจะถึงวันครสมาสต์ รอจนดึกและคิดว่าจะส่งไปซ้ำอีกดีไหมแต่ก็ได้รับข้อความตอบกลับมาก่อน

     


    ...บอกตามตรงจุดที่ได้เห็นข้อความของจุนฮเวตอบกลับมานี่น้ำตาจะไหล...


    ช่วงก่อนเที่ยงคืนของวันคริสมาตส์อีฟคือเวลาที่อีกฝ่ายส่งมาให้และอีกไม่กี่นาทีจะถึงเวลาที่นัดแล้ว ซงยุนฮยองลงมานั่งตรงล็อบบี้ของโรงแรมเพราะคุณพ่อที่นอนห้องเดียวกันหลับไปแล้ว เหมือนจะเตรียมใจมาดีแต่เขาก็ยังมานั่งประหม่าอยู่หน้าสมาท์โฟนของตัวเองอยู่ดี ทั้งที่ก็คบกันจะครบสองปีอยู่แล้วในคืนนี้แต่กลับมีความรู้สึกเหมือนตอนพึ่งจีบจุนฮเวที่ทำเป็นเท่แต่หัวใจก็เต้นแรงอยู่ข้างใน สุดท้ายก็รวบรวมความกล้ากดโทรหาแบบวิดีโอคอลไป

     

    ช่วงต่อสัญญาณกับหน้าจอยังกลายเป็นสีดำอยู่นี่หัวใจเต้นแรงจนแทบจะหลุดออกมา เช็กทรงผมของตัวเองในจอเล็กด้านข้างว่าไม่ยุ่งเหยิง ยกยิ้มดูว่าไม่ได้ยิ้มประหลาดๆอยู่ใช่ไหม

     


    และก็ต้องยิ้มค้างเมื่อในที่สุดปลายสายก็รับสายสักที

     


    “ไง จุนฮเว หืม? ยังอยู่ข้างนอกหรอ?”

     

    ภาพตรงของคนตรงหน้ายังคงสั่นไปสั่นมาเหมือนกับว่ากำลังเดินอยู่ก่อนภาพจะกลายเป็นสีดำอีกครั้งไม่น่าจะสายหลุดเพราะเขาได้ยินเสียงกดรหัสเข้าห้องของพวกเขาผ่านหูฟังแต่ภาพก็ยังคงสั่นอยู่หลังจากแสงในห้องสว่างขึ้นมาแล้วทุกอย่างกลับสู่จุดสงบเมื่อจุนฮเวนั่งลงบนโซฟาให้เขาได้เห็นใบหน้าของคนที่คิดถึงมาตลอดหลายวัน

    'พึ่งกลับมาถึงห้องพอดี'

    "ปาร์ตี้วันนี้เป็นไงบ้าง?"

    'ก็ดี ปีนี้ผมได้ของขวัญของพี่จินฮวาน อยู่มาสามปีได้แต่ของคนรู้จัก ปีก่อนโน้นก็ของพี่ ปีก่อนของดงฮยอกดีชะมัด'

     

    น้ำเสียงของจุนฮเวตอบแบบไม่ใส่ใจนักร่วมถึงสายตาของเจ้าตัวไม่ได้มองหน้าเขาด้วยซ้ำหลังจากคว้ารีโมตและเปิดโทรทัศน์สู้เสียงกับความสนใจของเขาไปด้วย แต่เขายังไม่อยากมาอารมณ์เสียซะตอนนี้จนทำให้ไม่ได้คุยกับอีกฝ่ายหรอกนะเลยข่มใจให้เย็นเข้าไว้

     

    "น่า ดีออก อย่างน้อยไปพอใจก็บ่นได้ไง แล้วนี่สบาดีใช่ไหม? ไม่เป็นหวัดใช่ไหม โซลหิมะก็ตกแล้วนิ"

     

    'อืม ผมสบายดี ถ้าพี่จะโทรมาถามผมแค่นี้ ผมขอวางแล้วไปอาบน้ำนอนก่อนล่ะกัน ผมเหนื่อยมาทั้งวัน'

     

    เจอแบบนี้เข้าไปซงยุนฮยองถึงกับชะงักและก็ได้รู้ว่าสิ่งที่จุนฮเวต้องการให้เขาพูดจริงๆคืออะไรแม้เจ้าตัวไม่เอ่ยปากบอกด้วยซ้ำ ถอนใจหายให้ตัวเองที่รู้จักอีกฝ่ายดีเกินไป เปลี่ยนมาทำสีหน้าจริงจังก่อนพูดในสิ่งที่เขาอยากจะส่งข้อความไปหาตั้งแต่วันแรกที่มาถึงที่นี่

     


    "ขอโทษที่ทำตัวงี่เง่าช่วงก่อนหน้านี้ สำนึกผิดอยากขอโทษตั้งแต่วันแรกที่มาถึงแล้ว...

     

    ...และก็ผ่านมาหลายวันคิดถึงนายเป็นบ้าเลย"

     


    มุมปากยกยิ้มของจุนฮเวทำให้เขาใจชื้นขึ้นมาหน่อยรวมถึงดวงตาคมมองหน้าจอสบตากับดวงตาคู่โตของเขาสักทีให้เขาถอนหายใจอย่างโล่งอก ถึงรู้อยู่ว่าจุนฮเวไม่ได้โกรธอะไรเขาแล้วเพราะถ้าโกรธอยู่คงไม่มีทางให้โทรหาแน่ๆ แต่ที่แกล้งทำเป็นไม่สนใจก่อนหน้านี้เนื่องจากนานๆทีเขาจะเป็นรองอีกฝ่ายก็เลยขอเล่นตัวให้เขาใจแป้วสักหน่อย (กลับไปจะตีให้ก้นลายเลยคอยดู)

     

    'พึ่งรู้ตัวว่างี่เง่าหรือไงพี่? นานๆทีจะได้เจอซงยุนฮยองโหมดนี้และผมขอไม่เจออีกดีกว่า โหมดงี่เง่าเนี่ย'

     

    "หือ ได้ทีเอาใหญ่เลยนะ เออ ขอโทษล่ะกัน หลังจากกลับไปนี่อยากกินอะไรจะพาไปกินหมดทุกอย่างเลย”

     

    กว่าพี่จะกลับมาก็เกือบปีใหม่แล้วป่ะ ตอนนั้นร้านไหนมันจะมาเปิดให้พี่วะ

     

    “กินไม่กิน?”

     

    รู้คำตอบอยู่แล้วจะถามทำไม?

     

    ยกกว้างให้กับเด็กน้อยรู้ทันของเขาก่อนจะได้ยินเสียงเพลงคริสมาสต์แครอลดังผ่านมาจากปลายสายให้พวกเขาทั้งคู่มองนาฬิกาบนหน้าจอได้รู้ว่าเข้าสู่วันที่ยี่สิบห้าแล้ว วันคริสมาสต์รวมถึงวันครบรอบสองปีของพวกเขาทั้งสองคน ยุนฮยองยกยิ้มกว้างให้กับอีกคนที่ยิ้มตอบกับมาเช่นกัน

     

    "สุขสันต์วันครบรอบสองปีนะ ขอบคุณที่อยู่ด้วยกันมาจนถึงวันนี้และก็หวังว่าเราจะอยู่ด้วยกันไปเรื่อยๆนะ และก็ถึงไม่ได้อยู่ด้วยกันในปีนี้แต่ตอนอยู่ที่นี่พี่ก็คิดถึงนายตลอดเลยรู้ไหม?...

     

    โดยเฉพาะเวลาได้กินของอร่อยๆ~"

     

    '...วางล่ะ...บาย'

     

    เกือบจะซึ้งเกือบจะหวานแต่กูจุนฮเวก็ต้องเบ้ปากกับกลอกตาให้กับประโยคสุดท้ายจนได้ เตรียมจะว่างสายหนีทันทีแบบทำจริงไม่ล้อเล่นแต่โชคดีที่ยุนฮยองรีบพูดแทรกก่อน

     

    "เดี๋ยวดิ ล้อเล่น แต่พี่คิดถึงนายจริงๆ ไว้โอกาสหน้าเราค่อยมาด้วยกัน ให้มีเวลาว่างพร้อมกันทั้งคู่ โอเคไหม?"

     

    'ก็ต้องเป็นแบบนั้นล่ะ กลับมาปีหน้าเตรียมเก็บตังได้เลย แล้วไม่เอาอีกแล้วนะ งี่เง่าเนี่ย'

     

    "เออ ย้ำอยู่ได้ ไปอาบน้ำนอนไป และก็ก่อนพี่กลับไปดูแลตัวเองด้วย อย่าให้เห็นว่าป่วยนะ"

     

    'เดี๋ยวก็กลับบ้านแล้วมีแม่อยู่ไม่ป่วยหรอก งั้นผมวางแล้วนะ'

     

    "ฝันดีล่ะ พี่รักนายนะ"

     

    'อืม ฝันดีเช่นกัน"

     

    ยกยิ้มกว้างค้างจนกระทั่งจุนฮเวกดวางสาย แม้ไม่ได้คำบอกรักกลับมาแต่แค่เห็นอีกฝ่ายโบกมือกลับมาให้และก็ยังมองตาเขาอยู่กับพอใจล่ะ คืนนี้สำหรับซงยุนฮยองคงหลับฝันดีแน่นอน รวมถึงทุกวันเที่ยวที่ยังเหลืออยู่ก่อนไปเจออีกฝ่ายเขาก็สามารถใช้เวลาร่วมกับครอบครัวอย่างไร้ความกังวลและเฝ้ารอที่จะได้เจอจุนฮเวและได้ฉลองวันครบรอบของพวกเขาย้อนหลัง

     


    โดยที่ในปีนี้ก็ยังมีแต่ความความสุขลอยอยู่รอบตัวพวกเขาราวกับคำอวยพรในวันคริศมาตส์เหมือนตลอดสองปีที่ผ่านมาและหวังว่าจะเป็นอย่างนั้นในปีถัดไป

    .

    .

    .

    "ไหนใครบอกว่ามีแม่อยู่แล้วไม่ป่วยไง?"

    เปลือกตาพยายามยกขึ้นตามคำถามแต่ก็รู้สึกหนักเหลือเกิน รวมถึงทั้งตัวของ กูจุนฮเว รู้สึกเหมือนมีของหนักๆมาทับอยู่ ทั้งด้วยอาการครั่นเนื้อครั่นตัวจากการป่วยและมีคนกำลังนอนทับตัวเขาอยู่จริงๆ ความจริงยังไม่อยากตื่นหรอกนะแต่ก็โดนคนด้านบนโยกตัวไปมาซ้ายทีขวาทีทำให้เขาต้องลืมตาขึ้นอย่างเสียไม่ได้

     

    "อือกี่โมงแล้ว?

     

    "บ่ายโมงแล้ว ตื่นมากินข้าวกินยาได้แล้ว สรุปใครบอกยังไงก็ไม่ป่วยไง หืม?”

     

    โดนบีบแก้มย้วยของตัวเองเบาๆแต่ดันรู้สึกปวดจนร้องครวญออกมาเพราะด้วยอาการปวดเมื่อยตัว ได้ยินเช่นนั้นยุนฮยองเลยย้ายตัวเองลงมาตรงที่ว่างบนเตียงของเขาที่เหลือเพียงน้อยนิดสำหรับผู้ชายสองคนจะนอนด้วยกันได้ เขาเลยพยายามจะขยับตัวแบ่งพื้นที่ให้แต่ก็ต้องครางออกมาอีกรอบ มือแสนอุ่นลูบหัวเขาอย่างอ่อนโยนรวมถึงเจ้าตัวเป็นฝ่ายขยับเข้ามาหาตัวเขาแทนเนื่องจากรู้อยู่แล้วว่าเขาต้องการความอบอุ่นมาเติมให้กับความรู้สึกหนาวที่ยังรู้สึกอยู่ข้างในในตอนนี้

     

    “แค่พาโกปังไปเดินเล่นแล้วไม่ได้พันผ้าพันคอไปด้วยแค่นี้เอง…”

     

    “คุณแม่บอกว่าตอนกลับมาบ้านก็เริ่มจามแล้ว ป่วยตั้งแต่ก่อนกลับเลยใช่ไหม?”

     

    เบ้ปากใต้ผ้าปิดปากเลือกจะไม่ตอบเพราะตัวเองเป็นฝ่ายผิดล้วนๆ หลังจากวันที่ยุนฮยองโทรหาแล้ววางสาย เขาอาบน้ำสระผมแล้วไม่ได้เช็ดผมกลับมานั่งดูหนังรอบดึกแล้วก็เผลอหลับคาดโซฟาไปตื่นมารู้สึกปวดหัวนิดหน่อย ใครจะมานึกว่าจะมาไข้ขึ้นตอนกลับบ้านกันล่ะแถมไม่ยอมหายก่อนอีกฝ่ายกลับมาด้วย

     

    “อย่างนี้แผนจะพานายไปกินตามที่อยากก็ต้องล้มแล้วสิ

     

    “เดี๋ยวก็หาย...ไม่ต้องล้มเลยนะ สัญญาแล้ว...”

     

    เสียงหัวเราะเบาๆ ข้างหู มือที่ยังลูบอยู่บนหัวรวมถึงความอบอุ่นจากอีกร่างทำให้จุนฮเวหลับตาลงอีกครั้งพร้อมจะกลับสู่โลกแห่งความฝัน

     

    ถ้าไม่โดนเรียกไว้ก่อน

     

    “ตื่นมากินข้าวกินยาก่อน เดี๋ยวค่อยกลับมานอนอีกรอบ”

     

    “ขออีกหนึ่งชั่วโมง…พี่นอนด้วยกัน ไม่ต้องไปไหนล่ะ…”

     

    "เป็นหวัดไปทำไง?"

     

    "คนอย่างพี่ไม่เป็นหวัดหรอก...ไม่คุยแล้ว นอนๆ"

     

    อย่างน้อยเขาก็ใส่ผ้าปิดปากไว้คงไม่ติดหวัดกันง่ายๆและก็ซุกตัวเองเข้าหาตัวอีกฝ่ายเรียบร้อยซงยุนฮยองคงไม่มีทางปฏิเสธได้มิหน่ำซ้ำคงดีใจที่เขาเอ่ยปากขอด้วย นั่นเอามือพาดเอวเขาไว้ เห็นไหมว่าเต็มใจจะตาย ส่วนเรื่องหนึ่งชั่วโมงหลังจากนี้ไว้ค่อยไปสู้และเถียงกันอีกทีถ้าเขามีแรงนะ

     

    …ตอนนี้ก็ขอเขาหลับในอ้อมกอดอุ่นของคนที่เขาแอบคิดถึงแต่ไม่แสดงออกก่อนแล้วกัน



    Talk:  มาช้าดีเลย์ด้วยความขี้เกียจ *ยกมือสารภาพผิด* แต่ยังไงก็ต้องแต่งให้จบค่ะ ครบรอบทั้งที่ต้องมาสักหน่อย จริงๆปีใหม่กะจะเขียนอีกคู่ด้วยแต่อะไรหลายอย่างก็....นะ อีเว้นต์ต่อไปคงจะเป็นช่วงวันเกิดพี่ยุนค่ะ และแน่นอนว่าวันเกิดพี่ยุนคือช่วงคืนกำไรให้กับพี่เขาที่ดูแลน้องเน่มาดีตลอดทั้งปี -..- ไว้เจอกันตอนหน้านะคะ


    ขอสวัสดีปีใหม่สำหรับคนที่หลงมาอ่านฟิคเรื่องนี้กันด้วยนะคะ ซึ่งมีหรือเปล่าก็ไม่รู้ ฮ่าๆๆ สำหรับเราแล้วฟิคเรื่องนี้สำคัญสำหรับเรามากเลยค่ะ รู้สึกได้เดินทางไปกับชีวิตเรื่อยๆของทั้งคู่และยังคงอยากเดินทางไปด้วยกันต่อรวมถึงยังอยากย้อนอดีตไปกับช่วงเวลาที่เขาพึ่งได้เจอกันด้วย หวังว่าจะเขียนเรื่องราวเหล่านั้นออกมาให้ได้ทำความรู้จักพวกเขาทั้งสองคนมากขึ้นในเวลาต่อๆไปนะคะ ขอฝากฟิคเรื่อยเปื่อยเรื่องนี้ในอ้อมใจด้วยนะคะ ^^


    #ฟิคเปื่อย

     




     

     

     

     

    H a s h
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×