ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Topp Dogg] Rabbit & Turtle [Seogoong & Xero]

    ลำดับตอนที่ #2 : การเดินทางหนึ่งวันของกระต่ายน้อย [2/2]

    • อัปเดตล่าสุด 31 ม.ค. 58



    "ฉันเกลียดช็อกโกแลต...." เสียงของผมบ่น แก้มของผมพองลมด้วยความไม่พอใจ

     

     

    "อร่อยจะตาย สตอเบอรี่มันของผู้หญิงหรอก" เสียงเดิมที่ผมเคยได้ยินตอบกลับมา ผมสีน้ำเงินปลิวเบาๆกับสายลมในสวนสวยตัดกับสีฟ้าของท้องฟ้าไร้เมฆ ผมมองเห็นหน้าเขาไม่ชัด แต่ผมเห็นรอยยิ้มบนหน้า

     

     

    รอยยิ้มอันสดใสมอบให้กับผม

     

     

    ใครกัน....

     

     

     

    "หืมม....ฝัน...." ผมตื่นยกมือขึ้นมาบังแสงแยงตา แสงสีส้มตัดกับท้องฟ้ายามเย็น นี่ผมหลับไปนานแค่ไหนนะ แต่สิ่งที่ยังวนเวียนอยู่ในหัวผมคือเสียงและรอยยิ้มของชายอีกคนหนึ่งที่แวบเข้ามาให้หัวผม เขาเป็นใครกัน ทุกอย่างที่ผ่านมาในวันนี่กลับกลายเป็นคุ้นเคย ผมเคยมาที่นี่ ผมเคยมานั่งกินมาการองที่นี่ กับใครคนหนึ่ง

     


    หรือว่าเขาจะเป็นคุณ 'เจ้าของเซโร่' คนนั้น

     
     

     

    "หรือว่าเขาจะอยู่แถวนี้" ผมลุกขึ้นเดินไปรอบๆ มือไล่แตะไปตามพุ่มไม้และดอกไม้ สายตาพร่า พยายามคิดถึงและมองหาคนที่ห้วนเข้ามาในหัวของผม การเดินผ่านจุดต่างๆในนี้ อาจจะทำให้นึกอะไรออกมากขึ้น ไม่ทันสังเกตุว่าท้องฟ้าเริ่มมืดลงอย่างรวดเร็ว

     


    "โอ๊ะๆๆ...อะไรน่ะ อ้าว กระต่ายน้อย มาอยู่ตรงนี้เอง" เท้าของผมสะดุดกับบ้างอย่างนิ่มๆ มองลงมาเจอเจ้ากระต่ายน้อยตัวเดิมมองผมหน้ามุ่ย ปากขมุบขมิบ

     


    "ขอโทษๆ ไม่เจ็บนะ" ผมอุ้มมันขึ้นมา ลูบขนปลอบ สงสัยจะโกรธที่ผมเตะโดนมันจริงๆแหะ มันซุกหนีเข้ากับอกผม น่ารักจริงๆ

     


    "นายอยู่ที่นี่มานานหรือยังน่ะ? ที่นี่มีคนอื่นอยู่ด้วยหรือเปล่า?" ผมพูดพลางเดินไปในสวนเรื่อยๆ กระต่ายน้อยเงยขึ้นมองหน้าผม จ้องด้วยสายตาเหมือนมีบางอย่างอยากจะบอก จนกระทั่งมันเสหัวไปทางซ้าย ขบเบาๆตรงแขนผมแล้วมองไปที่เดิม

     


    "หืม มีอะไรหรอ?" ผมมองตามมันไปทางซ้าย เห็นอุโมงค์ซึ่งเหมือนกับอุโมงค์อันเดิมที่ผมเดินผ่านเข้ามาจากป่ามายังสวนแห่งนี้ แต่ยังไงก็ไม่ใช่อุโมงค์เดียวกันหรอก เพราะอันนั้นมันอยู่หน้าสวน

     


    "อ้าว เห้ย!" กระต่ายน้อยกระโดดลงจากอ้อมแขนผม วิ่งเข้าไปในอุโมงค์ แถมยังหยุดหันมามองผมว่าตามมันไปหรือเปล่า "โอเคๆ ตามไปใช่ไหม ไปๆ" ผมยกมือขึ้นเหมือนยอมแพ้ เดินตามมันเข้าไปในอุโมงค์

     

     

     

    คราวนี้จะไปโผล่ที่ไหนเนี่ย....

     

     

    +++++++++++++++++++++


     

     

    อุโมงค์พาผมกลับมาที่ป่าอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่ใช่ที่เดิม

     


    เพราะอย่างแรก  เดินออกมาไม่เจอเวทีที่ตอนแรกผมตื่นมา

     


    อย่างที่สอง ตรงนี้ไม่ใช่ป่าธรรมดาแต่เป็นป่าซึ่งต้นไม้ตกแต่งไปด้วย โคมไฟลูกกลมหลายสีขนาดประมาณลูกฟุตบอลแขวนอยู่ แม้โคมไฟถูกแขวนไว้แค่สองถึงสามลูกต่อต้น แต่สีเหลืองนวลของไฟด้านส่องสว่างชัดทำให้แถวต้นไม้สองข้างทางเป็นดั่งเสาไฟทำให้ป่าแห่งนี้ไม่มืดมิด

     


    กระต่ายน้อยเดินไปเรื่อยๆตามทางที่เสาไฟทั้งสองข้างบังคับพาไปอยู่ข้างหน้าผม ซึ่งมันก็หันมามองผมเป็นระยะ แต่ผมไม่ได้สนใจมันเท่าไร เพราะแสงไฟของโคมไฟเรียกความสนใจผมมากกว่า จะว่าไปผมก็นึกถึงหิ่งห้อยเลยแฮะ ถึงจำนวนของโคมไฟไม่ได้เยอะเหมือนหิ่งห้อยเวลาเปล่งแสงเต็มต้นไม้ แต่แค่นี้ก็ทำให้ตื่นตาตื่นใจไม่น้อย

     



    ว้าว....นี่มันสวยมากจริงๆนะผมเดินมองแสงไฟรอบข้างไปเรื่อยๆโดยที่ไม่รู้ว่าเดินมานานแค่ไหน จนกระทั้งหูของผมกระดิกอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงเพลงอันคุ้นเคยลอยเข้าหู
       

     

    ผมมองไปทางด้านหน้าตามเสียงเพลง นี่ผมเดินกลับมาถึงเวทีซึ่งผมนั่งอยู่เมื่อตอนเช้า
    แต่เวทีครั้งนี่กลับไม่เหมือนเดิม เมื่อมันถูกตกแต่งด้วยสิ่งของที่ผมเห็นเมื่อยามบ่าย หมอนอิงหลายรูปร่างถูกวางอยู่บนเก้าอี้หน้าเวที ผ้าปูพื้นสีแดงลายสก๊อตถูกผูกไว้กับเสาไม้ทั้งสองข้างแทนผ้าม่านยิ่งทำให้เหมือนเวทีมากขึ้น


    กล่องเพลงถูกวางไว้บนโต๊ะด้านซ้ายของเวที ส่วนด้านขวามีขนมปลอมที่หลอกผมไปเมื่อตอนบ่ายวางประดับไว้อยู่ ผมเดินไปที่โต๊ะแล้วสะดุดกับจานแก้วซึ่งมีมาการองรสช๊อกโกแลตวางตั้งไว้โดยที่มีชิ้นที่ผมกัดไว้แล้ววางอยู่บนสุด ราวกับย้ำว่า

     


    เนี่ย ชิ้นนี่ของผม ชิ้นที่ผมกินเหลือไว้

     


    แหม่ ขอโทษนะที่กินไม่หมด ก็ไม่ชอบนิน่าผมบ่น คุณเจ้าของเซโร่ใจร้ายจริงๆ

     



    แต่จะว่าไปของทั้งหลายเมื่อตอนบ่ายอยู่ในสวน ตอนนี้มันมาอยู่ตรงเวทีหมดแล้ว แสดงว่าคุณเจ้าของเซโร่ต้องรีบขนมาตอนที่ผมชมไฟแน่เลย

     


    หรือว่าเขาจะอยู่แถวนี้?”

     


    ผมเดินสำรวจรอบเวที และหลังต้นไม้ทุกต้นหลังเวที แต่ก็ไม่มีอะไรนอกจากโคมไฟลูกกลมบางส่วนถูกวางไว้บนพื้น ผมเดินกลับมาหน้าเวทีอีกครั้งด้วยความผิดหวัง ตกใจเล็กน้อยเมื่อเจอกระต่ายน้อยนั่งอยู่บนเก้าอี้หน้าสุดของเก้าอี้ฝั่งคนดู

     


    อ้าวมาตอนไหนเนี่ย หืม?” ผมก้มลงไประดับเดียวกับกระต่ายน้อยก่อนอุ้มมันขึ้นมากอดไว้ตรงอก

     


    ที่นี่สวยเน้อ คุณเจ้าของเซโร่ตกแต่งที่นี่ได้สวยมากเลย....ไม่สิทุกอย่างที่วันนี้คุณเจ้าของเซโร่เตรียมไว้มันสวยไปหมดเลยผมยิ้มอุ้มกระต่ายน้อยเดินไปรอบเวทีอีกครั้ง ในใจยังหวังว่าจะได้เจอคุณเจ้าของเซโร่

     

    อาจจะแอบอยู่แถวนี้ แอบมองเขาอยู่...

     

    หรือเขาอาจจะคิดไปเอง....

     
     

     

    ผมเดินกลับมาเก้าอี้ตัวเดิมที่เมื่อเช้าผมนั่งอยู่ตอนตื่นขึ้นมา นั่งลงพร้อมถอนหายใจช้าๆ

     


    ถ้าฉันอยากขอบคุณคุณเจ้าของเซโร่เขาจะรับรู้ไหมเน้อ? กระต่ายน้อยจะได้เจอเขาไหม?” ผมก้มลงไปมองกระต่ายน้อยบนตัก กระต่ายน้อยหันขึ้นมามองหน้าผมหูของมันกระดิ๊กอย่างเคย

     


    กระต่ายน้อย ถ้าได้เจอฉันฝากขอบคุณเขาด้วยแล้วกันนะผมยิ้มกว้างให้กระต่ายน้อยก่อนเงยหน้าขึ้นมามองรอบๆตัวอีกครั้ง ซึมซัมบรรยายกาศรอบกาย

     
     

     

    เวลาผ่านไปเรื่อยๆ ผมยังนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวเดิม แสงไฟจากโคมไฟกลมรอบข้างยังสว่างอยู่เหมือนเดิม เสียงเพลงจากกล่องเพลงยังดังอยู่ต่อเนื่อง กระต่ายน้อยยังนอนอยู่บนตักของผม ผมเองก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงนั่งนิ่งอยู่อย่างนี้เหมือนผมรออะไรสักอย่าง....

     
     


    "กาลครั้งหนึ่งมีกระต่ายตัวหนึ่งอยู่ในป่าเวทมนตร์..." ผมพูดขึ้นมาไม่รู้ตัว

     



    "และวันหนึ่งเต่าตัวหนึ่งได้เข้ามาในป่านั้น....เอ๊ะ..." กระต่ายน้อยกระโดดลงจากตักของผม





    ติ๊ก....ต๊อก....ติ๊ก...ต๊อก....

     



    เสียงนาฬิกาดังขึ้นมาในหูของผมอีกครั้ง สายตาของผมมองตามกระต่ายน้อยไป ผมเหลือบเห็นเงาดำอยู่หลังต้นไม้ถัดจากเก้าอี้หลังสุดของฝั่งคนดู เงาดำนั้นทอดลงมาตรงพื้นด้านหน้า




    "นั้นใคร....น่ะ?" ผมถามออกไป เสียงพูดของผมสะดุดตรงคำสุดท้าย



    ติ๊ก...ต๊อก...ติ๊ก...ต๊อก...กริ๊ก....



    เสียงนาฬิกาและเสียงฟันเฟืองในตัวผมเริ่มดังมากขึ้นในหัวผม สายตาของผมยังพยายามมองตรงไปตรงเงาด้านหน้า ซึ่งกำลังเคลื่อนออกมาจากหลังต้นไม้

     

    กริ๊ก...กริ๊ก....กร๊ก....

     



    เสียงในร่างกายผมดังขึ้นจนผมไม่ได้ยินเสียงเพลงจากกล่องเพลงอีกแล้ว




    ผมพยายามจะลุกขึ้นแต่ก็ไม่สามารถ  ร่างกายของผมหยุดนิ่ง ไม่สามารถขยับได้ สายตาผมมองเห็นชายคนหนึ่งเดินตรงมาหาผม ผมมองหน้าของเขาไม่ชัด เพราะสายตาของผมเริ่มพร่ามัว แต่ผมสีน้ำเงินนั้นเด่นชัด

     



    สีน้ำเงินเหมือนกับสีท้องฟ้ายามไร้เมฆ.....

     

    ติ๊ก...ต๊อก....ติ๊ก....ต๊อก.....กริ๊ก....

     



    เสียงนาฬิกาและฟันเฟืองในตัวผมเริ่มเบาลง

     



    เบาลง

     



    และเบาลง

     



    เบาจนแทบหายไปพร้อมกับสติของผม...




    "คุณ......" เสียงของผมเงียบหายไปทั้งๆที่ยังพูดไม่จบประโยค

     

     



    ขอโทษนะ....

     

     



    และนั้นเสียงสุดท้ายที่ผมได้ยินก่อนที่โลกทั้งใบของผมกลายเป็นสีดำอีกครั้ง...






    Talk : ค่ะ จบไปแล้ว 1 ตอนใหญ่ *น้ำตาไหล* เป็นฟิคเรื่องยาวเรื่องแรกของเราที่ใช้พลังงานสูงมากเลยค่ะจากที่เป็นผู้เสพมาตลอด พอมาเป็นผู้เขียนเนี่ย โหดใช่เล่นเลยค่ะ นับถือไรเตอร์ทุกคนจริงๆ TT 

    ตอนแรกยังคงมีปริศนามากมายของตัวกระต่ายน้อย ทุกอย่างจะถูกเฉลยไว้ที่บทที่สามค่ะ (ซึ่งเป็นบทที่เรายังมีแค่หัวข้อลอยๆอยู่เลย OTL) ค่ะ ไว้เจอกันบทต่อไปนะคะ ต่อไปเป็นบทของคุณเต่าสุดหล่อล่ะ

    เจอกันค่าา



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×