ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [iKON] Lazy Story : ฟิคเรื่อยเปื่อย [Yunhyeong & Junhoe ft. DongJin]

    ลำดับตอนที่ #15 : [A] MINHO : Just Another Day

    • อัปเดตล่าสุด 20 ม.ค. 59


    20/01/2016

    MINHO : JUST ANOTHER DAY

    ---------------------------------------------




     

     

    ...ปกติแล้ว ซงมินโฮ ไม่ใช่คนขี้เซานัก...

     


    เพียงแต่วันนี้ตื่นมาตอนที่ท้องฟ้าสว่างจนตอนลืมตาขึ้นต้องกระพริบตาถี่ๆ ปรับตัวกับแสงซึ่งลอดผ่านกระจกหน้าต่างโดยไร้ผ้าม่านสีตุ่นที่มักบังแสงภายนอกไว้เสมอ แทบไม่อยากจะลุกขึ้นจากเตียงหรือแม้แต่ยกหัวขึ้นจากหมอนเพราะแค่ลองขยับเพียงนิดเดียวก็รู้สึกปวดหัวจี๊ดแล้ว

     


    ...อาการเดิมๆ ไอ้อาการหลังจากดื่มแบบคิดว่าวันพรุ่งนี้คือวันสิ้นสุดของโลก...

     


    นอนอยู่นิ่งๆ คิดว่าจะหลับต่ออีกสักนิดแต่พอสายตาเหลือบเห็นตัวเลขของนาฬิกาดิจิตอลข้างเตียงใกล้สิบห้านาฬิกาเท่านั้นล่ะจึงได้สติว่าควรตื่นจริงๆไม่งั้นคืนนี้คงจะนอนไม่หลับกัน ส่งเสียงครางในลำคอหลังจากนอนบิดขี้เกียจไปรอบที่นอนถึงได้รู้ว่าเตียงขนาดห้าฟุตในห้องเขามันกว้างผิดปกติ

     


    จะว่าไปแล้วไอ้คนร่วมห้องของเขาไปไหนหว่า?

     


    เมื่อคืนหรือว่าเมื่อเช้านะ จำได้ลางๆว่าพากันกอดคอขึ้นแท๊กซี่กลับมาที่นี่อย่างปลอดภัยแต่พอถึงห้องปุ๊บ ภาพหายแบบเทปโดนกรรไกรตัด โนว์ไอเดีย แอบชมตัวเองอยู่ในใจที่พาตัวเองมาถึงเตียงได้ นั่นล่ะ คงอยู่ที่ไหนสักแห่งในห้อง



    เออ ไม่ไกลเลยแฮะ อยู่บนพื้นข้างเตียงเนี่ย...

     


    ลุกขึ้นนั่งขณะมองสภาพคนร่วมห้องนอนแผ่ร่างกายหนาและสูงเกือบ 180 ในกางเกงบ๊อกเซอร์ตัวเดียวบนพื้นพรมโดยที่เสื้อผ้าที่ใส่เมื่อวานกระจายอยู่รอบตัว ปากอ้ากว้างเห็นคราบน้ำลายตรงมุมปาก สภาพกรังมากซึ่งไม่ต่างจากเวลานอนยามปกติ เพียงแต่ไม่มีสติมากพอจะพาตัวเองมานอนบนเตียงไม่ก็โดนเขาถีบตกลงไปพร้อมกับตุ๊กตาหมีพูห์เน่าบนอก

     

    "จีวอนอ่า ตื่นได้แล้ว"

     

    ส่งเท้าไปปลุกแทนมือเพราะคิดว่าถ้าก้มหน้าลงไปหาคงได้ไปจูบพื้นเองแน่ๆกับสติที่ยังไม่เข้าทีเข้าทาง เมื่อหนึ่งเท้ายังไม่แม้แต่จะขยับสองเท้าจึงถูกใช้แบบไม่ต้องคิด เสียงทุ้มต่ำครางมาจากในลำคอคนที่นอนอยู่ก่อนหันตัวนอนตะแคงเข้าหากำแพงยิ่งเปิดโอกาสให้ถีบลงไปตรงก้นแน่นๆได้ง่ายขึ้น ถีบกันจนรำคาญไปข้างหนึ่งอีกฝ่ายถึงได้หันกลับมาโดยที่ไม่คิดลืมตาขึ้นหรือลืมอยู่ก็ไม่รู้อยู่ดีในเมื่อตาตี่ซะขนาดนี้

     

    "จะนอนนน"

     

    "เออ นอนไป ฮยองจะเอาไอ้พูห์ไปอาบน้ำ"

     

    "ม่ายยยยยยยยยย อย่ามายุ่งกับน้องพูห์"

     

    คว้ามือตามตุ๊กตาสุดที่รักแสนเน่าที่เขาหยิบขึ้นจากเจ้าตัว ครางห้ามพร้อมกับปัดมือไปมากับวิธีที่เขาใช้ปลุกผู้ใหญ่ติดตุ๊กตาวัยยี่สิบหกเป็นประจำตลอดที่อยู่ด้วยกัน มือสีเข้มจับแขนขาวให้หยุดแกว่ง อีกมือหนึ่งยื่นตุ๊กตาไปตรงหน้าหนุ่มตาตี่และเขย่าไปมา

     

    "งั้นก็ตื่นเร็ว ไม่งั้นได้ไปเจอเจ้านี้ในอ่างล้างหน้าแน่"

     

    ยอมลุกขึ้นมานั่งตามแรงดึงของเขา แต่ก็ยังไม่ยอมขยับไปไหนแถมสีหน้ายังไม่ตื่นดีด้วย พอเข้าใจอยู่อาการเดียวกันขยับทีในหัวปั่นปวนไปหมด อย่างน้อยเห็นว่าตื่นแล้วไม่ลงไปนอนต่อเขาเลยลุกจากเตียงเข้าไปจัดการตัวเองในห้องน้ำและเดินสวนกับอีกฝ่ายที่เกาพุงอ้าปากหาวเข้าห้องน้ำต่อจากเขา

     


    รู้จักกับ คิมจีวอน มาเกือบสองปี เริ่มอยู่ด้วยกันจากปีที่แล้วเจ้าเด็กหน้ากระต่ายนั่นโดนไล่ออกมาจากหอเก่าเนื่องจากส่งเสียงดังเวลาทำเพลงรบกวนชาวบ้านชาวช่องตอนกลางคืน ไหนๆห้องเขาก็ใหญ่พอจะอยู่ได้สองคนเลยบอกให้ย้ายมาอยู่ด้วยจนกว่าจะหาที่อยู่ใหม่ได้และอนุญาติให้อีกฝ่ายไปใช้ห้องอัดของเขาได้เสมอ แต่พออยู่กันไปๆมาๆจากสถานะรุ่นพี่รุ่นน้องกลายเป็นสถานะแฟนกันแบบงงๆด้วยว่าหลังจากเมากลับมาที่ห้องกันทั้งคู่


     

    แล้วก็ เออ...นั่นล่ะ...

     


    ความจริงมันก็ไม่ได้เรียกว่าแฟนหรอกนะ พวกเขาก็ไม่ได้สวีตหวานแบบคู่รักคู่อื่นๆเท่าไร ก็อยู่กันแบบรุ่นพี่รุ่นน้องกันเหมือนเดิม ต่างฝ่ายต่างอยู่ต่างฝ่ายต่างทำงานเพราะช่วงเวลาชีวิตก็ไม่ตรงกันเท่าไร เขามักเริ่มทำงานตอนบ่ายๆเย็นๆอยู่ในห้องอัดถึงดึกข้ามคืนก็มี ฉายาโปรดิวส์เซอร์รับงานทั่วราชอาณาจักรตั้งแต่งานเพลงของวงไอดอลชื่อดัง งานเพลงโฆษณายันพวกเกมก็มี วันไหนเบื่อๆก็ยังไปแสดงร้องแร๊ปเล่นตามผับพวกเพื่อนกับรุ่นพี่ที่รู้จัก

     

    ส่วนจีวอนงานหลักคือเป็นครูฝึกสอนแร๊ปกับพวกเทรนนี่ในค่ายเพลงชื่อดัง มีทำงานเพลงใต้ดินบ้างและก็รับจ๊อบสอนแร๊ปที่โรงเรียนสอนร้องเพลงและเต้นของ คิมฮันบิน รุ่นน้องที่เขาสนิทด้วย ก็ใช้ชีวิตแบบต่างคนต่างทำสิ่งที่อยาก โทรหากันบ้างเวลาจะถามว่าจะกลับห้องหรือเปล่าหรือบางทีอีกฝ่ายก็มานอนเล่นที่ห้องอัดของเขาเป็นประจำและพูดคุยเรื่องเพลงที่เราชอบระหว่างสั่งของเข้ามากินด้วยกันซะมากกว่า

     

    เพราะเข้าใจวิถีการใช้ชีวิตของแต่ละคนจนไม่มีการก้าวก้ายและไว้ใจซึ่งกันและกันราวกับคู่รักอยู่ด้วยกันมาเป็นสิบปี มันเลยทำให้เราทั้งคู่สบายใจที่จะอยู่กันแบบนี้มากกว่าจะไปมีปัญหากับสาวสวยมาหึงหวง ส่วนไอ้เรื่องที่ต่างฝ่ายต่างจะอิ๊เอ๊าะกับสาวๆนี่อยู่กันในสายเลือด พากันไปแย่งขายขนมจีบก็มีบ่อยครั้ง สุดท้ายคนที่น่าสงสารก็เป็นสาวเจ้าเมื่อมารู้สถานะที่แท้จริงของพวกเขาทั้งคู่ให้ได้โดนตบกันไปคนล่ะทีสองทีก็บ่อยอยู่และกลับมานั่งหัวเราะพร้อมทำแผลให้กัน

     


    ...นั่นล่ะ ชีวิตธรรมดาของชายหนุ่มสองคนก็ไม่ได้มีอะไรมากมายแต่ก็มีความสุขดี...

     

    .

    .

    .

    "มองอย่างกับไม่เคยเห็น อยากหรือไง?"

     

    "เห็นบ่อยแล้วและไม่อยากด้วย แต่หลังจากนี้ก็ไม่แน่"

     

    คิมจีวอนเบ้ปากมองเขายักคิ้วส่งให้จากบนเก้าอี้ฝั่งตรงกันข้ามกับโต๊ะทานอาหาร เจ้าตัวอยู่ในเสื้อฮูทสีดำตัวโคร่งแต่ท่อนล่างยังเป็นบ็อกเซอร์ขาย้วยตัวเดิมกับเมื่อบ่ายแล้วยิ่งนั่งชันขาข้างนึงขึ้นมาขณะซดซุปรสเผ็ดร้านประจำของพวกเขาที่มินโฮสั่งมาแก้แฮงค์ ขาบ็อกเซอร์มันย้วนมากจนทำให้เห็นไปถึงไหนต่อไหนแม้มีกางเกงข้างในปิดกั้นไว้อยู่อีกชั้นแต่แค่นี้ไม่ได้ทำให้รุ่นน้องตัวแสบของเขาคิดจะระวังตัวหรอกนะในเมื่ออ้าขากว้างขึ้นกว่าเดิมอีกแม้สุดท้ายก็ยกขาลงอยู่ดีเพราะว่าเมื่อย

     

    “คืนนี้ไปไหนหรือเปล่า?”

     

    “ไม่อ่ะ ไม่มีใครชวนไปปาร์ตี้ที่ไหน ฮยองล่ะ?”

     

    “ว่างเหมือนกัน”

     

    หลังจากที่รู้ว่าต่างฝ่ายต่างว่าง สิ่งที่ทั้งคู่ควรจะทำ ไม่สิ ต้องบอกว่าต้องทำรับวันแรกของปี คือ ทำความสะอาดห้องที่รกกันมาทั้งเดือนจนข้ามปีและซักผ้าตั้งใหญ่ในตะกร้าซึ่งมีแจ๊กพอตเป็นบ๊อกเซอร์หมักหมมของจีวอนกับเขารวมกันอีกหลายตัว เพื่อแบ่งหน้าที่ให้คนนึงทำความสะอาดห้องกับอีกคนซักผ้าจึงใช้การตัดสินด้วยการเป่ายิ้งฉุบโดยต่างฝ่ายต่างหลอกล่อกันเต็มทีบอกท่าทางที่ตัวเองออก


     

    ...และโชคดีรับปีใหม่เป็นของ คิมจีวอน...

     


    Yes!!!!! I’m the Winner!!!

     

    หนึ่งชายกระโดดโลดเต้นรอบห้องก่อนจะเต้นท่า Hotline Bling อย่างมีความสุขไปรอบตัวชายอีกคนที่นั่งคุกเข่าทรุดลงไปกับพื้นเมื่อรู้ว่าคนชนะเลือกที่จะทำความสะอาดห้อง ทำอะไรไม่ได้นอกจากยอมรับชะตากรรม แยกผ้าแบ่งประเภทได้สองตะกร้าเอาลงไปเข้าเครื่องซักที่ห้องซักรีดรวมของหอพักเขาเรียกได้ว่าทิ้งกันไว้ยาวๆเลยและขึ้นมายืนทำใจกับกองบ๊อกเซอร์เน่าๆของพวกเขาทั้งคู่อยู่นานสองนานก่อนซักมันซะ

     

    “อย่ามัวโอ้เอ้ดิ เย็นจนจะมืดแล้วเนี่ย”

     

    “ฮยองๆ นี่พี่ซึงยุนใช่ป่ะ? โคตรเท่อ่ะ”

     

    แบกกาละมังใส่ผ้าทั้งหลายที่ซักเสร็จแล้วเตรียมจะไปตากที่ราวตรงระเบียงแต่ต้องหยุดมานั่งคุกเข่าตรงที่เจ้ากระต่ายนั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้นกางนิตยสารอยู่บนตักตามเสียงเรียกของเจ้าตัว ภาพโพลาลอยอยู่ในมือขาวขณะชี้นิ้วไปยังเพื่อนสนิทเขาและก็มีตัวเขายืนอยู่ข้างกันในชุดหนังกับทรงผมเอลวิสสมัยงานดนตรีตอน ม.ปลาย

     

    “ใช่ มันล่ะ สมัยนั้นสาวแม่งกรี๊ดมันตรึม เจอรูปนี้สักทีอาทิตย์ก่อนหยิบภาพอื่นมาดูนึกว่าหายไปไหนแล้ว”

     

    “เลิกเอาของใกล้มือมาขั้นหนังสือได้แล้วน่า หาอะไรไม่เคยเจอสักอย่าง”

     

    รูปภาพถูกตีแปะมาตรงหน้าผากของเขาก่อนคนตีจะหัวเราะฮี่ๆโชว์ฟันหน้าสวยสองซี่ พอเห็นคนตรงหน้าหัวเราะและส่ายหัวไปมาออกในทางล้อเลียนนิดๆแล้วอดหมั่นเขี้ยวไม่ได้ ขยี้บนลงลุ่มผมสีดำยุ่งเหยิงไม่เป็นทรงให้ยุ่งกว่าเดิมอีกก่อนรีบเดินชิงหนีไปตากผ้าหลบเท้าที่ถีบมาทางเขาเต็มๆ

     

    สุดท้ายก็ต้องมาช่วยกันทำความสะอาดห้องด้วยอยู่ดีเพราะจีวอนเอาแต่โอ้เอ้แต่ก็ไม่อยากจะโทษแค่อีกฝ่ายหรอก เขาเองก็พากันนั่งดูของที่บังเอิญเจอหรือนิตยสารเกี่ยวกับดนตรีเล่มเคยโปรดแล้วไม่ได้เปิดดูตั้งนาน กว่าจะลงไปเอาผ้าที่ซักเสร็จ(ยัด)เก็บใส่ตู้และดูดฝุ่นทำความสะอาดทั้งห้องนอนกับห้องนั่งเล่นรวมถึงล้างห้องน้ำเข็มสั้นของนาฬิกาก็ชี้ไปเลขสิบแล้ว


     

    มินโฮเสตามองผ่านประตูกระจกขณะนั่งดูรายการเพลงอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่นซึ่งคนร่วมห้องอีกคนกำลังยืนคุยโทรศัพท์อย่างออกรสกับปลายสายอยู่ตรงระเบียง ใบหน้ายิ้มแย้มอย่างมีความสุขเวลาคุยกับครอบครัวของตัวเองที่อาศัยอยู่ที่อเมริกาเป็นสิ่งหนึ่งที่มินโฮชอบในตัวแฟนของเขา คิดไม่ผิดที่เตือนอีกฝ่ายว่าโทรหาคุณแม่หรือยังเมื่อทางโน้นเองก็น่าจะตื่นแล้วด้วยเวลาที่ต่างกันสิบสี่ชั่วโมง

     

    “ก็คุยกันในห้องนี้ก็ได้ พี่ไม่รบกวนนายหรอก”

     

    ส่งเสียงแซวลูกกระต่ายหน้าอิ่มเอมที่พึ่งปิดประตูระเบียงเดินกลับเข้ามาในห้องซึ่งอีกฝ่ายก็คว่ำปากกลับมาให้แทน

     

    “ฮยองชอบทำหน้าล้อผมตอนคุยนี่หว่า แม่ฝากความคิดถึงมาด้วย ถามว่าเมื่อไรจะบินไปหาด้วยกันสักที”

     

    “ฝากบอกคุณแม่ว่าขอเวลาเก็บตังก่อนจะไปอยู่ด้วยเลย”

     

    “ไม่มีตังหรือเอาไปไว้ซื้อโมเดลการ์ตูนแต่งห้องอัดวะฮยอง”

     

    คิมจีวอนทิ้งตัวบนโซฟาลงน้ำหนักมาบนสองขายาวมินโฮที่ยืดมาเต็มพื้นที่ไม่ยอมเหลือที่ไว้ให้เขา แต่จากที่แค่เอาขากับเอวดันกันไปดันกันมา กลายเป็นว่าตอนนี้ตัวของจีวอนมาอยู่ด้านล่างของมินโฮตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ ศอกทั้งสองข้างของเขายันตัวเองไว้โดยไม่ทิ้งน้ำหนักลงมาทั้งหมด 




    ดวงตาเรียวมองประสานกับดวงตาคม 

    หน้าผากสองเราแนบชิดติดกัน

    และริมฝีปากอยู่ใกล้กันแค่คืบ...

     



    เกือบจะเป็นจูบแรกของพวกเขาทั้งคู่ในวันแรกของปี...

     


    ...ถ้าความสนใจของพวกเขาทั้งคู่ไม่ถูกดึงกลับไปด้วยเสียงแร๊ปซึ่งดังมาจากในหน้าจอด้านหน้าเสียก่อน

     



    “หู้ยยยยยย ซิโค่ฮยองโคตรเท่อ่ะ”

     

    “จีโฮฮยอง แม่งออลคิล”

     

    ลุกขึ้นมานั่งดูไลฟ์แร๊ปสเตจรายการพิเศษวันปีใหม่ของรุ่นพี่สุดที่รักของทั้งคู่ สายตาชื่นชมจับจ้องไปยังหน้าจอ ตะโกนร้องโว้วด้วยกันทั้งคู่เมื่อ วูจีโฮ รัวแร๊ปสปีดขั้นเทพพร้อมกันโยกและแร๊ปไปด้วยเมื่อถึงเพลงประจำตัวของอีกฝ่ายก่อนมินโฮจะเลิกคิ้วด้วยกับเสียงโทรศัพท์ของตัวเองที่ดังขึ้นมาขัดจังหวะและเป็นเสียงที่ตั้งไว้เป็นเฉพาะของเพื่อนสนิทตั้งแต่ม.ปลายรวมถึงเจ้าของผับเจ้าประจำของเขาอย่าง คังซึงยุน

     

    มึง ว่างป่าว? วันนี้ที่ผับกูมีจัดงานแข่งฟรีสไตล์แร๊ปแล้วแม่งขาดคนอยู่ว่ะ

     

    “สัด ไม่ชวนกูซะวันพรุ่งนี้เลยล่ะ มีอะไรเด็ดๆแม่งไม่เคยบอกกัน”

     

    กูจะไปรู้ได้ไงว่ามึงจะว่าง พ่อคนยุ่งเอ้ย มาไม่มา? เด็ดสุดคือ พี่จีโฮเป็นกรรมกา---

     


    “เขียนชื่อกูลงไปได้เลย และก็บ๊อบบี้ด้วย”

     


    ตอบกลับไปในทันทีและยักคิ้วส่งให้คนไม่รู้อิโหนอิเหน่ข้างตัวที่หันมาทำหน้ากระต่ายมองด้วยความสงสัยบวกกับยังจับใจความไม่ได้เท่าไรว่าเขากำลังคุยเรื่องอะไรกับปลายสาย เพียงแต่พอเขาชี้ไปยังหน้าจอด้านหน้าและทำปากว่าแร๊ปแบทเทิลเท่านั้นล่ะ ราวกับมองตาแล้วรู้ใจคิมจีวอนยกยิ้มมุมปากก่อนลุกขึ้นตรงเข้าไปในห้องนอนทันที

     

    หู้ยยย มาแพ็คคู่วะ เดี๋ยวจับเขียนชื่อไว้ให้คนล่ะฝั่งเลย รีบมานะเว้ย เริ่มเที่ยงคืน

     

    วางสายก่อนมองนาฬิกา ขอบคุณ ไอ้เพื่อนเวร นี่ห้าทุ่มจะครึ่งแล้วพึ่งโทรมาบอก สบถอยู่ในใจถ้าไม่ติดว่าหออยู่ใกล้ผับมันจะโทรกลับไปด่าให้ รีบเดินไปแต่งตัวกับเสื้อฮูทตัวโคร่งกางเกงฮิปฮอปกับสร้อยเส้นโตและเดินเข้าไปเสริมหล่อเมื่อจีวอนเดินออกมาจากห้องน้ำในสภาพเตรียมพร้อมไปรบแล้วความจริงแค่เพียงมาใส่กางเกงกลับข้างที่เจ้าตัวโคตรภูมิใจกับหมวกสเน็ปแบ็กบนหัวแค่นั้นล่ะ

     

    “ฮยอง ใครแพ้วันนี้เป็นคนหิ้วกลับ”

     

    “เข้าไปให้ถึงรอบชิงก่อนแล้วค่อยมาพูดกัน”

     

    ส่งคำท้าทายให้กันตั้งแต่หน้าห้องพักก่อนพากันกอดคอและหัวเราะร่าลงลิฟต์ไปเรียกแท๊กซี่ตรงไปยังสถานที่เป้าหมายของคืนนี้ ไม่ต้องคิดถึงสภาพของพวกเราทั้งคู่หลังจากพ้นคืนนี้ไป ไม่เหมือนเมื่อบ่ายก็คงแย่กว่าเดิม ยิ่งเป็นถิ่นประจำของทั้งคู่ คนคุ้นเคย กิจกรรมที่คุ้นเคย แค่คิดก็สนุกแล้ว มาดูสิใครจะได้เป็นคนหิ้วใครกลับในวันนี้ 



    สำหรับพวกเขาวันปีใหม่ก็เป็นแค่วันธรรมดาวันนึงไม่ได้ทำอะไรแปลกไปจากวันอื่นๆ

     


    ...แค่มีเราสองคนอยู่ด้วยกันและหัวเราะไปด้วยกันแค่นั้นวันธรรมดาก็เหมือนกับวันพิเศษแล้ว...





    Talk:  มันคือฟิครับปีใหม่ค่ะ.....*ดูปฏิทินแล้วมองเหม่อ* มามีไฟจบฟิคเอาช่วงนี้ล่ะค่ะ ฟิคอาจจะน่าเบื่อไปนิดนะคะในฟิคเปื่อย เพราะเราอยากเขียนอะไรที่เป็นชีวิตประจำวัน (แถมตามวัยเราด้วย OTL) ก็เรื่อยๆค่ะ คู่นี้ฟีลรุ่นพี่รุ่นน้องที่มีสถานะแฟนไปงั้นอ่ะค่ะ แต่รับรู้ว่ามีและก็รักกันดีค่ะ เป็นคู่ที่อยากเขียนมานานละและน่าจะมาแค่เรื่องเดียวด้วย โถ่ๆๆๆๆๆ เรื่องหน้าเราก็จะกลับมาสู่คู่หลักกันค่ะ เด็กน้อยของเราควรจะได้คืนร่างสักที ฮ่าๆๆๆ ไว้เจอกันเรื่องหน้านะคะ



    #ฟิคเปื่อย


     

     

     

     

    (C) ELIZILE
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×