คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : [B] YUNHYEONG : First Meet
14/11/2015
---------------------------------------------
...ซงยุนฮยอง กำลังรู้สึกกังวล...
ปกติเขาเป็นคนพูดเก่งเข้ากับคนได้ทุกเพศทุกวัยไม่ว่าจะเด็กน้อยตัวเล็กหรือผู้ใหญ่สูงอายุ
ราวกับมีออร่าความเป็นมิตรเคลือบตัวไว้ยามเข้าใกล้ แต่ครั้งนี้แอบคิดว่าออร่าของเขาจะใช้ได้ผลไหมนะ
...ในเมื่อเป็นครั้งแรกที่เขาจะได้เจอครอบครัวของจุนฮเว...
หลังจากตกลงปลงใจหรืออาจจะเพราะเขาบังคับ
แต่ กูจุนฮเว ก็ยอมย้ายจากหอพักของตัวเองมาอยู่ด้วยกัน
ปลุกตั้งแต่เช้ากว่าจะลากออกจากเตียงยากยิ่งกว่าปลุกเด็กห้าขวบไปเรียน แต่วันนี้เป็นวันดีเขาจะไม่บ่นอีกฝ่าย
เก็บของทำความสะอาดห้องของจุนฮเวไม่นานก็โบกมือลาหอพักที่ไว้หลับนอนมาตลอดหนึ่งปี
ขับรถกลับมาเก็บและจัดของในห้องของเขาจนบ่ายแก่ๆซึ่งตอนนี้กลายเป็นห้องของเราโดยสมบูรณ์
นับจากวันนี้จะได้อยู่ร่วมกัน
นอนเตียงเดียวกัน กินอาหารเช้าพร้อมกัน เพียงแต่คำถามเดียวทำให้ฝันหวานของเขาในวันนี้สะดุดเล็กน้อย
"พี่จะขนฟูกกับราวตากผ้าไปเก็บที่ห้องของผมวันนี้เลยไหม? ผมจะได้โทรบอกแม่ว่าจะกลับไป"
คบกันมาเกือบครึ่งปีเขายังไม่เคยไปบ้านหรือเจอหน้าคนในครอบครัวของจุนฮเวเลยสักครั้ง
รู้แค่ว่าห้องขอครอบครัวกูอยู่บนคอนโดห่างจากที่นี่ไกลอยู่
พี่สาวแต่งงานแล้วตอนนี้อยู่บ้านของสามี
ที่ห้องจึงเหลือแค่คุณพ่อคุณแม่กับน้องหมาหนึ่งตัวและครอบครัวของจุนฮเวรับรู้ว่าเขาเป็นแฟนของลูกชายคนเดียวของบ้าน
จินตนาการไปตลอดทางระหว่างขับรถ
หวังว่าพ่อแม่ของจุนฮเวคงไม่ต่างจากพ่อแม่ของเขา
คนที่บ้านเขารักจุนฮเวราวกับลูกชายอีกคนถึงแม้จะพูดน้อยไปหน่อยเพราะยังไม่คุ้นเคยแต่ท่าทางการกินทุกอย่างที่แม่เขาทำไว้บนโต๊ะอย่างเอร็ดอร่อยสร้างความประทับให้กับครอบครัวเขาอย่างดี
มิวายยังชวนให้แฟนเขาไปกินข้าวที่บ้านทุกอาทิตย์หรืออย่างน้อยเดือนละครั้ง
"ไปไรวะพี่ นั่งเงียบมาตลอดทาง วันนี้ต้องรีบทำงานส่งหรือเปล่า?"
นิ่งเงียบจนผิดสังเกตุ
เงียบขนาดคนที่ไม่ค่อยสนใจอะไรอย่างจุนฮเวยังรู้สึกแปลกไป
"เปล่าๆ คิดอะไรเรื่อยเปื่อยนิดหน่อย ตึกตรงหน้านั่นใช่ไหม?"
กลืนน้ำลายด้วยความยากลำบากพลางมองอีกฝ่ายกดรหัสเข้าห้องอย่างชำนาญ
ในใจเต้นรัวอย่างตีกลอง
นี่ไม่ได้กำลังจะไปสมัครงานหรืออะไรสักหน่อยทำไมตื่นเต้นขนาดนี้หว่า
รู้สึกเครียดจนเสาเหล็กของราวตากผ้าที่กำไว้ชื้นไปด้วยเหงื่อ
"แม่ผมกลับมาแล้ว"
น้ำเสียงดีใจของเด็กได้กลับบ้านเรียกหาคุณแม่ของตัวเองหลังจากเจ้าตัวถอดรองเท้าและเดินเข้ามาโดยไม่รอเขาสักนิด
เออ สนใจเขาสักหน่อยก็ดีนะ ลืมไปไหมว่าเขาไม่เคยมาที่นี่
ได้แต่เดินตามเข้ามาพร้อมกับยกราวตาผ้าอย่างทุลักทุเล
"ว่าไงเจ้าลูกชาย"
หญิงวัยประมาณสี่สิบกว่ายังคงสวยไม่สร่างยกยิ้มที่ไม่ต่างจากลูกชายของบ้านทักด้วยเสียงหวานก่อนคุณลูกชายจะโน้มหัวลงมาตามมือทั้งสองข้างของคุณแม่
จูบลงตรงปากด้วยรอยยิ้มกว้างจนเขาแปลกใจว่าอีกฝ่ายมีมุมน่ารักๆแบบนี้อยู่เหมือนกัน
...ไม่ใช่อะไรหรอกจะจำไว้เพื่อวันหลังเอาไปใช้บ้าง...
"แล้วนี่ยุนฮยองสินะ ดูหล่อเหมือนในรูปเลยนะ"
เป้าสายตาเปลี่ยนมาเป็นตัวเขาจึงทำได้แต่ก้มหัวทำความเคารพคนตรงหน้า
"อ่อ...ขอบคุณครับ ผมซงยุนฮยองแฟนของจุนฮเวครับ
เออ...ขอบคุณที่เลี้ยงจุนฮเวจนโตและแข็งแรงขนาดนี้นะครับ"
ดวงตาของคุณแม่ของจุนฮเวโตขึ้นด้วยความประหลาดใจกับท่าทางและน้ำเสียงจริงจังของเขาก่อนหัวเราะออกมา
ต่างกับคุณลูกชายกลอกตาแล้วบ่นด้วยน้ำเสียงหน่าย
"พี่พูดอะไรของพี่เนี่ย"
"ทั้งสองคนนั่งดูทีวีที่ห้องนั่งเล่นไปก่อนนะ อยู่รอทานข้าวด้วยกันก่อนกลับ
วันนี้แม่ทำแกงเต้าหู้ของโปรดของจุนฮเวไว้เยอะเลย ไว้เอากลับไปกินที่ห้องด้วยล่ะ"
ได้ยินเช่นนั้นจุนฮเวยกยิ้มก่อนตรงเข้าไปหอมแก้มคุณแม่ฟอดใหญ่ให้คุณแม่บ่นเล่นว่าทำตัวขี้อ้อนแต่เรื่องของกินตลอด
ยุนฮยองหลุดหัวเราะอย่างสะใจกับสิ่งที่เขาเองก็เจอจนได้รับสายตาขวางกับการเดินชนแทนคำพูดว่าหยุดหัวเราะได้แล้ว
อีกฝ่ายหยิบฟูกไปกองไว้ตรงมุมห้องนั่งเล่นและรับราวตากผ้าจากเขาไปวางพิงกำแพงอยู่ข้างกันถึงรับรู้ถึงความว่างเปล่าจากเบาะผ้าผืนใหญ่สีตุ่นบนพื้นห้อง
"แม่เจ้าโกปังไปไหนอ่ะ?"
"พ่อพาไปเดินเล่นเดี๋ยวก็คงกลับมาล่ะ นั่นไงพูดถึงก็มาเลย"
เสียงกดรหัสเข้าห้องและประตูห้องถูกเปิดออก
จุนฮเวเดินตรงไปหน้าประตูอย่างไม่รอช้า น้ำเสียงร่าเริงของอีกฝ่ายทักเจ้าโกปังทำให้เขาเดินตามไปยังหน้าประตูเช่นกัน
"โกปังงงงง เจ้าหมาอ้วน ตัวใหญ่ขึ้นอีกใช่ไหม?"
"โฮ่ง!"
ภาพของกูจุนฮเวนั่งคุกเข่าฟัดแก้มเจ้าหมาไปมาดูน่ารักและหายากจนอยากจะถ่ายรูปเก็บไว้
เพียงแต่ยุนฮยองมัวแต่ยืนอึ้งกับน้องหมาของครอบครัวซึ่งไม่ได้ตรงกับในความคิดของเขาแม้แต่นิดเดียว
เขาคิดว่าอยู่พักอยู่บนคอนโดน่าจะเลี้ยงสุนัขพันธุ์เล็กอย่างชิสุหรือมอทิส
...นี่มันโกลเด้นรีทีฟเวอร์ตัวสูงเกือบครึ่งตัวเขาด้วยซ้ำ...
"หวอออ"
เจ้าหมาที่เห็นคนแปลกหน้าแทนที่จะเห่าเสียงดังแต่กลายเป็นว่าละตัวออกจาอ้อมกอดของจุนฮเวพุ่งเข้าหาเขาแทนเรียกได้ว่าเข้าชาจแบบไม่ทันรู้ตัว
หางส่ายไปมาอย่างร่าเริงสุดๆพยายามตะกายใส่เขาเต็มทีจะจนเขาเองเนี่ยล่ะที่ต้องเดินไปหลบหลังจุนฮเวให้อีกฝ่ายเลิกคิ้วอย่างสงสัย
"ไม่ยักก็รู้ว่าพี่กลัวหมา"
"ไม่กลัวหรอก...แค่ไม่เคยเล่นกับหมาตัวใหญ่ขนาดนี้เลยตกใจอยู่
จะว่าไปเขาให้เลี้ยงหมาตัวใหญ่ได้ด้วยหรอ?"
“ได้นะ
ถ้าไม่สร้างปัญญากับเพื่อนบ้าน ก็อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เป็นลูกหมา
อีกอย่างเจ้านี่มันเห่าใครไม่เป็นหรอก ร่าเริงกับเข้ากับคนง่ายเป็นบ้า”
“เออ
อย่างนี้ก---“
“อ่า
คุณทำไมซื้อโซจูมาเยอะขนาดนี้”
“ก็วันนี้มีแขกไม่ใช่หรือไง”
เสียงของคุณแม่ของจุนฮเวทักอย่างแปลกใจกับของในถุงสีดำบนโต๊ะทานอาหารที่ชายวัยกลางคนอีกคนใบหน้านิ่งเรียบไม่ต่างอะไรจากเวลาลูกชายของบ้านเวลาอยู่เฉยวางไว้
มัวแต่สนใจกับโดนเจ้าหมาประจำบ้านโจมตีจนลืมอีกคนที่ใช้จังหวะเขาเผลอเดินผ่านพวกเขาสองคนเข้าห้องไปเสียสนิทแถมเป็นคนสำคัญด้วย
ได้แต่ยกยิ้มเจื่อนๆอย่างรู้สึกผิดและก้มหัวทำความเคารพเกือบเก้าสิบองศา
"ขอโทษนะครับที่ไม่ทักเมื่อสักครู่ ผมซงยุนฮยองแฟนของจุนฮเวครับ"
"อ่า...อืม..."
ตอบรับเพียงแค่นั้นก่อนความเงียบก็เข้างำบริเวณนี้และอีกฝ่ายเดินออกจากห้องครัวไป
นั่งลงบนโซฟาที่ห้องนั่งเล่น ดูท่าออร่าความเป็นมิตรของเขาจะใช้ไม่ได้ผลซะแล้ว
อีกอย่างเป็นความผิดพลาดของตัวเองด้วยล่ะ งานนี้ไม่ต้องโทษใครเลยครับ
โทษตัวเองล้วนๆ
...เหลืออีกสองชีวิตที่ต้องผูกมิตรจะไปรอดไหมเนี่ยซงยุนฮยองเอ้ย...
.
.
.
"ยุนฮยองก็ทำอาหาเก่งเหมือนกันนะ เป็นลูกมือแม่สบายๆเลย ดีกว่าลูกชายแม่ที่กินเป็นอย่างเดียว”
"อ่า ขอบคุณครับ พอดีผมเองก็ช่วยที่บ้านทำงานบ้าง
แต่อย่าปล่อยให้จุนฮเวเข้าครัวเลยครับ อาจจะมีคนตายได้"
“พี่เนี่ยล่ะจะตายคนแรก”
เจ้าเด็กที่โดนพาดพิงเบ้ปากก่อนจะกินข้าวพร้อมกับในช้อนตัวเองคำโต
บทสนสนาบนโต๊ะอาหารเป็นคุณแม่ของจุนฮเวถามเขาซะส่วนใหญ่เกี่ยวกับตัวเขาบ้างหรือเกี่ยวกับจุนฮเวว่าไปสร้างความเดือดร้อนอะไรให้เขาบ้างไหมร่วมถึงเล่าเรื่องสมัยเด็กของอีกฝ่ายให้คุณลูกชายต้องเงยหน้าจากชามแกงส่วนตัวพูดแก้ตัวในทันที
“แล้วงานเป็นไงบ้างลูก?”
“ยังเรื่อยๆ งานสอนที่โรงเรียนก็ยังดี
งานไกด์เสียงพี่มิโนก็มีมาเรื่อยๆ มีเงินอยู่กินได้สบาย
อีกอย่างย้ายไปอยู่คอนโดแล้วไม่ต้องจ่ายค่าห้องยิ่งดีไปใหญ่”
“ไปอยู่กับพี่เขาก็ต้องช่วยพี่เขาออกค่ากินค่าอยู่ด้วยสิลูก”
คุณแม่ถึงกับส่ายหัวกับความงกของลูกชายตัวเองทำให้เขาต้องรีบชิงพูดขึ้นมาเสียก่อน
“ไม่เป็นไรครับ
ผมเองก็มีรายได้พอจ่ายทั้งค่าคอนโดและค่ากินค่าอยู่ของทั้งสองคน”
“ก็ให้จุนฮเวจ่ายค่าน้ำค่าไฟแทน
คงพอใช่ไหม?”
“ถ้าแบบนั้นก็ได้ครับ
อ่า...ขอบคุณครับ”
ยกแก้วใบเล็กของตัวเองด้วยสองมือขึ้นมารับเครื่องดื่มแอลกอฮอลจากขวดแก้วในมือของคุณพ่อจุนฮเวหลังจากตอบรับข้อตกลงกับอีกฝ่าย
หันหน้าไปด้านข้างก่อนกระดกจนหมดแก้ว คุณพ่อไม่ค่อยพูดหรือถามอะไรเกี่ยวกับตัวเขาจะถามแต่กับจุนฮเวซะมากกว่ากับนั่งฟังพวกเขาคุยกันพลางดื่มโซจูไปด้วย
ถึงเขาจะดื่มไปหลายแก้วความจริงต้องบอกว่าหลายขวด
คุณพ่อของจุนฮเวเติมแก้วเขาไม่มีพร่อง จะไม่ดื่มก็เสียมารยาท
ขอบคุณความคอแข็งและประสบการณ์อันโชกโชนสมัยเรียนมหาลัยล้วนๆแค่นี้ยังไม่ถึงจุดอิ่มแต่พอให้มึนเล็กน้อยทำให้เขาคุณแม่ของจุนฮเวขอให้ค้างที่นี่ถึงเขาและจุนฮเวจะบอกด้วยกันทั้งคู่ว่าเขายังขับรถไหว
...สุดท้ายจบลงที่คุณแม่เอาแกงเต้าหู้มาขู่ว่าถ้ากลับไม่ให้เนี่ยล่ะคุณลูกชายถึงตอบตกลงในทันที...
ซงยุนฮยองนั่งจุมปุกอยู่บนโซฟาด้วยเสื้อยืดและกางเกงขาสั้นของจุนฮเวหลังจากอาบน้ำเสร็จ
ปล่อยให้เจ้าโกปังตรงเข้ามาหาและเอาคางเกยกับตักเขา
สองมือเขาลูบหัวมันเรื่อยๆสร้างความคุ้นเคย
ก่อนเขาจะลงมานั่งกับพื้นเริ่มกอดฟัดกับเจ้าหมาตัวไม่น้อยที่ตอนนี้ไม่รู้สึกกลัวมันแล้ว
...เพียงแต่ต้องชะงักเมื่อคุณพ่อของจุนฮเวเดินมานั่งบนโซฟา...
“ไม่ต้องลุกไปไหนหรอก
พ่อมีเรื่องจะคุยกับเรา”
นั่งลงข้างอีกฝ่ายจากที่ตอนแรกว่าจะลุกไปห้องของจุนฮเว
เจ้าโกปังยกหัวเกยขึ้นตักเขาอย่างเช่นตอนแรกเพียงแต่อยู่นิ่งสงบราวกับรู้ถึงบรรยากาศตึงเครียดเข้าปกคลุมเช่นเดียวกับตัวเขาเองนิ่งเงียบรอให้อีกฝ่ายพูดก่อน
“คงรู้ใช่ไหมว่าสังคมสมัยนี้ก็ไม่ได้ยอมรับคู่รักเพศเดียวกันไปซะทุกคน
จะแน่ใจแค่ไหนว่าจะอยู่กันไปโดยที่ไม่เจอปัญหาให้เลิกรากันไปซะก่อน”
นั่นไงล่ะ...คำถามที่เขาคิดไว้เสมอว่าสักวันต้องมีใครถามเขา
นี่เป็นคุณพ่อของแฟนเขายิ่งทำให้คิดหนักเข้าไปใหญ่ แต่ในใจเขาพอมีคำตอบอยู่แล้ว
"ความจริง...ผมเองก็เริ่มคิดตั้งแต่ตอนผมคบกับจุนฮเว ผมเองไม่รู้จะขอบคุณอีกฝ่ายยังไงดีการตอบรับความรักของผมนั่นทำให้ผมอยากจะรักษาความรักของเราไว้ให้ดีที่สุด...
...ผมไม่คงไม่ขอสัญญาว่าจะอยู่กับจุนฮเวตลอดไปเพราะผมเองก็ไม่สามารถรู้ได้ว่าในอนาคตจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
แต่ผมสัญญาว่า ณ ตอนนี้ เวลานี้ แต่วันต่อๆไป ผมจะทำให้เราทั้งคู่มีความสุขให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้...
...การทำให้เขายิ้มคือความสุขของผมและผมหวังว่าจะทำให้เขายิ้มได้แบบนี้ไปเรื่อยๆเช่นกันครับ"
สายตามมุ่งมั่นและน้ำเสียงจริงจังตอบกลับไปอย่างจริงใจ
ชายวัยกลางคนถอนหายใจหนึ่งทีก่อนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
"ตอนแรกพ่อเองก็ตกใจกับการที่จุนฮเวมาบอกว่ามีแฟนเป็นผู้ชาย ลูกชายพ่อบอกว่านี่คือสิ่งที่เขาเลือกคงไม่ขอให้ยอมรับ
เพียงแต่ยังไงก็อยากให้พ่อกับแม่รับรู้ในสิ่งที่ตัวเขาเป็น
นั่นล่ะพ่อกับแม่ตามใจและสนับสนุนทุกอย่างที่จุนฮเวเลือกมาตั้งแต่เด็กและการที่เจ้าตัวพูดออกมาเองด้วยความมุ่งมั่นพ่อเองก็ไม่อยากจะขัด
ยังไงซะชีวิตของตัวเองก็ต้องเรียนรู้และก้าวผ่านไปด้วยตัวเอง..."
"...ในเมื่อยุนฮยองเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตจุนฮเวแล้วเพราะฉะนั้นจากนี้ไปก็ขอฝากลูกชายของพ่อด้วย
เจ้านั้นเป็นดูภายนอกเป็นคนหัวแข็งไม่ค่อยยอมใคร
แต่ความจริงแล้วเป็นคนจิตใจอ่อนโยน ค่อยๆเรียนรู้กันและกัน ค่อยๆใช้ชีวิตไปด้วยกันและมีความสุขไปด้วยกันจนถึงวันนั้นล่ะ"
"ขอบคุณมากครับ ผมเองก็จะดูแลเขาให้ดีที่สุดเหมือนกัน
ขอฝากตัวกับคุณพ่อเช่นกันครับ"
รอยยิ้มอย่างอบอุ่นและมือที่ตบลงมาตรงไหล่ของยุนฮยองทำให้เขานึกถึงเวลาปรึกษาปัญญากับพ่อของเขา
พ่อแม่ก็หวังว่าจะให้ลูกขอตัวเองได้มีความสุขและใช้ชีวิตต่อไปอย่างมั่นคง
โกปังยกหัวขึ้นจากตักของเขาก่อนเดินทางห้องครัวและนั่งลงหยุดอยู่ตรงทางเดินแล่บลิ้นราวกับกำลังรอใครสักคนซึ่งคุณพ่อดูท่าจะรู้ว่าใครกำลังเดินมาถึงได้พูดขึ้นอย่างลอยๆและเสียงดัง
"อีกอย่างนะ
มีใครบางคนโทรมาบอกให้พ่อทำหน้าตาขึงขังต้อนรับแขกซึ่งพ่อเองก็เหนื่อยล่ะ
ไว้วันหลังพาพ่อกับแม่ไปร้านที่บ้านเราบ้างนะ พ่อไปนอนล่ะ"
มองเจ้าเด็กตัวสูงเดินเช็ดผมเข้ามาพร้อมกับเจ้าหมาตัวใหญ่
กอดพ่อของตัวเองพลางบ่นอุบอิบให้คุณพ่อเขกหัวไปทีนึงก่อนอีกฝ่ายจะไปนอน
ส่วนเขาก็ได้แต่ยกยิ้มกริ่มทำหน้าล้อเลียนให้แฟนของตัวเองเบ้ปากใส่พลางลากเขาให้ไปนอนเช่นกัน
"จะไม่นอนด้วยกันจริงอ่ะ?"
"เตียงโคตรแคบจะนอนด้วยกันทำไม ผมไม่อยากโดนพี่ถีบตกเตียงหรอก"
"โหยยย
จะทิ้งให้พี่นอนในห้องนายคนเดียวกับโปสเตอร์ไมเคิลแจ๊กสันเนี่ยนะ"
เพราะว่าเตียงที่ห้องนอนของจุนฮเวนอนคนเดียวได้สบายๆแต่กับผู้ชายสองออกจะเบียดเกินไป
เจ้าของห้องเลยตัดสินใจจะไปนอนที่ห้องของพี่สาวและทิ้งให้แขกของบ้านนอนกับซีดี หนังสือเกี่ยวกับดนตรีและภาษาอังกฤษบนชั้นกับโปสเตอร์ไมเคิลแจ็กสันเต็มกำแพงห้อง
"กอดหมอนข้างไปซะ อีกอย่างเดี๋ยวก็จะได้นอนด้วยกันทุกวันแล้วจะเอาอะไรอีก"
"แสดงว่านายอยากนอนกับพี่ทุกวันอยู่แล้วใช่ไหม?"
เปิดประเดนมาเขาถึงกลับตอบกลับไปอย่างรวดเร็ว
ณ เวลานี้ในสายตาของกูจุนฮเวคงกำลังเห็นซงยุนฮยองหูตั้งหางกระดิ๊กไม่ต่างกับเจ้าโกปังเวลาเห็นขนม
อีกฝ่ายได้แต่กลอกตาเหมือนกับทุกทีที่พูดอะไรออกไปแล้วพลาดท่าและจับหมอนข้างปาใส่ตัวเขา
"คิดไปเองทั้งนั้น นอนซะ"
“มาจุ๊บๆก่อนเร็ว”
“พี่ไม่ใช่แม่ของผม
อย่—“
เพราะไม่ใช่คุณแม่ของจุนฮเว
เพราะฉะนั้นการใช้สองมือโน้มหัวเด็กตัวสูงกว่าให้ลงมารับจูบแสนหวานคงเป็นสไตล์ของซงยุนฮยอง
นั่นมีจูบตอบกลับมาด้วย ชอบล่ะสิท่า...
"ไปนอนไป ฝันถึงพี่ด้วยล่ะจุนฮเว"
"ฝันไปเถอะ"
มองอีกฝ่ายเดินตรงไปยังประตูห้องพร้อมปิดไฟให้เรียบร้อยก่อนเขาเองจะล้มตัวลงนอนเช่นกัน
ถึงวันนี้จะจบลงที่ยังต้องนอนแยกกันแต่การได้รับการยอมรับจากคนในครอบครัวของจุนฮเวนั่นถือว่าเป็นเรื่องที่ทำให้เขาฝันดีในคืนนี้ได้อยู่
อย่างว่ายังมีพรุ่งนี้ มะรืนนี้ อาทิตย์นี้ และวันต่อๆไปตราบใดที่เรายังอยู่ด้วยกัน
เราก็จะได้นอนอยู่ข้างกัน...
...อืม แต่แค่ข้างกันคงไม่พอ
ขอโลภอีกนิดเป็นเขานอนกอดอีกฝ่ายแล้วกันนะ...
Talk: ความจริงเป็นพล็อตที่คิดไว้นานแล้วเหมือนกัน
พอรีไรต์ฟิคสองเรื่องก่อนแล้วเหตุการณ์นี้มันต่อกันพอดีเลยเอามาลงต่อเลยแล้วกัน ฟิคเปื่อยนี่เปื่อยสมชื่อเลยเขียนเรื่อยเปื่อยมากดูไม่มีอะไรเท่าไร
เรื่อยๆจริงๆ แต่สนุกนะ สนุกตรงไปเรื่อยๆเนี่ยล่ะ คู่นี้เขาชีวิตดีกินดีอยู่ดีค่ะ
-..- ไว้เจอกันตอนหน้านะคะ
#ฟิคเปื่อย
ความคิดเห็น