คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #20 : [SF] Forget Me Not [Bobby X Yunhyeon]
Title: Forget Me Not
Status: SF
Pairing: Bobby X Yunhyeong
***คำเตือน เป็นฟิคทารุณ โหดและเลือดสาดในระดับนึง ไม่สันทัดแนวนี้ปิดไปก่อนนะคะ***
...ปิ๊ป ปิ๊ป...
กดสวิสซ์ล๊อกรถเมอร์เซเดสเบนซ์สีเงินเมทัลลิกประจำตำแหน่ง ส่องกระจกรถดูความเรียบร้อยของตัวเอง เนคไทและเสื้อเชิ้ตสีขาวไม่มีรอยเปื้อน ยกข้อมือขึ้นมาดมกลิ่นน้ำหอมสปอร์ตแบบผู้ชาย สำรวจดูใบหน้าของตัวเอง แก้มทั้งสอง สันกรามและริมฝีปาก
...ว่าไม่มีร่องรอดใดจากผู้หญิงเมื่อหัวค่ำเหลือติดตัว...
ชีวิตของคิมจีวอน หรือ บ๊อบบี้ หนุ่มนักธุรกิจวัยยี่สิบแปดปี สมบูรณ์แบบไปหมดทุกอย่าง หน้าที่การงาน หน้าตาทางสังคม เงินทอง
จะเหลือแค่ชีวิตรักซึ่งตอนนี้มันแสนจืดชืดเสียนี่กระไร
สามปีกับชีวิตคู่กับซงยุนฮยองในช่วงแรกเขาพูดได้ว่าความสุขมาก ครั้งแรกเมื่อเขาได้เจออีกฝ่ายตอนมาสัมภาษณ์ตัวเองลงนิตยสารธุรกิจ จำได้ว่าตัวเองตื่นเต้นกับการมองเจ้าของใบหน้าหวานและริมฝีปากสีแดงอวบอิ่มมากกว่าคำถามที่ถูกเตรียมมาเพื่อล้วงเขาอย่างหมดไส้หมดพุงและกลับควักหัวใจของตัวมอบให้อีกฝ่ายอย่างเต็มใจ
บ๊อบบี้นั้นชอบความท้าทายกว่าจะได้หัวใจของซงยุนฮยองมาครอบครองช่างแสนลำบาก แต่พอได้มันมาชื่นชมอย่างพอใจกลับรู้สึกหน่ายไปตามกาลเวลา
ส่วนชีวิตของซงยุนฮยองในตอนนี้มันช่างน่าเบื่อในสายตาของบ๊อบบี้ หลังจากเป็นนักเขียนในนิตยสารรายสัปดาห์ใช้ชีวิตอันวุ่นวายในแต่ล่ะอาทิตย์ให้เขาตามเอาอกเอาใจ พอมาเป็นนักเขียนนิยายเก็บตัวอยู่ในห้องพักขนาดหนึ่งห้องนอนสองห้องน้ำของเขา ตื่นนอนมาก็เจอกลับมาจากทำงานก็เจอ และไม่อยากออกไปไหนเวลาเขาชวนนอกจากไปซื้อของเข้าห้อง
อีกฝ่ายยังคงดูแลเขาอย่างดี ทำงานบ้าน ทำอาหารให้เขาตอนเช้าและเย็น แต่ใช้เวลากับหน้าจอโน๊ตบุ๊กพิมพ์บางอย่างซึ่งเขาไม่เคยได้อ่านและไม่สนใจอยากอ่านเป็นเวลาหลายชั่วโมงต่อวัน บางครั้งเขากลับมาอีกฝ่ายยังไม่นอนด้วยซ้ำ ซึ่งกลายเป็นเขาเองเนี่ยล่ะที่เบื่อแทนกับการใช้ชีวิตของอีกคน
เป็นเวลาเกือบหนึ่งปีที่เขาใช้ชีวิตหลบหน้าอีกฝ่ายโดยใช้สิ่งที่เรียกว่างานเป็นข้ออ้าง รีบออกไปทำงานก่อนยุนฮยองตื่น กลับดึกอ้างว่ามีงานค้างบ้าง เลี้ยงลูกค้าบ้าง เสาร์อาทิตย์อาจจะมีสัมมนา แต่ความเป็นจริงเขากำลังอยู่กับใครสักคนและทำกิจกรรมสนุกสนานด้วยกัน
ถามว่าทำไมเขาไม่เลิกกับยุนฮยองไปเลยล่ะ นั่นคือความท้าทายกับคิมบ๊อบบี้ คนมีเจ้าของแล้วแต่กลับไปหาคนอื่นอีกและคนเหล่านั้นมักชอบคนมีพันธะ การใช้ชีวิตแบบนี้มันสนุกจะตายและยุนฮยองไม่เคยรู้อะไรเลย คงเป็นเพราะเขาจัดการตัวเองอย่างดีไม่ให้อีกฝ่ายจับได้ด้วย จนจินฮวานพี่ชายคนสนิทพูดกับเขาติดตลก
‘ถ้าอีกฝ่ายจับได้ ระวังจะตายศพไม่สวยล่ะ’
คิดว่าเขากลัวหรือไง? คนอย่างซงยุนฮยองแค่พูดจาหวาดล้อมนิดหน่อยก็เชื่อเขาไปหมดทุกอย่างแล้ว
เปิดประตูจากที่จอดรถเข้ามาส่วนห้องโถง รอลิฟต์ลงมา ประตูลิฟต์เปิดออกพร้อมใบหน้าอันคุ้นเคยจากในนั้น
“อ้าว ฮันบินมาทำอะไรแถวนี้ มาหายุนฮยองหรอ?”
“เปล่าครับ พอดีมีธุระนิดหน่อยครับ ผมไปก่อนนะพี่บ๊อบบี้”
ส่ายหัวให้กับอีกคนซึ่งรีบเดินสวนเขาไปอย่างรีบร้อน คิมฮันบินรุ่นน้องของยุนฮยองและเป็นช่างภาพ คงมาทำข่าวแถวนี้ล่ะมั้ง เขาเดินเข้าลิฟต์อย่างไม่สนใจ กดปุ่มขึ้นมาชั้นยี่สิบ ก้าวขาจนมาถึงหน้าประตูห้องของตัวเองเตรียมกดรหัสเข้าห้อง
...ก่อนสติของบ๊อบบี้จะวูบลง....
เสียงครางออกจากลำคอ ความเจ็บปวดบริเวณด้านหลังของศีรษะเป็นสิ่งแรกบ๊อบบี้รู้สึกได้หลังจากตื่นขึ้นมา ลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ แขนของเขาถูกไขว่ไว้กับหลังเก้าอี้ พยายามขยับมือแต่ถูกพันธนาการด้วยอะไรสักอย่างซึ่งอาจจะเป็นกุญแจมือเพราะเขาได้ยินเสียงโซ่กระทบกัน
เขาขยับตัวจะลุกขึ้นแต่ลำตัวและขาของเขาถูกมัดติดกับเก้าอี้ด้วยเทปสีเทา เหงื่อเริ่มซึมออกมาตามไรผม พยายามจะตั้งสติว่าเกิดอะไรขึ้น สำรวจทุกอย่างรอบตัวแต่ไม่สามารถซ่อนสายตาแห่งความกังวลผ่านดวงตาคู่เรียวไว้ได้
...ที่นี่คือห้องของเขากับยุนฮยองไม่ผิดแน่ๆ...
ห้องนั่งเล่นถูกเปลี่ยนเป็นห้องทานอาหารแสงไฟสลัวกว่าปกติ โต๊ะด้านหน้าเขาถูกปูด้วยผ้าสีดำ เปลวไฟเทียนเล็กบนโต๊ะวูบไหวไปกับลมจากเครื่องปรับอากาศ เก้าอี้ตรงข้ามเขาว่างเปล่า ไร้ซึ่งสัญญาณคนร่วมห้องอีกคน ก้มมองตัวเองสังเกตุว่าเสื้อเชิ้ตสีขาวที่ใส่ไปทำงานวันนี้ถูกเปลี่ยนเป็นเสื้อเชิ้ตสีดำผูกด้วยไทด์สีดำสลับเทา ถ้าจำไม่ผิดเป็นของที่ยุนฮยองซื้อให้เขา จมูกได้กลิ่นหอมลอยมาจากในห้องครัวแต่เขาไม่สามารถหันไปดูได้ว่าใครกำลังทำอะไรอยู่
"ยุนฮยอง?"
ไม่มีเสียงตอบรับใดมาจากในห้องครัว บ๊อบบี้เริ่มสติแตกเล็กน้อยเหงื่อซึมออกมาจากฝ่ามือ สภาพเขาตอนนี้เหมือนเหยื่อในหนังฆาตกรรมในหนัง ซึ่งไม่รู้ว่าฆาตกรอยู่ไหน ทำอะไร และจะฆ่าเขาตอนไหน
นั่งรอโดยไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน จนรู้สึกถึงเงาใครบางคนตรงหางตา เงยหน้าขึ้นมาดูก่อนถอนหายใจอย่างโล่งอก
"ยุนฮยองอ่า ตกใจหมดเลย"
ส่งยิ้มกว้างให้อีกคนซึ่งเดินมาตรงโต๊ะอย่างกล้าๆกลัวๆ ถึงโล่งอกรู้ว่าเป็นใครแต่สถานการณ์ตอนนี้ยังรู้สึกวางใจอะไรไม่ได้
"ตื่นมาได้เวลาอาหารพอดีเลยนะบ๊อบบี้"
รอยยิ้มหวานที่คอยยิ้มให้เขาเสมอส่งมาให้เขาเหมือนเคย ยุนฮยองใส่เสื้อไหมพรมแขนยาวปิดคอสีขาวซึ่งต่างจากปกติที่ยุนฮยองใส่แต่เสื้อผ้าสีเทา วางจานสเต็กเนื้อของโปรดของเขาลงตรงหน้า กลิ่นหอมลอยเข้าจมูก บ๊อบบี้กลืนน้ำลายลงอย่างฝืดคอ
"ยุนฮยองเล่นอะไรเนี่ย? มัดฉันไว้แน่นกับเก้าอี้ซะขนาดนี้แก้มัดให้ก่อนดีกว่าไหม?"
พยายามยิ้มโชว์ฟันสวยของตัวเองทำสีหน้าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เวลานี้การพูดจาหวาดล้อมและนุ่มนวลเป็นสิ่งเดียวที่บ๊อบบี้คิดว่าสามารถช่วยเขาให้ออกจากสถานการณ์นี้ได้
"ใกล้วันครบรอบสามปีที่เราคบกัน ฉันเลยอยากสร้างความทรงจำเป็นพิเศษ"
"แต่ต้องไม่ใช่แบบนี้สิ นายทำให้ฉันกลัวรู้ไหม"
อีกฝ่ายไม่พูดอะไร กลับเข้าไปในห้องครัวอีกครั้งและกลับมาพร้อมแก้วไวน์และไวน์หนึ่งขวด เปิดจุกก๊อก รินไวน์ใส่แก้ว เสียงรินไวน์ทำให้เขาเผลอกลืนน้ำลายลงคออีกครั้ง
"ไม่มีอะไรน่ากลัวหรอกบ๊อบบี้ เรามาเริ่มทานอาหารแล้วค่อยๆคุยกันนะ"
รอยยิ้มกว้างจากคนตรงหน้าแม้เป็นรอยยิ้มตามปกติของเจ้าตัวแต่คราวนี้มันทำให้เขารู้เสียวสันหลังวาบ ยุนฮยองนั่งลงบนโต๊ะหยิบมีดและส้อมขึ้นมา
"วันนี้ฉันตั้งใจทำมากเลยนะ ขอโทษที่ไม่มีออเดิร์ฟก่อน เพราะหลังจากนี้มีอาหารจานพิเศษ กลัวจะกินไม่หมด"
พูดพลางหั่นเนื้อบนจาน น้ำจากเนื้อไหลออกมาตามรอยตัด เขาสังเกตุเห็นเนื้อที่ถูกตัดมีสีแดงมากจนแทบเรียกได้ว่าเป็นเนื้อดิบที่ถูกนาบกระทะให้มีรอยไหม้รอบนอกเท่านั้น
"ยุนฮยองอ่า นี่มันไม่ดิบไปหรอ?"
ถามไปอย่างกล้าๆกลัวๆ ไม่มีมาดของนักธุรกิจผู้มั่นใจในตัวเองแล้วเวลานี้
"ไม่หรอกมีเดียมแรร์ไง กินดูสิ"
เนื้อชิ้นขนาดพอคำถูกจิ้มมาตรงปากของบ๊อบบี้ แม้จะหิวแค่ไหนแต่สิ่งตรงหน้าทำให้ความอยากอาหารของเขาตอนนี้เท่ากับศูนย์
...ไม่ทันได้คิดอะไรต่อ เนื้อชิ้นนั้นถูกยัดเข้ามาในปากของเขา...
กลิ่นคาวเลือดเป็นสิ่งที่แรกเขารู้สึก ตามมาด้วยรสชาติเนื้อดิบผสมเลือดฝาด ถึงเขาชอบกินสเต็กแต่ไม่ใช่ดิบขนาดนี้ เขาฝืนเคี้ยวและกลืนมันลงคออย่างยากลำบาก ความรู้สึกพะอืดพะอมแสดงออกผ่านสีหน้า
"รสชาติมันแย่ขนาดนั้นเลยหรอ ก็ไม่นะ"
อีกฝ่ายพูดขึ้นจากหั่นเนื้ออีกชิ้นใส่ปากตัวเอง กินด้วยสีหน้าปกติ
"ยุนฮยอง...นายเล่นอะไรอยู่..."
เนื้อชิ้นใหญ่กว่าเดิมถูกยัดใส่ปากบ๊อบบี้ตามด้วยมือของอีกคนปิดปากเขาเอาไว้
"แค่อยากกินข้าวกับนายไงเราไม่ได้กินข้าวด้วยกันนานแล้วนะ เช้านายก็รีบไปทำงาน เย็นกว่าจะกลับมาซะดึกดื่นแล้วก็เข้านอนไป ฉันเหงามากเลยนายรู้ไหม?"
ส้อมในมือของยุนฮยองถูกแกว่งไปมา เนื้อชิ้นใหญ่ในปากเขาทำให้รู้สึกพะอืดพะอมมากกว่าเดิม เขาทำได้แต่อมมันไว้ จนรู้สึกถึงสัมผัสเย็นตรงแก้ม
...ปลายส้อมแหลมคมถูกลากไปตามผิวแก้มของเขา...
"อมอาหารไว้ในปากไม่ใช่สิ่งที่ดีเลยนะ นายไม่ใช่เด็กสามขวบแล้ว เป็นเด็กดีและกินมันเข้าไปซะ"
สายตาเหลือบมองส้อมสีเงินวาวแวบต้องกับแสงไฟสีนวล หลับตาลงฝืนเคี้ยวสิ่งที่อยู่ในปากและกลืนลงไป มือของอีกฝ่ายปล่อยเขา บ๊อบบี้รีบสูดอากาศเข้าทางปากระบายความคลื่นเหียนภายในปากออก เนื้อชิ้นใหม่ถูกตัดแล้วยัดใส่ปากเขาอีกครั้ง เป็นแบบนี้อีกสองสามครั้ง จนเนื้อในจานพร่องไปเกือบหมด สีหน้าของเขาตอนนี้ซีดลงเหงื่อไหลออกมาจากตรงขมับ จุกบริเวณลำคอ คลื่นไส้ไปหมด
“ยุนฮยอง...พอแล้ว...”
“พอแล้วหรอ? ปกตินายเป็นคนกินจุจะตาย หรือว่าก่อนหน้านี้กินข้าวมาแล้ว ไม่เห็นโทรบอกกันเลย แต่ไม่เป็นไร เรามากินของหวานกันเลยดีกว่า”
ถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่ออีกฝ่ายยกจานออกไป พยายามใช้แรงขืนตัวเองกับเก้าอี้อีกครั้งเผื่อจะหลุดออกมาแต่ไม่เป็นผล ลมหายใจของบ๊อบบี้หยุดชะงัก ดวงตาเบิกกว้างเมื่อเห็นเค้กช็อกโกแลตก้อนขนาดสองปอนท์ซึ่งเป็นของโปรดของตัวเองถูกยกมาวางไว้ตรงหน้า
...พร้อมมีดทำครัวเล่มใหญ่ปักไว้ตรงกลาง...
ยุนฮยองหยิบมีดขึ้นมา ใช้ลิ้นเลียไปตามชิ้นเค้กและครีมช็อกโกแลต ยกยิ้มกว้างให้เขา ทั้งๆที่มือยังคงถือมีดอยู่ ทำให้เขารู้สึกเย็นวาบไปทั่วร่างกาย อีกฝ่ายใช้มีดตัดเค้กหนึ่งชิ้นวางใส่จานและเลื่อนเค้กทั้งก้อนมาตรงหน้าเขา มีดถูกวางไว้ด้านข้างจาน
“วันนี้ฉันลองทำเค้กช็อกโกแลตของโปรดนาย ชิมแล้วอร่อยทีเดียว นายลองกินดูสิ”
ยื่นเค้กช็อกโกแลตขนาดพอคำบนช้อนเงินมาจ่อตรงปาก เขาอยากจะปฏิเสธเนื่องจากสิ่งที่กินไปเมื่อสักครู่นี้ แต่สายตาของอีกฝ่ายเสมองกลับไปยังมีดบนโต๊ะทำให้เขาต้องกินมันอย่างไม่มีทางเลือก
รสชาติหวานปนขมของช็อกโกแลต นุ่มนวลและละลายในปาก ถึงจะรู้สึกโล่งใจว่าเป็นเค้กปกติ แต่ความรู้สึกจุกตรงคอยังคงมีอยู่ กลืนมันลงไปแต่ไม่ยากลำบากเท่าเมื่อกี้
“อร่อยใช่ไหม? มาเรามาเข้าเรื่องหลักของเรากันดีกว่า”
ยุนฮยองเดินออกไปแล้วกลับมาพร้อมซองเอกสารสีน้ำตาล นั่งลงบนโต๊ะอีกครั้ง เปิดซองและหยิบภาพจากในนั้นออกมา
“ฉันได้รับของมาจากรุ่นน้องคนสนิท จริงๆได้รับมานานแล้วล่ะ แต่พึ่งให้นายได้ดูเป็นครั้งแรก”
สิ่งที่บ๊อบบี้เห็นทำให้เขาหน้าซีดลง รูปภาพของตัวเขาเองในอริยาบทต่างๆ ตั้งแต่ออกจากบริษัท ทานข้าว จอดรถ ดื่มเหล้าอยู่ในผับ
...และในทุกภาพจะมีหญิงสาวร่วมอยู่ด้วยซึ่งแทบไม่ซ้ำคน...
“คนนี้สวยดีนะ ผมสั้นใส่เดรสสีแดงรัดรูป สเปกฉันเลย ส่วนคนนี้คงสเปกนายผมตรงสีน้ำตาลเสื้อสีน้ำเงินแหวกหลัง”
ยกรูปขึ้นมาให้เขาดูและเลือกรูปวางไว้บนตักเขาพลางตักเค้กช็อกโกแลตเข้าปากไปด้วย
“นายก็รู้ว่ามันคืองาน นั่นก็ลูกค้าทั้งนั้น”
“ถ้านายพูดความจริงฉันอาจจะปราณีกว่านี้...”
สายตาแข็งกร้าวของยุนฮยองส่งให้ก่อนมือของอีกฝ่ายกดหัวของเขาให้กระแทกลงไปกับเค้กช็อกโกแลตตรงหน้า ดึงผมของเขาขึ้นมา เสียงครางทุ้มต่ำออกมาจากลำคอเขา ใบหน้าของบ๊อบบี้เปรอะเปื้อนไปด้วยครีมสีน้ำตาลและชิ้นเค้ก อีกฝ่ายก้มลงมาตรงหน้าใช้แขนเสื้อของตัวเองเช็ดรอยเปื้อนบนหน้า
“ฉันไม่เคยคิดเลยนะว่าความห่างเหินของนายจะทำให้ฉันเป็นแบบนี้ แค่ช่วงแรกฉันนอนไม่หลับ แต่เห็นว่านายทำงานหนักฉันเลยพยายามทำตัวว่าฉันไม่เป็นไร แต่หลังจากได้รู้ความจริงฉันยังคงสงบใจไว้จนกลายเป็นความเครียดสะสมไม่รู้ตัว...”
“ฉันอุตสาห์ให้โอกาสนาย รอสักวันหนึ่งนายจะพูดความจริงออกมา แต่ไม่ บางทีฉันลืมไปว่าคงไม่มีวันที่คิมบ๊อบบี้จะพูดสิ่งที่ตัวเองทำผิดหรอก นายไม่เคยยอมรับความผิดของตัวเอง”
“ฉันยอมนายมาตลอด ฉันรู้ดี แค่ครั้งนี้คงไม่...”
ถลกแขนเสื้อเปื้อนขึ้นมาตรงข้อศอก เขาปรือตามองอีกฝ่ายจนเห็นรอยแผลจางๆหลายแผลตรงข้อมือ พึ่งได้รู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับยุนฮยองเป็นครั้งแรกเพราะอีกฝ่ายใส่แต่เสื้อแขนยาวและเขาไม่เคยสังเกตุมาก่อน
...ต้องบอกว่าไม่เคยคิดจะสังเกตุอีกฝ่ายด้วยซ้ำ...
“ล้างความเลวของตัวเองซะหน่อยก็ดีนะบ๊อบบี้....”
ไวน์ในขวดที่เหลืออยู่ถูกราดลงมากลางหัวเขา กลิ่นหวานของแอลกอฮอลอบอวบไปทั่ว น้ำสีม่วงเข้มไหลมาจากเส้นผม ลงมาที่ใบหน้า ซึมไปกับเสื้อเชิ้ตสีดำและย้อมเนคไทของส่วนสีขาวให้เป็นสีม่วงอ่อน เขาได้แต่หลับตากับกลั้นหายใจไม่ให้สำลักกับของเหลวที่ถูกเทลงมา คิดในใจว่าแค่นี้คงน่าจะจบแล้ว แต่ก็ไม่ เมื่อเปิดตาขึ้นมาพบ...
...มีดจากบนโต๊ะต้องประกายกับแสงไฟในมือของยุนฮยอง...
“ได้เวลาอาหารจานพิเศษแล้ว”
รอยยิ้มหวานแต่ทำให้เขารู้สึกเสียววาบไปทั่วร่างกาย มือของอีกฝ่ายดึงเก้าอี้ออกห่างจากโต๊ะให้พอมีที่ว่างยืนอยู่ตรงหน้าเขา ปัดรูปภาพบนตักทิ้งลงพื้น
“ยุนฮยองอ่า...ฉันขอโทษ ฉันยอมรับผิดแล้ว”
เงยมองหน้าคนตรงหน้าด้วยสายตาสำนึกผิด น้ำเสียงแหบอ้อนวอน หัวใจเต้นแรงจนแทบจะหลุดออกมา ในหัวสมองตีกันวุ่นวายพยายามคิดคำพูดดูสวยหรู แต่ก็คิดอะไรไม่ออก
...สัญชาติญาณของตัวเองตอนนี้บอกว่าต้องหาวิธีเอาตัวรอดเป็นครั้งสุดท้าย...
“นะ...ยุนฮยอง เรามาเริ่มต้นกันใหม่เถอะ ฉันจะใส่ใจดูแลนายเหมือนเมื่อก่อน”
“ขอโทษนะ...มันสายไปแล้วบ๊อบบี้”
มีดในมือของยุนฮยองกรีดลงไปต้นขาทั้งสองข้างของเขาเป็นทางยาว ไม่ได้ลึกมากพอให้เลือดซึมออกมาตามรอยแผล บ๊อบบี้ร้องอวดครวญทุกครั้งเมื่อมีดสัมผัสกับผิวของเขา ไล่มาตรงตรงต้นแขนทั้งสองข้างและสุดท้ายตรงกลางตรงอกของเขาลากเป็นรอยซ้ำ เหมือนกับกำลังเขียนอะไรบางอย่าง
“F…U…C…K…”
“ขอฝากไว้บนอกนายสักหน่อย เหมาะดีนะ”
สติที่พอมีอยู่ทำให้เขาต้องพูดด้วยน้ำเสียงแหบขออีกฝ่ายเป็นครั้งสุดท้าย ทำใจยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเองแล้วในระดับหนึ่ง ยอมแพ้กับการข้อร้องเพราะดูท่าทางแล้วคงไม่เป็นผลอีกต่อไป
...นี่คงเป็นสิ่งที่เขาควรได้รับอย่างสาสมสินะ...
“ถ้าจะฆ่าฉันก็ฆ่าเลย...อย่าทรมาณให้ฉันรอความตายแบบนี้”
“คิดหรอว่าฉันจะฆ่านาย?”
บ๊อบบี้ยกคิ้วขึ้น ทั้งๆที่ไม่มีแรงจะแสดงออกทางสีหน้าแล้ว คมมีดลากผ่านแก้มของเขาเป็นรอยแดงก่อนอีกฝ่ายหันฝั่งคมมีดเข้าหาตัวเอง
“ความจริงฉันคิดแล้วคิดอีก หาวิธีที่สาสมกับสิ่งที่นายทำไว้กับฉัน อย่างกับเริ่มแต่งนิยายเรื่องนึง คิดหาแก่นเรื่องและตอนจบที่น่าตราตรึงใจและไม่มีวันลืม และฉันก็พบ...”
“...นายรู้อะไรไหม? คนเราเวลาตาย คนที่ทรมาณไม่ใช่คนที่ตายหรอกนะ....
...แต่เป็นคนที่ยังมีชีวิตอยู่...”
บ๊อบบี้พยายามปิดปากแน่นแต่มือของยุนฮยองบีบแก้มให้อ้าปากไว้ สอดด้ามมีดกดลงมาตรงปลายลิ้น น้ำตาของเขาไหลออกมาตรงหางตากับกลิ่นและสัมผัสของวัตถุโลหะแน่นคับปาก เขาปิดเปลือกตาหนีภาพตรงหน้า
“ลืมตาซะ บ๊อบบี้”
นิ้วของอีกฝ่ายดันเปลือกตาของเขาให้เปิดขึ้นมามองปลายมีดคมซึ่งจ่ออยู่ตรงอกซ้ายของตัวเอง บ๊อบบี้หายใจอย่างแรง ครางออกมาจากลำคอและส่ายหน้าอย่างบ้าคลั่ง ยุนฮยองยกยิ้มหวานประทับริมฝีปากอวบอิ่มไปตรงหน้าผากของเขา
“มองฉัน...จำภาพนี้ไว้......”
รู้สึกถึงแรงกดลงจากด้ามมีดในปาก กลิ่นคาวเลือดและเลือดสีแดงสดซึมออกมาตรงอกของอีกฝ่าย ค่อยๆย้อมเสื้อไหมพรมสีขาวให้กลายเป็นสีแดง
“นายจะไม่มีวันลืมฉัน....”
“....และจะจำไปจนวันตาย....”
ประโยคสุดท้ายก่อนที่ลมหายใจของยุนฮยองจะหมดลงและตามมาด้วยเสียงกรีดร้องของบ๊อบบี้ซึ่งไม่สามารถเปล่งออกมาจากปากได้
...เพราะร่างกายไร้ซึ่งลมหายใจโถมตัวลงมาทับมีดจนมิด.....
“พี่ยุนฮยอง...พี่ทำสำเร็จแล้วรู้ไหม พี่บ๊อบบี้กลายเป็นโรคประสาทพึมพำแต่ชื่อพี่ มองทุกคนด้วยความหวาดกลัว เขาจำได้แค่พี่คนเดียวเท่านั้น....
...แต่พี่เองทำให้ผมรู้สึกผิดไปตลอดชีวิต ถ้าผมเอะใจสักนิดว่าเรื่องราวที่พี่เล่าให้ฟังจะเกิดขึ้นจริงไม่คิดว่าเป็นแค่นิยายที่พี่แต่ง พี่คงไม่ต้องทำแบบนี้และผมเองคงไม่ส่งภาพของพี่บ๊อบบี้ให้พี่ดู....
...ผมเองคงไม่มีวันลืมพี่ไปตลอดชีวิตเช่นกัน...”
Talk: เป็นการระบายความโรคจิตส่วนตัวเล็กน้อย ความจริงอยากลองแต่งพี่ยุนเวอร์ชั่นโรคจิตค่ะ แต่ไม่สามารถเอาไปลงกับจุนเน่ได้ เอ็นดูจุนเน่เกิน ตอนแรกวางพล๊อตไว้กับฮันบิน ก็ทำไม่ลง พี่บ๊อบเลยรับเคราะห์ไป โถ่ๆๆๆๆๆๆ ไม่รู้ว่าพี่ยุนจิตพอไหมนะคะ ไว้เจอกันเรื่องหน้าค่ะ งุ้งงิ้ง
#ฟิคต่อเรือ
ความคิดเห็น