ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [iKON] The Ship That I'm Sailing [SF,Drabble]

    ลำดับตอนที่ #16 : [SF] คุณชายซง : Teeth To Teeth [Yunhyeong x Junhoe]

    • อัปเดตล่าสุด 8 มี.ค. 58


    Title : คุณชายซง : Teeth To Teeth

    Status: SF

    Pairing: Yunhyeong X Junhoe

     

    **มีตอนที่หนึ่งด้วยนะ คุณชายซง : Eyes To Eyes**

     

     

     

     
     
     
     
     

    ...ทิวทัศน์จากเขตเมืองอันแสนคุ้นเคยเปลี่ยนเป็นเข้าสู่แนวชายป่า

     

     
     

    วันนี้ท้องฟ้าขมุกขมัวเป็นพิเศษไร้ซึ่งแสงแดดทั้งทีใกล้เวลาเที่ยงแต่กลับเหมือนยามเย็น หิมะตกลงมาประปราย รู้สึกถึงไอเย็นตรงหน้าต่างของรถม้า เสียงล้อไม้กระทบกับกรวดบนพื้นเงียบลงรวมถึงรถม้าที่หยุดลงสักครู่ก่อนเคลื่อนต่ออีกครั้งผ่านประตูรั้วเหล็กดัดที่เขาพอคุ้นเคย สายตาที่ทอดมองไปยังนอกหน้าต่างหันกลับมาในรถม้า                        
                                        

     
     

    ...ซงยุนฮยองกำลังยิ้ม

     

     
     

    ภาพคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามเขาจับไทด์สีดำผูกสูงจนติดคออย่างไม่สบอารมณ์นัก คิ้วขมวดขึ้นปากบ่นอุบอิบมาตลอดทาง เป็นภาพหาดูได้ยากของคนด้านหน้าในชุดเต็มยศขนาดนี้ ชุดสูทสีดำกับเสื้อกั๊กสีกรมท่าช่วยขับผิวขาวของเจ้าตัวให้เด่นขึ้นอีก รวมทั้งผมหน้าปัดเป๋ยามปกติถูกจัดทรงเสยขึ้นเปิดหน้าผากเนียน รับกับดวงตาคมที่เขาชื่นชอบ

     

     
     

    ต้องยกความดีความชอบให้กับพ่อบ้านฮงซอกที่สามารถจับเจ้าเด็กน้อยสุดแสบของเขาดูเป็นผู้เป็นคนได้ขนาดนี้

     
     
     

    "เหมาะกับนายกว่าที่คิดนะ" ส่งยิ้มอย่างเห็นใจให้ เขาเองเคยผ่านช่วงเวลาเหมือนคนตรงหน้ามาแล้ว ครั้งแรกที่เขาใส่ชุดสูทเต็มยศตอนอายุสิบห้าหลังจากจบงานเขานั้นแทบเผาชุดทิ้งด้วยซ้ำ แต่เมื่อได้ใส่ไปอีกหลายครั้งเดียวก็ชินเอง

     
     
     

    "ครั้งเดียวพอ" เบะปากอย่างไม่พอใจ

     
     
     

    "นึกว่าตัวเองเป็นเด็กห้าขวบหรือไงกูจุนฮเวอีกไม่กี่เดือนจะอายุสิบแปดแล้วนะ"

     

     
     
     

    จะว่าไปเวลานั้นผ่านนั้นไปอย่างรวดเร็ว จากวันแรกที่เขาพบจุนฮเวในบ้านเด็กกำพร้าซึ่งอายุแค่สิบห้าตัวเล็กและเตี้ยกว่าเขาเล็กน้อย จนทุกวันสูงกว่าเขาเกือบสิบเซ็นต์ไม่มีร่างอันผอมบางเนื้อตัวมอมแมมอีกแล้ว อย่างน้อยถือว่าเป็นเรื่องที่ดีว่าเขาเลี้ยงเด็กคนนี้ออกมาสมบูรณ์แบบ แม้ด้วยความช่วยเหลือจากคนรอบข้างด้วยก็ตาม

     

     
     
     

     ...ความจริงแค่เด็กคนนี้มีความสุขเขาก็ดีใจแล้ว....

     

     
     
     

    “ผมเองก็ไม่อยากโตเหมือนกัน ถ้าทำให้ชีวิตมันยุ่งยากขึ้น”

     

     
     

    “ถ้าอย่างนั้นนายไม่อยากเป็นผู้ติดตามของฉันแล้วใช่ไหม?”

     

     
     

    “ผมยังไม่ได้พูดแบบนั้นสักหน่อย” เขายกยิ้มให้กับประโยคปฏิเสธที่ออกจากปากของอีกคนทันทีเมื่อเขาถาม

     

     
     

    “อย่างนั้นวันนี้ทำหน้าที่ให้ดี สมกับเป็น ผู้ติดตามของคุณชายซงยุนฮยอง ด้วยล่ะ”

     

     
     
     
     
     
     
     

    วันนี้มีงานปาร์ตี้วันเกิดของพี่ชายของท่านพ่อของเขา นั่นคือท่านลุงของเขานั้นเอง เขามาในฐานะตัวแทนของท่านพ่อซึ่งสุขภาพไม่อำนวยกับการเดินทางมายังคฤหาสน์นอกชานเมืองของท่านลุง ความจริงเขาตั้งใจว่าจะมางานนี้เพียงคนเดียว แต่เมื่อคิดไตร่ตรองอีกครั้งหลังจากเห็นจุนฮเวพูดคุยและส่งยิ้มอย่างไม่แสแสร้งให้เหล่าหญิงมีอายุในงานเลี้ยงน้ำชาของท่านแม่เขาเพื่อช่วยงานพ่อบ้านฮงซอง เขาคิดว่าจุนฮเวคงพร้อมแล้ว

     

     
     

    ห้องจัดเลี้ยงขนาดใหญ่ตกแต่งด้วยภาพงานศิลปะ แชนเดอเลียร์แก้วสว่างไสวอยู่บนเพดาน ฝั่งของหน้าต่างมีประตูเปิดออกไประเบียงสามารถเดินออกไปยังสวนดอกไม้ตกแต่งอย่างสวยงามหลังคฤหาสน์ซึ่งมีน้ำพุตั้งเด่นอยู่กลางสวน ในฐานะประธานบริษัทส่งออกเสื้อผ้า แขกที่เชิญมาล้วนแต่งตัวอย่างดูดีสง่างามเหมาะสมกับฐานะ ยุนฮยองรับแก้วแชมเปญจากบริกร เดินอย่างสบายอารมณ์ตรงไปหาเจ้าของวันเกิด

     

     
     

    "โอ้ว ยุนฮยอง เราไม่ได้เจอกันนานเลยนะ ลุงคิดถึงหลานมากเลยรู้ไหม" ร่างกายอ้วนท้วนแต่งตัวในชุดสูทดูภูมิฐาน ใบหน้ามีรอยเหี่ยวย่นตามกาลเวลา แต่รอยยิ้มกว้างบนใบหน้าทำให้ดูเด็กกว่าอายุจริงทั้งที่อายุย่างเข้าหกสิบในวันนี้

     
     
     

    "เมื่ออาทิตย์ก่อนท่านลุงพึ่งไปเล่นหมากรุกกับท่านพ่อที่บ้านของพวกเราไม่ใช่หรอครับ ผมยังทักว่าท่านลุงผอมลงอยู่เลย" พูดติดตลกพร้อมยิ้มกว้างให้ อีกฝ่ายหัวเราะเสียงดังออกมาอย่างห้ามไม่ได้กับความขี้ลืมของตัวเอง

     
     
     

    "เออใช่ ลุงลืมไปๆ แล้วนั้น..." หันไปทางคนข้างตัวเขา กระชับแว่นตรงจมูกสายตาแพ่งมองผ่านแว่นกลม

     
     
     

    "กูจุนฮเวครับผู้ติดตามของผม" จุนฮเวผงกหัวให้คนตรงหน้าตามมารยาททำสีหน้านิ่งตามปกติของเจ้าตัวแต่เขาพอรู้ว่าเจ้าเด็กนั่นรู้สึกประม่าอยู่ สังเกตุได้จากมือที่ถูกกำแน่นไว้ด้านหลัง

     
     
     

    "อ่า ใช่เด็กที่อยู่ในบ้านเราใช่ไหม ดูดีสมเป็นผู้ติดตามที่หลานเลือกมาเลยนะ" ยกยิ้มขึ้นจนเห็นรอยย่นแห่งวัยตรงหางตาทำให้ยุนฮยองยิ้มกว้างขึ้นไปอีก

     
     
     

    "งั้นถ้าวันหลังจุนฮเวต้องมาพบท่านลุงเรื่องงานแทนผม หวังว่าท่านลุงจะเอ็นดูเขาเช่นเดียวกับที่ท่านเอ็นดูผมนะครับ"

     
     
     

    "แน่นอนสิ จะเคี่ยวให้เหมือนหลานเลยล่ะ" ฝ่ายที่ถูกอ้างถึงไม่พูดอะไรได้แต่รอยยิ้มแหยะให้

     
     
     

    "ดีนะธุรกิจที่หลานรับช่วงต่อจากพ่อของหลานไปได้ดี แถมมีผู้ติดตามมาช่วยงานอีก ฮันบินลูกชายคนเล็กของลุงนอกจากเรื่องร้องรำทำเพลงเต้นรำตามตามงานสังคมแล้วอย่างอื่นแทบไม่ได้เรื่องเลย" บ่นพลางส่ายหัวเมื่อพูดถึงลูกชายคนเล็กของตัวเองอย่างอืมระอา

     
     
     

    "แต่ฮันบินเก่งด้านการพูดนะครับ ลองให้มาช่วยเจรจากับลูกค้าดูสิครับ อีกอย่างท่านลุงยังมีจีวอนคอยรับช่วงต่อ ไม่เป็นไรหรอกครับ รายนั้นความสามารถเพียบพร้อม" 

     
     
     

    "แต่เจ้านั้นมันไม่มีความปราณีกับผู้อื่น ถ้าได้ความใจดีแบบหลานบ้างคงดี" ถอนหายใจให้กับลูกชายคนโตอีกหนึ่งที

     
     
     

    "ผมใช่ว่าเป็นคนปราณีมากหรอกครับ งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ กักท่านลุงไว้คนเดียวแบบนี้แขกคนอื่นเขาจะว่าเอา และก็สุขสันต์วันเกิดครับท่านลุง" ยิ้มละไมให้คนตรงหน้า โดยไม่ลืมอวยพรวันเกิดตามจุดประสงค์ที่เข้ามาทัก ยกแก้วในมือขึ้นยื่นไปข้างหน้า อีกฝ่ายตบไหล่เขาและหัวเราะร่าก่อนยกแก้วขึ้นมาชน

     

     

     

     
     
     

    "โดยเฉพาะกับสองคนนั้น"

     
     
     
     
     
     
     

    "หืม? ว่าไงนะจุนฮเว" ยุนฮยองหันมาหาคนข้างตัวที่อยู่ดีๆพูดออกมาไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย

     
     
     

    "ที่คุณว่าไม่ปราณีโดยเฉพาะกับสองคนนั้นคิมจีวอนกับคิมฮันบินใช่ไหมล่ะ" เขาแค่ยักไหล่ให้อีกฝ่ายจิบเครื่องดื่มในมือ จุนฮเวถอนหายใจ

     
     
     

    "เป็นไงการออกงานครั้งแรก รู้สึกประม่าไหม?"

     
     
     

    "คนอย่างผมเคยประม่ากับอะไรด้วยหรอครับ ถือว่าเป็นการเปิดหูเปิดตาที่ดี โดยเฉพาะมาเห็นมาดของคุณชายซงยุนฮยองเจ้าเสน่ห์ด้วยตัวของตัวเอง"

     
     
     

    "หึหึ แค่นี้ยังแค่เริ่มต้นเท่านั้นนะจุนฮเว"

     

     
     

    ทั้งคู่เดินมาหยุดอยู่หน้าโต๊ะเสิร์ฟของว่างด้านข้างของห้องจัดเลี้ยง แซนวิชและคานาเป้ขนาดเล็กหลายแบบตกแต่งอย่างสวยงามบนถาดเงิน แฮมและชีสหลายชนิดวางบนเขียงไม้ชวนให้ลิ้มลองและช็อกโกแลตชิ้นพอคำจัดวางอย่างสวยงามบนจานแก้วกลมซ้อนกันสามชั้น จุนฮเวกลืนน้ำลายกับภาพของว่างตรงหน้าก่อนทำหน้านิ่งตามปกติของตัวเอง แต่นั่นไม่พ้นสายตายุนฮยอง

     
     
     

    "นายก็ทานของว่างสักหน่อยสิ"

     
     
     

    "ผมยังไม่หิว"

     
     
     

    "ทานสักหน่อยเถอะ ฉันขอไปคุยธุระนิดหน่อย นายอยู่ตรงนี้นะ ไว้กลับมาจะให้แนะนำว่าอะไรอร่อยบ้าง" 

     
     
     

    ยิ้มกว้างให้ตบไหล่เขาหนึ่งที ดื่มเครื่องดื่มในมือจนหมดก่อนเดินออกไปวางแก้วเปล่าลงบนถาดของบริกรและหยิบแก้วใหม่โดยไม่ลืมหันมายกแก้วขึ้นให้เขา

     

    จุนฮเวถอนหายใจกับคนที่ได้ชื่อว่าเป็นคุณชายของตน ตอนนี้เขาถูกทิ้งไว้ในห้องจัดฉลองคนเดียวซึ่งความจริงมีแขกเยอะเยะมากมายแต่เขาไม่รู้จักใครสักคนมันก็เหมือนอยู่คนเดียวนั้นล่ะ

     
     
     

    หยิบจานขึ้นมาตักแซนวิชชิ้นเล็กสองชิ้นแฮมและชีสนิดหน่อยกับช็อกโกแลตห้าชิ้น เขามองจาน ขมวดคิ้วอย่างสงสัย ประมาณนี้เยอะไปหรือเปล่า จะลองมองของคนอื่นก็ไม่มีใครย่างกรายมาแถวนี้

     

     
     
     
     

    ....ช่างมันล่ะกัน

     

     
     
     
     

    ด้านมารยาทเขาถูกสั่งสอนมาอย่างดีจากพ่อบ้านฮงซอกซึ่งมันแสนน่าเบื่อสำหรับเขาไม่ที่ชอบอะไรเป็นระเบียบแบบแผน กลับกันด้านวิชาการจากคุณครูที่ยุนฮยองจ้างมาสอน เขาสามารถทำได้ดีจนได้รับคำชมจากครูเหล่านั้นและตัวยุนฮยองเอง เขาแค่ชอบอ่านหนังสือมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว

     

     
     

    ทุกอย่างที่เขาอดทนเพียรพยายามมาเกืบสามปีตั้งแต่มาอยู่บ้านหลังนี้ เป้าหมายของเขาใกล้จะเป็นจริงในอีกไม่กี่เดือน

     

     
     
     

    ...เมื่อเขาอายุสิบแปดปีและได้เป็นผู้ติดตามของยุนฮยองอย่างเต็มตัว

     

     
     
     
     
     
     
     
     

    แต่การจะเดินถึงเป้าหมายของเขาไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบหรอกนะ ในเมื่อมีมารพจญอยู่แล้วยิ่งวันนี้อยู่ในดงของศัตรูด้วย

     
     
     
     
     

    "หืม งานนี้ปล่อยให้หมาจราจัดเข้ามาในงานได้ด้วยหรอ"

     

     
     
     

    มารคนที่หนึ่ง คิมฮันบิน

     

     
     
     

    "สวัสดีครับคุณชายฮันบินผู้สูงส่ง"

     

     
     

    คิมฮันบินลูกชายคนเล็กของท่านลุงของยุนฮยองในเสื้อสูทครึ่งตัวตามแฟชั่น เสื้อกั๊กสีดำไม่ผูกไทด์ ผมสีแดงที่ปกติเซ็ตอย่างกระเซอกระเซิงตามสไตล์ของเจ้าตัวถูกเก็บเรียบติดไปกับหนังหัวอย่างเรียบร้อย ใบหน้าคมจมูกโด่งที่หญิงสาวหลงใหลและริมฝีปากบางกำลังเหยียดยิ้มให้เขา

     
     
     

    "แหมๆ ทักซะดูดีเชี่ยว นายเองวันนี้ก็ดูดีกว่าที่คิดนะ แต่พี่ยุนฮยองคิดยังไงถึงพาหมาในกรงตัวเองมาปล่อยไว้ตัวเดียวแถมไม่ใส่ปลอกคอล่ามไว้" น้ำเสียงเยาะเย้ยเปล่งออกจากปากทำท่าหันซ้ายหันขวาราวกับหาคนที่พูดถึง

     
     
     

    "เพราะเขาไว้ใจว่าหมาของตัวเองจะไม่ไปกัดกับใครไงครับ ดีกว่าตัวที่อยู่ในบ้านของตัวเองแต่ไม่ยอมใส่ที่ครอบปากไว้จนคุ้มตัวเองไม่ได้แล้วมาเห่าใส่ชาวบ้านหรอกครับ" เขาพูดเสียงเรียบด้วยใบหน้านิ่ง แต่สายตาแข็งกร้าวส่งให้อีกฝ่ายอย่างชัดเจน

     
     
     

    "หึหึ ปากดีเหลือเกินนะกูจุนฮเว เป็นแค่เด็กกำพร้าที่มาอาศัยเขาอยู่แท้ๆ

     

     
     

    “แต่เขารู้วิธีที่จะปฏิบัติตัวกับคนที่ดีและร้ายกับตน ซึ่งคนอย่างคุณผมคงไม่ต้องบอกว่าเป็นประเภทไหน”

     
     
     

    "พี่ยุนฮยองคงเลี้ยงนายดีล่ะสิ ถึงได้ติดกับเจ้านายแบบนี้ เลี้ยงด้วยอะไรล่ะ อาหาร? เลือด? ยาเสน่ห์? หรอว่า เรื่องอย่างว่า ล่ะ?"  เน้นคำอย่างชัดจนอย่างกับจะยั่วโมโห

     

     
     

    “งั้นลองมาถูกเลี้ยงดูสิครับ แต่คุณชายเขาไม่สนคนอย่างคุณหรอก ผมขอตัว” หันหลังให้กับคนตรงหน้า จุนฮเวรู้ดีว่าการเจรจาต่อไปมีแต่จะทำให้เขาหงุดหงิดขึ้น เพราะฉะนั้นเขาเลือกที่จะปลีกออกมาจากสถานการณ์นี้

     

     
     
     
     

    "หมาจราจรโสโครกมันก็เหมาะกับเจ้าของที่โสโครกเหมือนกันนั้นล่ะ"

     

     
     
     

    “กลับคำพูดของคุณซะ ผมขอเตือน” เขาหันหลังกลับมาอย่างช้าๆ น้ำเสียงนิ่งพูดเตือนอีกฝ่ายรอดผ่านไรฟัน ซึ่งฮันบินยักไหล่อย่างไม่ได้เกรงกลัวแม้แต่น้อย

     

     
     

    “ฉันแค่พูดความจริง พี่ยุนฮยองนอกจากฐานะของท่านน้าก็ไม่ได้มีอะไรดีสักอย่าง ลูกชายห่วยๆเกาะบารมีพ่อตัวเอง”

     

     
     

    “คิมฮันบิน” สายตาคมส่งให้อีกฝ่ายอย่างไม่ยอมแพ้มือที่ซ่อนอยู่ด้านหลังกำหมัดแน่เขารู้ว่าสติเขาใกล้จะขาดผึงในไม่ช้า

     
     
     

    “พี่ยุนฮยองมันก็แค่อีตัว....”

     

     
     
     
     
     
     
     

    "พูดจาไม่เพราะเลยนะคิมฮันบิน"

     

     
     
     

    น้ำเสียงแหบทุ้มห้ามปราม พร้อมคนที่มาใหม่ปรากฏตัวขึ้น ร่างกายกำย่ำในเสื้อโค๊ชสีดำตัวยาวเข้ารูปเสื้อเชิ้ตสีดำด้านในไม่ผูกไทด์ รอยยิ้มกว้างโชว์ฟันขาวดวงตาเล็กหยีลงจนแทบปิดท่าทางดูอ่อนน้อมแลดูเป็นคนอ่อนโยนแต่จุนฮเวรู้ดีว่าคนนี้ซ่อนความร้ายใต้รอยยิ้มนั้น

     

     
     

    มารคนที่สองและคนเป็นที่อันตรายสุด คิมจีวอน

     
     
     

    "พี่คิดว่าผมจะหยุดอย่างนั้นหรอ?" ฮันบินถามอีกฝ่ายอย่างหัวเสีย เกือบแล้วเกือบจะหาเรื่องไอ้เด็กตรงหน้าได้แล้วแต่มีคนมาขัดจังหวะเสียก่อน  

     
     
     

    "ใกล้เวลาแสดงดนตรีแล้ว ต้องเตรียมเต้นเปิดฟลอร์ไม่ใช่หรือไง ไปเตรียมตัวสิ" ส่งให้ยิ้มกับคนที่ได้ชื่อว่าน้องชายตัวเอง น้ำเสียงใจดีแต่มีความเฉียบคม อีกฝ่ายได้แต่มองหน้าจุนฮเวและพี่ชายตัวอย่างอย่างไม่พอใจก่อนเดินหันหลังไป

     
     
     

    "ขอบคุณครับ"

     

     
     

    พูดขอบคุณไปตามมารยาททั้งที่ไม่อยากพูดเท่าไรแต่อย่างน้อยคนตรงหน้าทำให้เขารอดจากสถานการณ์เดิมๆกับฮันบินอีกครั้ง โดยเฉพาะครั้งนี้ไม่ได้อยุ่ที่บ้านของยุนฮยองด้วย ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นเพราะตัวเขา เขาไม่แน่ใจว่ายุนฮยองจะมองเขาอย่างไร

     

     
     

    ...แค่นึกถึงสายตาผิดหวังในตัวเขาของอีกฝ่ายเขาก็ไม่อยากนึกถึงแล้ว

     
     
     
     
     

    "ไม่เป็นไรตอนแรกฉันก็นึกว่าใครที่ไหนกำลังทะเลาะกับฮันบินอยู่ ฉันจะเข้ามาห้ามอยู่แล้วล่ะพอมาเห็นว่าเป็นนาย ฉันรีบตรงเข้ามาอย่างไม่รอช้าเลย แต่งตัวดูดีจนจำไม่ได้เลยนะ" จีวอนมองจุนฮเวตั้งแต่หัวจรดเท้า ลูบคางตัวเองราวกับชื่นชมงานศิลปะอยู่

     
     
     

    "วันนี้ผมมาในฐานะผู้ติดตามของคุณชายยุนฮยองครับ" 

     
     
     

    "อ้าวหรอ แล้วเจ้าตัวหายไปไหนล่ะ ทิ้งผู้ติดตามไว้แบบนี้ ใช้ไม่ได้เลยนะ" ส่ายหัวอย่างไม่พอใจ แต่ในดวงตากำลังเป็นประกาย

     
     
     

    "คุณชายมีธุระกับผู้อื่นนิดหน่อยครับ เลยบอกให้ผมรอเขาอยู่ตรงนี้"

     
     
     

    "ถ้าอย่างนั้นถ้าไม่เป็นการรบกวนเวลารอ ฉันขอพานายไปชมห้องหนังสือของฉันสักหน่อย ได้ยินมาว่านายชอบอ่านหนังสือใช่ไหม?" รอยยิ้มอย่างเป็นมิตรส่งมาให้ แต่จุนฮเวสัมผัสได้ว่าในแววตาคนตรงหน้าดูอันตรายเกินไป

     
     
     

    "ผมไม่ค่อยสะดวกเท่าไร”

     
     
     

    “ไม่เป็นไรหรอก แค่เดี๋ยวเดียวแล้วฉันจะพากลับมาส่งที่เดิม”

     
     
     

    “ผมเกรงว่าคุณชายกลับมาแล้วผมไม่อยู่ตรงนี้จะกลายเป็นความลำบากของเขา ต้องขอโทษด้วยครับ"

     
     
     

    "ถ้าเขาจะใจแคบขนาดนั้น เขาเองก็ไม่สมควรเป็นเจ้านายที่ดีหรอกนะ ฉันแค่อยากพูดคุยกับผู้ติดตามมือใหม่ เพื่อว่าจะได้มีผู้ติดตามที่ดีแบบนายบ้าง อย่าได้ปฏิเสธ คุณชาย ผู้น่าสงสารคนนี้เลย"

     
     
     

    อีกฝ่ายโอบไหล่เขาแสดงถึงความเป็นกันเอง พูดออกมาดูน่าสงสารแต่เน้นคำที่บ่งบอกสถานะของอีกฝ่ายกับตัวเขาอย่างดีแฝงคำแกมบังคับอยู่ในประโยค นั้นคือความสามารถในการชักชวนของคิมจีวอน

     
     
     

    แต่ไม่ได้ด้วยคำพูดก็ยังมีกำลังรองรับ เมื่อแรงบีบตรงไหล่รวมถึงแรงดันที่พร้อมจะพาจุนฮเวไปตามทางที่ตัวเองบังคับ

     
     
     
     
     

    ...ทำให้จุนฮเวรู้ตัวว่าเขาพลาดให้กับคนตรงหน้าแล้ว

     
     
     
     
     

    "ผม..."

     

     

     

     

     

     

    "จะเป็นการดีถ้านายปล่อยมือออกจากไหล่ของผู้ติดตามของฉันนะคิมจีวอน" 

     

     

     

     
     
     

    “อ้าว ว่าไง ยุนฮยอง ไม่นึกว่าจะมาได้ถูกเวลาแบบนี้นะ" ทักอีกฝ่ายอย่างเป็นมิตร สายตาของจีวอนมองผู้มาใหม่อย่างไม่เกรงกลัว

     
     
     

    "ฉันว่าฉันพูดชัดนะเมื่อกี้"

     
     
     

    มือของยุนฮยองวางลงไปตรงมือของจีวอนบนไหล่ของจุนฮเวสายตาของทั้งคู่มองกันอย่างไม่ยอมใคร จีวอนรู้สึกถึงแรงบีบตรงมือเขา ถ้าอยู่ด้วยกันแค่สามคนจีวอนคงไม่ยอมให้อีกฝ่ายได้แตะตัวเขาแน่นอน แต่ในเวลานี้ ณ ห้องจัดเลี้ยงซึ่งมีแขกมากมาย ในฐานะลูกชายเจ้าของบ้าน เขาไม่อยากให้เป็นจุดสนใจของผู้อื่น

     
     
     
     

    ...ซงยุนฮยองเป็นคนฉลาดรู้จักใช้สถานการณ์ให้เป็นประโยชน์เสมอ… 

     
     
     
     
     

    "ว่าไงล่ะจีวอน" ยกยิ้มให้แต่สายตายังมองอย่างกับจะฆ่าอีกฝ่ายให้ได้ จีวอนถอยออกไปยกสองมือขึ้นเหมือนยอมแพ้ ยุนฮยองรีบเดินไปประกบข้างจุนฮเวอย่างไม่รอช้า

     
     
     

    "ขอบคุณมาก ฉันได้ยินว่านายชวนผู้ติดตามของฉันชมห้องหนังสือของนายหรือ? ถ้าไม่เป็นการรบกวนฉันเองอยากชมด้วยเหมือนกัน"

     
     
     

    "ฉันลืมไปว่าพึ่งจัดหนังสือใหม่ยังไม่เข้าที่ คงไม่สะดวก"

     
     
     

    "เสียดายจังฉันอยากรู้เหมือนกันว่าในบรรดาหนังสือที่นายอ่านมีพวกหนังสือมารยาททางสังคมหรือเปล่า? การใช้กำลังบังคับไม่ใช่มารยาทที่ดีเท่าไรเลยนะ"

     
     
     

    "ของพวกนั้นไม่จำเป็นต้องอ่านก็ได้นะเพราะอ่านไปแล้วถ้าสันดานคนเป็นยังไงก็เปลี่ยนไม่ได้หรอก"

     
     
     

    "เหมือนสันดานของนายที่อยากได้อะไรถึงแม้มีเจ้าของแล้วต้องได้ใช่ไหม"

     
     
     

    "ไม่ยักก็รู้ว่านายรู้จักตัวฉันดีกว่าที่คิดนะ" ดวงตาเรียวเล็กหยีลงพร้อมกับเหยียดรอยยิ้มกว้าง

     
     
     

    "แน่นอน เพื่อนกันทั้งทีรวมทั้งเป็นญาติผู้พี่ของฉัน และเป็น คนที่คลาดสายตาไม่ได้ " ใบหน้ายิ้ม หรี่ตามองอีกฝ่ายอย่างท้าทาย

     
     
     

    “คุณหนูจีวอน คุณชายเรียกหาครับ” กำลังจะเอ่ยปากตอบ แต่กลับถูกขัดจังหวะโดยคนรับใช้สูงอายุซึ่งดูท่าทางเป็นหัวหน้าคนรับใช้ เดินเข้ามาก้มหัวให้กับยุนฮยองและจีวอน คนที่ถูกพูดถึงแค่พยักหน้าให้ว่ารับรู้แล้วโบกมือไล่อีกฝ่ายไป

     
     
     

    "หึหึ น่าเสียดาย ฉันยังอยากคุยกับพวกนายต่ออยู่เลย ไว้คราวหน้าแล้วกัน และก็อย่าคลาดสายตาล่ะ ระวังของสำคัญจะหายไปไม่รู้ตัว" เสียงดนตรีดังขึ้นพร้อมคิมจีวอนที่เดินจากไปโดยไม่ลืมยักคิ้วให้จุนฮเว

     

     
     

    “ไม่มีทางแน่นอนคิมจีวอน”

     
     
     
     
     

    จุนฮเวยืนนิ่งมาตั้งแต่ยุนฮยองเดินเข้ามาในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออกเช่นนี้ เขาไม่สามารถแทรกเข้าไปในการเจรจาของทั้งคนสองทั้งที่เป็นเรื่องของตัวเขาด้วยซ้ำ ความรู้สึกอึดอัดจนพูดไม่ออกตั้งแต่จีวอนเดินจากไป เขาหันไปมองยุนฮยองซึ่งตอนนี้ใบหน้าเปื้อนยิ้มเมื่อครู่นิ่งลงจนอ่านความคิดไม่ออก

     
     
     

    "ผม..."

     
     
     

    "ว่าไง สรุปว่ามีอะไรอร่อยบ้าง หืม หยิบช็อกโกแลตมาเยอะเลยนิแสดงว่าอร่อยใช่ไหม" ยุนฮยองยิ้มอย่างอารมณ์ดีสำรวจบนจานในมือจุนฮเวที่เขาถือค้างไว้จนลืมมันไปด้วยซ้ำ 

     
     
     

    "งั้นเอาไปอีกล่ะกัน กลับกันเถอะ" หยิบช็อกโกแลตบนจานแก้วอีกเกือบสิบชิ้นวางบนจานในมือเขาก่อนเดินนำออกไปทางประตูของห้องจัดเลี้ยง

     
     
     

    "เดี๋ยว คุณจะกลับทั้งแบบนี้เลยหรอ" มือถือจานเดินตามอีกฝ่ายไปอย่างงุนงง

     

     
     
    “บรรยากาศมันไม่น่าอยู่แล้ว จะอยู่ต่อทำไมล่ะ กลับไปคุยเรื่องของเรากันดีกว่า”

     

     

     

     

     

     

    ความเงียบเข้าปกคลุมตัวของจุนฮเวบนรถม้าระหว่างทางกลับบ้าน สายตาว่างเปล่ามองออกไปนอกหน้าต่าง ยุนฮยองแค่กินช็อกโกแลตไปเรื่อยๆอย่างสบายอารมณ์ ยกช็อกโกแลตขึ้น ยื่นให้ทุกครั้งที่จุนฮเวหันไปมอง แต่อีกฝ่ายแค่เสยมองออกไปนอกหน้างต่างอีกครั้ง

     
     
     

    “ไว้วันหลังจะถามท่านลุงว่าได้ช็อกโกแลตมาจากไหน อร่อยกว่าที่คิดไว้ ท่านแม่คงชอบ” ยุนฮยองพูดพลางมองคนตรงหน้าซึ่งทำสีหน้านิ่งมองออกไปนอกหน้าต่างทำเหมือนไม่ได้ยินสิ่งที่เขาพูด

     

     

     
     

    “ฉันว่านายยังไม่พร้อมกับการเป็นผู้ติดตามของฉัน”

     

     

     
     

    จุนฮเวหันมามองหน้ายุนฮยองทันทีเมื่อสิ้นประโยค น้ำเสียงเรียบและใบหน้านิ่งบอกให้รู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้ล้อเล่น

     

     
     

    “ผมทำได้! ครั้งนี้ผมแค่พลาด”

     

     
     

    “แต่นายไม่สามารถรับมือจีวอนได้”

     

     
     

    “ยังมีเวลาอีกจนกว่าผมจะอายุสิบแปด ผมจะเรียนรู้หาวิธีเอาชนะเขา” น้ำเสียงอย่างไม่ยอมแพ้ ใบหน้าหงุดหงิด สายตาแข็งกร้าวส่งผ่านดวงตาคม ยุนฮยองถอนหายใจ

     

     
     

    “จุนฮเวมานั่งตรงนี้” ขยับตัวเองให้พื้นที่ด้านข้างว่างพอให้อีกคนมานั่งได้ จุนฮเวได้แต่มองหน้าเขา

     

     
     

    “อย่าให้พูดซ้ำสอง” อีกฝ่ายข้ามมานั่งข้างเขาอย่างไม่สบอารมณ์นัก

     

     
     

    “นายยังต้องเรียนรู้อีกเยอะ ต้องถ้านายรับมือกับคิมฮันบินกับคิมจีวอนยังไม่ได้ ไม่ต้องพูดถึงคนอื่นๆที่ยังตอนเจอยามคุยเรื่องธุรกิจ” มือของเขาคลายไทด์ของจุนฮเว ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตตรงคอออกหนึ่งเม็ด ยกมือขึ้นขยี้ทรงผมเรียบแปล้คนตรงหน้าให้กระจายออก จุนฮเวเบหน้าเบนตัวหนี ยุนฮยองมองผู้ติดตามคุณชายกลับมาเป็นเด็กน้อยคนเดิมของเขา

     

     
     

    “นายตั้งใจจะเป็นผู้ติดตามของฉันแน่นอนใช่ไหม?”

     

     
     

    “ผมไม่มีวันยกตำแหน่งนี้ให้ใคร”

     

     
     

    ดวงตาคมส่งสายตาไม่ยอมแพ้มาให้ ไม่ใช่สายตาเกรี้ยวกราดตอนเถียงกับคิมฮันบินและไม่ใช่สายวูบไหวยามโดนคิมจีวอนโอบไหล่ แน่นอนเขาเห็นทุกอย่าง เขาไม่มีทางปล่อยให้คนตรงหน้าคลาดสายตาไปได้หรอก แต่เขาแค่อยากให้มั่นใจว่าเด็กน้อยของเขาพร้อมที่จะเป็นผู้ติดตามของเขาหรือยัง ซึ่งเป็นการดีที่วันนี้ได้เห็นอย่างชัดเจนว่ายังต้องขัดเกลากันอีก

     

     
     

    “ช่วงเวลาที่เหลือคราวนี้ฉันจะสอนนายเอง ทุกอย่างที่ฉันรู้กับนาย ตัวต่อตัว หลังจากนี้ไม่ว่าใครหน้าไหนไม่มีทางทำอะไรนายได้แน่นอน”

     

     
     

    นิ้วชี้ตัวเขาเองก่อนชี้กลับไปตรงอกคนตรงหน้า สายตาอันแน่วแน่ส่งให้อีกฝ่ายอย่างไม่ยอมแพ้เช่นกัน

     

     
     
     
     

    “เพราะคุณชายซงยุนฮยองเองต้องการแค่กูจุนฮเวเป็นผู้ติดตามของเขาเท่านั้น”

     

     

     
     
     

    Talk:  ซีรีย์คุณชายซงที่ไม่ใช่ซงมินโฮ แต่เป็นคุณชายซงยุนฮยองสุดหล่อกับผู้ติดตามจุนเน่ จากตอนแรกแค่ลองๆแต่งตอนที่แล้วไปมาเป็นตุเป็นตะเลยค่ะ โถ่ๆๆๆๆๆๆๆๆ บอกได้แค่ว่าหลงค่ะ หลงคุณชายโฮกกกก เพ้อมาก ขั้นวาดแฟนอาร์ต ฮ่าๆๆๆ คาดว่าน่าจะมีอีกตอนแล้วจบซีรีย์นี้ แต่คาดเดาอะไรไม่ได้ค่ะ อีกไรต์คนนี้อยู่ดีๆอย่างทำอะไรก็ทำ ฮ่าๆๆๆ

     

    ขอบคุณทุกๆคนที่หลงเข้ามาเข้าลัทธิพี่ยุนสุดหล่อของเราทุกๆคนเลยนะคะ เป็นกำลังให้เราคิดถึงพี่ยุนคนหล่อได้ต่อไปอีกเรื่อยๆเลยค่ะ ฮ่าๆๆๆๆ เจอกันเรื่องหน้าค่า

    **ขอบคุณสำหรับเตือนคำผิดค่าา TT*

     

    #ฟิคต่อเรือ

     

    Thanks For Sweet Lovely Theme : O W E N TM.

      O W E N TM.
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×