ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    my. Hidden Room *S t o r a g e

    ลำดับตอนที่ #103 : Translate :: The Epic of Zektbach - Empress Matin [Part 1]

    • อัปเดตล่าสุด 2 ก.พ. 55



    แปลไม่เรียงนะคะ อันไหนชอบมากก็แปลก่อน (ฮา)

    สำหรับเพลงประจำบทนี้คือ Each Desire ~Nox~ เด้อค่ะเด้อ -0-//



    =================================================================

    The Epic of Zektbach - Empress Matin

    Part 1 - หมู่บ้านไร้นามที่อยู่ลึกเข้าไปในป่าโกงกาง


    ฟาโล คลีเดียร์เอทินเคียล์ (Falo Credere Etincelle) ได้รับพระราชโองการจากจักรพรรดินีมาติน (Matin) ให้ตามหาน้องชายผู้สาปสูญไปนาน เขาได้รับเบาะแสสำคัญจากนักขายข่าวแห่งเมืองฟาลูน (Falune) ว่ามีเด็กหนุ่มที่หน้าตาละม้ายคล้ายคลึงกับองค์จักพรรดินีอาศัยลึกอยู่ในป่าแห่งพานาน (Panan) และเด็กหนุ่มผู้นั้นเองก็เป็นหัวหน้าของกองทหารลับอีกด้วย
                เป็นเบาะแสที่น่าเชื่อถือ...เช่นนั้นเขาจึงเร่งเดินทางเข้าไปในป่าลึก จนกระทั่งพบหมู่บ้านเล็กๆที่ไม่ปรากฎชื่อบนแผนที่ ไม่สิ ไม่ควรเรียกที่นี่ว่าหมู่บ้านด้วยซ้ำไป หมู่บ้านแห่งนี้นั้นมีแต่กระโจมที่ทำจากไม้โกงกางที่ขึ้นอยู่รอบๆ ชาวบ้านเองก็สวมเสื้อผ้าที่ราวกับห่อด้วยผ้าขี้ริ้ว และร้องโอดโอยด้วยความหิวโหย
    นี่หรือคือช่องว่างระหว่างชนชั้น ที่นี่ช่างแตกต่างกับโนวาริสต้า (Novarista) เมืองหลวงแห่งอาณาจักรอันศักดิ์สิทธิ์เหลือเกิน ถ้าจะให้เรียกที่นี่เองก็ไม่ต่างกับสลัมหรือซ่องโจรเลยแม้แต่น้อย
     
    หลังจากตรวจตรารอบๆจนกระทั่งมั่นใจแล้ว ฟาโลพบว่าในค่ายแห่งนี้ส่วนใหญ่จะเป็นผู้คนจะตะวันออก หรือที่เรียกกันว่า "อเซม" (Asem) ชนเผ่าใหญ่แห่ง อะซูวกาธ (Azuelgatt) อาณาจักรอะซูวกาธนั้นล่มสลายไปแล้ว ไม่แปลกเลยที่ผู้ชนจะอพยพมาอยู่ที่นี่ แต่ถึงกระนั้นพวกโจรขึ้นค่าหัวเองก็หลบอยู่ที่นี่ไม่น้อยเหมือนกัน... ฟาโลเข้าไปในค่าย สุรเสียงก็พลันเงียบลง สายตานับร้อยมองเขาอย่างเคลือบแคลงใจ ชายหนุ่มหลายคนเริ่มจับดาบขึ้นมาตั้งท่า พร้อมที่จะจู่โจมเขาทุกเวลา บรรยากาศถูกปกคลุมด้วยความตึงเครียด จนกระทั่งเด็กหนุ่มผู้หนึ่งก้าวออกมาทำลายความเงียบน่าหวาดหวั่นนั้นลง
     
    "เกิดอะไรขึ้นน่ะ?"
     
    เด็กหนุ่มสวมใส่เสื้อผ้าหรูหรา ให้ความรู้สึกเหมือนพวกชนชั้นสูง ใบหน้างดงามหมดจดจนไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคนที่ดูสูงส่งเช่นนี้จะอยู่ในสถานที่กันดารเฉกเช่นที่นี่
     
    "เจ้าเป็นใคร? มาที่นี่ทำไม?"
     
    เด็กหนุ่มถามฟาโลด้วยน้ำเสียงสุขุม
     
    ฟาโลเงยหน้ามองเด็กหนุ่ม แต่ก็ต้องตะลึง เส้นผมสีบลอนด์แพลทินั่มยาวถักไว้เป็นเปียเดี่ยว ดวงตากลมโตสดใสเด็กหนุ่มผู้นี้ไม่เพียงงดงามราวกับจักรพรรดินีมาตินนายเหนือหัวของเขา ทว่าใบหน้าของเด็กหนุ่มยังเหมือนพระนางราวกับถอดออกมาจากพิมพ์เดียวกัน
     
    "นี่ข้ากำลังมองกระจกของพระนางอยู่หรือไร?" เขาพึมพำกับตนเอง "ท่านนี้จะต้องเป็นผู้สืบสายโลหิตเดียวกับองค์จักพรรดินีมาตินไม่ผิดแน่"
     
    ไม่ต้องสงสัยอันใดอีกแล้ว ชั่วชีวิตนี้ฟาโลไม่เคยเห็นใครที่มีใบหน้าเหมือนกันเช่นนี้มาก่อนเลย
     
    "เจ้าจะสับสนอะไรนักหนา?" เด็กหนุ่มถาม
    "ตอบคำถามข้ามา!!"
     
    แม้เด็กหนุ่มจะยังดูเยาว์วัยทว่าน้ำเสียงกลับผึ่งผายและดุดัน
     
    "พวกชนชั้นสูงในอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ขับไล่ข้า" ฟาโลตอบ "ข้าออกจากเมืองที่น่ากลัวนั้น และกลายเป็นนักเดินทาง เมื่อข้าได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับท่านและกองทหารของท่านแล้วสนใจ ข้าเลยมาที่นี่เพื่อที่จะเข้าร่วมกับท่าน"
     
    ใช่แล้ว ทั้งหมดนั่นล้วนไม่จริง นักขายข่าวบอกฟาโลให้พูดเช่นนั้นกับเด็กหนุ่ม ไม่เช่นนั้นเขาอาจตกอยู่ในอันตรายได้
     
    "เจ้าว่าเจ้าอยากร่วมกับกองกำลังของเราหรือ? จะมองยังไงเจ้าก็เหมาะที่จะเป็นนักดาบมากกว่า เจ้าคงไม่ใช่อัศวินแห่งราชอาณาจักรปลอมตัวมาหรอกนะ?"
     
    ทันใดนั้นเด็กหนุ่มก็วาดดาบลงมาจ่อที่คอของฟาโล
     
    'สถานการณ์อันตรายแฮะ....' ฟาโลคิดกับตัวเอง
    'พวกคนที่นี่จะต้องเป็นกบฎไม่ผิดแน่ แล้วเด็กคนนี้... คงจะเป็นหัวหน้าของกลุ่มกบฎ'
     
    หลังจากครุ่นคริดถึงสถานการณ์ตอนนี้แล้ว ฟาโลตัดสินใจเปลี่ยนเรื่องเพื่อที่จะยืนยันว่าเด็กหนุ่มผู้นี้คือน้องชายขององค์จักรพรรดินีจริงๆ
     
    "ท่านมีพี่น้องบ้างหรือเปล่า?"
     
    "แล้วเจ้าคิดว่าไงล่ะ? เจ้าคิดยังไงถึงถามคำถามพรรค์นั้นตอนดาบกำลังจ่อคอหอยเจ้ามาได้? เป็นชายที่แปลกเสียจริง!"
     
    เด็กหนุ่มเอ่ยขึ้นอย่างแปลกใจ แต่ไม่นานเขาก็ตอบคำถามฟาโลด้วยสีหน้าจริงจัง
     
    "ผู้คนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่คือพี่น้องของข้า ข้าเป็นส่วนหนึ่งของที่นี่ อันที่จริงข้าเคยมีพี่สาวมาก่อน นางเลี้ยงดูข้าเหมือนแม่ แต่ตอนนี้... นางจากไปแล้ว เป็นความผิดของราชอาณาจักร! เพราะฉะนั้นข้าจึงสร้างครอบครัวใหม่ที่นี่ เราแบ่งปันหัวใจและความเกลียดชังให้แก่กัน นั่นล่ะคือคำตอบของข้า พอใจรึยัง?"
     
    เหตุใดเด็กหนุ่มถึงถูกแยกออกจากมาติน? เหตุใดถึงได้มาเป็นหัวหน้ากลุ่มกบฎ? ฟาโลไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเด็กหนุ่มมาก่อนเลย แต่ตอนนี้เขาได้รู้สองอย่างแล้วนั่นคือเด็กหนุ่มยังไม่รู้ว่ามีพี่สาวที่แท้จริงอยู่อีกหนึ่งคน และเขาเกลียดชังอาณาจักรอันศักดิ์สิทธิ์มากเพราะการตายของพี่สาวไม่แท้
     
    'ทำไมถึงต้องเป็นเช่นนี้ด้วย?' เขาครุ่นคิด 'น้องชายของนายเหนือหัวข้าคือหัวหน้ากลุ่มกบฎ แบบนี้ข้าจะนำเรื่องนี้ไปทูลพระนางได้อย่างไร...?'
     
    ฟาโลรู้สึกเหมือนหัวใจกำลังแหลกสลาย เขาจงรักภักดีกับพระนางเกินกว่าที่จะเห็นพระนางเจ็บปวด ยากจะจินตนาการว่าอะไรจะเกิดขึ้นหากเขาได้ทูลทุกสิ่งออกไป หัวใจของพระนางจะต้องถูกทิ่มแทงด้วยความเจ็บปวดเป็นแน่
     
    "ทำไมเจ้าถึงทำหน้าเศร้าสร้อยแบบนั้น? อย่างที่ข้าคิด เจ้าเป็นพ่อหนุ่มที่แปลกจริงๆ"
     
    เด็กหนุ่มเก็บดาบรูปร่างประหลาดเข้าฝัก เขาดูเหมือนจะสับสนกับท่าทางแปลกๆของฟาโลเป็นอย่างมาก
     
    "บางทีเจ้าอาจจะไม่เป็นพิษเป็นภัยอะไรก็ได้ เอาเถอะ ไหนๆตะวันก็จะลับของฟ้าแล้ว ข้าอนุญาติให้เจ้านอนค้างสักคืนแล้วกัน"
     
    "เดี๋ยวก่อน! ข้าไม่อยากแค่ค้างเฉยๆ ได้โปรดฟังข้าก่อน อันที่จริงแล้ว..."
     
    ทันใดนั้นชายรูปร่างกำยำก็เดินออกมาจากพุ่มเงาของต้นโกงกาง เขาแบกหมูป่าตัวอ้วนท้วมไว้บนหลัง
     
    "นอกซ์! (Nox) คืนนี้เรามีอาหารดีๆกินกันแล้ว ดูซะก่อนว่าข้าจับหมูป่าได้ตัวใหญ่แค่ไหน!"
     
    "ยินดีต้อนรับกลับขอรับ ท่านพ่อ"
     
    ความตกตะลึงแล่นผ่านฟาโลอีกครั้ง เขารู้จักชายรูปร่างกำยำผู้นี้เป็นอย่างดี ชายผู้เคยเป็นหัวหน้าของ "Noi De Ragnia" (องครักษ์หลวง) และเป็นมาสเตอร์ที่รักยิ่งของเขาด้วย ท่านอดุค (Adhuc) หายตัวไปจากสาธารณชนกว่า 10 ปี ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับท่าน เหตุใดท่านถึงปรากฎตัวในที่แบบนี้กัน?
     
    ก่อนที่ฟาโลจะเปิดปาก อดุครวบตัวฟาโลอย่างรวดเร็วก่อนลากเขาเข้าไปในป่า
     
    "ฟาโล!เจ้ามาทำอะไรที่นี่? ถ้าเหตุผลของเจ้าไม่ดีพอ เจ้าได้ไปพบยมบาลแน่"
     
    "ข้าเองก็อยากถามท่านเหมือนกันมาสเตอร์! หลายปีมานี้ท่านหายไปไหนมา? ทำไมท่านถึงมาเข้ากับกลุ่มกบฎ? ท่านเคยถูกเรียกว่า "ชายหนึ่งเดียว" ของเหล่าองครักษ์ไม่ใช่หรือไร?"
     
    "เรื่องนั้น...ข้าทำไปก็เพื่อนอกซ์ หากเจ้าจงรักภักดีกับองค์จักพรรดินี เจ้าคงเข้าใจข้า"
     
    "นอกซ์? เด็กหนุ่มผู้นั้นน่ะรึ? เขาเป็นน้องชายของพระนางจริงๆใช่ไหม? องค์จักรพรรดินีปรารถนาที่จะพบเขามาก พระนางกังวลเกี่ยวกับเขามาโดยตลอด ด้วยความรักแด่องค์เหนือหัว ข้าจะต้องพาท่านลอร์ดนอกซ์ไปพบพระนางให้ได้"
     
    "ฟาโล..." อดุคถอนหายใจอย่างหนักหน่วง "ข้าจะไม่พูดอะไรอีก ได้โปรดไปจากที่นี่เถอะนะ เจ้าคงฉลาดพอที่จะรู้ว่าพวกเขาเกลียดชังอาณาจักรเจ้ามากแค่ไหน โดยเฉพาะนอกซ์ เขาถูกทอดทิ้ง และที่สำคัญพี่สาวไม่แท้ที่เขารักมากและสหายมากมายต่างก็ถูกอาณาจักรสังหาร ไม่มีใครปลดปล่อยเขาจากความเกลียดชังนี้ได้หรอก  เขาโทษว่าเป็นความผิดของอาณาจักรและมันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ อาณาจักรเสื่อมโทรมจากเหล่าขุนนางคดโกงมานานนับร้อยปีแล้ว เจ้าก็รู้"
     
    "แต่อัศวินหลวงจะต้องจงรักภักดีต่อเจ้านายจนกว่าชีวิตจะหาไม่ ชีวิตของข้าเป็นขององค์จักพรรดินี หากท่านยังคงเป็นอัศวินอยู่ล่ะก็ ท่านต้องเข้าใจข้าสิ"
     
    "แต่เจ้าไม่เข้าใจความโศกเศร้าของนอกซ์! หากความเที่ยงธรรมของเจ้าคือการยืนหยัดเคียงคู่จักรพรรดินีหุ่นเชิดนั่น ความเที่ยงธรรมของข้าคือการยืดหยัดเคียงข้างนอกซ์ เขาสูญเสียทุกสิ่งมามากพอแล้ว อะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม เขาจะต้องไม่สูญเสียข้าไปอีกคน!"
     
    "ท่านลืมกฎแห่ง "Trisagionid" ไปแล้วหรือไร!" ฟาโลร้อง "ท่านไม่ใช่มาสเตอร์คนที่ข้าเทิดทูน ท่านไม่ใช่อัศวินอีกต่อไป มาสเตอร์ของข้าได้ตายลงไปหลายปีแล้ว..."
     
    เด็กหนุ่มนาม "นอกซ์" เดินมาหาพวกเขา ด้านหลังมีชาวบ้านเดินตามมาติดๆ
     
    "ท่านกำลังทำอะไรอยู่หรือท่านพ่อ? ความจริงแล้วชายผู้นี้เป็นใครกัน?"
     
    "เขาเป็น...องครักษ์หลวง ถูกส่งมาที่นี่เพื่อสืบเรื่องของพวกเรา ข้าเองก็อยากสังหารเขาด้วยตนเอง เพียงแต่...เขาเป็นหนึ่งในลูกน้องของข้า ข้าเปลี่ยนใจแล้ว ให้เขาผ่านไปเถอะนะ ถือว่าข้าขอแล้วกัน"
     
    "ว่าไงนะ!? เจ้าเป็นองครักษ์หลวงจริงๆรึ!?"
     
    หลังจากได้ยินแล้ว นอกซ์สูญเสียความเยือกเย็นไปชั่วครู่หนึ่ง...เขาแปรเปลี่ยนเป็นปีศาจแห่งความเกลียดชัง
     
    "แก...! เพราะท่านพ่อขอไว้หรอกนะ ข้าจะยอมให้เจ้าผ่านหนหนึ่ง แต่ถ้าเจ้ามาให้ข้าเห็นหน้าอีกครั้งล่ะก็  เจ้าตาย! กลับไปบอกจักรพรรดินีหุ่นเชิดนั่นด้วย ว่าอาณาจักรโสมมของมันจะต้องล่มสลายด้วยการพิพากษาแห่งความเที่ยงธรรม ไสหัวออกไปจากหน้าข้าเดี๋ยวนี้!!!"
     
    ฟาโลได้เห็นใบหน้าอันบิดเบี้ยวของนอกซ์ก็ตกตะลึงเป็นครั้งที่สาม เขาไม่สามารถเอ่ยสิ่งใดออกไปได้เลย ก่อนจะจากไปอย่างเงียบงัน
     
    ดวงตาใสเป็นประกายคู่สวยของนอกซ์ ดวงตาแบบเดียวกันกับมาติน ค่อยๆแปรเปลี่ยนกลายเป็นสีแดง...
     
    ...สีแดงของเลือด...
     

    To Be Continued....
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×