ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Thx 2
~ ~ ~ ~ เสียงข้อความเข้า ....... ~ ~ ~
........
พิชผละจากนายน์ด้วยความเขิล เราจะทำไรเนี่ยพิชคิดแล้วก็เขิล เลยมองไปที่หน้านายน์ซึ่งตอนนี้ก็แดงไม่แพ้กัน
“ดูก่อนสิพิช” นายน์เอามือมาลูบหัวตัวเองและบอกให้พิชดูข้อความที่ส่งมาเพราะตัวเองก็เขิลจนไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดีตอนนี้
“อืม” พิชยิ้มให้นายน์แบบเขิลๆ แล้วหยิบมือถือออกมาดูข้อความที่ส่งมา
....... ขอโทษสำหรับเรื่องวันนี้ .......
.......... โอ้รู้ว่าไม่ควรทำแบบนั้น ...............
.............. ให้โอกาสโอ้ได้คุยกับพิชอีกครั้งได้ไหม .................
........................ ขอครั้งนี้ ครั้งสุดท้าย ...........................................
.............................................โอ้........................................................
นายน์สังเกตว่าพิชนิ่งไปหรือว่ายังอ่านไม่จบ นายน์ก็อยากรู้ว่าใครส่งข้อความมาแต่ก็ไม่อยากยุ่งกับเรื่องส่วนตัวของพิชมากไปมันจะดูไม่ดี
พิชรู้สึกสับสนว่าควรจะทำยังไงดีควรจะไปพบโอ้ดีไหม สมองพิชบอกว่าไม่ควรไป แต่ในใจพิชกับบอกว่าควรจะให้โอกาสโอ้สักครั้ง แล้วถ้าเกิดเรื่องแบบวันนี้ละ พิชรู้สึกขัดแย้งในความคิดของตัวเอง เขาควรปรึกษานายน์ดีไหม ..... ไม่ดีกว่า ไม่ควรเอานายน์มายุ่งเรื่องไร้สาระแบบนี้
“นายน์จะกลับเลยเปล่า เราง่วงๆแล้วอ่ะ พรุ่งนี้ต้องไปประชุมเรื่องงานโชว์ตัวด้วยอ่ะ” พิชไม่อยากให้นายน์ถามเรื่องข้อความ เลยให้นายน์กลับบ้านตอนนี้จะดีกว่าก่อนที่จะหลุดปากพูดไป
“อืมกลับเลยก็ได้ รีบนอนซะละ” นายน์ไม่ได้ว่าอะไร เพราะคิดว่าสงสัยพี่มะเดี่ยวคงส่งข้อความมาเตือนเรื่องงาน พิชเลยรีบนอนกลัวไปสายเดี๋ยวโดนพี่มะเดี่ยวว่าได้
พิชเดินลงมาส่งนายน์ที่หน้าตึก รถแท๊กซี่ขับผ่านมาพอดีนายน์เลยโบกเรียกไว้
“รีบนอนเร็วๆละ” นายน์บอกอีกรอบเพื่อความแน่ใจ
“จ้า บอกกี่รอบแล้วเนี่ย” พิชยิ้มขำๆ
“ไปได้แล้วแท๊กซี่รอนานแล้ว เดี๋ยวโดนแท๊กซี่ด่าหรอก” พิชทำท่าโบกมือไล่
“ฮ่าๆ กลัวป่ะละ” นายน์แซวพิชกลับ
“เออ.... ก่อนกลับขอไรก่อนดิ” พิชทำหน้าตั้งคำถามกับนายน์ว่าจะเอาอะไร
นายน์ไม่รอช้ารีบคว้าตัวพิชแล้วจุ๊บที่แก้ม 1 ที แล้วรีบขึ้นแท๊กซี่ไป ปล่อยให้พิชยืนเอ๋อดูรถวิ่งลับตาไป ด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ ...........
*
*
*
*
*
อากาศสดใสในยามเช้าแสงแดดอ่อนๆที่ตกกระทบลงบนผิวเนียนที่เล็ดลอดมาจากช่องโหว่งตรงผ้าม่าน ทำให้พิชรู้ได้ทันทีว่าเช้าแล้ว พิชตื่นขึ้นมาแบบเบลอๆเพราะตื่นมาก่อนที่นาฬิกาปลุกจะดัง พิชคิดถึงเรื่องเมื่อคืนว่าตัวเองฝันไปหรือเปล่า เพราะเรื่องระหว่างเขากับนายน์มันไม่น่าที่จะ.......เฮ้อ.......พิชถอนหายใจ พิชเอามือลูบไปที่แก้มที่โดนขโมยหอมไป..................ทำให้เกิดรอยยิ้มต้อนรับเช้าวันใหม่ วันนี้คงเป็นวันที่มีอะไรดีๆมั่งละนะ พิชคิดในใจและขอให้เป็นยังงั้นด้วยเถอะ
*
*
*
*
*
บรรยากาศในห้องประชุมเป็นไปอย่างราบรื่น แต่ถ้าให้ดีในความคิดของพิชคือไม่ควรมีโอ้มาด้วย โชคดีที่โอ้นั่งห่างจากเขาพอสมควร พิชพยายามไม่มองไปทางโอ้เพราะโอ้พยายามมองมาทางพิชตลอดเวลาที่เริ่มประชุม
พอจบประชุมทุกคนแยกย้ายกันไปทำงานต่อ พิชพยายามปลีกตัวออกมาให้เร็วที่สุดแต่โดนพี่มะเดี่ยวเบรกชวนคุยซะก่อน พอคุยเสร็จหันมาอีกทีโอ้หายไปแล้ว พิชคิดว่าก็ดีเหมือนกันที่ไม่ต้องเจอระหว่างทางเดินออกจากออฟฟิต พิชก็เห็นโอ้ยืนรออยู่ที่ทางออก เฮ้อ....คงหลีกเลี่ยงไม่ได้จิงๆสินะ
“หวัดดีพิช” โอ้กล่าวทักทาย เพื่อดูอารมณ์ของพิชก่อน
“อืม” พิชตอบกลับเสียงเรียบๆ โอ้รู้ว่าพิชยังคงโกรธตัวเองอยู่เรื่องเมื่อวานอยู่
“โอ้ขอคุยกับพิชได้ไหม” โอ้มองหน้าพิชด้วยสายตาที่อ้อนวอน จนพิชเริ่มใจอ่อน ( ทำไมเราถึงใจอ่อนง่ายยังนี้นะ พิชด่าตัวเองที่ใจอ่อนเกินไป )
“ยังจะมีไรให้คุยอีกละห่ะ เหตุผลเดิมๆอีกละสิ” พิชไม่อยากจะฟังคำแก้ตัวจากคนๆนี้อีก
“ไม่ใช่แบบนั้น โอ้อยากพูดกับพิช เรื่องที่โอ้จะพูดนี้ โอ้อยากคุยให้มันรู้เรื่องไปเลย โอ้จะได้ตัดใจ” พิชหันมามองหน้า “ตัดใจ” พิชรู้สึกสับสนทันทีเมื่อได้ฟังคำนี้
“เราไม่เข้าใจ......อะไร.....โอ้ต้องการอะไร” พิชรู้สึกสับสน ไม่เข้าใจว่าโอ้ต้องการอะไร อะไรคือตัดใจ
“แล้วพิชจะยอมฟังโอ้สักครั้งได้ไหม” โอ้มองหน้าพิชเพื่อหาคำตอบ
“อืม ครั้งนี้ครั้งสุดท้ายที่เราจะรับฟัง”
*
*
*
*
*
บรรยากาศที่ร้าน Swensen ช่วงเช้าไม่ค่อยมีคนพลุกพล่านเท่าไร คนสองคนที่นั่งมองออกไปนอกหน้าต่างใครมองก็คงดูออกว่าบรรยากาศไม่ค่อยจะดี เมนูที่ถูกสั่งไปแล้วโดยคนที่อยากจะมาอธิบาย ความจริงโอ้จะพาพิชไปหาร้านอาหารเงียบๆนั่งคุยแต่พิชบอกว่ายังไม่หิวโอ้เลยไม่อยากขัดใจเท่าไร กลัวอีกฝ่ายจะอารมณ์เสียเดี๋ยวเปลี่ยนใจไม่ยอมคุยด้วยอีก
“พิชโกรธโอ้เรื่องเมื่อวานสินะ” เมื่อพูดออกไปแล้วโอ้ก็อยากตบปากตัวเองที่ถามโดยไม่คิดให้ดีก่อน
พิชเงียบไม่พูดอะไร ได้แต่มองออกไปข้างนอก
“เออ....โทษ.....” โอ้กำลังจะขอโทษที่ถามออกไป
“โกรธ” พิชหันมามองหน้า โอ้ตกใจในตอนแรกเพราะอยู่ๆพิชก็หันมาพูด เขาไม่ได้ตั้งตัว
“อืม โอ้ก็รู้อยู่แล้วละว่าพิชต้องโกรธ” โอ้รู้สึกดีขึ้นที่พิชพูดอะไรออกมาดีกว่าปิดปากเงียบ
“เกลียด รู้สึกแย่เลยละ ไม่เคยคิดเลยว่าโอ้จะกล้าทำกับเราแบบนี้” พิชจ้องหน้าโอ้ด้วยความโกรธ พิชรู้สึกโกรธจริงๆ โอ้ไม่น่าทำกับเขาแบบนี้
พนักงานนำไอศครีมมาเสิร์ฟที่โต๊ะช่วยคั้นอารมณ์ของทั้งสองได้พอดี พิชตักไอศครีมเข้าปากเพื่อดับอารมณ์ร้อนของตัวเอง เขาก็อยากรู้ว่าโอ้ต้องการจะพูดอะไร โอ้ถึงได้ชวนเขามาคุยและถ้าเขายังระงับอารมณ์ไม่ได้คงไม่ได้คุยกันพอดี
“ตั้งแต่ที่เราเจอกันตอนแรก” โอ้เริ่มพูดในสิ่งที่ตัวเองอยากพูด พิชนั่งฟังและกินไอศครีมไปพลางเพื่อตัวเองได้ไม่ต้องไปขัดตอนโอ้พูด
“โอ้คิดว่าโอ้กับพิชคงคุยกันไม่รู้เรื่องแน่ๆ ..... คือยังไงดีละเราคุยกันค่อนข้างคนละภาษา คือแบบว่า..คุยกันคนละเรื่องอ่ะ ....... แต่พอโอ้ได้พูดคุยกับพิชแบบจริงจังโอ้ก็รู้สึกแปลกใจว่าโอ้ก็สามารถพูดคุยกับพิชได้ปกติแบบที่คุยกับคนอื่น”
พิชเริ่มฟังอย่างตั้งใจและรอโอ้จิบน้ำเสร็จเพื่อพูดต่อ โอ้เงยหน้าขึ้นมาสบตาพิชแล้วพูดต่อ
“ยิ่งโอ้ได้คุยกับพิชมากขึ้นโอ้ก็ยิ่งรู้สึกดีมากขึ้น ตอนแรกก็ไม่ค่อยเข้าใจว่ามันคืออะไร คิดแค่ว่าได้คุยกันแล้วมีความสุขก็พอ”
พิชรู้สึกเริ่มใจสั่นกับคำพูดของโอ้ขึ้นเรื่อยๆ นี้โอ้ต้องการจะบอกอะไรกันแน่
“ยิ่งนานวันสถานะของโอ้กับพิชก็ยิ่งคลุมเครือ โอ้เริ่มรู้สึกแปลกๆและสับสน โอ้ไม่รู้ว่าตัวเองคิดยังไงหรือรู้สึกยังไง” โอ้ก้มหน้าเหมือนพยายามกลืนอะไรบ้างอย่างลงคอแล้วเงยหน้าขึ้นมาสบตา
“โอ้พยายามถามตัวเองตลอดเวลาว่าตัวเองรู้สึกยังไงกัน......ตอนวันที่เราทะเลาะกันโอ้ก็ได้รู้ว่าตัวเองคิดยังไง วันนั้นโอ้รู้ว่าโอ้งี่เง่าหาเรื่องชวนทะเลาะ.... ตอนนั้นเผอิญว่าโอ้เห็นนนกำลังกอดพิชพอดีโอ้ก็เลยรู้สึกโมโห ....... โอ้รู้ว่าความจริงมันไม่ได้มีอะไรแค่พิชกับนนท์เล่นกันเฉยๆ แต่......โอ้ไม่รู้ว่าทำไมโอ้ถึงต้องโมโหถึงขนาดนั้น พอเราทะเลาะกันเสร็จ ...... โอ้ก็กลับมานอนคิดทบทวนอีกครั้ง......โอ้เลยโทรหาพิชเพื่อขอเครียเรื่องที่ทะเลาะกันและก็เกิดเรื่อง......” โอ้หันมาสบตาพิช
“ที่โอ้ทำอะไรเลวๆแบบนั้นตอนนั้นเพราะรู้สึกว่าพอมาคุยกันทำไมพิชถึงต้องเข้าข้างนนท์ขนาดนั้นโอ้รู้ว่าโอ้ผิด แต่โอ้รู้สึกหึงพิชมากตอนนั้น”
“เคร้งงงงงง” เสียงช้อนตกจากมือพิชกระทบโต๊ะ พิชอึ้งจนพูดอะไรไม่ออก
โอ้สบตาพิชอีกครั้ง ครั้งนี้แววตาโอ้เปลี่ยนไปมากจนพิชรู้สึกได้ถึงความหวั่นไหวของตัวเอง
“โอ้ไม่รู้ว่าจะแก้ตัวยังไงดี แต่....” โอ้ไม่ยอมละสายตาเลยตอนที่พูด
พิชรู้สึกว่าใจตัวเองเต้นมากขึ้น ( ตึก ตึก ตึก )
“โอ้รู้แล้วว่า.........โอ้รักพิช”
หลังจบประโยคก็เหลือเพียงเสียงหัวใจสองดวงที่เต้นประสานกัน
ตึก ตึก ตึก ตึก ~ ~ ~ ~
*
*
*
*
*
ในห้องซ้อมดนตรีที่ตอนนี้เสียงดนตรีได้หยุดลงแล้วเพราะทุกคนกำลังแยกย้ายกันกลับบ้าน ทุกคนต่างก็เก็บเครื่องดนตรีของตัวเอง วันนี้นายน์อารมณ์ดีจนเพื่อนๆในวงหลายคนสงสัย แต่ก็ไม่ได้ถามไรมากเพราะรู้ว่าไอ้นี้มันบ้าแบบนี้อยู่แล้วเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย
“วันนี้อารมณ์ดีเกินไปเปล่าว่ะมึง” นนท์หันมาแซวเพื่อนซี้ตัวเอง
“นั้นดิ กูอารมณ์ดีเกินไปเปล่าว่ะ” นายน์ตอบแบบกวนๆ
“มีไรเปล่าว่ะมึง กูขอเสือกหน่อยเหอะ กูเห็นมึงพูดไม่รู้เรื่องตั้งแต่เมื่อวานที่กูโทรหามึงละ” นนท์หันมาถามและลงมือเก็บกีตาร์ต่อ
“กูมีอะไรจะบอกมึงว่ะ” นายน์หันมาพูดกัยนนท์แบบจริงจัง
“อะไรว่ะ แล้วทำไมต้องจริงจังด้วยว่ะ ไอ้นี้ประสาท” นนท์ส่ายหน้ากำลังท่าทางบ้าบอของเพื่อนตัวเอง
“กูชอบพิชว่ะ” นนท์ได้ยินก็หันหน้ามามอง
“เรื่องของมึงสิ” นนท์ตอบแบบกวนประสาทกลับไป นายน์หมั่นไส้เลยจะตบหัวนนท์ แต่นนท์รู้ทันเลยวิ่งหนีไปก่อน ทั้งสองคนวิ่งไล่กันจนออกจากห้องไป ปล่อยให้เหลือเพียงคนเดียวที่ยืนอึ้งเมื่อได้ยินคำว่า “ชอบพิช” จากปากของนายน์
“พี่นายน์ชอบพิชหรอ” หัวใจดวงน้อยของคนที่ได้ยินกำลังสั่นไหวด้วยความเศร้า .................................
พิชผละจากนายน์ด้วยความเขิล เราจะทำไรเนี่ยพิชคิดแล้วก็เขิล เลยมองไปที่หน้านายน์ซึ่งตอนนี้ก็แดงไม่แพ้กัน
“ดูก่อนสิพิช” นายน์เอามือมาลูบหัวตัวเองและบอกให้พิชดูข้อความที่ส่งมาเพราะตัวเองก็เขิลจนไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดีตอนนี้
“อืม” พิชยิ้มให้นายน์แบบเขิลๆ แล้วหยิบมือถือออกมาดูข้อความที่ส่งมา
....... ขอโทษสำหรับเรื่องวันนี้ .......
.......... โอ้รู้ว่าไม่ควรทำแบบนั้น ...............
.............. ให้โอกาสโอ้ได้คุยกับพิชอีกครั้งได้ไหม .................
........................ ขอครั้งนี้ ครั้งสุดท้าย ...........................................
.............................................โอ้........................................................
นายน์สังเกตว่าพิชนิ่งไปหรือว่ายังอ่านไม่จบ นายน์ก็อยากรู้ว่าใครส่งข้อความมาแต่ก็ไม่อยากยุ่งกับเรื่องส่วนตัวของพิชมากไปมันจะดูไม่ดี
พิชรู้สึกสับสนว่าควรจะทำยังไงดีควรจะไปพบโอ้ดีไหม สมองพิชบอกว่าไม่ควรไป แต่ในใจพิชกับบอกว่าควรจะให้โอกาสโอ้สักครั้ง แล้วถ้าเกิดเรื่องแบบวันนี้ละ พิชรู้สึกขัดแย้งในความคิดของตัวเอง เขาควรปรึกษานายน์ดีไหม ..... ไม่ดีกว่า ไม่ควรเอานายน์มายุ่งเรื่องไร้สาระแบบนี้
“นายน์จะกลับเลยเปล่า เราง่วงๆแล้วอ่ะ พรุ่งนี้ต้องไปประชุมเรื่องงานโชว์ตัวด้วยอ่ะ” พิชไม่อยากให้นายน์ถามเรื่องข้อความ เลยให้นายน์กลับบ้านตอนนี้จะดีกว่าก่อนที่จะหลุดปากพูดไป
“อืมกลับเลยก็ได้ รีบนอนซะละ” นายน์ไม่ได้ว่าอะไร เพราะคิดว่าสงสัยพี่มะเดี่ยวคงส่งข้อความมาเตือนเรื่องงาน พิชเลยรีบนอนกลัวไปสายเดี๋ยวโดนพี่มะเดี่ยวว่าได้
พิชเดินลงมาส่งนายน์ที่หน้าตึก รถแท๊กซี่ขับผ่านมาพอดีนายน์เลยโบกเรียกไว้
“รีบนอนเร็วๆละ” นายน์บอกอีกรอบเพื่อความแน่ใจ
“จ้า บอกกี่รอบแล้วเนี่ย” พิชยิ้มขำๆ
“ไปได้แล้วแท๊กซี่รอนานแล้ว เดี๋ยวโดนแท๊กซี่ด่าหรอก” พิชทำท่าโบกมือไล่
“ฮ่าๆ กลัวป่ะละ” นายน์แซวพิชกลับ
“เออ.... ก่อนกลับขอไรก่อนดิ” พิชทำหน้าตั้งคำถามกับนายน์ว่าจะเอาอะไร
นายน์ไม่รอช้ารีบคว้าตัวพิชแล้วจุ๊บที่แก้ม 1 ที แล้วรีบขึ้นแท๊กซี่ไป ปล่อยให้พิชยืนเอ๋อดูรถวิ่งลับตาไป ด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ ...........
*
*
*
*
*
อากาศสดใสในยามเช้าแสงแดดอ่อนๆที่ตกกระทบลงบนผิวเนียนที่เล็ดลอดมาจากช่องโหว่งตรงผ้าม่าน ทำให้พิชรู้ได้ทันทีว่าเช้าแล้ว พิชตื่นขึ้นมาแบบเบลอๆเพราะตื่นมาก่อนที่นาฬิกาปลุกจะดัง พิชคิดถึงเรื่องเมื่อคืนว่าตัวเองฝันไปหรือเปล่า เพราะเรื่องระหว่างเขากับนายน์มันไม่น่าที่จะ.......เฮ้อ.......พิชถอนหายใจ พิชเอามือลูบไปที่แก้มที่โดนขโมยหอมไป..................ทำให้เกิดรอยยิ้มต้อนรับเช้าวันใหม่ วันนี้คงเป็นวันที่มีอะไรดีๆมั่งละนะ พิชคิดในใจและขอให้เป็นยังงั้นด้วยเถอะ
*
*
*
*
*
บรรยากาศในห้องประชุมเป็นไปอย่างราบรื่น แต่ถ้าให้ดีในความคิดของพิชคือไม่ควรมีโอ้มาด้วย โชคดีที่โอ้นั่งห่างจากเขาพอสมควร พิชพยายามไม่มองไปทางโอ้เพราะโอ้พยายามมองมาทางพิชตลอดเวลาที่เริ่มประชุม
พอจบประชุมทุกคนแยกย้ายกันไปทำงานต่อ พิชพยายามปลีกตัวออกมาให้เร็วที่สุดแต่โดนพี่มะเดี่ยวเบรกชวนคุยซะก่อน พอคุยเสร็จหันมาอีกทีโอ้หายไปแล้ว พิชคิดว่าก็ดีเหมือนกันที่ไม่ต้องเจอระหว่างทางเดินออกจากออฟฟิต พิชก็เห็นโอ้ยืนรออยู่ที่ทางออก เฮ้อ....คงหลีกเลี่ยงไม่ได้จิงๆสินะ
“หวัดดีพิช” โอ้กล่าวทักทาย เพื่อดูอารมณ์ของพิชก่อน
“อืม” พิชตอบกลับเสียงเรียบๆ โอ้รู้ว่าพิชยังคงโกรธตัวเองอยู่เรื่องเมื่อวานอยู่
“โอ้ขอคุยกับพิชได้ไหม” โอ้มองหน้าพิชด้วยสายตาที่อ้อนวอน จนพิชเริ่มใจอ่อน ( ทำไมเราถึงใจอ่อนง่ายยังนี้นะ พิชด่าตัวเองที่ใจอ่อนเกินไป )
“ยังจะมีไรให้คุยอีกละห่ะ เหตุผลเดิมๆอีกละสิ” พิชไม่อยากจะฟังคำแก้ตัวจากคนๆนี้อีก
“ไม่ใช่แบบนั้น โอ้อยากพูดกับพิช เรื่องที่โอ้จะพูดนี้ โอ้อยากคุยให้มันรู้เรื่องไปเลย โอ้จะได้ตัดใจ” พิชหันมามองหน้า “ตัดใจ” พิชรู้สึกสับสนทันทีเมื่อได้ฟังคำนี้
“เราไม่เข้าใจ......อะไร.....โอ้ต้องการอะไร” พิชรู้สึกสับสน ไม่เข้าใจว่าโอ้ต้องการอะไร อะไรคือตัดใจ
“แล้วพิชจะยอมฟังโอ้สักครั้งได้ไหม” โอ้มองหน้าพิชเพื่อหาคำตอบ
“อืม ครั้งนี้ครั้งสุดท้ายที่เราจะรับฟัง”
*
*
*
*
*
บรรยากาศที่ร้าน Swensen ช่วงเช้าไม่ค่อยมีคนพลุกพล่านเท่าไร คนสองคนที่นั่งมองออกไปนอกหน้าต่างใครมองก็คงดูออกว่าบรรยากาศไม่ค่อยจะดี เมนูที่ถูกสั่งไปแล้วโดยคนที่อยากจะมาอธิบาย ความจริงโอ้จะพาพิชไปหาร้านอาหารเงียบๆนั่งคุยแต่พิชบอกว่ายังไม่หิวโอ้เลยไม่อยากขัดใจเท่าไร กลัวอีกฝ่ายจะอารมณ์เสียเดี๋ยวเปลี่ยนใจไม่ยอมคุยด้วยอีก
“พิชโกรธโอ้เรื่องเมื่อวานสินะ” เมื่อพูดออกไปแล้วโอ้ก็อยากตบปากตัวเองที่ถามโดยไม่คิดให้ดีก่อน
พิชเงียบไม่พูดอะไร ได้แต่มองออกไปข้างนอก
“เออ....โทษ.....” โอ้กำลังจะขอโทษที่ถามออกไป
“โกรธ” พิชหันมามองหน้า โอ้ตกใจในตอนแรกเพราะอยู่ๆพิชก็หันมาพูด เขาไม่ได้ตั้งตัว
“อืม โอ้ก็รู้อยู่แล้วละว่าพิชต้องโกรธ” โอ้รู้สึกดีขึ้นที่พิชพูดอะไรออกมาดีกว่าปิดปากเงียบ
“เกลียด รู้สึกแย่เลยละ ไม่เคยคิดเลยว่าโอ้จะกล้าทำกับเราแบบนี้” พิชจ้องหน้าโอ้ด้วยความโกรธ พิชรู้สึกโกรธจริงๆ โอ้ไม่น่าทำกับเขาแบบนี้
พนักงานนำไอศครีมมาเสิร์ฟที่โต๊ะช่วยคั้นอารมณ์ของทั้งสองได้พอดี พิชตักไอศครีมเข้าปากเพื่อดับอารมณ์ร้อนของตัวเอง เขาก็อยากรู้ว่าโอ้ต้องการจะพูดอะไร โอ้ถึงได้ชวนเขามาคุยและถ้าเขายังระงับอารมณ์ไม่ได้คงไม่ได้คุยกันพอดี
“ตั้งแต่ที่เราเจอกันตอนแรก” โอ้เริ่มพูดในสิ่งที่ตัวเองอยากพูด พิชนั่งฟังและกินไอศครีมไปพลางเพื่อตัวเองได้ไม่ต้องไปขัดตอนโอ้พูด
“โอ้คิดว่าโอ้กับพิชคงคุยกันไม่รู้เรื่องแน่ๆ ..... คือยังไงดีละเราคุยกันค่อนข้างคนละภาษา คือแบบว่า..คุยกันคนละเรื่องอ่ะ ....... แต่พอโอ้ได้พูดคุยกับพิชแบบจริงจังโอ้ก็รู้สึกแปลกใจว่าโอ้ก็สามารถพูดคุยกับพิชได้ปกติแบบที่คุยกับคนอื่น”
พิชเริ่มฟังอย่างตั้งใจและรอโอ้จิบน้ำเสร็จเพื่อพูดต่อ โอ้เงยหน้าขึ้นมาสบตาพิชแล้วพูดต่อ
“ยิ่งโอ้ได้คุยกับพิชมากขึ้นโอ้ก็ยิ่งรู้สึกดีมากขึ้น ตอนแรกก็ไม่ค่อยเข้าใจว่ามันคืออะไร คิดแค่ว่าได้คุยกันแล้วมีความสุขก็พอ”
พิชรู้สึกเริ่มใจสั่นกับคำพูดของโอ้ขึ้นเรื่อยๆ นี้โอ้ต้องการจะบอกอะไรกันแน่
“ยิ่งนานวันสถานะของโอ้กับพิชก็ยิ่งคลุมเครือ โอ้เริ่มรู้สึกแปลกๆและสับสน โอ้ไม่รู้ว่าตัวเองคิดยังไงหรือรู้สึกยังไง” โอ้ก้มหน้าเหมือนพยายามกลืนอะไรบ้างอย่างลงคอแล้วเงยหน้าขึ้นมาสบตา
“โอ้พยายามถามตัวเองตลอดเวลาว่าตัวเองรู้สึกยังไงกัน......ตอนวันที่เราทะเลาะกันโอ้ก็ได้รู้ว่าตัวเองคิดยังไง วันนั้นโอ้รู้ว่าโอ้งี่เง่าหาเรื่องชวนทะเลาะ.... ตอนนั้นเผอิญว่าโอ้เห็นนนกำลังกอดพิชพอดีโอ้ก็เลยรู้สึกโมโห ....... โอ้รู้ว่าความจริงมันไม่ได้มีอะไรแค่พิชกับนนท์เล่นกันเฉยๆ แต่......โอ้ไม่รู้ว่าทำไมโอ้ถึงต้องโมโหถึงขนาดนั้น พอเราทะเลาะกันเสร็จ ...... โอ้ก็กลับมานอนคิดทบทวนอีกครั้ง......โอ้เลยโทรหาพิชเพื่อขอเครียเรื่องที่ทะเลาะกันและก็เกิดเรื่อง......” โอ้หันมาสบตาพิช
“ที่โอ้ทำอะไรเลวๆแบบนั้นตอนนั้นเพราะรู้สึกว่าพอมาคุยกันทำไมพิชถึงต้องเข้าข้างนนท์ขนาดนั้นโอ้รู้ว่าโอ้ผิด แต่โอ้รู้สึกหึงพิชมากตอนนั้น”
“เคร้งงงงงง” เสียงช้อนตกจากมือพิชกระทบโต๊ะ พิชอึ้งจนพูดอะไรไม่ออก
โอ้สบตาพิชอีกครั้ง ครั้งนี้แววตาโอ้เปลี่ยนไปมากจนพิชรู้สึกได้ถึงความหวั่นไหวของตัวเอง
“โอ้ไม่รู้ว่าจะแก้ตัวยังไงดี แต่....” โอ้ไม่ยอมละสายตาเลยตอนที่พูด
พิชรู้สึกว่าใจตัวเองเต้นมากขึ้น ( ตึก ตึก ตึก )
“โอ้รู้แล้วว่า.........โอ้รักพิช”
หลังจบประโยคก็เหลือเพียงเสียงหัวใจสองดวงที่เต้นประสานกัน
ตึก ตึก ตึก ตึก ~ ~ ~ ~
*
*
*
*
*
ในห้องซ้อมดนตรีที่ตอนนี้เสียงดนตรีได้หยุดลงแล้วเพราะทุกคนกำลังแยกย้ายกันกลับบ้าน ทุกคนต่างก็เก็บเครื่องดนตรีของตัวเอง วันนี้นายน์อารมณ์ดีจนเพื่อนๆในวงหลายคนสงสัย แต่ก็ไม่ได้ถามไรมากเพราะรู้ว่าไอ้นี้มันบ้าแบบนี้อยู่แล้วเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย
“วันนี้อารมณ์ดีเกินไปเปล่าว่ะมึง” นนท์หันมาแซวเพื่อนซี้ตัวเอง
“นั้นดิ กูอารมณ์ดีเกินไปเปล่าว่ะ” นายน์ตอบแบบกวนๆ
“มีไรเปล่าว่ะมึง กูขอเสือกหน่อยเหอะ กูเห็นมึงพูดไม่รู้เรื่องตั้งแต่เมื่อวานที่กูโทรหามึงละ” นนท์หันมาถามและลงมือเก็บกีตาร์ต่อ
“กูมีอะไรจะบอกมึงว่ะ” นายน์หันมาพูดกัยนนท์แบบจริงจัง
“อะไรว่ะ แล้วทำไมต้องจริงจังด้วยว่ะ ไอ้นี้ประสาท” นนท์ส่ายหน้ากำลังท่าทางบ้าบอของเพื่อนตัวเอง
“กูชอบพิชว่ะ” นนท์ได้ยินก็หันหน้ามามอง
“เรื่องของมึงสิ” นนท์ตอบแบบกวนประสาทกลับไป นายน์หมั่นไส้เลยจะตบหัวนนท์ แต่นนท์รู้ทันเลยวิ่งหนีไปก่อน ทั้งสองคนวิ่งไล่กันจนออกจากห้องไป ปล่อยให้เหลือเพียงคนเดียวที่ยืนอึ้งเมื่อได้ยินคำว่า “ชอบพิช” จากปากของนายน์
“พี่นายน์ชอบพิชหรอ” หัวใจดวงน้อยของคนที่ได้ยินกำลังสั่นไหวด้วยความเศร้า .................................
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น