ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fic วงออกัส-รักแห่งสยาม ( YAOI )

    ลำดับตอนที่ #2 : Thx 2

    • อัปเดตล่าสุด 13 มิ.ย. 51


    ~ ~ ~ ~ เสียงข้อความเข้า .......  ~  ~  ~  …........

     

    พิชผละจากนายน์ด้วยความเขิล  เราจะทำไรเนี่ยพิชคิดแล้วก็เขิล เลยมองไปที่หน้านายน์ซึ่งตอนนี้ก็แดงไม่แพ้กัน

    “ดูก่อนสิพิช” นายน์เอามือมาลูบหัวตัวเองและบอกให้พิชดูข้อความที่ส่งมาเพราะตัวเองก็เขิลจนไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดีตอนนี้


    “อืม”   พิชยิ้มให้นายน์แบบเขิลๆ แล้วหยิบมือถือออกมาดูข้อความที่ส่งมา

     

    ....... ขอโทษสำหรับเรื่องวันนี้ .......

    .......... โอ้รู้ว่าไม่ควรทำแบบนั้น ...............

    .............. ให้โอกาสโอ้ได้คุยกับพิชอีกครั้งได้ไหม  .................

    ........................  ขอครั้งนี้    ครั้งสุดท้าย  ...........................................

     .............................................โอ้........................................................

     

    นายน์สังเกตว่าพิชนิ่งไปหรือว่ายังอ่านไม่จบ  นายน์ก็อยากรู้ว่าใครส่งข้อความมาแต่ก็ไม่อยากยุ่งกับเรื่องส่วนตัวของพิชมากไปมันจะดูไม่ดี 

     
    พิชรู้สึกสับสนว่าควรจะทำยังไงดีควรจะไปพบโอ้ดีไหม  สมองพิชบอกว่าไม่ควรไป แต่ในใจพิชกับบอกว่าควรจะให้โอกาสโอ้สักครั้ง  แล้วถ้าเกิดเรื่องแบบวันนี้ละ พิชรู้สึกขัดแย้งในความคิดของตัวเอง  เขาควรปรึกษานายน์ดีไหม .....  ไม่ดีกว่า ไม่ควรเอานายน์มายุ่งเรื่องไร้สาระแบบนี้

     
    “นายน์จะกลับเลยเปล่า เราง่วงๆแล้วอ่ะ พรุ่งนี้ต้องไปประชุมเรื่องงานโชว์ตัวด้วยอ่ะ”  พิชไม่อยากให้นายน์ถามเรื่องข้อความ  เลยให้นายน์กลับบ้านตอนนี้จะดีกว่าก่อนที่จะหลุดปากพูดไป

     
    “อืมกลับเลยก็ได้  รีบนอนซะละ”  นายน์ไม่ได้ว่าอะไร  เพราะคิดว่าสงสัยพี่มะเดี่ยวคงส่งข้อความมาเตือนเรื่องงาน พิชเลยรีบนอนกลัวไปสายเดี๋ยวโดนพี่มะเดี่ยวว่าได้


    พิชเดินลงมาส่งนายน์ที่หน้าตึก  รถแท๊กซี่ขับผ่านมาพอดีนายน์เลยโบกเรียกไว้

     
    “รีบนอนเร็วๆละ”  นายน์บอกอีกรอบเพื่อความแน่ใจ

     
    “จ้า บอกกี่รอบแล้วเนี่ย”  พิชยิ้มขำๆ

     
    “ไปได้แล้วแท๊กซี่รอนานแล้ว เดี๋ยวโดนแท๊กซี่ด่าหรอก”  พิชทำท่าโบกมือไล่

     
    “ฮ่าๆ กลัวป่ะละ”  นายน์แซวพิชกลับ

     
    “เออ.... ก่อนกลับขอไรก่อนดิ”  พิชทำหน้าตั้งคำถามกับนายน์ว่าจะเอาอะไร

     
    นายน์ไม่รอช้ารีบคว้าตัวพิชแล้วจุ๊บที่แก้ม 1 ที แล้วรีบขึ้นแท๊กซี่ไป  ปล่อยให้พิชยืนเอ๋อดูรถวิ่งลับตาไป ด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ ...........

     



    *
    *
    *
    *
    *

     

     

    อากาศสดใสในยามเช้าแสงแดดอ่อนๆที่ตกกระทบลงบนผิวเนียนที่เล็ดลอดมาจากช่องโหว่งตรงผ้าม่าน  ทำให้พิชรู้ได้ทันทีว่าเช้าแล้ว  พิชตื่นขึ้นมาแบบเบลอๆเพราะตื่นมาก่อนที่นาฬิกาปลุกจะดัง  พิชคิดถึงเรื่องเมื่อคืนว่าตัวเองฝันไปหรือเปล่า  เพราะเรื่องระหว่างเขากับนายน์มันไม่น่าที่จะ.......เฮ้อ.......พิชถอนหายใจ  พิชเอามือลูบไปที่แก้มที่โดนขโมยหอมไป..................ทำให้เกิดรอยยิ้มต้อนรับเช้าวันใหม่  วันนี้คงเป็นวันที่มีอะไรดีๆมั่งละนะ  พิชคิดในใจและขอให้เป็นยังงั้นด้วยเถอะ

     



    *
    *
    *
    *
    *

     


    บรรยากาศในห้องประชุมเป็นไปอย่างราบรื่น แต่ถ้าให้ดีในความคิดของพิชคือไม่ควรมีโอ้มาด้วย โชคดีที่โอ้นั่งห่างจากเขาพอสมควร  พิชพยายามไม่มองไปทางโอ้เพราะโอ้พยายามมองมาทางพิชตลอดเวลาที่เริ่มประชุม

     
    พอจบประชุมทุกคนแยกย้ายกันไปทำงานต่อ พิชพยายามปลีกตัวออกมาให้เร็วที่สุดแต่โดนพี่มะเดี่ยวเบรกชวนคุยซะก่อน  พอคุยเสร็จหันมาอีกทีโอ้หายไปแล้ว  พิชคิดว่าก็ดีเหมือนกันที่ไม่ต้องเจอระหว่างทางเดินออกจากออฟฟิต  พิชก็เห็นโอ้ยืนรออยู่ที่ทางออก  เฮ้อ....คงหลีกเลี่ยงไม่ได้จิงๆสินะ 
     

    “หวัดดีพิช”  โอ้กล่าวทักทาย เพื่อดูอารมณ์ของพิชก่อน
     

    “อืม”  พิชตอบกลับเสียงเรียบๆ โอ้รู้ว่าพิชยังคงโกรธตัวเองอยู่เรื่องเมื่อวานอยู่


    “โอ้ขอคุยกับพิชได้ไหม”  โอ้มองหน้าพิชด้วยสายตาที่อ้อนวอน  จนพิชเริ่มใจอ่อน  ( ทำไมเราถึงใจอ่อนง่ายยังนี้นะ  พิชด่าตัวเองที่ใจอ่อนเกินไป )

     
    “ยังจะมีไรให้คุยอีกละห่ะ เหตุผลเดิมๆอีกละสิ”  พิชไม่อยากจะฟังคำแก้ตัวจากคนๆนี้อีก

     
    “ไม่ใช่แบบนั้น  โอ้อยากพูดกับพิช  เรื่องที่โอ้จะพูดนี้  โอ้อยากคุยให้มันรู้เรื่องไปเลย  โอ้จะได้ตัดใจ”  พิชหันมามองหน้า  “ตัดใจ”  พิชรู้สึกสับสนทันทีเมื่อได้ฟังคำนี้ 

     
    “เราไม่เข้าใจ......อะไร.....โอ้ต้องการอะไร”  พิชรู้สึกสับสน  ไม่เข้าใจว่าโอ้ต้องการอะไร อะไรคือตัดใจ 

     
    “แล้วพิชจะยอมฟังโอ้สักครั้งได้ไหม”  โอ้มองหน้าพิชเพื่อหาคำตอบ

     
    “อืม  ครั้งนี้ครั้งสุดท้ายที่เราจะรับฟัง” 

     



    *
    *
    *
    *
    *

     

    บรรยากาศที่ร้าน Swensen ช่วงเช้าไม่ค่อยมีคนพลุกพล่านเท่าไร คนสองคนที่นั่งมองออกไปนอกหน้าต่างใครมองก็คงดูออกว่าบรรยากาศไม่ค่อยจะดี   เมนูที่ถูกสั่งไปแล้วโดยคนที่อยากจะมาอธิบาย   ความจริงโอ้จะพาพิชไปหาร้านอาหารเงียบๆนั่งคุยแต่พิชบอกว่ายังไม่หิวโอ้เลยไม่อยากขัดใจเท่าไร  กลัวอีกฝ่ายจะอารมณ์เสียเดี๋ยวเปลี่ยนใจไม่ยอมคุยด้วยอีก

     


    “พิชโกรธโอ้เรื่องเมื่อวานสินะ”  เมื่อพูดออกไปแล้วโอ้ก็อยากตบปากตัวเองที่ถามโดยไม่คิดให้ดีก่อน 

     
    พิชเงียบไม่พูดอะไร ได้แต่มองออกไปข้างนอก

     
    “เออ....โทษ.....”  โอ้กำลังจะขอโทษที่ถามออกไป

     
    “โกรธ”  พิชหันมามองหน้า  โอ้ตกใจในตอนแรกเพราะอยู่ๆพิชก็หันมาพูด  เขาไม่ได้ตั้งตัว

     
    “อืม  โอ้ก็รู้อยู่แล้วละว่าพิชต้องโกรธ”  โอ้รู้สึกดีขึ้นที่พิชพูดอะไรออกมาดีกว่าปิดปากเงียบ

     
    “เกลียด  รู้สึกแย่เลยละ  ไม่เคยคิดเลยว่าโอ้จะกล้าทำกับเราแบบนี้”  พิชจ้องหน้าโอ้ด้วยความโกรธ พิชรู้สึกโกรธจริงๆ โอ้ไม่น่าทำกับเขาแบบนี้

     
    พนักงานนำไอศครีมมาเสิร์ฟที่โต๊ะช่วยคั้นอารมณ์ของทั้งสองได้พอดี  พิชตักไอศครีมเข้าปากเพื่อดับอารมณ์ร้อนของตัวเอง  เขาก็อยากรู้ว่าโอ้ต้องการจะพูดอะไร  โอ้ถึงได้ชวนเขามาคุยและถ้าเขายังระงับอารมณ์ไม่ได้คงไม่ได้คุยกันพอดี

     
    “ตั้งแต่ที่เราเจอกันตอนแรก”  โอ้เริ่มพูดในสิ่งที่ตัวเองอยากพูด  พิชนั่งฟังและกินไอศครีมไปพลางเพื่อตัวเองได้ไม่ต้องไปขัดตอนโอ้พูด

     
    “โอ้คิดว่าโอ้กับพิชคงคุยกันไม่รู้เรื่องแน่ๆ ..... คือยังไงดีละเราคุยกันค่อนข้างคนละภาษา คือแบบว่า..คุยกันคนละเรื่องอ่ะ  .......  แต่พอโอ้ได้พูดคุยกับพิชแบบจริงจังโอ้ก็รู้สึกแปลกใจว่าโอ้ก็สามารถพูดคุยกับพิชได้ปกติแบบที่คุยกับคนอื่น”


    พิชเริ่มฟังอย่างตั้งใจและรอโอ้จิบน้ำเสร็จเพื่อพูดต่อ  โอ้เงยหน้าขึ้นมาสบตาพิชแล้วพูดต่อ

     
    “ยิ่งโอ้ได้คุยกับพิชมากขึ้นโอ้ก็ยิ่งรู้สึกดีมากขึ้น  ตอนแรกก็ไม่ค่อยเข้าใจว่ามันคืออะไร  คิดแค่ว่าได้คุยกันแล้วมีความสุขก็พอ”

     
    พิชรู้สึกเริ่มใจสั่นกับคำพูดของโอ้ขึ้นเรื่อยๆ   นี้โอ้ต้องการจะบอกอะไรกันแน่

     
    “ยิ่งนานวันสถานะของโอ้กับพิชก็ยิ่งคลุมเครือ  โอ้เริ่มรู้สึกแปลกๆและสับสน  โอ้ไม่รู้ว่าตัวเองคิดยังไงหรือรู้สึกยังไง”  โอ้ก้มหน้าเหมือนพยายามกลืนอะไรบ้างอย่างลงคอแล้วเงยหน้าขึ้นมาสบตา

     
    “โอ้พยายามถามตัวเองตลอดเวลาว่าตัวเองรู้สึกยังไงกัน......ตอนวันที่เราทะเลาะกันโอ้ก็ได้รู้ว่าตัวเองคิดยังไง  วันนั้นโอ้รู้ว่าโอ้งี่เง่าหาเรื่องชวนทะเลาะ....  ตอนนั้นเผอิญว่าโอ้เห็นนนกำลังกอดพิชพอดีโอ้ก็เลยรู้สึกโมโห ....... โอ้รู้ว่าความจริงมันไม่ได้มีอะไรแค่พิชกับนนท์เล่นกันเฉยๆ  แต่......โอ้ไม่รู้ว่าทำไมโอ้ถึงต้องโมโหถึงขนาดนั้น  พอเราทะเลาะกันเสร็จ ...... โอ้ก็กลับมานอนคิดทบทวนอีกครั้ง......โอ้เลยโทรหาพิชเพื่อขอเครียเรื่องที่ทะเลาะกันและก็เกิดเรื่อง......”  โอ้หันมาสบตาพิช

     
    “ที่โอ้ทำอะไรเลวๆแบบนั้นตอนนั้นเพราะรู้สึกว่าพอมาคุยกันทำไมพิชถึงต้องเข้าข้างนนท์ขนาดนั้นโอ้รู้ว่าโอ้ผิด  แต่โอ้รู้สึกหึงพิชมากตอนนั้น” 
     

    “เคร้งงงงงง”  เสียงช้อนตกจากมือพิชกระทบโต๊ะ พิชอึ้งจนพูดอะไรไม่ออก 

     
    โอ้สบตาพิชอีกครั้ง  ครั้งนี้แววตาโอ้เปลี่ยนไปมากจนพิชรู้สึกได้ถึงความหวั่นไหวของตัวเอง

     
    “โอ้ไม่รู้ว่าจะแก้ตัวยังไงดี แต่....”  โอ้ไม่ยอมละสายตาเลยตอนที่พูด


    พิชรู้สึกว่าใจตัวเองเต้นมากขึ้น ( ตึก ตึก ตึก )

     
    “โอ้รู้แล้วว่า.........โอ้รักพิช” 

     

    หลังจบประโยคก็เหลือเพียงเสียงหัวใจสองดวงที่เต้นประสานกัน

     

    ตึก  ตึก  ตึก  ตึก ~ ~ ~ ~

     

     

    *
    *
    *
    *
    *

     


    ในห้องซ้อมดนตรีที่ตอนนี้เสียงดนตรีได้หยุดลงแล้วเพราะทุกคนกำลังแยกย้ายกันกลับบ้าน  ทุกคนต่างก็เก็บเครื่องดนตรีของตัวเอง  วันนี้นายน์อารมณ์ดีจนเพื่อนๆในวงหลายคนสงสัย  แต่ก็ไม่ได้ถามไรมากเพราะรู้ว่าไอ้นี้มันบ้าแบบนี้อยู่แล้วเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย 

     

    “วันนี้อารมณ์ดีเกินไปเปล่าว่ะมึง”  นนท์หันมาแซวเพื่อนซี้ตัวเอง

     
    “นั้นดิ กูอารมณ์ดีเกินไปเปล่าว่ะ”  นายน์ตอบแบบกวนๆ

     
    “มีไรเปล่าว่ะมึง  กูขอเสือกหน่อยเหอะ  กูเห็นมึงพูดไม่รู้เรื่องตั้งแต่เมื่อวานที่กูโทรหามึงละ”  นนท์หันมาถามและลงมือเก็บกีตาร์ต่อ

     
    “กูมีอะไรจะบอกมึงว่ะ”  นายน์หันมาพูดกัยนนท์แบบจริงจัง

     
    “อะไรว่ะ  แล้วทำไมต้องจริงจังด้วยว่ะ ไอ้นี้ประสาท”  นนท์ส่ายหน้ากำลังท่าทางบ้าบอของเพื่อนตัวเอง

     
    “กูชอบพิชว่ะ”  นนท์ได้ยินก็หันหน้ามามอง

     
    “เรื่องของมึงสิ”  นนท์ตอบแบบกวนประสาทกลับไป  นายน์หมั่นไส้เลยจะตบหัวนนท์  แต่นนท์รู้ทันเลยวิ่งหนีไปก่อน  ทั้งสองคนวิ่งไล่กันจนออกจากห้องไป  ปล่อยให้เหลือเพียงคนเดียวที่ยืนอึ้งเมื่อได้ยินคำว่า “ชอบพิช” จากปากของนายน์ 

     
    “พี่นายน์ชอบพิชหรอ”  หัวใจดวงน้อยของคนที่ได้ยินกำลังสั่นไหวด้วยความเศร้า  .................................
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×