ลำดับตอนที่ #7
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : ผลแห่งสงคราม
ผู้บุกรุกห่อหุ้มร่างกายด้วยชุดดำทั้งชุด  มีตราประทับอยู่บนด้านหลังของเสื้อคลุมทุกคน    ทำให้รู้ว่าเป็นพวกเดียวกัน    พวกมันมีกันราวๆ  เกือบ 1000  คน    ไม่ต้องมีใครบอกก็รู้ว่าพวกนักเรียนเสียเปรียบ
เสียงดาบปะทะกันดังขึ้นทันที    มีชายอย่างน้อย10คนตรงเข้ามาหาเธอ  เธอหลบคนหนึ่งได้แล้วสวนดาบเข้าใส่อีกคน    โยนศพนั้นใส่คนที่ตามมาจนล้มลงไปก่อนจะหันไปจัดการกับเจ้าคนที่ชอบแอบฟันข้างหลัง
มิเชลใช้ร่างของชายคนหนึ่งเป็นโล่ไปหาอัลเซก้าที่ตอนนี้ต่อมบ้าเริ่มแตกดังโพละ   
“เธอว่าไหวไหม”  เธอถาม  กระทุ้งดาบใส่พวกลอบกัดโดยไม่ต้องหันไปมอง
“ไม่รู้สิ  เธอคิดว่าไงล่ะ”    อัลเซก้าตอบพลางหั่นหัวสองสามคนกระเด็น
“ฝีมือไม่เท่าไหร่    แต่จำนวนเราคงสู้ไม่ไหว    ขืนสู้ต่อคงจะเหนื่อยตาย    ไม่แน่ว่าจะชนะด้วย”
“อัลเซก้า”  เสียงโทมัสดังขึ้น    “เพื่อนเราสลบไปแล้วสามคน    เก้าคนบาดเจ็บสาหัส    ที่เหลือมีแค่รอยแผลเล็กน้อย  แต่สภาพก็ไม่ค่อยดีนัก”
“แล้วจะให้ฉันทำยังไง      ฉันไม่ได้มีมือสิบมือ  มีตาสิบตานะ”
“อัลเซก้า    เธอต้องใช้ไอ้นั่นแล้วล่ะ” เทเรซาซึ่งโผล่มาจากไหนก็ไม่รู้พูดเสียงเครียด    ที่ตามแขนขามีเลือดไหล      มิเชลสังเกตว่าทุกคนไม่มีใครที่ไร้เลือดตามตัว    และบนดาบของทุกคนก็ถูกอาบด้วยเลือดแดงฉาน    มีกลิ่นคาวคลุ้ง  แต่ทุกคนก็เฉยเมยต่อกลิ่นและภาพอันน่าสะอิดสะเอียน    ราวกับเคยเห็นมานักต่อนักแล้ว
อัลเซก้ามีสีหน้าลำบากใจ  “แต่นี่มันพระราชวังนะ....”
“จะที่ไหนก็ไม่สำคัญแล้ว    อย่าลืมสิ  พระแม่น้ากำลังตกอยู่ในอันตราย!!!”
อัลเซก้าสูดลมหายใจลึกๆ  “ได้  มิเชล  เธอไปบอกดอริกว่าให้หนีไป    แล้วอยู่รอที่ห้องนั้นจนกว่าฉันจะไปรับเธอ    ไม่ต้องมีแต่    นี่เป็นวิธีการที่ดีที่สุดแล้ว”
มิเชลอ้าปากจะค้าน  แต่ก็เปลี่ยนใจเพราะคิดว่ายังไงเธอก็ต้องเชื่อใจเพื่อนของเธอ!!!
เธอวิ่งไปตามทางเดินด้วยความรีบเร่ง    แต่ก็มีเงาร่างใหญ่ของชายฉกรรจ์คนหนึ่งมายืนขวางหน้าเงื้อดาบแล้วแทงเข้าไป !!!    ทะลุปอดของเธอ  หากเธอยังคงรวบรวมสติเอาดาบเสียบหัวใจของชายผู้นั้นจนล้มลงไป!!!
เธอหายใจหอบด้วยความเหนื่อยปนความเจ็บ    หากหน้าที่ของเธอยังไม่บรรลุ    เธอจึงสูดลมหายใจรวบรวมกำลังทั้งหมดที่มีลุกขึ้นยืนเกาะผนังไปช้าๆ    แผลปวดจนชา  เลือดไหลออกมาเรื่อยๆ  แต่เจ้าก็ไม่สนใจจะรักษาตัวเองยังคงเดินหน้าต่อไป 
ในที่สุดก็มาถึงหน้าห้องบรรทม    ประตูเปิดออกพร้อมกับที่มีชายคนหนึ่งเดินออกมาช้าๆ    เธอใจหายลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม   
ไม่ทันใช่ไหม    พวกนั้นมาถึงก่อนเราหรือ
แต่เมื่อชายผู้นั้นหันมาทางเธอก็พบว่าเขาคือ  ดอริก!!!
เขาตกใจมากเมื่อเห็นเธอ    ลุกลี้ลุกลนถามเธอว่าเกิดอะไรขึ้น    แล้วช่วยพยุงเธอเข้าห้อง
“พระ...พระองค์”  เธอพูด  “ร...ร...รีบหนี.... ด่วนเพ...คะ” และพึมพำต่ออีกยาวเหยียดที่ดอริกไม่สนใจฟังแต่เขารีบเปิดทางลับแล้วหายลงไปดับพระชายาทันที
“เธอไม่มาด้วยเหรอ”  พระองค์ถาม  แต่เธอสั่นศีรษะ
“ล...ลุกไม่ไหวเพคะ    ขอ...ให้พระองค์ปลอดภัย”
เมื่อประตูปิดลง    เธอรีบปกปิดทางลับพอดีกับที่ประตูเปิดออก 
“มันอยู่ไหน”  เสียงคำรามดังมาจากชายที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้า    มิเชลมองหน้าเขา  สายตาเริ่มพร่ามัว    จนมองแทบจะไม่เห็นหน้าผู้พูด
“ฉ...ฉัน...ไม่รู้”เสียงของเธอแหบแห้ง    เธอหลับตาด้วยความเจ็บปวด    และรู้ตัวว่าคงจะทนได้อีกไม่นาน 
“อย่ามาโกหกฉันดีกว่า    บอกฉันมาเถอะแล้วฉันจะไว้ชีวิต”
มิเชลหัวเราะเบาๆ  หากได้ยินกันทั่ว
“แกหัวเราะอะไร  เห็นที่ฉันพูดมันตลกมากหรือไง”
“ใช่  ..ต..ตลกมาก    ฉันคิดว่าแกคงจะดูรู้ว่าสภาพฉันตอนนี้    ถึงแกจะไว้ชีวิต  ฉันก็ตายอยู่ดี    ฉันคงไม่ต้องบอกว่าในชีวิตนี้คงจะได้คุยกับแกเป็นคนสุดท้าย”
“สรุปว่าแกจะบอกหรือเปล่า    ไม่ต้องมาพูดโยกโย้น่ารำคาญ    บอกฉันมาเร็วๆ”
แต่เธอก็ยังนิ่งอยู่    เขาขมวดคิ้ว  ยิ้มอย่างเหี้ยมเกรียม
“ทรมานมัน”เขาสั่ง
“แกสิต้องทรมาน!!!!!”  เสียงแหวแหวกอากาศดังลั่นประตูเปิดผางออกอย่างแรง    หน้าประตูมีคนสามคนยืนอยู่    ดวงตาวาวโรจน์ด้วยความโกรธ    นัยน์ตาสีแดงของอัลเซก้าเบิกโพลง  อัดแน่นด้วยโทสะที่พร้อมจะระเบิดเต็มที่    เดี๋ยวก่อนนะ  ตาอัลเซก้าไม่ใช่สีแดงนี่!!!
ชายทุกคนในห้องถูกซัดด้วยแรงมหาศาลกระแทกกับผนังลงไปนอนตายอยู่บนพื้น    อัลเซก้าลดมือลง    เทเรซาวิ่งเข้าไปจับชีพจรของชายทั้งหมด  ก่อนจะรายงาน
“ตายเกลี้ยงเลย”
โทมัสกวาดตามองดูสภาพห้องที่เครื่องเรือนกระเด็นกันไปคนละทิศละทางก่อนจะส่ายหน้า  “เธอไม่น่ารุนแรงขนาดนี้เลย  ดูสิข้าวของพังหมด  บางชิ้นแพงซะด้วย  น่าเสียดาย”
“ก็ฉันบอกแล้วว่าถ้าทำอย่างนี้แล้วจะคุมไม่ได้” อัลเซก้าแย้ง    เธอเดินตรงเข้ามาหามิเชล  พลางมองด้วยสายตาห่วงใย “เธอเป็นยังไงบ้าง”
แต่ยังไม่ทันที่เธอจะตอบคำถาม    เธอก็หมดสติไป
เสียงดาบปะทะกันดังขึ้นทันที    มีชายอย่างน้อย10คนตรงเข้ามาหาเธอ  เธอหลบคนหนึ่งได้แล้วสวนดาบเข้าใส่อีกคน    โยนศพนั้นใส่คนที่ตามมาจนล้มลงไปก่อนจะหันไปจัดการกับเจ้าคนที่ชอบแอบฟันข้างหลัง
มิเชลใช้ร่างของชายคนหนึ่งเป็นโล่ไปหาอัลเซก้าที่ตอนนี้ต่อมบ้าเริ่มแตกดังโพละ   
“เธอว่าไหวไหม”  เธอถาม  กระทุ้งดาบใส่พวกลอบกัดโดยไม่ต้องหันไปมอง
“ไม่รู้สิ  เธอคิดว่าไงล่ะ”    อัลเซก้าตอบพลางหั่นหัวสองสามคนกระเด็น
“ฝีมือไม่เท่าไหร่    แต่จำนวนเราคงสู้ไม่ไหว    ขืนสู้ต่อคงจะเหนื่อยตาย    ไม่แน่ว่าจะชนะด้วย”
“อัลเซก้า”  เสียงโทมัสดังขึ้น    “เพื่อนเราสลบไปแล้วสามคน    เก้าคนบาดเจ็บสาหัส    ที่เหลือมีแค่รอยแผลเล็กน้อย  แต่สภาพก็ไม่ค่อยดีนัก”
“แล้วจะให้ฉันทำยังไง      ฉันไม่ได้มีมือสิบมือ  มีตาสิบตานะ”
“อัลเซก้า    เธอต้องใช้ไอ้นั่นแล้วล่ะ” เทเรซาซึ่งโผล่มาจากไหนก็ไม่รู้พูดเสียงเครียด    ที่ตามแขนขามีเลือดไหล      มิเชลสังเกตว่าทุกคนไม่มีใครที่ไร้เลือดตามตัว    และบนดาบของทุกคนก็ถูกอาบด้วยเลือดแดงฉาน    มีกลิ่นคาวคลุ้ง  แต่ทุกคนก็เฉยเมยต่อกลิ่นและภาพอันน่าสะอิดสะเอียน    ราวกับเคยเห็นมานักต่อนักแล้ว
อัลเซก้ามีสีหน้าลำบากใจ  “แต่นี่มันพระราชวังนะ....”
“จะที่ไหนก็ไม่สำคัญแล้ว    อย่าลืมสิ  พระแม่น้ากำลังตกอยู่ในอันตราย!!!”
อัลเซก้าสูดลมหายใจลึกๆ  “ได้  มิเชล  เธอไปบอกดอริกว่าให้หนีไป    แล้วอยู่รอที่ห้องนั้นจนกว่าฉันจะไปรับเธอ    ไม่ต้องมีแต่    นี่เป็นวิธีการที่ดีที่สุดแล้ว”
มิเชลอ้าปากจะค้าน  แต่ก็เปลี่ยนใจเพราะคิดว่ายังไงเธอก็ต้องเชื่อใจเพื่อนของเธอ!!!
เธอวิ่งไปตามทางเดินด้วยความรีบเร่ง    แต่ก็มีเงาร่างใหญ่ของชายฉกรรจ์คนหนึ่งมายืนขวางหน้าเงื้อดาบแล้วแทงเข้าไป !!!    ทะลุปอดของเธอ  หากเธอยังคงรวบรวมสติเอาดาบเสียบหัวใจของชายผู้นั้นจนล้มลงไป!!!
เธอหายใจหอบด้วยความเหนื่อยปนความเจ็บ    หากหน้าที่ของเธอยังไม่บรรลุ    เธอจึงสูดลมหายใจรวบรวมกำลังทั้งหมดที่มีลุกขึ้นยืนเกาะผนังไปช้าๆ    แผลปวดจนชา  เลือดไหลออกมาเรื่อยๆ  แต่เจ้าก็ไม่สนใจจะรักษาตัวเองยังคงเดินหน้าต่อไป 
ในที่สุดก็มาถึงหน้าห้องบรรทม    ประตูเปิดออกพร้อมกับที่มีชายคนหนึ่งเดินออกมาช้าๆ    เธอใจหายลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม   
ไม่ทันใช่ไหม    พวกนั้นมาถึงก่อนเราหรือ
แต่เมื่อชายผู้นั้นหันมาทางเธอก็พบว่าเขาคือ  ดอริก!!!
เขาตกใจมากเมื่อเห็นเธอ    ลุกลี้ลุกลนถามเธอว่าเกิดอะไรขึ้น    แล้วช่วยพยุงเธอเข้าห้อง
“พระ...พระองค์”  เธอพูด  “ร...ร...รีบหนี.... ด่วนเพ...คะ” และพึมพำต่ออีกยาวเหยียดที่ดอริกไม่สนใจฟังแต่เขารีบเปิดทางลับแล้วหายลงไปดับพระชายาทันที
“เธอไม่มาด้วยเหรอ”  พระองค์ถาม  แต่เธอสั่นศีรษะ
“ล...ลุกไม่ไหวเพคะ    ขอ...ให้พระองค์ปลอดภัย”
เมื่อประตูปิดลง    เธอรีบปกปิดทางลับพอดีกับที่ประตูเปิดออก 
“มันอยู่ไหน”  เสียงคำรามดังมาจากชายที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้า    มิเชลมองหน้าเขา  สายตาเริ่มพร่ามัว    จนมองแทบจะไม่เห็นหน้าผู้พูด
“ฉ...ฉัน...ไม่รู้”เสียงของเธอแหบแห้ง    เธอหลับตาด้วยความเจ็บปวด    และรู้ตัวว่าคงจะทนได้อีกไม่นาน 
“อย่ามาโกหกฉันดีกว่า    บอกฉันมาเถอะแล้วฉันจะไว้ชีวิต”
มิเชลหัวเราะเบาๆ  หากได้ยินกันทั่ว
“แกหัวเราะอะไร  เห็นที่ฉันพูดมันตลกมากหรือไง”
“ใช่  ..ต..ตลกมาก    ฉันคิดว่าแกคงจะดูรู้ว่าสภาพฉันตอนนี้    ถึงแกจะไว้ชีวิต  ฉันก็ตายอยู่ดี    ฉันคงไม่ต้องบอกว่าในชีวิตนี้คงจะได้คุยกับแกเป็นคนสุดท้าย”
“สรุปว่าแกจะบอกหรือเปล่า    ไม่ต้องมาพูดโยกโย้น่ารำคาญ    บอกฉันมาเร็วๆ”
แต่เธอก็ยังนิ่งอยู่    เขาขมวดคิ้ว  ยิ้มอย่างเหี้ยมเกรียม
“ทรมานมัน”เขาสั่ง
“แกสิต้องทรมาน!!!!!”  เสียงแหวแหวกอากาศดังลั่นประตูเปิดผางออกอย่างแรง    หน้าประตูมีคนสามคนยืนอยู่    ดวงตาวาวโรจน์ด้วยความโกรธ    นัยน์ตาสีแดงของอัลเซก้าเบิกโพลง  อัดแน่นด้วยโทสะที่พร้อมจะระเบิดเต็มที่    เดี๋ยวก่อนนะ  ตาอัลเซก้าไม่ใช่สีแดงนี่!!!
ชายทุกคนในห้องถูกซัดด้วยแรงมหาศาลกระแทกกับผนังลงไปนอนตายอยู่บนพื้น    อัลเซก้าลดมือลง    เทเรซาวิ่งเข้าไปจับชีพจรของชายทั้งหมด  ก่อนจะรายงาน
“ตายเกลี้ยงเลย”
โทมัสกวาดตามองดูสภาพห้องที่เครื่องเรือนกระเด็นกันไปคนละทิศละทางก่อนจะส่ายหน้า  “เธอไม่น่ารุนแรงขนาดนี้เลย  ดูสิข้าวของพังหมด  บางชิ้นแพงซะด้วย  น่าเสียดาย”
“ก็ฉันบอกแล้วว่าถ้าทำอย่างนี้แล้วจะคุมไม่ได้” อัลเซก้าแย้ง    เธอเดินตรงเข้ามาหามิเชล  พลางมองด้วยสายตาห่วงใย “เธอเป็นยังไงบ้าง”
แต่ยังไม่ทันที่เธอจะตอบคำถาม    เธอก็หมดสติไป
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น