ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Oldest Sun - ดาวฤกษ์ที่เก่าแก่ที่สุด

    ลำดับตอนที่ #3 : ห้วงลึกสุดพรรณา

    • อัปเดตล่าสุด 5 พ.ย. 63


    3

     

     

    ห้วงลึกสุดพรรณนา

     

    ‘ท่ามกลางความเงียบเหงาพวกเขายังคงทอแสงประกาย

    ท่ามกลางความหนาวเย็นยังมีสายใยแสนอบอุ่นที่มอบให้แก่กัน

    ท่ามกลางการโคจรที่แสนน่าเบื่อและช่วงชีวิตที่แสนยาวนาน

    ในท้ายที่สุดความมืดมิดอันเป็นนิรันดร์ก็เดินทางมาถึง’

     

    ดอกไม้สีฟ้าแห้งซีดถูกวางประดับอยู่ในแจกันสีใส เกล็ดน้ำแข็งจากความหนาวเย็นเกาะไปทั่วดอกไม้สีสวย ไอความเย็นของดอกไม้สีฟ้าน้ำทะเลใสคลอเคลียไปทั่วน้ำแข็งที่กลืนกินดอกไม้เข้าไป

     

    ภายใต้กระบวนการที่ผ่านไปอย่างเชื่องช้ายังคงมีสายตาของชายหนุ่มคนหนึ่งเฝ้ามอง

     

    “...”

     

    ร่างสูงเจ้าของนัยน์ตาที่อยากจะหยั่งถึงละสายตาไปทางหน้าต่างขนาดใหญ่ที่อยู่ไม่ไกลมากอย่างล่องลอย

     

    ภาพที่หน้าต่างแสดงให้เขาเห็นมันยังคงเป็นห้วงลึกที่มืดสนิทเช่นเดิม

     

    เหมือนมันไม่เคยเปลี่ยนแปลงเลยในทุกๆวันที่ผ่านพ้นไป

     

    ของเหลวสีดำภายในภาชนะทรงสูงที่ถูกเติมขึ้นอีกเล็กน้อยดึงความสนใจของชายหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีดำทมิฬ

     

    ภายใต้อ้อมกอดของความมืดที่เป็นอนันต์และเวลาที่แทบหยุดนิ่ง ชายหนุ่มคนนั้นรับรู้เสมอ

     

    ถึงความเปลี่ยนแปลงท่ามกลางที่หนาวเย็นแห่งนี้

     

    ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยหรือยิ่งใหญ่ทุกๆสิ่งที่กำลังเคลื่อนที่ พุ่งชน หรือสลายไป เขามองเห็นมันทั้งหมดผ่านดวงตาคู่นั้น

     

    มือเรียบขาวซีดหยิบแก้งทรงสูงขึ้นมาอย่างอ้อยอิ่งลูบปากแก้วอย่างชั่งใจก่อนจะจิบของเหลวสีดำขลับ

     

    พลางเหม่อมองไปยังหน้าต่างเพียงหนึ่งเดียวในห้องสีขาวโพลน

     

    ทันใดนั้นนัยน์ตาที่เหมือนครอบครองกลุ่มดวงดาวมากมายเบิกกว้างขึ้น

     

    “?”

     

    .

     

    .

     

    .

     

     

    ใต้อาณัติของความมืดมิดดาวเคราะห์สีน้ำเงินเคลื่อนที่เร็วขึ้นจากแรงดูดมหาศาลจากสสารมวลมากบางอย่างโดยที่เขาไม่รู้สึกตัว

     

    สสารทุกอย่างหมุนวนอย่างยุ่งยิ่ง

     

    เศษฝุ่นและซากดาวเคราะห์ลอยเคว้งคว้างเฉกเช่นเดียวกับที่เคยเป็น

     

    ดาวเคราะห์ที่ตายแล้วไร้แรงขัดขืน

     

    “...”

     

    ทุกอย่างเงียบสงบ

     

    ความวุ่นวายทั้งหมดเกิดขึ้นในเวลาอันแสนสั้น

     

    และจบลงราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

     

    ร่างดาวเคราะห์ที่มีชีวิตล่องลอยไปสู่ห้วงความมืดที่ลึกยิ่งกว่าเก่า

     

    ความหนาวเย็นโอบอุ้มร่างของเขาไว้และไม่นานหลังจากนั้นดาวเคราะห์ผู้หลงทางก็กลับคืนสติมาอีกครั้ง

     

    “!!!” 

     

    ดาวเคราะห์ผู้โชคร้ายมองภาพอนุภาคสีดำขนาดมหึมาตรงหน้า ความหวาดกลัวที่ถูกฝังอยู่ล่างสุดของหัวใจดวงน้อยปะทุขึ้น

     

    มันช่างแตกต่างกับอนุภาคที่เคยดูดเขาเข้ามาอย่างสิ้นเชิง

     

    ท่ามกลางความมืดสุดพรรณนาอนุภาคสีดำขนาดใหญ่หมุนด้วยความเร็วที่น่าหวาดหวั่น ดาวเคราะห์สีน้ำเงินมองเศษซากที่ถูกมันบดขยี้แล้วกลายเป็นเศษฝุ่นอย่างขาดเขลา 

     

    มีเพียงความหนาวเย็นที่บรรเทาจิตใจของ

    ดาวเคราะห์ผู้มาอยู่ตรงหน้าจุดจบที่แท้จริง

    ดาวเคราะห์ที่มีชีวิตทำได้เพียงมองความเร็วที่ปั่นเอาแสงมากมายเข้าไปอย่างนั้น

     

    “จบแล้วสินะ” เขาพึมพำ

     

    ภายในใจของดาวเคราะห์ดวงน้อยแอบหวังว่าจะมีใครสักคนตอบเขาก่อนที่เขาจะหายไป

     

    เขาภาวนาขอให้พรแห่งดวงดาวเห็นใจ

     

    แม้ว่ามันจะยิ่งทำให้เขาสิ้นหวังยิ่งกว่าเดิม

     

    พันธสัญญาอโคจรทำหน้าที่ของมัน

     

    .

     

    .

     

    .

     

    ที่แห่งนี้ไร้ความเมตตา

    คงไว้ซึ่งความสันโดษ

    และความน่าหวาดหวั่นจากความไม่รู้

     

    ทุกๆอย่างมันควรถูกกำหนดเอาไว้แบบนั้น

     

    แต่ดาวเคราะห์ผู้น่าสงสารยังคงมีความหวัง

    และเดิมพันกับความเป็นไปไม่ได้อย่างโง่เขลา

     

    ก็จริงที่ที่แห่งนี้เป็นที่แห่งความไม่รู้...

     

     

    “นี่เจ้าคิดจะพูดกับข้าด้วยร่างเศษหินอย่างนั้นรึ?”

     

    ดังนั้นจึงไม่มีผู้ใดรู้ถึงความเป็นไปได้ของมัน

     

    “!!!” 

     

     

    เหมือนห้วงเวลาของทั้งเอกภพหยุดนิ่ง

     

    หน้าต่าง ณ ใจกลางของความมืดมิดถูกเปิดออก เผยให้เห็นร่างของชายหนุ่มผิวสีซีดเจ้าของเสียงทรงอำนาจและทะนงตน

     

    นัยน์ตาที่เหมือนกลืนกินทั้งจักรวาลเข้าไปมองมาทางดาวเคราะห์สีที่มีชีวิต

     

    คิ้วเรียวสวยขมวดเข้าหากัน

     

    “ไม่ได้ยินที่ข้าพูดหรือกัน?” น้ำเสียงนั้นเจือปนความไม่พอใจเอาไว้ ดาวเคราะห์ที่มีชีวิตมองชายหนุ่มผู้งดงามตรงหน้าอย่างแปลกใจ

     

    เขาช่างเหมือนกับสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในตัวเขายิ่งนัก

     

    “คุณ...คุณคือ?” ดาวเคราะห์ดวงน้อยพูดเสียงสั่นเหมือนพยายามเก็บความตื้นเต้นเอาไว้

     

    ร่างสูงมองดาวเคราะห์สีน้ำเงินที่ลอยห่างจากหน้าต่างอย่างเอื่อยเฉื่อยด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ นิ้วเรียวที่วางอยู่บนบานหน้าต่างขยับเป็นจังหวะเหมือนกำลังนับเลขในใจ

     

    “...”

     

    ดาวเคราะห์ผู้ไร้เดียงสาครุ่นคิดอยู่ครู่นึงก่อนที่ร่างวัตถุทรงกลมสีน้ำเงินของเขาจะค่อยๆเปลี่ยนไป

    กลายเป็นชายหนุ่มร่างเล็กเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลประกายและผิวสีขาวอมชมพูนัยน์ตาสีสวยค่อยๆลืมขึ้นท่ามกลางการจ้องมองของบุรุษลึกลับ

     

    ราวกับร่างของทั้งสองไม่ได้อยู่ห่างไกลกันมากนักภายใต้อ้อมกอดของความมืดอันหนาวเย็น

     

    นัยน์ตาต่างสีสบกัน

    สีฟ้าใสเหมือนน้ำทะเลเมื่อโดนแสงส่องกับสีดำทมิฬแปลกประหลาด

     

    ชายหนุ่มผู้ตอบรับเสียงเรียกมองร่างอวตารของดาวเคราะห์ผู้ถูกกลืนกินด้วยสีหน้าเรียบเฉย

     

    เขาได้รับคำตอบที่ต้องการแล้ว

     

    ร่างเล็กพยายามตะเกียกตะกายเข้าหาหน้าต่างที่ถูกเปิดออกแต่มันไร้กลับไร้ผลมันกลายเป็นท่าทางตลกๆที่มีเพียงชายหนุ่มร่างสูงที่ได้เห็น

     

    ผ่านไปไม่นานจังหวะนิ้วที่เคาะกับบานหน้าต่างก็หยุดลง

     

    “...” 

     

    ชายหนุ่มเจ้าของเรือนผมยาวสีดำสนิทยื่นมือออกมาจากบานหน้าต่างที่ถูกสร้างอย่างประณีต

     

    เจ้าของนัยน์ตาสีฟ้ามองหน้าเจ้าของมือสลับกับมือที่ยื่นออกมาด้วยรอยยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยความหวัง

     

    ราวกับว่ามันเป็นเพียงระยะทางสั้นๆ

     

    มือของอวตารจากดาวเคราะห์ดวงน้อยก็วางลงบนฝ่ามือที่ใหญ่กว่า

    พลังงานไร้รูปร่างไหลเวียนอย่างน่าประหลาดก่อนจะหายไป

     

    “...”

     

    แต่ร่างอวตารของดาวเคราะห์ดวงน้อยกลับไม่รู้สึกถึงมัน

     

    ชายหนุ่มเจ้าของมือขาวซีดออกแรงเล็กน้อยให้ขาทั้งสองข้างของคนที่ตัวเล็กกว่าได้ก้าวข้ามหน้าต่างมา

     

    ความเป็นไปได้ที่ไม่ควรมีถูกเติมเต็มในห้วงความมืดที่เป็นระเบียบ

     

    เมื่อสองขาของชายหนุ่มร่างเล็กสัมผัสกับพื้นพรมสีดำสนิทหน้าต่างโอ่อ่าก็ปิดลง

     

    .

     

    .

     

    .

     

    “คุณเป็นใครครับ?”

     

    ชายหนุ่มเจ้าของห้องสี่เหลี่ยมสีขาวมองผู้มาใหม่ด้วยสีหน้าไร้อารมณ์

     

    “...” คนที่เอ่ยปากถามก่อนยิ้มแห้งๆรอคอยคำตอบ

     

    “ข้าก็แค่...สิ่งมีชีวิตในตัวเจ้า” สิ้นเสียงที่เปี่ยมไปด้วยอำนาจ คิ้วของชายหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลก็พันกันเป็นปม

     

    ในขณะที่ชายหนุ่มลึกลับก็เดินไปนั่งที่เก้าอี้สีดำ ณ กลางห้อง

     

    ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นเมื่อครู่

    “...”

     

    “...”

     

    บรรยากาศน่าอึดอัดก่อตัวขึ้นจากความเงียบ

     

    นัยน์ตาดำดุจห้วงลึกสุดพรรณาจดจ้องแก้วบรรจุของเหลวสีดำในมืออย่างล่องลอยแต่ในหัวของเขากับเต็มไปด้วยความวุ่นวายตีกันยุ่งยิ่ง

     

    ดาวเคราะห์ที่มีชีวิตมองท่าทางของชายหนุ่มตรงหน้าสลับกับของเหลวสีดำในมือของเขาด้วยความสงสัย พลางนึกถึงปรสิตในตัวของเขาที่ออกอาการแบบนี้เวลาดื่มเครื่องดื่มในแก้วทรงสูงแบบนั้นเข้าไป

     

    แต่ไม่นานนักเขาก็เลิกที่จะใส่ใจกับกลุ่มอาการมากมายที่สิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งในตัวเขาเรียกกัน นัยน์ตาสีฟ้าใสเปลี่ยนไปมองรอบๆห้องสี่เหลี่ยมสีขาวอย่างใคร่รู้

     

    นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นสิ่งของต่างที่ปรสิตสร้างในตัวเขาแบบอยู่ตรงหน้าของเขาจริงๆ

     

    มือเล็กอยากจะสัมผัสของเหล่านั้นแต่อีกใจก็บอกว่าอย่าทำแบบนั้นน่าจะดีกว่า

     

    รอยยิ้มน้อยๆถูกระบายบนใบหน้าเรียบเนียนของดาวเคราะห์

     

    แอบภูมิใจกับปรสิตของเขาขึ้นมานิดหน่อยที่สามารถสร้างสิ่งเหล่านี้ขึ้นมา...แม้ว่ามันจะทำร้ายร่างกายของเขาไปด้วยบางทีก็ตาม

     

    ชายหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลอ่อนหันกลับไปทางชายหนุ่มอีกคน แต่เขาคนนั้นได้มองชายหนุ่มผู้มาใหม่อยู่ก่อนแล้ว

     

    “เจ้าจะจับของพวกนั้นก็ได้” เขาพูดเสียงเรียบพลางจิบเครื่องดื่มสีดำในมือ

    “ครับ?” ดาวเคราะห์ดวงน้อยมองบุคคลผู้อ้างว่าตาเป็นปรสิตในตัวของเขาด้วยความงุนงง

    ร่างสูงมองคนที่ยืนหน้ามึนอย่างอ่อนใจแต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป

     

    “หมายถึงผมจับของพวกนี้ได้งั้นเหรอครับ?”

     

    ชายหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีดำยาวพยักหน้าเล็กน้อยเป็นสัญญาณ

     

    “...” นัยน์ตาสีประหลาดจับจ้องทุกการกระทำของผู้มาใหม่อย่างใคร่รู้ ไม่ว่าจะเป็นตอนที่เขาหยิบสิ่งของที่มีรูปร่างคล้ายปรสิตอีกชนิดในตัวของเขาแต่นุ่มนิ่มไร้ชีวิต และจากนั้นก็จับสิ่งของทำจากไม้ สิ่งของที่มีลักษณะใสเป็นทรงสี่เหลี่ยมที่ตรงปลายมีปุ่มเปิดปิด สิ่งของทรงกลมที่มีตัวเลขและเข็มสีดำสนิท

     

    รอยยิ้มน้อยๆไม่หายไปเลยจากใบหน้าของดาวเคราะห์ดวงน้อย

     

    “...”

     

    ชายหนุ่มผู้เฝ้ามองละสายตามามองของเหลวสีดำในมือเล็กน้อยก่อนจะเคาะนิ้วเรียวกับโต๊ะเป็นจังหวะ ไม่นานกำแพงความเงียบที่ถูกก่อขึ้นก็พังทลายลง

     

    “ผมอยากรู้ครับ” เสียงทุ้มนุ่มดังขึ้นดึงความสนใจของชายหนุ่มผู้เพลิดเพลินกับเครื่องดื่มในมือไป

     

    “?”

     

    “ผมอยากรู้ว่าคุณช่วยผมทำไม?” นัยน์ตาสีฟ้าใสสบกับนัยน์ตาสีมืดมิด

     

    “มันอาจจะดูเป็นคำถามที่น่ารำคาญแต่ว่า...” ร่างเล็กหลุบตาต่ำลงอย่างไม่มั่นใจ

     

    “...”

    ชายหนุ่มร่างสูงมองท่าทางเงอะงะของดาวเคราะห์ตรงหน้าก่อนจะถอนหายใจออกมา

     

    “เจ้าเห็นนี้มั้ย?”

     

    ปลายนิ้วเนียวชี้ไปทางหน้าต่างขนาดใหญ่เพียงหนึ่งเดียวในห้องคนตัวเล็กกว่ามองตามไป

     

    “หน้าต่าง?”

     

    “ตามปกติแล้วมันไม่เคยเปิดออก...”

     

    “...” บรรยากาศน่าอึดอัดกลับมาอีกครั้งเพราชายหนุ่มร่างสูงเงียบไป

     

    “แล้ว...” ดาวเคราะห์ดวงน้อยมีคำตอบในใจแต่ก็ไม่กล้าที่จะพูดออกไปก่อน

     

    “...”

     

    “เจ้าเหมือนจะเป็นข้อยกเว้นของมัน” พูดจบก็จิบของเหลวในมืออีกครั้ง

     

    ดาวเคราะห์ดวงน้อยเหลือบมองไปยังความมืดมิดนอกหน้าต่างในหัวครุ่นคิดบางอย่าง

     

    ‘เขาตอบไม่ตรงคำถามเอาซะเลย’

     

    ‘แต่นั่นก็แปลว่าเขาไม่เคยออกไปจากที่นี่เลยอย่างงั้นสิ’

     

    ‘เป็นไปไม่ได้’

     

    ‘หรือว่าจริงๆแล้ว...’

     

    “...”

     

    ชายหนุ่มเจ้าของใบหน้าได้รูปหันกลับมามองคนตัวเล็กกว่าที่ยืนนิ่งอยู่ที่เดิมสักพักก่อนที่เขาจะเอ่ยปาก

     

    “ข้าว่าเจ้าคงมีคำถามมากมาย” เพียงประโยคสั้นดาวเคราะห์ดวงน้อยก็หันกลับมามองชายหนุ่มอีกคนอย่างรวดเร็ว

     

    “งั้นก็จงพูดออกมาให้หมด” มีรอยยิ้มเกิดที่มุมปากของชายหนุ่มผู้ลึกลับอยู่ช่วงหนึ่งก่อนจะหายไปโดยที่ไม่ถูกสังเกตเห็น

     

    ปลายเท้าที่ถูกหุ้มด้วยรองเท้าหนังสีดำดันเก้าอี้สีขาวฝั่งตรงข้ามออกเหมือนเป็นการบอกกลายๆ

     

    “...” ดาวเคราะห์ดวงน้อยลอบกลืนน้ำลายลงคออย่างเงียบๆก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งที่เก้าอี้สีขาว เขารู้สึกเหมือนชายตรงหน้ารู้ทุกอย่างเกี่ยวกับเขา รู้สึกเหมือนว่าทุกอย่างที่เขาคิดถูกคนตรงหน้ามองอย่างทะลุปรุโปร่งไปเสียหมด

     

    ระยะห่างของโต๊ะนั้นแสนสั้นในความคิดของคนตัวเล็กกว่า

     

    “ว่ามาสิ” 

     

    ดาวเคราะห์ดวงน้อยหลับตาลงเหมือนเรียกสติก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง

     

    ‘ในห้วงความคิดสุดลึกล้ำไม่มีผู้ใดหยั่งถึงนอกเสียจากตัวเขาเอง

    ไม่เหมือนครุ่นคิดแต่ในทุกๆถ้อยคำนั้นถูกกรั่นกรอง

    ดูเรียบง่ายแต่ลึกๆอาจซับซ้อน

    เช่นนักพนันบอกไพ่ในมือของตัวเอง’

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×