คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ห้วงลึกสุดพรรณา
3
ห้วงลึกสุดพรรณนา
‘ท่ามกลางความเงียบเหงาพวกเขายังคงทอแสงประกาย
ท่ามกลางความหนาวเย็นยังมีสายใยแสนอบอุ่นที่มอบให้แก่กัน
ท่ามกลางการโคจรที่แสนน่าเบื่อและช่วงชีวิตที่แสนยาวนาน
ในท้ายที่สุดความมืดมิดอันเป็นนิรันดร์ก็เดินทางมาถึง’
ดอกไม้สีฟ้าแห้งซีดถูกวางประดับอยู่ในแจกันสีใส เกล็ดน้ำแข็งจากความหนาวเย็นเกาะไปทั่วดอกไม้สีสวย ไอความเย็นของดอกไม้สีฟ้าน้ำทะเลใสคลอเคลียไปทั่วน้ำแข็งที่กลืนกินดอกไม้เข้าไป
ภายใต้กระบวนการที่ผ่านไปอย่างเชื่องช้ายังคงมีสายตาของชายหนุ่มคนหนึ่งเฝ้ามอง
“...”
ร่างสูงเจ้าของนัยน์ตาที่อยากจะหยั่งถึงละสายตาไปทางหน้าต่างขนาดใหญ่ที่อยู่ไม่ไกลมากอย่างล่องลอย
ภาพที่หน้าต่างแสดงให้เขาเห็นมันยังคงเป็นห้วงลึกที่มืดสนิทเช่นเดิม
เหมือนมันไม่เคยเปลี่ยนแปลงเลยในทุกๆวันที่ผ่านพ้นไป
ของเหลวสีดำภายในภาชนะทรงสูงที่ถูกเติมขึ้นอีกเล็กน้อยดึงความสนใจของชายหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีดำทมิฬ
ภายใต้อ้อมกอดของความมืดที่เป็นอนันต์และเวลาที่แทบหยุดนิ่ง ชายหนุ่มคนนั้นรับรู้เสมอ
ถึงความเปลี่ยนแปลงท่ามกลางที่หนาวเย็นแห่งนี้
ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยหรือยิ่งใหญ่ทุกๆสิ่งที่กำลังเคลื่อนที่ พุ่งชน หรือสลายไป เขามองเห็นมันทั้งหมดผ่านดวงตาคู่นั้น
มือเรียบขาวซีดหยิบแก้งทรงสูงขึ้นมาอย่างอ้อยอิ่งลูบปากแก้วอย่างชั่งใจก่อนจะจิบของเหลวสีดำขลับ
พลางเหม่อมองไปยังหน้าต่างเพียงหนึ่งเดียวในห้องสีขาวโพลน
ทันใดนั้นนัยน์ตาที่เหมือนครอบครองกลุ่มดวงดาวมากมายเบิกกว้างขึ้น
“?”
.
.
.
ใต้อาณัติของความมืดมิดดาวเคราะห์สีน้ำเงินเคลื่อนที่เร็วขึ้นจากแรงดูดมหาศาลจากสสารมวลมากบางอย่างโดยที่เขาไม่รู้สึกตัว
สสารทุกอย่างหมุนวนอย่างยุ่งยิ่ง
เศษฝุ่นและซากดาวเคราะห์ลอยเคว้งคว้างเฉกเช่นเดียวกับที่เคยเป็น
ดาวเคราะห์ที่ตายแล้วไร้แรงขัดขืน
“...”
ทุกอย่างเงียบสงบ
ความวุ่นวายทั้งหมดเกิดขึ้นในเวลาอันแสนสั้น
และจบลงราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ร่างดาวเคราะห์ที่มีชีวิตล่องลอยไปสู่ห้วงความมืดที่ลึกยิ่งกว่าเก่า
ความหนาวเย็นโอบอุ้มร่างของเขาไว้และไม่นานหลังจากนั้นดาวเคราะห์ผู้หลงทางก็กลับคืนสติมาอีกครั้ง
“!!!”
ดาวเคราะห์ผู้โชคร้ายมองภาพอนุภาคสีดำขนาดมหึมาตรงหน้า ความหวาดกลัวที่ถูกฝังอยู่ล่างสุดของหัวใจดวงน้อยปะทุขึ้น
มันช่างแตกต่างกับอนุภาคที่เคยดูดเขาเข้ามาอย่างสิ้นเชิง
ท่ามกลางความมืดสุดพรรณนาอนุภาคสีดำขนาดใหญ่หมุนด้วยความเร็วที่น่าหวาดหวั่น ดาวเคราะห์สีน้ำเงินมองเศษซากที่ถูกมันบดขยี้แล้วกลายเป็นเศษฝุ่นอย่างขาดเขลา
มีเพียงความหนาวเย็นที่บรรเทาจิตใจของ
ดาวเคราะห์ผู้มาอยู่ตรงหน้าจุดจบที่แท้จริง
ดาวเคราะห์ที่มีชีวิตทำได้เพียงมองความเร็วที่ปั่นเอาแสงมากมายเข้าไปอย่างนั้น
“จบแล้วสินะ” เขาพึมพำ
ภายในใจของดาวเคราะห์ดวงน้อยแอบหวังว่าจะมีใครสักคนตอบเขาก่อนที่เขาจะหายไป
เขาภาวนาขอให้พรแห่งดวงดาวเห็นใจ
แม้ว่ามันจะยิ่งทำให้เขาสิ้นหวังยิ่งกว่าเดิม
พันธสัญญาอโคจรทำหน้าที่ของมัน
.
.
.
ที่แห่งนี้ไร้ความเมตตา
คงไว้ซึ่งความสันโดษ
และความน่าหวาดหวั่นจากความไม่รู้
ทุกๆอย่างมันควรถูกกำหนดเอาไว้แบบนั้น
แต่ดาวเคราะห์ผู้น่าสงสารยังคงมีความหวัง
และเดิมพันกับความเป็นไปไม่ได้อย่างโง่เขลา
ก็จริงที่ที่แห่งนี้เป็นที่แห่งความไม่รู้...
“นี่เจ้าคิดจะพูดกับข้าด้วยร่างเศษหินอย่างนั้นรึ?”
ดังนั้นจึงไม่มีผู้ใดรู้ถึงความเป็นไปได้ของมัน
“!!!”
เหมือนห้วงเวลาของทั้งเอกภพหยุดนิ่ง
หน้าต่าง ณ ใจกลางของความมืดมิดถูกเปิดออก เผยให้เห็นร่างของชายหนุ่มผิวสีซีดเจ้าของเสียงทรงอำนาจและทะนงตน
นัยน์ตาที่เหมือนกลืนกินทั้งจักรวาลเข้าไปมองมาทางดาวเคราะห์สีที่มีชีวิต
คิ้วเรียวสวยขมวดเข้าหากัน
“ไม่ได้ยินที่ข้าพูดหรือกัน?” น้ำเสียงนั้นเจือปนความไม่พอใจเอาไว้ ดาวเคราะห์ที่มีชีวิตมองชายหนุ่มผู้งดงามตรงหน้าอย่างแปลกใจ
เขาช่างเหมือนกับสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในตัวเขายิ่งนัก
“คุณ...คุณคือ?” ดาวเคราะห์ดวงน้อยพูดเสียงสั่นเหมือนพยายามเก็บความตื้นเต้นเอาไว้
ร่างสูงมองดาวเคราะห์สีน้ำเงินที่ลอยห่างจากหน้าต่างอย่างเอื่อยเฉื่อยด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ นิ้วเรียวที่วางอยู่บนบานหน้าต่างขยับเป็นจังหวะเหมือนกำลังนับเลขในใจ
“...”
ดาวเคราะห์ผู้ไร้เดียงสาครุ่นคิดอยู่ครู่นึงก่อนที่ร่างวัตถุทรงกลมสีน้ำเงินของเขาจะค่อยๆเปลี่ยนไป
กลายเป็นชายหนุ่มร่างเล็กเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลประกายและผิวสีขาวอมชมพูนัยน์ตาสีสวยค่อยๆลืมขึ้นท่ามกลางการจ้องมองของบุรุษลึกลับ
ราวกับร่างของทั้งสองไม่ได้อยู่ห่างไกลกันมากนักภายใต้อ้อมกอดของความมืดอันหนาวเย็น
นัยน์ตาต่างสีสบกัน
สีฟ้าใสเหมือนน้ำทะเลเมื่อโดนแสงส่องกับสีดำทมิฬแปลกประหลาด
ชายหนุ่มผู้ตอบรับเสียงเรียกมองร่างอวตารของดาวเคราะห์ผู้ถูกกลืนกินด้วยสีหน้าเรียบเฉย
เขาได้รับคำตอบที่ต้องการแล้ว
ร่างเล็กพยายามตะเกียกตะกายเข้าหาหน้าต่างที่ถูกเปิดออกแต่มันไร้กลับไร้ผลมันกลายเป็นท่าทางตลกๆที่มีเพียงชายหนุ่มร่างสูงที่ได้เห็น
ผ่านไปไม่นานจังหวะนิ้วที่เคาะกับบานหน้าต่างก็หยุดลง
“...”
ชายหนุ่มเจ้าของเรือนผมยาวสีดำสนิทยื่นมือออกมาจากบานหน้าต่างที่ถูกสร้างอย่างประณีต
เจ้าของนัยน์ตาสีฟ้ามองหน้าเจ้าของมือสลับกับมือที่ยื่นออกมาด้วยรอยยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยความหวัง
ราวกับว่ามันเป็นเพียงระยะทางสั้นๆ
มือของอวตารจากดาวเคราะห์ดวงน้อยก็วางลงบนฝ่ามือที่ใหญ่กว่า
พลังงานไร้รูปร่างไหลเวียนอย่างน่าประหลาดก่อนจะหายไป
“...”
แต่ร่างอวตารของดาวเคราะห์ดวงน้อยกลับไม่รู้สึกถึงมัน
ชายหนุ่มเจ้าของมือขาวซีดออกแรงเล็กน้อยให้ขาทั้งสองข้างของคนที่ตัวเล็กกว่าได้ก้าวข้ามหน้าต่างมา
ความเป็นไปได้ที่ไม่ควรมีถูกเติมเต็มในห้วงความมืดที่เป็นระเบียบ
เมื่อสองขาของชายหนุ่มร่างเล็กสัมผัสกับพื้นพรมสีดำสนิทหน้าต่างโอ่อ่าก็ปิดลง
.
.
.
“คุณเป็นใครครับ?”
ชายหนุ่มเจ้าของห้องสี่เหลี่ยมสีขาวมองผู้มาใหม่ด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
“...” คนที่เอ่ยปากถามก่อนยิ้มแห้งๆรอคอยคำตอบ
“ข้าก็แค่...สิ่งมีชีวิตในตัวเจ้า” สิ้นเสียงที่เปี่ยมไปด้วยอำนาจ คิ้วของชายหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลก็พันกันเป็นปม
ในขณะที่ชายหนุ่มลึกลับก็เดินไปนั่งที่เก้าอี้สีดำ ณ กลางห้อง
ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นเมื่อครู่
“...”
“...”
บรรยากาศน่าอึดอัดก่อตัวขึ้นจากความเงียบ
นัยน์ตาดำดุจห้วงลึกสุดพรรณาจดจ้องแก้วบรรจุของเหลวสีดำในมืออย่างล่องลอยแต่ในหัวของเขากับเต็มไปด้วยความวุ่นวายตีกันยุ่งยิ่ง
ดาวเคราะห์ที่มีชีวิตมองท่าทางของชายหนุ่มตรงหน้าสลับกับของเหลวสีดำในมือของเขาด้วยความสงสัย พลางนึกถึงปรสิตในตัวของเขาที่ออกอาการแบบนี้เวลาดื่มเครื่องดื่มในแก้วทรงสูงแบบนั้นเข้าไป
แต่ไม่นานนักเขาก็เลิกที่จะใส่ใจกับกลุ่มอาการมากมายที่สิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งในตัวเขาเรียกกัน นัยน์ตาสีฟ้าใสเปลี่ยนไปมองรอบๆห้องสี่เหลี่ยมสีขาวอย่างใคร่รู้
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นสิ่งของต่างที่ปรสิตสร้างในตัวเขาแบบอยู่ตรงหน้าของเขาจริงๆ
มือเล็กอยากจะสัมผัสของเหล่านั้นแต่อีกใจก็บอกว่าอย่าทำแบบนั้นน่าจะดีกว่า
รอยยิ้มน้อยๆถูกระบายบนใบหน้าเรียบเนียนของดาวเคราะห์
แอบภูมิใจกับปรสิตของเขาขึ้นมานิดหน่อยที่สามารถสร้างสิ่งเหล่านี้ขึ้นมา...แม้ว่ามันจะทำร้ายร่างกายของเขาไปด้วยบางทีก็ตาม
ชายหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลอ่อนหันกลับไปทางชายหนุ่มอีกคน แต่เขาคนนั้นได้มองชายหนุ่มผู้มาใหม่อยู่ก่อนแล้ว
“เจ้าจะจับของพวกนั้นก็ได้” เขาพูดเสียงเรียบพลางจิบเครื่องดื่มสีดำในมือ
“ครับ?” ดาวเคราะห์ดวงน้อยมองบุคคลผู้อ้างว่าตาเป็นปรสิตในตัวของเขาด้วยความงุนงง
ร่างสูงมองคนที่ยืนหน้ามึนอย่างอ่อนใจแต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป
“หมายถึงผมจับของพวกนี้ได้งั้นเหรอครับ?”
ชายหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีดำยาวพยักหน้าเล็กน้อยเป็นสัญญาณ
“...” นัยน์ตาสีประหลาดจับจ้องทุกการกระทำของผู้มาใหม่อย่างใคร่รู้ ไม่ว่าจะเป็นตอนที่เขาหยิบสิ่งของที่มีรูปร่างคล้ายปรสิตอีกชนิดในตัวของเขาแต่นุ่มนิ่มไร้ชีวิต และจากนั้นก็จับสิ่งของทำจากไม้ สิ่งของที่มีลักษณะใสเป็นทรงสี่เหลี่ยมที่ตรงปลายมีปุ่มเปิดปิด สิ่งของทรงกลมที่มีตัวเลขและเข็มสีดำสนิท
รอยยิ้มน้อยๆไม่หายไปเลยจากใบหน้าของดาวเคราะห์ดวงน้อย
“...”
ชายหนุ่มผู้เฝ้ามองละสายตามามองของเหลวสีดำในมือเล็กน้อยก่อนจะเคาะนิ้วเรียวกับโต๊ะเป็นจังหวะ ไม่นานกำแพงความเงียบที่ถูกก่อขึ้นก็พังทลายลง
“ผมอยากรู้ครับ” เสียงทุ้มนุ่มดังขึ้นดึงความสนใจของชายหนุ่มผู้เพลิดเพลินกับเครื่องดื่มในมือไป
“?”
“ผมอยากรู้ว่าคุณช่วยผมทำไม?” นัยน์ตาสีฟ้าใสสบกับนัยน์ตาสีมืดมิด
“มันอาจจะดูเป็นคำถามที่น่ารำคาญแต่ว่า...” ร่างเล็กหลุบตาต่ำลงอย่างไม่มั่นใจ
“...”
ชายหนุ่มร่างสูงมองท่าทางเงอะงะของดาวเคราะห์ตรงหน้าก่อนจะถอนหายใจออกมา
“เจ้าเห็นนี้มั้ย?”
ปลายนิ้วเนียวชี้ไปทางหน้าต่างขนาดใหญ่เพียงหนึ่งเดียวในห้องคนตัวเล็กกว่ามองตามไป
“หน้าต่าง?”
“ตามปกติแล้วมันไม่เคยเปิดออก...”
“...” บรรยากาศน่าอึดอัดกลับมาอีกครั้งเพราชายหนุ่มร่างสูงเงียบไป
“แล้ว...” ดาวเคราะห์ดวงน้อยมีคำตอบในใจแต่ก็ไม่กล้าที่จะพูดออกไปก่อน
“...”
“เจ้าเหมือนจะเป็นข้อยกเว้นของมัน” พูดจบก็จิบของเหลวในมืออีกครั้ง
ดาวเคราะห์ดวงน้อยเหลือบมองไปยังความมืดมิดนอกหน้าต่างในหัวครุ่นคิดบางอย่าง
‘เขาตอบไม่ตรงคำถามเอาซะเลย’
‘แต่นั่นก็แปลว่าเขาไม่เคยออกไปจากที่นี่เลยอย่างงั้นสิ’
‘เป็นไปไม่ได้’
‘หรือว่าจริงๆแล้ว...’
“...”
ชายหนุ่มเจ้าของใบหน้าได้รูปหันกลับมามองคนตัวเล็กกว่าที่ยืนนิ่งอยู่ที่เดิมสักพักก่อนที่เขาจะเอ่ยปาก
“ข้าว่าเจ้าคงมีคำถามมากมาย” เพียงประโยคสั้นดาวเคราะห์ดวงน้อยก็หันกลับมามองชายหนุ่มอีกคนอย่างรวดเร็ว
“งั้นก็จงพูดออกมาให้หมด” มีรอยยิ้มเกิดที่มุมปากของชายหนุ่มผู้ลึกลับอยู่ช่วงหนึ่งก่อนจะหายไปโดยที่ไม่ถูกสังเกตเห็น
ปลายเท้าที่ถูกหุ้มด้วยรองเท้าหนังสีดำดันเก้าอี้สีขาวฝั่งตรงข้ามออกเหมือนเป็นการบอกกลายๆ
“...” ดาวเคราะห์ดวงน้อยลอบกลืนน้ำลายลงคออย่างเงียบๆก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งที่เก้าอี้สีขาว เขารู้สึกเหมือนชายตรงหน้ารู้ทุกอย่างเกี่ยวกับเขา รู้สึกเหมือนว่าทุกอย่างที่เขาคิดถูกคนตรงหน้ามองอย่างทะลุปรุโปร่งไปเสียหมด
ระยะห่างของโต๊ะนั้นแสนสั้นในความคิดของคนตัวเล็กกว่า
“ว่ามาสิ”
ดาวเคราะห์ดวงน้อยหลับตาลงเหมือนเรียกสติก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
‘ในห้วงความคิดสุดลึกล้ำไม่มีผู้ใดหยั่งถึงนอกเสียจากตัวเขาเอง
ไม่เหมือนครุ่นคิดแต่ในทุกๆถ้อยคำนั้นถูกกรั่นกรอง
ดูเรียบง่ายแต่ลึกๆอาจซับซ้อน
เช่นนักพนันบอกไพ่ในมือของตัวเอง’
ความคิดเห็น