ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Oldest Sun - ดาวฤกษ์ที่เก่าแก่ที่สุด

    ลำดับตอนที่ #2 : อัตตาของความมืด

    • อัปเดตล่าสุด 4 พ.ย. 63


    2

     

     

    อัตตาของความมืด

     

    ‘กลุ่มอนุภาคมวลสารเมฆเป็นหลุมหยุบ

    เพราะอนุภาคของตนอันยิ่งใหญ่

    มวลมากอีกกำลังแสนเกรียงไกร

    ก่อนจะเปล่งประกรายแสงออกมา’

     

     

     

    ชายหนุ่มร่างสูงเจ้าของเรือนผมยาวสีดำทมิฬเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างที่มีแต่ความดำมืดอย่างเบื่อหน่าย

     

    “...”

     

    มือสีขาวซีดขยับแก้วในมือที่ถูกเติมเต็มด้วยของเหลวสีดำไปมาก่อนที่เจ้าของของเหลวนั้นจะจิบมันอย่างใจเย็น

     

    มันเป็นสถานที่ที่แสนเงียบเหงา 

     

    ไม่มีเสียงใดลอดผ่าน รวมถึงไร้ซึ่งสายลม

     

    ร่างสูงผู้มีนัยน์ตาน่าพิศวงราวกับจักรวาลทั้งหมดถูกจองจำในดวงตาคู่นั้นละสายตาจากหน้าต่างที่ถูกห่อหุ้มด้วยความมืด

     

    พลันกลับมามองที่ที่ตนอยู่

     

    จากห้องสี่เหลี่ยมสีขาวที่เคยไม่มีสิ่งของใดๆ

     

    วันนี้กลับมีของที่แปลกหูแปลกตาปรากฏขึ้น ณ ใจกลาง

     

    ร่างสูงก้าวเท้าด้วยจังหวะที่สม่ำเสมอก่อนที่จะมาหยุดนิ่งที่วัตถุนั้น

     

    “...”

     

    โต๊ะสีขาวสะอาดตั้งอยู่

     

    พร้อมด้วยเก้าอี้สองตัว สำหรับคนสองคน

     

    ตัวหนึ่งสีดำและอีกตัวสีขาว

     

    ชายหนุ่มมองมันด้วยสายตาที่อ่านไม่ออกหากแต่ภายในหัวของเขาเกิดคำถามขึ้นมากมาย

     

    หลังจากที่ชายหนุ่มหลงอยู่ในห้วงความคิดคำถามที่เคยมีอยู่ก็ถูกพัดพาหายไปหมดสิ้น

     

    เขาเบื่อหน่ายกับชีวิตที่เขาเป็นอยู่ยิ่งกว่าอะไร

     

    ปลายนิ้วเรียวลากไปตามความยาวของโต๊ะสีขาว

     

    ความน่าเบื่อมักจะเล่นตลกอยู่กับเขาเสมอมันมักจะโยนความหวังมาและจากนั้นก็บดขยี้มัน

     

    ชายหนุ่มหลุบตาลงเหมือนหลงเข้าไปในความคิดของตนเองแต่ในครั้งนี้สิ่งที่เขาคิด คำถามของเขามันกระจ่างชัด...

     

    เขาเหลือบมองเก้าอี้ทั้งสองตัว

     

    แต่บางทีในครั้งนี้...

     

    ความน่าเบื่ออาจจะเลิกล้อเขาเล่นก็ได้

     

    ร่างสูงมองออกไปนอกหน้าต่างอีกครั้งเป็นจังหวะเดียวกันกับที่ของเหลวสีดำในมือถูกเติม

     

    มันเป็นสัญญาณของอะไรบางอย่าง 

     

    “...”

     

    เขาหย่อนตัวลงที่เก้าอี้สีดำก่อนจะมองไปที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามที่ว่างเปล่า

     

    .

     

    .

     

    .

     

    ดาวเคราะห์สีน้ำเงินลอยอย่างเอื่อยเฉื่อยท่ามกลางความมืดสุดพรรณา เศษฝุ่นและสสารไม่พึงประสงค์ล่องลอยไปมาอย่างน่าสงสาร

     

    เศษซากดาวเคราะห์ที่บิดเบี้ยวเคลื่อนที่กันอย่างเคว้งคว้าง

     

    ณ ที่แห่งนี้ ที่ที่ไร้ซึ่งเสียง ไร้ซึ่งสายลม แม้กระทั่งแสงสว่างนำทาง

     

    เงียบเหงาและบิดเบี้ยว

     

    ดาวเคราะห์ที่มีชีวิตเองก็เคลื่อนที่ไปตามแรงดึงที่มองไม่เห็นอย่างช้าๆ

     

    เวลาผ่านไปไม่นานนักดาวเคราะห์ผู้ถูกกลืนกินก็ถูกคืนความรู้สึกตัว

     

    เศษฝุ่นและสสารที่ล่องลอยไปมาเหมือนถูกดึงดูดเข้าไปใกล้เหมือนต้อนรับสมาชิกใหม่

     

    “...”

     

    ดาวเคราะห์สีน้ำเงินรู้สึกตัว

     

    ความมืดที่แสนหนาวเย็นโอบอุ้มดาวเคราะห์ดวงน้อยเอาไว้

     

    “ที่นี่...” เขาส่งเสียงอย่างงุนงง

     

    ดาวเคราะห์สีน้ำเงินพยายามมองไปในความมืดไม่นานนักเขาก็รู้สึกถึงเหล่าเศษฝุ่นเศษซากดาวเคราะห์ที่วนอยู่รอบๆตัวเขา

     

    “จุดจบ?”

     

    ก่อนที่ดาวเคราะห์ที่มีชีวิตจะรีบสังเกตร่างกายของตนอย่างร้อนรน

     

    เป็นความโชคดี

     

    สิ่งมีชีวิตนาๆพันธ์ที่อยู่ในร่างของเขามีบางส่วนที่ได้ตายไปเพราะไร้แสงสว่างจากดาวฤกษ์ แต่ส่วนมากก็ยังคงอยู่เพราะความอบอุ่นจากดวงดาวที่เคยมอบไว้

     

    เขารู้สึกซาบซึ้งมากๆ...

     

    แต่ตอนนี้ก็คงไม่มีทางที่จะทดแทนคุณดวงดาวผู้แสนใจดีดวงนั้นได้อีก

     

    ดาวเคราะห์ดวงน้อยภายในห้วงที่แสนดำมืดเหม่อมองออกไปในความมืดที่แสนเงียบเหงาสักพัก

     

    ก่อนจะตกลงสู่ห้วงความคิด

     

    มันคงเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะมีชีวิตตลอดไปในที่แห่งนี้

     

    ความร้อนภายในกายค่อยๆถูกขับออกจากตัวเขา เขาสัมผัสมันได้ซึ่งนั้นก็หมายความว่าเหล่าปรสิตในตัวของเขากำลังจะตายด้วยเช่นกัน

     

    และใช่รวมถึงตัวเขาด้วย

     

    ไร้ระบบไร้โคจรไร้ชีวิต

     

    “...”

     

    เศษซากดาวเคราะห์เศษฝุ่นไม่น่ามองฟุ้งไปทั่วอาณาบรรเวณของความมืด

     

    ดาวเคราะห์สีน้ำเงินมองพวกมันเคลื่อนที่มาใกล้อย่างไม่คิดอะไร

     

    ‘อะ อุ่น’ 

     

    เสียงบางอย่างดังขึ้นสนหัวของดาวเคราะห์ผู้มาใหม่

     

    ‘อุ่น อุ่น’ มีอีกหลายๆเสียงตามมา

     

    ‘$%;%$|—$*#$%{€…-;&%-#’ ทั้งฟังรู้เรื่องและไม่รู้เรื่อง

     

    เหล่าเศษดาวเคราะห์ท่อร่างใกล้เข้ามาและกรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง

     

    ‘อุ่นอุ่นอุ่นอุ่นอุ่น!’ 

     

    พวกมันกรีดร้องดังลั่นอยู่ภายในหัวของดาวเคราะห์สีน้ำเงิน

     

    เขารู้สึกเจ็บปวดเหมือนถูกแรงมหาศาลมาตรึงไว้จากที่แทบไม่ได้ก็ยิ่งขยับไม่ได้ยิ่งกว่าเดิม

     

    “ออกไปนะ!” เขาพูดและพยายามดิ้นรน

     

    แต่มันก็ไร้ประโยชน์ในสภาวะไร้กฎของที่แห่งนี้

     

    พวกมาเบียดเสียดพุ่งชนกันเองเต็มไปด้วยความเห็นแก่ตัวในขณะที่ดาวเคราะห์ดวงน้อยกำลังเผชิญหน้ากับความทรมาน

     

    ‘ชะ ช่วย’ 

     

    ในขณะที่รอบกายของดาวเคราะห์ดวงน้อยกำลังวุ่นวายก็มีเสียงที่เหมือนคืนสติให้กับผู้ที่นั่งลำบาก

     

    มันดูเป็นเสียงที่มาจากที่ที่ห่างไกล

     

    อบอุ่นและแสนคุ้นเคย

     

    ‘ช่วย...ช่วยเขาด้วย’ เสียงนั้นดังกังวาลในหัวของดาวเคราะห์ดวงน้อยอย่างชัดเจนมันกลบทุกเสียงที่กรีดร้องไร้จิตสำนึก

     

    เสียงที่เหมือนขอร้องจากวาระสุดท้ายของชีวิต

     

    สิ้นเสียงที่งดงามนั้นแรงตรึงที่เหมือนจะแยกร่างของเขาออกเบาบางลง

     

    ตนแรงตรึงทั้งหมดนั้นหายไป

     

    ดาวเคราะห์ผู้มาใหม่ได้สติเขาใช้เวลาไม่นานก่อนจะรีบพูดสิ่งที่ตนคิด 

     

    “ช่วย? คุณหมายความว่ายังไงเหรอครับ?!” เขาพูดไปสุดเสียงในขณะที่เขาก็พยายามเพ่งมองในความมืดว่ามีอะไรกำลังจะพุ่งเขามาขนเขารึเปล่าอย่างระมัดระวัง

     

    “...”

     

    พันธสัญญาอโคจรเริ่มทำหน้าที่ของมัน

     

    แต่แน่นอนมันต้องใช้เวลา

     

    ยิ่งนานเท่าไหร่ก็ยิ่งหมายถึงเส้นทางที่ห่างไกล

     

    “...”

     

    เป็นอีกครั้งที่ดาวเคราะห์ที่มีชีวิตได้รับความเงียบเป็นคำตอบ

     

    ความอบอุ่นที่โอบล้อมเขาไว้ทำให้เขารู้สึกไม่โดดเดี่ยว

     

    รวมถึงพวกปรสิตที่ไร้ประโยชน์นั่นด้วยที่ทำให้เขาไม่ได้ตัวคนเดียว

     

    ดาวเคราะห์สีน้ำเงินเหม่อมองออกไปในความมืดสุดพรรณาปล่อยร่างของตนไหลไปตามทิศทางที่ความมืดจะพัดพาไป

     

    มันมืดมิดราวกับว่าจริงๆแล้วที่แห่งนี้แสงผ่านมาไม่ได้

     

    เศษซากของดวงดาวชนกันเองในความเงียบ

     

    ดาวเคราะห์ผู้มาใหม่มองภาพนั้นแล้วรู้สึกเจ็บแทนอย่างบอกไม่ถูกแม้จะเป็นการชนกันเบาๆก็ตาม

     

    เขาโชคดีนักที่ไม่โดนอะไรชน...อย่างน้อยก็ในตอนนี้

     

    ‘ช่วย’

     

    ‘ช่วยเขาด้วย’

     

    “!!!” ดาวเคราะห์ที่ลอยเคว้งคว้างกำลังจะตอบกลับแต่...

     

    แรงดึงมหาศาลดึงดาวเคราะห์ดวงน้อยไปด้านหน้าอย่างรุนแรงรวมถึงเหล่าเศษซากฝุ่นผงหรือแม้กระทั่งดาวเคราะห์ที่เหว้าแหว่งที่มีขนาดอันใหญ่โต

     

    “เฮ้ย!” ดาวเคราะห์ที่มีชีวิตรู้สึกว่าตัวเองเหมือนร่างของตนกำลังถูกฉักกระชาก

     

    ความเจ็บปวดลามไปทั่วร่างของเขา เสียงของเหล่าปรสิตในตัวที่หวีดร้องดังเต็มไปทั่วโสตประสาท

     

    แต่ในห้วงสุดท้ายก่อนที่ทัศนวิสัยของเขาจะดับวูบลง

     

    เสียงที่สนทนากับเขาในช่วงเวลาที่ไหลอย่างเชื่องช้าก็ดังขึ้น

     

    ‘เขาคนนั้น ณ ใจกลาง’

     

     

    ‘ดาวเคราะห์สีน้ำเงินล่องลอยไปตามแรงดึงอันมหาศาล

    ไม่มีมวลใดสู้กับความยิ่งใหญ่ของมันได้

    เหมือนชะตากรรมที่ไม่อาจฝ่าฝืน

    คงไว้เพียงเวลาที่ยังคงเดินหน้าในอัตราที่แทบจะหยุดนิ่ง’

    ...

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×