คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : อัตตาของความมืด
2
อัตตาของความมืด
‘กลุ่มอนุภาคมวลสารเมฆเป็นหลุมหยุบ
เพราะอนุภาคของตนอันยิ่งใหญ่
มวลมากอีกกำลังแสนเกรียงไกร
ก่อนจะเปล่งประกรายแสงออกมา’
ชายหนุ่มร่างสูงเจ้าของเรือนผมยาวสีดำทมิฬเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างที่มีแต่ความดำมืดอย่างเบื่อหน่าย
“...”
มือสีขาวซีดขยับแก้วในมือที่ถูกเติมเต็มด้วยของเหลวสีดำไปมาก่อนที่เจ้าของของเหลวนั้นจะจิบมันอย่างใจเย็น
มันเป็นสถานที่ที่แสนเงียบเหงา
ไม่มีเสียงใดลอดผ่าน รวมถึงไร้ซึ่งสายลม
ร่างสูงผู้มีนัยน์ตาน่าพิศวงราวกับจักรวาลทั้งหมดถูกจองจำในดวงตาคู่นั้นละสายตาจากหน้าต่างที่ถูกห่อหุ้มด้วยความมืด
พลันกลับมามองที่ที่ตนอยู่
จากห้องสี่เหลี่ยมสีขาวที่เคยไม่มีสิ่งของใดๆ
วันนี้กลับมีของที่แปลกหูแปลกตาปรากฏขึ้น ณ ใจกลาง
ร่างสูงก้าวเท้าด้วยจังหวะที่สม่ำเสมอก่อนที่จะมาหยุดนิ่งที่วัตถุนั้น
“...”
โต๊ะสีขาวสะอาดตั้งอยู่
พร้อมด้วยเก้าอี้สองตัว สำหรับคนสองคน
ตัวหนึ่งสีดำและอีกตัวสีขาว
ชายหนุ่มมองมันด้วยสายตาที่อ่านไม่ออกหากแต่ภายในหัวของเขาเกิดคำถามขึ้นมากมาย
หลังจากที่ชายหนุ่มหลงอยู่ในห้วงความคิดคำถามที่เคยมีอยู่ก็ถูกพัดพาหายไปหมดสิ้น
เขาเบื่อหน่ายกับชีวิตที่เขาเป็นอยู่ยิ่งกว่าอะไร
ปลายนิ้วเรียวลากไปตามความยาวของโต๊ะสีขาว
ความน่าเบื่อมักจะเล่นตลกอยู่กับเขาเสมอมันมักจะโยนความหวังมาและจากนั้นก็บดขยี้มัน
ชายหนุ่มหลุบตาลงเหมือนหลงเข้าไปในความคิดของตนเองแต่ในครั้งนี้สิ่งที่เขาคิด คำถามของเขามันกระจ่างชัด...
เขาเหลือบมองเก้าอี้ทั้งสองตัว
แต่บางทีในครั้งนี้...
ความน่าเบื่ออาจจะเลิกล้อเขาเล่นก็ได้
ร่างสูงมองออกไปนอกหน้าต่างอีกครั้งเป็นจังหวะเดียวกันกับที่ของเหลวสีดำในมือถูกเติม
มันเป็นสัญญาณของอะไรบางอย่าง
“...”
เขาหย่อนตัวลงที่เก้าอี้สีดำก่อนจะมองไปที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามที่ว่างเปล่า
.
.
.
ดาวเคราะห์สีน้ำเงินลอยอย่างเอื่อยเฉื่อยท่ามกลางความมืดสุดพรรณา เศษฝุ่นและสสารไม่พึงประสงค์ล่องลอยไปมาอย่างน่าสงสาร
เศษซากดาวเคราะห์ที่บิดเบี้ยวเคลื่อนที่กันอย่างเคว้งคว้าง
ณ ที่แห่งนี้ ที่ที่ไร้ซึ่งเสียง ไร้ซึ่งสายลม แม้กระทั่งแสงสว่างนำทาง
เงียบเหงาและบิดเบี้ยว
ดาวเคราะห์ที่มีชีวิตเองก็เคลื่อนที่ไปตามแรงดึงที่มองไม่เห็นอย่างช้าๆ
เวลาผ่านไปไม่นานนักดาวเคราะห์ผู้ถูกกลืนกินก็ถูกคืนความรู้สึกตัว
เศษฝุ่นและสสารที่ล่องลอยไปมาเหมือนถูกดึงดูดเข้าไปใกล้เหมือนต้อนรับสมาชิกใหม่
“...”
ดาวเคราะห์สีน้ำเงินรู้สึกตัว
ความมืดที่แสนหนาวเย็นโอบอุ้มดาวเคราะห์ดวงน้อยเอาไว้
“ที่นี่...” เขาส่งเสียงอย่างงุนงง
ดาวเคราะห์สีน้ำเงินพยายามมองไปในความมืดไม่นานนักเขาก็รู้สึกถึงเหล่าเศษฝุ่นเศษซากดาวเคราะห์ที่วนอยู่รอบๆตัวเขา
“จุดจบ?”
ก่อนที่ดาวเคราะห์ที่มีชีวิตจะรีบสังเกตร่างกายของตนอย่างร้อนรน
เป็นความโชคดี
สิ่งมีชีวิตนาๆพันธ์ที่อยู่ในร่างของเขามีบางส่วนที่ได้ตายไปเพราะไร้แสงสว่างจากดาวฤกษ์ แต่ส่วนมากก็ยังคงอยู่เพราะความอบอุ่นจากดวงดาวที่เคยมอบไว้
เขารู้สึกซาบซึ้งมากๆ...
แต่ตอนนี้ก็คงไม่มีทางที่จะทดแทนคุณดวงดาวผู้แสนใจดีดวงนั้นได้อีก
ดาวเคราะห์ดวงน้อยภายในห้วงที่แสนดำมืดเหม่อมองออกไปในความมืดที่แสนเงียบเหงาสักพัก
ก่อนจะตกลงสู่ห้วงความคิด
มันคงเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะมีชีวิตตลอดไปในที่แห่งนี้
ความร้อนภายในกายค่อยๆถูกขับออกจากตัวเขา เขาสัมผัสมันได้ซึ่งนั้นก็หมายความว่าเหล่าปรสิตในตัวของเขากำลังจะตายด้วยเช่นกัน
และใช่รวมถึงตัวเขาด้วย
ไร้ระบบไร้โคจรไร้ชีวิต
“...”
เศษซากดาวเคราะห์เศษฝุ่นไม่น่ามองฟุ้งไปทั่วอาณาบรรเวณของความมืด
ดาวเคราะห์สีน้ำเงินมองพวกมันเคลื่อนที่มาใกล้อย่างไม่คิดอะไร
‘อะ อุ่น’
เสียงบางอย่างดังขึ้นสนหัวของดาวเคราะห์ผู้มาใหม่
‘อุ่น อุ่น’ มีอีกหลายๆเสียงตามมา
‘$%;%$|—$*#$%{€…-;&%-#’ ทั้งฟังรู้เรื่องและไม่รู้เรื่อง
เหล่าเศษดาวเคราะห์ท่อร่างใกล้เข้ามาและกรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง
‘อุ่นอุ่นอุ่นอุ่นอุ่น!’
พวกมันกรีดร้องดังลั่นอยู่ภายในหัวของดาวเคราะห์สีน้ำเงิน
เขารู้สึกเจ็บปวดเหมือนถูกแรงมหาศาลมาตรึงไว้จากที่แทบไม่ได้ก็ยิ่งขยับไม่ได้ยิ่งกว่าเดิม
“ออกไปนะ!” เขาพูดและพยายามดิ้นรน
แต่มันก็ไร้ประโยชน์ในสภาวะไร้กฎของที่แห่งนี้
พวกมาเบียดเสียดพุ่งชนกันเองเต็มไปด้วยความเห็นแก่ตัวในขณะที่ดาวเคราะห์ดวงน้อยกำลังเผชิญหน้ากับความทรมาน
‘ชะ ช่วย’
ในขณะที่รอบกายของดาวเคราะห์ดวงน้อยกำลังวุ่นวายก็มีเสียงที่เหมือนคืนสติให้กับผู้ที่นั่งลำบาก
มันดูเป็นเสียงที่มาจากที่ที่ห่างไกล
อบอุ่นและแสนคุ้นเคย
‘ช่วย...ช่วยเขาด้วย’ เสียงนั้นดังกังวาลในหัวของดาวเคราะห์ดวงน้อยอย่างชัดเจนมันกลบทุกเสียงที่กรีดร้องไร้จิตสำนึก
เสียงที่เหมือนขอร้องจากวาระสุดท้ายของชีวิต
สิ้นเสียงที่งดงามนั้นแรงตรึงที่เหมือนจะแยกร่างของเขาออกเบาบางลง
ตนแรงตรึงทั้งหมดนั้นหายไป
ดาวเคราะห์ผู้มาใหม่ได้สติเขาใช้เวลาไม่นานก่อนจะรีบพูดสิ่งที่ตนคิด
“ช่วย? คุณหมายความว่ายังไงเหรอครับ?!” เขาพูดไปสุดเสียงในขณะที่เขาก็พยายามเพ่งมองในความมืดว่ามีอะไรกำลังจะพุ่งเขามาขนเขารึเปล่าอย่างระมัดระวัง
“...”
พันธสัญญาอโคจรเริ่มทำหน้าที่ของมัน
แต่แน่นอนมันต้องใช้เวลา
ยิ่งนานเท่าไหร่ก็ยิ่งหมายถึงเส้นทางที่ห่างไกล
“...”
เป็นอีกครั้งที่ดาวเคราะห์ที่มีชีวิตได้รับความเงียบเป็นคำตอบ
ความอบอุ่นที่โอบล้อมเขาไว้ทำให้เขารู้สึกไม่โดดเดี่ยว
รวมถึงพวกปรสิตที่ไร้ประโยชน์นั่นด้วยที่ทำให้เขาไม่ได้ตัวคนเดียว
ดาวเคราะห์สีน้ำเงินเหม่อมองออกไปในความมืดสุดพรรณาปล่อยร่างของตนไหลไปตามทิศทางที่ความมืดจะพัดพาไป
มันมืดมิดราวกับว่าจริงๆแล้วที่แห่งนี้แสงผ่านมาไม่ได้
เศษซากของดวงดาวชนกันเองในความเงียบ
ดาวเคราะห์ผู้มาใหม่มองภาพนั้นแล้วรู้สึกเจ็บแทนอย่างบอกไม่ถูกแม้จะเป็นการชนกันเบาๆก็ตาม
เขาโชคดีนักที่ไม่โดนอะไรชน...อย่างน้อยก็ในตอนนี้
‘ช่วย’
‘ช่วยเขาด้วย’
“!!!” ดาวเคราะห์ที่ลอยเคว้งคว้างกำลังจะตอบกลับแต่...
แรงดึงมหาศาลดึงดาวเคราะห์ดวงน้อยไปด้านหน้าอย่างรุนแรงรวมถึงเหล่าเศษซากฝุ่นผงหรือแม้กระทั่งดาวเคราะห์ที่เหว้าแหว่งที่มีขนาดอันใหญ่โต
“เฮ้ย!” ดาวเคราะห์ที่มีชีวิตรู้สึกว่าตัวเองเหมือนร่างของตนกำลังถูกฉักกระชาก
ความเจ็บปวดลามไปทั่วร่างของเขา เสียงของเหล่าปรสิตในตัวที่หวีดร้องดังเต็มไปทั่วโสตประสาท
แต่ในห้วงสุดท้ายก่อนที่ทัศนวิสัยของเขาจะดับวูบลง
เสียงที่สนทนากับเขาในช่วงเวลาที่ไหลอย่างเชื่องช้าก็ดังขึ้น
‘เขาคนนั้น ณ ใจกลาง’
‘ดาวเคราะห์สีน้ำเงินล่องลอยไปตามแรงดึงอันมหาศาล
ไม่มีมวลใดสู้กับความยิ่งใหญ่ของมันได้
เหมือนชะตากรรมที่ไม่อาจฝ่าฝืน
คงไว้เพียงเวลาที่ยังคงเดินหน้าในอัตราที่แทบจะหยุดนิ่ง’
...
ความคิดเห็น