คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : กำเนิด 3 ภพ กับคำทำนายหายนะ (ยังไม่จบนะ เดี๋ยวมาอัพ)
By : Anny Aulmeria Malfoy
ย้อนเหตุการณ์ไปยังอดีต ณ ดินแดนที่ไร้ซึ่งมนุษย์อาศัยอยู่และไม่มีมนุษย์ผู้ใดสามารถล่วงล้ำเข้าไปได้ ดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์ที่ได้ชื่อว่า “อาณาจักรแห่งพระเจ้า” หรือนัยอีกชื่อหนึ่งว่า “ สรวงสวรรค์ (The Heaven) ” ทิวทัศน์รอบๆด้านของสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์ถูกปกคลุมไปด้วยปุยเมฆสีขาวนวล สิ่งก่อสร้างใหญ่โตที่สร้างสรรค์ขึ้นล้วนวิจิตรงดงามราวกับภาพลวงตาก็ไม่ปาน บทเพลงไพเราะบรรเลงขับขานเป็นท่วงทำนองแสนอบอุ่นดังกังวานไปทั่วทุกหนทุกแห่งที่ปุยเมฆสีขาวบริสุทธิ์ทอดยาวออกไป เหล่าผู้ที่อาศัยอยู่ ณ ที่แห่งนี้ล้วนสูงส่งและงดงามอย่างที่สุด ผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดและเป็นผู้ครอบครองอาณาจักรแห่งนี้ก็คือ “พระเจ้า” มิเพียงอาณาจักรอันงดงามแห่งนี้แต่พระเจ้านั้นนยังเป็นผู้ที่สร้างทั้ง 3 ภพ โลกมนุษย์ โลกปีศาจ และสรวงสวรรค์ เมื่อนานมาแล้วทั้ง 3 ภพ ต่างอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขอีกทั้งยังช่วยเหลือเกื้อกูลกันเป็นอย่างดีแต่แล้วเพราะความแตกต่างกันระหว่าง 3 ภพ ทำให้ดินแดนทั้ง 3 มิอาจรวมเป็นหนึ่งได้อีกต่อไป นับตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา โลกมนุษย์ โลกปีศาจ และสรวงสวรรค์ ต่างมิเคยยุ่งเกี่ยวและก้าวก่ายกันอีกเลย หากแต่ว่านั่นไม่ใช่ฉากปิดของตำนานทั้ง 3 ภพ เพียงแต่เปรียบเสมือนม่านบนโรงละครเวทีที่เพิ่งจะเริ่มเปิดฉากขึ้นเท่านั้นเอง แม้เรื่องราวทั้งหมดนั้นจะมีจุดเริ่มต้นที่สรวงสวรรค์และโลกปีศาจหากแต่ว่าจุดสิ้นสุดของการเดินทางที่ยาวนานนั้นกลับยุติลงที่โลกมนุษย์ ณ พระราชวัง ยูเรซิส ทางเหนือ ซึ่งเป็นดินแดนที่อยู่ภายใต้อาณัติของมหาเทพมิคาเอลผู้เป็นหัวหน้าของเหล่าอัครเทพเทวาทั้งหลายและได้ชื่อว่าเป็นคนสนิทที่สุดของพระเจ้า มหาเทพมิคาเอลเป็นผู้ที่มีพละกำลังมหาศาลมีสมองที่ปราดเปรื่องและงดงามยิ่งนัก เป็นเทวดาที่อ่อนโยนและได้รับความไว้วางใจจากพระเจ้ามากที่สุด มหาเทพมิคาเอลมีพระพักตร์ที่งดงามราวกับอิสตรี พระขนงยาวราวกับคันศร ดวงพระเนตรคมกริบชวนให้เคลิบเคลิ้มราวกับต้องมนตร์สะกด พระนาสิกเป็นสันโด่งรับกับพระพักตร์ ส่วนพระโอษฐ์ที่เรียวบางเป็นกระจับนั้นช่างน่าหลงใหลยิ่งกว่าสิ่งอื่นใดทั้งหมด พระเกศาของมหาเทพมิคาเอลเป็นสีดำมันขลับยาวลงมาถึงกลางพระปฤษฎางค์และปล่อยสยายให้พลิ้วไหวต้องไปกับสายลมที่พัดผ่าน วันนี้ก็เฉกเช่นเดียวกันกับทุกๆวันทีมหาเทพหนุ่มนั่งตรวจฎีกาของเหล่าเทพเทวาอยู่ในห้องทำงานอย่างเงียบๆ แล้วทันใดนั้นก็ปรากฏเสียงที่ดังสนั่นพร้อมกับควันสีขาวจางๆขึ้น ‘เปรี้ยง’ หลังม่านควันสีขาวเผยให้เห็นชายหนุ่มรูปงามผมสีบลอนด์ทองในชุดสีขาวบริสุทธิ์พร้อมกับปีกสีขาวอันใหญ่ที่สยายออกจากกลางหลัง ชายหนุ่มผมสีบลอนด์มองไปยังผู้ที่อยู่ตรงหน้าซึ่งคงยังก้มหน้าก้มตาอ่านเอกสารที่กองอยู่อย่างขะมักเขม้นต่อไป เขาส่ายหน้าพร้อมกับยิ้มน้อยๆก่อนจะเอ่นขึ้นว่า “ยังงานยุ่งเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลยนะ มิคาเอล” ชายหนุ่มผมสีดำเงยหน้าขึ้นจากกองเอกสารตรงหน้ามองตรงไปยังชายหนุ่มผมสีบลอนด์ที่เพิ่งมาถึงด้วยสีหน้าไม่พอใจเล็กน้อยแล้วพูดแกมประชดขึ้นว่า “ใครจะไปว่างเหมือนนายหละ แล้วนี่มาเงียบๆกับเขาไม่เป็นหรือยังไงกัน อ้อ! แล้วปีกนั่นถ้าไม่ได้ใช้ก็เก็บมันซะด้วยนะ เกะกะตาชะมัด” พูดจบมหาเทพมิคาเอลก็หันกลับไปสนใจกับกองเอกสารตรงหน้าต่อ “เฮ้! เพื่อนเก่ามาเยี่ยมทั้งทีกลับบ่นเป็นหมีกินผึ้งแบบนี้ได้ยังไงกัน” ชายหนุ่มผมสีบลอนด์พูดพลางเก็บปีกสีขาวที่อยู่กลางหลังของเขา “นึกยังไงถึงได้แวะมาเยี่ยมชั้นได้หละ เอ็นดิเมียล” มหาเทพมิคาเอลเอ่ยขึ้นพร้อมกับจับจ้องไปที่ชายหนุ่มผมสีบลอนด์ด้วยสายตาอันคมกริบเป็นแนวถามว่า ‘ตอบความจริงมาซะดีๆ’ เพราะเขารู้ว่ามหาเทพเอ็นดิเมียลนั้นก็มิได้มีงานน้อยไปกว่าตัวเขาเองซักเท่าไหร่ ด้วยเหตุที่ว่ามหาเทพทั้ง 2 นั้นเป็นคนสนิทและได้ชื่อว่าเป็นมือขวากับมือซ้ายของพระเจ้าทำให้เรื่องราวน้อยใหญ่บนสวรรค์ทั้งหลายจะต้องผ่านการตรวจตราจากเทพทั้ง 2 ก่อนที่จะไปถึงมือพระเจ้า มหาเทพเอ็นดิเมียลนั้นเป็นผู้ปกครองดินแดนที่อยู่ทางใต้ของสรวงสวรรค์ รวมทั้งเป็นผู้ครอบครองพระราชวังเซฟิลด์ร่าที่ใหญ่โตมโหฬารไม่แพ้พระราชวังยูเรซิสของมหาเทพมิคาเอลเช่นกัน “หลอกนายไม่เคยได้เลยนะ มิคาเอล ชั้นเพิ่งไปเข้าเฝ้าพระเจ้ามาแล้วก็ได้รับบัญชาให้นำคำสั่งจากท่านไปให้จตุเทวะแล้วว่าจะกลับไปสะสางงานที่เซฟิลด์ร่าต่อพอดีผ่านมาทางนี้ก็เลยแวะมาเยี่ยมนายกับเทเรล์เซียที่ยูเรซิสนี่แหละ เห็นว่าเทเรล์เซียใกล้จะถึงกำหนดคลอดแล้วไม่ใช่เหรอ” มหาเทพเอ็นดิเมียลตอบ สายตาของมหาเทพมิคาเอลที่จับจ้องมองเขาราวกับรู้ดีอยู่แล้วว่ามหาเทพเอ็นดิเมียลนั้นไม่มีทางมาเยี่ยมเขาเป็นแน่ หากไม่มาเพราะเรื่องงานก็คงจะแวะมาเพราะเป็นทางผ่านเหมือนกับวันนี้และคนที่มหาเทพเอ็นดิเมียลอยากจะมาเยี่ยมจริงๆคงจะเป็นเทเรล์เซียชายาของเขามากกว่า “เฮอะ! ที่แท้ก็แค่ทางผ่านหรอกเหรอนี่” มหาเทพมิคาเอลหันกลับไปสนใจงานที่อยู่ตรงหน้าอีกครั้งหนึ่ง “เฮ้! ไม่เอาน่านายก็รู้นี่หว่าว่าชั้นเองก็มีงานเยอะพอๆกับที่กองอยู่บนโต๊ะนายนี่แหละ แล้วนี่เทเรล์เซียอยู่ไหนหละ” มหาเทพหนุ่มเอ่ยขึ้นพลางหันหน้าเพื่อมองหาบุคคลที่เขากำลังกล่างถึง “คงจะอยู่ในสวนดอกไม้กระมังตอนนี้” มหาเทพมิคาเอลเอ่ยตอบขึ้นด้วยสายตาที่เลื่อนลอยนั่นทำให้มหาเทพเอ็นดิเมียลแอบขำเล็กๆกับท่าทางใจลอยของเพื่อนเขาคนนี้ ‘นี่คงอยากจะลงไปที่สวนใจจะขาดหละซิท่า แต่เพราะงานยุ่งก็เลยหงุดหงิดแล้วก็มาลงที่ชั้น เฮ้อ! ช่วยหน่อยดีกว่า’ มหาเทพเอ็นดิเมียลคิดแล้วก็พูดขึ้นว่า “นี่! พักซักหน่อยไม่ดีกว่าเหรอ มิคาเอล ไปเดินเล่นที่สวนหน่อยเป็นไงสูดอากาศบริสุทธิ์เผื่อจะได้คิดอะไรออกบ้าง อีกอย่างนะชั้นจะได้ไปเยี่ยมเทเรล์เซียด้วยไง” “อืม! ก็ดีเหมือนกันนะ ชั้นจะได้พักสายตาด้วย อยู่กับกองเอกสารนี่มาตั้งนานแล้วพักซักหน่อยก็ดี ไปสิ” ว่าแล้วมหาเทพทั้ง 2 ก็เดินออกจากห้องทำงานของมหาเทพมิคาเอลตรงไปยังสวนดอกไม้พร้อมๆกัน ณ สวนดอกไม้ที่พระราชวังยูเรซิสซึ่งมีชื่อว่า อีเดน สวนนั้นเต็มไปด้วยดอกไม้สวยงามหลากหลายชนิดนานาสายพันธ์ ปรากฏร่างของหญิงสาวนางหนึ่งที่กำลังตั้งครรภ์ในชุดสีขาวบริสุทธิ์ เส้นผมสีเงินซึ่งปล่อยสยายยาวลงไปถึงกลางหลังกำลังพลิ้วไหวไปกับสายลมอ่อนๆที่กำลังโบกพัดไปมา แสงแดดอ่อนๆส่องต้องกับส้นผมสีเงินเป็นประกายระยิบระยับ ใช่แล้ว นางก็คือเทพธิดาเทเรล์เซียชายาของมหาเทพมิคาเอลนั่นเอง นางกำลังเก็บดอกไม้อยู่ในสวนและในขณะที่นางกำลังเอื้อมมือเพื่อไปเก็บดอกกุหลาบสีแดงทันใดนั้นก็มีเสียงเรียกดังขึ้น “เทเรล์เซีย” เสียงนั้นเป็นเสียงของมหาเทพมิคาเอลผู้เป็นสวามีของนางนั่นเอง ด้วยความตกใจและไม่ทันระวังจึงทำให้หนามของกุหลาบตำลงไปบนนิ้วชี้ของนาง “โอ๊ย!” นางรีบชักมือกลับพร้อมกับบีบที่นิ้วชี้ให้เลือดที่ค้างอยู่นั้นไหลออกมาเพื่อบรรเทาความปวด เมื่อมหาเทพมิคาเอลและมหาเทพเอ็นดิเมียลเดินมาถึงยังที่ๆนางยืนอยู่ “เกิดอะไรขึ้นหนะ?” มหาเทพมิคาเอลเอ่ยถามขึ้นพร้อมกับคว้าข้อมือของนางดูด้วยสีหน้าที่ห่วงใยเป็นอย่างยิ่ง เมื่อเห็นเลือดบนนิ้วของนางเขาค่อยๆยกมือของนางขึ้นมาและจรดริมฝีปากลงบนนิ้วชี้แล้วทำการดูดเลือดออกจากแผลที่เกิดจากหนามกุหลาบจนหมด เมื่อเขาค่อยๆลดมือของนางลงจากริมฝีปากที่เรียวบางของเขารอยแผลนั้นก็ประสานเป็นเนื้อเดียวกันเหมือนเดิม นั่นเป็นเวทมนตร์สุดแสนวิเศษของมหาเทพมิคาเอล พลังเวทย์แห่งการรักษา เขาสามารถรักษาบาดแผลได้ทุกชนิดเว้นเสียแต่บาดแผลอันเนื่องมาจากอาวุธของพระเจ้าเท่านั้นที่เขามิสามารถเยียวยารักษาได้ “อะแฮ่ม! อย่าลืมซิว่ายังมีข้าอยู่อีกคนนึงนะ ถ้าจะหวานกันต่อเอาไว้อยู่ด้วยกัน 2 คนไม่ดีกว่าเหรอ” มหาเทพเอ็นดิเมียลเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบนั่นทำให้มหาเทพมิคาเอลคลายมืออกจากเทพธิดาเทเรล์เซียด้วยสีหน้าที่แดงขึ้นเล็กน้อย “ให้ตาย เห็นใจกันบ้างสิ เฮ้อ!” เสียงบ่นเบาๆดังมาจากมหาเทพเอ็นดิเมียลแต่ก็ไม่พ้นได้ยินไปถึงหูของเทพธิดาเทเรล์เซีย นางขำเล็กกับท่าทางโมโหของมหาเทพเอ็นดิเมียลก่อนจะยิ้มขึ้นแล้วพูดว่า “ก็แล้วทำไมท่านถึงไม่หาเทพธิดาสักองค์มาคอยอยู่เคียงข้างท่านสักคนหละ ท่านจะได้ไม่เหงาแล้วจะได้ไม่ต้องมานั่งอิจฉาคนอื่นเขาอย่างที่เป็นนี่ไงเวลาเห็นคนอื่นเขาสวีทกัน อืม! ข้าว่าอย่างท่านหนะนะแค่เอ่ยปากคำเดียวเทพธิดาทั้งสรวงสวรรค์ก็คงพร้อมจะรับใช้ท่านอยู่แล้วหละ จริงไหม” จริงดังที่เทพธิดาเทเรล์เซียกล่าวมหาเทพเอ็นดิเมียลนั้นต่างเป็นที่หมายปองของเทพธิดาหลายๆพระองค์ เนื่องจากพระองค์ทรงมีรูปโฉมที่งดงามอีกทั้งยังพรั่งพร้อมไปด้วยพละกำลังและสติปัญญา “ฮึ! ก็ยังมีเทพธิดาแถวนี้องค์นึงแหละที่ไม่เคยสนใจข้า” มหาเทพเอ็นดิเมียลพูดลอยๆขึ้นกับตัวเองด้วยน้ำเสียงที่เจือความโศกเศร้าเอาไว้ “หือ! ท่านว่ายังไงนะ” เทพธิดาเทเรล์เซียถาม “เปล่า! ไม่มีอะไรหรอก” มหาเทพเอ็นดิเมียลตอบ ‘ใช่แล้ว ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะไปคิดถึงความหลัง มันเป็นอดีตและก็ผ่านมานานมากแล้ว ไม่สามารถกลับไปแก้ไขได้ ฮึ! เทพธิดาที่จะอยู่เคียงข้างข้าหนะเหรอมันจบไปตั้งแต่วันที่เจ้าเลือกมิคาเอลแล้วเทเรล์เซีย ถ้าคนที่จะเคียงข้างข้าไม่ใช่เจ้าข้าขออยู่เพียงลำพังยังดีเสียกว่าเพราะว่าหัวใจของข้านั้นได้มอบให้เจ้าไปหมดแล้ว’ มหาเทพเอ็นดิเมียลคิดพร้อมกับทอดสายตาอันเลื่อนลอยเหม่อมองออกไปและเมื่อเสียงหวานๆของเทพธิดาเทเรล์เซียดังขึ้นอีกครั้งหนึ่งก็ทำให้มหาเทพเอ็นดิเมียลตื่นขึ้นจากภวังค์ “ว่าแต่ว่า ทำไมท่านถึงได้มาอยู่ที่ยูเรซิสได้หละ หรือว่ามาหามิคาเอลเพราะเรื่องงาน” “เอ็นดิเมียลไม่ได้มาหาข้าเพราะเรื่องงานอะไรหรอก แค่แวะมาเพราะเป็นทางผ่านกลับบ้านตัวเองเท่านั้นอหละ ว่าแต่เจ้าเถอะทำไมมาเก็บดอกไม้ที่สวนคนเดียวหละและพวกนางกำนัลไปไหนกันหมด เกิดเจ้าหกล้มไปจะว่าไง” มหาเทพมิคาเอลเอ่ยขึ้น เทพธิดาเทเรล์เซียยิ้มน้อยๆก่อนตอบมหาเทพมิคาเอลกลับไปว่า “หม่อนชั้นก็ไม่เป็นอะไรนี่เพคะ อย่าทรงห่วงมากไปเลย ส่วนพวกนางกำนัลหม่อมชั้นให้ไปช่วยงานอย่างอื่นในวังแทนที่จะมาคอยเฝ้าหม่อมชั้น” “ไม่เป็นอะไรอย่างนั้นเหรอ แล้วที่โดนกุหลาบตำหละ” มหาเทพมิคาเอลพูด “นั่นเพราะพระองค์เรียกเสียงดัง จนทำให้หม่อมชั้นตกใจต่างหากหละเพคะ” เทพธิดาเทเรล์เซียตอบ เสียงหวานๆของนางทำให้มหาเทพมิคาเอลยอมแพ้เขาส่ายหน้าน้อยๆพร้อมกับถอนหายใจ “เฮ้อ!” “เอาเถอะน่า เรื่องมันแล้วไปแล้วช่างมันเถอะ ว่าแต่ว่าวันนี้ข้าตั้งใจมาเยี่ยมเจ้าเลยนะ เทเรล์เซีย เป็นอย่างไรบ้างหละ เห็นว่าหลานของข้าคนนี้ใกล้จะได้ลืมตาออกมาดูโลกแล้วมิใช่หรือ” มหาเทพเอ็นดิเมียลพูดขึ้นบ้างหลังจากเงียบฟังทั้ง 2 คนพูดคุยกันมานาน “เพคะ นี่ก็ใกล้เข้ามาทุกทีแล้ว” เทเรล์เซียตอบ ในขณะที่ทั้ง 3 เดินชมสวนดอกไม้กันไปพลางพูดกันไปพลาง ทันใดนั้นก็เกิดแรงสั่นสะเทือนอย่างมหาศาลขึ้น ทำให้เทพธิดาเทเรล์เซียซึ่งกำลังจะเก็บดอกลิลลี่สีขาวอยู่นั้นไม่ทันระวังลื่นล้มไปข้างหลังแต่มหาเทพมิคาเอลก็ไวไม่แพ้กันเขาถลาข้างหน้าและรับตัวนางไว้ได้ทัน แต่สั่นสะเทือนนั้นมีมากกว่าจึงทำให้ทั้งคู่ล้มลงไปกองอยู่ที่พื้นด้วยกันโดยร่างของเทพธิดาเทเรล์เซียทับอยู่บนร่างของมหาเทพมิคาเอล ส่วนมหาเทพเอ็นดิเมียลนั้นเซถลาด้านข้างแต่เขาก็ยังทรงตัวได้อยู่ในทวงท่าที่สง่างาม เมื่อแรงสั่นสะเทือนหยุดลง มหาเทพเอ็นดิเมียลก็เอ่ยขึ้นว่า “กะ...เกิดอะไรขึ้นหนะ ทำไมอยู่ดีๆสวรรค์ถึงได้สั่นสะเทือนแบบนี้” “โอ๊ะ...โอ๊ย” “เทเรีล์เซียเป็นอะไรหรือเปล่า” มหาเทพมิคาเอลถามด้วยความห่วงใยพร้อมๆกับยันตัวขึ้นเพื่อประคองชายาของเขา ซึ่งตอนนี้นางอยู่ในอ้อมแขนอันแข็งแกร่งของเขาใบหน้าอันงดงามของนางนั้นซบอยู่บนอกของเขา ส่วนมือข้างหนึ่งกำเสื้อคลุมของมหาเทพมิคาเอลไว้แน่นและมืออีกข้างหนึ่งกุมอยู่ที่ท้อง ใบหน้าอันงดงามเริ่มเปลี่ยนเป็นสีซีดเผือด ริมฝีปากรูปกลีบดอกกุหลาบที่เคยเป็นสีชมพูอ่อนเปลี่ยนเป็นสีซีดในทันใด “จะ...เจ็บ เจ็บท้อง” เทพธิดาเทเรล์เซียครางออกมาด้วยสีหน้าที่เจ็บปวด ด้วยแรงสั่นสะเทือนเมื่อครู่ที่ทำให้นางล้มลงถึงแม้มหาเทพมิคาเอลจะรับนางไว้ได้ แต่การล้มลงอย่างแรงก็มิได้เป็นผลดีนัก มหาเทพเอ็นดิเมียลซึ่งตั้งสติได้ก่อนจึงพูดขึ้นว่า “ท่าไม่ดีแล้ว เทเรล์เซียเจ็บท้องเหมือนกำลังจะคลอด นายรีบพาเธอเข้าไปข้างในก่อนเถอะ” “อืม!” ว่าแล้วมหาเทพมิคาเอลก็ช้อนตัวนางขึ้นมาแนบไว้กับอกแล้วหายตัวเข้าไปปรากฏอยู่ที่หน้าห้องบรรทมในพระราชวัง ‘เปรี้ยง’ ร่างของมหาเทพมิคาเอลปรากฏขึ้นหน้าห้องบรรทมพร้อมกับร่างของเทพธิดาเทเรล์เซียในอ้อมแขน เขามองซ้ายมองขวาก็เห็นนางกำลังคนหนึ่งกำลังเดินผ่านมาพอดี “นี่! เจ้าหนะไปตามหัวหน้านางกำลังโซเซเรียมาพบข้าที” “เพคะ” นางกำนัลรับคำสั่งจากมหาเทพมิคาเอลแล้วก็รีบวิ่งออกไปทันที มหาเทพมิคาเอลไม่รอช้าพาเทพธิดาเทเรล์เซียเข้าไปในห้องบรรทมทันทีหลังจากสั่งนางกำนัลเสร็จเขาบรรจงวางนางอย่างเบาที่สุดไปบนเตียงสีขาวที่อ่อนนุ่ม ทันทีที่หัวหน้านางกำนัลโซเซเรียมาถึงหน้าห้องบรรทมพอดี นางคุกเข่าอยู่ข้างหน้าห้องบรรทมแล้วพูดขึ้นว่า “หัวหน้านางกำนัลโซเซเรียขอเข้าเฝ้าเพคะ” “เข้ามา” สิ้นเสียงของมหาเทพมิคาเอลโซเซเรียก็เดินเข้าไปยังห้องบรรทม “เกิดอะไรขึ้นเพคะ” นางเอ่ยถามขึ้นเมื่อเห็นสีหน้ากังวลของของเจ้านายที่อยู่ตรงหน้า “แรงสั่นสะเทือนเมื่อกี้นี้ทำให้เทเรล์เซียเกิดเจ็บท้องขึ้นมากระทันหัน ข้าเกรงว่านางกำลังจะคลอด” “ถ้างั้นปล่อยเป็นหน้าที่หม่อมชั้นเองเพคะ พระองค์ทรงเสด็จรอด้านนอกก่อนดีกว่าเพคะ” ว่าแล้วโซเซเรียก็วิ่งออกไปสั่งนางกำนัลที่อยู่หน้าห้องให้ไปตามนางกำนัลคนอื่นๆมาช่วยพร้อมกับสิ่งของที่นางสั่ง “เทเรล์เซีย เจ้าต้องไม่เป็นอะไรนะ ข้าจะรออยู่ข้างนอก” พูดจบมหาเทพมิคาเอลก็ก้มลงประทับริมฝีปากอันเรียวบางของเขาลงบนหน้าผากของนางอันเป็นที่รักก่อนที่จะเดินออกไปนอกห้อง ในขณะเดียวกันมหาเทพเอ็นดิเมียลซึ่งอยู่ในสวนดอกไม้กำลังจะเดินเข้ามายังด้านในของพระราชวัง ฉับพลันทันใดนั้นสุริยเทพที่เคยส่องแสงเจิดจ้าก็พลันดับวูบลงทำให้ทุกอย่างมืดมิดไปหมด “โธ่เว้ย! นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย” มหาเทพเอ็นดิเมียลสบถขึ้นมาอย่างอารมณ์เสีย ด้วยเหตุของความมืดมิดทำให้มหาเทพเอ็นดิเมียลจำต้องหายตัวเข้าไปยังด้านในของพระราชวังปรากฏตัวขึ้นข้างเพื่อนรักของเขา ‘เปรี้ยง’ หลังม่านควันสีขาวจางๆปรากฏร่างของชายหนุ่มผมสีบลอนด์ “เทเรล์เซียเป็นไงบ้าง” เขาถามขึ้นอย่างร้อนรนน้ำเสียงเจือปนด้วยความเป็นห่วง “ยังไม่รู้เลย แต่ชั้นคิดว่าอีกไม่นานแล้วหละที่ทารกน้อยจะลืมตาออกมาดูโลก มันคงจะเป็นวันนี้เป็นแน่แท้” มหาเทพมิคาเอลตอบโดยที่สายตายังคงจับจ้องอยู่ที่หน้าประตูห้องที่เขาเพิ่งเดินออกมาเมื่อครู่ซึ่งยังคงมีนางกำนัลวิ่งเข้าวิ่งออกอยู่ตลอด บ้างถือกะละมังน้ำ บ้างถือผ้า บ้างก็ถือฉลองพระองค์ มหาเทพมิคาเอลมองดูนางกำนัลที่วิ่งเข้าออกด้วยสีหน้าแสดงความเป็นห่วงผู้ที่อยู่ข้างในเป็นอย่างยิ่ง “นี่มันเกิดเหตุวิปริตอะไรขึ้นหนะ อยู่ดีๆสวรรค์ก็สั่นสะเทือนแล้วนี่สุริยเทพก็ยังมาดับลงอีก” มหาเทพเอ็นดิเมียลเอ่ยขึ้นอย่างหงุดหงิด “นั่นหนะซิ หรือจะเกี่ยวข้องกับการกำเนิดลูกข้าด้วย พวกเจ้าหนะไปตาม อาร์เทมิส มาพบข้าทีซิ” มหาเทพมิคาเอลสั่งทหารยามที่ยืนเฝ้าอยู่ที่หน้าประตู และนี่ก็เป็นมนตร์ตราอันวิเศษอีกอย่างหนึ่งของมหาเทพมิคาเอล พระสุรเสียงของเขาดังก้องไปถึงทหารเทพที่ยืนอยู่หน้าประตูวังแม้ว่าตัวเขาจะอยู่ด้านในที่ลึกที่สุดของยูเรซิส เมื่อสิ้นเสียงคำบัญชาจากเจ้านายทหารเทพนายนั้นก็ไม่รอช้ารีบไปทำตามคำสั่งนั้นทันที เวลาผ่านไปชั่วครู่ก็ปรากฏร่างของชายหนุ่มผมสีน้ำตาลอ่อนยาวประบ่าในชุดสีขาวขึ้นที่หน้าพระราชวังยูเรซิส เขาไม่รอช้ารีบเร่งเดินเข้าไปข้างในทันที เมื่อพบมหาเทพทั้งสองเขาคุกเข่าลงแล้วพูดขึ้นว่า “พระองค์ทรงรับสั่งหาหม่อมชั้น มีอะไรให้หม่อมชั้นรับใช้หรือพะยะค่ะ” “อาร์เทมิสเจ้าคงรู้เรื่องที่สรวงสวรรค์เกิดแรงสั่นสะเทือนอย่างมหาศาลนี่แล้ว ยังมีเรื่องของสุริยเทพอีก ข้าอยากรู้ว่าเรื่องนี้มันเกี่ยวข้องกับการกำเนิดรัชทายาทของข้ารึเปล่า เจ้าช่วยไปตามท่านเทพพยากรณ์มาทีซิ ข้าอยากรู้เรื่องทั้งหมดนี้” “รับด้วยเกล้าพะยะค่ะ” สิ้นเสียงของมหาเทพมิคาเอลผู้เป็นนายอาร์เทมิสเทพรับใช้คนสนิทก็รีบเร่งเดินออกไปในทันที “มันอาจจะไม่เกี่ยวข้องกันก็ได้ นั่นอาจจะเป็นการแปรปรวนของสวรรค์ อาจจะไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ก็ได้” มหาเทพเอ็นดิเมียลพูดพร้อมกับตบบ่าของมหาเทพมิคาเอลเป็นเชิงปลอบ “ขอให้เป็นอย่างนั้นเถอะ” มหาเทพมิคาเอลตอบด้วยสีหน้าที่กังวลใจเป็นอย่างยิ่ง ลึกลงไปใต้ใจกลางมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ซึ่งถูกปกครองโดยเทพโพเซดอนราชาแห่งท้องทะเลผู้น่าเกรงขามและเทวีอะควอลเรจินาผู้งดงาม เทพโพเซดอนและเทวีอะควอลเรจินานั้นเป็นเทพที่คอยปกปักษ์และคุ้มครองท้องทะเล โดยนักเดินเรือนั้นจะรู้จักกับเทพโพเซดอนเป็นอย่างดีหากว่าวันใดที่ท้องทะเลเกิดการพิโรธนั่นหมายถึงความตายที่เทพโพเซดอนหยิบยื่นให้กับพวกเขา เทพโพเซดอนนั้นเป็นเทพที่สง่างามและเยือกเย็นราวกับภูเขาน้ำแข็ง เส้นผมสีขาวโพลนที่หยักเป็นลอนและดวงตาสีซีดยิ่งทำให้เทพโพเซดอนนั้นดูน่าเกรงขามมากยิ่งขึ้น ยามใดที่เทพโพเซดอนทรงพิโรธเส้นผมสีขาวโพลนนั้นจะเปลี่ยนเป็นสีแดงเพลิงดั่งเปลวไฟ ส่วนเทวีอะควอลเรจินาผู้เป็นชายาของเทพโพเซดอนนั้นเป็นเทพธิดาผู้ปกปักรักษาท้องทะเลที่กำเนิดจากทะเลและฟองอากาศ นางมีดวงตาสีน้ำทะเลใสและเส้นผมสีฟ้าอ่อน ผิวที่ขาวเนียนละเอียดกับริมฝีปากสีชมพูสดใสทำให้ใบหน้านางดูงดงามยิ่งนัก นอกจากนี้ในตอนที่นางถือกำเนิดขึ้นมานั้นยังมีไข่มุกทั้ง 7 ซึ่งมีพลังอำนาจอันมหาศาลจาก 7 คาบสมุทรติดตัวมาด้วย แต่ ณ บัดนี้ ไข่มุกนั้นมิได้มิได้อยู่ที่นางทั้งหมดเนื่องมาจากเรื่องในอดีตตอนที่ราชาแห่งโลกปีศาจคนก่อนหรือบิดาของราชาแห่งโลกปีศาจคนปัจจุบันลูซิเฟอร์ต้องการที่จะบุกยึดสรวงสวรรค์ ก่อให้เกิดศึกยืดเยื้อระหว่างเทพกับปิศาจซึ่งสร้างความเสียหายเป็นอย่างมาก จนในที่สุดเทวีอะควอลเรจินาจึงตัดสินใจใช้พลังจากไข่มุกทั้ง 7 เพื่อสะกดวิญญาณร้ายของราชาแห่งโลกปีศาจนั้นเอาไว้และนั่นก็เป็นสาเหตุให้ไข่มุกทั้ง 7 กลับสู่ท้องทะเลที่เป็นแหล่งกำเนิดอีกครั้งโดยมีเจ้าหญิงเงือกน้อยแต่ละพระองค์เป็นผู้ครอบครอง เว้นแต่ไข่มุกสีชมพูอันสุดท้ายนั้นยังอยู่กับเทวีอะควอลเรจินาซึ่งนางจะเก็บไว้ให้กับรัชทายาทที่กำลังจะถือกำเนิดในไม่ช้านี้ และเมื่อใดที่ไข่มุกทั้ง 7 มารวมกันจะสามารถเรียกพลังอันมหาศาลที่จะต่อต้านพลังแห่งความมืดได้ ท้องทะเลที่ปกติจะดูสงบราบเรียบ สายลมพริ้วไหวที่ทำให้ผิวน้ำทะเลเกิดเกิดระลอกคลื่นเล็กน้อย แสงแดดอบอุ่นที่ส่องลงมากระทบกับผิวน้ำทะเลสีฟ้าครามเป็นประกายระยิบระยับดั่งอัญมณีก็ไม่ปาน เหล่าปลาน้อยใหญ่ต่างแหวกว่ายเล่นน้ำกันอย่างสนุกสนาน เสียงคลื่นกระทบโขดหินดังเป็นจังหวะสลับกับเสียงสายลมแผ่วพลิ้วเป็นทำนองที่ประสานกันราวกับบทเพลงแห่งท้องทะเล แต่ ณ วันนี้ภาพเหล่านั้นกลับดูผิดตาขึ้นมาทันที เสียงคลื่นที่กระทบฝั่งและโขดหินที่เคยฟังดูเป็นบทเพลงกลับดูรุนแรงและน่ากลัว ผิวน้ำที่เคยดูสงบราบเรียบกลับปั่นป่วนและเป็นระลอกคลื่นตลอดเวลา ฝูงปลาน้อยใหญ่ที่เคยแหวกว่ายเล่นน้ำกันอย่างสนุกสนานกลับรีบว่ายดำดิ่งลงไปยังก้นทะเลลึกเบื้องล่าง และในตอนนี้แสงอาทิตย์อันอบอุ่นที่เคยสาดส่องลงมาเบื้องล่างต้องกับผิวน้ำทะเลได้ลาลับหายไปจากขอบฟ้าเผยให้เห็นแต่เหล่าเมฆสีดำปกคลุมอย่างหนาแน่น สายฝนเม็ดใหญ่เริ่มโปรยปรายลงมาอย่างมิได้หยุดหย่อน เมฆสีดำที่ปกคลุมท้องฟ้าจนมืดมิดยิ่งทำให้ท้องทะเลนั้นแลดูน่ากลัวยิ่งขึ้น ลึกลงไปยังเบื้องล่างใจกลางทะเลเมดิเตอร์เรเนียนปรากฏพระราชวังสีเขียวมรกตตั้งโดดเด่นเป็นสง่าอยู่เพียงลำพัง ภายในพระราชวังนั้นถูกตกแต่งไว้อย่างวิจิตรงดงามตระการตา พระราชวังฟีริเอลล์สีเขียวมรกตที่ตั้งโดดเด่นสะท้อนกับผิวน้ำเบื้องล่างที่ดูสงบและเยือกเย็นหากแต่ว่าผู้ที่อยู่ข้างในนั้นกลับดูร้อนรนอย่างผิดปกติ ลึกเข้าไปในพระราชวังฟีริเอลล์ปรากฏชายผู้หนึ่งมีสีหน้าเคร่งเครียดคิ้วของเขาขมวดแทบจะชิดติดกันได้ เส้นผมสีขาวซึ่งหยักเป็นลอนนั้นดูยุ่งเหยิงไม่เป็นทรง ดวงตาสีซีดของเขามีแววร้อนรนอย่างเห็นได้ชัด อันที่จริงเขาเดินกลับไปกลับมาอยู่ที่หน้าห้องมาได้พักใหญ่แล้ว จะมีเรื่องใดอีกเล่าที่ทำให้องค์เทพโพเซดอนผู้ที่ซึ่งปกติจะดูเยือกเย็นอยู่เสมอกลับร้อนใจได้ถึงเพียงนี้ นอกเสียจากการกำเนิดรัชทายาทกับความปลอดภัยของพระชายา ในขณะที่เทพโพเซดอนเริ่มต้นเดินกลับไปกลับมาที่หน้าห้องบรรทมของพระชายาอีกครั้งหนึ่งนั้น เอลล์รอส ผู้เป็นคนสนิทของเทพโพเซดอนก็วิ่งเข้ามาด้วยท่าทางร้อนรนมิแพ้ผู้เป็นนายแต่อย่างใด “เกิดเรื่องใหญ่แล้วพะยะค่ะ” “ยังมีเรื่องใหญ่อะไรอีกนอกจากการกำเนิดรัชทายาทของข้า” เทพโพเซดอนกล่าวกับคนสนิท เอลล์รอสไม่รอช้ารีบกราบทูลเรื่องที่ทราบมาแก่องค์เทพโพเซดอนในทันทีว่า “กระหม่อมทราบมาว่าในวันนี้นอกจากเป็นวันกำเนิดรัชทายาทของพระองค์แล้วยังเป็นวันกำเนิดรัชทายาทของมหาเทพมิคาเอลและราชาปีศาจลูซิเฟอร์อีกด้วยพะยะค่ะ นอกจากนี้หม่อมชั้นยังทราบมาอีกว่ามีเรื่องประหลาดเกิดขึ้นกับทั้ง 3 พื้นพิภพ สรวงสวรรค์เกิดความปั่นป่วนซึ่งอยู่ดีๆก็มีแรงสั่นสะเทือนขนาดมหาศาลขึ้นมาโดยไม่ทราบสาเหตุ นอกจากนี้สุริยเทพยังดับลงอย่างฉับพลันทำให้เกิดความมืดมิดกันไปทั่ว แม้แต่ในท้องทะเลเองก็เกิดความปั่นป่วนมิได้แพ้กัน ท้องฟ้าสีครามกลับเป็นสีดำมืดมิดราวกับจะกลืนกินทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกนี้ให้หายไป สายฝนก็กระหน่ำมิได้หยุดหย่อนคลื่นลมก็ยิ่งมีกำลังแรงขึ้นเรื่อยๆจนเกือบจะเป็นพายุขนาดใหญ่ที่พร้อมจะพัดพาสิ่งสวยงามบนโลกนี้ให้หายไปพร้อมๆกับความมืดมิดนี้ หรือแม้กระทั่งแดนปีศาจเองซึ่งในยามปกติจะมืดมิดอยู่แล้วก็ตามแต่บรรยากาศโดยรอบกลับดูเยือกเย็นลงไปอีก นอกจากนั้นยังมีลมกรรโชกแรงซึ่งพัดพากลิ่นอายแห่งความชั่วร้ายที่แม้แต่ราชาปีศาจลูซิเฟอร์เองก็ไม่รู้จักและอาจจะต้านทานไม่อยู่ กระหม่อมว่าเหตุประหลาดเหล่านี้จะต้องเกี่ยวพันกับการประสูติของพระโอรสหรือพระธิดาทั้ง 3 พระองค์เป็นแน่แท้พะยะค่ะ ไม่เช่นนั้นเหตุประหลาดทั้ง 3 มีหรือจะเกิดขึ้นพร้อมๆกันในวันเดียวกันแบบนี้” หลังจากฟังเรื่องราวที่เอลล์รอสเล่าจบสีหน้าของเทพโพเซดอนก็ยิ่งดูเคร่งขรึมลงไปอีก “ข้าว่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นพร้อมๆกันในวันนี้เราคงจะได้รู้กันเร็วๆนี้แหละ เกิดเหตุประหลาดไปทั่วทั้ง 3 พื้นพิภพแบบนี้ ข้าว่าพระองค์คงไม่อยู่เฉยๆแน่ อีกไม่นานก็คงมีพระบัญชาให้เข้าเฝ้าทั่วกันเป็นแน่แท้ ในตอนนี้เราคงทำอะไรไม่ได้หรอกที่ทำได้ในตอนนี้ก็ได้แต่รอเท่านั้น”
ความคิดเห็น