คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 1 การพบกัน
บทที่ 1
การพบกัน
ซ่า ซ่า เสียงของหยดน้ำที่ก่อตัวรวมกันเป็นสายฝน เริ่มพรางพร่ายลงมาจากท้องฟ้ายามราตรี และตามมาด้วยเสียงของลมที่พัด วิ้ว วิ้ว มายังเมืองเมืองหนึ่ง
ณ ตรอกซอยแห่งหนึ่ง ไร้ซึ่งแสงไฟริมทาง ไร้เสียงพูดคุย แน่นอนอยู่แล้วคงไม่มีใครมาสนทนาปราศรัยตอนเวลาเที่ยงคืนหรอกนะ มีเพียงเสียงของสายฟนและความมืดเท่านั้นที่เป็นเพื่อนเคียงข้างกับตรอกซอยนี้
เปรี้ยง ! เสียงฟ้าผ่าดังสนั่นหวั่นไหวทั่วพสุธา และตามมาด้วยแสงของฟ้าแลบ แสงสว่างเพียงพริบตาพาดคั่นท้องฟ้า ก็ทำให้เห็นบางอย่างที่เคลื่อนไหวบริเวณด้านในตรอกซอย
ครืน... เปรี้ยง !
เสียงฟ้าคำรามลั่นแล้วผ่าเปรี้ยงมาท่ามกลางความมืดมิดอีกครั้ง แสงจากสายฟ้าที่แลบแปลบปลายไขกระจ่างข้อสงสัยในตรอกซอยแห่งนี้ ว่ามีร่างของหนึ่งบุคคลกับอีกกลุ่มบุคคลหนึ่งอยู่ ณ ที่แห่งนี้
ร่างบางยืนเด่นสง่าท่ามกลางสายฝนที่พรางพร่ายลงมา เส้นผมสีดำสนิทยาวสลวยถึงกลางหลัง ใบหน้ามีคิ้วหนา นัยต์ตาสีแดงก่ำดั่งสีโลหิต จมูกโด่ง หน้าตาคมเข้ม เรือนร่างอันอรชรถูกปกปิดด้วยชุดผ้าแปรสีขาวสะอาดที่คลุมยาวจนถึงหัวเข่า
สายตาของเธอจ้องค้อนมายังกลุ่มบุคคลเบื้องหน้า...
“ยอมจำนนเสียเถอะ เอริก้า โร มาดริด “ เสียงของชายสูทสีดำแถวหน้าคนหนึ่ง พูดกล่าวตะโกนบอกร่างบาง เบื้องหลังของเขาคือกลุ่มบุคคลผู้พิทักษ์สันติราชอาภรณ์สีขาวที่มีนามว่า “White Raider” คอยสมทบเขาข้างหลัง ปืนลูกซองสีขาวเล็งเป้าหมายอยู่ที่ร่างบาง
“....” ไร้เสียงตอบรับ
ชายหนุ่มชุดสูทแลมองร่างบางผมสีดำเล็กน้อย ก่อนจะกวักมือข้างซ้ายเล็กน้อยเพื่อให้ผู้พิทักษ์สันติราชแน่ใจว่าสามารถปิดล้อมเป้าหมายได้
แครก แครก เสียงเคลื่อนพลของผู้พิทักษ์สันติราชสีขาวจำนวนหนึ่งประมาณห้าคนเข้าปิดล้อมเป้าหมายคือร่างบาง เมื่อแน่ใจว่าร่างบางจะไม่ ’จู่โจม’ผู้พิทักษ์สันติราชคนหนึ่งจึงเข้าไปทางด้านหลังของร่างบางหมายจะรวบข้อมือใส่กุญแจเหล็กสีเงิน แต่ทว่า....
แคว่ก ! เรือนร่างของผู้พิทักษ์สันติราชสีขาวฉีกขาดจากกันเป็นสองท่อน ของเหลวสีแดงสาดกระเส็นไปทั่วบริเวณนั้น ท่ามกลางความตกใจของผู้พิทักษ์สันติราชคนอื่นๆ
แคว่ก แคว่ก เพียงไม่เสียววินาทีต่อมา ร่างของผู้พิทักษ์สันติราชอีกสี่คน ก็ขาดสะบั้นหั่นแหลก ตรอกซอยทั้งสองด้านข้างทางถูกย้อมและแต่งแต้มด้วยสีแดงโลหิตสดๆ
“ผบ.มารุมะ เธอโต้ตอบกลับครับ !!!”
“ระดมพลปืน เตรียมยิง!!”
แคว่ก! แผละ!
ดั่งงานภาพศิลปะที่ถูกระเลงด้วยสีแดงโลหิต เลือดสดๆของพลผู้พิทักษ์สันติราช White Raider สาดกระเส็นไปทั่วบริเวณนั้น ไม่มีใครเหลืออยู่รอดชีวิตสักคน ยกเว้นเพียงผู้สั่งการเมื่อกี้นี้เท่านั้นที่ยังคงยืนอยู่หายใจเพียงลำพัง
‘คันโต มารุมะ’ คือชื่อของเขา
มารุมะตัวแข็งทื่อเป็นหินทำอะไรไม่ถูกสักพัก ก่อนจะรวบรวมความกล้าทั้งหมดหันหลังไปเผชิญหน้ากับภาพสุดสยองชวนอาเจียน ร่างกายของ White Raider ที่ถูกพลังงานบางอย่างฆ่าตายจนกลายเป็นแค่ ’เศษซากเนื้อชุ่มเลือด’ ที่กระเด็นไปติดตามผนังของตรอกซอย
วูบ!
วินาทีต่อมามารุมะก็สัมผัสถึงแรงอากาศที่ถาโถมเข้ามาทางด้านหน้า ไม่ใช่ใครที่ไหนมันคือตัวต้นเหตุของเหตุการณ์นองเลือดเมื่อครู่....
เด็กสาววัยสิบแปดปี นามของเธอคือ เอริก้า โร มาดริด !!
“แหม มารุมะซังส่งคนมาให้ฉันบริหารร่างกายด้วย”เด็กสาวพูดพลางบิดขี้เกียจ ก่อนที่หางตาของเธอจะปายมาที่ชายหนุ่ม พร้อมกับส่งรอยยิ้มเย้ยยันมาให้
มารุมะถึงกลับหนาวและเสียวสั่นหลังวาบ เขาไม่ได้หนาวเพราะสายฝนที่เทกระหน่ำลงมาจากฟากฟ้า เพราะต่อให้ฝนตกหนักมากกว่านี้เขาก็ไม่อาจหนาวได้เท่ากับเห็นรอยยิ้มเย้ยยันนั้น รอยยิ้มที่ไม่ว่ามองมุมไหนก็น่ากลัว....
รอยยิ้มของปีศาจ.......
“ผะ...ผมไม่ยอมให้ดาร์คไซค์ในตัวคุณทำเรื่องให้มันเหลวร้ายไปมากกว่านี้อีกแล้ว”น้ำเสียงสั่นเครือด้วยความกลัวแต่แฝงไปด้วยคำตั้งมั่นของผู้พูด สร้างความครุ่นเคืองในใจเด็กสาวได้ไม่น้อย จากรอยยิ้ม(เย้ยยัน)ที่เคยมีให้แปรเปลี่ยนเป็นเธอกัดฟันดังกรอด กรอด แทน
“แล้วที่พวกแกทำกับฉันละ...”
ฟุ่บ! เพียงชั่วพริบตา เด็กสาวคนนั้นก็มายืนอยู่ตรงหน้าเขา ก่อนที่จะใช้มืองามคู่นั้นบีบคอชายหนุ่มเต็มแรง!!!
“แกจะรับผิดชอบอย่างไร!?”
แรงบีบอัดมหาศาลที่มากเกินกว่าคนตัวสูงจะต้านทานได้ มารุมะเริ่มหายใจไม่ออกและอึดอัด เขาพยายามผลักไสข้อมือของร่างบางออกไป แต่ยิ่งทำก็เหมือนคว้าน้ำเหลว...
“คนที่ทำให้ฉันเกิดมาก็คือพวกแกไม่ใช่เหรอ!?” ร่างบางเว้นช่วงพูด “เอ๋...หรือว่าฉันควรตอบแทนบุญคุณพวกแกดีน่า”
อารมณ์พูดตอนท้ายของเด็กสาวดูราบรื่นสบายชิวๆแต่แรงที่ยังบีบคอชายหนุ่มยังไม่ลดละ กลับสร้างความทรมาณให้กับเขามากกว่าเก่า จนตอนนี้คนตัวสูงกว่าทรุดเข่าฮวบลงกับพื้นดินที่แฉะไปด้วยน้ำฝนแล้ว
“ฉันไม่ขออะไรมากมายจากแกหรอก มารุมะซัง”
“.....”
“ก็แค่ขอให้แก...” ร่างบางเว้นช่วงพูด “ตายไปพร้อมกับลูกน้องผู้ซื่อสัตย์ของแกเถอะ! เพราะนี้คือของขวัญที่ดาร์คไซค์ ‘เอริก้า’ผู้นี้เป็นผู้มอบให้อย่างไงละ ฮ่าๆๆๆๆ”
ทุกประโยค ทุกคำพูดของร่างบางเน้นยำหนักทุกคำเหมือนอยากตอกย้ำความผิดที่เขาทำไว้กับเธอ
ทรมาณ....เขาเริ่มสัมผัสถึงสิ่งที่เรียกว่า ‘ความตาย’ในไม่ช้า สติของเขากำหลังจะดับลง หนังตาเริ่มปิดเข้าหากัน ภาพสุดท้ายที่เขาเห็นคือ รอยยิ้มแสยะของเด็กสาว
‘ถ้าเธอจะจงเกลียด จงแค้น จงชังพวกเราก็ไม่แปลกหรอก...’
อึก! อยู่ๆมือคู่ที่ใช้สังหารชายหนุ่ม ก็พลันปล่อยให้เป็นอิสระ คนตัวสูงไอแค่ก แค่ก ออกมา เล็กน้อยก่อนจะเงยหน้ามองเด็กสาวด้วยความงุนงง ที่เธอปล่อยเขาหลุดพ้นจากพันธนาการเมื่อครู่นี้อย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย...
“เสียงเมื่อกี้มัน...”เด็กสาวรำพึงรำพันกับตัวเอง ใบหน้าของเธอกระสับกระส่ายไปมาเล็กน้อย เธอสัมผัสได้ถึงบางอย่างที่คืบคลานเข้ามา
“นี่! เดี้ยวสิ” มารุมะพยายามฉุดพูดให้ร่างบางตีที่ตัวห่างออกห่าง เขาพยายามใช้มือของเขาฉุดรั้งไม่ให้เธอหนีไป แต่ก็เปล่าประโยชน์...
เด็กสาวพากายของเธอกระโดดข้ามกำแพงไปอีกฝั่งหนึ่งแล้ว
“นี้มันอะไรกัน” ไม่อยู่แล้ว...เธอคนนั้นไม่อยู่แล้ว
เธอคนนั้นปล่อยปล่อยเขาทิ้งไว้กับซากศพจำนวนมากมายท่ามกลางสายฝน เขายังคงตั้งคำถามในใจว่าเหตุใดจึงเกิดเหตุการณ์แบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยแบบนี้ได้
ทำไมเธอที่กำลังจะฆ่าเขาถึงได้ปล่อยโอกาสนี้ไปได้ ระดับเด็กสาวคนนั้นแค่ใช้พลังของเธอฆ่าคนธรรมดาได้ไม่ถึงสองวิ แต่ที่เธอเลือกเขาโดยการบีบคอ คงเพราะต้องการทรมาณเขาอย่างช้าๆและสิ้นลมขาดใจตายในที่สุด เพราะอะไรละ?
และวินาทีต่อมาเขาก็รู้คำตอบ..
พั่บ พั่บ เสียงของใบพัดแหวกเสียดสีกับอากาศบวกกับแสงสปอร์ตไลต์ ทำให้เขามองไปหาต้นทางของเสียงและแสง ใช่แล้วมันคือเสียงของยานพาหนะลอยฟ้าที่มีนามว่า เฮลิ-คอปเตอร์ แถมยังมีสองลำอีกด้วย!!
“เขาอยู่ตรงนั้นครับกัปตัน”เสียงหาวของใครคนหนึ่งบน ฮ.พูดขึ้นก่อนที่จะหย่อนบันไดเชือกลงมา เหล่าไวท์ไรเดอร์ก็ปีนลงมาและกระจายตัวไปทั่วบริเวณตรอกซอย ก่อนที่ใครคนหนึ่งจะโบกหนึ่งสัญณานเล็กน้อย ฮ.ก็บินไปจอดที่อื่นไม่ไกลไม่ใกล้นัก
“สวัสดีครับผบ. ไม่ทราบว่าท่าบาดเจ็บตรงไหนรึเปล่าครับ”ไวท์ไรเดอร์คนหนึ่งกล่าวทักทาย ในระหว่างที่ไวท์ไรเดอร์คนอื่นไปจัดการเก็บศพอย่างรู้หน้าที่ของตน
“ฉันไม่เป็นอะไร แล้วพวกนายมาได้อย่างไรฉันว่าฉันยังไม่ขอกำลังเสริมนี่น่า”
“ผจ.สั่งมาครับผม”
“งั้นเหรอ...”โทนเสียงของเขาต่ำลงและลากยาว ก่อนที่มันจะกลับมาตีสีหน้าจริงจัง
“ฉันมีแผนจะจัดการกับเป้าหมายเราแล้ว”
แฮก แฮก เสียงหอบหายใจถี่รัวบวกฝีเท้าของร่างบางบ่งบอกให้รู้ว่าเธอใกล้จะหมดแรงเต็มที่แต่อีกแค่อึดใจเดี้ยวเธอก็จะถึงหน้าผาแล้ว ใช่แล้ว! เธอคิดจะหนีโดดหน้าผาลงทะเลไปให้ไกลจากที่นี้ แต่คงเพราะเธอรีบไปหน่อยทำให้ไม่ระวังอันตรายรอบตัว
“เริ่มแผนได้!/ปัง!”สิ้นเสียงสั่งการ กระสุนจากปากกระบอกปืนสไนเปอร์ของไวท์ไรเดอร์บนตึกพุ่งตรงไปยังร่างบางอย่างรวด่เร็ว
โอ๊ย! ร่างบางทรุดนั่งลงติดพื้นดินก่อนจะใช้มือข้างหนึ่งจับแผลที่มีเลือดไหลออกมาบริเวณขมับข้างซ้ายของตน
“ตอนนี้ละ! ให้ทุกคนจับตัวเธอคนนั้นไว้”สิ้นเสียงสั่งการอีกครั้ง ไวท์ไรเดอร์คน-อื่นๆที่ซ้อนอยู่บริเวณหัวมุมตึก ก็วิ่งกรู่ออกมาหมายจะจับร่าบาง สมแล้วที่เป็นแผนการของมารุ-มะแผนนี้ต้องสำเร็จอย่างแน่นอน แต่ว่า...
เปรี้ยง! สายฟ้าผ่าลงมาคั่นระหว่างไวท์ไรเดอร์กับร่างบางไว้ ทำให้ต้องเลี่ยงถอยออกมาเสียไม่ดาย ร่างบางจึงใช้จังหวะนี้กระโดดลงหน้าผาดิ่งสู่ทะเลทันใด
“ชิ! อีกนิดเดียวแล้วแท้ๆ”มารุมะกับชายมือปืนสไนเปอร์ตามมาที่หลังสบถออกมาพร้อมกันทั้งคู่ เมื่อเขาปล่อยเป้าหมายใน้หนีไปได้ต่อหน้าต่อตา
แต่ช่างเถอะไว้ค่อยส่งคนออกตามหาที่หลังก็ได้ เพราะตอนนี้ฝนก็ตกหนักมากไม่มีที่ท่าว่าจะเบาเสียด้วย
คิดได้ดังนั้นมารุมะก็ออกคำสั่งถอยกำลังก่อนโดยให้เหตุผลที่ว่าสภาพอากาศไม่เอื่ออำนวยต่อการค้นหา ซึ่งไวท์ไรเดอร์ทุกคนก็ตกลงปลงใจกันเสียด้วย
“ผบ.มารุมะผมผิดเองผมไม่หน้า../ชั้นรู้อยู่แล้ว”มารุมะพูดแทรกความคิดของมือปืนสไนเปอร์
“ไม่เป็นไร... คนเราย่อมมีคำว่าผิดพลาดด้วยกันทุกคน จริงมั้ย?”มือปืนสไนเปอร์ไม่ได้พูดกล่าวอะไรเพียงพยักหน้ารัวๆให้กับมารุมะ
“ผมแค่จะบอกคุณว่าผมไม่ได้ตั้งใจยิงตรงบริเวณขมับเธอครับ...”
กึก! ฝีเท้าที่กำลังจะเดินจากไปแล้วหยุดชะงักลงเมื่อมารุมะได้ยินประโยคต่อมา
“นายหมายความว่าอย่างไง”
“คือความจริงผมจงใจจะยิงเธอบริเวณชายซี่โครงด้านซ้าย แต่เหมือนมีพลังงานบางอย่าง ...ผมหมายถึงพลังบางอย่างที่ไม่ใช่ของเธอปัดทิศทางลูกกระสุนให้ไปโดนบริเวณศีรษะของเธอแทนครับ...”
“...” บรรยากาศเงียบครึมเข้าปกคลุมคนทั้งสองทันที
จะว่าไปมันก็ดูกลมจริงๆนั้นแหละ เพราะมือปืนสไนเปอร์คนนี้เป็นมือหนึ่งของประเทศญี่ปุ่น หากมีใครจ้างให้เขาไปยิงฆ่าใครซักคนก็สำเร็จทุกเป้าหมาย ไม่เคยพลาดเลยซักครั้งเดียว เป็นเพราะสภาพอากาศงั้นเหรอ? ไม่มีทางเป็นไปได้ ต่อให้สภาพอากาศไม่เอื้ออำนวยแค่ไหนก็ไม่น่าจะเป็นอุปสรรคให้การยิงเป้า แล้วไหนจะฟ้าผ่านั้นอีก
ให้ตายเถอะโลกนี้มันจะกลมเกินไปแล้วนะ
หรือว่ามันจะมีมือที่สาม
“ผบ.มารุมะครับ กลับไปที่ศูนย์วิจัยกันเถอะครับ”เสียงเรียกของลูกน้องที่อยู่บนฮ.เรียกสติให้มารุมะหลุดออกจากภวังค์เมื่อครู่
เอาเถอะยังไงก็กลับไปรายงานที่ศูนย์วิจัยให้ว่าก่อนละกัน
“Mission fail…ซินะ”มารุมะบ่นพึมพำกับตัวเอง
ห่างไกลออกไปจาก ณ จุดเกิดเหตุ บริเวณหอคอยนาฬิกาเก่าใจกลางเมืองมีร่าง สูงของบุคคลปริศนายืนอยู่บนยอดหอคอยนาฬิกาแห่งนี้ ร่างสูงมีใบหน้าที่ขาวเนียนละเอียด ริมฝีปากได้รูปเป็นเส้นคมเหมือนถูกสลักด้วยลิ่มของประติมากรชั้นหนึ่ง เมื่อรวมกับจมูกโด่งเป็นสันและเรียวคิ้วที่พาดเฉียงรับกับใบหน้าพอดีส่งผลให้เธอเป็นผู้หญิง อะแฮ่ม! แค่ก! แค่ก! ให้เขาเป็นผู่ชายที่จัดว่าหน้าตาหล่อเหลาเอาการ ผมสีน้ำตาลเข้มถูกปล่อยยาวสยายบนแผ่นหลังบาง นัยน์ตาสีทองอำพันของเขาจ้องมองพระจันทร์ที่ลอยเด่นยามค่ำคืนหลังพายุได้ผ่านไปแล้ว เเสงของพระจันทร์และหมู่ดาวที่สาดส่องลงมาทำให้เขารู้สึกดีอย่างน่าประหลาด...
แต่ก็ไม่รู้สึกดีเท่ากับภารกิจที่ทำสำเร็จด้วยดี
ฟุ่บ! ร่างของเด็กหนุ่มกระโดดลงจากหอคอยนาฬิกา ก่อนที่ร่างกายของเขาจะสลายกลายเป็นละอองเเสงสีดำหายเข้าไปทางหน้าปัดหอนาฬิกา
ในหอนาฬิกาเก่า
“เป็นอย่างไรบางงานที่ให้ไปทำราบรื่นดีมั้ย”เลียงเข้มของใครบางคนกล่าวทักออกมาอย่างลอยๆ
ละอองเสียงสีดำกลายร่างเป็นเด็กหนุ่มรูปงามก่อนที่เขาจะย่อกายทำความเคารพบุคคลปริศนาเบืองหน้า เจ้าของเสียงเข้มอยู่ในชุดผ้าคลุมตัวยาวสีขาวขลิบแดงเพลิง ไม่อาจมองเห็นใบหน้าของเขาได้เพราะมันถูกปกปิดฮูดสีขาวขลิบแดง
“เรียบร้อยดีครับ... ท่านอัคครา”
“ดีมาก..เจ้าจงเตรียมแผนการขั้นต่อไปได้เลย”
ฟุ่บ! ของบางอย่างถูกโยนให้กับเด็กหนุ่ม มันคือถุงผ้าสีน้ำตาลขนาดของมันเท่ากับฝ่ามือของเขาพอดี
“จงนำสิ่งๆนี้ไปให้เธอคนนั้นซะ แค่นี้ทุกอย่างก็เป็นอันว่าเรียบร้อยแล้ว”
“ครับ...”เด็กหนุ่มกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นลง ก่อนที่ร่างกายของเขาจะสลายกลายเป็นละอองแสงสีดำและหายไปในเวลาต่อมา
“ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับตัวของเจ้าแล้วนะ....”บุคคลปริศนาในชุดคลุมสีขาวขลิบแดงรำพึงรำพันกับตัวเองก่อนที่เขาจะคลี่ยิ้มบางๆออกมา
“แล้วข้าจะรอดูว่าเจ้าจะจุดเทียนได้สักกี่เล่ม...”
เอริก้า โร มาดริด..
ความคิดเห็น