คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : เกริ่นนำ
Prologue
ในยามเย็นพบค่ำท่ากลางอากาศอันอบอุ่น สายลมเป็นผู้มอบให้กับเนินเขา
แห่งหนึ่งในประเทศญี่ปุ่น
มีหมู่บ้านเล็กๆแห่งหนึ่งที่ชาวบ้านนับถือศาสนาคริสต์กันเป็นหลัก ชาวบ้านที่นี้ช่วยเหลือซึ่งกันและกันและทำงานอย่างหนักเพื่อครอบครัวตนเอง และคงเพราะอยู่บนเนินเขา จึงห่างไกลความเจริญในเมือง เครื่องเรือน ของใช้ต่างๆล้วนมาจากฝีมือการทำเครื่องเรือนของคนในหมู่บ้านกันเองทั้งนั้น
กิจกรรมการทำงานของคนในหมู่บ้านจึงแตกต่างกันไปตามวิถีชีวิตของตนเอง แต่มีเพียงกิจกรรมเดียวเดียวที่ทุกคนในหมู่บ้านให้ความสำคัญ คือการเข้าโบสท์ทุกๆเช้าของวันอาทิตย์ เพื่อร่วมกันขับร้องเพลง LILIUM*
*LILIUM คือ เป็นเพลงที่มีมานานมากแล้วเพื่อมอบให้ผู้ที่กำลังทรมานจากการถูกทรมานโดยเครื่องทรมานนรกแตกในยุโรปสมัยก่อนที่ชอบเอานักโทษมาทำการทรมานอย่างน่ากลัว
ณ ต้นไม้ต้นใหญ่แห่งหนึ่งอยู่ห่างจากโบสถ์ไม่กี่เมตร มีเรือนร่างเด็กหญิงอายุราวๆ 8-9ปีได้ กำหลังหลับ แผ่นหลังบางของเธอพิงต้นไม้ต้นนั้น ใบหน้ายามนิทราของเธอดูสงบมาก เธอผู้มีเรือนผมสีน้ำตาลอ่อนยาวสลวยถึงกลางหลัง มือเรียวยาวขาวสะอาดของเธอถูกวางลงบนตักที่มีหนังสือสันหนาเป็นคืบรองรับอยู่
ชุดกระโปรงยาวสีน้ำตาลแบบชาติตะวันตก แต่เพราะเธอยังไม่เปิดดวงตาคู่นั้น จึงไม่สามารถทราบได้ทราบได้ว่าเธอครอบครองดวงตาสีอะไรกันแน่.........
ในที่สุดเธอผู้ที่กำลังหลับใหลก็ยอมเปิดดวงตาคู่นั่นออกมาหลังจากที่เธอถูกรบกวน จากใครบางคนที่ยืนอยู่หลังต้นไม้ มีมือเล็กๆขาวนวลมาหมุ่นปอยผมเธอเล่น
เด็กสาวรู้ดีว่าเป็นใคร เธอจึงเอ่ยเรียกบุคคลที่ทำให้เธอตื่นจากการหลับไหล
“นี่! เจ้าน้องชาย แอบไปเล่นที่ไหนอีกล่ะ” เสียงของเด็กสาวผมสีน้ำตาลทำให้บุคคลผู้ยืนอยู่หลังต้นไม้หยุดการกระทำกับปอยผมของเธอ ก่อนที่จะกระโดดออกมาจากหลังต้นไม้แก่ และส่งรอยยิ้มแก้มปริให้ให้เด็กหญิงเบื้องหน้า
“ก็ผมเบื่อหนังสือที่ไม่มีรูปภาพประกอบนี่ ตัวหนังสือล้วนๆทั้งเล่ม น่าเบื่อจะตาย”
“แต่พี่ก็อ่านให้นายฟังทุกครั้งทุกวันนะ”
“แต่ถ้าฟังมันบ่อยๆ ก็น่าเบื่อนะฮะ”น้ำเสียงเซ็งๆและใบหน้ายู่ของเด็กชายอายุราวๆ4-5ขวบ เรียกเสียงตลกขบขันจากเด็กหญิงได้ไม่ยาก
ผู้เป็นพี่ทำได้เพียงส่งยิ้มหวานให้เด็กชายผู้อยู่ในสถานะที่เรียกว่า’น้องชาย’เธอรู้นิสัยของเด็กชายคนนี้ดีกว่าใคร เธอและน้องของเธอเป็นพี่น้องรวมสายเลือดแท้จริง
แต่พวกเขาไม่มีพ่อและแม่ หรือที่เรียกกันว่าเด็กกำพร้านั้นแหละ
พวกเขาอาศัยอยู่กับบาทหลวงผู้ดูแลโบทถ์ของหมู่บ้านแห่งนี้ พี่น้องคู่นี้จึงนับถือว่าเขาเหมือนพ่อคนหนึ่ง น้องชายของเธอมีดวงตาและสีผมเป็นสีน้ำตาลอ่อน ซึ่งเธอเองก็มีสีน้ำตาลอ่อนเหมือนน้องชายเช่นกัน สีของดวงตาก็ต้องเป็นสีเดียวกัน
แต่มันไม่ใช่ดั่งที่คาดไว้น่ะสิ…….
เด็กสาวเบี่ยงเบนหน้าน้องชายตนเองและหันหน้าไปสนใจกับท้องฟ้ายามเย็นของวันนี้แทน ก่อนที่ร่างบางจะชะงักคิดอะไรบางอย่างได้ เธอก็ลุกขึ้นพรวดและรีบส่งหนังสือเจ้ากรรมสันหนาเป็นคืบให้น้องชายตนเองและพูดอย่างลวกๆว่า
“กลับบ้านไปก่อนเลยนะ เดี๋ยวพี่จะไปหาหลวงพ่อหน่อย บังเอิญมีธุระนิดหน่อยน่ะ”หลังจากเด็กหญิงพูดมัดมือฉกเสร็จศัพท์ เธอก็รีบวิ่งตรงไปยังโบทถ์เพื่อไปพบกับผู้มีพระคุณของเธอและน้องชายของเธอ
เด็กชายยืนงงเป็นไก่ตาแตกก่อนที่จะสลัดความคิดออกไปจากหัวของเขาแต่ก็ยังกระพริบตาปริบๆสื่อความประหมายที่ว่า.........
มีธุระอะไรกับบาทหลวงงั้นเหรอ!?
ในเมื่อตัวเองหาคำตอบไม่ได้ก็ทำได้แค่ยักไหล่และหอบหนังสือเจ้ากรรมเล่มเบิ้ม(ใน-สายตาของเขา)กลับเข้าบ้านเรือนเล็กซึ่งอยู่ห่างจากโบทถ์แค่ 6 เมตรเท่านั้น.....
ปัง! เสียงประตูหน้าโบทถ์ถูกเปิดออกพร้อมกับการก้าวเข้ามาของร่างบาง
เธอค่อยๆก้าวเข้ามาเดินลงบนพรมแดงที่ถูกปูยาวไปจนถึงแท่นสวดของบาทหลวง
รอบสองข้างทางถูกแขนบไปด้วยเก้าอี้ตัวยาวหลายตัวถูกจัดวางไว้ข้างละอย่าง 15 ตัว เพื่อให้ผู้คนในหมู่บ้านมาร่วมทำกิจกรรมกันทางศาสนาคริสต์ด้วยกันตั้งแต่สวดมนต์ ร้องเพลงประสานเสียง และแต่งงาน......
ผนังของโบทถ์ถูกประดับด้วยกระจกสีลวดลายต่างๆ ด้านซ้ายเป็นรูปเทวดา นางฟ้า เทพธิดา และคิวปิดตามลำดับ ส่วนลายด้านขวาที่แตกต่างกันสุดขั้วคือมีรูปยมทูต เจ้านรก ต้นมิ้นสีเพลิง และลูซิเฟอร์
จะว่าโบทถ์ที่นี้แปลกก็ได้นะ....แต่รูปและลวดลายกระจกสีสวยมากไม่แพ้พวกงานศิลป์ที่ประเทศอิตาลีเลย ก็เพราะคนทำลวดลายกระจกสีเป็นคนอิตาลีนี่......
เด็กหญิงเดินมาถึงแท่นสวดเธอก็กล่าวทักทายชายวัยกลางคนที่อยู่ในอาภรณ์ผ้าคลุมสีน้ำเงินอมดำ ขลิบแถบสีเงิน ที่เหมือนกำลังสวดมนต์อะไรบางอย่าง
“Hola** หลวงพ่อมาตินคะ”เสียงหวานพูดขึ้นพลางจับชายกระโปรงย่อกายทำความเคารพบุคคลเบื้องหน้า ทำให้บาทหลวงนามว่า ‘มาติน’ต้องหยุดสวดมนต์และหันมามองเด็กหญิงพร้อมส่งรอยยิ้มละไมให้
Hola แปลว่า สวัสดี เป็นคำทักทายของภาษาสเปน อ่านว่า “โอ้หละ”
“เรื่องที่ฉันเคยพูดกับคุณไว้.......คุณจะช่วยรักษาสัญญาได้หรือเปล่า”เด็กสาวถามคำถามบางอย่างที่เคยคุยไว้กับชายวัยกลางคนตรงหน้า
บาทหลวงมาตินไม่เอ่ยพูดอะไรออกมา เพียงแต่ยิ้มเล็กยิ้มน้อยให้ รอยยิ้มนั้นคือคำตอบของทุกอย่าง ซึ่งหมายถึง ‘ตกลง’เรียกรอยยิ้มแทบปากจะฉีกของเด็กหญิงได้ไม่น้อย.....
มีปัญหาอยู่อย่างหนึ่งที่ทำให้เด็กหญิงพยายามปลอบใจตนเองมาโดยตลอดและมีเพียงสิ่งเดียวที่ทำให้เธอยอมปัญหาที่ว่าได้นั้นคือ น้องชายสุดที่รักของเธอเอง......
ปัญหาเจ้ากรรมที่ว่านั้นคือ..........เธอมีดวงตาที่แปลกประหลาดไปจากคนอื่นๆ...............สีของดวงตาที่เป็นสีแดงโลหิต.............สีดวงตาที่เหมือนดั่งปีศาจ..............
“งั้นหนูกลับไปเตรียมอาหารที่บ้านนะคะ คุณอย่ากลับดึกอีกนะ”เด็กสาวหันหลังขวับกลับไปทางเดิมและปิดประตูโบทถ์ เสียงดังครืด ครืด บอกให้รู้ว่าประตูโบทถ์ทั้งใหญ่และหนักทุกครั้งที่ปิด-เปิดมัน ผู้หลักผู้ใหญ่บางคนปิด-เปิดประตูโบทถ์ ถึงกลับปวดข้อมือ
แล้วทำไมเด็กผู้หญิงร่างบางคนนั้นถึงปิดประตูโบทถ์ได้เพียง............
.....
.......
........
.........
แรงของแขนเพียงข้างเดียว.......
ความคิดเห็น