บทที่ 1 : ภูเขาเฟธ
'เฟธ' คือชื่อของภูเขาด้านหน้าของกลุ่มคนหลายร้อยกลุ่มที่กำลังจะเข้าไปพิสูจน์ตน เพื่อที่จะได้รับการยอมรับและหาทรัพยากรไปในตัว มันเป็นภูเขาและป่าที่เป็นที่นิยมสำหรับนักผจญภัยมือใหม่และคนที่ต้องการทำภารกิจจบของโรงเรียทั้งสามแห่งนั้นเอง
ภูเขาเฟธแบ่งออกเป็นสามส่วนหลักคือ ส่วนทุ่งหญ้าที่นี้ไม่ค่อยมีสัตว์เวทจึงเป็นที่พักและลานฝึกสำหรับมือใหม่ ส่วนที่สองคือชายป่าและด้านในป่าไม้ มันเหมาะสำหรับคนที่ไม่ค่อยมีประสบการณืการล่ามากนัก และด้วยขนาดที่ใหญ่กว่าสองร้อยกิโลเมตร จึงทำให้มีสัตว์เวทอาศัยอยู่มากมาย และส่วนใหญ่เป็นสัตว์เวทระดับหนึ่งเท่านั้น จึงทำให้มันเป็นสถานที่ที่พวกอาจารย์หรือพวกพี่เลี้ยงนำลูกศิษย์และสมาชิกน้องใหม่มาฝึกฝนฝีมือ
ด้วยความที่มันตั้งอยู่ห่างจากเมืองหลวงเกือบร้อยกิโลเมตร ทำให้การเดินทางมาที่ภูเขาเฟธใช้เวลาไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น ทำให้มันเป็นแหล่งล่ายอดนิยมของทุกคน แต่พื้นที่ส่วนที่สามนั้นเองที่เป็นปัญกาที่สุด มันเป็นพื้นที่ของป่ารอบๆภูเขาและตัวภูเขาเฟธเอง ว่ากันว่ามันเป็นที่อยู่ของสัตว์เวทระดับกลางและระดับสูงจำนวนมาก แต่ก็ไม่เคยมีใครเห็นพวกมันออกมาจากภูเขาตอนภัยพิบัติสิ้นปีแม้แต่ครั้งเดียว แต่ก้ไม่มีใครกล้าเข้าไปพิสูจน์เช่นกัน เพราะคนที่เข้าไปก่อนหน้าไม่เคยได้กลับออกมาสักราย
"ไลก้า! อย่าซนสิ มาให้ข้าอาบน้ำซ่ะดีๆ" เด็กสาวตัวน้อยวิ่งไปจับสิงโตวายุคลั่งที่มีขนาดตัวเท่ากับลูกแมวตัวเขื่องเท่านั้น มันกระพือปีกบินไปมาอยู่ตรงหน้ากระโจม โดยมีเด็กสาวคอยวิ่งไล่จับอยู่
"คุณหนูเล็กเจ้าค่ะ อย่าวิ่งใส่มานาอย่างนั้นสิเจ้าค่ะ พื้นเป็นหลุมหมดแล้วเจ้าค่ะ" หญิงสาวในชุดเมดสีน้ำเงินพยายามห้ามเด็กสาวที่วิ่งด้วยความเร็ว แต่ด้านหลังของเธอเต็มไปด้วยหลุมที่เกิดจากการออกตัวเต็มไปหมด
"พี่ลูน่าก็ช่วยหนูจับเจ้าไลก้าที่สิ" เด็กสาวชวนเมดสาวให้ช่วยจับเจ้าไลก้าที่วิ่งหลบไปซ้ายทีขวาที
"ได้เจ้าค่ะ แต่คุณหนูเล็กหยุดวิ่งก่อนสิค่ะ" เมื่อลูน่าเห็นลิลลี่หยุดวิ่งแล้ว เจ้าตัวก้พุ่งตัวด้วยความเร็วสูงกว่าเจ้าไล่เกือบสองเท่า แล้วเอื้อมมือออกไปคว้าหลังคอของเจ้าแมวมีปีกไว้ได้ ก่อนจะพามันไปหาลิลลี่ที่ยืนยิ้มอยู่ด้านหลัง
เมี๊ยว~ เจ้าไลก้าร้องออกมาเพื่อขอความเห็นใจจากเด็กสาว
"ไม่ได้ เจ้าไปคลุกฝุ่นมา ต้องอาบน้ำ" ลิลลี่กอดเจ้าลูกสิงโตไว้แน่น ก่อนจะเอาอ่างอาบน้ำและอุปกรณ์อาบน้ำออกมา
"ปล่อยเจ้าไลก้าไปเถอะน้องพี่ มันเป็นสิงโตนะไม่ใช่แมวบ้าน" โรสแมรี่มาอุ้มเจ้าไลก้า ก่อนจะปล่อยมันไป
เมี๊ยว~ ง่าว~ ไลก้าคลอเคลียโรสแมรี่ก่อนจะออกไปสำรวจรอบๆกระโจมต่อไปตามที่ได้รับคำสั่งจากเจ้านายของมัน
"ชิ รอมันกลับมาก่อนเถอะ" ลิลลี่ได้แต่กระทืบเท้าแบบไม่พอใจ
"อย่าสร้างหลุมเพิ่มสิเจ้าค่ะ คุณหนูเล็ก" ลูน่าดุลิลลี่เบาๆก่อนจะใช้พลังมานาในร่างกายกระตุ้นให้จารึกเวทย์คืนสภาพทำงาน เพื่อซ่อมแซมพื้นดินที่เป็นหลุมเป็นบ่อด้วยฝีมือของลิลลี่
"เดี๋ยวพี่จะฝึกการควบคุมพลังให้ใหม่ ในเมื่อลิลลี่ยังควบคุมพลังได้ไม่ดีพอ" ครรชิตขยี้หัวเด็กสาว ก่อนที่ตนจะหยิบเอาชุดก่อไฟขึ้นมาเพื่อจะก่อกองไฟสำหรับทำอาหาร เพราะเขาอยากกินเนื้อย่างนั้นเอง
"ค่าๆ บู๊~" ลิลลี่ตอบรับอย่างเบื่อหน่าย ก่อนจะแลบลิ้นใส่เด็กหนุ่มแล้วหนีเข้ากระโจมไป
"นายท่าน ให้ข้าไปตามคุณหนูเล็กไหมเจ้าค่ะ"
"ไม่ต้องหรอก ปล่อยน้องสาวข้าไปเถอะ เดี๋ยวข้าไปจัดการเอง เจ้าช่วยจูเนียร์เตรียมของออกล่าเถอะ" โรสแมรี่เดินเข้าไปในกระโจมหลังจากพูดจบ
สองนายบ่าวมองหน้ากันสักพัก ก่อนที่ทั้งสองคนจะแยกกันไปทำงานคนละส่วน ครรชิตเตรียมอาวุธที่จะใช้ โดยมีดาบขนาดใหญ่สีดำของเขา ซึ่งได้ลุงคามิลเป็นคนตีให้โดยใช้แร่เหล็กฟ้า แร่เหล็กฟ้ามันก็คือเหล็กอุกกาบาตนั้นเอง มันมีน้ำหนักมากกว่าเหล็กทั่วไปถึงสามเท่า เขาออกแบบวิธีการตีมันโดยใช้วิธีการตีเพื่อเอากากแร่ออกมาให้หมด ก่อนจะตีขึ้นรูปโดยมีแบบเป็นดาบสองคมที่ไม่ค่อยมีใครใช้ เพราะมันควบคุมยากนั้นเอง แต่ที่เขาเลือกมันเพราะว่ามันดูคล้ายกระบี่นั้นเอง ลุงคามิลเองที่เอาแบบมาให้ดูยังไม่คิดว่าเขาจะเลือกดาบสองคมเลย และเขาก็แก้ไขให้มันใส่อัญมณีเวทย์ธาตุลม
โดยใช้อัญมณีธาตุลมที่มีเวทย์ตัดอากาศ มันเป็นเวทย์ระดับต่ำที่ผู้ใช้เวทย์ธาตุลมนิยมใช้ และอัญมณีเม็ดนี้เขาก็ได้มาจากลุงดีล อัญมณีเม็ดนี้จัดทำขึ้นโดยมนุษย์โดยการฝั่งวงจรเวทย์ลงในอัญมณีธรรมดา เพราะในธรรมชาติสัตว์เวทที่มีเวทย์นี้มันอาศัยอยู่ที่อาณาจักรอื่นนั้นเอง ทำให้ไม่สามารถหามาได้ง่ายนัก แต่ก็สามารถสร้างขึ้นมาได้ อัญมณีแบบนี้ไม่ค่อยทดทานต่อการใช้มานาจำนวนมากๆ จึงทำให้มันเป็นของสิ้นเปลืองนั้นเอง
อาวุธของสามสาวเป็นของที่ทำขึ้นอย่างธรรมดาๆ ของพี่โรสแมรี่มันเป็นแส้ที่ทำจากเกล็ดอสรพิษมรกต ทำให้ตัวแส้มีสีเขียวมรกต เธอสั่งทำหลังจากฝึกฝนการโคจรลมปราณเสร็จสิ้นเพราะจะนำมาใช้ในการโจมตีระยะกลางนั้นเอง และอีกชิ้นคือคฑาเวทย์ที่ประดับด้วยศิลาจิตอสูรธาตุลมมันสามารถโจมตีได้ทั้งระยะไกลด้วยเวทมนตร์และระยะใกล้ด้วยการฟาดและทุบ ส่วนอาวุธของลิลลี่เป็นคฑาเวทย์ประดับอัญมณีธาตุลมเช่นกัน
สุดท้ายอาวุธของลูน่าเป็นธนูและมีดสั้น เพราะว่าตอนที่อยู่อาศัยกับบิดามารดานั้น พวกเธออาศัยอยู่บนภูเขาสูง จึงต้องออกล่าสัตว์บ้างในบ้างครั้งและต้องป้องกันตัวยามที่เก็บสมุนไพรนั้นเอง และอาวุธที่ดีที่สุดสำหรับคนที่ไม่มีพลังมานาก็คือธนูและลูกศรนั้นเอง ทำให้เธอพอมีทักษะการยิงธนูมาบ้าง และทักษะการใช้มือก็มาจากการล่าสัตว์เล็กๆนั้นเอง
ส่วนลูน่าจัดการเรื่องกระเป๋าฉุกเฉินและอุปกรณ์เดินป่า โดยกระเป๋าฉุกเฉินจะใส่ไว้ด้วยสัญญาเตือนภัย จารึกเวทย์บาเรียระดับสูงและยาต่างๆ ส่วนอุปกรณ์เดินป่าส่วนมากเป็นพวกเชือก คบเพลิงเวทย์หรือตะเกียงเวทย์ แผ่นที่ที่มีจุดนัดพบต่างๆและเสบียงอาหารเล็กๆน้อย ของพวกนี้จัดมาเพื่อให้ใช้ได้รวดเร็วโดยไม่ต้องใช้มานา เพื่อไม่ให้เป็นการกระตุ้นความสนใจของสัตว์เวทในบริเวณนั้น และของจำเป็นอื่นๆอีกจำนวนมากก็ใส่ไว้ในแหวนมิติของทุกคนอยู่แล้ว จึงทำให้ไม่ต้องจัดการอะไรมากนัก
ในตอนบ่ายแก่ๆทุกคนก็ได้รับอาวุธ กระเป๋าฉุกเฉินและอุปกรณ์เดินป่ากันครบทุกคน พวกเขาได้เดินออกจากจุดตั้งกระโจมเวทย์เอาไว้ แล้วมุ่งหน้าไปยังชายฝ่าเพื่อหยั่งเชิงสัตว์เวทในพื้นที่ และวัดความแข็งแกร่งของตัวเองไปในตัว
"เรามีเวลาสองชั่วโมงก่อนพระอาทิตย์จะตกดิน ข้าจะเป็นแนวหน้าคอยล่อสัตว์เวทเอาไว้ ส่วนพี่โรสและลิลลี่ร่ายเวทย์โจมตีปิดฉาก และลูน่าคอยดูแลสองสาวและขัดจังหวะสัตว์เวทเมื่อมีโอกาศด้วย" ครรชิตพูดแผนการที่ตกลงกันไว้ตั้งแต่เมื่อเช้า เขาจะชนสัตว์เวทย์และให้สองสาวพี่น้องปิดฉาก และมีลูน่าค่อยควบคุมพื้นที่เอาไว้
เมื่อพวกเข้ามาถึงในป่าที่เต็มไปด้วยเสียงของสัตว์เวทจำนวนมากรอบกายของพวกเขา ครรชิตหันมามองสามสาวด้านหลังก่อนจะพูดออกมา "เอาล่ะ เราเข้ามาถึงในป่าแล้ว ข้าจะให้ไลก้าค่อยคุ้มครองพวกเจ้าอีกที ตอนนี้ตามข้ามาเงียบๆ" ครรชิตนำกลุ่มของเขาเข้าไปยังบริเวณที่เวทย์ตรวจจับและคลื่นลมปราณที่เขาแผ่ออกไป จับสัญญาณของสิ่งมีชีวิตที่มีมานาในตัวมากพอสมควร
ไกลออกไปจากทางซ้ายมือของพวกเขา มีหมาป่าสีเทาเข้มจำนวนห้าถึงหกตัวกำลังรุมโจมตีกวางตัวผู้ กวางตัวนั้นมีเขาบนหัวเหมือนกิ่งไม้ แต่ที่ยอดของกิ่งไม้แต่ละอันเต็มไปด้วยรอยหยักคล้ายใบเลื่อย และปลายของมันก็ดูแหลมคมมากเสียด้วย เจ้ากวางหนุ่มใช้เขาในการป้องกันแล้วโจมตีพวกหมาป่า แต่ก็เสียเปรียบได้อย่าชัดเจน เมื่อมันรับการโจมตีจากหมาป่าหนึ่งตัวที่ด้านหน้า มันก็จะเจออีกสามตัวที่โจมตีมันจากทอศทางอื่น ในบางครั้งมันก็สวนกลับได้ จนทำให้หมาป่าบาดเจ็บเหมือนกัน ตัวที่บาดเจ็บจะถอยออกไปและจะมีตัวใหม่เขามาแทนที่ แต่มันก็ได้รับบาดเจ็บมากกว่าเสียอีก จนตอนนี้มันแทบจะไม่มีแรงยืนด้วยซ้ำ
มือที่สามที่กำลังเฝ้าดูการล่าครั้งนี้ เพื่อฉวยโอกาศเก็บชีวิตของหมาป่าทั้งหกตัว พวกมันกำลังเฝ้ารอโอกาศเหมาะสมที่จะลงมืออยู่ ทางด้านหมาป่าทมิฬระดับหนึ่งยังไม่ร่วงรู้ชะตากรรมของมัน พวกมันฉีกกระชากร่างของกวางหนุ่มอย่างเมามัน และกลืนกินเลือดเนื้อของกวางที่พวกมันล่าได้อย่างเอร็ดอร่อย
วูบ!
เสียงลมพัดผ่านไปยังฝูงหมาป่า ทำให้พวกมันหันหลังกลับไปยังต้นเสียงอย่างรวดเร็ว ด้านหลังของพวกมันปรากฏชายหนุ่มเจ้าสำอางที่ถือดาบขนาดใหญ่ด้วมือเพียงข้างเดียว พุ่งมาหาพวกมันด้วยการวาดดาบตัดขวาง เพื่อจะตัดลำตัวของพวกมัน
กร๊าซ พวกมันคำรามด้วยเสียงต่ำๆ ก่อนจะกระโดดหลบคมดาบได้อย่างรวดเร็ว
"ชิ ไวนักนะ" ครรชิตที่พุ่งเข้าไปโดยไม่เสริมปราณ ไม่สามารถฟันมันได้สักแผล และมันก็เริ่มลงมือกับชายหนุ่มเหมือนดังกวางที่พวกมันเพิ่งล่าไป
หมาป่าหกตัวที่หลบการโจมตีของชายหุ่นได้ มันเริ่มล้อมเขาไว้ตรงกลาง โดยมีสองตัวอยู่ด้านหน้าเยื่องไปทางซ้าและขวา พวกมันอีกสองตัวอยู่ด้านหลัง และอีกสองตัวที่เหลือประกบข้างละหนึ่งตัว เพราะมันสัมผัสได้ว่าชายหนุ่มมีพลังมานามากกว่าพวกมันนั้นเอง พวกมันจึงไม่ประมาทเช่นกับที่โจมตีกวางหนุ่มตัวนั้น
"มาเลย" เด็กหนุ่มตั้งดาบขึ้น ก่อนจะมองไปยังการเคลื่อนไหวของพวกหมาป่าด้วยคลื่นลมปราณ ในระยะสิบเมตรรอบตัวของครรชิต ชายหนุ่มสามารถได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวและการเต้นของหัวใจได้ถ้ามีสมาธิมากพอ
เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง!... ฉัวะ!
หลังจากชายหนุ่มต้านการโจมตีของฟมาป่าทมิฬไปได้หลายรอบ จนในที่สุดชายหนุ่มก็เห็นช่องโห่วในการประสานการโจมตีของมัน เขาได้พุ่งตัวไปด้านซ้ายมือ ตรงไปยังหมาป่าที่อยู่ข้างซ้าย มันเป็นตัวที่อ่อนแอที่สุด และมันเพิ่งโจมตีพลาดทำให้พรรคพวกของมันเสียรูปแบบการโจมตีไป เขาจึงได้โอกาศฟันดาบหนึ่งจังหวะ ด้วยการฟันจากล่างขึ้นบนซึ่งเขาอยู่ในจังหวะลดดาบลงพอดี
"เอาเลย!" ชายหนุ่มตะโกนขึ้นเมื่อเห็นว่าตนได้จังหวะถอยออกมาแล้วเช่นกัน เพราะเสียงร้องของเจ้าไลก้าทำให้เขาทราบว่าสองสาวเตรียมเวทมนตร์เสร็จตั้งนานแล้ว แต่เขาไม่มีจังหวะหลบหนี้ออกมาได้ ซึ่งตอนนี้ก็มีโอกาสเขาจึงกระโดดออกมาด้วยการใช้ลมปราณเขาช่วย
"พายุหมุน!" "เคียวทรงกลด!" สองสาวปล่อยเวทมนตร์ที่ตัวเองร่ายไว้ โดยลิลลี่ที่ตอนนี้มีระดับขั้นการฝึกฝนอยู่ที่ผู้ฝึกเวทย์ขั้นกลางได้สร้างพายยุขนาดเล็ก ที่มีรัศมีไม่กี่เมตรขึ้นมากลางฝูงหมาป่าที่กำลังมึนงงจากการสูญเสียเป้าหมายไป ส่วนโรสแมรี่ใช้เวทย์ของผู้ใช้เวทย์ขั้นกลาง เคียวทรงกลดเป็นการสร้างเคียวจากสายลม โดยให้ด้านนอกของมันมีการสั่นสะเทื่อนของอากาศเล็กน้อยจนเห็นเป็นทรงกลดนั้นเอง มันจึงได้ชื่อว่าเคียวทรงกลด
เวทย์พายุหมุนรบกวนการมองเห็นและประสาทรับกลิ่นของพวกมัน จนพวกมันไม่ทันได้ระวังตัวก็ถูกเคียวสีเขียวเข้มตัดออกเป็นชิ้นๆ ทั้งสี่คนยืนมองผลงานการล่าครั้งแรกอย่างพอใจ ชายหนุ่มหันไปยิ้มให้สองสาวก่อนจะเดินเข้าไปร่วมกลุ่ม ที่กำลังเดินไปยังซากของหมาป่าทมิฬเพื่อเก็บเกี่ยวศิลาจิตอสูร ส่วนหนังแล้วเนื้อของพวกมันถูกเผาทิ้งไป เพราะสภาพไม่อาจนำไปใช้ประโยชน์ใดๆได้อีก นอกเสียจากจะเอาไปเป็นเหยื่อล่อนั้นเอง แต่พวกเขาอยากหาสัตว์เวทแบบสบายๆเสียมากกว่า
"ไปกันต่อเถอะ เสียเวลาไปเกือบสิบนาทีแล้ว" ทั้งกลุ่มเคลื่อนที่ไปทางด้านขวา เลาะชายป่าไปอย่างช้าๆ เพื่อหาเหยื่อรายต่อไป
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
แล้วก็ระบบความคิดของพระเอกที่อายุ10 ขวบ มีพ่อที่มีพลังมีปัญหา แต่ไม่ได้สนใจช่วย
โก่ะๆๆเค้ ..เย่~!