บทที่ 1 : สวนสายหมอก
รถม้าค่อยๆเคลื่อนตัวผ่านเขตการค้าของเมืองหลวงสู่เขตแหล่งบรรเทิงและการพักผ่อน สภาพแวดล้อมนอกรถม้าเปลี่ยนไปจากตึกรามบ้านช่องเป็นสวนดอกไม้ขนาดใหญ่และมีหลากหลายสวนที่ตั้งใกล้กันจนเห็นแต่ไม้ดอกไม้ประดับ มีพื้นที่บางส่วนที่เลยออกไปหน่อยปรากฎหอคณิกาที่ค่อยบรรเลิงเพลงให้ล่องลอยไปตามสายลม หอคณิกานี้จะขายแต่เวลาชมดนตรี ศิลปะและการแสดงเท่านั้น ถ้าต้องการมากกว่านั้นต้องเข้าไปลึกอีกสัหน่อยจะมีหอโคมแดงไว้บริการสำหรับชายหนุ่มหรือหญิงสาวที่โสดหรือไม่โสดไว้รองรับ
เมืองหลวงอเคเซียมีลักษณะเป็นทรงกลมจึงแบ่งเขตต่างๆออกเป็นสี่ส่วนโดยตรงกลางเป็นลานกว้างที่มีหินอเคเซียตั้งอยู่ ทางด้านเหนือเป็นที่อยู่ของเหล่าราชวงศ์และขุนนางรวมถึงเป็นที่ตั้งของปราสาทและหน่วยงานสำคัญๆทั้งหลายเพราะด้านหลังติดแนวเทือกเขาทำให้โดนโจมตีได้ยาก ทางใต้เป็นเขตการค้าและกิลด์ต่าง ทิศตะวันออกเป็นเขตทางการทหารและกิลด์ต่างๆ ส่วนทางตะวันตกเป็นเขตแหล่งบรรเทิงและการพักผ่อน
สถานที่ที่พวกเขาไปเรียกว่าสวนสายหมอก มันเป็นสวนเล็กๆที่อยู่ทางด้านในของสวนดอกไม้ทั้งหลาย มันเป็นสวนขนาดสองไร่กว่าๆ มีต้นไม้ใหญ่สองต้นยืนอยู่ภายในสวนเป็นจุดที่ให้ล่มเงาของสวน ต้มไม้สองต้นนี้คือต้นสายหมอก มันเป็นต้นไม้ที่แปลกประหลาดมันจะปล่อยหมอกจางๆที่มีมานาเข้มข้นออกมาในระยะที่กิ่งก้านและใบของมันไปถึง โดยหมอกจะไหลลงมาจากกิ่งของมันก่อนจะไปรวมตัวกันอยู่บริเวณพื้นดินมีความสูงประมาณข้อเท้าเท่านั้น
ต้นสายหมอกมักจะปรากฎในป่าลึกที่มีสัตว์เวทจำนวนมาก มันใช้หมอกมานานี้ในการล่อพวกสัตว์เวทให้สู้กันเองแล้วค่อยเพิ่มปุ๋ยให้มัน สวนแห่งนี้ได้ใช้ประโยชน์จากหมอกมานานี้ด้วยการปลูกดอกไม้ที่ต้องใช้มานาในการหล่อเลี้ยซึ่งส่วนมากเป็นดอกไม้หายากและราคาแพง บางชนิดเป็นวัตถุดิบชั้นสูงเสียด้วยซ้ำ แต่ก็มีการป้องกันที่แน่นหนาโดยขุนนางที่มีอำนาจเพื่อป้องกันการขโยมวัตถุดิบล้ำค่า
"ยินดีต้อนรับเข้าสู่สวนสายหมอกค่ะ" หญิงสาวในชุดพนักงานสีชมพูทักทายกลุ่มของชายหนุ่มที่กำลังเดินเข้าสู่ทางเข้าสวนสายหมอก
ด้านสวนตรงทางเข้าเป็นจุดที่ต้องตรวจสอบบัตรแสดงตนเพื่อบันทึกข้อมูลและตรวจสอบผู้เข้าชมสวนในทุกวันเพื่อป้องกันการลักลอบเข้าสวนสายหมอกแห่งนี้ สองสาวและข้ารับใช้ไม่มีอะไรผิดปรกติแต่ชายหนุ่มกลับถูกพนักงานหญิงที่ค่อยตรวจบัตรกักตัวไว้
"ไม่เป็นไร ลิลลี่และพี่โรสไปหาที่ก่อนเลยก็ได้ ดูลันดูแลนายหญิงด้วย" เขายิ้มให้ทุกคนก่อนจะเดินตามหญิงสาวเข้าไปในห้องกักตัวด้านข้างของทางเข้าสวนนั้นเอง
เมื่อเข้ามาในห้องแล้วด้านในก็มีหญิงวัยกลางคนทรงโตใส่ชุดพนักงานรัดๆนั่งอยู่ภายในห้อง เธอเป็นผู้หญิงที่สวยสมวัยด้วยรูปร่างที่ใหญ่และมีส่วนสูงเกือบหนึ่งร้อยแปดสิบเซนติเมตรทำให้เธอเหมือนนางพญาเลยทีเดียว ห้องนี้เหมือนห้องรับรองที่มีโชฟาหนึ่งชุดและอุปกรณ์เวทย์ทำความเย็นและโคมไฟเวทมนตร์เท่านั้น ผมถูกเชิญนั่งที่โซฟาด้านตรงข้ามกับผู้หญิงคนนั้นด้วยพนักงานที่ครรชิตเข้ามา
เมื่อเขานั่งลงแล้ว เธอเงยหน้ามามองเขาก่อนที่จะรับเอาเอกสารและบัตรแสดงตนของเขาไปจากพนักงานสาว "ออกไปก่อนขอคุยเป็นการส่วนตัวสักครู่"
"ค่ะ" พนักงานหญิงหันมายิ้มให้เขาก่อนจะออกจากห้องไป
"ขอยืนยันข้อมูลอีกครั้ง" เธอจ้องตาครรชิต แต่ตาของเขานี้สิมันอยากจะจ้องอย่างอื่นมากกว่า ถึงแม้ดวงตาของเธอจะมีสีม่วงอเมทิสต์ที่หาได้ยากเพราะกรรมพันธุ์ของคนในอาณาจักรนี้มักจะมีสีน้ำตาลและเขียวเป็นส่วนใหญ่ เข้าเองก็มีดวงตาสีน้ำตาล
"เธอชื่อ บิชอบ จูเนียร์ ดิ แอสลาส อายุสิบปีใช่ไหม" เธอยังคงจ้องตาเขาอย่างไม่กระพริบตา
"ครับ" เขาตอบอย่างหนักแน่นและไม่ลังเลใจถึงแม้จะเผลอละสายตาไปส่องบางอย่างในเสี้ยวนาทีสุดท้ายก็ตาม
"ดูเหมือนตระกูลแอสลาสจะเป็นคนยักษ์กันทั้งตระกูลนะ" เธอถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะเอนหลังไปพิงโซฟาทำให้ภูเขาไฟสั่นไปมาเหมือนมันจะระเบิด
"อย่าคิดอะไรลามกๆเชียวละ" เธอจ้องมองเขาก่อนจะยิ้มอย่างรู้ทัน
"ถ้านับตามลำดับญาติแล้ว ข้าเป็นอาของเจ้า ข้ามีชื่อว่าอเมทิสต์ ดิ แอสลาส" สิ้นเสียงของเธอความคิดอกุศลทั้งหลายตาช่างหายไปจากหัวครรชิตในทันที
ครรชิตอ้าปากค้างก่อนจะหุบปากได้ในเวลาต่อมา เมื่อเข้าสักเกตหน้าตาเธอดีๆเธอก็มีโครงหน้าคล้ายท่านพ่อเขาอยู่เหมือนกัน แต่สีผมและสีตาเธอแตกต่างจากพ่อของเขาเกินไป เธอมีผมสีน้ำตาลแดงแทนทีจะเป็นสีแดงส้มอันเป็นสัญลักษณ์ของคนในตระกูลแอสลาสอย่างหนึ่ง ตาของเธอเป็นสีม่วงอเมทิสต์แตกต่างจากพ่อและเขาที่มีสีน้ำตาล แม้ว่าเธอจะมีรูปร่างสูงใหญ่เกินส่วนสูงผู้หญิงทั่วไปมากก็ตาม
"ท่านอา?" เขาถามออกไปอย่างมึนงง เขามีญาติอยู่เมืองหลวงด้วยรึ
"ใช่ ข้านี้แหละอาเจ้า พ่อเจ้าไม่ได้บอกหรอว่าข้าอยู่ในเมืองหลวงนี้" คลับคลายคลับคลาว่าท่านพ่อเคยบอกว่ามีน้องสาวต่างมารดาอยู่ในเมืองนี้อยู่เหมือนกัน หลังจากที่ท่านกลับมาครั้งล่าสุดว่าอยากไปเที่ยวที่ไหนให้ลองมาหาน้องสาวท่านดูอยู่เหมือนกัน
"อ่า ข้าไม่แน่ใจอาจจะบอกแล้วก็ได้ละมั้งครับ" ข้าตอบไปด้วยรอยยิ้มเจื่อนๆ
"ให้ตายสิเหมือนกันทั้งพ่อทั้งลูกเลย" เธอยิ้มอย่างเอ็นดูไปให้เด็กชาย
"ช่างมันเถอะ ว่าแต่ข้าขอยินดีด้วยกับงานหมั้นหมายด้วยละหลานชาย" เธอลูบหัวผมเบาๆด้วยการโน้มตัวลงมา
ครรชิตอดหน้าแดงไม่ได้ถึงแม้ในโลกเก่าจะเคยผ่านมาเยอะแต่นี้เป็นครั้งแรกในโลกนี้ที่เห็นเต็มๆตาขนาดนี้
"ทะ ท่านอา" เขาส่งเสียขออกไปอย่างสั่นๆ
"โทษทีจ๊ะ" เธอขยิบตาให้ก่อนจะกลับไปนั่งที่เดิมก่อนจะส่งบัตรแสดงตนคืนให้ผม "ชมสวนให้สนุกนะมีอะไรเรียกได้เสมอ นี้เป็นสวนที่อาเป็นหุ้นส่วนกับเพื่อนของอาเอง"
"ครับ" เขาออกจากห้องไปโดยมีพนักงานหญิงที่มาส่งนำทางไปยังสถานที่ที่ลิลลี่และพี่โรสอยู่
"ท่านพี่ ข้าไม่รู้จะช่วยท่านยังไงดี" อเมทิสต์ถอนหายใจอย่างหนักก่อนจะมองไปเอกสารส่วนตัวของหลานชายเธอ "อย่างน้อยข้าก็ปกป้องลูกท่านได้อยู่บ้าง"
เขาเดินตามพนักงานหญิงจนไปถึงส่วนในของสวนที่มีต้นสายหมอกแผ่กิ่งก้านอยู่ ในมุมหนึ่งของสวนมีโต๊ะน้ำชาเตี้ยๆตั้งอยู่ที่นั้นมีหญิงสาวสองคนกำลังดื่นชาอย่างช้าๆ และมีเด็กชายและเด็กหญิงนั่งอยู่ไม่ไกลมากนัก
ครรชิตเดินยิ้มเข้าไปหาสองสาวอย่างช้าๆ เขานั่งลงตรงกลางระหว่างพวกเธอเพราะมันมีเบาะรองนั่งเพียงสามชิ้นเท่านั้น ชิ้นสุดท้ายมันว่างอยู่ระหว่างพวกเธอนั้นเอง
"เป็นอะไรไหมพี่จูเนียร์" ลิลลี่เอามือมาแต่ไปที่หน้าผากก่อนไล่ไปที่อื่นๆอีกหลายๆที่
"ข้าไม่เป็นไร ลิลลี่! เจ้าจับตรงไหนกัน" เขาจับข้อมือของเด็กสาวตัวน้อยที่กำลังลูบไล่ลามตั้งแต่หน้าอกไปถึงหน้าท้องของเขาไว้อย่างรวดเร็ว
"บู้~ ข้ากำลังเช็ดจุดสำคัญอยู่เชียว" ลิลลี่ยิ้มอย่างทะเล้นๆก่อนจะเอามือออกไปแล้วเริ่มตักเค้กชิ้นเล็กเข้าปากเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
"นั้นสินะ ต้องเช็คตรงนั้นอย่างดี" เสียงบ่นเบาๆดังออกมาจากปากของพี่โรส ก่อนที่ดวงตาของเธอจะวาวโรจน์แล้วพุ่งเข้าใส่ชายหนุ่มทั้งตัว
"เฮ้ย! พี่โรส!" เขารับการโถมตัวอย่างหนักหน่วงนี้ด้วยการเอนตัวไปด้านหลังเล็กน้อยจะได้ไม่เจ็บตัวกัน แต่ใครจะไปคาดคิดเขาถูกหญิงสาวขึ้นคร่อมโดยที่หัวของเธอซุกอยู่หน้าอกของเขาแน่นไม่ยอมปล่อย
เขากอดเธออย่างแผ่วเบา แล้วค่อยๆดันตัวลุกขึ้นและแยกตัวพี่โรสที่หน้าแดงจนถึงลำคอออกไปก่อน จากนั้นก็จัดท่าทางและเครื่องแต่งของทั้งพวกเขาให้เรียบร้อยเหมือนไม่มีอะไรเกิด เขาได้แต่คิดในใจว่าเขาเริ่มโดนสองสาวรุกหนักขึ้นทุกวันดีที่กลางคืนเขายังไม่โดนจู่โจม
ในตอนแรกพวกเธอยังเขินอายและไม่กล้าอยู่เลยแท้ๆ ไม่รู้เพราะอะไรสองสามวันต่อมาพวกเธอเริ่มมาจับมือถือแขนของเขาในบางครั้งเวลาอยู่สองต่อสองหรืออยู่ด้วยกันสามคน นานเข้าพวกเธอเริ่มมากอดมาอ้อนเข้าจนในที่สุดถึงขนาดกอดเขาต่อหน้าทุกคนโดยไม่สนสายตายคนอื่นเลยทีเดียว
ครรชิตอาจจะไปรู้แต่ตัวการไม่ใช่ใครที่ไหนท่านป้าเซเรน่านั้นเองที่ค่อยกระตุ้นเตือนสองสาวว่าระวังจูเนียร์จะไปหาผู้หญิงอื่น ก่อนจะสอนการมัดใจสามีให้กับพวกเธอที่ละนิดทีละน้อยจะกลายเป็นนิสัยในที่สุด
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ส่วนพี่พ่อ เรียกลุงกับป้าครับ
แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 25 สิงหาคม 2559 / 10:04
เอ็งก็เสร็จซิ ครรชิต!!!
อยากให้พระเอกของเรารู้ตัวเร็วๆจัง
ว่ากำลังจะเจอปัญหาใหญ่แล้ว
ถ้าไม่รีบๆฟรามเวลเร็วๆอาจจะไม่รอด555
ขอบคุณค่ะ