บทที่ 1 : ลางร้ายเริ่มปรากฎ
ภายในห้องนั่งเล่มมีสองชายและหนึ่งหญิงสาวกำลังทำหน้าตาเคร่งเครียด แผ่บรรยากาศอันน่าอึดอัดออกมาทั่วทั้งห้อง
"เจ้าได้ข่าวมาแล้วสินะ เซเรน่า" ชายรูปร่างกำยำร่างกายเต็มไปด้วยแผลเป็นเอ่ยถามหญิงสาวคนเดียวที่นั่งอยู่ในห้องแห่งนี้
"ข้าเกรงว่าข่าวที่ข้าได้มาจะเป็นข่าวร้าย" หญิงสาวทำหน้าอึดอัดใจก่อนจะมองหน้าสามีของนางที่นั่งอยู่ข้างๆ
"เล่ามาเถอะเดี๋ยวข้าจะช่วยเหลือเพื่อนสนิทของข้าเอง" ชายที่อวบอ้วนแต่ภายใต้ชั้นไขมันยังพอเห็นถึงกล้ามเนื้อที่อัดแน่นอยู่ภายในได้อย่างชัดเจน
"ในที่ สามสิบเดือนสี่ปีหน้าตระกูลแอสลาสจะจัดการชุมนุมครั้งใหญ่เพื่อหาหัวหน้าตระกูลคนต่อไป และหาผู้แข็งแกร่งในรุ่นเยาว์อีกครั้งเพราะผู้อาวุธโสและคนที่มีสำคัญๆในปัจจุบันได้เสียชีวิตลงไปมากจากการต่อสู้กับมังกรอิกนอส"
หลังจากได้ยินสิ่งที่หญิงสาวพูดออกมาชายหนุ่มรูปร่างกำยำถึงกับทรุดตัวลงไปอย่างหมดแรง แผนการณ์ที่วางเอาไว้ถึงกับพังทลายลงหมด ทั้งๆที่เขาคิดไว้ว่าถ้าเป็นการชุมนุมทั่วไปทางฝ่ายนั้นคงไม่ใช้ตราแสดงตระกูลในการค้นหาผู้คนในตระกูลเพื่อเข้าต่อสู้แต่นี้เป็นการชุมนุมครั้งใหญ่ไม่ว่าจะเป็นคนแก่หรือเด้ก ไม่เว้นแม้กระทั่งสตรีตระกูลแอสลาสจะต้องเข้าไปรายงานตัวทุกคน! ถึงแม้จะออกไปแล้วก็ตาม!
จากผู้คนไม่กี่ร้อยคนจะกลายเป็นพันคนอย่างแน่นอนและจะต้องเปิดสนามประลองของตระกูลใหญ่อีกด้วย เขาได้รับบาดเจ็บจากที่นั้นจนฝันถึงกับพังทลาย เขาจะไม่ยอมให้ลูกชายเขาต้องเจอแบบเดียวกันแน่!
"เจ้าใจเย็นๆก่อนบิชอบ ยังมีเวลาอีกมาเราสามารถช่วยลูกชายเจ้าให้แข็งแกร่งขึ้นได้อีก" ดีลพยายามปลอบใจบิชอบที่กำลังจมลงสู่ห้วงอดีต
"เจ้าไปต้องห่วงหรอกยังไงพวกข้าก็ต้องดูแลจูเนียร์อย่างดีอยู่แล้ว" เซเรน่ายิ้มอย่างอ่อนโยนไปให้บิชอบ
"ข้าไม่เป็นไรแล้ว แต่ว่าเรื่องยาของข้า" บิชอบได้ฝืนยิ้มออกมาก่อนจะถามในสิ่งที่เขาต้องการทราบอย่างเร่งด่วนในตอนนี้
"ข้าไม่รู้ว่าจะเป็นข่าวดีหรือข่าวร้าย" เซเรน่าถอนหายใจออกมา
"ไม่ต้องห่วงข้ารับได้หมดในตอนนี้"
"ยาสามวิญญาณทางกิลด์เทพโอสถปล่อยออกมาสิบเม็ดในปีนี้ แต่ประมูลในโรงประมูลขนาดใหญ่เท่านั้นไม่มีสำหรับโรงประมูลขนาดกลางเลยแม้แต่เม็ดเดียว"
"เอาเถอะยังไงข้าก็ต้องได้มันมาเพื่อรักษาชีวิตข้า"
ในหลายปีที่ผ่านมานี้เข้าได้เม็ดยาสามวิญญาณจากการช่วยเหลือของแคสเตอร์ที่ค่อยซื้อยาเม็ดสามวิญญาณจากพวกลูกศิษย์ที่นำยาเข้าประมูลในราคาสูงกว่าราคากลางเล็กน้อย แต่เมื่อส่งให้แต่โรงประมูลขนาดใหญ่เขาจึงไม่มีโอกาศซื้อมันอย่างลับๆกับลูกศิษย์คนนั้นอีก
ในห้องนั่งเล่นตกสู่ความเงียบอีกครั้งก่อนที่แต่ละคนจะแยกย้ายไปทำหน้าที่ของตน เซเรน่าค่อยดูและร้านและดีลกับบิชอบออกจากบ้านไปพร้อมกลุ่มทหารรับจ้างที่รออยู่หน้าร้านออกไปยังที่ไหนสักแห่งหนึ่งในอาณาจักรอเคเซียนี้
ด้านนอกในลานกล้างใต้ต้นไม้มีเด็กสาวสองคนกำลังกวัดแกว่งไม้คถาสีน้ำตาลที่มีอัญมณีขนาดเท่ากำปั้นเด็กสีออกแดงเขียวไปมาในท่าทางต่างๆ ข้างกันนั้นมีเด็กชายผมแดงส้มกำลังเรียงหนังสือจำนวนเกือบสี่สิบเล่มและกำลังเก็บมันเข้าแหวนมิติบนนิ้วมือ ปรากฎหลุมดำขนาดพอดีกับกองหนังสือก่อนที่กองหนังสือจะหายเข้าในหลุมดำนั้น
"พวกเจ้าจะไม่ฝึกกันหรอ" เด็กชายถามสาวๆที่กำลังทำท่าทางเหมือนร่ายเวทย์อะไรสักอย่าง แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเพราะไม่มีเสียงร่ายเวทย์ดังออกจากปากพวกเธอ
"ขอข้าเล่นเป็นนักเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่ก่อน" ลิลลี่แอ่นอกขึ้น เชิดหน้า ก่อนจะแกว่งคถาในมือที่สูงเกือบหนึ่งในสามของความสูงตัวเองในอากาศอย่างช้าๆ
"คิกๆ" พี่โรสแมรี่ขำกับท่าทางของน้องสาว ส่วนข้านะหรอถอนหายใจออกมาเลยทีเดียวละพร้อมกับคิดในใจ'ยิ่งใหญ่อะไรกันไม้กระดานชัดๆ' แต่เขาไม่ได้พูดออกไปหรอกเขายังไม่อยากได้แผลทีหัวด้วยคถาในมือเด็กสาว และถึงเขาโดนฟาดจะเจ็บรึเปล่าก็ไม่แน่ใจนัก
"ปล่อยลิลลี่ไปเถอะ เจ้าลองเรียกลูกบอลมานาออกมาสิ เดียวข้าช่วยแน่นนำ"
"อืม" ข้าพยักหน้าก่อนจะเรียกลูกบอลสีขาวที่มีหมอกลอยอยู่ภายในออกมามันไม่ค่อยมีรูปร่างกลมนักและพร้อมสลายลงทุกเมื่อ
ลูกบอลมานายิ่งขุ่นเท่าใดยิ่งแสดงให้เห็นว่าอยู่ขั้นไหนของผู้ฝึกฝนเวทย์ หมอกสีขาวขุ่นแสดงให้เห็นว่ากำลังจะเลื่อนเป็นขั้นสูงแล้ว โดยเริ่มเรียงจากใสและมีหมอกจางมากๆจะเป็นขั้นต้น เมื่อเห็นหมอกภายในชัดเจนก็เข้าสู่ระดับกลาง และหมอกเข้มจนไม่เห็นภายในก็เข้าสู่ขั้นสูง
"อืมๆๆ ใกล้จะเลื่อนระดับเป็นระดับสูงแล้วสินะ ใกล้จะแซงข้าแล้วด้วย ช่วยไม่ได้เจ้ามีระดับขั้นพลังมานาเริ่มต้นสูงกว่าข้านี้นะ" พี่โรสกล่าวด้วยเสียงตัดพอนิดหน่อยก่อนจะยิ้มให้ข้าแล้วยี้หัวยุ่งๆสีแดงส้มอย่างมันเขี้ยวจนมันเสียทรง
"พี่เอาอีกแล้วนะ" ข้าบ่นด้วยสีหน้ายุ่งๆ ก่อนจะจัดทรงผมให้เข้าที่เข้าทาง เขาโดยแบบนี้บ่อยๆเมื่อการฝึกก้าวหน้าขึ้น
อย่างที่พี่โรสบอก เธอมีระดับขั้นมานาเริ่มต้นที่ขั้นหนึ่งระดับสอง การจะฝึกเวทย์ถือว่าผ่านแบบฉิวเฉียด คนที่ระดับขั้นมานาต่ำกว่าหนึ่งไม่สามารถฝึกทางเวทย์ได้ยกเว้นจะฝึกนักรบมนตราโดยคนที่จะฝึกนักรบมนตราได้ก็ต้องมีระดับขั้นมานาในระดับขั้นศูนย์ระดับห้าขึ้นไปเท่านั้น พี่โรสสามารถฝึกเวทย์ได้แต่ต้องใช้เวลาและทรัพยากรที่มากกว่าคนที่มีระดับขั้นมานาสูงกว่าเธอ
ลิลลี่อายุยังไม่สิบขวบดังนั้นยังไม่สามารถวัดระดับขั้นมานาเริ่มต้นของเธอได้แต่ก็ไม่น่าจะมากกว่าพี่สาวเท่าไรนัก ตอนนี้พี่โรสมีระดับขั้นมานาที่ขั้นสามระดับแปดหรือระดับเก้าแล้วละมั้ง เมื่อถึงระดับสิบก็ไปปลุกพลังธาตุในตัว ส่วนเขาขั้นหกระดับหกแล้วแต่ยังไม่ได้ปลุกธาตุตอนนี้เข้าใช้เวทย์ได้แรงมากกว่าคนทั่วไปถึงสองเท่า
เขาสลายลูกบอลมานาเมื่อผ่านเกือบหนึ่งนาที เพื่อให้พี่โรสไม่คิดมากเมื่อยังไม่ได้ระดับสูงกว่าเธอ เธอเห็นดังนั้นก็เริ่มแนะนำให้ข้าควบคุมพลังได้ดีขึ้น เขารับฟังและทำตามที่เธอสอนแม้ว่าความรู้ของเขาจะไปไกลกว่าเธอแล้วก็ตาม
"ลิลลี่มาฝึกได้แล้ว เจ้าอย่าทำตัวขี้เกียจแบบนี้นะ" พี่โรสแย่งเอาคถามาเก็บไว้กับตัวเองแล้วเริ่มร่ายยาวเพื่อให้ลิลลี่สำนึกแต่สิ่งข้าเห็นคือลิลลี่เอาแต่ก้มหน้าบ่นพึมพำคนเดียวก่อนจะพยักหน้าเป็นบ้างครั้ง ข้าได้แต่ยิ้มให้ทั้งคู่โดยไม่ห้ามหรือไปยุ่งเกี่ยวกับทั้งสองคน
"ก็ได้ๆ ข้าฝึกแล้ว ชิ" เธอสะบัดผมทวินเทลของเธอไปมาก่อนจะนั่งขัดสมาสแล้วรวบรวมมานาต่อ
เมื่อพี่โรสเห็นดังนั้นเธอก็เรียกลูกบอลมานาขึ้นมาแล้วเริ่มประคองมันอย่างช้าๆก่อนจะหลับตาเข้าสู่ห้วงสมาธิไป ส่วนเขาหลังจากเห็นทั้งคู่หลังตาเข้าสู่สมาธิก็เริ่มโคจรมานาไปตามจุดชีพจรต่างๆทั่วทั้งร่างกายแม้จะมีความเจ็บปวดบางในบางครั้งแต่เขาก็ไม่ส่งเสียงออกมาให้สองสาวรู้ตัว
บรรยากาศใต้ต้นไม้ยังคงสงบที่สุดในบ้านเช่นเคย แต่ที่รอบกายของเด็กชายกลับมีสภาพแปลกประหลาด เมื่อเขาเริ่มโคจรมานาบริเวณรอบๆตัวเขาก็เหมือนมีมวลอากาศที่บิดเบี้ยวปรากฎให้เห็นเป็นระยะๆ และบิรเวณนั้นมานาในธรรมชาติเหมือนถูกดึงดูดให้เข้าไปยังอากาศที่บิดเบี้ยวนั้น จนคลายกับเด้กชายเป็นจุดศูนย์กลางของหลุดดำอย่างไรอย่างนั้น
นอกจากครรชิตจะได้พลังลมปราณเพิ่มมากขึ้นมันยังส่งผลให้สองสาวได้รับมานาที่หนาแน่นมากกว่าปรกติทำให้พลังมานาของสองสาวเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆโดยไม่มีใครรู้ตัว แม้แต่ผู้ใช้เวทย์ขั้นสูงก็ไม่เห็นนอกเสียจากจะมีตาเวทย์ ซึ่งต้องใช้เวลานานในการเรียนรู้ทักษะตาเวทย์นี้ อาจจะฟังดูเหมือนผนึกมานาไว้ที่ตาก็เพียงพอ แต่ที่จริงแล้วเป็นการใช้วงจรมานาในร่างกายเพื่อก่อประโยชน์ ซึ่งวงจรในร่างกายสิ่งมีชีวิตถือเป็นศาสตร์ขั้นสูงของการฝึกเวทย์เลยที่เดียว
เวลาผ่านไปอย่างช้าจนในที่สุดก็มีเด้กรับใช้เรียกทั้งสามคนในหลุดจากสมาธิเพื่อรับประทานอาหารเช้า
เมื่อไปถึงก็พบเพียงแต่ป้าเซเรน่าเพียงคนเดียวในห้องอาหาร
"ท่านพ่อกับท่านลุงละครับ ป้าเซเรน่า" ข้าถามด้วยความแปลกใจเมื่อพวกเข้าหายตัวไปอีกครั้ง
"ออกไปทำธุรกิจกันนะ แล้วก็ออกไปเที่ยวตามประสาคนหนุ่มด้วยละมั้ง" ป้าเซเร่นาตอบด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนก่อนจะให้เด็กรับใช้เสิร์ฟอาหารให้พวกเรา
ครรชิตได้แต่คิดในใจว่า'เพิ่งหายดีก็ออกไปซ่ากันอีกแล้วรึ' แต่ก็ไม่ได้พูดออกมา เขาเป็นห่วงเล็กน้อยแต่ก็ไม่มากเพราะตนได้ได้ใช้ยาไปหลายขวดสำหรับคนหลายสิบคนให้ทั้งสองไว้แล้ว รวมถึงป้าเซเรน่าและสองสาวอีกด้วย เพราะกำไรจากการขายยาเมื่อวานได้เปลี่ยนไปเป็นวัตถุดิบและอุปกรณ์เวทย์ปรุงยาอีกหลายอย่าง ส่วนเงินที่เหลือจากการใช้จ่ายค่าวัตถุดิบและอุปกรณ์เวทย์ปรุงยาระดับกลางก็เก็บไว้ใช้ฉุกเฉิน
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ปล. แก้คำผิด ไม้คถา --> ไม้คฑา