ตอนที่ 149 : ความสงบก่อนพายุจะก่อตัว
บทที่ 4 : ความสงบก่อนพายุจะก่อตัว
พายุและลมฝนไม่เป็นใจในช่วงฤดูทำไร่ในปีนี้ ครอบครัวของเด็กหนุ่มคนหนึ่งต้องออกล่าสัตว์เวทและหาสมุนไพรป่าไปขายแทนการเพาะปลูกพืชไร่ ด้วยการทำงานหนักขึ้นเป็นสองเท่าเพื่อให้ครอบครัวของพวกเขาอยู่ได้
หมู่บ้านแห่งนี้เป็นหมู่บ้านเล็กๆที่ตั้งอยู่มากกว่าสิบปีแล้ว แต่ทว่าความก้าวหน้าของหมู่บ้านกลับถดถอยลงทุกปี ยิ่งผ่านไปนานเท่าใดผู้คนที่อยู่อาศัยที่นี้เริ่มน้อยลง คนที่สัญจรผ่านไปมากก็ลดลงเป็นอย่างมาก
ด้วยความที่ว่าเป็นเพียงหมู่บ้านเกษตรกรรมขนาดเล็ก และตั้งอยู่ในพื้นที่หุบเขาลึกหลายร้อยกิโลเมตรจากเมืองใกล้ๆ เมืองที่ใกล้ที่สุดก็ต้องใช้เวลาถึงสามวันในการเดินทาง
นอกจากระยะทางที่ไกลแล้ว มันต้องผ่านหุบเขาที่เต็มไปด้วยสัตว์เวทระดับกลางอีก ทำให้พ่อค้าที่คอยรับซื้อสินค้าจากหมู่บ้านมาน้อยลง ตามผลผลิตที่ขายออกมาที่ลดลงเป็นอย่างมาก จากที่เดือนละสองครั้งเป็นเดือนละครั้งเท่านั้น
"ท่านพ่อ" เด็กหนุ่มเรียกผู้เป็นบิดา ซึ่งทั้งคู่กำลังเดินทางออกไปล่าสัตว์เวทระดับหนึ่งและสองในป่าใกล้ๆหมู่บ้านด้วยกัน
"มีอะไรรึ เจ้าลูกชาย" ผู้เป็นพ่อยีหัวลูกชายเบาๆ ก่อนจะเดินนำผู้เป็นลูกเขาไปในป่า
"วันนี้เราจะล่าอะไรกันบ้างครับ ข้าอยากกินกวางใบมีดอีกสักครั้งจัง" แววตาของเด็กชายเด็มไปด้วยความหวัง
ผู้เป็นบิดาได้แต่มองดูความหวังของลูกชายอย่างอบอุ่น แต่ในใจของเขากลับกังวลเป็นอย่างมาก เพราะเขาเป็นเพียงนักรบระดับกลางเพียงเท่านั้น การจะล่ากวางเขาดาบอย่างน้อยต้องใช้เขาถึงสามคนเลยทีเดียว และครั้งที่แล้วเขาก็ได้รับความช่วยเหลือจากกับดักของบุคคลลึกลับกลุ่มหนึ่ง
พวกมันวางกับดักและจับกวางเขาดาบและกวางใบเลื่อยได้หลายสิบตัว พวกมันทิ้งไว้สองสามตัวให้กับเขาพร้อมด้วยคำพูดที่ทำเอาเขาขนลุกซู
'ดูเหมือนว่าเจ้าจะเป็นตัวล่อที่ดีเลยทีเดียว' มันหัวเราะแล้วตบบ่าชายวัยกลางคนเบาๆ ก่อนจะเดินจากไปพร้อมกับกลุ่มคนของเขา
ตั้งแต่ที่พวกมันวางกับดักและชำแหละกวางเขาดาบ เขาไม่รู้สึกถึงการคงอยู่ของพวกมันสักนิดเดียว จนถูกแตะบ่าและกรอกคำพูดให้ฟัง นั้นจึงทำให้เขารับรู้ถึงการคงอยู่ของกับดักและคนอีกหลายสิบคน
"ถ้าเราโชคดีคงได้อะไรกลับมาบ้างแหละน่า รีบไปกันดีกว่า" ชายหนุ่มสบัดหัว ก่อนจะออกเดินไปยังกับดักที่เขาได้รับจากพวกคนกลุ่มนั้นชุดหนึ่ง
"ครับท่านพ่อ"
สองพ่อลูกหายเข้าไปในป่าที่ด้านเหนือของหมู่บ้าน ด้วยความที่หมู่บ้านของพวกเขาอยู่เหนือสุดของแผนที่สำรวจเมื่อปีที่แล้ว ทำให้มันกลายเป็นหมู่บ้านใกล้กับป่าโบราณมากที่สุดอีกด้วย
หมู่บ้านนี้เองก็ได้รับผลกระทบจากการที่พบสัตว์เวทระดับเจ็ดชนชั้นราชาเทียมที่บาดเจ็บสาหัส ทำให้มันมีรายได้และเงินทุนกองกลางอยู่จำนวนมาก จำยังคงประคองหมู่บ้านไม่ให้ล่มไปได้อยู่
แต่ทว่าหมู่บ้านอีกหลายหมู่บ้านรอบๆนี้กลับไม่โชคดีเท่า บ้างหมู่บ้านก็กลายเป็นหมู่บ้านร้าง บางก็ไปรวมกันกับหมู่บ้านใกล้เคียงเพื่อเอาตัวรอดก็มี จนจำนวนหมู่บ้านที่พอจะรู้ได้อย่างคราวๆคือมีเพียงสิบกว่าจากเกือบครึ่งร้อยในแถบนี้ ที่ยังคงตั้งเป็นหมู่บ้านได้อยู่
ในขณะที่เขตทางเหนือประสบภัยแล้งติดต่อกันหลายปี บริเวณรอบเมืองหลวงกลับเกิดการปล้นกันหนักกว่าเดิมเสียอีกในเดือนสองเดือนที่ผ่านมา ไม่ใช่อะไรเลยเพราะพื้นที่เกือบทั้งหมดของอาณาจักรอเคเซียและอาณาจักรใกล้เคียง กำลังเผชิญภัยแล้งเหมือนกันทั้งสิ้น
ปรกติแล้วเหตุการณ์เช่นนี้จะเกิดทุกๆสิบปี แต่ทว่าคราวนี้มันกลับมาไวกว่าทุกครั้งถึงหนึ่งปีเลยทีเดียว ทำให้ไม่มีใครเตรียมตัวกับมันได้ทัน จนเกิดการจารจลและการอพยพครั้งใหญ่เลยทีเดียว
ทำให้เมืองแต่ละเมืองมากล้นไปด้วยประชาชนที่เข้ามาทำงาน ทำให้ภัยพิบัติสิ้นปีจะรุนแรงกว่าเดิมเป็นอย่างมาก ด้วยประชาชนที่ล้นทะลักเมืองหลวงและเมืองใกล้เคียง จนพื้นที่เมืองขยายออกไปอีกชั้นเป็นชั้นที่ประชาชนอพยพอาศัยอยู่ ซึ่งมันอยู่นอกกำแพงเมืองไปอีกชั้นหนึ่ง
มีเพียงกำแพงไม้ที่สร้างอย่างลวกๆเท่านั้นที่คอยกันพวกเขาจากสัตว์เวทที่จะบุกมา ซึ่งทั้งกำแพงและหอคอยไม้ตอนนี้ก็กำลังถูกเสริมด้วยหินและดินไปได้หลายส่วน ด้วยกำลังของชาวบ้านและทหารใหม่ทั้งหลาย
การที่ประชาชนหนีมาหลบในเมืองเช่นนี้ไม่ใช่เพียงหลบภัยแล้งเท่านั้น แต่หลบการคลุ้มคลั่งของสัตว์เวทจากสภาพอากาศอีกด้วย และยังสามารถป้องกันตัวเองจากพวกโจรที่ออกปล้นมากขึ้นในช่วงนี้อีกด้วย
ถึงแม้จะมีกลุ่มโจรออกอาละวาดแต่มันก็เป็นกลุ่มโจรเล็กๆเท่านั้น ซึ่งมีทั้งนักผจญภัยและทหารรับจ้างที่ออกไปล่าค่าหัวพวกมันอยู่ทุกวัน ถึงแม้จะปราบได้ไม่หมดไม่สิ้นเสียที แต่ก็ไม่ทำให้พวกมันมีกำลังพลมากขึ้นสักเท่าใด
ทำให้สถานการณ์โดยรวมของอาณาจักกรยังคงเงียบสงบอยู่ องค์ราชาได้ขึ้นปกครองบัลลังก์ต่อไปอีกครั้ง ส่วนสาเหตุของการประชวรไม่มีใครทราบแน่ชัด แต่ก็เริ่มดำเนินการสืบสวนอย่างลับๆอยู่ตลอดเวลา
"เวรเอ๊ย! กองทหารมาจากไหนกันเยอะแยะ" หนึ่งกลุ่มคนชุดดำกล่าวขึ้น ที่ด้านหลังมีทหารในชุดเกราะเงินกำลังไล่ล่าพวกมันอยู่นับสิบกลุ่ม
"อย่ามั่วแต่พูด รีบวิ่งหนึไปซ่อนเร็ว พวกมันเยอะกว่าและแข็งแกร่งพวกเรามากนัก ต้องหลบซ่อนให้ดีแก้มือวันหน้ายังไม่สาย" หนึ่งในกลุ่มคนชุดดำพูด ก่อนพริ้วตัวหายไปในไม้ที่หนาทึบ ซึ่งไม่สะดวกต่อการตามต่อของทหารในชุดเกราะอัศวินสักเท่าใดนัก
"บัดซบ! มันกล้าทิ้งข้าไว้ล่อพวกทหารงั้นหรอ อย่าให้เจอตัวอีกนะ" มันสบถออกมาก่อนจะวิ่งหายเข้าไปในป่าลึก พร้อมกับกลุ่มทหารนับสิบคนที่ตามมันไป เช่นเดียวกันกลุ่มของพวกมันที่แตกกระจายไปคนละทิศคนละทาง
หลังจากกลุ่มของพวกมันแตกกระจายออกเป็นส่วนๆ บ้างส่วนถูกจับได้และนำตัวกลับไปขึ้นค่าหัว ก่อนจะนำพวกมันไปยังคุกในเมืองเพื่อรอการลงโทษต่อไป ซึ่งบ้างครั้งก็มีการต่อรองเพื่อลดโทษเช่นกัน เช่นบอกที่ซ่อนที่ซ่องสุ่มกำลังพล เป็นต้น
"ดูเหมือนว่าข้าจะรอดแล้วสินะ" ผู้พูดคือชายหนุ่มคนหนึ่งที่เป็นผู้สบถมาตลอดทางนั้นเอง มันได้หนีไปทางเหนือของหมู่บ้านที่พวกมันเพิ่งไปดักปล้นพ่อค้าที่กำลังจะมาในไม่กี่วันข้างหน้า ก่อนที่พวกมันจะได้ลงมือวางกับดักหรือสำรวจที่ทาง กลับถูกทหารตรวจพบเสียอย่างงั้น ทำให้พวกมันต้องวิ่งหนีกันกระเจิงเช่นนี้
"มีคนเข้ามาในเขตของเราด้วยแหละ" เสียงแผวเบาดังพอจะให้ชายหนุ่มผู้เพิ่งหนีรอดได้ยิน
"ไม่ใช่ชาวบ้านธรรมดาเสียด้วย ถ้าเรานำไปให้นายท่านจะได้รางวัลบ้างไหมนะ" เสียงของหญิงสาวดังขึ้นแทรก ก่อนที่เสียงของชายหนุ่มคนแรกจะดังขึ้นอีกครั้ง
"ขึ้นอยู่กับข้อมูลที่จะได้จากมันนั้นแหละ ว่าแต่หัวหน้ากลุ่มเราไปไหนเสียละนี้" น้ำเสียงของมันเต็มไปด้วยความสงสัยเล็กน้อย
ฟุบ!
ไม่ทันสิ้นคำของชายหนุ่ม ปรากฏร่างกายของชายหนุ่มขึ้นที่ด้านหลังของโจรที่กำลังตื่นกลัว เพราะมันไม่อาจจะจับทิศทางที่มาของเสียงได้แม้แต่น้อย แถมยังไม่รับรู้ถึงสิ่งมีชีวิตรอบๆนี้แม้แต่สัญญาณเดียว
"เห้ย!" สิ้นเสียงของโจรผู้เคราะห์ร้าย มันก็สลบไปเสียแล้วด้วยการถูกทุบด้วยสันมือไปที่ท้ายทอย
"หัวหน้า! ท่านฟาดมันแรงไปหรือเปล่าเดียวมันก็ตายเสียก่อนหรอก" เสียงหญิงสาวตะโกนออกมา ก่อนที่ผู้พูดจากออกมาจากอากาศที่วางเปล่าด้านข้างชายหนุ่มหน้าใสที่กำลังหิ้วคอของโจรราวกับอุ้มลูกแมว เช่นเดียวกับชายหนุ่มอีกคนที่โผล่ออกมาอีกฝั่งหนึ่ง
"เอ๋? ฟาดแรงไปมันจะตายหรอ ทำไมท่านอาจารย์ไม่เห็นสอนข้าเลยละ บอกแค่ให้ฟาดมันไปก็พอแล้วนี้หน่า" เด็กหนุ่มทำหน้ามึนงงก่อนจะตอบอย่างใสซื่อ ก่อนจะเอามือที่วางอีกข้างลูกคางอย่างครุ่นคิด
ทั้งสองคนที่เพิ่งโผล่ออกมาจากอากาศได้แต่ลอบเหงื่อตกอยู่ในใจ เจ้าหัวหน้าของพวกเขานี้มันใสซื่อเกินไป ใสซื่อเสียจนน่ากลัวเลยทีเดียว
"เรื่องนั้นช่างมันเถอะครับ ข้าว่าพวกเราล่าอาหารแล้วกลับกันดีกว่า ก่อนที่ศิษย์พี่ของท่านจะมาตาม" ชายหนุ่มพูดกับเด็กหนุ่มอย่างเร่งเล้า ก่อนจะได้รับเสียงสนับสนุนจากหญิงสาวข้างๆ
"ทำไมล่ะ ศิษย์พี่ข้าออกจากหล่อเหลาและดูแลข้าเป็นอย่างดี มาช่วยข้าก็ยิ่งดีสิข้าไม่อยากลงมือฆ่าพวกมันสักหน่อย ข้าออกจากสงสารพวกมัน" เด็กหนุ่มเริ่มมีน้ำตาซึมหลังจากพูดประโยคสุดท้าย
ทั้งสองคนทำหน้าตาตื่นตระหนก ก่อนจะรีบเปลี่ยนเรื่องคุยแล้วพาเด็กหนุ่มไปนั่งพักอยู่ใกล้ โดยที่ชายหนุ่มคนเดียวในกลุ่มออกไปตรวจกับดักและชำแหละซากเหยื่อทั้งหลาย โดยมีหญิงสาวคอยดูแลเด้กหนุ่มที่กำลังตรวจสอบร่างกายของโจรผู้เคราะห์ร้ายอยู่
"ฟู่ ดูเหมือนหัวหน้าจะสงบแล้วสินะ ดีนะที่ท่านศิษย์พี่ของหัวหน้าไม่มา" ชายหนุ่มพูดกับตัวเองเบาๆขณะเลาะเอาหนังเสือไฟออกมา
"ถ้าข้ามาแล้วจะเป็นอะไรรึ" เสียงเย็นๆดังขึ้นที่ไกลออกไปจากซากเสือเล็กน้อย ชายหนุ่มที่กำลังง่วนอยู่กับการชำแหละซากเสือก็ตอบไปตามสัญชาตญาณ
"พวกข้าจะจะเจอกับท่านเจ้าชายน้ำแข็งนะสิ เราโดนลงโทษแน่ที่ทำให้หัวหน้าออกแรงจัดการเจ้าโจรดวงซว..." ยังไม่ทันจะได้พูดจนจบประโยค เสียงของเขาก็หายไป พร้อมกับความรู้สึกถึงความเยือกเย็นแล่นผ่านไปทั่วร่าง ก่อนที่มันจะหันกลับไปข้างหลังของตน
ร่างของมันแข็งค้างในขณะที่กำลังจะเลาะเนื้อออกจากกระดูก ซึ่งเขาค้างอยู่ท่านั้นหลายนาที ก่อนที่จะตะโกนออกมาอย่างตื่นกลัว
"ท่านเฟลม! ท่านมาตั้งแต่เมื่อไรขอรับ" มันรีบทำความเคารพชายหนุ่มในชุดผ้าไหมสีฟ้าอ่อนที่แผ่ไอเย็นออกมา ก่อนจะรีบส่งเสียงเรียกเพื่อนสาวให้รู้สึกตัว
"ท่านพี่ ท่านมารับข้าใช่ไหมล่ะ ดูนี้สิข้าได้โจรคนนี้มาด้วยแหละ เราเอาไปส่งให้ท่านอาจารย์ครรชิตกันไหมครับ" เด็กหนุ่มร่างอ้อนแอ่นคล้ายกับสตรีพูดขึ้น ขณะพุ่งตัวไปหาชายหนุ่มที่แต่งตัวราวกับผู้สูงศักดิ์
ชายหนุ่มโอบกอดและลูบหัวเด็กหนุ่มอย่างทะนุถนอมเป็นอย่างมาก ก่อนจะถามด้วยสีหน้าเป็นกังวลเล็กน้อย
"เจ้าเหนื่อยหรือไม่ ตอนนี้ก็ยามเที่ยงแล้ว เรากลับทานข้าวที่บ้านกันดีกว่า ศิษยืพี่คงให้คนเตรียมสำรับให้เราแล้ว" เขาได้รับการพยักหน้าจากเด้กหนุ่ม ก่อนที่ทั้งคู่จะหายไป ทิ้งไว้เพียงร่างของโจรและข้อความเสียงในหูของข้ารับใช้ทั้งสองคน
'หลังจากข้ารับประทานอาหารเสร็จ ถ้ายังไม่เห็นพวกเจ้ากลับมาข้าจะลงโทษอย่างหนัก' มันเป็นเสียงที่น่าขนลุกและเต็มไปด้วยจิตสังหารอ่อนๆ
ทั้งสองคนมองหน้ากัน ก่อนที่จะช่วยกันชำแหละซากสัตว์เวทอีกหกตัวที่เหลืออย่างรีบเร่ง ก่อนจะทำการแบกร่างของโจรหนุ่มแล้วหายไปจากตรงนั้นในทันที ทิ้งไว้แต่ชิ้นส่วนสัตว์เวทที่ไม่ต้องการเพียงเท่านั้น ซึ่งมันจะดึงดูดเหยื่อรอบถัดไปในไม่ช้า
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ทำไมไรท์ทำกับเค้าได้..........