ตอนที่ 137 : ดอกบัวสวรรค์แปดกลีบ
บทที่ 3 : ดอกบัวสวรรค์แปดกลีบ
สิ้นวันนั้นครรชิตได้ปิดห้องทำงานและตึกทั้งหลังของเขาอย่างเงียบเฉียบ ไม่รับการติดต่อจากใครเลยแม้แต่คนเดียว กระทั่งบิดาของเขาก็ยังไม่มีการพูดคุยด้วยเลยแม้แต่น้อย เช่นเดียวกับบรรดาสาวๆที่แวะเวียนมาบ้างเป็นบ้างครั้ง
นับจากวันนั้นก็ผ่านมาเกือบสามวันแล้ว ครรชิตยังไม่ได้ก้าวออกมาจากห้องทำงานแม้แต่น้อย แต่ด้านในกลับได้ยินเสียงตีเหล็กดังขึ้นมาตั้งแต่วันที่สอง
ในวันแรกของการปิดห้องมีเพียงบรรยากาศอันน่าขนลุกแผ่ออกมาจากห้องในตอนกลางคืน ในตอนกลางวันเต็มไปด้วยแรงดึงดูดทางมานาที่รุนแรงจนทุกคนในบ้านหลังนี้และบริเวณโดยรอบสัมผัสได้อย่างชัดเจน มันดูดรังเข้าสู่บ้านหลังเล็กของชายหนุ่ม
ด้านในห้องครรชิตเองนอกจากดูดซับพลังมานารอบข้าง เพื่อชดเชยพลังมานาที่ใช้ไปกับกระบวนทางเมื่อวาน พร้อมกับดูดซับผลวิวัฒน์และผลไม้วิเศษอีกหลายร้อยผล รวมแล้วเกือบสองร้อยผลในหนึ่งชั่วโมง จนรอบข้างเต็มไปด้วยเปลือกผลไม้แห้งๆที่ถูกโดยใส่เตาหลอมด้านล่าง เพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงเริ่มต้น
เพียงวันเดียวผลวิวัฒน์นับพันลูกก็หมดไป รวมทั้งผลไม้วิเศษจากดินแดนราชาเทพอีกหลายพันลูกก็ถูกใช้ไป พลังลมปราณของเขาพุ่งทะยานจนเกือบเท่ากับระดับเดิมในที่สุด ในตอนนี้เขาเลิกการดูดซับมานาแล้วกลั่นเป็นลมปราณแล้ว เพราะต้องการพัฒนาพลังมานาให้บริสุทธิ์และมีจำนวนมากกว่านี้
เมื่อฟื้นฟูได้เป็นที่น่าพอใจแล้ว เขาเริ่มทำการปรับปรุงเจ็ดวิญญาณอสูรในทันที เขาจัดการแยกโลหะเวทมนตร์ที่ยังไม่หลอมรวมออกมา แล้วก่อร่างโลหะเวทมนตร์เหลวในกล่องรวบรวมวัตถุดิบให้เป็นวงเวทย์บนก้อนโลหะเวทมนตร์อสูรทั้งเจ็ดก้อน
ก่อนจะนำพวกมันไปวางไว้บนวงเวทย์เร่งเวลาซึ่งส่งผลต้องมันเพียงเล็กน้อย แต่ก็ดีกว่าปล่อยไว้ตามปรกติ และไม่ต้องกว่าการล้มเหลวหรือข้อผิดพลาดที่จะเกิดขึ้น เพราะตอนนี้พวกมันก็เป็นก้อนโลหะเวทมนตร์อสูรที่ยังไม่ขึ้นรูปดีนัก เป็นเพียงก้อนโลหะกลมๆที่มีโลหะเวทย์หุ้มมันเอาไว้
เมื่อเขาเอาโลหะที่หุ้มออกมาก็พบเพียงก้อนโลหะที่เล็กกว่าศิลาจิตอสูรเล็กน้อย นี้คือโลหะเวทมนตร์อสูรแรกเริ่มหรือระดับต่ำสุด ซึ่งเพิ่งเปลี่ยนจากศิลาจิตอสูรเป็นโละหะเวทมนตร์อสูร
หลังจากจัดการโลหะเวทมนตร์อสูรเรียกร้อยแล้ว เขาก็จัดการกับสินแร่มูนไลท์เป็นอันดับต่อไป ด้วยการหลอมมันจนบริสุทธิ์ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ กระบวนการนี้ใช้เวลาไปเกือบสองวัน
ในวันที่สามเขาถึงได้โลหะกึ่งเวทมนตร์'มูนไลท์' ซึ่งตัวมันเองไม่อาจจะสร้างพลังมานาออกมาได้เอง แต่มันมีคุณสมบัติดูดซับมานาและเป็นสื่อนำมานาที่ดีที่สุดในหมู่โลหะทั่วไป
ส่วนการที่เรียกมันว่าโลหะกึ่งเวทมนตร์ ก็เพราะมันสามารถดูดซับแสงจันทร์และเปลี่ยนมันเป็นมานาได้นั้นเอง นั้นจึงเป็นชื่อเรียกโลหะชนิดนี้ว่า'มูนไลท์' และตัวแร่เองก็สามารถสาดแสงจันทร์ออกมาได้ตามจำนวนมานาที่ถูกดูดซับไว้ ยิ่งมีมานามากก็ยิ่งมีแสงจันทร์ที่เข้มข้นมากขึ้น
ในระหว่างหลอมแร่มูนไลท์ เขาก็จัดการหลอมแร่อีกชินที่เป็นแร่สีแดงเพลิง มันมีชื่อเรียกว่าแร่'ซันไลท์' คุณสมบัติและลักษณะทางกายภาพคล้ายมูนไลท์ เพียงแค่มันใช้แสงอาทิตย์ในการดูดซับพลังงาน และตัวแร่เมื่อหลอมเสร็จแล้วมีแสงแดงเพลิงเช่นก่อนหลอม เช่นเดียวกับสีเงินซีดขาวของแร่มูนไลท์ที่ไม่ต่างจากตอนเป็นสินแร่
"มูนไลท์ทำคฑาสำหรับสองสาวพี่น้อง ลูกน่าทำเป็นแก่นกลางของดาบ ส่วนเมย์ก็คงเป็นแก่นกลางของมีดสินะ ส่วนที่เหลือทำเป็นเครื่องประดับสักสองสามชิ้นกับอาวุธอีกสักชิ้นหนึ่งเป็นรางวัลภารกิจ" ครรชิ้นร่างแผนภาพของสิ่งที่จะสร้างออกมา ก่อนที่ลงมือร่างแบบและเริ่มทำการสร้างส่วนประกอบขึ้นมา
เวลาผ่านไปอีกสี่วัน ในที่สุดอุปกรณ์เวทย์ขั้นกลางก็ถูกสร้างเสร็จสิ้น พวกมันถูกใส่กล่องไม่อย่างดีและสลักชื่อของสี่สาวลงไป ส่วนเครื่องประดับและอาวุธที่เป็นของรางวัลก็เก็บใส่กล่องเช่นกัน ก่อนจะนำมันไปไว้ในวงเวทย์รางวัลภารกิจที่เขาสร้างขึ้นมา
มันเป็นวงเวทย์ที่เชื่อมต่อกับโกดังที่ถ้ำในภูเขาของตระกูลแอสลาส ซึ่งเขาใช้มันเป็นโกดังชั่วคราวจนกว่าจะตั้งหมู่บ้านแห่งใหม่ได้ และยังเชื่อมต่อกับวงเวทย์เคลื่อนย้ายเฉพาะที่ต้องใช้เหรียญคะแนนภารกิจเป็นสิ่งแลกเปลี่ยน ของทุกชิ้นจะมีราคาไม่เท่ากัน เมื่อของชิ้นไหนถูกซื้อไปแล้วมันจะมีของชิ้นเดิมหรือชิ้นใหม่เข้ามาแทนที่
เหรียญที่ถูกเคลื่อนย้ายไปจะถูกโกเลมที่ถ้ำจัดการเก็บและส่งคืนไปยังเวทย์รับรางวัลภารกิจ และส่งสิ่งของตามเหรียญคะแนนไปยังวงเวทย์เคลื่อนย้ายเฉพาะ จนเกิดเป็นกลไลอัตโนมัติเช่นนี้ขึ้น
"มูนไลท์ใช้เวลาสี่วัน แล้วซันไลท์จะใช้กี่วันกัน" ครรชิตพูดออกมา สภาพของเขาไม่ได้ดูทรุดโทรมลงไปเลยแม้แต่น้อย ถึงแม้จะไม่ได้กินข้าวหรือออกไปด้านนอกเป็นเวลานานแล้วก็ตาม ด้วยอาหารแห้งและลมปราณที่มากพอจะประคองชีวิตแบบนี้ได้อีกหลายเดือนเลยทีเดียว
ใช้เวลาสามวันแร่ซันไลท์ก็กลายเป็นดาบขนาดกลางที่ดูสวยงาม ด้วยการแกะสลักเป็นรูปมังกรไฟพ่นไฟออกมาเป็นดาบที่กั้นดาบ มีมีดสั้นหนึ่งเล่มที่เหมือนกับมีดทหารที่มีการแกะสลักรูปงูพันรอบด้ามจับ และเครื่องประดับอีกสามชิ้น
อาวุธทั้งสองมีชื่อของบิชอบและพ่อบ้านโฮซาเอลติดไว้ตามลำดับ ส่วนอีกสามชิ้นถูกส่งไปยังคลังของรางวัลภารกิจเป็นที่เรียบร้อย
"ข้าจะไม่อยู่สักพัก ฝากของพวกนี้ไปให้พ่อบ้านโฮซาเอลด้วย เขาจะรู้เองว่าต้องทำอย่างไร" ครรชิตเปิดประตูออกมาเมื่อสัมผัสได้ถ฿กข้ารับใช้คนหนึ่งที่เดินผ่านมาทางตึกของเขา ก่อนจะสั่งงานมันเล็กน้อยพร้อมส่งแหวนมิติระดับต่ำไปให้มัน
"ได้ขอรับนายน้อย" มันพยักหน้าให้เขา ก่อนจะทำความเคารพแล้วรีบเดินไปยังบ้านพักหลัก
"ซู๊ด~ อ่า~" ครรชิตสูดหายใจเข้าลึกและปล่อยลมหายใจออกมาจนหมดในคราวเดียว เขาทำอย่างนี้กับอากาศที่เย็นสดชื่นของต้นฤดูหนาวอย่างเต็มปอด ก่อนจะยืดแข่งยืดขาสักเล็กน้อย และเริ่มต้นออกกระบวนท่าดาบใหญ่ ดาบเดี่ยวและดาบคู่สักพักหนึ่ง
เมื่อเสร็จสิ้นกระบวนท่าเขาก็หายใจเข้าสุดออกสุดอีกครั้ง ก่อนจะเข้าไปยังห้องนอนเพื่ออาบน้ำชำระร่างกายอย่างผ่อนคลาย หลังจากเสร็จสิ้นทุกสิ่งแล้วเขาก็เดินไปยังชั้นหนังสือก่อนจะเปิดห้องลับขึ้นมา
"ดินแดนราชาเทพ เจ้าจะมีอะไรให้ข้าค้นหาอีกหรือไม่" เขาพูดออกมาขณะเดินเข้าไปยังวงเวทย์อันหนึ่งในห้องลับ ก่อนที่เขาจะหายตัวไปพร้อมกับห้องลับที่ปิดตัวเองอย่างแนบสนิท
ย้อนกลับก่อนหน้านี้หนึ่งสัปดาห์
ในดินแดนราชาเทพ ปรากฏกลุ่มคนนับสิบคนไล่ล่าชายคนหนึ่งอย่างบ้าคลั่ง แต่ทว่านอกจากจะไล่กับมันไม่ทันแล้วพวกเขายังสูญเสียพี่น้องไปหลายคนแล้ว พวกมันส่วนใหญ่ถูกลากหายไปในระหว่างไล่ตามชายหนุ่มผู้นั้น
บางคนหายไปในป่าที่เต็มไปด้วยสัตว์เวทระดับสูง ซึ่งอาจจะสูงกว่าระดับเจ็ดเสียด้วยซ้ำไป บางคนหายไปในบึงน้ำสีดำที่กระตัวอยู่ทั่วทั้งภูเขาที่ปกคลุมไปด้วยเมฆทมิฬทั้งวันทั้งคืน และอีกหลายส่วนหายไปในป่าไม้ยักษ์รอบๆภูเขานั้น
เมื่อพบกับความสูญเสียอย่างต่อเนื่อง กลุ่มของพวกมันจากนับร้อยเหลือเพียงเจ็ดสิบถึงแปดสิบคนเท่านั้น และพวกมันมีระดับการฝึกฝนไม่ต่ำกว่าผู้ใช้เวทย์ธาตุขั้นกลางทั้งสิ้น พวกที่ต่ำกว่าถ้าไม่หายตัวไประหว่างไล่ล่า ก็กลับไปยังเมืองและหมู่บ้านของพวกมันในทุ่งหญ้า
"มันไม่ใช่คนหรือยังไงมันวิ่งได้ทั้งวันทั้งคืนไม่มีเหนื่อย!" เสียงสบถอย่างหงุดหงิดดังออกมาจากปากของชายหนุ่มผู้นำขนวบไลล่า ก่อนที่มันจะตวาดเสียงดังออกมา
"บัดซบ! กระบวนท่าวิหคคืนรัง!" มันกวาดมีดสั้นสิบเล่มไปทางร่างเงาของชายหนุ่มที่อยู่ไกลๆ ซึ่งมันโยนหินและต้มไม้รวมทั้งเศษซากของสัตว์เวทมาทางพวกเขาอีกระลอก
"น้องสามนำขบวนไปดังหน้ามัน น้องสี่เจ้าไปทางขวากันทางไว้ด่ายค่ายกลเวทย์ น้องสามเจ้าไปทางซ้ายใช้กับดักและค่ายกลดาบขังมันถ้ามันไปทางเจ้า น้องรองเจ้านำขบวนแทนข้า!" มันพูดออกมาในขณะหน้าตาของมันดูเหมือนแก่ลงไปหลายปี
มันได้ใช้พลังเวทย์ไปกับการโจมตีเมื่อสักครู่จนหมดสิ้น ตอนนี้มันอ่อนกำลังมากกว่าผู้ใช้ศาสตราวุธขั้นต้นเสียอีก มันทรุดตัวลงกับพื้นก่อนจะมีชายหนุ่มและหญิงสาวหกคนค่อยอารักขามันเอาไว้ มันเร่งรีบฟื้นฟูพลังมานาพร้อมกับดื่มกินยาไปหลายขวด
และเหตุการณ์เช่นนี้ก็ดำเนินไปอีกนานนับสัปดาห์ พวกมันที่ไล่ล่าเหลือเพียงสามสิบกว่าคน ทั้งหมดเป็นผู้ใช้ศาสตราวุธขั้นสูงกับผู้ใช้เวทย์ธาตุขั้นสูงทั้งสิ้น ส่วนพวกที่ต่ำกว่าขั้นกลางกลับไปยังค่ายพักและหายตัวไประหว่างไล่ล่าอีกหลายสิบคน
ส่วนโกเลมของครรชิตร่างกายของมันเต็มไปด้วบบาดแผลเล็กๆน้อยๆทั่วทั้งตัว แต่ภายในกลับไม่มีความเสียหายปรากฏขึ้นแม้แต่น้อย ด้วยการป้องกันของเหล็กกล้าผสมกับโลหะเวทมนตร์ ทำให้มันแข็งแกร็งและฟื้นฟูตัวเองได้ในระดับหนึ่ง ด้วยวงเวทย์ดูดซับมานาที่ถูกสลักลงไป เพื่อเติมเต็มพลังมานาในโลหะเวทมนตร์
'กลับมา' เสียงที่แผ่วเบาดังขึ้นที่ข้างหูของโกเลม ก่อนที่ตัวของมันจะหายตัวไปอย่างรวดเร็วในเงามืดของป่าที่เต็มไปด้วยต้นไม้ที่สูงหลายร้อยเมตร
"เกิดอะไรขึ้น!" พวกมันมีสีหน้าตื่นตระหนก หลักจากที่ร่างเงาที่เห็นอยู่ไม่ไกลกลับการเป็นเงาเลือนลางก่อนจะหายไปในพริบตาเดียว ราวกับว่าที่แห่งนั้นไม่เคยมีใครอยู่
"ไป!" ผู้นำขบวนที่ตอนนี้เป็นน้องรองได้นำกลุ่มคนไปตรวจสอบบริเวณที่เจ้าโกเลมหายไป พวกมันพบเพียงลอยเท้าลึกหนักตรงข้างต้นไม้ ก่อนที่ล่องรอยของรอยเท้าและพลังมานาจะหายไปหลังจากอ้อมต้นไม้ไปแล้ว
"กระจายกำลังค้นหาให้ทั่วในระยะสิบกิโลเมตร ถ้าไม่เจอร่องรอยให้กลับไปยังหมู่บ้านโดยเร็ว" พี่ใหญ่สุดที่ตามมาทันหลงัจากรับรู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นก็ตะโกนก้อง ก่อนจะนั่งลงพักฟื้นอีกครั้ง
ทุกคนที่อยู่ในสภาพสกปรกและอ่อนแรงเป็นอย่างมาก แตกต่างจากก่อนหน้านี้ที่แข็งแรงและสุภาพดีเป็นอย่างยิ่ง ถึงแม้พวกมันจะเละเทะแค่ไหนแต่พวกมันกลับมีความก้าวหน้าในการฝึกฝนเป็รนอย่างมาก หลายคนเลื่อนระดับจากขั้นกลางเป็นขั้นสูงเสียด้วยซ้ำในระหว่างไล่ล่าชายหนุ่ม
"ดูท่าจะต้องซ่อมแซมมิใช่น้อย" ครรพูดออกมาหลังจากที่โกเลมกลับมาหาเขาแล้ว
การไล่ล่าไม่ได้วิ่งเป็นเส้นตรงเสียเมื่อไร เขาได้สั่งให้มันวิ่งอ้อมภูเขาที่ปกคลุมไปด้วยเมฆสีดำ กับพื้นที่ป่ารอบๆมันไม่ได้เข้าไปในภูเขาลึกมากสักเท่าใด เพราะโกเลมของเขาไม่แกร่งพอจะสู้กับสัตว์เวทย์ระดับแปดที่ซ่อนตัวอยู่ภายในภูเขา
"ขอดูหน่อยสิว่ามีอะไรน่าสนใจมั้งระหว่างที่ข้าไม่อยู่" เขาปล่อยให้โกเลมรูปร่างมนุษย์ทำการดูดกลืนพลังมานาจากศิลาจิตอสูรไปเงียบๆ ส่วนตัวเองก็นำหินสลักวงเวทย์บันทึกข้อมูลออกมาดู
"ข่าวสารในอาณาจักรพฤษาพันปี ไม่น่าสนใจในตอนนี้..."
"การต่อสู้ของอาณาจักรไผ่หมิง ไม่เกี่ยวกับข้า..."
"ช่างมันละกัน ดูข้อมูลการสำรวจของหน่วยสอดแนมสักหน่อยดีกว่า" เขาตั้งเครื่องมือที่คล้ายกับหน้าจอขึ้นบนโต๊ะที่ทำจากรากไม้ ก่อนจะนำหินบันทึกภาพใส่ลงไปในเครื่องมือนั้น
แสงสีฟ้าพุ่งออกมาจากเครื่องมือก่อนจะฉายภาพคล้ายกับโฮโลแกรมขึ้นมา ในนั้นมีทั้งสัตว์เวทที่หายากในโลกภายนอก ทั้งพืชสมุนไพรหลายชนิด รวมทั้งแหล่งที่มีของวิเศษหลายอย่างที่ฉายขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง
"นี้มีพอแล้ว ไอ้นี้ก็หาไม่ยากสักเท่าใด เจ้านี้ข้าเคยล่ามาแล้ว..." เขายังคงหาสิ่งของที่น่าสนใจ สิ่งไหนที่น่าสนใจหรือถูกใจเขาก็จะกำหนดจุดมันลงบนแผนที่ในปลอกแขนของเขา ซึ่งแผ่นที่ฉบับนี้เกือบจะสำรวจดินแดนนี้เกือบเสร็จสมบูรณ์แล้ว ด้วยโกเลมขนาดเล็กจำนวนหลายแสนตัว และยังคงมีออกมาเรื่อยๆด้วยโกเลมที่ถูกสั่งให้สร้างพวกมันออกมาจนกว่าจะสำรวจครบทั้งพื้นที่
ยิ่งไกลจากเมืองและสวนต้นท้อไปมากเท่าใด สภาพแวดล้อมและพื้นที่ก็ยิ่งมีความเฉพาะตัวมากขึ้นเท่านั้น บางพื้นที่มีแต่หิมะและน้ำแข็งปกคลุม บางที่ก็เหมือนอยู่ในภูเขาไฟก็มี
สภาพแวดล้อมเหล่านี้ถูกดัดแปลงด้วยของวิเศษต่างๆ พวกมันยิ่งมีอำนาจมากมายเท่าใดก็ยิ่งแปรเปลี่ยนพื้นที่รอบข้างมากเท่านั้น และพวกนี้เป็นจุดหมายแรกที่เขาส่งโกเลมไปสำรวจ และมีบางสถานที่ดึงดูดความสนใจของเขาเป็นอย่างมาก
"บึงดอกบัวงั้นรึ" ครรชิตพูดออกมาเบาๆ
บึงดอกบัวที่เขาเห็นอยู่ราวกับว่ามันอยู่ในดินแดนแห่งนิยายก็ไม่ปาน ทั่วทุกพื้นที่เป็นบึงน้ำใสขนาดใหญ่หลายร้อยตารางกิโลเมตร น้ำมีความลึกเพียงแค่หนึ่งเมตรเท่านั้น ด้านล่างเต็มไปด้วยโคลนเลนสีขาวละเอียดราวกับแป้งสีขาวเนียนนุ่ม
ในน้ำมีปลาสีทองและเงินแหวกว่ายอยู่ทั่วทุกพื้นที่ พืชน้ำประเภทสาหร่ายและกอกกขึ้นอยู่บ้างส่วนของบึงน้ำ ที่เด่นชัดที่สุดในบึงนี้คือดอกบัวขนาดใหญ่นับร้อยดอกขึ้นเป็นที่ตรงกลางบึง บนใบบัวของกอดอกบัวนี้เต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตและต้นไม้เล็กเติบโตอยู่
ใบบัวหนึ่งใบมีความกว้างนับสิบเมตร และมันสามารถรับน้ำหนักของพื้นดินสีทองและสิ่งมีชีวิตสีเงินและทองได้จำนวนมาก บางใบมีป่าเป็นของตัวเองเสียด้วยซ้ำไป
นอกจากกอบัวขนาดใหญ่ตรงกลางบึงแล้ว ยังมีกอบัวอีกหลายแห่งรอบๆบึงแห่งนี้ พวกมันกระจัดกระจายไปทั่วทุกพื้นที่ของบึงขนาดใหญ่แห่งนี้ และแต่ละก่อนจะมีสภาพแวดล้อมบนใบบัวเป็นของตัวเองทั้งสิ้น
ภาพความงดงามเช่นนี้ตรงตาตรงใจของครรชิตเป็นอย่างยิ่ง และยิ่งน่าพิศวงขึ้นไปอีกเมื่อดอกไม้ทั้งบึงเป็นดอกบัวที่เรียกได้ว่าหายากยิ่งตั้งแต่ในสมัยโบราณเสียด้วยซ้ำไป
"ดอกบัวสวรรค์แปดกลีบ ยาอายุวัฒนะที่แท้จริง หนึ่งเกสรหมักหนึ่งร้อยปียืดอานุขัยได้พันปี หมักหนึ่งพันปียืดอายุขัยนับแสนปี!" เขาพุดเสียงสั่น
นี้เป็นข้อมูลที่มีบันทึกมาตั้งแต่ยุสมัยก่อนที่มนุษย์เช่นพวกเขาจะมาอยู่ที่แผ่นดินนี้ด้วยซ้ำไป มันถูกจารึกและส่งต่อมาหลายหมื่นหลายแสนรุ่นแล้ว จนไม่อาจจะนับอายุขัยของบันทึกนี้ได้อีกต่อไป
รูปร่างของบัวสวรรค์แปดกลีบ เป็นดอกบัวที่ต้องมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางไม่ต่ำกว่าหกเมตร กลีบของมันแต่ละชั้นต้องมีแปดกลีบทุกชั้นจนถึงชั้นเกสร ต้องมีเกสรตัวผู้แปดตัวและตัวเมียแปดตัวเท่านั้น และสุดท้ายหนึ่งดอกบัวต้องมีไอชีวิตเป็นรูปทารก นี้จึงถือว่าเป็นดอกบัวสวรรค์แปดกลีบที่สมบูรณ์
เมื่อครบทุกสิ่งอย่างนั้นนับเป็นยาอายุวัฒนะที่แท้จริง เพราะไม่เพียงแค่สามารถนำไปทำยาได้เท่านั้น เพียงแค่การอยู่ใกล้กับมันก็สามารถลดความแก่ชราลงได้ และยืดอายุให้อย่างน้อยก็นับร้อยปี
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

มันยอดจิงเลยนะจอร์ช...
ตอนคิดมุกบัวสรรค์เนียดู นี้ดูหนังจีนกำลังถายในเรื่องอะไรอยู่กันน้าแต่ประยุกได้ดีนะคับ ผมยังทำไม่ได้เลยละนะ
พรุ่งจะมีโสมหมื่นปีหรือหลิงจื่อสะท้านฟ้าหรือหญ้าเซียนอีกไหมละเนีย...จะรออ่านนะคับ...บาย