ตอนที่ 116 : สายลมที่เปลี่ยนทิศ
บทที่ 3 : สายลมที่เปลี่ยนทิศ
ในไม่กี่สัปดาห์หลังจากที่ครรชิตไปเยี่ยมโรงตีเหล็กของม๊อคก้า อาวุธและชุดเกราะชั้นดีจำนวนหนึ่งถูกส่งมาให้เขา พวกมันถูกแจกจ่ายไปยังทหารรับจ้างและทาสฝ่ายเดี่ยว ที่มีความสามารถทางด้านต่อสู้เกือบสิบคน ที่เพิ่งถูกจ้างวานและซื้อตัวมาได้ไม่นานหลังจากเขากลับมาจากการเจรจาในครั้งนี้
แม้จะมีหลายสิบคนที่เป็นทหารรับจ้าง แต่เขาก็เลือกเฉพาะกลุ่มเล็กๆที่มีความเป็นอยู่แบบครอบครัว หรือเป็นกลุ่มทหารรับจ้างที่ไม่มีชื่อเสียงแต่สนิทกัน รวมทั้งพวกทหารรับจ้างที่กลุ่มเด็กหนุ่มสาวจากบ้านเด็กกำพร้า ซึ่งคนกลุ่มนี้จะมีความจงรักภักดีมากกว่ากลุ่มอื่น
สามารถอยู่รวมกันได้อย่างยาวนานถ้ามีความสัมพันธุ์อันดีให้แก่กัน แน่นอนว่าเขาได้เริ่มต้นสร้างความสัมพันธุ์นั้นไปแล้ว ด้วยการมอบทรัพยากรและอาวุธ-ชุดเกราะที่ดีกว่า พร้อมกับจัดหาที่พักและอาหารให้อย่างดี
มีการฝึกฝนงานบ้านรวมกันทั้งพวกข้ารับใช้เก่าจากตระกูลแอสลาส กับข้ารับใช้ใหม่ที่มีทั้งทาสและลูกจ้าง รวมทั้งการฝึกฝนการต่อสู้ตามความถนัดของแต่ละคน ซึ่งไม่มีการแบ่งแยกกลุ่มก้อนใดๆทั้งสิ้น
เมื่อตกเย็นทุกคนจะมารวมกันที่ลานกลางบ้านที่ใหญ่โต เพื่อฝึกฝนการต่อสู้ระยะประชิดกับลูกศิษย์ของเขา โดยทุกคนจะถูกโยนเข้าไปสู้กับเมย์แบบตัวต่อตัว ซึ่งแทบจะไม่มีใครทนการโจมตีได้เกินสามนาทีสักคนเดียว
นั้นเป็นแรงผลักดันให้ข้ารับใช้และนักรบที่เขาจ้างมา ต่างมีความกระตือรือร้นในการฝึกฝนอย่างกระหายเลือด เพราะพวกเขาไม่อาจจะโจมตีถูกตัวของเด็กสาวแม้แต่ปลายผม แต่เป็นพวกเขาที่ถูกซ้อมซะน่วมแทบทุกครั้งไป
ด้วยทรัพยากรจำนวนมากมาย ร่วมกับการฝึกฝนที่รุนแรงทุกเย็น ทำให้เพียงสองเดือนจากทหารรับจ้างระดับล่าง ก็มีฝีไม้ลายมือเท่ากับทหารรับกลางระดับกลางเป็นอย่างน้อย พวกทาสต่อสู้เองจากที่เป็นเพียงนักเลงและโจรกระจอก ก็กลายเป็นนักรบที่น่าเกรงขามได้เหมือนกัน
นอกจากการต่อสู้และการทำงานทั่วไปแล้ว ทุกคนต่างถูกฝึกอบรมให้เป็นพ่อบ้านและแม่บ้าน โดยมีพ่อบ้านโฮซาเอลเป็นฝึกสอนรวมกับภรรยาของเขา'มาเรีย' ทำให้นักรบภายในบ้านต่างเป็นได้ทั้งข้ารับใช้เวลาอยู่ในบ้าน และเป็นนักรบผู้มากประสบการณ์ไปในตัว
เพียงแค่ในช่วงนี้มีการไปบุกรังสัตว์เวทอยู่เป็นระยะๆ นำโดยเมย์ที่จากพากลุ่มคนเล็กราวสิบสองคน มุ่งไปยังรอบนอกของเทือกเขาอเคเซีย ที่นั้นจะพบกับสัตว์เวทระดับสองจำนวนมากมายให้พวกเขาฝึกต่อสู้
แม้สัตว์เวทจะได้แข็งแกร่งเท่ากับสถานที่พิเศษเช่นภูเขามานา ที่ซึ่งเมย์และเขาได้อาศัยอยู่นานนับปี แต่ด้วยความซับซ้อนและการจัดเรียงตัวของเทือกเขา ก็ทำให้มันมีมานาไหลเวียนอยู่ภายในเทือกเขาไม่น้อย ทำให้สัตว์เวทมีความแข็งแกร่งกว่าพื้นที่อื่นอยู่พอสมควร
ทั้งการฝึกฝนที่โหดร้ายและชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้าย ทำให้ขีดความสามารถของแต่คนถูกถีบขึ้นไปจนถึงจุดสูงสุด การพัฒนาจึงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องพร้อมกับกำลังรบที่มากขึ้นไปอย่างไร้ขีดจำกัด
วิธีการฝึกฝนเพื่อก้าวข้ามขีดจำกัดตัวเองเช่นนี้ ทั่วไปแล้วแต่ละตระกูลมักจะไม่เลือกวิธีการนี้ เพราะเป็นการเปลืองทรัพยากรทั้งด้านบุคลากร ทรัพย์สินและศิลาจิตอสูรมากเกินไป จนแทบจะไม่ได้ผลตอบแทนที่คุ้มค่าด้วยซ้ำ เพราะจะมีเพียงไม่กี่คนที่สามารถก้าวข้ามขีดจำกัดได้
"วันนี้จะพาพวกมันไปอีกแล้วสินะ" ครรชิตทักทายลูกศิษย์สาว ที่ตอนนี้กำลังนำกลุ่มคนที่ต้องไปฝึกฝนประจำสัปดาห์ออกมาจากตัวบ้าน
"ใช่ค่ะ ท่านอาจารย์ ครั้งนี้จะพาลึกเข้าไปอีกสักลูกหนึ่ง เพราะตอนนี้พวกมันสู้กับสัตว์เวทระดับสองได้อย่างสบายๆแล้ว" เสียงของเด็กสาวที่ฟังดูสนุกสนามกับความคิดของตัวเองยิ่งนัก
"จะทำอะไรก็เพลาๆลงบ้างล่ะกัน เดี๋ยวพวกนี้จะฝ่อไปเสียก่อน" ถึงแม้พวกนักรบของเขาจะมีพรสวรรค์ที่ดีพอสมควร รวมทั้งมีนิสัยใจคอที่เข้มแข็ง แต่ันก็ไม่ได้ดีเลิศขนาดเด็กสาวตรงหน้าของเขาเสียหน่อย ทำให้วิธีการฝึกของเขาไม่อาจจะผลักดันพวกมันได้เสมอไป ต้องมีปรับเปลี่ยนบ้างเล็กน้อยเพื่อให้เข้ากับพรสวรรค์ของแต่คน
ไม่เหมือนเด็กสาวที่มีศักยภาพทั้งทางร่างกายและจิตใจ ที่มีความแข็งแกร่งมากพอที่จะฝึกฝนอย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว เพื่อข้ามขีดจำกัดไปเสียทุกวันในการฝึกฝน กับคนพวกนี้พวกเขาต้องใช้เวลานานกว่าเด็กสาวเกือบสี่เท่า ถึงจะมีความก้าวหน้าที่เท่ากันกับเด็กสาว
"เจ้าไปเถอะ ข้าเองก็มีธุระอยู่ไม่น้อย" เขาหันหลังก่อนจะหายไปจากสายตาของทุกคนในลานกว้าง
ท่ามกลางฝูงชนที่แออัดของเมืองหลวงอเคเซีย ในตรอกที่ดูมืดมิดและไร้ซึ่งความปลอดภัย ภายในของมันกลับมีคนสองคนเผชิญหน้ากันอยู่ คนหนึ่งแจ่งตัวด้วยชุดนักผจญภัยที่ดูแข็งแรงและเก่าเก็บ ส่วนอีกคนอยู่ในชุดหรูหราของพวกขุนนาง
"ตามที่ตกลง" เสียงของชายแก่ดังมาจากใต้ผ้าคลุมของชุดขุนนาง พร้อมกับมือที่เหี่ยวย่นเล็กน้อยได้ยื่นแหวนมิติไปให้ชายในชุดนักผจญภัย ที่มีอายุไม่เกินสามสิบปีมันก็ยื่นม้วนกระดาษอันหนึ่งเป็นการแลกเปลี่ยน
"เช่นกัน นายท่าน" ทั้งคู่จับมือกันเล็กน้อย
เมื่อทั้งสองคนต่างแลกสิ่งของกันอย่างลับๆเสร็จสิ้น พวกมันทั้งคู่ต่างก็แยกย้ายกันออกไปจากตรอกแห่งนั้น ทิ้งไว้เพียงรอยเท้าสองรายที่แสดงถึงการมีตัวตนของทั้งคู่
"มีอะไรให้นักค้าข่าวผู้ต่ำต้อยคนนี้รับใช้ ท่านครรชิต" เสียงของนักผจญภัยหนุ่มที่เพิ่งเดินออกจากตรอกได้ไม่นาน หลังจากที่เขาทำการแลกเปลี่ยนข้อมูลกับขุนนางชราคนหนึ่ง
"เรื่องเดิมๆ ปารัส ข่าวเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของบุตรขุนนางและบุตรของผู้มีอำนาจทั่วทั้งนครนี้ ครั้งนี้พิเศษหน่อย ขอข่าวของกลุ่มโจรในระแวกนี้อีกด้วย เรื่องเงินไม่สนใจราคาไม่มีการต่อรองเช่นเดิม" ครรชิตโยนแหวนมิติที่เต็มไปด้วยเงินหลายสิบล้านเหรียญจิตอสูรไปให้นักค้าข่าวปารัส
"ข้าไม่มีปัญหาเรื่องข้อมูลพวกนั้นนักหรอก เพียงแต่ข้าต้องการบ้างสิ่งที่ท่านจ่ายให้ท่านม๊อคก้าเสียมากกว่า" มันโยนแหวนมิติกลับมา ก่อนจะยิ้มอย่างผู้เหนือกว่า
"หืม? เจ้าต้องการดัดหลังข้างั้นรึ คงไม่ง่ายเช่นนั้นหรอกมั้ง" เขามองไปยังดวงตาของปารัสอย่างเลือดเย็น ก่อนที่จะมีบางสิ่งบางอย่างลอยออกมาจากผิวหนังของเขา และกลายเป็นอสรพิษสีเขียวมรกตขนาดใหญ่ มันขดตัวอยู่รอบๆแขนของครรชิต
มันพ่นควันสีเขียวออกไป ควันนี้กลายเป็นไม้เลื้อยที่เหมือนกับงูสีเขียวนับสิบตัว เลื้อยพันรอบตัวของปารัสซึ่งกำลังจะจะใช้จารึกเวทย์เคลื่อนย้ายในเสี้ยววินาที ทำให้มันถูกตรึงอยู่กับที่จนไม่อาจจะเคลื่อนไหวอันใดได้
"ใครเป็นผู้สืบเรื่องของข้า!" เขายกร่างของปารัสเข้าไปในมุมมืดของตรกเล็กๆแห่งนั้น ก่อนจะพรางการมองเห็นและปิดกั้นกับรับรู้ของคนอื่น ด้วยเวทย์ธาตุมืดพร้อมกับจารึกเวทย์อีกหลายสิบชิ้น
"ไม่มีใครสืบเรื่องของท่านหรอก" มันพูดด้วยเสียงที่นิ่งสงบ แววตาไม่มีความลอกแลกหรือหวาดกลัวสักนิด
เขามองที่มันอย่างเฉื่อยช้า ก่อนจะส่ายหน้าอย่างช้าๆ แล้วทำการกรอกยาบ้างอย่างเข้าไปในปากของมัน นั้นทำให้มันหลับแล้วตื่นขึ้นมาอย่างไม่รู้สึกตัว
"ใครต้องการข้อมูลของข้า" เขาถามมันพร้อมกับจ้องหน้ามันไปด้วย ถึงแม้มันจะไม่รับรู้ถึงเรื่องนี้ก็ตามที
"ผู้ช่วยอารักษ์แห่งกษัตริย์อเคเซียที่สิบสาม" เสียงยานคางของปารัสดังออกมา พร้อมกับรายชื่ออีกสองถึงสามคน
พวกมันเป็นกลุ่มคนที่ทรงอำนาจในราชวงค์ทั้งสิ้น ซึ่งเขาไม่ได้เขาไปยุ่งเกี่ยวแม้แต่น้อย มีเพียงพวกขุนนางและผู้มีอำนาจทางด้านอื่นของเมืองเท่านั้น ที่เขาได้ซื้อข้อมูลลูกชายและลูกสาวของพวกมันเอาไว้ ไม่มีผู้เกี่ยวข้องกับราชวงค์แม้แต่คนเดียว
แต่พวกมันกลับสือข้อมูลของเขาเสียอย่างนั้น นั้นทำให้เขาสงสัยถึงการคงอยู่ของพวกที่กำลังชักใยราชวงค์อยู่เบื้องหลัง ว่าคงไม่ใช้เพียงพวกขุนนางทั่วไปเสียแล้ว น่าจะเป็นคนในราชวงค์เสียมากกว่า
"เจ้าได้เปิดเผยข้อมูลของข้าไปหรือยัง" เขาถามเสียงเครียด เพราะข้อมูลของเขานั้นมีหลายสิ่งที่สำคัญและมีค่ามากเกินไป ถ้ามีใครได้มันไปเขาคงอยู่อย่างไม่สงบแน่นอน
"ยัง ข้อมูลข้าเพิ่งซื้อมันมาได้ไม่ถึงวัน ยังต้องรอการพิสูจน์จากหน่วยคัดกรองอีกที"
"ใครเป็นผู้ขายข้อมูลของข้า!" น้ำเสียงของเขาเริ่มแข็งข้อขึ้นทุกที
"นายช่าง'เมล' ผู้ช่วยคนหนึ่งของท่านม๊อคก้า ..." มันพ่นรายชื่ออกมาอีกเจ็ดถึงแปดคน พวกมันเป็นคนที่เขาเคยพบมาแล้วทั้งนั้น ซึ่งส่วนมากจะเป็นลูกน้องของคนที่เขาติดต่อด้วย
ไม่ว่าจะเป็นม๊อคก้า เจ้าของร้านขายเครื่องประดับ ร้านค้าวัตถุดิบสัตว์เวทและร้านอื่นๆอีกหลายร้าน เขาจดจำชื่อเหล่านั้นเอาไว้ ก่อนจะถามคำถามอีกหลายคำถาม แล้วจึงนั่งรอให้มันได้สติขึ้นมา
ใช้เวลาไม่นานนักปารัสก็ได้สติกลับมาครบถ้วน นั้นทำให้มันมองมายังชายหนุ่มอย่างหวาดกลัวเป็นครั้งแรก เพราะยาสะกดวิญญาณที่มันได้รับไป เป็นยาหายากและมีราคาสูงเสียจนหาค่ามิได้ แต่การถูกนำมาใช้อย่างง่ายด้ายเช่นนี้ นับว่าผู้ใช้ต้องมีอิทธิพลและทรัพย์สินจำนวนมหาศาลเป็นแน่แท้
แม้จะไม่ทิ้งร่องรอยเอาไว้ แต่กลับคนที่คุ้นชินกับการล้วงความลับ และเคยเห็นผลกระทบของยานี้มาโดยตรง ก็ทำให้มันทราบถึงสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากได้รับยาชนิดนี้ได้ในทันที ผลกระทบของมันคือการเหนื่อยล้าของร่างกายและจิตใจอย่างมาก และมันก็กำลังรู้สึกเช่นนั้นอยู่ในตอนนี้
"เจ้าจะทำยังไงกับข้อมูลของข้าละ" เขาถามเสียงเรียบ ก่อนจะมองไปที่มันอย่างนิ่งๆ
ด้วยสภาพของปารัสที่ดูกระเชอะกระเชิงเล็กน้อย และมีหลายจุดที่มีรอยช้ำเล็กน้อยปรากฏขึ้น มันเกิดจากการอยู่ในท่าเดิมนานเกินไป แววตาที่ตื่นกลัวและสายตาที่ไม่มันคงอย่างยิ่ง มันมองมายังชายหนุ่มเล็กน้อย ก่อนจะตอบออกมา
"ขะ ข้าไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น ได้โปรดเมตตาข้า" มันกล่าวเสียงสั่น พร้อมกับส่งสายตาอ้อนวอนมายังชายหนุ่ม
ครรชิตโบกมือครั้งหนึ่ง เถาวัลย์ที่มัดปารัสอยู่ก็คลายออกแล้วจางหายไป เช่นเดียวกับอสรพิษมรกตที่ส่งเสียงขู่ไปยังปารัสครั้งหนึ่ง ก่อนจะกลับเข้าไปในร่างกายของครรชิตอย่างช้าๆ โดยยังจ้องไปยังปารัสอย่างไม่ว่างสายตาจนหายลับไป
"ก็ดี เช่นนั้นเจ้าก็รับเงินนี้แล้วเอาข้อมูลมาตามตกลง แล้วเจ้าก็สามารถจากไปได้" เขาโยนแหวนวงเดิมไปให้มัน ก่อนจะรับแหวนอีกวงกลับมา
ทั้งคู่ไม่ได้พูดคุยกันอีก ชายหนุ่มนามปารัสได้เดินหายไปในฝูงชน ส่วนครรชิตจ้องมองปารัสที่หายเข้าฝูงชนไป ก่อนที่ตัวเขาเองก็จางหายไปจากตรอกนั้นเช่นกัน
ในส่วนหนึ่งของเขตกิลด์ ปรากฏร่างของชายหนุ่มในชุดผ้าไหมสีฟ้าอ่อน กำลังเดินไปตามกิลด์ทหารรับจ้างมากมายในบริเวณนั้น
มันเดินอย่างเชื่องช้าแต่สง่างามทุกย่างก้าว มันมุ่งตรงไปยังกิลด์ทหารรับจ้างแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นอาคารที่ใหญ่โตที่สุดของย่านนี้ และยังดูน่าเกรงขามอย่างที่สุดอีกด้วย
มันคือกิลด์ทหารรับจ้างที่ใหญ่ที่สุดของเมืองหลวงอเคเซีย และเป็นกิลด์นักฆ่าใต้ดินที่ใหญ่ที่สุดอีกด้วย
"ข้าต้องการจ้างวานทหารรับจ้างสักเล็กน้อย" ตั้งแต่ที่เขาเข้ามาในอาคารหลังนี้ เขาก็ได้รับสายตามากมายของผู้คนในอาคารที่จับจ้องมาที่เขา จนกระทั่งเขาเอ่ยปากถึงธุระของเขา พวกมันถึงได้หันกลับไปสนใจธุระของตนต่อไป
"ไม่ทราบว่า นายท่าน มีอะไรให้กิลด์ทหารรับจ้าง'ฟลูบลัด'รับใช้หรือเจ้าค่ะ" พนักงานต้อนรับสาวสวยได้พูดออกมาอย่างยั่วยวนเล็กน้อย
"ข้าต้องการสั่งสอนคนในรายชื่อเหล่านี้ พร้อมฝากข้อความถึงพวกมันสักเล็กน้อย" เขายื่นรายชื่อนับสิบรายชื่อ พร้อมกับข้อความอีกหนึ่งบรรทัดสั้นๆไปให้พนักงานสาว
"สิบสามคน ทั้งหมดเป็นผู้คนธรรมดา ไม่มีผู้คุ้มกัน ไม่มีคนหนุนหลังและไม่มีขุนอำนาจให้การช่วยเหลือ คนละหนึ่งพันเหรียญจิตอสูร ทั้งหมดก็หนึ่งหมื่นสามพันเหรียญจิตมาร เจ้าค่ะ" พนักงานสาวยิ้มอย่างนอบน้อมก่อนจะยื่นสัญญาว่าจ้างมาให้ครรชิต
เขารับมันมาก่อนจะลงชื่อประทับตรา แล้วส่งเงินไปให้หญิงสาวตามจำนวนที่ร้องขอ พร้อมกับเงินอีกเล็กน้อยเป็นทิปให้หญิงสาว แล้วเดินจากอาคารกิลด์ไปอย่างช้าๆ จนหายลับไปกับฝูงชนที่นอกกิลด์
"เจ้ารับไปจัดการก็แล้วกัน ไม่มีการฆ่า มีเพียงการสั่งสอนเบาๆเพียงเท่านั้น" หญิงสาวเรียกคนกลุ่มหนึ่งมา แล้วยื่นส่งรายชื่อพร้อมข้อความไปให้
"ไม่เห็นจะยากตรงไหน งานง่ายๆเช่นนี้ทำไมพวกเราต้องรับไปด้วย" หัวหน้ากลุ่มพูดอย่างไม่พอใจ พร้อมกับรับเอารายชื่อมาอย่างไม่ยินยอมสักเท่าไร
"เป้าหมายไม่ยาก แต่ผู้ว่าจ้างไม่ง่ายเช่นที่เจ้าคิด อย่าทำอะไรผิดพลาดสักนิดเดียว ไม่เช่นนั้นผลที่ตามมาอาจจะเลวร้ายเสียยิ่งกว่าไปฆ่าพวกขุนนางไม่สำเร็จเสียอีก" หญิงสาวตอบกลับ ก่อนจะหันไปจากหน้าเคาน์เตอร์รับคำร้อง แล้วหายไปจากช่องของเธออย่างรวดเร็ว
"มีอะไรน่ากลัวนักหนา ก็แค่ผู้ชายคน..." ยังไม่ทันจบคำพูด สายตาที่กำลังไล่อ่านภารกิจอยู่กลับไปสะดุดกับชื่อของผู้ว่าจ้าง
"บิชอบ จูเนียร์ ดิ แอสลาส ผู้ที่มีความเหี้ยมโหดและชอบทรมานผู้นั้นนะหรอ" มันพูดเสียงสั่น ก่อนจะอ่านซ้ำเพื่อยืนยันอีกครั้ง
ในตอนนี้ข่าวลือของครรชิตในหมู่ทหารรับจ้างได้เลื่องลือมาจากเมืองแบล๊คร็อคนานแล้ว หลังจากที่หนึ่งในสมาชิกของกลุ่มทหารรับจ้างกลับไปยังตระกูล เพื่อทำการประลองกับคนอื่นๆในตระกูล มันได้กระจายข่าวลือที่ว่า
มีนายน้อยคนหนึ่งในตระกูลรอง มีความสามารถที่โด่ดเด่นและเป็นคนที่น่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง ใครคิดร้ายต่อมันมักจบด้วยความทรมานและสยดสยอง มันชอบทรมานผู้ที่คิดร้ายต่อมันอย่างที่สุด และด้วยพรสวรรค์ในการฝึกฝนที่น่าหวาดหวั่น ทำให้มันเป็นหวาดกลัวของข้ารับใช้หลายคนในตระกูล รวมถึงนายของพวกมันบางส่วนด้วยซ้ำไป
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

สิบสามคนทำไมเป็นหนึ่งหมื่นสามพันเหรียญมาร พลาดปล่าวไรต์