ตอนที่ 114 : ม๊อคก้า ผู้ค้าอาวุธตลาดมืด
บทที่ 3 : ม๊อคก้า ผู้ค้าอาวุธตลาดมืด
เวลาแห่งการล่าสัตว์เวทได้ผ่านไปสองเดือน มันเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ครรชิตและข้ารับใช้ของตระกูลรองในตระกูลแอสลาส ทำการจัดสรรทรัพยากรและหน้าที่ในการดำเนินชีวิต
พวกแม่บ้านก็คอยดูแลความสะอาดภายในบ้าน รวมกับเหล่าเมดและพ่อบ้านที่มีความชำนาญทางด้านนี้ โดยมีพ่อบ้านอีกสองคนกับข้ารับใช้ฝึกหัดอีกหนึ่งถึงสองคน คอยจัดการความสะอาดด้านนอกรวมทั้งตกแต่งสถานที่อีกด้วย มีแม่ครัวและพ่อครัวอย่างละหนึ่งคน ซึ่งทั้งสองคนก็สามารถทำอาหารพอสำหรับทุกคนในบ้านได้
นี้นับว่าเป็นเรื่องปรกติของพวกเขา ซึ่งตอนที่อยู่ในบ้านพักของตระกูลแอสลาส พวกเขาก็มีหน้าที่คล้ายกับที่นี้เช่นกัน
สิ่งที่แตกต่างไปจากเดิมก็คือ พวกเขามีจำนวนคนน้อยลงไปเกือบกว่าครึ่ง ทำให้พวกเขาต้องทำงานมากขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย แต่ก็ไม่นับว่าหนักหนามากนัก เพราะด้วยทรัพยากรฝึกฝนที่มากกว่าเดิมหลายเท่าตัว ทำให้พลังฝีมือของพวกเขามากขึ้น ทำให้ความคล่องแคล่วในการทำงานมากขึ้น จนในอดีตเทียบไม่ได้เลยสักนิดเดียว
การทำงานของพวกเขาเต็มไปด้วยความรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพมากขึ้นเกือบเท่าตัว นอกจากงานบ้านทั่วไปที่ต้องทำทุกวันอยู่แล้ว ในตอนเย็นของทุกวัน พวกเขาต้องฝึกการต่อสู้และการอารักขาอย่างหนัก เพื่อจะเป็นองครักษ์คอยพิทักษ์บ้านหลังนี้เอาไว้
พวกเขาทำได้อย่างดีเสียด้วย ทำให้พวกเขาไม่ต้องจ้างพวกยามหรือทหารรับจ้างสักคนเดียว โดยในทุกวันจะมีคนหนึ่งถึงสองคนเป็นยามรักษาการ พวกเขาจะป้องกันบ้านตลอดทั้งตอนกลางวันและตอนกลางคืน
ทรัพยากรที่แจกจ่ายให้พวกข้ารับใช้ เป็นเพียงทรัพยากรที่ได้มาระหว่างการเดินทางมายังเมืองนี้ แต่มันก็มากพอที่จะแจจ่ายให้กับพวกเขาได้นานนับสัปดาห์ และมันยังคงมีเหลืออีกมากมาย
ด้วยทั้งคนที่น้อยกว่าและมีเวลาในการบ่มเพาะได้ต่อเนื่อง ซึ่งแตกต่างจากเจ้าของเก่าของมันที่ตอนนี้กำลังถูกจำคุกและรอตัดสินโทษอยู่ ทำให้มันถูกใช้อย่างคุ้มค่าอย่างที่สุด
ถึงแม้การใช้ศิลาจิตอสูรจะได้พลังมานาธาตุน้อยกว่าที่ควร เพราะมันไม่ได้บริสุทธิ์เหมือนกับพวกมานาจากศิลาจิตอสูรไร้ธาตุ แต่เพราะศิลาจิตอสูรไร้ธาตุนั้นมีเพียงระดับหนึ่ง และไม่อาจจะหลอมมันเป็นมานาธาตุได้ทันที ทำให้ผู้คนส่วนใหญ่เลือกจะใช้ศิลาจิตอสูรธาตุต่างๆกันเสียมากกว่า
"เมย์ ข้าฝากบ้านของข้าด้วยนะ อีกสักวันสองวันข้าจะกลับมา" ครรชิตพูดขึ้นในเย็นวันหนึ่ง
นี้ผ่านมาเกือบจะหนึ่งเดือนแล้ว ตั้งแต่ที่พวกเขาย้ายเข้ามาอยู่ที่นี้ ซึ่งเรื่องบ้านหลังนี้เขาได้ส่งจดหมายไปยังบิดาและลุงดีลเรียบร้อยแล้ว รวมทั้งยังส่งไปให้สามสาวที่แยกไปล่าที่เดิมอีกต่างหาก ถึงเวลาที่เขาจะจัดการเรื่องเกี่ยวกับพวกของสะสมจากการเดินทางนี้เสียที
"จะไปหาเจ้าบ้านั่นอีกแล้วหรอค่ะ ครั้งที่แล้วจบไม่คอยดีสักเท่าไรนะค่ะ ท่านอาจารย์" เด็กสาวพูดออกมาอย่างไม่พอใจ
"เรื่องเล็กน้อยเอง เมย์ ครั้งนี้จะดีกว่าครั้งที่แล้วแน่นอน ข้าไปกก่อนแล้วเจอกัน"
เมื่อแสงอาทิตย์ลับขอบฟ้า ชายหนุ่มก็ทะยานตัวขั้นไปท้องฟ้า ก่อนจะบินหายไปในยามราตรีด้วยปีกโลหะสีเงิน ทิ้งพื้นดินไว้เบื้องล่างพร้อมกับบ้านเรือนนับร้อยหลัง ก่อนจะมุ่งสู่เขตชานเมืองที่เต็มไปด้วยบาร์เหล้าและไร่นา
ในยามเย็นของโรงตีเหล็กแห่งหนึ่ง มันเป็นโรงตีเหล็กขนาดใหญ่โตที่กินเนื้อที่เกือบสามไร่ ซึ่งมันถูกสร้างอยู่ชานเมืองแห่งนี้ และรอบด้านของมันก็มีโรงตีเหล็กเช่นนี้อีกนับสิบแห่ง แสงและเสียงของการตีเหล็กยังคงได้ยินและได้เห็นอย่างชัดเจน แม้จะเริ่มมืดค่ำแล้วก็ตามแต่การตีเหล็กยังคงดำเนินต่อไป
ในโรงตีเหล็กแห่งนี้แตกต่างจากโรงตีเหล็กอื่นๆ เพราะมันเป็นโรงตีเหล็กที่มีร้านค้าและลานทดสอบอาวุธอยู่ด้านของข้างมัน ทำให้มันมีพื้นที่มากกว่าโรงตีเหล็กอื่นอีกหลายสิบแห่ง รวมทั้งยังมีการสั่งทำอาวุธนับพันรายการต่อเดือน
ส่วนมากโรงตีเหล็กนี้จะทำอาวุธเฉพาะที่ได้รับการว่าจ้างเท่านั้น นั้นแตกต่างจากโรงตีเหล็กโดยรอบ ที่จะสร้างอาวุธแล้วนำไปขายให้กับร้านอาวุธในเมือง ทำให้โรงตีเหล็กแห่งนี้เป็นสถานที่ที่มีชื่อเสียงพอสมควร
แต่ภายใต้ชื่อเสียงของโรงตีเหล็กที่กระจายไปทั่วเมืองแล้ว มันยังมีชื่อเสียงในทางลับหรือโลกมืดอีกด้วยว่า เป็นโรงตีเหล็กที่รับซื้ออาวุธจากทุกที่มา ไม่ว่าจะเป็นของโจรหรือพวกร้อนเงิน มันก็รับซื้อหมดก่อนที่เปลี่ยนพวกนั้นเป็นรูปลักษณ์ใหม่ แล้วนำออกมาขายในโรงประมูลทั้งหลายในตัวเมือง
สำหรับอาวุธขั้นต้นมันจะถูกหลอมและขึ้นรูปใหม่ ส่วนอาวุธและชุดเกราะระดับกลางจะถูกนำไปประมูลตามโรงประมูลใต้ดินแทน มีบางที่เปลี่ยนรูปลักษณ์ของมันก่อนจะนำไปเข้าโรงประมูล
"เจ้าพวกตัวขี้เกียจ เมื่อไรพวกเจ้าจะเศษเหล็กพวกนั้นไปหลอมสักที ข้าจะได้ส่งมันไปขายให้หมดๆจะได้ไม่ขว้างหูขว้างตาข้า!" เสียงตระกุลจากชายหนุ่มที่สวมชุดช่างตีเหล็กสีดำ ที่มีลวดลายที่ดูแปลกตาจนไม่อาจจะระบุได้ว่ามันเป็นสิ่งใด มันได้ตะโกนไปยังพวกชายหนุ่มและหญิงสาวหลายคน ที่มีรูปร่างแข็งแรงพอดูและทุกคนต่างอยู่ในชุดหนังที่ดูดีสำหรับการทำงานนี้
พวกแรงงานเหล่านี้ต่างรีบยกพวกเศษโลหะ ที่ไม่ว่าจะเป็นเศษดาบ โล่ ชุดเกราะหรือแม้แต่เศษรูปปั้นก็ถูกโยนลงไปในเตาหลอมขนาดใหญ่ ที่กินพื้นที่ไปเกือบสิบเมตรรอบๆนี้ และมันยังแผ่อุณหภูมิที่สูงจนน่ากลัวออกมาอีกด้วย แต่ด้วยชุดป้องกันที่พวกมันใส่ทำให้ความร้อนแค่นี้ทำอะไรพวกมันไม่ได้
"นายท่าน นี้คือของระดับกลางที่ถูกส่งเข้ามาในวันนี้ขอรับ" เสียงของชายหนุ่มคนหนึ่งในชุดหนังกันไฟ มันมาพร้อมกับม้วนหนังสัตว์พื้นเล็กๆที่ถูกม้วนเอาไว้ ก่อนจะยื่นม้วนหนังสัตว์ส่งให้ชายวัยกลางคนในชุดช่างตีเหล็ก
"ไปได้" มันโบกมือไล่คนงานคนนั้น ก่อนจะเดินแยกไปอีกทางที่จะนำมันไปยังห้องห้องหนึ่งในโรงตีเหล็กนี้
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
มันเคาะประตูห้องหนึ่งที่ดูหรูหราและดูดีกว่าส่วนอื่นของโรงงานนี้ ก่อนที่มันจะเปิดประตูเข้าไป ด้านในห้องนั้นมีอุณหภูมิที่ต่ำกว่าด้านนอกหลายองศา และยังมีการตกแต่งที่ดูแปลกตาไปจากห้องในบ้านทั่วไป เพราะทุกพื้นที่ไม่ว่าจะผนังหรือเพดานก็เต็มไปด้วยอาวุธและชุดเกราะที่เรียงรายไปทุกพื้นที่
"ท่านม๊อคก้า นี้เป็นรายชื่อของอาวุธระดับกลางที่เพิ่งเข้ามาในใหม่ขอรับ และนี้เป็นความคืบหน้าของการสร้างอาวุธออกขายในปัจจุบัน" มันส่งหนังสัตว์ที่ม้วนอย่างดีพร้อมกับสมุดบันทึกเล่มเล็กๆไปให้ชายชราคนหนึ่ง
ชายชรานั่งบนเก้าอี้กลางห้อง ได้จ้องมองไปยังนายช่างตรงหน้าอย่างเงียบๆ ก่อนจะโบกมือไล่มันออกไปจากห้อง พร้อมกับคว้าจับไปยังม้วนหนังสัตว์และสมุดบันทึก ที่ได้ลอยเข้ามาหามันอย่างช้าๆแต่นุ่มนวลอย่างยิ่ง
"ดาบกุดหัวสิงโต หอกอสรพิษสามเศียร..." มันพึมพำรายชื่อสิ่งของบนม้วนหนังสัตว์ไปเรื่อยๆ สลับกับการจิบชาไปอย่างเอื่อยเปื่อย
เสียงบ่นเบาๆนี้ดังออกมาอย่างต่อเนื่อง จนเมื่อมันอ่านถึงรายชื่อในรายการอันหนึ่ง มันทำให้คิ้วของชายแก่กระตุก นอกจากคิ้วแล้วยังมีหนวดสีขาวอันฟู่ฟ่องก็กระตุกอย่างช้าๆ
"มีดสลักโลหะเวทมนตร์! เจ้าครรชิต!" เสียงโทนต่ำดังออกมาจากปากของม๊อคก้า มันทำให้ทั่วทั้งห้องมีอุณหภูมิสูงขึ้นฉับพลัน เหล่าอาวุธและชุดเกราะที่อยู่ภายในห้องต่างกลายเป็นสีแดงเหมือนถูกเผา และเริ่มหลอมละลายกลายเป็นของเหลวสีแดงทั่วพื้น
ย้อนกลับเมื่อสามอาทิตย์ที่แล้ว
เมื่อครรชิตได้จัดการบ้านในเมืองหลวงอเคเซียเรียบร้อยแล้ว เขาได้หาที่ที่สามารถกระจายสินค้าที่เขาได้มา ทั้งสินค้าจากเมืองแบล๊คร็อค ของกักตุนภายในแหวนของพวกโจร ทั้งอาวุธและชุดเกราะ ยังมีพวกยาและอาหารแห้งอีกมากมาย และมีอีกจำนวนมากที่เป็นพวกเครื่องประดับและของล้ำค่าอื่นๆ
พวกอาหารแห้งและยาสามารถขายออกไปได้อย่างง่ายดาย แต่กับพวกเครื่องประดับ อาวุธและชุดเกราะนั้น ส่วนมากเป็นพวกของร้อนเสียมากกว่า พวกมันมีตราประทับเวทย์อยู่แทบทุกชิ้น ซึ่งเขาส่งมันไปขายไม่ได้สักชิ้นเพราะอาจจะถูกตราหน้าว่าเป็นหัวขโมยได้
ส่วนการตามหาเจ้าของของพวกมันก็ไม่ได้เป็นสิ่งที่เขาต้องการ เพราะเขาได้พวกมันมาอย่างยุติธรรมด้วยการรับเอามาจากพวกโจรที่เข้าโจมตี ซึ่งของที่ได้หลังสงครามมักถูกนับเป็นสินสงคราม ที่ฝ่ายชนะสามารถรับไปได้ทุกอย่างโดยไม่ถูกตรวจสอบ
เขาได้นำเอาเครื่องประดับไปสร้างเป็นของสิ่งอื่น ทั้งเครื่องประดับที่ดูสวยงามยิ่งกว่าเดิม ซึ่งมันถูกขายไปตามร้านเครื่องประดับ รวมทั้งโรงประมูลหลายแห่งภายในเมือง เพราะตราเวทย์บนเครื่องประดับมักจะอยู่ที่ตัวเครื่องประดับ มิใช่อยู่บนเม็ดอัญมณีเสียหน่อย จึงทำให้เขาดัดแปลงตัวอัญมณีได้อย่างอิสระ
ส่วนตัวชุดเกราะและอาวุธจะมีตราเวทย์ลงอยู่ตรงจุดสำคัญของตัวชุดเกราะและอาวุธ ทำให้เมื่อดัดแปลงของเหล่านี้พวกมันจะพัง แล้วกลายเป็นเพียงเศษเหล็กเท่านั้น ซึ่งไม่เหมือนเครื่องประดับที่จะเหลืออัญมณีสำหรับทำสิ่งอื่นได้อีก
พวกชุดเกราะและอาวุธมันจะมีวงเวทย์และศิลาจิตอสูรอยู่ตรงจุดสำคัญ เมื่อมันถูกทำลายลงไปศิลาจิตอสูรจะแตกสลายไป และเช่นเดียวกับวงจรเวทย์จะถูกทำลายลงไปเช่นกัน ซึ่งพวกมันจะถูกควบคุมด้วยตราเวทย์นี้เอาไว้ เมื่อมีการพยายามปรับแต่งตัวของอาวุธและชุดเกราะ เพื่อป้องกันการลักลอบขนอาวุธไปขายที่อื่นๆ หรือป้องกันการแอบอ้างทั้งหลาย
ด้วยความที่โรงตีเหล็กแห่งนี้รับซื้อของร้อนเช่นนี้ ครรชิตจึงเอาของพวกนี้ไปเทขายที่โรงตีเหล็กแห่งนี้ แต่ทว่าเขาต้องการรู้ถึงวิธีที่นายช่งของที่นี้ทำงาน จึงดึงเวลาระหว่างเจรจาข้อตกลงถึงราคาของสินค้าที่เขานำมา ในระหว่างนั้นเขาก็แอบสังเกตวิธีการตีอาวุธ การสลักวงเวทย์และการจัดการหลอม รวมทั้งวิธีการประดับตกแต่งอาวุธแบบต่างๆ
และนั้นนำมาซึ่งความขัดแย้งของทั้งคู่ เพราะวิชาและเทคนิคการตีดาบเป็นความรับของม๊อคก้า ถึงแม้เขาจะได้ฉายาว่าเป็นพ่อค้าอาวุธตลาดมืด แต่มว่าก่อนหน้านั้นเขาก็เป็นเพียงช่างตีเหล็กธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น
หลังจากได้พบกับตำราการตีเหล็กขั้นกลางในสถานที่ลึกลับแห่งหนึ่ง มันเป็นตำราเพื่อสร้างอาวุธและชุดเกราะขั้นกลาง และมีส่วนท้ายเล่มที่เป็นข้อมูลถึงวิธีการสร้างอาวุธขั้นสูง แต่มันก็เสียหายจนไม่อาจจะนำมาใช้ได้ แต่เพียงแค่สร้างอาวุธขั้นกลางก็สามารถสร้างเงินทองได้มากมายแล้ว
สำหรับครรชิตที่ขโมยวิชาไปอย่างหน้าดานๆเช่นนี้ จะไม่ให้มันโมโหหรืออาฆาตได้อย่างไร ถ้าเพียงแค่นี้ยังพอสามารถเจรจากันได้อยู่บ้าง แต่ทว่าหลังจากเรียนรู้เสร็จเรียบร้อยแล้ว ครรชิตกับมองไปยังม๊อคก้าอย่างสงบก่อนจะพูดออกมา
"วิชาตีเหล็กของเจ้าช่างอ่อนหัดเสียจริง ไม่เหมือนกับที่เจ้าคุยเอาไว้เลยนะ" เพียงแค่สองประโยคแต่กลับทำให้ฟางเส้นสุดท้ายของม๊อคก้าขาดลง มันกระโจมใส่ชายหนุ่มด้วยกำลังทั้งหมด พร้อมกับควงค้อนตีเหล็กขนาดใหญ่สีแดงโลหิตใส่ชายหนุ่มอย่างบ้าคลั่ง
ด้วยการโจมที่กว้างและไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้าง ทำให้มีหลายส่วนของโรงตีเหล็กพังทลายเป็นชิ้นๆ บางส่วนถึงกับระเบิดกลายเป็นหลุมขนาดใหญ่ก็มี แต่ทุกการโจมตีของม๊อคก้าก็ไม่ได้เฉียดใกล้ครรชิตแม้แต่นิดเดียว
ก่อนที่ค้อนตีเหล็กยักษ์จะออกท่าทาง ครรชิตก็หลบไปก่อนที่ชายแก่จะรู้ตัวเสียอีก ทำให้มันทุบได้แต่พื้นดินและอากาศธาตุเท่านั้น
ทุกการเคลื่อนไหวของชายหนุ่มเต็มไปด้วยความว่องไว และไร้ซึ่งการเคลื่อนไหวที่สูญเปล่าสักนิดเดียว เมื่อการต่อสู้ดำเนินไปได้สักพัก ครรชิตก็พริ้วตัวหายไปจากระยะมองเห็นของชายแก่ ทิ้งไว้เพียงมีดสั้นเล่มหนึ่ง
มันเป็นมีดสั้นสีดำที่ดูสวยงามเป็นอย่างยิ่ง ส่วนคมของมันเป็นสีแดงเหมือนเลือด ซึ่งมันทำมาจากโลหะเวทมนตร์อย่างแน่นอน เพราะตรงใบดาบและส่วนอื่นที่ีโลหะสีแดงเลือดเช่นนี้ประดับอยู่ มันแผ่ไอมานาออกมาเล็กน้อย ถ้าไม่สังเกตให้ดีจะไม่มีทางรับรู้ถึงมันได้เลยสักนิด แต่ด้วยประสบการณ์มากกว่าสี่สิบปี ทำให้มันรู้ได้ในทันทีว่ามันคือโลหะเวทมนตร์อย่างแน่นอน
เมื่อไม่ได้ตัวของชายหนุ่ม ผู้ที่ทำให้มันปวดเศียรเวียนก้าวอย่างรุนแรง มันก็ไม่ได้สนใจมันอีกเพราะสิ่งที่ชายหนุ่มทิ้งไว้นั้นน่าสนใจยิ่งกว่า ไม่ใช่ว่ามันไม่เคยสร้างอาวุธจากโลหะเวทมนตร์เช่นชายหนุ่ม แต่อาวุธที่มันสร้างออกมานั้นใช้เพียงแค่โลหะเวทมนตร์ชั้นต่ำที่สุด หรือจะเรียกว่าเป็นโลหะเวทมนตร์ระดับต่ำที่พังไปแล้วมาทำ
ด้วยโลหะเวทมนตร์ชั้นต่ำเช่นนั้น ทำให้อาวุธที่มันสร้างออกมาอยู่ในขั้นกลางอย่างฉิวเฉียด และแทบจะไม่ได้เป็นความภาคภูมิใจของมันสักนิดเดียว เพราะวิธีการสร้างที่มันได้เรียนรู้มานั้น ต้องใช้โลหะเวทมนตร์ที่เป็นแร่ดิบ แล้วทำการหลอมมันออกมาแท่งก่อนจะขึ้นรูป
แต่ทว่าโลหะเวทมนตร์ที่มันได้มานี้ มันเป็นโลหะเวทมนตร์เหลวที่ถูกขึ้นรูปแล้ว แต่มันพังจนกลายเป็นเศษชิ้นส่วนซึ่งเขาเอามาหลอมใหม่ แต่ประสิทธิภาพของมันก็ต่ำลงจนแทบจะกลายเป็นโลหะธรรมดาอยู่แล้ว
"มันจะมาทำไม หรือจะมีเรื่องอะไรมาให้ข้าอีกแล้ว" นี้ไม่ใช่ครั้งที่สองที่ครรชิตส่งมีดสั้นมาให้ ก่อนหน้านี้เคยส่งมาหนึ่งครั้งพร้อมกับความวุ่นวายอย่างที่สุด เพราะมันนำมาซึ่งความละโมบของผู้คน
เพียงแค่อาวุธขั้นกลางที่แทบจะเป็นขั้นสูงสองชิ้น ก็แทบจะทำให้โรงตีเหล็กแห่งนี้เกือบถูกถล่มด้วยฝูงชน ที่ต้องการซื้อมีดสั้นทั้งสองเล่มไปจากเขา แน่นอนว่าข่าวที่เขามีอาวุธขั้นกลางเก์อบขั้นสูง ถูกเผยแพร่โดยคนงานของเขาเอง แต่มันมีที่มาจากครรชิตนั้นแหละที่มอบมีดสั้นเล่มที่สองอย่างโจ่งแจ้ง จนทำให้ดึงความสนใจของลูกจ้างทั้งหลาย
ถึงแม้มีดเล่มที่สองจะมาพร้อมกับข้อเสนอที่ดูดีเป็นอย่างยิ่ง แต่มันก็สร้างความวุ่นวายในแก่ม๊อคก้าพอๆกับผลประโยชน์ที่ได้รับ ในครั้งนั้นเป็นอาวุธระดับต่ำจำนวนมหาศาล ซึ่งจากที่มันดูแล้วมีไม่ต่ำกว่าร้อยชิ้น จนทำให้โรงตีเหล็กของเขาวุ่นวายกับการหลอมพวกมันถึงสองอาทิตย์
ส่วนค่าตอบแทนเขาก็ให้อย่างสมน้ำสมเนื้อ ถึงแม้อาวุธร้อยชิ้นจะเป็นจำนวนที่มากพอดูสำหรับคนๆเดียว แต่มันก็มีราคาที่ไม่มากมายเกินไปนัก ทำให้การเจรจาในครั้งที่สองก็ผ่านไปด้วยดี เพราะทั้งคู่ไม่ได้เจอกันโดยตรง แต่ใช้จดหมายและตัวอักษรในสัญญาเจรจากันเท่านั้น ทำให้มันผ่านไปด้วยดี
"ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่นำเรื่องปวดหัวมาให้ข้าอีก ถึงแม้ข้าจะได้กำไรจากสิ่งเจ้าเสนอมากเพียงใด แต่มันก็แทบจะไม่คุ้มกับพลังชีวิตของข้าที่ต้องสูญเสียไปกับเรื่องบ้าๆของเจ้า" มันพึมพำออกมาเบาๆ ในระหว่างที่นั่งรออย่างนิ่งสงบบนโต๊ะ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ในหนึ่งย่อหน้า ลองตัดคำที่ซ้ำบ่อยออกแล้วอาจจะหาคำอื่นที่สื่อไปในทางเดียวกันมาใช้แทน (ในหนึ่งตอนก็เช่นกัน ดูอย่าให้มีคำเชื่อมประโยค/รูปแบบประโยคซ้ำกันมากเกิน)
กำลังฉาก...ระเบิดภูเขา...เผากระท่อนอยู่เลยนะคับ...ไว้จะตั้งตารอนะคับ