บทที่ 1 : หอสมุด (2)
บนชั้นสองของหอสมุดหลวงถ้ามีคนมองไปยังโซนที่สิบสามจะพบภาพที่เด็กชายคนหนึ่งที่กำลังเลือกหนังสือจำนวนหลายสิบเล่มออกจากชั้นแล้วนำมันไปวางที่กล่องคัดลอกที่ตั้งอยู่ที่หน้าชั้นหนังสือในโซนที่สิบสามหลายรอบแล้วทุกครั้งเด็กชายจะออกมาคัดลอกด้วยหนังสือด้วยจำนวนไม่ต่ำกว่าสิบเล่มเสมอ
แต่โชคดีที่ตอนนี้ในหอสมุดแทบจะไม่มีใครอยู่เลยเพราะแต่ละคนมุ่งความสนใจไปกับการสอบเข้าโรงเรียนหลองที่จะจัดต่อไปอีกสองวันรวมเป็นสามวันของการสอบเข้าวันนี้เป็นการสอบข้อเขียนจึงทำให้พวกหนอนหนังสือทั้งหลายไปดูโจทย์ที่สนามสอบกันหมด
หลังจากที่ขนหนังสือมาคัดลอกเป็นรอบที่แปดเด็กชายก็หยุดมือก่อนจะเข้าไปยังโซนอ่านหนังสือซึ่งเป็นห้องเล็กๆหลายสิบห้องกระจายอยู่ตามมุมต่างๆของหอสมุดชั้นที่สองโดยทุกห้องมีค่าใช้จ่ายสิบเหรียญจิตอสูรพร้อมกับย้ายกองหนังสือที่คัดลอกแล้วเข้าสู่แหวนวงหนึ่งแล้วจึงก้าวเข้าสู่ห้องอ่านหนังสือ
ห้องอ่านหนังสือเป็นห้องที่สร้างจากจารึกเวทย์และศิลาจิตอสูรของสัตว์เวทย์ระดับ 'สามนิทราสามราตรี' สามนิทราสามราตรีเป็นสัตว์เวทธาตุมืดมีรูปร่างคลายดอกทานตะวันสามดอกที่งอกออกมาจากต้นเดียวกันพวกมันเป็นดอกไม้ที่พบมากในป่าที่ไร้แสงหรือป่าโบราณที่มีพลังมานาอัดแน่นภายในป่า
ยามมันอยู่นิ่งมันจะเหมือนดอกทานตะวันทั่วไปแต่เมื่อมีสิ่งมีชีวิตใช้พลังมานาหรือเวทย์ใกล้ๆพวกมัน พวกมันจะลืมตาตื่นแล้วเปลี่ยนกลีบดอกไม้เป็นฟันที่แหลมคมค่อยโจมตีระยะใกล้และมีเข็มพิษที่จะทำให้สิ่งที่โดนยาพิษเหมือนหลับไปตื่นเดียวแต่รู้สึกและประสาทสัมผัสที่ได้รับกลับเป็นสามวันสามคืนแทนและพิษชนิดนี้จะทำให้ผู้ที่โดนรู้สึกเหมือนถูกกัดกินด้วยแมลงทั้งเป็น!
เข็มพิษของมันมีฤทธิ์ที่ทำให้เจ็บปวดเหมือนโดนกัดกินเท่านั้นแต่เวทย์ที่แฝงมากับเข็มพิษต่างหากที่ทำให้ผู้โดนเกิดการบิดเบื้อนมิติทำให้เวลาแค่วันเดียวที่ได้รับพิษเหมือนได้รับพิษมาสามวัน!
เมื่อมีจอมเวทย์หลายคนค้นพบเวทย์แฝงชนิดนี้นำเอามันมาปรับปรุงด้วยการจากรึกเพื่อดึงการใช้เวทย์นี้โดยเฉพาะและไม่ต้องรับผลจากพิษของมันอีกด้วยจนในที่สุดก็ได้ห้องที่สามารถเพิ่มเวลาเรียนรู้ได้แต่ถึงอย่างนั้นมันก้ไม่สามารถฝึกพลังในห้องนี้ได้เพราะมิติที่สร้างขึ้นมาจากเวทย์ของ 'สามนิทราสามราตรี' เมื่อมีการใช้พลังมานามันจะดูดกลืนและทำลายตัวเองทันที ไม่ว่าจะใช้จารึกกำกับอย่างไรก็ตาม ทำให้มันถูกใช้ในการอ่านหนังสือหรือวางแผนการณ์ต่างๆเท่านั้นเพราะนอกจากได้เวลาเพิ่มแล้วยังป้องกันการดักฟังหรือสอดส่องได้อีกตัวเพราะมันจะปล่อยหมอกหนาขึ้นมารอบๆห้อง
ครรชิตกระตุ้นให้จารึกเวทย์ทำงานก่อนที่ตอนเองจะมาโผล่ในห้องเหมือนเดิมแต่นาฬิกาเดินช้าลงสามเท่า! ทุกการกระตุ้นจารึกจะทำให้มันทำงานได้หนึ่งชั่วโมงแล้วมันจะดับลงต้องรออีกสองชั่วโมงถึงจะใช้ห้องเดิมได้
เด็กชายเริ่มหยิบหนังสือที่ดีกว่าหนังสือในหมู่บ้านกรีนพีชขึ้นมาอ่านและตรวจสอบอย่างคราวๆก่อนจะจัดหมวดหมู่และเก็บมันลงไปในแหวนเช่นเดิมก่อนจะวางแผนศึกษาพวกมันเพิ่มเติมหลังจากกลับถึงบ้านแล้ว ส่วนหนังสือจากโซนที่สิบและสิบสามชายหนุ่มค่อยๆอ่านบทนำและเนื้อหาเล็กน้อย อันไหนที่น่าสนใจก็แยกไว้อีกกอง อันไหนไม่น่าฝึกหรือมีแต่น้ำก็โดนไปอีกกอง และที่แปลกๆหรือขาดๆหายๆโดยจงใจเด็กชายก็แยกไว้อีกกอง
แม้จะบอกว่าจะคนหาหนังสือเพื่อฝึกฝนอย่างจริงๆจังๆแต่ที่จริงแล้วก็หาหนังสือที่ชื่อน่าสนใจและแปลกๆเท่านั้น เมื่อแยกหนังสืออกไปเป็นสามกองใหญ่แล้วก็เริ่มอ่านอย่างจริงจังด้วยกองที่น่าสนใจก่อนมันมีอยู่ประมาณห้า-หกเล่มที่น่าสนใจแบ่งเป็นฝึกนักรบสองเล่มและนักรบมนตราสามเล่ม การฝึกนักรบมักเป็นการฝึกกล้ามเนื้อและอวัยวะต่างๆของร่างกายทั้งภายในและภายนอก
เล่มแรกเป็นการฝึกร่างกายอย่างสมดุลเป็นตำราชั้นยอดของการฝึกนักรบโดยมีการบอกถึงวิธีการเสริมสร้างกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ เมื่ออ่านได้สิบหน้าเด็กชายก็หน้าย่นก่อนจะบ่นออกมาเบาๆ "เสียเวลาอ่านจริงๆ ผลัดกายวชิระยังให้ผลดีมากกว่าสิบเท่า!" ที่หน้าสิบเป็นการบ่งบอกว่าการฝึกแต่ละขั้นจะได้ผลอย่างไรบ้างโดยการฝึกแบ่งเป็นสิบขั้นและการฝึกขั้นที่สิบหรือขั้นสูงสุดของหนังสือนี้เป็นการชำระสิ่งปฎิกูลของกล้ามเนื้อได้หนึ่งครั้ง! และยังต้องใช้เวลาเกือบสิบปี!
ถึงแม้ผลัดกายวชิระจะเหมือนการนั่งสมาธิแต่ที่จริงแล้วเป็นการใช้ลมหายใจที่แฝงไปด้วยพลังมานาในการกรุยทางเพื่อรองรับการไหลเวียนลมปราณในอนาคต สิ่งที่อุดตันและขัดขว้างการไหลเวียนของลมปราณจะค่อยๆถูกชะล้างแล้วขับออกมาเรื่อยๆเป็นการฝึกฝนภายใน แต่ตำราการฝึกกล้ามเนื้อเล่มนี้เป็นการฝึกภายนอกด้วยการให้กล้ามเนื้อบีบรัดและคล้ายตัวจนขับสิ่งปฎิกูลออกมาในที่สุด เมื่อฝึกฝนสำเร็จก็มีโอกาศเปลี่ยนไปฝึกนักรบมนตราได้
ในสายตาของครรชิตอาจจะเห็นว่ามันไร้ค่าแต่สำหรับคนที่มีพลังมานาน้อยก็ถือว่านี้เป็นตำราที่สามารถเปลี่ยนชีวิตได้เลยทีเดียว!
ครรชิตหยิบเล่มที่สองออกมาแล้วก็โยนไปรวมกับกองที่ไม่หน้าฝึกอีกครั้งเพราะมันเป็นการฝึกอวัยวะภายในด้วยการทรมานตน! ซึงในขั้นสุดท้ายก็ช่วยขจัดสิ่งปฎิกูลภายในอวัยวะได้หนึ่งครั้งเช่นเดียวกัน หลังจากหมดหวังกับการฝึกแบบนักรบชายหนุ่มก็หยิบการฝึกนักรบมนตราขึ้นมาเล่มที่เป็นการอธิบายขอบเขตกว้างๆของนักรบมนตรา
นักรบมตราแบ่งเป็นสองประเภทคือพวกที่ฝึกนักรบเป็นหลักกับพวกฝึกเวทย์เป็นหลัก การฝึกด้วยนักรบเป็นหลักในสามระดับแรกจะฝึกคล้ายกับการฝึกนักรบแต่จะใช้พลังมานาโดยไม่แปลงเป็นพลังเวทย์ให้มันไหลเวียนหนุนเสริมในร่างนี้คงเป็นเหตุผลที่การฝึกนักรบจะต้องมีการชำระร่างกายให้ได้หนึ่งครั้ง นี้เองเป็นเหตุผลที่นักรบจะเปลี่ยนเป็นนักรบมนตราได้
ในระดับที่สี่จะเริ่มใช้พลังมานาแปลงเป็นพลังเวทย์ในขั้นนี้จะเป็นการฝึกควบคุมพลังเวทย์เป็นหลักเพราะนักรบมนตราแบบฝึกนักรบเป็นหลักไม่ได้มีพลังเวทย์ให้ใช้มากแบบนักเวทย์ได้ เพราะส่วนหนึ่งต้องใช้พลังมานาเป็นเกราะป้องกันตัวและใช้อีกส่วนหนึ่งแปลงเป็นพลังเวทย์เพื่อใช้โจมตี คำอธิบายจบลงแค่ตรงนี้สำหรับฝึกด้วยนักรบเป็นหลัก
ในส่วนการฝึกแบบเวทย์เป็นหลักเหมาะสำหรับผู้ที่มีพลังมานาปานกลางขึ้นไปโดยจะฝึกเน้นไปทางด้านการแปลงมานาเป็นเวทย์แล้วใช้ในการเสริมการโจมตี ป้องกันหรือสร้างจังหวะและโอกาศในการพิชิตคู่ต่อสู้โดยไม่เน้นที่ความแข็งแกร่งของร่างกายมากนัก
และการฝึกนักรบมนตราอีกแบบที่ไม่ค่อยเห็นมากนักนั้นคือนักเวทย์รบ มีการกล่าวถึงสั้นๆในหน้าหนึ่งว่าเป็นผู้ใช้เวทย์ที่เปลี่ยนการฝึกฝนจากการฝึกเวทย์เป็นนักรบเพื่อเข้าสู่แนวหน้าของสนามรบด้วยการใช้พลังมานาสร้างเป็นเกราะที่เห็นได้ชัดและใช้พลังเวทย์เสริมในอาวุธและชุดเกราะอีกชั้นแล้วเข้าสู้ถือเป็นแนวหน้าที่น่าหวาดกลัวในสงครามเลยทีเดียวเพราะแทบจะไม่มีใครทำลายเกราะมานาได้เพราะมันแข็งแกร่งกว่าที่นักรบขั้นเดียวกันจะทำลายมันได้
ครรชิตที่ได้เห็นย่อหน้านี้ถึงกับครุ่นคิดเลยที่เดียวถ้าตนฝึกแนวทางนี้ก็จะสามารถใช้ลมปราณได้โดยไม่ถูกสงสัยแน่นอนเพราะมันคล้ายกับเกราะมานาของนักเวทย์รบ
โดยไม่เสียเวลาชายหนุ่มได้หยิบกระดาษและปากกาขนนกขึ้นมาจดบันทึกข้อมูลต่างๆและสรุปข้อมูลเกี่ยวกับหนังเล่มนี้ด้วยภาษาบ้านเกิดที่มีสี่สิบสีตัวอักษร วรรณยุกต์สี่รูปและห้าเสียงทันทีแล้วจัดเก็บมันไว้ในแหวนมิติวงสุดท้ายที่นิ้วชี้ที่เอาไว้เก็บของสำคัญๆก่อนจะให้ความสนใจกับหนังสืออีกสองเล่ม
หนังสือทั้งสองเล่มแบ่งเป็นการฝึกนักรบมนตราแบบนักรับและนักเวย์อย่างละเล่มชายหนุ่มจดจำและสรุปเนื้อหาใส่กระดาษไว้ก่อนจะโยนทั้งคู่ไปรวมกับเล่มอื่นๆก่อนหน้าเพราะมันไม่ได้อธิบายแตกต่างจากการฝึกเวทย์ที่ชายหนุ่มมีอยู่เท่าไรนักและการฝึกแบบนักรบก็ไม่อยู่ในสายตาเด็กชายเลยสักนิด
เมื่อมองไปยังนาฬิกาตอนนี้ก็เกือบจะสองชั่วโมงแล้วที่เขาเข้ามาอยู่ในห้อง ครรชิตหยิบเอาเจ้าหนังสือสี่เล่มสุดท้ายออกมา
เล่มแรกชื่อ 'ยาวิเศษแห่งภูเขามานา' เป็นการฝึกเพิ่มพูนมานาด้วยยาวิเศษที่มีวิธีจัดสร้างที่แปลกๆที่ดูแล้วเหมือนไม่ประติดประต่อข้ามไปข้ามมา ชายหนุ่มให้ความสนใจเพราะมันคล้ายกับมันเป็นข้อความลับที่ต้องแก้รหัสลับเสียก่อนถึงจะเข้าใจในการสร้างยาแต่ละชนิด ด้วยความที่เป็นผู้สร้างเกมย่อมต้องสร้างปริศนาและข้อความลับมาบ้างหนังสือเล่มนี้จึงดึงดูดความสนใจของเขาเต็มๆ
แม้ในตอนนี้พอจะคลาดเดาการแบ่งข้อความแล้วเรียงลำดับได้แต่ยังไม่สามารถไขกุญแจข้อความได้จึงค่อยๆจัดเรียงมันด้วยการตัดและเรียบเรียงใหม่ในสูตรยาแรกจนครบแต่ยังถอดความไม่ได้จึงเก็บไว้ในส่วนของของสำคัญไปก่อนโดยใช้เวลาไปกับเล่มนี้ครึ่งชั่วโมงทีเดียว
ในเล่มที่สองเป็นหนังสือที่ชื่อว่า 'สลักวิญญาณ' เป็นหนังสือเกี่ยวกับการจารึกเวทย์ลงบนสิ่งมีชีวิตและสิ่งของซึ่งไม่น่าจะเป็นไปได้เพราะอย่างที่ทราบกันทั่วทั้งแผ่นดินทลายฟ้าว่าการสลักจารึกลงบนสิ่งมีชิวิตเสมือนการหยุดน้ำหนึ่งหยดบนมหาสมุทรเพราะร่างกายของสิ่งมีชีวิตต่างก็มีการไหลเวียนพลังมานาเฉพาะในตัวเองจึงไม่อาจใส่มานาอื่นเพื่อสร้างวงจรมานาได้อีกมานาใส่ลงไปก็ถูกมานาในร่างกายดูดซับจนสิ้น
แต่หนังสือเล่มนี้กล่าวถึงการจารึกบนสิ่งมีชีวิตว่าต้องจารึกมันลงบนแกนวิญญาณหรือเม็ดพลังจึงจะได้ผล แต่ก็อีกนั้นแหละทุกคนในแผ่นดินต่างก็ทราบกันดีว่าเมื่อสิ่งมีชีวิตยังไม่ตายก็ไม่อาจจะแยกเม็ดพลังออกมาจากร่างกายได้เพราะมันจะไม่มีตัวตนแต่เจ้าของสัมผัสถึงมันได้แต่เมื่อตายเม็ดพลังจะปรากฎขึ้นมาเองที่หัวใจของสิ่งมีชีวิต
แม้เขาจะรู้ว่ามันอาจจะเป็นไปได้แต่ใครจะกล้าลองล่ะเพราะถ้าแยกเม็ดพลังออกมาจริงๆสิ่งมีชีวิตนั้นคงดับสูญเป็นแน่ เขาได้แต่สงสัยและคิดถึงความเป็นไปได้ก่อนจะข้ามในส่วนนี้ไปยังส่วนอื่น
ในส่วนที่สองกล่าวถึงการสร้างจากรึกบนสิ่งของและการวงจรมานาลงไปด้วยความที่เป็นนักเขียนโปรแกรมครรชิตเข้าใจถึงการจารึกเวทย์อย่างรวดเร็วเพราะการเขียนจารึกเวทย์ไม่ต่างอะไรกับการเขียนโปรแกรมเลยแม้แต่น้อย! เขาได้ประยุกต์มันเล็กน้อยเพราะในหนังสือเล่มนี้บอกว่าตัวอักษรอะไรทำอะไรได้บ้างเพียงไม่กี่สิบตัวเท่านั้นแต่มันยังบอกถึงการสร้างตัวอักษรจารึกเองอีกด้วย ด้วยส่วนนี้เองครรชิตได้สร้างภาษาพื้นฐานของคอมพิวเตอร์ขึ้นมาบนแผ่นดินนี้!
หลังจากศึกษาและสร้างภาษาขึ้นมาได้ไม่นานเข้าก็ปรากฎตัวอยู่ที่ในหน้าห้องพร้อมด้วยของเช่นเดิมแต่หมอกที่ค่อยบดบังสายตาด้านนอกสลายไปหมดสิ้น
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย