ตอนที่ 103 : การประลองแห่งตระกูลแอสลาส
บทที่ 2 : การประลองแห่งตระกูลแอสลาส
วันเวลาผ่านไป ในที่สุดวันที่การประลองจะเริ่มต้นก็ได้มาถึง
วันนี้เป็นวันเปิดการประลองในครั้งนี้ บรรยากาศโดยรอบเต็มไปด้วยความตึงเครียด พร้อมทั้งเต็มไปด้วยความตื่นเต้นทุกหนแห่ง
ตามถนนหนทางนั้น เมื่อวานนี้ยังไม่มีการประดับใดๆ วันนี้กลับเต็มไปด้วยของประดับมากมาย ทั้งโคมไฟหลากสีสัน ป้ายประกาศต่างๆ รวมทั้งการประดับต้นไม้ด้วยกระดาษหลากสี
ทางเข้าของแต่บ้านพักก็ประดับตกแต่งเป็นซุ้มทาง หรือจะปรับเปลี่ยนทางเข้าให้ดูสดใสและมีสีสันขึ้นก็ได้ ส่วนตามทางเดินนั้นตระหลักได้ทำการประดับตกแต่งให้เรียบร้อยแล้ว ตระกูลรองต่างๆก็ทำเพียงตกแต่งทางเข้าของตัวเอง
ยิ่งทางเดินที่นำไปสู่สถานที่สำคัญๆ หรือจะเป็นทางที่จะไปสู่บ้านของผู้มีอำนาจ การประดับตกแต่งจะยิ่งมีสีสันและดูหรูหรามากยิ่งขึ้น นั้นทำให้บรรยากาศที่เป็นธรรมชาติ กลับกลายเป็นบรรยากาศงานเทศกาลอย่างเต็มตัว
ตามทางเดินหลักที่กว้างเกือบสิบเมตร ทั้งสองฝากต่างเต็มไปด้วยร้านค้าจากนอกตระกูล ซึ่งอัดแน่นไปตลอดทางเดินนับตั้งแต่ประตูทางเข้า จนถึงภูเขาตรงกลางของเทือกเขาที่เป็นพื้นที่ของตระกูลแอสลาส
ร้านค้าทั้งสองข้างทางมีตั้งแต่ร้านขายของกิน จนไปถึงร้านขายอาวุธและชุดเกราะมากมาย ราคาของมันนั้นนับว่าแพงกว่านอกเทศกาลเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้แพงมากเกินไป
ทุกร้านค้าเต็มไปด้วยคนของตระกูลแอสลาสที่เดินออกมาจับจ่ายใช้สอย พวกเขาส่วนใหญ่แล้วมักจะแต่งตัวดูดีกันแทบทุกคน ตระกูลรองใดที่มีความมั่งคั่งเป็นอย่างมาก ก็มักจะแต่งองค์ทรงเครื่องประชันกันอย่างเต็มที่
ในภูเขาของตระกูลรองแห่งหนึ่ง ที่นี้มีการประดับตกแต่งที่ดูเรียบง่ายและไม่สิ้นเปลื้องมากนัก ผู้คนที่อาศัยอยู่ที่นี้ต่างเต็มไปด้วยรอยยิ้มบางๆ พวกเขาเดินกันอย่างเรียบร้อยไม่ได้มีท่าทีอวดร่ำอวดรอย เหมือนกับตระกูลรองตระกูลอื่นๆ
ที่แห่งนี้เป็นของตระกูลรองที่แทบจะไม่มีอำนาจอยู่ในมือแล้ว พวกเขาเป็นตระกูลรองที่รักสงบเป็นอย่างมาก ทำให้พื้นที่ของพวกเขาถูกยืดไปเรื่อยๆ แต่ทว่าความแข็งแกร่งของพวกเขาแบบรายบุคคลกลับไม่ลดลง
ด้วยการฝึกฝนร่างกายของพวกเขานั้น ใช้ทรัพยากรเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่กลับให้ผลเช่นเดียวกับการใช้ทรัพยากรที่มากกว่าในจำนวนสี่เท่าตัว นั้นเป็นเพราะสายเลือดของพวกเขาเป็นของตระกูลโบราณตระกูลหนึ่ง
สายเลือดนี้ทำให้ความเร็วในการฝึกฝนนั้นเพิ่มขึ้น พร้อมกับใช้ทรัพยากรเพียงเล็กน้อย ตระกูลนี้มีชื่อเรียกว่า'โลหิตทองคำ' พลังของสายเลือดนี้จะทำให้ผู้ที่มีสายเลือดนี้ ยิ่งมีความเข้มข้นของสายเลือดมากเท่าใด ก็จะทำให้คนผู้นั้นมีสีของโลหิตเป็นสีทองเข้มข้นมากเท่านั้น
พวกเขาได้ตบแต่งเข้าสู่ตระกูลแอสลาสในสองรุ่นที่แล้ว หรือจะนับเวลาจริงๆแล้วก็สี่สิบหกปีแล้วนั้นเอง ด้วยพลังของสายเลือดทำให้พวกเขากลายเป็นตระกูลรองในเวลาไม่กี่ปี และมีอำนาจสูงสุดในเวลาไม่นาน แต่ทว่ายิ่งผ่านไปหลายรุ่นทำให้สายเลือดนั้นเจือจางเป็นอย่างมาก และไม่มีคนโดดเด่นขึ้นมาแล้วถึงสองรุ่น แต่ทว่าในรุ่นที่สี่นี้ กลับมีเด็กสาวคนหนึ่งที่ได้มีสายเลือดที่เข้นข้นเกิดขึ้นมา ทำให้ตระกูลนี้มีโอกาศกลับไปเป็นตระกูลรองชั้นนำอีกครั้ง
"คุณหนูซานิ ท่านเดินช้าๆหน่อยสิเจ้าค่ะ ข้าน้อยตามไม่ทันแล้วเจ้าค่ะ" เสียงของแม่บ้านคนหนึ่งดังออกมา หลังจากเธอวิ่งตามเด็กสาวคนหนึ่งที่วิ่งซนไปทั่วทั้งทางเดิน
"จับข้าให้ได้สิ ฟูลิค" เด็กสาวอายุเพียงแค่สิบกว่าปีเท่านั้น ได้พูดกลับแม่บ้านที่กำลังวิ่งตามเธอ ก่อนที่เธอจะเร่งความเร็วขึ้นไปอีก
ทั้งคู่วิ่งไล่จับกันด้วยความเร็วที่มองเห็นเพียงเงาที่พริ้วไหวไปมา แต่ทว่ามันก็ไม่ได้รวดเร็วเสียจนมองไม่ทัน ถ้าจับสังเกตดีๆก็รู้ได้ว่าพวกเขาวิ่งไปทิศทางไหน
นอกจากตระกูลของเด็กสาวแล้ว ตระกูลอื่นๆนั้นกลับมีการแต่งตัวและท่าทางออกจะเป็นโอ่อวดเสียมากกว่า ในทางเดินหลักที่จะนำไปสู่ภูเขากลางตระกูลเต็มไปด้วยผู้คนมากมาย
นั้นรวมทั้งเด็กหนุ่มคนหนึ่ง เขาเป็นเด็กหนุ่มจากตระกูลที่มีสถานะไม่ต่างจากตระกูลโลหิตทองคำมากนัก เขากำลังเดินไปยังทางเดินหลักอย่างช้าๆ รอบข้างของชายหนุ่มนั้นมีเพียงพ่อบ้านชราผู้หนึ่งเดินตามมากเท่านั้น
ทั้งสองนายบ่าวเดินอย่างช้าๆและไม่เร่งรีบมากนัก ในระหว่างทางที่กำลังเดินไป พวกเขาก็พบกับคนในตระกูลของเขาอีกหลายสิบคน ส่วนใหญ่แล้วเป็นลูกหลานของว่าที่ผู้นำตระกูลรองคนปัจจุบัน
ตระกูลของชายหนุ่มนั้นไม่มีชื่อเรียก เพราะทางต้นตระกูลของพวกเขาเป็นเพียงพ่อค้าที่มีภูมิหลังธรรมดาๆคนหนึ่ง เพียงแต่ท่านปู่ยูโซนั้นมีสายเลือดที่เข้มข้นของตระกูลแอสลาส แต่ไม่เข้มข้นมากพอที่จะอยู่ในตระกูลหลักได้ ทำให้ท่านตัดสินใจสร้างตระกูลรองขึ้นมา
ด้วยการสนับสนุนของทางฝั่งตระกูลพ่อค้า ทำให้พวกเขาเป็นตระกูลรองได้สำเร็จจนได้ แต่ทว่ายิ่งผ่านไปหลายรุ่นก็เกิดเหตุการณ์ซ้ำๆกับตระกูลรองอื่นๆ นั้นคือสายเลือดของพวกเขาเจือจางเสียจนแทบจะเป็นผู้คนธรรมดา ที่มีเพียงทรัพยากรที่มากมายไว้ใช้สำหรับการฝึกฝน
"นายน้อย ท่านจะไม่ไปรวมกลุ่มกับนายน้อยคนอื่นๆหรือขอรับ" พ่อบ้านโฮซาเอลถามอย่างสงสัย เพราะพวกเขาทั้งสองคนเดินห่างจากพวกนั้นพอสมควร และไม่มีการเข้าไปทักทายกันแม้แต่น้อย
"ไม่ล่ะ ข้ารอพวกท่านลุงราทิสดีกว่า" ครรชิตพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ ก่อนจะกวาดตาไปรอบๆ
นั้นนับว่าเป็นการกระทำที่ผิดพลาดเล็กน้อย เพราะนั้นทำให้เขาไม่สังเกตถึงเด็กสาวตัวเล็ก เธอได้พุ่งมายังชายหนุ่มอย่างรวดเร็วด้วยสีหน้าแตกตื่น เพราะว่าเธอไม่ได้มองทางแยกก้านหน้า ทำให้เธอโผล่ออกมาจากทางแยกนั้นอย่างรวดเร็ว จนพุ่งเข้าใส่ครรชิตที่กำลังสอดส่ายสายตาไปรอบๆอย่างไม่ระมัดระวัง
ผลั๊ก!
เป็นเด็กสาวที่กระเด็นออกไปหลังจากชนเข้ากับชายหนุ่มอย่างแรง ส่วนครรชิตนั้นที่เพิ่งรู้สึกตัวว่ามีอะไรบ้างอย่างมาชนเขา ก็เผลอปลดปล่อยพลังมานาออกมาอย่างมากมายมหาศาล ซึ่งเป็นปฏิกิริยาตอบโต้อัตโนมัติ
ออร่าสีน้ำตาลเข้มพุ่งพล่านอยู่รอบๆชายหนุ่ม มันทำให้พื้นดินแถวนั้นเกิดการสั่นสะเทือนอย่าวรุนแรง จนเศษดินบ้างส่วนลอยขึ้นจากพื้นดิน และลอยหยุดนิ่งอยู่บนอากาศรอบๆของชายหนุ่ม
"เจ็บจังเลย" เด็กสาวพึมพำออกมาเบาๆ ขณะลูบหน้าของเธอไปมาหลังจากพุ่งชนชายหนุ่มเต็มแรง
นั้นทำให้ครรชิตรู้สึกตัวอย่างรวดเร็ว เขาสลายพลังมานาที่แผ่กระจายออกมากลับไป ทำให้พื้นดินกลับมาสงบเช่นเดิมอีกครั้ง เหตุการณ์นี้ทำให้คนอื่นๆในตระกูลต่างจ้องมองอย่างหวาดกลัวและสงสัยอยู่ในที เพราะพลังที่ปลดปล่อยออกมาในเสี้ยวพริบตานั้น อย่างน้อยก็ระดับจอมเวทย์อย่างแน่นอน ซึ่งหาได้ยากที่เด็กหนุ่มในตระกูลรองจะมีพลังมากขนาดนี้
ไม่เพียงแค่ชายหนุ่มที่ได้รับความสนใจ เด็กสาวก็เช่นกัน เพราะเธอพุ่งชนกลับผู้มีพลังระดับนี้แต่กลับไม่ได้รับบาดเจ็บ มีเพียงเสียงร้องอย่างเจ็บปวดเบาๆเท่านั้น
"เจ้าไม่เป็นอะไรใช่ไหม" เขายืนมือเข้าไปดึงเด็กสาวให้ลุกขึ้นยืน หลังจากที่เธอนั่งลูบจมูกอยู่นานพอดู
"ข้าไม่เป็นอะไร ฟูลิคเราไปกันเถอะ" สิ้นเสียงของเด็กสาวเธอก็จากไปอย่างรวดเร็ว ในเวลาเดียวกับที่หญิงรับใช้เพิ่งตามมายังคงมึนงงอยู่ แต่ก็เธอตามคุณหนูของเธอไปอย่างรวดเร็ว
"หืม? จะรีบไปไหนกันนะ โฮซาเอลพอจะรู้ไหมว่าเธอเป็นใคร เพราะข้าไม่เคยเห็นในแผนผังตระกูลเราเลย" เขาหันไปถามพ่อบ้านชราที่อยู่ข้างๆ ซึ่งในตอนนี้มันก็ยังคงตกตะลึงกระการระเบิดพลังของชายหนุ่มเมื่อสักครู่อยู่
นานพอสมควรที่พ่อบ้านชราจับกลับมามีสติ "นางเป็นคุณหนูเล็กของตระกูลโลหิตทองคำขอรับ นางเป็นคุณหนูที่สามสิบเอ็ดของตระกูลแอสลาส"
ตระกูลแอสลาส ในคนรุ่นเดียวกับครรชิตนั้นมีเกือบห้าสิบคน โดยเป็นคนของตระกูลรองสามสิบสองคน และเป็นเด็กหนุ่มและเด็กสาวในตระกูลหลักอีกสิบหกคน ถ้านับตามอายุแล้ว ครรชิตเป็นนายน้อยลำดับที่สิบเจ็ดจากทั้งหมดสี่สิบแปดคน
คนที่เกิดในปีเดียวกับเขานั้นมีหลายสิบคน ซึ่งแน่นอนว่าพวกเขามีอายุเท่ากัน และคนที่มีอายุมากสุดในรุ่นพวกเขามีอายุมากถึงยี่สิบเอ็ดปี
การเข้าร่วมการประลองของตระกูลนั้น อย่างน้อยคนที่จะเข้าร่วมต้องมีอายุไม่ต่ำกว่าสิบปี หรือว่ามีบัตรแสดงตนแล้วนั้นเอง เมื่ออายุถึงเกณฑ์และการประลองวนครบรอบพอดี พวกเขาก็จะถูกเขียนรายชื่อลงในการประลอง ไม่ว่าจะมีการฝึกฝนในขั้นใดก็ตาม
และปีนี้การประลองนั้นพิเศษกว่าปีอื่นๆ เพราะในปีนี้นั้น ทุกคนในตระกูลทั้งที่ยังอาศัยอยู่ในตระกูล และทั้งที่ออกจากตระกูลไปแล้วแต่ไม่ได้ออกอย่างแท้จริง ก็จะถูกเรียกตัวกลับมาทั้งหมด โดยผู้ใดไม่ยอมกลับหลังจากได้รับจดหมายเชิญ พวกเขาจะถูกนักรบของตระกูลหลักไปเชิญด้วยตัวเอง
ทำให้ในตระกูลในตอนนี้ มีคนในตระกูลมาร่วมตัวกันมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของตระกูล เพราะปรกติแล้วการประลองประจำตระกูล มักจะมีการแข่งขันเองระหว่างพวกที่ยังอยู่ในตระกูลเท่านั้น แต่เพราะผู้อาวุธโสและขุมกำลังหลักได้ตกตายไปเป็นจำนวนมาก ทำให้ครั้งนี้ต้องหาผู้มารับตำแหน่งทดแทน
ทำให้ต้องเรียกทุกคนกลับมา ซึ่งปรกติจะไม่ทำเช่นนี้ เพราะจะทำให้ตระกูลไปยุ่งเกี่ยวกับอำนาจนอกตระกูล รวมทั้งปัญหาจากความขัดแย้งของคนที่ออกจากตระกูลไปแล้วที่อาจจะนำมาสู่ตระกูลก็เป็นได้
ซึ่งการประลองในครั้งนี้จะรุนแรงกว่าครั้งก่อนๆเป็นอย่างมาก เพราะแต่ละคนที่ออกจากตระกูลไปแล้ว ต่างก็มีอำนาจและเส้สนสายนอกตระกูลมากมาย เมื่อสามารถนำมันมารวมกับอำนาจของตระกูลเข้าไปอีก อาจจะทำให้มีอำนาจเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าตัว ทำให้การแข่งขันดุเดือดขึ้น
ผู้ที่ออกจากตระกุลไปแล้วก็ต้องการตำแหน่งดีๆ เพื่อเพิ่มอำนาจของตัวเองหรือเพื่อป้องกันตัวจากศัตรูจากนอกตระกูล ไม่ว่าจะเหตุผลใดก็ทำให้การประลองครั้งนี้เต็มไปด้วยยอดฝีมืออย่างมากมาย
หลังจากเขาถูกชนด้วยเด็กสาวคนหนึ่ง เขาก็เดินต่อไปอีกสักพักก็พบกับพวกของท่านลุงราทิส พวกเขานั้นเดินมากับลูกหลานของพวกท่าน ซึ่งลุงราทิสมีลูกชายกับลูกสาวอย่างละหนึ่งคนทั้งคู่เป็นฝาแฝดกัน โดยเด็กทั้งสองคนถูกแม่ของพวกเขาจูงมือมา เพราะทั้งคู่มีอายุเพียงหกขวบเท่านั้น ส่วนป้าจูเลียเดินมากลับสามีของเธอซึ่งเธอมีลูกสาวที่น่ารักที่อายุเพียงแปดขวบ
ส่วนอาอเมทิสต์กลับเดินมาพร้อมกับหญิงรับใช้คนสนิทของเธอ ซึ่งแน่นอนว่าเธอยังไม่ได้แต่งงานถึงแม้จะมีอายุเลขสามแล้วก็ตาม เขาได้รับสายตาจับผิดมาจากท่านอาเมื่อนึกถึงเรื่องนี้ ทำให้เขาต้องหลบสายตาก่อนจะเสมองไปทางอื่น
พวกเขาต่างเดินไปตามทางสายหลักพร้อมๆกัน จนผ่านทางเดินที่ถูกประดับไปด้วยโคมไฟสีทอง และมีซุ้มประตูให้ลอดผ่านนับสิบซุ้ม
ในซุ้มสุดท้าย พวกเขาก็พบกับเวทีประลองขนาดใหญ่หลายสิบเวที พวกมันถูกสร้างรอบอัฒจันทร์หินอ่อนอย่างสวยงาม ภายในอัฒจันทร์นั้นมีการแบ่งที่นั่งของแต่ละตระกูลรองอย่างชัดเจน และที่ตรงกลางของอัฒจันทร์ก็เป็นที่นั่งของพวกตระกูลหลัก ซึ่งตรงนั้นมีการตกแต่งที่ดูหรูหรากว่าที่อื่น
ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงสนามประลองของตระกูลเป็นที่เรียบร้อย ต่อจากนี้ไปคือการประลองที่ดุเดือดมากที่สุดของตระกูล ในรอบสามร้อยปีที่ผ่านมา
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

แต่งเข้าแอตลาสสองรุ่นก่อน >ผ่านไปหลายรุ่นสายเลือดเจือจาง>ตอนนี้รุ่นที่สี่
สี่รุ่นนี่ไม่น่าเจือจางมากนะ + มีกี่รุ่นกันแน่
เพราะเรื่องนั้นก็มีน้ำท่วมทุ่ง...อยู่หลายตอน / นี่รออ่านเนื้อต่อนะครับ / ไรท์สู้ๆ
รอๆๆๆยุนะไรท์