ตอนที่ 101 : พบปะญาติพี่น้อง (2)
บทที่ 2 : พบปะญาติพี่น้อง (2)
"พวกเจ้าไม่สนใจข้างั้นรึ ก็ได้!" เสียงที่แผ่วเบาแต่กลับเต็มไปด้วยความอาฆาตอย่างรุนแรง
เสียงนั้นดังขึ้นมาเหมือนเสียงยิงบินผ่านเท่านั้น แต่กลับทำให้ครรชิตลอบฟังได้ ด้วยการอ่านปากและดูจากสีหน้าและแววตาอย่างลับๆ ทำให้เขาทราบว่าลุงอาร์คได้โกรธขึ้นมาจริงๆแล้ว
แต่นั้นก็ไม่ได้ทำให้เขาละความสนใจไปจากพวกท่านอาหญิงทางฝั่งนี้ เขาเพียงแค่ลอบสังเกตและตรวจสอบลุงอาร์คเป็นระยะๆ
"จูเนียร์ วันนี้เจ้ามีอะไรทำเป็นพิเศษหรือไม่ ข้าอยากลองปะมือกับเจ้าดูสักครั้ง" เสียงดังออกมาจากชายหนุ่มที่ดูเหมือนเขาแต่มีดวงตาสีม่วงอ่อนๆ พร้อมกับเค้าโครงหน้าที่ออกไปทางเอเซีย
ผู้นี้คือลุงของเขาอีกคนหนึ่ง เขามีชื่อว่า'ราทิส ดิ แอสลาส' เขาเป็นเจ้าของกิจการหลายอย่างในเมืองหลวงอเคเซีย ซึ่งส่วนใหญ่มักเกี่ยวกับเครื่องประดับและของตกแต่งบ้าน
ด้วยพลังมานาที่เขาสัมผัสได้ พร้อมกับตรวจสอบการไหลเวียนของมานาในร่างกาย ทำให้เขาทราบว่าชายหนุ่มมีอาการบาดเจ็บคล้ายบิดาตน แต่ทว่าการบาดเจ็บนั้นเกือบจะหายเป็นปรกติแล้ว
ทุกการไหลเวียนมานาหนึ่งรอบ จะมีเพียงบางช่วงที่สะดุดเท่านั้น เพราะมันไม่มีเสถียรภาพในการควบคุมการไหลเวียน เมื่อเส้นทางของมานาเข้าใกล้เม็ดพลังมากเท่าใด เขาก็จะสูญเสียมานาไปยังจุดรอยแตกเล็กๆบนเม็ดพลังมานา ซึ่งนั้นรบกวนการใช้มานาของเขาเล็กน้อย
อาการคล้ายกันนี้ก็เกิดขึ้นกลับคนที่มีการพัฒนาการ ทางด้านพลังมานาที่รวดเร็วเกิดไปเช่นกัน เมื่อพลังมานามีเส้นทางไหลเวียนมากขึ้นจากการเพิ่มขึ้นของมานา มันจะทำให้การควบคุมเสียเสถียรภาพไปเล้กน้อย แต่ใช้เวลาไม่นานก็กลับเป็นปรกติ
"ข้าไม่มีแผนที่จะทำอะไรหรอกขอรับ ข้ารอเวลาการประลองที่จะมาถึง ข้าจะได้ประลองให้มันจบๆไป" เสียงของครรชิตที่เปล่งออกมา ไม่มีอาการของการยินดียินร้ายแม้แต่นิดเดียว
"ถ้างั้นก็ดี วันนี้เจ้าไปกลับข้าแล้วกัน ข้าอยากรู้เหมือนกันว่าเจ้ามีฝีมือแค่ไหน" ราทิสยิ้มให้ครรชิตในร่างจูเนียร์อย่างเอ็นดู ก่อนจะหันไปพูดกับน้องสาวของเขา
"เจ้าก็มาด้วยกันสิอเมทิสต์ พวกเราสองคนไม่ได้ปะมือกันมานานแล้ว ท่านด้วยนะพี่ข้า" เขาหันไปชวนสองสาวข้างกายของพวกเขา ไปรวมการประลองที่เขาจัดขึ้นอีกด้วย
"ไม่มีปัญหา พี่ชาย แต่ข้าต้องขอบอกไว้ก่อนเลย ข้าแทบจะไม่ได้ยืดเส้นยืดสายเลยเกือบหกปีแล้ว เพราะตั้งแต่เริ่มดูแลสถานที่ท่องเที่ยวหลายสิบแห่ง ข้าก็แทบจะจมไปกับกองบัญชีแล้ว" ท่านอาอเมทิสต์ตอบยิ้มๆ ก่อนจะดัดนิ้วเสียงดังกร๊อบแกร๊บแล้วมองมายังเขาอย่างตื่นเต้น
"นั้นสินะ พี่ก็อยากลองสู้ดูบ้างเหมือนกัน เราไม่ได้สู้กันมาเกือบสิบปีแล้วด้วยสิ" ไม่เว้นแม้แต่ท่านป้าจูเลีย ท่านก็จัดท่านั่งอย่างเรียบร้อย แต่กลับทำให้กล้ามเนื้อส่งเสียงออกมาได้เบาๆ
เขามองสองสาววัยกลางคนทั้งสองคนอย่างประหลาดใจ เพราะไม่คิดว่าพวกเธอจะซ่อนพลังมานาได้แนบเนียนขนาดนี้ จากพลังมานาของขั้นผู้ใช้เวทย์ธาตุขั้นต้น กลับกลายเป็นผู้ใช้เวทย์ธาตุขั้นสูงไปเสียได้
แล้วกล้ามเนื้อของพวกเธอต่างแข็งแรงเสียยิ่งกว่าบุรุษตระกูลอื่น เมื่อเขาสังเกตดูกล้ามเนื้อของทั้งสามคนข้างเขา ก็ทำให้พบว่าทุกคนต่างซ่อนกล้ามเนื้อไว้ใต้ผิวหนังที่ดูเต่งตึงเป็นอย่างดี มีเพียงตอนที่พวกเขาตอบโต้กันเมื่อสักครู่เท่านั้น ที่กล้ามเนื้อปรากฏขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด
"ตกลงตามนี้ หลังจากออกไปจากที่นี้ ไปที่บ้านพักของข้าแล้วกัน เพราะที่นั้นข้ามีสนามประลองอยู่พอดี ไม่ต้องห่วงข้าได้ให้คนสนิทลงเวทย์กันอันตรายไว้ให้แล้ว"
"ก็ได้ครับ" "ก็ดีสิท่านพี่" "ตกลงจ๊ะ" เมื่อพวกเขาทั้งสามคนตกลงกันเรียบร้อยแล้ว ครรชิตก็หันไปมองหน้าลุงอาร์คอย่างสนใจ เพราะตั้งแต่เมื่อสักครู่ เขาก็จับจิตคุกคามเบาๆได้จากชายตรงหน้าเขา
"พวกเจ้าจะไปไหนกัน พวกเรายังคุยกันไม่จบ!" เสียงเหมือนฟ้าร้องดังออกมาจากอาร์ค มันทำให้เกิดระรอกคลื่นกระจายไปรอบทิศทาง
มันทำให้น้ำในสระบัวรวมทั้งใบบัว ต่างพากันกระเพื้อมอย่งรุนแรง เสียงเดียวกับศาลาไม้สีแดงสดนี้ก็ส่งเสียงลั่นเอี๊ยดอ๊าด
สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้ทำให้ใบหน้าของพวกเขาทั้งสี่คนเปลี่ยนไปแม้แต่น้อย ครรชิตยังคงนั่งอยู่นิ่งๆพร้อมกับยกแก้วชาขึ้น ท่านอาอเมทิสต์ได้ยกถ้วยชาพร้อมขนมเค้กที่เธอยังกินไม่หมดด้วยพลังเวทย์ของเธอ เช่นเดียวกับพี่สาวของเธอจูเลียก็ทำเช่นเดียวกัน
มีเพียงท่านลุงราทิสเท่านั้นที่ทำการยกกาสุรา พร้อมกับถาดใส่กับแกล้งขึ้นมาด้วยสองมือ พร้อมกับใช้พลังเวทย์สะกดข่มการสั่นไหวบริเวณโดยรอบของพวกเขา
"ข้าไม่มีเรื่องจะคุยกับเจ้านักหรอก ที่ข้ามาที่นี้ก็เพื่อให้เกียรติท่านพ่อก็เท่านั้น" เสียงนิ่งๆที่เต็มไปด้วยความเย็นชา ดังออกมาจากปากของราทิสหลังจากที่พื้นไม่หยุดส่งเสียงแล้ว
นอกจากท่านลุงราทิสที่ตอบโต้ออกไปเช่นนั้น หญิงาวทั้งสองคนที่เป็นทั้งพี่สาวและน้องสาวของเขาก็พยักหน้าเห็นด้วย มีเพียงแค่เด็กหนุ่มที่จ้องมองไปยังอาร์ดอย่างนิ่งๆเท่านั้น
"ข้าก็เช่น ที่มาที่นี้เพราะข้ายังคงเป็นคนในตระกูลอยู่หรอก แต่ถ้าไม่ใช่ข้าก็ไม่อยากเสียเวลามาแม้แต่น้อย" เสียงของครรชิตเต็มไปด้วยความดูถูกและเหยียดหยาม
"พวกเจ้า!" เสียงเหมือนฟ้าร้องดังขึ้นเป็นครั้งที่สอง ซึ่งส่งผลแรงกว่ารอบแรกแต่ก็ไม่อาจทำให้ใครสั่งคนหน้าเปลี่ยนสีได้
พลังที่แฝงมานั้นอยู่ในขั้นผู้ใช้เวทย์ธาตุขั้นสูง ที่เกือบจะข้ามเป็นจอมเวทย์อยู่แล้ว ซึ่งความกดดันนี้ไม่ค่อยมีผลกับผู้ที่อยู่ในขั้นเดียวกันนี้สักเท่าไร และครรชิตเองก็มีระดับการฝึกฝนอยู่ในขั้นจอมเวทย์ธาตุดินขั้นสูงแล้วด้วย นี้ไม่นับว่าเป็นภัยคุกคามแม้แต่น้อย
"มีอะไรจะพูดก็รีบพูดท่านลุง อย่าพูดแต่เจ้าๆๆ เวลาของข้ามันมีค่ามากกว่านี้ยิ่งนัก" เสียงของครรชิตยิ่งพูดยิ่งเต็มไปด้วยการเสียดสีอย่างหนัก
นั้นทำให้เหล่าญาติที่อยู่ด้านของเขามองด้วยความแปลกใจ ก่อนจะเปลี่ยนไปเป็นมองอย่างยินดีและขบขันเล็กน้อย จนเผลออมยิ้มกันทุกคน
"เจ้า..." ที่ที่กำลังจะเปล่งออกมากลับหยุดชะงักลง
"เจ้าอะไรอีกท่านลุง ท่านพูดเป็นเพียงแค่คำนี้งั้นรึ เหมือนกับว่ายิ่งแก่ยิ่งเลอะเลือนนะท่าน" เป็นเขาที่พูดขึ้นทะลุปล้อง ตั้งแต่คำว่าเจ้าได้เปล่งออกมาจากปากของอาร์ค โดยไม่สนมารยาทแม้แต่น้อย นั้นเรียกเสียงหัวเราะอย่างขบขันจากท่านอาหญิงของเขาได้อย่างดี
มีเพียงท่านลุงและท่านป้าที่ไม่ได้หัวเราะ แต่กลับมีน้ำตาที่ปลายหางตาปรากฏขึ้นมาแล้ว เหมือนกับว่าพวกท่านเริ่มจะกลั้นหัวเราะไม่ไหว จนในที่สุดทั้งสามคนก็ระเบิดหัวเราะออกมา
"นี้พวกเจ้า!..." เสียงคำรามอย่างดุร้ายดังออกมาจากปากของลุงอาร์ค เสียงนี้ทำให้อากาศโดยรอบเกิดความบิดเบี้ยวขึ้นมา
"ท่านลุงนี้ก็ไม่ได้เลอะเลือนไปเสียหมด ยังจำคำว่านี้ได้อยู่อีกตั้งหนึ่งคำ ถ้าท่านลุงจำได้เพียงเท่านี้ ข้าคงต้องขอตัวลา เพราะข้ามีสิ่งที่สำคัญมากกว่าการนั่งแช่อยู่ที่นี้ ท่านลุงราทิส ได้โปรดนำไปยังบ้านพักของท่านด้วย" สิ้นเสียงของเขา เด็กหนุ่มก็ลุกขึ้นแล้วหันไปยิ้มให้ชายวัยกลางคนข้างเขา
"นั้นสินะ พวกเราไปกันเถอะ ยังมีสิ่งที่ต้องไปกันอีกนี้นะ"
พวกเขาทั้งสี่คนเดินออกจากศาลาวังมัจฉาออกไป โดยไม่ได้สนใจท่าทีโกรธเกรี๊ยวจนแทบคลั่งของอาร์ดแม้แต่น้อย รวมทั้งไม่หันไปมองเลยสักนิดตั้งแต่ออกมาจากศาลา ทำเสมือนว่าอาร์คนั้นไม่มีตัวตนอยู่
หลังจากพวกเขาออกมาได้ไม่นาน คลื่นพลังมานาที่เต็มไปด้วยจิตสังหารก็ระเบิดขึ้นที่ศาลาวังมัจฉา มันส่งเสียงดังเหมือนกับระเบิดลงที่นั้น น้ำในสระบัวรวมทั้งสิ่งมีชีวิตที่อยู่ด้านในต่างพุ่งขึ้นจากสระบัวสูงนับสิบเมตร ทุกสิ่งทุกอย่างต่างกระจุยกระจายไปรอบทิศทาง
พวกเขาหันไปมองสิ่งที่เกิดขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะกลับไปเดินตามทางตามเดินโดยไม่สนใจมันอีก ด้วยการระเบิดพลังเมื่อสักครู่ทำให้พวกเขาแปลกใจเพียงเล็กน้อย เพราะพลังที่ระเบิดเมื่อสักครู่ยังไม่รุนแรงมากจากที่พวกเขาคาดการณ์ไว้
พวกเขาเดินตรงไปยังทางแยกแห่งหนึ่ง มันเป็นทางเดียวกับที่จะนำไปสู่บ้านพักของเขา แต่เดินไปยังแยกคนละแยกกับทางแยกที่นำทางไปบ้านพักของเขา มันเป็นทางแยกที่จะนำไปสู่ทางด้านหลังของภูเขาลูกนี้
มันแสดงให้เห็นว่าภูเขาลูกนี้มีบ้านพักแบบนี้อีกมากมาย พื้นที่ด้านหลังของภูเขานี้มีความอุดมสมบูรณ์มากกว่าด้านหน้าของภูเขา และมันยังมีความเป็นธรรมชาติอยู่มาก
ด้านหลังภูเขานี้มีทางเดินเพียงสายเดียวไม่มีทางแยกไปยังที่อื่นอีก มีเพียงทางเดินตรงไปสู่บ้านหลังใหญ่เพียงหนึ่งเดียวของที่นี้ มันเป็นบ้านที่สร้างอยู่ในภูเขาด้วยการเจาะเข้าไปด้านใน มันตกแต่งด้วยไม้และหินอย่างสวยงาม
หน้าบ้านหลังนั้นมีลานกว้างขนาดใหญ่อยู่ด้านหน้า และโดยรอบเป็นสวนที่ตกแต่งอย่างสวยงาม มันตกแต่งด้วยรูปปั้นหลายรูปแบบ ทั้งรูปปั้นสัตว์และรูปปั้นมนุษย์ นอกจากนี้ยังมีต้นไม้ที่ตกแต่งเป็นรูปสัตว์ต่างๆ
ที่ลานกว้างนั้นมีเสาหินปักเป็นวงกลมอยู่ตรงกลาง มันมีขนาดใหญ่เกือบครึ่งหนึ่งของลานกว้าง พวกมันส่องแสงสีฟ้าออกมาจางๆ
"ยินดีต้อนรับสู่บ้านพักของข้า" ราทิสผายมือไปยังบ้านพักตรงหน้าของพวกเขา
เขามองบ้านตรงหน้าอย่างสนใจ เพราะมันมีขนาดใหญ่กว่าบ้านของชายหนุ่มเกือบสามเท่า มันมีพื้นที่ใช้สอยโดยรอบขนาดใหญ่ เลยจากส่วนที่เป็นสวนไปมันเป็นไร่ผลไม้และฟาร์มเลี้ยงสัตว์ขนาดใหญ่
"ท่านลุงยังอยู่ที่นี้หรอครับ ทำไมบ้านถึงยังดูเหมือนใหม่ขนาดนี้" ครรชิตถามอย่างสงสัย
"ไม่ใช่หรอกจูเนียร์ ที่นี้เป็นท่านพ่อของข้าหรือปู่ของเจ้าเป็นผู้ดูแลมันอยู่ ข้าไม่ได้มาพักที่นี้มานานมากแล้ว นี้เป็นหนึ่งในที่ไม่ได้รับผลจากเจ้าอาร์ค" ราทิสที่พูดไปพร้อมกับเดินพาพวกเขาเข้าไปในบ้านไป
เมื่อพวกเขาเข้าไปในบ้าน พวกเขาก็ได้รับการต้อนรับอย่างดี ทั้งน้ำเย็นๆที่นำมาเสิร์ฟให้ ผ้าขนหนูผืนเล็กๆที่ถูกส่งมาให้เพื่อเช็ดหน้า รวมทั้งการนำรองเท้าสำหรับใส่ในบ้านมาให้
"ข้าจะรอพวกเจ้าอยู่ที่สักพัก พวกเจ้าจะไปเปลี่ยนชุดสำหรับต่อสู้กันเถอะ" หลังจากนั่งลงที่ห้องรับแขกได้สักพัก ราทิสก็พูดด้วยรอยยิ้มกว้างพร้อมกับปรบมือเบาๆ
พ่อบ้านสองคนหร้อมกับเมดสาวอีกสี่คน พวกเขาเดินเข้ามาในห้องรับแขกแห่งนี้ ก่อนจะนำพวกเขาทั้งสามคนไปยังห้องแต่งตัวที่อยู่ข้างๆ
ในห้องแต่งตัวครรชิตกำลังเอาชุดเกราะหนังเสริมด้วยเหล็กสีแดงออกมา พร้อมกับดาบไม้เนื้อแข็งออกมา มันเป็นดาบไม้เล่มเดียวกับที่บิดาของเขาให้เอาไว้ฝึกในตอนเด็ก
"เมื่อพวเจ้าพร้อมแล้ว เจ้ามาสู่กับข้าก่อนเลย จูเนียร์" ผู้ที่พูดคือราทิศที่อยู่กลางลานประลองทรงกลม เขาอยู่ในชุดเกราะหนังสีเขียวเข้ม พร้อมกับดาบไม้ที่เป็นรูปแบบดาบเรเปียร์ เขายืนยิ้มให้เด็กหนุ่มที่กำลังเดินเข้าไปในลานประลองตามคำพูดของเขา
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

2,037 ความคิดเห็น
-
#1817 I'm nani (จากตอนที่ 101)วันที่ 5 มกราคม 2560 / 18:24มันก็พูดแต่เจ้าจริงๆนั้นแหละ สมควรโดน 5555555555#1,8170
-
#1133 phairatw (จากตอนที่ 101)วันที่ 5 พฤศจิกายน 2559 / 19:34ขอบคุณครับ#1,1330
-
#1061 Gnuh (จากตอนที่ 101)วันที่ 2 พฤศจิกายน 2559 / 13:40ขอบคุณครับ#1,0610
-
#1050 ปกเงิน& (จากตอนที่ 101)วันที่ 1 พฤศจิกายน 2559 / 15:05ขอบคุณคับ#1,0500
-
#1049 ม่านมุก (จากตอนที่ 101)วันที่ 31 ตุลาคม 2559 / 23:49ขอบคุณน้าาาค้าาาาแล้วมาอัพอีกเร็วๆน้าาาารอค้าาาา#1,0490
-
#1047 Impact Thunder (จากตอนที่ 101)วันที่ 31 ตุลาคม 2559 / 22:53เย้ๆๆจะเริ่มบู๊มั้งแล้ว ขอบคุณครับ#1,0470
-
#1046 Crasybart (จากตอนที่ 101)วันที่ 31 ตุลาคม 2559 / 22:28ขอบคุณครับ#1,0460
-
#1045 jasweem (จากตอนที่ 101)วันที่ 31 ตุลาคม 2559 / 21:58ขอบคุณครับ#1,0450
-
#1044 kamol1122 (จากตอนที่ 101)วันที่ 31 ตุลาคม 2559 / 21:32สนุกดีครับ#1,0440