ในบ่ายของวันหนึ่งท้องฟ้าสดใสไร้ซึ่งเมฆบนท้องฟ้า บนท้องฟ้าที่ปราศจากเมฆปรากฎร่างของสิ่งมีชีวิตขึ้นที่เส้นขอบฟ้า มันพุ่งตรงไปยังทุ่งนาสีเหลืองทองที่ส่องประกายที่แสดงให้เห็นถึงเวลาที่พร้อมที่จะเก็บเกี่ยวในไม่ช้านี้
ในทุ่งนานั้นมีบ้านหลังน้อยตั้งอยู่ที่ปลายไร่ มันเป็นบ้านชั้นเดียวที่สร้างจากการนำเอาท่อนซุ่งและไม้กระดานมาต่อกันแบบง่ายๆ ที่หน้าบ้านมีสวนผักเล็กๆและโต๊ะไม้ตัวหนึ่งตั้งอยู่กลางสวนผัก ที่นั้นมีเด็กชายที่นั่งห้อยขาอยู่บนโต๊ะพร้อมกับฮัมเพลงทำนองสดใสเป็นระยะๆ เมื่อเด็กชายสังเกตเห็นเงาที่ปลายขอบฟ้าปากที่กำลังฮัมเพลงอยู่จึงหยุดลงพร้อมรอยยิ้มที่แสนเศร้าปรากฎขึ้นมาแทนที่
เด็กชายเก็บเอาหินสีต่างๆที่กระจัดกระจายอยู่บนโต๊ะโยนเข้าไปยังช่วงว่างสีดำที่โผล่ขึ้นมาที่หลังมือจนหมดสิ้นแล้วจึงผิวปากครั้งหนึ่ง
แกว๊ก!
เสียงตอบรับดังจากนกฮูกที่บินเข้ามาใกล้กับเด็กชายแล้วร่อนลงบนข่อนไม้ที่ยิ้นออกมาจากโต๊ะไม้ มันหันมาจากเด็กชายสักครู่ก่อนจะส่งเสียงร้องเป็นจังหวะๆนานหลายนาที เมื่อมันส่งสารเสร็จเรียบร้อยมันก็กลายเป็นลำแสงพุ่งหายเข้าไปในตัวของเด็กชาย
ถ้าใครก็ตามที่เห็นเจ้านกฮูกสีน้ำตาลปนดำพุ่งเข้าไปในตัวเด็กชายคงจะทราบได้ทันทีว่ามันคือสัตว์เวทระดับหนึ่ง นกฮูกส่งสาร มันเป็นสัตว์เวทที่นิยมใช้สำหรับการส่งสารหรือของชิ้นเล็กๆไปยังผู้รับในระยะทางใกล้ๆ แต่สิ่งที่แตกต่างไปในครั้งนี้คือมันไม่ได้ส่งสารหรือสิ่งของมันแค่ส่งเสียงเท่านั้นซึ่งในโลกใบนี้คงไม่มีใครเข้าใจสิ่งที่มันพูดยกเว้นเพียงแต่เด็กชายเท่านั้น
เด็กชายหน้านิ่วคิ้วขมวดหลังจากได้รับรู้เรื่องราวที่นกฮูกส่งสารเล่าออกมา
"อีกเจ็ดวันเจ้าพวกนั้นจะมาแล้วงั้นรึ" เด็กชายพึมพำขึ้นมาเบาๆแล้วหันกายเดินเข้าบ้านไป
"เอาเถอะได้เวลาจากไปจากที่แห่งนี้แล้วเช่นกัน"
เด็กชายสะบัดมือซ้ายออกไปเบาๆ ที่แขนปรากฎรอบสักสีดำเป็นรูปงูปรากฎขึ้นมาจากผิวหนังก่อนที่มันจะนูนออกมาแล้วกลายเป็นงูสีเขียวมรกตความยาวเก็บหนึ่งเมตร มันพันตัวอยู่บนแขนโดยชูคอไปยังหน้าของเด็กชายพร้อมส่งเสียงฟ่อๆ มันคือสัตว์เวทระดับหนึ่งเช่นเดียวกับนกฮูกส่งสารมันคืออสรพิษเกล็ดมรกต
การที่มีสัตว์เวทระดับหนึ่งถึงสองตัวในร่างเช่นนี้นับว่าไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในแผ่นดินทลายฟ้า! ถ้าใครได้เห็นเช่นนี้คงเกิดเรื่องใหญ่โตแต่คงไม่มีใครเห็นเพราะที่นี้คืออาณาจักรอเคเซียอาณาจักรขนาดกลางบนแผ่นดินทลายฟ้าที่มีอาณาจักนับร้อยแห่ง
เด็กชายมองมันก่อนจะพูดกับมันเสียงแผ่วเบา "เฝ้าระวังไร่ให้ข้าหน่อยนะเจ้ามรกต" เด็กชายพยักหน้าให้มันที่นึ่งมันส่งเสียงขู่เบาแล้วพุ่งหายเข้าไปในทุ่งนาขนาดหนึ่งานที่ปลูกข้าวสาลีจนแทบจะไม่มีที่ว่าง
ไร่แห่งนี้มีเนื้อที่หนึ่งไร่ยี่สิบตารางวา หนึ่งไร่สำหรับปลูกผลผลิตหลักคือข้าวสาลีที่เป็นธัญพืชหลักของอาณาจักรอเคเซียที่เหลืออีกยี่สิบตารางวาสร้างเป็นที่พักและสวนผักเล็กๆสำหรับเก็บกินวันต่อวันเท่านั้น
เมื่อมองจากมุมสูงแล้วไร่แห่งนี้ตั้งอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆแห่งหนึ่งที่มีถนนพุ่งออกจากหมู่บ้านทั้งสี่ทิศทางโดยทางเหนือมีป้ายบอกทางมุ่งสู่เมืองหลวงอเคเซีย ทางใต้มุ่งสู่เมืองแบล็คร็อค ทิศตะวันตกสู่ป่าแอส และทิศตะวันออกสู่ป่าสม๊อก ถนนหนทางนั้นเป็นดินที่อัดตัวจากแรงบดของล้อเกวียนเท่านั้น พาหนะหลักของการเดินทางในแผ่นดินทลายฟ้าสำหรับคนทั่วไปและผู้ฝึกฝนระดับต่ำคือรถม้า
"อีกเจ็ดวันจะครบวันเกิดของข้าแล้วสินะ เจ้าพวกนั้นถึงได้เร่งเดินทางมาเพื่อทวงสัญญา" เด็กชายพูดขึ้นอย่างช้าพร้อมกับในมือที่ปรากฎเอกสารที่เขียนหัวข้อไว้ว่า 'สัญญาสืบทอดโฉนดที่ดิน' เด็กชายมองมันสักพักก่อนจะเก็บมันเข้าไปยังหลุดดำที่หลังมือเหมือนหินสีต่างๆ
แววตาของเด็กเหมือนจะเหม่อลอยและล่องลอยไปยังอดีตที่ผ่านในสองปีที่ผ่านหลังจากเก็บสัญญาสืบทอดโฉนดที่ดินเข้าไปแล้วก่อนที่แววตานั้นจะเปลี่ยนไปเป็นแววตาที่เย็นชาเหมือนทุกสิ่งไม่มีค่าอีกต่อไป
เด็กชายมองไปยังทิศเหนือที่ปรากฎเมฆสีเทาเริ่มก่อตัวขึ้นอย่างช้าๆด้วยสายตาที่เป็นไปด้วยความเย็นชาผสมความเจ็บช้ำก่อนจะปิดประตูบ้านทิ้งไว้แต่เสียงสายลมพัดผ่านทุ่งข้าวสาลีด้วยเสียงที่โศกเคร้าและโหยหวน
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
และมีการจัดลำดับเหตุการณ์ดี แต่ควรหลีกเลี่ยงการใช้คำซ้ำที่มากเกินไป
^^