ตอนที่ 2 : I R E M E M B E R 0 1
I R E M E M B E R 0 1
… At First Sight …
ภายในห้องเล็กเชอร์กว้างใหญ่บรรดานักศึกษาต่างก้มหน้าก้มตาจดคำบรรยายของอาจารย์อย่างขะมักเขม้น ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่จะเกิดขึ้นภายในรั้วมหาวิทยาลัย
แต่ทว่า...
หากสังเกตให้ดีจะพบร่าง ๆ หนึ่งที่นั่งกระสับกระส่ายอยู่บริเวณค่อนไปทางด้านหลังของห้อง ถึงแม้ว่าภายนอกจะดูปกติ แต่เหงื่อกาฬมากมายที่ไหลอาบใบหน้าขาวสวยทั้ง ๆ ที่วันนี้อากาศเย็นประกอบกับอาการบิดไปมาทำให้รู้ว่ากำลังเกิดเรื่องบางอย่างขึ้นกับเขาอยู่
เรื่องที่อาจจะไม่หนักหนาสำหรับคนอื่น …
แต่ไม่ใช่สำหรับเขา
นิ้วเรียวเปิดพลิกหน้าหนังสือไปเรื่อย ๆ ตาก็จ้องไปด้านหน้าห้องพยายามเพ่งสมาธิให้อยู่กับเนื้อหาที่กำลังเรียน แต่มันก็ทำไม่ได้
ทำไม่ได้เลยจริง ๆ ถ้ายังถูกจ้องอยู่แบบนี้ …
ถ้าเป็นคนอื่นคงหันไปด่านานแล้ว แต่สำหรับคนนี้แค่มองหน้าก็กลัวจนแทบไม่กล้าทำอะไร
คนที่เขาเคยรักและไว้ใจมากที่สุด
แล้วก็เป็นคนที่หลอกใช้เขาอย่างเลือดเย็น
คนรักเก่าของเขา
จอง แดฮยอน …
ตั้งแต่เลิกรากันไปแดฮยอนก็พยายามง้อเขามาโดยตลอด ช่วงแรก ๆ ก็ส่งดอกไม้หรือของขวัญอะไรก็ตามมาให้พร้อมกับประโยคขอโทษที่ฟังดูก็รู้ว่าเสแสร้ง
แต่เมื่อรู้ว่าไม่สำเร็จก็เริ่มเปลี่ยนวิธีการไปเรื่อย ๆ และมันก็หนักข้อขึ้นทุกวันจนกลายเป็นการข่มขู่ เหมือนที่กำลังทำอยู่ตอนนี้
แต่ถึงจะฆ่าให้ตายเขาก็ไม่มีวันกลับไปคบกับคนอันตรายแบบนั้นอีกเด็ดขาด
ไม่มีทาง ...
เขาไม่ชอบคลาสเรียนวิชาภาษาอังกฤษเอาเสียเลย ไม่ใช่ไม่ชอบที่ตัววิชา แต่ไม่ชอบตรงที่มันเป็นคลาสรวม ที่นักศึกษาทุกคนทุกชั้นปีสามารถเลือกลงได้ถ้าคะแนนผ่านเกณฑ์และต้องมาเรียนร่วมกัน
ซึ่งมันคือสาเหตุที่ทำให้เขาต้องมานั่งระแวงแบบนี้ทุกครั้งที่เข้าเรียน
แต่ก็โทษใครไม่ได้ ... มันเป็นความผิดของเขาเองไม่ยอมดูรายชื่อนักศึกษาให้ดีเสียก่อน
อยากจะบ้าตาย
“ขอโทษครับ” เสียงหนึ่งดังขึ้นขัดความคิดวุ่นวายของร่างบาง มันทำให้เขาต้องเหลือบไปมองเจ้าของเสียงที่เพิ่งมาถึงห้อง
หล่อมาก ...
มันเป็นความคิดแรกที่ผุดขึ้นมาภายในหัว ผู้ชายคนนั้นดูดีมากจริง ๆ ตั้งแต่รูปร่างสูงโปร่งและใบหน้าที่หล่อเหลา เครื่องหน้าของเขาดูดีไปเสียทุกอย่าง ตั้งแต่ดวงตาชั้นเดียวคมเรียวยาว จมูกโด่งเป็นสันรับกับรูปหน้าและริมฝีปากหนาชวนให้หลงใหล
ยิ่งที่ติ่งหูมีจิวอันกลมเล็กสีดำประดับอยู่ ประกอบกับร่างกายสูงยาวมาดนักกีฬาภายใต้เครื่องแบบนักศึกษา มันยิ่งขับให้เขาดูดีโดดเด่นกว่าใคร
เป็นแบดบอยและสุภาพบุรุษในคราวเดียวกัน
ตึก ... ตึก ... ตึก ...
จู่ ๆ หัวใจก็เต้นแรงจนแทบจะทะลุออกมานอกอก
ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ... แต่มันเป็นแบบนี้ได้สักพักตั้งแต่เห็นหน้าของชายคนนี้
ใบหน้าสวยรีบก้มหลบเมื่อดวงตาคมเฉกเช่นพญาเหยี่ยวคู่นั้นมองมาที่เขา ขายาวค่อย ๆ ก้าวเดินผ่านเก้าอี้มากมายที่ถูกจับจองด้านหน้ามาเรื่อย ๆ หัวใจมันเต้นเป็นจังหวะตามเสียงที่เท้าแตะลงบนพื้นห้องเย็นเชียบ ก่อนจะมาหยุด ...
ที่ข้างเขา ...
“ตรงนี้มีคนนั่งไหม?” เสียงทุ้มเอ่ยถาม เรียกให้เขาต้องเงยหน้าขึ้นไปมอง หัวใจมันแทบจะหยุดเต้นเมื่อได้สบกับดวงตาสีน้ำตาลเข้มคู่นั้น ทั้งยังมีรอยยิ้มจาง ๆ ที่มุมปากนั่นอีก
ทำหน้าแบบนี้นี่กะจะฆ่ากันให้ตายไปเลยหรือไง?
“เอ่อ ... ไม่มี ...” เขารวบรวมสติตอบออกไปตะกุกตะกัก “ไม่มีใครนั่งมาตั้งแต่ ... เอ่อ ... คาบแรกแล้ว” กว่าจะจบประโยคก็ลำบากอยู่พอควร
“งั้นฉันนั่งนะ” ชายหนุ่มยิ้มอย่างดีใจก่อนจะแทรกตัวนั่งลงบนเก้าอี้ด้านข้างเขา
ให้ตายสิ ... ที่นั่งก็มีตั้งเยอะแยะทำไมต้องมานั่งตรงนี้ด้วยก็ไม่รู้
“หน้าไหนหรอ?” เขาถามขึ้น
ไอ้ถามน่ะก็ไม่ว่าหรอก แต่อย่ายื่นหน้าเขามาใกล้แบบนี้จะได้ไหม?
“เอ่อ ...” ร่างบางอึกอักต้นเหตุเพราะลมหายใจอุ่นที่เป่ารดอยู่ที่ข้างแก้มขาว มันทำให้สติที่มีอยู่น้อยนิดแตกกระเจิง
“เอ่อ ... ยะ ... ยี่สิบหก ...” ตอบออกไปโดยไม่หันไปมอง
“เฮ้อ ... ไม่มาแค่สองคาบนี่เรียนไปเยอะขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย” ร่างสูงพูด แต่เหมือนพูดกับตัวเองเสียมากกว่าเพราะพอกลับไปนั่งในท่าปกติก็ยกมือขึ้นเท้าคาง พลิกหน้าหนังสือไปมา สีหน้าแสดงออกว่าเบื่อหน่ายอย่างเห็นได้ชัด
คนหนึ่งเบื่อแต่อีกคนหนึ่งกลับตื่นเต้นจนแทบจะไร้ซึ่งการควบคุม หัวใจมันเต้นระส่ำจนแทบจะกลับมาอยู่ในจังหวะปกติไม่ได้ ความรู้สึกอุ่นวาบยังคงติดอยู่ข้างแก้ม
เหมือนจะขาดใจตายอย่างไรอย่างนั้น ...
“นี่ยืมปากกาหน่อยสิฉันลืมเอามา” มือใหญ่เอื้อมหยิบปากกาไปก่อนที่อีกคนจะรับรู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองกำลังถูกถามอยู่ แต่ขณะที่กำลังจะยกมือขึ้นจากโต๊ะนิ้วยาวของทั้งคู่แตะโดนกันโดยบังเอิญ …
แค่เพียงเบา ๆ
แต่กลับรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างที่เหมือนกระแสไฟฟ้าไหลผ่านร่างกายไป
ความรู้สึกเหมือนถูกไฟช็อต
กึก ...
ปากการ่วงลงบนพื้นห้อง ทั้งคู่หันไปมองหน้ากันโดยอัตโนมัติ
“เอ่อ ...” คำพูดติดอยู่แค่นั้นเพราะต่างคนต่างก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ไม่รู้เหมือนกันว่าจะอธิบายออกมาอย่างไรดี ร่างเล็กกว่าจึงเลือกที่จะก้มลงเก็บปากกาที่พื้นแล้ววางไว้บนโต๊ะของอีกฝ่ายแทน
“ขอบใจ”
“ไม่เป็นไร”
กว่ายี่สิบนาทีที่ทั้งคู่ไม่พูดอะไรกันอีก ต่างฝ่ายต่างเอาแต่จ้องมองกระดาน ในมือก็ถือปากกาเอาไว้แต่กลับไม่มีใครเขียนอะไรลงไปเลยแม้แต่ตัวเดียว ต่างพากันเหมอลอยนึกถึงเรื่องที่เกิดเมื่อสักครู่นี้ซ้ำไปซ้ำมา
“เลิกคลาส” เสียงอาจารย์ประกาศ บรรดานักศึกษาเก็บข้าวของลุกออกจากห้องด้วยความรวดเร็วรวมถึงร่างบางนี้ด้วย
“นี่ ... ปากกานาย” เสียงทุ้มพูดขึ้นพร้อมกับส่งปากกาคืนเจ้าของ แต่อีกฝ่ายกลับเบี่ยงตัวหนี
เขาไม่ได้รังเกียจ แต่แค่ไม่กล้าสัมผัสร่างกายของกันและกันก็เท่านั้นเพราะเกรงว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบเดิมขึ้นอีก
“อะ ... เอ่อ ... ไม่เป็นไร ... นายเก็บไว้เถอะ ฉันไม่ใช้แล้ว” พูดทิ้งท้ายก่อนจะคว้าสัมภาระของตัวเองแล้วรีบจ้ำออกจากห้องไป
“เฮ้!!! เดี๋ยวสิ!!!” ชายหนุ่มพยายามตะโกนเรียกสุดเสียงแต่อีกคนก็ไม่ยอมหันกลับมาเลย
“อะไรของเขานะ ...”
…………………………………………………………………..
ในห้องน้ำชายของมหาวิทยาลัยชั้นเดียวกันกับห้องเรียนวิชาภาษาอังกฤษ ใบหน้าสวยกำลังจ้องมองตัวเองอยู่ในกระจกบานใหญ่
“เป็นอะไรวะไอ้ฮิมชาน ...” เอ่ยออกมาเพื่อเรียกสติให้กลับเข้าร่าง พยายามไม่นึกถึงเรื่องราวต่าง ๆ ที่เพิ่งเกิดขึ้น
เพี๊ยะ!
ฝ่ามือกระแทกลงที่ใบหน้าของตัวเองอย่างแรงแต่ดูเหมือนว่าวิธีนี้จะใช้ไม่ได้ผลทั้งยังเจ็บตัวอีก จึงก้มลงเปิดก๊อกแล้ววักน้ำใส่หน้าตัวเองแทน
ความเย็นของน้ำสามารถเรียกให้สติกลับมาได้อีกครั้งแต่ก็ยังไม่ครบถ้วน ฮิมชานจึงฝังหน้าลงกับฝ่ามือค้างไว้แบบนั้น
แต่ก็ต้องรีบเงยหน้าขึ้นมาเพราะเสียงหนึ่งที่ดังขึ้น
“ทำไมต้องรีบออกจากห้องด้วยล่ะครับ กลัวผมขนาดนั้นเลยหรอ ... ที่รัก” ภาพในกระจกสะท้อนออกมาให้เห็นว่าตอนนี้ภายในห้องน้ำไม่ได้มีเพียงแค่เขาคนเดียว แต่ยังมีอีกร่างที่ไม่อยากเจอที่สุดยืนอยู่ด้านหลังด้วย
“แดฮยอน ...” ใบหน้าหวานซีดเผือดลงอย่างเห็นได้ชัด ต่างกับอีกคนที่ดูจะพอใจกับสีหน้าตกใจของเขาเสียเหลือเกิน
“แหม ... ดีใจจังที่ยังจำชื่อผมได้อยู่ นึกว่าจะลืมกันเสียแล้ว” ขายาวสาวเข้ามาใกล้ ฮิมชานเห็นท่าไม่ดีจึงคิดที่จะวิ่งหนี แต่ก็สายไป ...
เพราะตอนนี้แดฮยอนมาหยุดอยู่ข้างหลังเขาเรียบร้อยแล้ว
มือใหญ่หยาบกดมือเล็กลงกับขอบอ่างทำให้ไร้หนทางขัดขืน จะดิ้นก็ดิ้นไม่ได้เพราะลำตัวของทั้งคู่แนบชิดกัน ถ้าดิ้นก็กลัวว่าจะไปโดนอะไรเข้า ขืนทำแบบนั้นอีกฝ่ายก็มีช่องทางข่มเหงเขาได้อีก
“ออกไปนะ ...” เสียงหวานเอ่ยสั่น ความกลัวเริ่มเกาะกุมจิตใจอีกครั้ง
“พูดแบบนี้ผมเสียใจนะครับ ... อย่าไล่กันแบบนี้สิ ... พี่ฮิมชาน” ปลายจมูกโด่งเลื่อนมาคลอเคลียที่ซอกคอขาว สูดดมกลิ่นหอมเฉพาะตัวของอีกคนหนึ่งเข้าไป ถึงไม่ได้สัมผัสมาเนิ่นนานแต่กลิ่นกายของคนตรงหน้ายังคงหอมหวนอยู่ในโสตประสาทของเขาไม่มีวันลืม
“อื้อออ” ร่างเล็กร้องหดคอหนีสัมผัสจาบจ้วงของอีกคน
“ยังหอมเหมือนเดิมเลยนะครับ ...” ร่างหนาไม่หยุด ส่งลิ้นร้อนแลบเลียลงบนลำคอขาว “หวานด้วย”
“อย่ามาแตะต้องตัวฉันนะ!!!” ฮิมชานตวาดลั่น กลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมา เขาจะให้แดฮยอนเห็นว่าเขาอ่อนแอไม่ได้เด็ดขาด
“หึ ... ยังไม่ชินอีกเหรอครับ ... ตัวพี่น่ะผมแตะมาทุกซอกทุกมุมแล้ว ... ไม่ได้แค่แตะด้วยสิ” นิ้วยาวลากไล้ไปที่บั้นเอว ก่อนจะค่อย ๆ ขยับมาด้านหน้าแล้วสอดเข้าในกางเกง
“อย่านะ!!!” มือเล็กที่เป็นอิสระรีบจับเอาไว้ก่อนที่อีกคนจะเลยเถิดไปมากกว่านี้ “อย่าเอามือสกปรกของนายมาแตะต้องฉัน!!!” ขึ้นเสียงแข็งกร้าวจ้องใบหน้าด้านหลังเขม็งผ่านกระจก
“หึ ... พูดอย่างกับตัวเองสะอาดนักแหละ” ร่างสูงยิ้มเยาะ
“แล้วที่ฉันเป็นแบบนี้มันเพราะใครกันล่ะ”
“แต่พี่เองก็ชอบของสกปรกแบบผมไม่ใช่หรอครับ”
“ฉันลืมมันไปหมดแล้ว เรื่องชั่ว ๆ แบบนั้น”
“ปากดีจังนะครับ ... อย่างนี้ผมคงต้องช่วยเตือนความจำพี่หน่อยแล้วล่ะมั้ง” จัดการพลิกร่างในวงแขนให้หันมาเผชิญหน้ากับตน ก่อนจะรวบเอวแล้วยกขึ้นไว้บนขอบอ่างล้างมือ
“ปล่อยฉันนะ!!! จะทำอะไร!!!” ฮิมชานดีดดิ้นผลักอกแกร่งให้ออกห่างจากตนแต่ก็สู้แรงมากมายมหาศาลของไม่ได้
“ผมก็จะทำให้พี่นึกเรื่องของเราออกยังไงล่ะครับ” ขาเรียวถูกจับแยกออกก่อนที่ร่างหนาจะแทรกตัวเข้ามา ปากหนาเชิดกระแทกลงบนปากบางอย่างรุนแรง ดูดดึงมันหนักหน่วงพยายามแทรกลิ้นเข้าไป แต่อีกฝ่ายกลับไม่ยอมให้ความร่วมมือทั้งผลักทั้งตีจนเขาเองก็เริ่มหมดความอดทน
เพี๊ยะ!
ใบหน้าหวานหันไปตามแรงตบ เลือดสีแดงสดไหลซิบออกมาจากมุมปากงาม
“จะเล่นตัวทำไมนักหนา โดนเอามาตั้งกี่รอบแล้วก็ไม่รู้!!!” เสียงเข้มตะโกนบีบคางเล็กดันไปกระแทกกับกระจกจนใบหน้าสวยนิ่วลงหน้าด้วยความเจ็บ
“หยุดพูดเดี๋ยวนี้นะ!!!” น้ำตาเม็ดโตเริ่มไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้ ทุกครั้งที่นึกถึงสิ่งเลวร้ายที่อีกคนเคยทำกับตน ไม่ได้อยากร้องเลย แต่มันกลั้นไว้ไม่ไหวแล้วจริง ๆ กับความรู้สึกที่หนักอยู่ในอกแบบนี้
“ทำไมผมจะพูดไม่ได้ ในเมื่อทุกอย่างมันเป็นความจริง พี่เป็นเมียผม”
“บอกให้หยุดพูดไง!!! ฉันไม่ใช่เมียนาย!!!”
“ทำไม!!! อยากมีผัวใหม่นักหรือไง ห๊ะ!!!” มือหนาฟาดลงบนกระจกด้านหลังอย่างแรงด้วยความโกรธเกรี้ยว ฮิมชานหลับตาแน่นร่างสั่นระริก
“เอาอะไรมาพูด ...”
“คิดว่าผมไม่เห็นหรือไง ในห้องน่ะ ... ให้ท่าซะขนาดนั้นคงชวนมันขึ้นห้องเรียบร้อยแล้วล่ะสิ”
“หยุดพูดอะไรสกปรกแบบนั้นเดี๋ยวนี้นะ ...”
“หึ ... เพิ่งเจอกันครั้งแรกก็อยากได้มันจนตัวสั่น นี่พี่เป็นคนแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันครับ” ร่างสูงเค้นยิ้มออกมา มองร่างเล็กที่ตัวสั่นงันงกด้วยสายตามุ่งร้าย “หรือว่า ... อยากมากจนต้องหาคนมาสนอง”
“ฉันบอกให้หยุดไง!!!” เสียงหวานตวาดลั่น เขาทนไม่ได้อีกต่อไปที่ต้องมาฟังคำดูถูกตัวเองที่มันไม่จริงแบบนี้
“สงสัยผมคงต้องสั่งสอนพี่สักหน่อยแล้วสิ พี่จะได้เลิกให้ท่าคนอื่นสักที”
“อย่า ... แดฮยอนปล่อยนะ ... อื้อออ” ลำคอขาวถูกซุกไซร้อย่างหยาบคาย เขาพยายามจับมือหนาไม่ให้ปลดกระดุมเสื้อตัวเองได้
“อย่าดื้อสิครับ อยากให้ทำแรง ๆ นักหรือไง” กระซิบถาม แลบลิ้นเลียลงบนแก้มขาวเนียนที่เปื้อนน้ำตา
“อื้อออ หยุดนะ!!!” ใบหน้าสวยพยายามเบี่ยงหนีแต่ก็ถูกจับมาไว้ที่เดิม กระดุมเสื้อเริ่มถูกปลดออกช้า ๆ พร้อมกับลิ้นร้อนที่โลมเลียไล่ลงมาที่แผ่นอก
เมื่อเห็นว่าหมดทางสู้ก็หลับตาขยำปกเสื้อของอีกคนไว้แน่น ปล่อยน้ำตาแห่งความอัปยศให้ร่วงลงมา เขาเกลียดสัมผัสที่หยาบคาย รุนแรง และป่าเถื่อนแบบนี้
เขาเกลียดผู้ชายคนนี้ ผู้ชายที่ตัวเองเคยหลงรักจนหัวปักหัวปำ
ผู้ชายที่ชื่อจอง แดฮยอน
ไม่อยากจะรับรู้อะไรอีกแล้ว ...
“อุ่ย ... มาขัดจังหวะอะไรหรือเปล่า?” ร่างสองร่างที่ขอบอ่างล้างหน้าสะดุ้งสุดตัวเมื่อจู่ ๆ ก็มีเสียงของบุคคลที่สามแทรกขึ้นมา
เมื่อหันไปมองก็พบว่ามีชายหนุ่มร่างสูงโปร่งใบหน้าและเสื้อผ้าอาบไปด้วยเหงื่อยืนทำหน้าเจื่อนอยู่ที่ประตูห้องน้ำ
“อ่า ... คงมาขัดจังหวะอะไรจริง ๆ สินะไม่น่าถามเลยเนอะ ฮ่า ๆ” เขาหัวเราะออกมายกมือขึ้นเกาหัวอย่างเคอะเขิน “งั้น ... ฉันไม่กวนล่ะ ให้ล็อคประตูให้ไหม? นายสองคนลืมล็อคน่ะ เดี๋ยวจะมีคนอื่นมาเห็นเข้า”
“เอ่อ ...”
“เฮ้ย ๆ ไม่ต้องกลัวฉันไม่เอาเรื่องนี้ไปบอกใครหรอก รับรองจะเก็บเงียบเอาไว้เลย” เขาพูดต่อ “พวกนายสองคนต่อกันได้เลยนะ แต่ว่านายน่ะร้องเบา ๆ หน่อยก็ดีเสียงมันดังไปถึงข้างนอกเลย เดี๋ยวความจะแตกเอาว่านายสองคนกำลัง ... เอ่อ ... นั่นแหละ” พูดทิ้งท้ายไว้แค่นั้นพร้อมกับทำท่าเหมือนจะปิดประตูห้องน้ำลง
“เดี๋ยวก่อน!!!” เสียงหวานตะโกนเรียกลั่นห้องน้ำ จนคนที่แนบกายชิดกับตัวเองหันมามองตาเขียว แต่ร่างเล็กกลับจ้องตอบกลับไปไร้ซึ่งความกลัวต่างจากตอนแรก
บุคคลที่สามชะโงกหน้ากลับเข้ามาอีกครั้ง
“ฉันสองคนซ้อมละครกันเสร็จแล้ว เอ่อ ... งั้นฉันไปเล่นบาสพร้อมนายเลยก็แล้วกัน ถอยหน่อยสิแดฮยอน” คนตัวสูงผิวแทนถูกผลักออก ฮิมชานลงมาจากขอบอ่างก่อนจะเดินตรงไปหน้าห้องน้ำ
“เล่นบาส?” อีกฝ่ายดูจะตกใจไม่น้อยเพราะไม่เคยจำได้เลยสักครั้งว่าตัวเองไปนัดเล่นบาสกับคนตัวเล็กนี้ไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ก็เพิ่งจะเจอกันวันนี้ครั้งแรกในห้องเลกเชอร์แท้ ๆ แถมพูดกันนับคำได้จะเอาเวลาที่ไหนไปชวน
“อะไรกัน ... แค่นี้ก็ลืม ในห้องเมื่อกี๊ไงนายชวนฉันไปเล่นบาสด้วย” แสร้งเล่นละครไปตามบทที่ตัวเองแต่งขึ้น
“หา? อ่ะ ... เอ่อ ...”
“เอาเหอะน่า ... ไปกันได้แล้ว เดี๋ยวก็ไม่ได้เล่นกันพอดี” กำลังจะเดินออกจากห้องน้ำไปแต่ข้อมือกลับถูกรั้งไว้เสียก่อน
“พี่จะไปไหนไม่ได้ พี่ฮิมชาน”
“แดฮยอนปล่อยฉัน” ปัดมือหนาออก “นายไม่ต้องห่วงหรอก ... นายแสดงได้ดีแล้วล่ะ งานมันต้องออกมาดีแน่ ๆ เชื่อฉันสิ” รอยยิ้มบางปรากฏขึ้นบนใบหน้าสวย ...
รอยยิ้มของผู้ชนะ ...
มันเกือบทำให้จอง แดฮยอนโมโหจนลืมตัว แต่เมื่อเหลือบไปเห็นสายตาอยากรู้อยากเห็นของชายหนุ่มอีกคนก็ยั้งความโกรธเอาไว้แล้วยอมเล่นไปตามน้ำ
“ขอบคุณครับที่อุตส่าห์มาซ้อมให้ผม ขอโทษนะครับที่มันอาจจะรุนแรงไปบ้าง พอดีอินไปหน่อย” แกล้งกุมมือบางเอาไว้เบา ๆ พร้อมกับยิ้มให้
“อืม ... ไม่เป็นไร ฉันเข้าใจ”
“งั้น ... คราวหน้าหวังว่าเราจะได้มาซ้อมแบบนี้กันบ่อย ๆ นะครับ ...”
“อะ ... อืม ... ถ้าฉันว่างนะ”
“ไม่ต้องห่วงหรอกครับมันต้องมีโอกาสแบบนั้นอยู่แล้ว”
“งะ ... งั้นฉันไปนะ”
“ครับ ตามสบาย พี่เตรียมตัวรอผมได้เลย”
“อืม ...” ฮิมชานลอบกลืนน้ำลายลงคอ เขารู้ดีว่าที่แดฮยอนพูดนั้นหมายถึงอะไร มันเหมือนเป็นการเตือนว่าต่อแต่นี้ชีวิตของเขาจะอันตรายยิ่งขึ้น
เหมือนยืนอยู่บนสะพานเชือกเก่า ๆ ที่ด้านล่างเป็นเหวลึก หากก้าวพลาดแม้เพียงก้าวเดียวก็จะร่วงลงไปโดยไม่มีวันได้กลับขึ้นมาอีกครั้ง
“ไปกันเถอะ” รีบหันไปดึงแขนอีกคนให้เดินออกไปด้วยกัน ถึงก่อนหน้านี้จะไม่กล้าแตะตัวก็ตามแต่ตอนนี้ขอให้รอดไปจากเงื้อมมือของปีศาจร้ายตนนี้จะให้ทำอะไรก็ทำได้ทั้งนั้น
“เอ้อ ... โอเค ไปก่อนนะ” บอกลาก่อนจะยอมเดินตามแรงดึงไปแต่โดยดี
ฝ่ายแดฮยอนก็รอจนทั้งคู่หายลับไป
“แม่งเอ้ย!!!” ชกกระจกห้องน้ำอย่างแรงจนขึ้นเป็นรอยร้าวเกือบทั้งบาน ตอนนี้ความโมโหเข้าครอบงำจนลืมแม้กระทั่งความเจ็บปวด
“รู้จักคนอย่างจอง แดฮยอนน้อยไปแล้ว ... ครั้งหน้าพี่ไม่รอดแน่ ... ฮิมชาน”
…………………………………………………………………..
“แล้วนี่นายจะไปเล่นบาสกับฉันจริง ๆ หรอ” ชายหนุ่มที่ถูกลากมาถามขึ้นเมื่อเห็นว่าอีกคนไม่ยอมปล่อยตนเสียที
“...” ฮิมชานไม่ตอบแต่หันไปมองข้างหลังอยู่เป็นพัก ๆ ตั้งแต่เดินมา
“ตัวบาง ๆ แบบนี้จะเล่นไหวเหรอ พวกฉันเล่นกันโหดนะ เดี๋ยวแข้งขาหักไปจะ...”
“ฉันไม่ได้จะไปเล่นบาสกับนาย ขอบใจที่เออออยอมมากับฉัน” ร่างเล็กว่า ปล่อยแขนที่จับไว้
“เอ๊ะ!” ร่างสูงแปลกใจ “เออ ... ก็นั้นน่ะสิ ... ฉันก็ว่าฉันไปชวนนายตอนไหน” แต่แล้วก็พูดออกมาพร้อมกับขำเบา ๆ
“โอเค ... ถ้าเข้าใจก็ดีแล้ว งั้นฉันไปล่ะ” เขาตัดสินใจบอกลาเพราะเกรงว่าหากหยุดอยู่ตรงนี้นาน ๆ จะถูกตามตัวเจอเข้าเสียก่อน
“เฮ้ย เดี๋ยวสิ” ข้อมือถูกฉุดไว้อีกครั้งแต่สัมผัสที่ได้รับครั้งนี้มันอ่อนโยนต่างกับสัมผัสก่อนหน้า
เขาหันกลับมา รู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างถูกใส่เข้ามาในกระเป๋าเสื้อ
“ปากกานาย ... ฉันคืนให้” ยิ้มละมุนแต่งแต้มอยู่บนใบหน้าหล่อ ฮิมชานรู้สึกว่าใบหน้าของตัวเองเริ่มร้อนผ่าว รอยยิ้มที่เห็นมันทำให้ความกลัวมลายหายไปหมดสิ้น
“ขอบใจ”
“ปากนาย ...” เขยิบเข้ามาใกล้ เชยคางมนขึ้นมา นิ้วยาวแตะลงไปที่มุมปากข้างที่แดงช้ำ
“โอ๊ย!!!”
“ขอโทษ เจ็บหรอ?” รีบดึงมือออกมาด้วยความตกใจ
“เปล่า ... แค่ตกใจ”
“ทำไมถึงยอมให้เขาทำแบบนี้กับนาย ทำไมถึงไม่หาคนมาช่วย”
“นายรู้?” ดวงตาคู่สวยเบิกกว้าง เขาไม่คิดเลยว่าผู้ชายคนนี้จะรู้เรื่องราวของเขา
“ฉันได้ยินหมดแล้ว ตอนแรกว่าจะไม่เข้าไปยุ่งเพราะเห็นว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัวของนายสองคน ...” เขากล่าว ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่า แต่ฮิมชานเห็นสีหน้าเจ็บปวดที่เขาแสดงออกมา
คงจะคิดไปเอง ... เขาจะมาเจ็บปวดด้วยทำไม ในเมื่อยังไม่รู้จักกันเลยด้วยซ้ำ ...
“แต่พอได้ยินเสียงนายร้องก็เลยเข้าไป ... ไม่รู้ว่าทำไม ... แต่มือมันเปิดประตูเข้าไปก่อนที่สมองจะทันได้คิดอะไรเสียอีก”
“ทำไม?” ฮิมชานชั่งใจ เขาไม่คิดว่าผู้ชายคนนี้จะโกหกเพราะท่าทีที่แสดงและทุกถ้อยคำที่พูดออกมามันมีความจริงใจอยู่ในนั้น แต่ก็อย่างว่า ... มันอาจจะมีอะไรแอบแฝงอยู่ภายในก็ได้
จอง แดฮยอนเป็นคนสอนบทเรียนนี้ให้กับเขา ...
“ฉันไม่อยากได้ยินเสียงแบบนั้น ... ไม่ว่าจะกับใครก็ตาม ... ไม่ชอบเลย ... เสียงของความทุกข์ทรมาน ...”
“สรุป ... ที่มาช่วยก็เพราะเห็นแก่มนุษยธรรมสินะ” ยอมรับว่าเคืองนิดหน่อย แต่จะเอาอะไรกับคนที่ไม่รู้จักแม้กระทั่งชื่อ แค่เขาอุตส่าห์มาช่วยก็ดีเท่าไรแล้ว
“เฮ้ยไม่ใช่ ... ที่ช่วยเพราะอยากช่วยจริง ๆ”
“ก็ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย ต้องขอบใจด้วยซ้ำถ้าไม่ได้นายช่วยไว้ฉันจะเป็นไงบ้างก็ไม่รู้”
“นี่ประชดหรือเปล่าเนี่ย?” ชายหนุ่มถามเมื่อจับหางเสียงแกว่งได้
“เปล๊า!!!” ปฏิเสธเสียงสูง ทำให้ริมฝีปากหนาคลี่ยิ้มออกมา
“งั้น ...”
“เฮ้ย!!!” ฮิมชานร้องเมื่อโทรศัพท์มือถือของตัวเองถูกฉวยออกไปจากกระเป๋ากางเกง “เอาคืนมา!!! จะทำอะไร!!!”
“แป๊บนึงน่า” เขาพูด หันหลังไปกดโทรศัพท์เครื่องบางเฉียบ โดยที่เจ้าของของมันยืนโวยวายยื้อยุดฉุดกระชากอยู่ด้านหลัง “อ่ะ ... เสร็จแล้ว” ส่งคืนให้ ฮิมชานรีบรับมา ก่อนจะสไลด์หน้าจอตรวจดูความเรียบร้อย
“นายเอามันไปทำอะไร?”
“ไป ... เดี๋ยวไปส่งที่รถ”
“เดี๋ยวสิ! บอกมาก่อนว่านายเอาโทรศัพท์ฉันไปทำอะไร”
“เอาน่า ... เดี๋ยวก็รู้เองแหละ แล้วนี่ไม่กลับบ้านหรือไง เดี๋ยวแฟนเก่านายก็ตามมาเจออีกหรอก” คนหน้าสวยรีบหันซ้ายหันขวาดูวี่แววของผู้ที่ถูกเอ่ยถึงก่อนจะยอมพาชายหนุ่มไปที่ลานจอดรถ
…………………………………………………………………..
“นายส่งฉันแค่นี้แหละ”
“แน่ใจนะ”
“นี่ ... ถ้าฉันดูแลตัวเองไม่ได้คงไม่รอดมาเดินอยู่ได้แบบนี้หรอก ที่มันเกิดเรื่องขึ้นวันนี้ก็เพราะฉันประมาทไปหน่อยก็เท่านั้นเอง”
“งั้นก็ตามใจ”
“ขอบใจนะที่มาช่วยไว้”
“อืม ... รับโทรศัพท์ด้วยล่ะ”
“ห๊ะ ... อะไรนะ?”
“รับโทรศัพท์ด้วย ฉันไปล่ะ” ร่างสูงพูดแล้วหันหลังเดินกลับไป ทิ้งให้อีกคนยืนสงสัยกับประโยคเมื่อครู่ แต่ไม่ทันไรเรื่องทั้งหมดก็กระจ่างเมื่อเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น
บนหน้าจอปรากฏชื่อ ‘บัง ยงกุก’
ฮิมชานจำได้ว่าไม่เคยมีชื่อนี้อยู่ในเครื่อง ด้วยความอยากรู้จึงกดรับ
“ฮัลโหล”
(นี่เบอร์ฉัน ห้ามลบทิ้ง มีอะไรก็โทรมานะ)
“เฮ้ย!!!” สบถใส่โทรศัพท์ดังลั่น
(ฉันชื่อบัง ยงกุก ทีนี้เราก็รู้จักกันแล้วนะ ... ฮิมชาน)
ติ๊ด!
สิ้นสุดการสนทนา
ฮิมชานจ้องมองโทรศัพท์อึ้ง ๆ ก่อนจะค่อย ๆ ยิ้มออกมา
“บัง ยงกุกอย่างงั้นเหรอ ... ชื่อแปลกดีนี่”
…………………………………………………………………..
“หึ ... บัง ยงกุก” คนที่แอบฟังอยู่หลังเสาปูนต้นใหญ่พูดกับตัวเองหลังจากที่หนึ่งในคนที่สนทนากันอยู่เมื่อครู่นี้ขับรถออกไปแล้ว
“กล้าตบตาฉันแบบนี้ คงอยากจะลองดีกับฉันสินะ หาเรื่องเสียจริง”
ขายาวเดินทอดน่องไปตามทางเพื่อออกไปยังรถของตัวเองที่จอดไว้ด้านนอกมหาวิทยาลัย แต่พลันต้องหยุดลงเมื่อเห็นร่างหนึ่งในเครื่องแบบนักเรียนยืนอยู่กลางทางเดินลาดยาว
จากที่ค่อย ๆ เดิน ฝีเท้ากลับเร่งให้ไวขึ้น ก้าวไปจนถึงร่างเล็กนั้นแล้วกระชากแขนของอีกฝ่ายอย่างแรงจนเกือบเสียหลัก
“มาทำไม!!!” ตะโกนเสียงกร้าว
“วันนี้ผมเลิกเร็วเลยอยากมาหาพี่” เสียงใสตอบท่าทางหวาดกลัวเล็ก ๆ
“บอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่ามาที่นี่!!!” ร่างใหญ่กว่าโมโหบีบแขนเล็กแรงขึ้น ใบหน้าน่ารักนิ่วด้วยความเจ็บ เลื่อนมือขึ้นมาจับไว้
“พี่แดฮยอน ... ผมเจ็บ”
“เจ็บสิดี ... จะได้จำไว้สักทีว่าอย่าขัดคำสั่งฉันอีก ฉันไม่ชอบ!!!”
“ผมขอโทษ” เด็กน้อยส่งสายตาวิงวอน แต่นั่นมันก็ไม่ได้ทำให้แดฮยอนรู้สึกสงสารเลยสักนิด เขาชินชากับสายตาแบบนี้เสียแล้ว
“มานี่!!!”
“เข้าไปในรถ” ชายหนุ่มออกคำสั่งพร้อมกับกดรีโมตปลดล็อคประตูรถ ซึ่งเด็กหน้าหวานก็ยอมทำตามแต่โดยดี
ไม่นานนักประตูฝั่งคนขับก็ถูกเปิดออกพร้อมกับเจ้าของรถที่แทรกกายเข้ามานั่ง
“พี่แดฮยอน ทำอะไรครับ!!!” เสียงหวานร้องออกมาอย่างตกใจเพราะถูกโถมกายใส่โดยไม่ทันตั้งตัว
กระดุมเสื้อถูกปลดออก เสื้อนักเรียนสีขาวร่นลงเผยให้เห็นไหล่มนกลมเนียน ผิวกายถูกแต่งแต้มด้วยรอยสีชมพูที่เกิดจากริมฝีปากหนา ทั้ง ๆ ที่รอยเก่ายังไม่จางหายไป
“ฉันอารมณ์เสียมาทั้งวันแล้ว ... นายต้องทำให้ฉันมีความสุข” เลื่อนขึ้นไปดูดดุนลำคอขาว
“อ่ะ ... มะ ... ไม่ได้นะ”
“อย่าขัดคำสั่งฉัน ... ฉันไม่เคยสอนหรือไง” พูดทั้ง ๆ ที่กำลังพรมจูบไปทั่วแผ่นออกบาง
“ผมเปล่า ... แค่จะบอกว่า อ๊ะ! ทำตรงนี้ไม่ได้ ... เดี๋ยวมีคนมาเห็น โอ๊ย!!!” เด็กน้อยร้องลั่นเมื่อฟันคมกัดเข้าที่ลำคอ
“นี่จะเล่นตัว ... ว่างั้น?” แดฮยอนผละออกมา มองคนหน้าหวานนิ่ง
“ผมเปล่า ... แค่หมายความว่า ...”
“ทำแบบนี้ตัวนายมันก็ไม่ได้มีค่ามากขึ้นเลยรู้ไหม ...”
“...”
“นายน่ะมันเป็นได้แค่ของตายของฉัน ... ของตายที่ฉันจะหยิบมาเล่นเมื่อไหร่ก็ได้ จำใส่สมองทื่อ ๆ ของนายเอาไว้ซะ มุน จงออบ!!!” เขาตะโกน ผลักร่างเล็กกระแทกเข้ากับกระจกรถอย่างแรง
ร่างหนากลับมานั่งที่เดิมก่อนจะสตาร์ทเครื่องยนต์ แล้วเหยียบคันเร่งให้รถพุ่งทะยานออกไป ส่วนอีกฝ่ายก็ได้แต่นั่งก้มหน้าเงียบไม่พูดไม่จา
เขาไม่อยากพูดอะไร ... ถ้าพูดก็คงจะร้องไห้ออกมาให้อีกฝ่ายได้ดูถูกกันอีก สู้นั่งเงียบ ๆ แล้วเก็บความเจ็บปวดเอาไว้แบบนี้ดีกว่า
ตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกันมาแทบจะไม่มีวันไหนที่จะไม่ถูกพูดใส่ด้วยถ้อยคำร้ายกาจแบบนี้ ต่างจากวันแรกที่รู้จักกันลิบลับ
ไม่น่าเลย ... ไม่น่าถูกหลอกให้รักเลย ... หลายครั้งที่อยากจะหนีไปให้พ้น แต่สุดท้ายก็เป็นตัวเองที่ซมซานกลับมาหาผู้ชายใจร้ายคนนี้ ราวกับถูกล่ามไว้ด้วยโซ่ตรวนที่ไม่มีวันขาดออกจากกันไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ตาม
ไม่มีวันที่จะหนีไปได้ ...
และก็ไม่มีวันที่จะหยุดรักได้ด้วยเช่นกัน ...
…………………………………………………………………..
เข้าไปสกรีมในแท็ก
#IRememberBC
กันได้นะคะ
Theme by SQWEEZ THEME
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ไรท์เคยลงที่ไหนรึเปล่าคะ แต่เราลืมไปแล้ว งั้นอ่านใหม่ละกัน ไม่ได้อ่านแด้เมะมานานละ 5555
เกลียดมานนนนนนนนนนนนนนนนนนนน!!
รังควานพี่ฮิม แล้วยังทำร้ายจิตใจพี่ออบแบบนี้อีก สงสารพี่ออบอ่าาา ToT
ซักวันนึงแกจะรู้สึกอิแด้! ถ้าแกเสียคนที่รักแกมากไปแกจะรู้สึก! จำไว้ๆๆๆๆ!!
โอ้ยยยยย อินเกิน ขอโทษฮะ ;___;
แด้ทำไมแกเฬวขนาดนี้ㅠㅠ
เสียใจ อิแด้คนเฬว
เฮียละมุนมากๆอ่ะ
ออบบีต้องมาพัวพันกับแด้อย่างนี้มันต้องมีอะไรบางอย่างแน่ๆ
ของตายมันก็มีความรู้สึกนะแด้ TT
พี่แด้ทำไมทำกับหนูมุนอย่างนี้
...ติดตามอยู่นะคะ...
เฮียบังแสนดี
พี่แด้แม่ง....น่าหมั่นไส้ดีแท้ๆๆ 55555
สงสารหนูมึน
สู้ๆเน้อออ ไรท์
ติดตามยุค้าา
ฮืออออ แต่ชอบแนวนี้อ่า
ชอบเรื่องที่มีปมเยอะๆ
แล้วจากนั้น ก็ค่อยๆคลายทีละปม จนสุดท้าย
เราก็จะเข้าใจถึงเหตุผลของตัวละครแต่ละตัว
มันคงออกแนวจิตวิทยาหน่อยๆรึป่าวจ๊ะไรท์
เค้ามั่วนะ อิอิ
แต่ยังไงก็จะติดตามนะ
สู้ๆจ้า