ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : เขาวงกต(MAZE)
เขาวงกต
เสียงเคาะประตูลอกๆสีขาวขุ่นดังขึ้นเป็นจังหวะสาม สอง และหนึ่งครั้ง เด็กหนุ่มผู้ที่กำลังนอนหลับอยู่บนเตียงยู่ยี่สีเดียวกับประตูสะดุ้งตื่นขึ้น เขาเบิกตาโศกสีดำขุ่นมัวขึ้นและพาร่างขาวซีดและผอมสูงออกมาจากกองเสื้อผ้ายู่ยี่นั่น แล้วออกมาจากเตียงด้วยสีหน้าขุ่นมัว
ไอ้บ้านั่นมาทำอะไรตอนดึกดื่นตอนตีสามแบบนี้นะ เด็กหนุ่มคิดพลางสะบัดม่านออกไป ฝนที่ตกลงมาในมหานครกรุงเทพยังไม่สิ้นสุดลง และความมืดของกลางคืนที่ตอนนี้แสงไฟดับลงไปเพราะห่าฝนตกลงมา แล้วเขาก็เปลี่ยนไปมองดูตาแมวที่ประตูแทน ปรากฏร่างของชายสวมชุดคลุมกันฝนสีดำสนิทที่เปียกโชกจากศีรษะไปจนถึงเท้า กับรองเท้ายางกันฝนสีน้ำเงิน แต่สิ่งที่ปรากฏขึ้นในหมวกคลุมกันฝนคือใบหน้าผอมแต่แดงคล้ำอย่างคนที่กินบ้างไม่กินบ้างตามแต่อารมณ์ ปากขาวซีดเพราะความหนาวยิ้มน้อยๆเมื่อรู้ว่าใครมาเปิดประตูให้เขา
“เวรเอ๊ย” ชายหนุ่มสวมชุดคลุมกันฝนสบถออกมาเป็นอย่างแรก “นายกะจะให้ฉันหนาวตายเลยใช่ไหม ถึงจะมาสนใจไยดีน่ะครับ”
“โทษทีวะ แล้วแต่ พอดีกำลังนอนหลับน่ะ ว่าแต่นายมาทำอะไรดึกดื่นค่อนคืนแบบนี้กันล่ะ” เด็กหนุ่มผิวซีดถามขึ้นและหยิบเสื้อคลุมกันฝนออกมาตากพัดลมที่เพิ่งเปิด
“ฉันกะจะให้นายทำงานชิ้นหนึ่ง
อิง” แล้วแต่พูดตอบ อิงมองดูอย่างงงๆ ไม่ใช่เพราะงงคำพูดที่ดูเหมือนเป็นความขมขื่นของเขา นั่นก็ส่วนหนึ่ง อิงคิด แต่สิ่งที่เขายื่นออกมาด้วยมือขาวซีดและสั่นเทา ดุจว่าสิ่งที่เขายื่นออกมานั้นเป็นสิ่งที่เป็นเมือกลื่นๆสีดำที่น่าสะพรึงเกินกว่าจะแตะต้อง แต่สิ่งที่เขายื่นให้นั้นคือแผ่นดิสก์รูปวงกลมธรรมดาแผ่นหนึ่ง และมีสัญลักษณ์ขูดขีดอยู่บนแผ่น มีคำเขียนเอาไว้ว่า MAZE (เขาวงกต)
“นี่มันเกมเขาวงกตของแพค-แมนหรือไง เพื่อน” อิงถามอย่างสงสัย แต่สิ่งที่เขาพูดคงจะไม่ทำให้แล้วแต่อาการดีขึ้น ตรงกันข้าม ใบหน้าของเขากลับซีดลงและยัดใส่มือเขาดุจมันเป็นสิ่งที่น่ากลัว
“นี่ละ งานที่ฉันจะให้แกทำ” แล้วแต่พูดขึ้นและหันไปมองทางอื่น อิงมองดูคนที่โตกว่าด้วยความสงสัย จากการที่เขาสังเกตเพื่อนสนิทในการทำงานมานาน อิงพบว่าเขาไม่เคยรู้สึกเศร้าใจและขมขื่นเท่านี้มาก่อน
“มันคืออะไร
” อิงถามขึ้น แต่เมื่อแล้วแต่ไม่ตอบ เขาจึงไม่พูดอะไรอีก อิงเดินเข้าไปในเครื่องคอมพิวเตอร์ขนาดเล็ก แต่สิ่งที่ไม่เล็กเลยคือฮาร์ดแวร์ ซอฟท์แวร์ และสิ่งต่างๆมากมายที่มากพอที่จะทำให้เขาสามารถดาวน์โหลดข้อมูลสุดยอดของรัฐบาล และเก็บเกมส์ต่างๆจากต่างประเทศมาวิเคราะห์
เพราะเขาคือ
นักล้วงข้อมูล
“ฉันจะเปิดคอมพิวเตอร์ก่อนนะ นายต้องการอะไรหรือเปล่า” อิงถามขึ้นพลางขยับจะเดินไปที่ตู้เย็นเพื่อหยิบน้ำที่เด็กหนุ่มทำขึ้นเพื่อแก้อาการเบื่อหน่ายจากการหยุดทำงาน แต่แล้วแต่กลับพูดขึ้นว่า
“ไม่เอาหรอก ขอบใจนายมากนะ” เขาพูดขึ้น เด็กหนุ่มหดมือกลับไปและเดินเข้าไปในจอคอมพิวเตอร์ที่ตอนนี้แสดงภาพของเด็กสาวผู้ที่เล่นหนังโปรดของเขา
“นายยังดาวน์โหลดหนังโป๊ของเขาไม่เลิกละสินะ” แล้วแต่พูด ยิ้มออกมาเป็นครั้งแรกในสายตาของอิงในวันนี้
“มันเป็นธุรกิจน่ะเพื่อน” อิงพูดขึ้น ยักคิ้วอย่างกวนอารมณ์
เด็กหนุ่มผิวขาวซีดหยิบแผ่นดิสก์ออกมาอย่างเบามือและสอดนิ้วเข้าไปในรูกลางดิสก์นั้น เพื่อไม่ให้ดิสก์เสียหายจากรอยนิ้วมือของเขาเอง อิงหยิบดิสก์นั้นออกมา และใส่เข้าไปในเครื่อง
“ทีนี้นายจะบอกฉันได้หรือยังว่านี่มันเรื่องอะไรกันแน่” อิงถามขึ้นพลางมองดูดิสก์นั้นอย่างงุนงง
ชายหนุ่มผิวดำแดงกระตุกขึ้นมานิดหนึ่งด้วยความกลัว อิงรู้สึกว่านี่มันไม่ใช่เรื่องธรรมดาเสียแล้ว เพราะเขาไม่เคยกลัวอะไรแบบนี้มาก่อนเลย นอกจากความมืดในสมัยเด็กเท่านั้น
และเมื่อเสียงของเขาเปล่งออกมา ทุกพยางค์ของเขานั้นมีเพียงเสียงกระซิบที่ไม่ต่างจากลมหายใจ
“นายดาวน์โหลดข้อมูลเกี่ยวกับกรมตำรวจมาเยอะ แล้วตอนนี้มีข่าวอะไรที่รัฐบาลต้องการปกปิดบ้างล่ะ มันคือ
หนึ่งในนั้นละ”
อิงขมวดคิ้วบางสีดำสนิทอย่างสงสัย ข่าวที่เขาโหลดลงมานั้นมีข่าวหนึ่งที่ดูน่าสงสัยเป็นที่สุด ข่าวลือเรื่องเกมชนิดใหม่ที่ไม่ได้วางแผง แต่ส่งต่อๆกันไปเป็นทอดๆให้กับนักล้วงข้อมูลรุ่นแล้วรุ่นเล่า และส่วนใหญ่จะเป็นเด็กวัยรุ่นที่ต้องการเล่น แต่ปรากฏว่าคนเหล่านี้ต่างเสียชีวิตเพราะเส้นเลือดในสมองแตก หรือไม่ก็บ้านระเบิดจนพังไม่มีชิ้นดี และส่วนใหญ่แล้ว ข้อมูลต่างๆที่อยู่ข้างในนั้นจะหายวับไปกับตาจนหมด ก่อนที่คนที่เล่นอยู่จะถูกสังหารเป็นรายต่อไป แต่ไม่มีหลักฐานสักนิดเดียวว่ามันคือไวรัส เนื่องจากมันนั้นฉลาดกว่าตำรวจมาก เพราะคนที่ส่งต่อกันไปเป็นทอดๆนั้นคือคนที่เล่นเกมเอง และการส่งนั้นไม่ใช่ตัวไวรัสที่จับได้ด้วยข้อมูล แต่มันเป็นเกมเขาวงกตขนาดใหญ่ที่ผู้เล่นต้องหาทางออกให้เจอ
“หรือว่า
สิ่งที่นายมอบให้ฉันคือ
” อิงพูด อ้าปากค้างด้วยความตกใจสุดขีด
“อย่างที่นายเดานั่นละ” แล้วแต่พูดขึ้น แววตาที่ตามปกติมีความมั่นใจ บัดนี้ มันสั่นระริกด้วยประกายน้ำตา “ตอนนี้มันถูกส่งมาหาฉันแล้ว และน้องชายวัยสิบขวบของฉันก็เล่นเขาวงกตนี่จากหน้าจอด้วยความอยากรู้อยากเห็น จนกระทั่ง
” เขาหยุดพูด ก่อนที่จะชี้นิ้วสั่นๆไปที่กล่องดิสก์ที่เขาเอามาด้วย “นายลองดูขอบดิสก์ที่แตกร้าวสิ”
เขามองดูมัน จริงด้วย ขอบดิสก์ทที่ตอนนี้เแตกกระจายเป็นมุมเดียวนั้นมีรอยไหม้และกลิ่นคอมพิวเตอร์ที่ระเบิดออก
“น้องชายของฉัน
เล่นเขาวงกตไม่สำเร็จ จึงต้องส่งข้อมูลออกไปทางอี-เมล์ ก่อนที่มันจะทำลายล้างข้อมูลต่างๆของตำรวจที่ฉันมีอยู่ไปจนเกลี้ยง
แล้ว
แล้ว
” เสียงของเขายิ่งสั่นมากกว่าเดิมจนเกือบๆจะกลายเป็นเสียงสะอื้น น้ำตาของเขาเริ่มหลั่งรินอออกมาจากการสูญเสีย อิงรู้สึกเห็นใจเขาอย่างมาก เพราะแล้วแต่เป็นคนที่มีบุญคุณกับเขา ที่ไม่จับเขาส่งตำรวจ ฐานล้วงข้อมูลของตำรวจไป และกลายมาเป็นเพื่อนเขาเพราะเขาล้วงเอาความลับจากโจรขายยาบ้ามาได้สำเร็จ
“นายไม่ต้องกลัวหรอกนะ” อิงพูดขึ้น หลังจากที่แล้วแต่หายจากอาการสะอื้นและมองดูตนเองจากตาที่มีประกายน้ำตาออกมา “เราจะไม่ทำให้การสูญเสียของน้องชายต้องสูญเปล่า”
“ขอบใจนะ นายนี่ดีกับฉันจริงๆ” แล้วแต่พูดขึ้น ก่อนที่เครื่องจะส่งเสียงตี๊ดๆออกมาเพื่อบอกว่าดาวน์โหลดเกมเขาวงกตเรียบร้อยแล้ว
“แล้วนายจะให้ฉันทำอะไรกับมันล่ะ” อิงพึมพำออกมา เมื่อหน้าจอปรากฏเป็นข้อมูลเกมในแผ่นแล้ว และตอนนี้มียมทูตตนหนึ่งกำลังแสดงเครื่องหมายคำพูดว่า
“ถ้าท่านไม่เล่นภายในสิบวินาที เกมจะทำลายตัวเองลง แต่ถ้าเล่น ท่านจะได้พบกับความหฤหรรษ์ที่ไม่เคยมีมาก่อน”
เด็กหนุ่มพึมพำออกมาอย่างยินดีว่า
“ขอตรวจสอบอแกน่ะ ไม่ต้องใช้สิบวินาทีหรอกเว้ย” เด็กหนุ่มพึมพำออกมา ก่อนที่จะตัดสินใจใส่คำสั่งให้คอมพิวเตอร์ส่งข้อมูลเกี่ยวกับไวรัสของเกมนี้มาให้ภายในสิบวินาที แต่ปรากฏว่า ไม่มีไวรัสหรือหนอนหรือสิ่งมีชีวิตนอกระบบใดๆเล็ดลอดออกมาจากเครื่องเลยแม้แต่ตัวเดียว
“ไม่มีประโยชน์” แล้วแต่พึมพำออกมา “ฉันลองทุกวิธีที่จะดึงไวรัสออกมาในตอนแรก และเครื่องของฉันมันแย่กว่านายเสียอีก นายคงจะจำได้ แต่ไม่มีไวรัสออกมาจากเครื่องเลย
”
“ถ้าอย่างนั้นก็เหลือวิธีเดียว คือเล่นให้จบ เราจะได้รู้ว่าไวรัสนี้คืออะไร” อิงพึมพำออกมา ก่อนที่จะกดเริ่มเล่นเกมในขณะที่ขีดของเวลานั้นเหลือเพียงแค่คืบเดียว
และปรากฏว่าภาพของเกมนั้นสวยมากทีเดียว เป็นภาพสามมิติของเกมเขาวงกตขนาดใหญ่ แต่มีเพียงแผนที่เขาวงกตขนาดใหญ่เท่านั้นที่จะบ่งบอกว่าทางที่เขาจะไปนั้นถูกทิศหรือไม่
และมีเพียงกำแพงตรงหน้านี้เท่านั้นที่จะขวางกั้นไม่ให้เขาเริ่มเกม
“ไปล่ะนะ” อิงพูดขึ้น ก่อนที่จะเลื่อนเมาส์อย่างเงอะงะเพราะมือของเขาขยับไม่ค่อยได้ดั่งใจ แต่แค่เลื่อนเมาส์เท่านั้น ภาพก็เคลื่อนไหวอย่างเป็นระเบียบ ดุจว่ามันไม่ใช่เครื่องมือสำหรับการทำลายล้าง แต่เป็นเกมธรรมดาที่สนุกมากทีเดียว
ตลอดเวลานั้น อิงเคลื่อนเมาส์ไปรอบๆบริเวณเขาวงกตไวรัสนั้น แต่ยิ่งเคลื่อนไปเท่าไร
ไม่รู้เขาคิดไปเองหรือเปล่านะ ถึงรู้สึกว่ามือของเขาเย็นเฉียบ และศีรษะของเขาตึงเปรี๊ยะอยู่ตลอดเวลา เป็นเพราะเขารู้ว่าสิ่งนี้ฆ่าน้องชายของเพื่อนหรือเปล่านะ ถึงได้รู้ว่าสิ่งนี้คือไวรัส มันทำให้เขารู้สึกตึงเครียดยิ่งนัก แต่อิงพยายามไม่ใส่ใจ และยิ้มให้กับแล้วแต่ขณะที่เลื่อนเมาส์ไปเรื่อยๆ
อีกสิบนาทีก็จะได้เวลาที่ไวรัสจะทำงาน อิงพยายามผ่านกำแพงหนาที่ทับซ้อนกันกลายเป็นเขาวงกตอย่างตั้งอกตั้งใจ จนกระทั่งเขาเห็นอะไรบางอย่างภายใต้กำแพงนั้น ปรากฏว่าเป็นรูสีดำสนิทที่อยู่ในเขาวงกต แปลว่า พวกเขามาถึงทางออกแล้วละสินะ!!
“เรียบร้อยเสียทีนะ” อิงพูดขึ้น ในขณะที่แล้วแต่มีอาการยิ้มบิดเบี้ยวเอาไว้ อิงเลื่อนเมาส์ไปที่ทางออกสีดำนั้น มันเลื่อนเข้าไปทันที
จู่ๆเครื่องคอมพิวเตอร์ก็ดับลงด้วยสาเหตุอะไรบางอย่างไม่อาจทราบได้ อิงมีสีหน้าตกใจสุดขีดแล้วรีบมองดูเมนคอมพิวเตอร์ ก่อนที่จะพบด้วยความโล่งใจว่าเครื่องนั้นกำลังรีเซตตัวเองใหม่อีกครั้ง
“แหม มันมีไวรัสแบบหนอนจริงๆเสียด้วย” อิงพูดพลางยิ้ม “แต่เครื่องกำลังรีเซตใหม่ เราหวังว่าไวรัสนี้จะถูกทำลายไปพร้อมกันนะ”
“นั่นสินะ” แล้วแต่พูดขึ้น สีหน้าของเขากระตุกอย่างไร้สาเหตุ
แต่ปรากฏว่าไม่มีรูปของเด็กสาวดาราเหมือนอย่างเคย กลับปรากฏภาพของเขาวงกตอีกครั้งหนึ่ง และภาพของตัวยมทูตนั้นปรากฏขึ้นอีกครั้ง และคราวนี้ มันชี้นิ้วเล็กๆมาทางเขาและผงกหัวไปมา เป็นท่าทางของคนที่หัวเราะเยาะหยัน
“นี่มันเรื่องอะไรกัน” อิงถามอย่างสงสัยและหันมาจ้องมองแล้วแต่ที่ใบหน้าของเขาสั่นระริกอีกครั้งหนึ่ง ดวงตาของเขามีหยาดน้ำปริ่มออกมา
ก่อนที่เจ้ายมทูตตัวเล็กจะชี้นิ้วมาทางเขา และแสดงเครื่องหมายคำพูดว่า
“แกไม่มีทางเอาชนะฉัน และแกจะต้องตายอย่างน่าทุเรศ โดยปลิดชีพให้กับความอยากรู้อยากเห็นของแกและเป็นเครื่องสังเวยให้กับความอยากรู้อยากเห็นของเพื่อนแกเช่นกัน”
(ทำไมมันถึงรู้เรื่องที่เพื่อนเอาดิสก์ไวรัสมาให้กับเราล่ะ
ทำไมมันถึงทำลายเครื่องคอมและฆ่าคนราวกับมีสมอง)
“ฉันไม่ใช่ไวรัสหรอก ถึงแม้ว่าฉันเป็นส่วนหนึ่งของไวรัสก็ตามที” ยมทูตพูดขึ้นพลางเอียงคอที่มีผ้าคลุมเล็กๆขึ้นดุจรู้ดีทุกอย่าง
“หรือว่า
แก
เป็น” อิงพูดขึ้นอย่างตกใจสุดขีด และหันไปมองแล้วแต่พร้อมกับพูดอย่างเร่งร้อนว่า
“รีบหนีไป มันเป็นเอไอไวรัส” เด็กหนุ่มพูดขึ้น แต่ก่อนที่จะพูดประโยคถัดไป เกิดเสียงตี๊ดๆของเครื่องคอมขึ้นมา และเกิดขีดของการดาวน์โหลดขึ้นมาที่เท้าของยมทูตตัวเล็กนั้น
แต่อิงรู้ดีว่ามันกำลังทำลายข้อมูลทุกอย่างที่เขามีอยู่ และทำลายเครื่องคอมพิวเตอร์ ก่อนที่จะทำลายพวกเขาเป็นรายต่อไป
“มันคืออะไร” แล้วแต่ถาม สีหน้าตกใจสุดขีด
“มันเป็นสิ่งที่นักคอมพิวเตอร์คิดขึ้นมา” อิงพูดอย่างหวาดกลัว ใบหน้าของเขาที่ตามปกติก็ซีดอยู่แล้ว ยิ่งซีดขึ้นมาอีกจนกลายเป็นกระดาษดีๆนี่เอง “เอไอไวรัสเป็นสิ่งที่ไม่ใช่ไวรัส แต่เป็นสมองของมนุษย์ที่ถูกจำลองขึ้นมา และคิดแทนนักคอมพิวเตอร์ที่ตอนนี้กำลังเหลือน้อยเต็มที ถือว่ามันคือนวัตกรรมใหม่ของนักวิทยาศาสตร์ที่คิดแทนผู้อื่นเลยทีเดียว” อิงพูดขึ้นพลางมองดูคอมพิวเตอร์
“เอไอไวรัสถือกำเนิดขึ้นเพื่อทำลายไวรัสทั่วโลกที่ตอนนี้เริ่มร้ายกาจมากขึ้นจนนักคอมพิวเตอร์ไม่สามารถควบคุมมันได้อีกแล้ว ดังนั้น พวกเขาจึงสร้างปัญญาประดิษฐ์ที่แฝงยาต้านไวรัสทำลายเอาไว้ในเครื่องของแต่ละคน มันจะวิเคราะห์ออกมาว่าไวรัสชนิดนี้คืออะไร และทำลายมันทิ้งก่อนที่ไวรัสจะทำลายเครื่อง มันมียาต้านไวรัสหนอน และไวรัสคอมพิวเตอร์ทุกอย่างเอาไว้ในเครื่องเดียวกัน” อิงอธิบายต่อ “แต่ฉันไม่เข้าใจเลยว่า ทำไมเอไอไวรัสถึงถูกส่งต่อให้นักล้วงข้อมูล และทำลายคนที่ใช้มัน แทนที่จะปกป้องเครื่องของคนอื่นๆเอาไว้”
“มันไม่ได้ปกป้องคนอื่นๆอีกต่อไปแล้ว เพราะมีคนๆหนึ่งที่ขโมยเอไอไวรัสไป แต่ฉันไม่รู้ว่าเป็นใคร” แล้วแต่ตอบ
“เราต้องนำแรมไปให้ตำรวจดู ไม่อย่างนั้น เราอาจจะไม่มีหลักฐานอะไรหลงเหลืออยู่อีกก็เป็นไปได้นะ” ชายหนุ่มตอบ ก่อนที่จะเดินออกไปเพื่อเอาดิสก์ออกมา แต่หน้าจอคอมพิวเตอร์เกิดเสียงตี๊ด
ขึ้นมาอย่างกะทันหัน และภาพของจอคอมก็เริ่มบิด จากน้อยๆก็เริ่มบิดมากขึ้น จนกลายเป็นภาพบิดๆเบี้ยวๆที่ดูไม่ชัดเจน ไม่รู้ว่าทำไม แต่ภาพที่เคลื่อนไหวนี้ทำให้แล้วแต่เกิดอาการทรุดและกุมศีรษะด้วยความเจ็บปวด แต่เสียงที่เขาเปล่งออกมานั้นมีเพียงเสียงแหบพร่าเท่านั้น อิงพุ่งพรวดออกไปและคว้าไม้หน้าสามออกมาเพื่อที่จะตีทั้งหน้าจอคอม และทำลายเครื่องทิ้ง แต่แล้วแต่กลับคว้าแขนของเขาเอาไว้ และพึมพำว่า
“นาย
อย่า
ทำลาย
มันนะ” แล้วแต่พูดขึ้น “มันเป็นหลักฐาน
”
“นายอย่าบ้าน่า เราต้องทำลายไวรัสนี้นะ” อิงพูดขึ้น “เรามีหลักฐานมากพอดูอยู่แล้วล่ะ ก็เรารอดชีวิตอย่างไรล่ะ เราจะได้กลับไปเล่าให้พวกตำรวจฟังได้
”
“เรา
จะ
ต้อง
เอา
หลักฐาน
ไป” แล้วแต่พึมพำเสียงเบา ก่อนที่จะทรุดลง และล้มลงหัวฟาดพื้นในทันที เลือดไหลกระจายออกมาจากปากและจมูกอย่างแรง
“บ้าชิบ” เด็กหนุ่มร้องลั่น ก่อนที่เขาจะจ้องมองหน้าจอคอมด้วยความเจ็บปวด แต่สิ่งที่มองกลับทำให้เขารู้สึกจี๊ดตรงบริเวณกระหม่อมอย่างแรง ภาพนั้นคงจะมีผลกับเขาแล้วละกระมัง
“เราต้อง
ทำลาย
หน้าจอคอม
ให้ได้
” อิงพูดขึ้น แต่แขนของเขานั้นรู้สึกอ่อนแรงมากขึ้นจนไม้หน้าสามหลุดผลัวะออกมาจากมือ เขาทรุดตัวลงและล้มลงอีกคนหนึ่ง แต่ครานี้ เขากดรีเซตเครื่องอีกครั้งหนึ่งโดยบังเอิญ ก่อนที่จะสลบไป
“เธอฟื้นแล้วสินะ”
เด็กสาวคนหนึ่งที่อยู่ใกล้กับอิงร้องขึ้นเมื่อเขาค่อยๆขยับเปลือกตาโศกสีดำอย่างช้าๆ ก่อนที่เขาจะรู้สึกตัวขึ้นมา เด็กหนุ่มเห็นภาพของเด็กสาวผมยาวสีดำ และใบหน้ากลมกำลังจ้องมองเขาด้วยนัยน์ตาสีดำ
“เกิดอะไรขึ้นนี่” อิงถามพลางลุกขึ้น แต่ก่อนที่จะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เขาลุกพรวดขึ้นมาและร้องลั่นว่า
“แล้วแต่อยู่ที่ไหนหรือครับ เจ” อิงถามขึ้นด้วยความสงสัย
เจได้ยินคำถามนั้นแล้วรู้สึกร้อนผ่าวที่ดวงตาขึ้นมาเฉยๆ ดวงตาของเธอนั้นแสบร้อนด้วยน้ำตา และเธอเบือนหน้าหนีไปทางอื่นอย่างรวดเร็ว
“เกิดอะไรขึ้นหรือ เจ” อิงถาม
“แล้วแต่ตายแล้วจ้ะ อิง เขาเส้นเลือดในสมองแตก และตายก่อนที่จะส่งโรงพยาบาลทันเวลา แล้วหมอเขาบอกว่า
บอกว่า
” เจไม่อาจพูดอะไรได้อีกแล้ว อิงเอามือที่ยังเจ็บอยู่สวมกอดร่างบางของเจเอาไว้ ก่อนที่จะตบไหล่ของเธออย่างปลอบโยน ปากของเขาพูดขึ้นว่า “ผมรู้ๆ”
“พอเธอหายดีแล้ว เธอต้องไปที่สถานีตำรวจนะ เขาได้หลักฐานจากแรมที่ถูกรีเซตขึ้นมา มันมีเอไอไวรัส พวกเขาจึงต้องการหาวิธีแก้ เธอต้องไปนะ เรื่องราวมันจะได้จบลงเสียที”
เด็กหนุ่มยิ้มน้อยๆอวดฟันขาวออกมา และนั่นทำให้เขาดูเหมือนไม่เคยถูกเอไอไวรัสเล่นงานมาก่อน เขาพูดขึ้นว่า
“ตกลง
”
ก่อนที่เจจะยิ้มให้เขาด้วยความจริงใจ และเดินออกไปจากห้อง ทิ้งให้ผมมองดูที่นอกหน้าต่างและพบกับผู้ชายคนหนึ่งกำลังบ่นหัวเสีย เพราะเครื่องของเขาเกิดแฮงค์ขึ้นมาเฉยๆ เด็กหนุ่มเริ่มมีสีหน้าเศร้าขึ้นมาอย่างกะทันหัน แล้วเขาคิดว่า
มันไม่มีทางที่เรื่องนี้จะจบลงอย่างสวยหรูแน่นอน
ตราบใดที่มนุษย์ไม่หยุดคิดประดิษฐ์สิ่งใหม่ๆและพยายามหาทางแก้ในสิ่งที่ผิดให้เป็นถูก
อันตรายที่เกิดจากเทคโนโลยีของมนุษย์นั้นก็อาจจะทำอันตรายให้กับมนุษย์ได้ทุกเมื่อ หากมนุษย์ขาดจิตสำนึกที่จะแก้ไขมัน
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น